สาระน่ารู้ประจำวันที่ 02 พฤษภาคม 2568

Branded Residencesเขย่าคอนโดหรู สร้างมูลค่าเพิ่มตอบโจทย์เศรษฐี

“Branded Residences”เขย่าตลาดคอนโดหรูหนึ่งในกลยุทธ์สร้างมูลค่าเพิ่ม25–30% ตอบโจทย์เศรษฐีรุ่นใหม่ทั่วโลก

ในยุคที่คนรุ่นใหม่ระดับไฮเอนด์ให้ความสำคัญกับ “คุณภาพชีวิต” มากกว่าเพียงแค่ “ที่อยู่อาศัย” แนวคิด “Branded Residences” จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไปสู่ยุคที่ แบรนด์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนที่ “ลงทุนได้ และส่งต่อได้”

หนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าจับตามองคือ “The Residences at Dusit Central Park” โดยกลุ่มดุสิตธานี ซึ่งนำจุดแข็งจากรากฐานโรงแรมระดับโลก สู่การสร้างที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ที่มากกว่าคำว่า “อยู่”

หากมองย้อนกลับไปในอดีต แนวคิดของการอยู่อาศัยที่มีบริการระดับโรงแรม เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบ ๆ ในนิวยอร์ก ยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟูปี 1927 กับโครงการอพาร์ตเมนต์หรู “The Sherry Netherland” ที่นำนิยามของความหรูหราผสานเข้ากับระบบการบริหารจัดการแบบโรงแรมระดับสูง กลายเป็นต้นแบบของแนวคิด “Branded Residences” ที่ทั่วโลกให้การยอมรับจนถึงปัจจุบัน


 รายงานของ CBRE Global ระบุว่า Branded Residences คือหนึ่งในกลยุทธ์ที่สามารถเพิ่ม “มูลค่า” ให้โครงการได้ถึง 25–30% ไม่ใช่แค่ในเชิงการตลาด แต่ยังสะท้อนถึงความต้องการของผู้บริโภคระดับบนที่มองหาที่พักอาศัยซึ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์ หรูหรา และมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ตลาด Branded Residences เติบโตสูงถึง 36% ตามมาด้วยอเมริกา (46%) และยุโรป–ตะวันออกกลาง (77%) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความต้องการ “สินทรัพย์ที่สะท้อนตัวตน” มากขึ้นเรื่อย ๆ ในหมู่เศรษฐีรุ่นใหม่ทั่วโลก

 ไทยในสมรภูมิอสังหาฯแบรนด์โลก

ประเทศไทยเริ่มปรากฏชื่อในแผนที่ Branded Residences อย่างเด่นชัดเมื่อกลุ่ม “ดุสิตธานี” ผู้พัฒนาโรงแรมไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลก นำแนวคิด “Gracious Hospitality” มาแปรรูปสู่ที่อยู่อาศัยภายใต้โครงการ The Residences at Dusit Central Park บนทำเล Super Core CBD ใจกลางพระราม 4 – สีลม

โครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ โฉมใหม่ และมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ระดับเวิลด์คลาส สะท้อนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มุ่งสร้าง “คุณค่าร่วม” ทั้งด้านการลงทุน ไลฟ์สไตล์ และวัฒนธรรม

แบ่งการอยู่อาศัยออกเป็น 2 แนวคิดหลัก

Dusit Residences: แนว Classic Luxury เน้นความละเมียดละไม สุขุมหรูหรา

Dusit Parkside: แนว Lifestyle Luxury ที่สะท้อนชีวิตคนเมืองรุ่นใหม่ที่มีสีสัน

ทั้ง2แนวคิดถูกออกแบบด้วยรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมและวัสดุระดับไฮเอนด์ พร้อมเทคโนโลยีอากาศสะอาด และระบบกระจกสูง Double Ceiling ที่รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่

 บริการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับเวิลด์คลาส

จุดแข็งของโครงการอยู่ที่การผนวก “บริการโรงแรม” เข้ากับชีวิตประจำวัน เช่น Concierge Service 24 ชม.,แม่บ้านทำความสะอาด ,เปลี่ยนผ้าปูเตียง,Room Service และ In-residence Dining Wellness Centre, Co-working Space และ Sky Kitchen สำหรับจัดเลี้ยง
รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Command Center และ สิทธิพิเศษจาก Dusit Elite Program ที่เปิดให้เจ้าของเรสซิเดนซ์เข้าถึงบริการโรงแรมในเครือทั่วโลก

ทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อกลุ่ม High-net-worth individuals (HNWI) ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ต้องการครอบครองอสังหาฯ ไม่ใช่เพียงเพื่ออยู่…แต่เพื่อสร้าง สินทรัพย์เชิงอัตลักษณ์ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และมีศักยภาพในอนาคต

REIC คาดการณ์ว่าภาคที่อยู่อาศัยในไทยจะเติบโตขึ้น 3.0% ในปี 2568 จากแรงหนุนของนักท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่ CBRE Thailand รายงานว่าในปี 2567 Branded Residences ในระดับ “ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่” มียอดขายสูงถึง 90% และให้ Yield สูงถึง 7.9% ต่อปีท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตเมืองและโลกการลงทุน “Branded Residences” จึงไม่ใช่เพียงที่อยู่อาศัยในฝัน แต่คือ กลยุทธ์ลงทุนใหม่ของคนที่ต้องการ ‘ที่อยู่’ ที่สะท้อนตัวตน

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


‘พฤกษา’ชูโมเดลอยู่ก่อน ผ่อนทีหลัง ทางลัดคนอยากมีคอนโด

“PRUKSA PASS” ทางลัดคนอยากมีคอนโด รับมือยุคสินเชื่อหิน ด้วยโมเดล “อยู่ก่อน ผ่อนทีหลัง” รับกลุ่มคนรุ่นใหม่และอาชีพอิสระก้าวข้ามอุปสรรค

