สาระน่ารู้ประจำวันที่ 02 กันยายน 2568

เดวา แลนด์แปรวิกฤติดึงแลนด์ลอร์ดร่วมทุนลุยพูลวิลล่าใจกลางกรุง

ในจังหวะที่คนอื่นถอย นักลงทุนลังเลเดวา แลนด์เดินหน้าผนึกกำลังกับแลนด์ลอร์ดแก้เกมภาษีที่ดิน ปั้นแบรนด์บ้านเดี่ยวพูลวิลล่าหรู “แคนวาส” 3 โครงการมูลค่ารวม 500 ล้าน

เมื่อตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแต่ “ทรง” กับ “ทรุด” ไร้แววฟื้นตัวอย่างชัดเจน นักพัฒนาส่วนใหญ่เลือกที่จะ “หยุด” รอดูสถานการณ์ แต่สำหรับ “เลิศมงคล วราเวณุชย์” ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท เดวา แลนด์ จำกัด อดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ นนทบุรี และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย  มองเห็น “โอกาสซ่อนอยู่ในวิกฤติ” 

ในจังหวะที่คนอื่นถอย นักลงทุนลังเล แต่เขาเลือกเดินหน้าผนึกกำลังกับแลนด์ลอร์ด ปั้นแบรนด์บ้านเดี่ยวพูลวิลล่าหรู “แคนวาส” (CANVAS)  เปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 500 ล้านบาท บนไพร์มแอเรียของกรุงเทพฯ ระดับราคา 25-45 ล้านบาท เจาะกลุ่มผู้ซื้อที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจน้อย เช่น เจ้าของกิจการรุ่น 2 แพทย์ นักลงทุนรายใหญ่

เลิศมงคล กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2568 นี้ ยังไม่เห็นสัญญาณบวก! หากจะมีข่าวดีบ้าง ก็เป็นเพียงการที่สหรัฐ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยลงจาก 36% เหลือ 19% มีผลเมื่อ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา

“ข่าวดีนี้แม้จะไม่ได้ส่งผลตรงต่ออสังหาริมทรัพย์ แต่ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการว่า ฐานการผลิตจากจีนและญี่ปุ่นยังไม่น่าจะย้ายไปเวียดนามในระยะสั้น เพราะเวียดนามถูกเก็บภาษีที่ 20% สูงกว่าไทย แต่ก็ต้องยอมรับว่า หาก GDP ไม่โต ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยก็ไม่มีวันโตตามได้ เหมือนกับเรือที่ไม่สามารถลอยได้ หากคลองไร้น้ำ”

“ภาษีที่ดิน” จุดเปลี่ยนแลนด์ลอร์ดสู่ผู้พัฒนา

แม้ยอดขายรวมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 60,000 ยูนิต สูงกว่าช่วงวิกฤติปี 2541-2543 ที่ขายได้เพียง 33,000-34,000 ยูนิตต่อปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะอยู่รอดได้ โดยเฉพาะกลุ่ม “แลนด์ลอร์ด” เจ้าของที่ดินรายใหญ่ ที่ถูกผลักภาระจาก พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2567 อย่างเต็มรูปแบบ 

พวกเขาจึงต้องรีบหาทาง “ปลดล็อก” ภาระดอกเบี้ยและภาษี ด้วยการร่วมมือกับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพ และนี่คือจุดที่แบรนด์ “แคนวาส” ได้ถือกำเนิดขึ้น! ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 20 ล้านบาท

 ทางรอดร่วมทุนพัฒนาโครงการ

บริษัท เดวา แลนด์ จำกัด เปิดตัวโครงการแรกภายใต้แบรนด์แคนวาส  บนที่ดินมูลค่าสูง 3 ทำเลใจกลางเมือง! จับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ โครงการแรก แคนวาส พระราม 9 ร่วมทุนกับตระกูล “เลาหพันธุ์” บนที่ดิน 1 ไร่ (พระราม 9 ซอย 59) เป็นบ้านเดี่ยวพูลวิลล่า 8 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 366 ตารางเมตร ราคา 24.9-34.9 ล้านบาท พร้อมลิฟต์, 3 ที่จอดรถ, Rooftop Garden เปิดพรีเซล 1 ก.ย.2568 เฟส 1 และ เฟส 2 สร้างเสร็จกลางปี 2569 มูลค่าโครงการ 220 ล้านบาท

โครงการสอง แคนวาส อารีย์ ร่วมทุนกับตระกูล “นาคะเกศ” บนที่ดิน 178 ตารางวา เป็นบ้านเดี่ยวพูลวิลล่าสั่งสร้าง 4 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 350-450 ตารางเมตร ราคา 35-45 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท และ โครงการสาม แคนวาส ปุณณวิถี (สุขุมวิท 101) ร่วมทุนกับตระกูล “เจริญพานิช” บนที่ดิน 215 ตารางวา เป็นบ้านเดี่ยวพูลวิลล่าสั่งสร้าง 4 ยูนิต ขนาด 35-55 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 350-450 ตารางเมตร ราคา 35-45 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 120 ล้านบาท

ต้นทุนต่ำจากมรดกสู่ราคาขาย“แข่งขันได้”

“แคนวาส” มีแต้มต่อในตลาดไฮเอนด์ ไม่ใช่แค่ “ทำเล” หรือ “ดีไซน์” แต่คือ “ต้นทุนที่ดิน” ที่ต่ำกว่าคู่แข่งในย่านเดียวกันถึง 30% เพราะเป็นที่ดินเก่ามรดก ที่ถือครองต่อกันมานาน 50-60 ปี 

เลิศมงคล