ท่ามกลางภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นและมาตรการสินเชื่อที่เข้มงวด หลายคนอาจมี “ความสามารถในการผ่อน” แต่ขาด “คุณสมบัติในการกู้”แคมเปญ “PRUKSA PASS” โดยพฤกษา เรียลเอสเตท จึงถูกนำกลับมาอีกครั้ง ในฐานะ “ทางลัดใหม่” สำหรับคนอยากมีคอนโด
โมเดล “อยู่ก่อน ผ่อนทีหลัง” กำลังกลายเป็นกลยุทธ์เชิงรุกของตลาดอสังหาฯ เพื่อพาคนรุ่นใหม่และอาชีพอิสระก้าวข้ามด่านดอกเบี้ยและเอกสารกู้ที่เป็นอุปสรรคให้ได้ “จับต้องชีวิตในเมือง” อย่างแท้จริง

จากวิกฤตค่าครองชีพจนถึงการเข้มงวดของสถาบันการเงิน การเข้าถึงที่อยู่อาศัยในเมืองกลายเป็นความท้าทายของคนรุ่นใหม่ในทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นฟรีแลนซ์ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือแม้แต่พนักงานเริ่มงานที่ยัง “ไม่ผ่านโปร”

แม้จะมีศักยภาพในการผ่อนจ่าย แต่ด้วยเงื่อนไขสินเชื่อของธนาคารที่เข้มข้นขึ้น ทำให้คนกลุ่มนี้ถูก “กันออก” จากระบบสินเชื่อในทันทีในช่วงเวลาที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ต้องการแรงขับเคลื่อนใหม่ พฤกษา เลือกที่จะ “กลับมาเล่นเกมเชิงรุก” ด้วยแคมเปญ PRUKSA PASS ผ่านง่าย ๆ ย้ายเข้าเลย ที่เปลี่ยนกระบวนท่าจาก “ขายก่อนกู้ทีหลัง” เป็น “ย้ายเข้าก่อน วางแผนการเงินทีหลัง”

อยู่ก่อน ผ่อนตรง 1 ปี ไม่ต้องพึ่งธนาคารทันที

หัวใจของแคมเปญ PRUKSA PASS คือการเปิดโอกาสให้ลูกค้าเซ็นสัญญาและย้ายเข้าอยู่คอนโดได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติสินเชื่อในช่วงแรก เพียงผ่อนชำระรายเดือนกับทางโครงการโดยตรงเป็นเวลา 12 เดือน ซึ่งยอดผ่อนนี้จะสามารถนำไปใช้ลดวงเงินกู้ ณ วันยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารในปีถัดไปได้อีกด้วย

นอกจากจะไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ค่าจอดรถ หรือค่าธรรมเนียมแฝงตลอดอายุสัญญาแล้ว ยังมีการตกแต่งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมเข้าอยู่ในบางยูนิตอีกด้วยทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อให้ “ลูกค้าได้เวลา” ในการวางแผนการเงินจริงจัง และเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อผ่านในระยะยาว

5 ทำเลทอง เจาะกลุ่มคนเมืองที่พร้อมเดินหน้า

แคมเปญนี้ครอบคลุมโครงการคอนโด 5 แห่งบนทำเลศักยภาพ ได้แก่

Plum Condo แจ้งวัฒนะ – ดอนเมือง

Plum Condo พระราม 2

The Privacy Parc Taopoon

Chapter One Spark Charan

Chapter One All รามอินทรา

ราคาเริ่มต้นที่ 1.59 ล้านบาท พร้อมสิทธิพิเศษที่ลดต้นทุนให้ลูกค้าอย่างมีนัยสำคัญ

นโยบายเปิดทางให้คนรุ่นใหม่มีบ้าน…ได้จริง

นายภัคริน ทัตติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่านี่คือการเปิดประตูสู่โอกาสให้กับกลุ่มที่มีศักยภาพแต่ขาดจังหวะทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของกิจการ คนทำงานฟรีแลนซ์ หรือแม้แต่พนักงานใหม่ แคมเปญ PRUKSA PASS คือโซลูชันที่ช่วยให้พวกเขาก้าวข้ามข้อจำกัดด้านเอกสารหรือภาระหนี้เดิมได้อย่างเป็นรูปธรรม

ในเชิงกลยุทธ์ แคมเปญนี้ยังนับเป็น “เครื่องมือทางตลาด” ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายในภาวะที่ตลาดอสังหาฯ อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุคดอกเบี้ยต่ำสู่ยุคเงินตึงมือ

อสังหาฯ โมเดลใหม่ ต้องยืดหยุ่นและเข้าใจ “คนซื้อจริง”

PRUKSA PASS คือกรณีศึกษาของการปรับตัวเชิงนโยบายที่ไม่ได้เน้นเพียงโปรโมชั่นระยะสั้น แต่เป็นการออกแบบโมเดล “การอยู่อาศัยเชิงรุก” ที่ตั้งอยู่บนความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง

นี่คือบทพิสูจน์ว่า ตลาดอสังหาฯ ในยุคหลังโควิด ไม่ได้ต้องการเพียงแค่ห้องสวย หรือราคาถูก — แต่ต้องการ “ความกล้าคิดแบบใหม่” ที่ทำให้คนไทยเข้าถึงบ้านหลังแรกได้จริง โดยเฉพาะในกลุ่มที่เคยถูกมองข้าม

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 2พ.ค.”อ่อนค่าลง” ที่ระดับ 33.57 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways หากราคาทองคำสามารถรีบาวด์สูงขึ้นต่อได้อาจช่วยชะลอการอ่อนค่า มองกรอบในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.75 บาท/ดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 2พ.ค.2568ที่ระดับ  33.57 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”
จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.41 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันที่ 30 เมษายน)
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย 

โดยเงินบาทอาจแกว่งตัวแถวโซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ ในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว เรามองว่า เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนบ้าง จากการทยอยรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งหากราคาทองคำสามารถรีบาวด์สูงขึ้นต่อได้ ก็อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท 

นอกจากนี้ บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม อาจหนุนให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทยเพิ่มเติมได้

อย่างไรก็ดี ตราบใดที่เงินดอลลาร์ยังมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น ท่ามกลางภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน และความกังวลต่อนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มทยอยคลี่คลายลง ก็อาจยังคงกดดันให้เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าลงต่อได้ไม่ยาก อีกทั้งในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้

เรามองว่า เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม จากโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติ ทำให้เงินบาทจะกลับไปแข็งค่าเข้าใกล้โซน 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้อีกครั้งนั้น อาจต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แย่ลงกว่าคาดชัดเจน รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าที่กลับมาตึงเครียดมากขึ้น จนหนุนให้ ตลาดปิดรับความเสี่ยงและผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะเข้าถือทองคำ รวมถึงเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย 

ทั้งนี้ เราขอเน้นย้ำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ โดยสถิติในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาสะท้อนว่า  เงินบาท (USDTHB) อาจมีกรอบการแกว่งตัว +/-1 SD ราว +0.58%/-0.31% ในช่วงหลังตลาดรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว 30 นาที

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.35-33.75 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ)

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา รวมถึงช่วงวันหยุด 1 พฤษภาคม เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลง (แกว่งตัวในกรอบ 33.28-33.65 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ท่ามกลางความหวังว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้าจะมีความคืบหน้ามากขึ้น นอกจากนี้ รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส ก็มีส่วนหนุนบรรยากาศในตลาดการเงิน และนอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เงินดอลลาร์ยังได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก อย่าง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% ตามคาด พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจลง ท่ามกลางความกังวลผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ทั้งนี้ แม้ว่า รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงนี้ ส่วนใหญ่จะออกมาแย่กว่าคาด โดยเฉพาะข้อมูลตลาดแรงงาน อย่าง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) และยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP แต่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวกลับไม่ได้กดดันเงินดอลลาร์มากนัก โดยภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินยังคงเป็นปัจจัยหนุนเงินดอลลาร์อยู่ ขณะที่ราคาทองคำก็เผชิญแรงเทขายต่อเนื่อง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยลดสถานะถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) โดยการปรับตัวลดลงของราคาทองคำดังกล่าว ก็มีส่วนยิ่งกดดันให้เงินบาททยอยอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 33.50 บาทต่อดอลลาร์
 
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดต่างมีความหวังว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.63%

ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะออกมาผสมผสาน ทว่า บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.23% อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดอาจคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดมากเกินไป (3-4 ครั้ง ในปีนี้) จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัวลงหนัก ทำให้ เราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้นบ้าง และคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้จังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip เท่านั้น

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หนุนโดยภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ที่ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันก็กดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) อ่อนค่าลงเข้าใกล้โซน 146 เยนต่อดอลลาร์ หลังเงินเยนญี่ปุ่นได้ทยอยอ่อนค่าลงจากมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของ BOJ ในวันก่อน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้น สู่โซน 100.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.7-100.4 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ  ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. 2025) มีจังหวะย่อตัวลงบ้าง ทว่า ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อ Buy on Dip ของผู้เล่นในตลาดอยู่ ทำให้ ราคาทองคำสามารถรีบาวด์สู่โซน 3,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อาจชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 1.3-1.4 แสนราย ส่วนอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) อาจทรงตัวที่ระดับ 4.2% ขณะที่อัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) อาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ +3.9%y/y

สะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังดูดีอยู่ แม้จะชะลอตัวลงบ้างก็ตาม และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลตลาดแรงงาน ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม ยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงาน (Factory Orders) เดือนมีนาคม ซึ่งอาจยังพอได้แรงหนุนจากการเร่งผลิตก่อนเผชิญมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ได้     

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซน เดือนเมษายน เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ผลจับสลาก 8 ทีม สุธีรมาน คัพ 2025 ไทยชนอินโดฯ ลุ้นเข้ารอบรองฯ

ผลจับสลากรอบ 8 ทีมสุดท้าย ศึกแบดมินตันสุธีรมาน คัพ 2025 ทีมชาติไทยดวลเดือดอินโดนีเซีย ชี้ชะตาเข้ารอบตัดเชือก วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคมนี้ ถ่ายทอดสดช่อง True Sport 7

การแข่งขันแบดมินตันประเภททีมผสมชิงแชมป์โลก สุธีรมาน คัพ 2025 (BWF Sudirman Cup 2025 Finals) เดินทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย หลังจบรอบแบ่งกลุ่มครบทุกสายเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 2568

ล่าสุดได้มีการจับสลากประกบคู่ในรอบก่อนรองชนะเลิศทันที ซึ่งผลการจับสลากปรากฏว่า ทีมชาติไทย ในฐานะรองแชมป์กลุ่มเอ ต้องเจอกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย แชมป์กลุ่มดี ถือเป็นศึกหนักที่ตัดสินตั๋วเข้ารอบรองชนะเลิศ

ผลการประกบคู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย สุธีรมาน คัพ 2025

จีน vs มาเลเซีย

ญี่ปุ่น vs ไต้หวัน

เดนมาร์ก vs เกาหลีใต้

ไทย vs อินโดนีเซีย

โดยโปรแกรมการแข่งขันรอบก่อนรองชนะเลิศจะเริ่มในวันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย แฟนแบดมินตันสามารถติดตามการถ่ายทอดสดได้ทางช่อง True Sport 7 (ช่อง 686)

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


6 พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ เสียวฟัน ฟันสึกกร่อน รู้ทันก่อนฟันพัง

ฟันสึกกร่อน เสียวฟัน ไม่ใช่เรื่องไกลตัว! ปัญหาช่องปากที่ดูเหมือนไม่ร้ายแรงนี้ กลับทำให้หลายคนหมดสนุกกับการกินของอร่อยโดยไม่รู้ตัว

ตอนเด็กๆ เราอาจไม่ค่อยใส่ใจกับสุขภาพฟันกันสักเท่าไร จนทำให้หลายคนฟันผุกันตั้งแต่อายุยังไม่ขึ้น 2 หลัก แต่มันก็แค่ฟันน้ำนม หลุดไปก็มีฟันใหม่แข็งแรงกว่าเดิมผุดขึ้นมา แต่เมื่อโตแล้ว ฟันไม่มีผลัดเปลี่ยนชีวิตกันอีก พังแล้วพังเลย การดูแลฟันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นกว่าที่คุณคิดมาก เพราะหากฟันมีปัญหาแล้ว นอกจากเราจะหมดอร่อยกับอาหารตรงหน้าได้ง่ายๆ แล้ว ค่ารักษาฟันอาจทำให้คุณกุมขมับไปหลายวันเลยล่ะ

อาการฟันสึกกร่อน และเสียวฟัน เป็นอีกหนึ่งอาการที่ถึงแม้จะมีความเจ็บปวดทรมานน้อยกว่าฟันผุ หรือโรคทางช่องปากอื่นๆ แต่ก็สร้างความลำบากในการทานอาหารของเราไม่น้อยเหมือนกัน

ฟันสึกกร่อน คืออะไร?

ฟันสึก หรือ ฟันกร่อน เป็นอาการที่ส่วนของฟิวหน้าที่เคลือบฟันอยู่ด้านนอกหลุดลอกหายไป ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของลักษณะฟัน เช่น ฟันลึกเป็นหลุม จนเศษอาหารเข้าไปติดได้ง่ายๆ ก่อให้เกิดอาการฟันผุได้หากไม่ดูแลความสะอาดให้ดีพอ หรือหากผิวเคลือบฟันสึกกร่อนมากขึ้นจนถึงเนื้อฟัน อาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันขึ้นได้ โดยจะสร้างความเจ็บปวดแบบเสียวแปล๊บ เสียวจิ๊ดๆ เมื่อทานอาหารเย็นจัด ร้อนจัด หรือเคี้ยวอาหารที่มีความเหนียวหรือแข็ง

ฟันซี่ไหน ที่มักมีอาการสึก กร่อน เสียวฟัน?

ฟันที่ส่วนใหญ่จะสึก กร่อน หรือ มีอาการเสียวฟัน สามารถเกิดขึ้นได้กับฟันทุกซี่ แต่ที่พบบ่อยจะเป็นฟันซี่หน้าสุดที่เป็นส่วนในการกัด ฉีกอาหาร ซึ่งมักจะถูกใช้งานโดยไม่ระมัดระวัง และฟันด้านที่ใช้เคี้ยวอาหารทั้งหมด เพราะมีการสัมผัส ถูกันไปมาอย่างรุนแรงกับอาหาร และกับฟันเคี้ยวบดด้วยกันเองเสมอๆ

พฤติกรรมเสี่ยง ฟันสึกกร่อน เสียวฟัน

  1. ทานอาหารรสเปรี้ยว

หากชอบทานอาหารรสเปรี้ยว ส้ม มะนาว มะม่วงเปรี้ยว มะดัน มะขาม หรืออาหารหมักดองบ่อยๆ อาจเป็นการเร่งให้สารเคลือบฟันด้านนอกหลุดลอกได้ ลองสังเกตดูว่าหากระหว่างที่คุณทานมีอาการเข็ดฟัน เสียวฟันเบาๆ นั่นแสดงว่าสุขภาพฟันของคุณกำลังแย่ ยิ่งหันไปทานอาหารรสหวานจัด หรือมีความเย็นจัดต่อเลยทันที จะยิ่งรับรู้ถึงความรู้สึกเสียวฟันได้มากขึ้น

  1. ทานอาหารแข็ง และเหนียว

การใช้งานฟันที่อยู่ในส่วนของการเคี้ยวมากเกินไป เช่น การทานเนื้อย่างเหนียว เคี้ยวกระดูกอ่อนเป็นประจำ ก็เป็นการกระตุ้นให้สารเคลือบฟันหลุดลอกออกมาได้ง่ายขึ้นเช่นเดียวกัน

  1. ดื่มน้ำอัดลม

นอกจากอาหารรสเปรี้ยวแล้ว ยังมีน้ำอัดลมที่สามารถกัดกร่อนผิวหน้าฟันให้หลุดลอกได้ แถมยังเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของอาการฟันผุร่วมด้วยอีกต่างหาก

Advertisement

  1. แปรงฟันแรงเกินไป / ใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งเกินไป

หากแปรงฟันแรงเกินไป นานเกินไป หรือใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งเกินไป แทนที่ฟันจะสะอาดสมใจ อาจทำให้สารเคลือบฟันด้านนอกหลุดออกไปอย่างช้าๆ เรื่อยๆ นอกจากนี้ยังอาจเป็นสาเหตุของอาการเหงือกร่น เป็นการเร่งให้เกิดอาการเสียวฟันมากยิ่งขึ้น

  1. นอนกัดฟัน

การนอนกัดฟันกรอดๆ อย่างรุนแรง ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้ฟันสึกกร่อนได้โดยไม่รู้ตัว

  1. ว่ายน้ำเปนประจำ

ข้อนี้อาจจะแปลกสักหน่อย แต่พบนักกีฬาว่ายน้ำที่มีอาการฟันสึกกร่อน เสียวฟัน จากการที่ฟันถูกกัดกร่อนจากน้ำในสระที่ผสมสารคลอรีน เพราะคลอรีนมีคุณสมบัติเป็นกรดอ่อนๆ จึงสามารถกัดกร่อนผิวเคลือบฟันชั้นนอกได้ หากมีการสัมผัสกันบ่อยๆ

วิธีป้องกันฟันสึกกร่อน เสียวฟัน

  1. หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสเปรี้ยวจัด ไม่ควรดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำ หรือ หลังจากทานเสร็จควรรีบบ้วนปากด้วยน้ำเปล่า เพื่อไม่ให้กรดอ่อนๆ อยู่ที่ฟันนานจนเกินไป
  2. หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีความเหนียว หรือแข็งมากเกินไป
  3. เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่มกำลังดี ไม่แข็งจนเกินไป แปรงฟันไม่หนักมือมากจนเกินไป และแปรงฟันให้ถูกวิธี วิธีแปรงฟัน คือ แปรงจากโคนฟันที่ติดกับเหงือกออกไปที่ปลายฟัน คือฟันบนแปรงจากบนลงล่าง ฟันล่างแปรงจากล่างขึ้นบน โดยใช้แรงกดแปรงเบาๆ
  4. ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมในการป้องกันการเสียวฟัน
  5. ไม่ควรแปรงฟันทันทีหลังทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด หรือเป็นกรดอ่อนๆ ควรบ้วนน้ำเปล่าทิ้งทันทีที่ทานอาหาร แต่ควรรออย่างน้อย 30 นาทีแล้วค่อยแปรงฟัน เพราะหากแปรงฟันทันทีจะทำให้สารเคลือบฟันหลุดได้ง่าย
  6. หากมีปัญหานอนกัดฟัน ควรปรึกษาแพทย์
  7. สวมอุปกรณ์ป้องกันฟันระหว่างว่ายน้ำ
  8. ควรพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจเช็กสุขภาพฟันอยู่เสมอ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


50 แคปชั่นหน้าร้อน ภาษาอังกฤษ แปลไทย แบบสายฝอ เอาไปโพสต์แบบจึ้งๆ

หน้าร้อนของประเทศไทยกลับมาแล้ว …อันที่จริงมันก็ร้อนทั้งปีแหละ แต่หน้าร้อนมาก และแน่นอนว่าเพื่อใหเข้ากับฤดูกาลหน้าร้อนแล้วเราก็ต้องมีแคปชั่นเด็ดๆ ที่มีความหมายสอดคล้องกับหน้าร้อน เพื่อไว้โพสต์โซเชียลเก๋ๆ หรือจะโพสต์ใต้รูปนั่นเอง

รวม แคปชั่นหน้าร้อน ภาษาอังกฤษ คำคมหน้าร้อนภาษาอังกฤษ แคปชั่นเที่ยวหน้าร้อน อัปเดตล่าสุด 2024 เอาไว้โพสต์ลงโซเชียล บอกเลยว่าเอาไปโพสต์ตามกันได้สบายๆ

แคปชั่นหน้าร้อน ภาษาอ้งกฤษ พร้อมคำแปล คำคมหน้าร้อน เอาไปโพสต์แบบจึ้งๆ

  1. “Chasing the sun and chasing dreams.”
    ตามหาแสงแดดและตามหาความฝัน.
  2. “Let the sunshine in.”
    ปล่อยให้แสงแดดสาดส่องเข้ามา.
  3. “Life is better in flip-flops.”
    ชีวิตดีๆ ในรองเท้าแตะ.
  4. “Salty air, sun-kissed hair.”
    อากาศเค็มๆ และผมที่ได้รับแสงแดด.
  5. “Sunshine state of mind.”
    ใจใน มีแต่แสงแดด.
  6. “Beach vibes only.”
    บรรยากาศชายหาดเท่านั้น.
  7. “Happiness is a day at the beach.”
    ความสุขคือวันหนึ่งที่ชายหาด.
  8. “Sunkissed and salty.”
    ได้รับแสงแดดและกลิ่นลมเค็มๆ.
  9. “Tanned skin, sandy toes.”
    ผิวแทนๆ กับ เท้าที่เปลื้อนทราย.
  10. “Summer lovin’.”
    ความรักในฤดูร้อน.
  11. “Life’s a beach.”
    ชีวิตเหมือนชายหาด.
  12. “Keep palm and carry on.”
    อยู่ใต้ต้นปาล์มและเดินต่อไป.
  13. “Ocean air, salty hair.”
    อากาศริมทะเล, กับผมกลิ่นอายเค็มๆ.
  14. “Sandy toes, sun-kissed nose.”
    เท้าที่เปื้อนทรายกับจมูกได้รับแสงแดด.
  15. “Paradise found.”
    เจอสวรรค์แล้ว.
  16. “Life’s better in boardshorts.”
    ชีวิตดีขึ้นในกางเกงว่ายน้ำ.
  17. “Sunshine on my mind.”
    แสงแดดอยู่ในใจฉัน.
  18. “Mermaid kisses and starfish wishes.”
    จูบเมอร์เมดและคำของดาวทะเล.
  19. “Feelin’ beachy keen.”
    รู้สึกเหมือนอยู่ที่ชายหาด.
  20. “Catchin’ waves and vibes.”
    จับคลื่นและบรรยากาศ.
  21. “Sunshine and tan lines.”
    แสงแดดและผิวแทนๆ.
  22. “Good times and tan lines.”
    เวลาที่ดีและเผยผิวแทน.
  23. “Saltwater heals everything.”
    น้ำทะเลช่วยรักษาทุกสิ่ง.
  24. “Girls just wanna have sun.”
    สาวๆ ต้องการแค่แสงแดด.
  25. “Sandy hair, don’t care.”
    ผมเปื้อนทราย แต่ก็ไม่สนใจ.
  26. “Sun-kissed and ocean mist.”
    ได้รับแสงแดดและหมอกทะเล.
  27. “Living on island time.”
    ใช้ชีวิตตามเวลาเกาะ.
  28. “Waves for days.”
    คลื่นน้ำทะเลตลอดวัน.
  29. “Beach hair, don’t care.”
    ทิ้งเส้นผมนอนไปบนหาดและไม่สนใจอะไร.
  30. “Life is better in a bikini.”
    ชีวิตดีขึ้นในชุดบิกินี.
  31. “Sunset state of mind.”
    ใจใน มีแต่สถานะของพระอาทิตย์ตก.
  32. “Tropic like it’s hot.”
    ร้อนเหมือนอยู่ในสวรรค์เขตร้อน.
  33. “Let’s get ship-faced.”
    มาเรียนรู้เรื่องเรือกัน.
  34. “Ocean child, saltwater soul.”
    จิตใจเป็นของทะเล, วิญญาณเป็นของน้ำเค็ม.
  35. “Life’s a wave, catch it.”
    ชีวิตเหมือนคลื่น, เต็มที่ไปกับมัน.
  36. “Palm trees and 80 degrees.”
    ต้นปาล์มและ อากาศร้อนๆ.
  37. “Sandy cheeks and sunkissed skin.”
    แก้มที่สวยเหมือนผิวทรายและผิวที่ได้รับแสงแดดฉ่ำๆ.
  38. “Salt in the air, sand in my hair.”
    เกลือในอากาศและทรายในผมของฉัน.
  39. “Just another day in paradise.”
    หนึ่งวันในสวรรค์หน้าร้อน.
  40. “Waves, sunsets, and good vibes.”
    คลื่น, พระอาทิตย์ตก, และความรู้สึกที่ดี.
  41. “Sandy toes, sunkissed nose.”
    เท้าเปื้อนทราย, จมูกได้รับรอยจูบจากแสงแดด.
  42. “Sunshine on my mind and sand between my toes.”
    แสงแดดอยู่ในใจฉันและทรายระหว่างเท้าของฉัน.
  43. “Living for sunsets and palm trees.”
    มีชีวิตเพื่อพระอาทิตย์ตกและต้นปาล์ม.
  44. “Tropical state of mind.”
    ใจในมีแต่สถานะเขตร้อน.
  45. “Sunshine mixed with a little hurricane.”
    แสงแดดผสมกับพายุเล็กน้อย.
  46. “Happier than a seagull with a French fry.”
    มีความสุขกว่านกนางนวลที่และกินเฟรนซ์ฟราย.
  47. “Chasin’ dreams and sunbeams.”
    ตามหาความฝันและแสงแดด.
  48. “Sunkissed glow and ocean breeze.”
    รอยแสงแดดและลมทะเล.
  49. “Lost in the sunshine state of mind.”
    หลงรักในสถานะแสงแดดสดใส.
  50. “Living my best beach life.”
    ใช้ชีวิตชายหาดของฉันให้ดีที่สุด.

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


บลูบิค ชี้ 3 กับดักองค์กรไทยสะดุดลงทุน AI “ระบบ-คน ไม่พร้อม ต้นทุนสูง”

บลูบิค เผยองค์กรไทยติด 3 กับดัก ทำลงทุน AI สะดุด ทั้งโครงสร้างเทคโนโลยี ต้นทุนไม่คุ้มค่า และขาดบุคลากรที่มีทักษะรองรับการเปลี่ยนแปลง

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK บริษัทที่ปรึกษาด้าน Digital Transformation เปิดเผยว่าในยุคที่เทคโนโลยี AI กลายเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านธุรกิจทั่วโลก หลายองค์กรไทยเริ่มลงทุนและทดลองใช้งาน AI กันอย่างกว้างขวาง แต่คำถามสำคัญที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจนคือ ทำไมผลลัพธ์จากการใช้งาน AI ยังไม่ปรากฏให้เห็นในระดับที่น่าพอใจ

โดยการนำ AI มาใช้ในองค์กรไทยยังประสบปัญหาด้วยปัจจัยหลัก 3 ประการ หากไม่เร่งแก้ไขการลงทุน AI ไม่สามารถสร้างผลกระทบกับธุรกิจอย่างแท้จริง ประการแรกคือ “การขาดองค์ประกอบที่ครบถ้วน” หลายองค์กรยังเข้าใจว่าเพียงแค่มีโมเดล AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว AI เป็นเพียง “สมอง” ของร่างกายเท่านั้น หากไม่มีอวัยวะอื่นๆ อย่างแอปพลิเคชัน อินเทอร์เฟซ โครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล (Infrastructure) และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่รองรับ สมองนั้นก็ไม่อาจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

AI ต้องมีแหล่งข้อมูลหรือ “อาหารสมอง” ที่ดี ซึ่งก็คือข้อมูลที่มีคุณภาพ การนำ AI สำเร็จรูปมาใช้งานในบริบทเฉพาะของแต่ละองค์กร จำเป็นต้องมีข้อมูลเฉพาะเจาะจงที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ระบบเรียนรู้และตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ หากปราศจากการเตรียมการเรื่อง ความโปร่งใสข้อมูล (Data Governance) และระบบจัดการข้อมูล องค์กรก็อาจกำลังฝากอนาคตไว้กับเครื่องมือที่ไม่มีทางสร้างประโยชน์ได้เต็มที่

องค์ประกอบที่หลายองค์กรมองข้ามอีกอย่างคือแอปพลิเคชันที่เชื่อมโยงระหว่าง AI กับผู้ใช้งานจริง หากไม่มีแอปฯ ที่ดี AI ก็ไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ออกมาให้ผู้ใช้งานเข้าใจ หรือไม่สามารถรับอินพุตที่เหมาะสมจากผู้ใช้ได้ จึงต้องคิดให้ครอบคลุมทั้งระบบ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ ไปจนถึงการออกแบบ User Interface

นอกจากระบบเทคโนโลยีแล้ว กระบวนการภายในองค์กรก็ต้องได้รับการออกแบบใหม่เพื่อรองรับการทำงานร่วมกับ AI โดย AI ไม่ใช่แค่ “แทนที่มนุษย์” แล้วจะได้ผลทันที แต่ต้องมีการ Re-engineer กระบวนการเดิมใหม่ เช่น การกำหนดว่า AI จะตัดสินใจแทนได้ในระดับใด จะต้องมีขั้นตอน Oversight จากมนุษย์หรือไม่ และจะปรับเปลี่ยนวิธีการตัดสินใจอย่างไรให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่องค์กรใช้อยู่

แม้ AI จะฉลาด แต่ยังมีข้อจำกัดด้านความเข้าใจบริบทและ Common Sense ตัวอย่างที่เห็นชัดคือเมื่อ AI ถูกใช้ในกระบวนการพัฒนาโค้ด หากผู้ใช้งานไม่มีทักษะเพียงพอ ผลที่ได้อาจกลับกลายเป็นโค้ดที่มีข้อผิดพลาดซึ่งยากต่อการตรวจสอบในภายหลัง

ประการที่สองคือ “ต้นทุนและความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์” หลาย Use Case ของ AI ในปัจจุบันยังไม่สามารถแสดงผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ได้ชัดเจน เพราะโมเดล AI โดยเฉพาะแบบ Generative AI มีต้นทุนในการประมวลผลสูงมาก บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ อย่าง OpenAI หรือ Google คิดค่าบริการตามจำนวนโทเคนที่ใช้ในการประมวลผล ยิ่งใช้เยอะ ต้นทุนก็ยิ่งสูง

โดยเฉพาะ Use Case ที่มีการโต้ตอบกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ เช่น Chatbot หรือ Virtual assistant สำหรับลูกค้าจำนวนมาก ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นต่อคำถามจึงอาจสูงเกินกว่าผลลัพธ์ที่ได้ ทำให้หลายองค์กรลังเลที่จะลงทุน แต่ในทางกลับกัน Use Case ที่ใช้ภายใน เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลหรือสร้าง Insight ให้ทีมผู้บริหาร ซึ่งใช้เพียงไม่กี่ครั้งแต่ส่งผลต่อหลายการตัดสินใจ กลับมีความคุ้มค่ามากกว่า

ทางออกในจุดนี้อยู่ที่การ “เลือกให้ถูก” และ “จัดลำดับความสำคัญ” องค์กรควรเริ่มจาก Use Case ที่มีต้นทุนต่ำและได้ผลลัพธ์ชัดเจนก่อน จากนั้นจึงค่อยขยายไปสู่ Use Case ที่ซับซ้อนและใช้ต้นทุนสูงขึ้นเมื่อมีความพร้อม นอกจากนี้ยังควรเปรียบเทียบเทคโนโลยีที่มีอยู่ในตลาด เช่น ChatGPT กับ DeepSeek หรือเครื่องมือโอเพนซอร์สอื่นๆ ว่าใช้ต้นทุนเท่าไหร่ และตอบโจทย์แค่ไหน

 ความท้าทายสุดท้ายคือ “คน” แม้จะเป็นยุค AI แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธบทบาทของมนุษย์ได้ เพราะ AI ไม่สามารถคิด วิเคราะห์ และตั้งคำถามเฉียบคมได้ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้งาน LLM (Large Language Model) การตั้งคำถามที่ดี (prompt) มีผลต่อคุณภาพคำตอบอย่างมาก

องค์กรที่ต้องการใช้ AI ให้ได้ประโยชน์สูงสุด จำเป็นต้องลงทุนในคนที่มีความรู้ลึกในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และมีความรู้กว้างพอจะเชื่อมโยงกับมิติอื่นได้ หรือที่เรียกว่า T-Shape Skills คนเหล่านี้จะใช้ AI ได้เต็มศักยภาพ ต่างจากคนที่ไม่มีพื้นฐานความเข้าใจ อาจใช้งานผิดวิธี และก่อให้เกิดความเสียหายโดยไม่รู้ตัว

นอกจากการ Reskill และ Upskill พนักงานแล้ว องค์กรยังต้องสร้าง “วัฒนธรรมการปรับตัว” เพราะความเปลี่ยนแปลงที่มาพร้อม AI อาจก่อให้เกิดแรงต้านภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นความกลัวตกงาน หรือความไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเอง การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management) จึงเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ผู้บริหารไม่อาจละเลย

การสร้างผลลัพธ์จาก AI ยังต้องพึ่งพาโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสม เช่น การจัดตั้งทีม AI Center of Excellence เพื่อดูแลมาตรฐานการใช้งาน การแลกเปลี่ยนความรู้ และการนำบทเรียนจาก Use Case หนึ่งไปสู่ Use Case อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ

นายพชร กล่าวต่อไปว่าว่า ผู้บริหารในแต่ละตำแหน่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อน AI ไม่ว่าจะเป็น CEO ที่กำหนดกลยุทธ์ CFO ที่ดูแลการลงทุน COO ที่ออกแบบกระบวนการ หรือ CTO ที่ดูแลเทคโนโลยี ทุกตำแหน่งต้องทำงานร่วมกันโดยมีเป้าหมายร่วมคือการสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างแท้จริง สำหรับองค์กรไทย การจะนำ AI ไปใช้ให้สำเร็จไม่ได้อยู่ที่ใครเริ่มก่อน แต่อยู่ที่ใครสามารถ “ทำให้เกิดผลลัพธ์” ได้ก่อน และสามารถขยายผลนั้นให้ครอบคลุมทั้งองค์กรได้อย่างต่อเนื่อง

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


8 อาหารที่มีธาตุเหล็ก กินบำรุงเลือด แก้ภาวะโลหิตจางได้เยี่ยม !

ภาวะโลหิตจางเกิดจากร่างกายขาดธาตุเหล็ก ใครที่กำลังมองหาอาหารที่มีธาตุเหล็กมากินบำรุงเลือดให้สมบูรณ์กันอยู่ล่ะก็ อาหารที่มีธาตุเหล็กเหล่านี้ ช่วยคุณได้ค่ะ

อาหารที่มีธาตุเหล็กมากินบำรุงเลือด

1.ตับ เลือด และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ

อาหารประเภทตับ เลือด และเนื้อสัตว์นั้น อุดมไปด้วยธาตุเหล็กในรูปแบบสารประกอบฮีม (Heme Iron) ที่ร่างกายคนเราสามารถดูดซึมสารอาหารและนำไปใช้ได้เป็นอย่างดี แนะนำให้กินอาหารในกลุ่มนี้เพื่อช่วยบำรุงเลือด โดยเฉพาะเนื้อแดงเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง

2.ธัญพืช แป้ง ไข่ และผักสีเขียวเข้ม

ธาตุเหล็กจากอาหารกลุ่มนี้เป็นสารประกอบธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีม (Nonheme Iron) พบได้มากจากอาหารกลุ่มประเภทธัญพืช แป้ง ไข่และผักใบเขียวเข้ม อย่างเช่น ผักคะน้า บรอกโคลี หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง และมะรุม แต่ควรกินพร้อมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น มะละกอ ส้ม และมะนาว ฯลฯ เพื่อให้การดูดซึมสารดังกล่าวทำงานได้ดียิ่งขึ้น

3.อาหารทะเล ปลา เป็ด ไก่ ม้าม และไข่แดง

อาหารกลุ่มนี้เป็นธาตุเหล็กที่อยู่ในรูปของสารประกอบฮีม (Heme Iron) ที่ร่างกายสามารถดูดซึมนำสารอาหารไปใช้งานได้เป็นอย่างดี เพราะมีอัตราการดูดซึมถึงร้อยละ 20-30 และหากกินอาหารกลุ่มนี้ร่วมกับวิตามินซีจากผลไม้ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งเสริมประสิทธิภาพทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กไปสู่ลำไส้เล็กยิ่งได้ผลดียิ่งขึ้น

4.อัลมอนด์ ซีเรียล ข้าวโอ๊ต ถั่วแดง ถั่วดำ และจมูกข้าวสาลี

อาหารธัญพืชกลุ่มนี้ก็เป็นแหล่งของธาตุเหล็กสูงเช่นกัน เพราะฉะนั้น หากใครที่ไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ก็สามารถหันมากินอาหารเหล่านี้แทนได้

5.ข้าวเสริมธาตุเหล็ก ข้าวหอมนิล และข้าวสายพันธุ์ 313

แหล่งคาร์โบไฮเดรตอย่างข้าวก็มีธาตุเหล็กค่อนข้างสูงเช่นกันนะคะ โดยเฉพาะข้าวเหล่านี้ซึ่งนอกจากจะมีธาตุเหล็กแล้วก็ยังมีกรดโฟลิก และคลอโรฟิลส์ สารดังกล่าวเป็นสารที่มีโมเลกุลคล้ายคลึงกับฮีโมโกลบินจากในเม็ดเลือดแดง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกินอาหารเสริมธาตุเหล็กที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์อย่างมากทีเดียว

6.แครอท ฟักทอง และมะเขือเทศ

อาหารเหล่านี้ก็มีธาตุเหล็กอยู่บ้างเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม ธาตุเหล็กจากผักผลไม้ก็มักเป็นธาตุเหล็กที่ค่อนข้างละลายยาก การดูดซึมสารอาหารเพื่อนำไปใช้จึงเป็นไปได้น้อยมาก ดังนั้น แนะนำให้กินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อย่างตับ ไข่แดงและเนื้อแดงควบคู่กันด้วยจะดีกว่า

7.กระเทียม พริก และขมิ้น

กระเทียม พริก และขมิ้น เป็นสมุนไพรที่มีส่วนช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น จึงช่วยลดระดับความดันโลหิตได้ด้วย

8.น้ำว่านหางจระเข้

น้ำว่านหางจระเข้ เป็นเครื่องดื่มที่ชาวต่างประเทศมักนิยมดื่มเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเลือด ทั้งนี้ก็เนื่องจากในว่านหางจระเข้เปี่ยมไปด้วยสารคลอโรฟิลล์ เอนไซม์ กรดอะมิโน วิตามินและแร่ธาตุอีกหลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการกำจัดของเสีย ช่วยต่อต้านการอักเสบ และยังมีบทบาทส่งเสริมให้ระบบการไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย

และนี่ก็คือ 8 กลุ่มอาหารที่มีธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงเลือดได้อย่างสมบูรณ์ ใครที่อยากกินอาหารบำรุงเลือด ต้องหันมากินอาหารเหล่านี้เป็นประจำนะคะ ส่วนใครไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ จะหาผักผลไม้หรืออาหารธัญพืชมากินควบคู่กับวิตามินซีก็ได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 02/05/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,250.0051,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,320.0050,331.2052,150.00
ทองรูปพรรณ 90%2,988.0045,298.08n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,656.0040,264.96n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,494.0022,649.04n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,162.0017,615.92n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,440.0052,156.68n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/05/2568



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.8532.8533.3532.8532.8532.8532.8532.8532.8532.85
แก๊สโซฮอล์ 9132.4832.4832.9832.4832.4832.4832.4832.4832.4832.48
แก๊สโซฮอล์ E2030.6430.6431.1430.6430.6430.6430.6430.6430.64
แก๊สโซฮอล์ E8528.9928.9928.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.4448.8449.8448.8441.44
เบนซิน 9541.1448.8141.6441.2941.14
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า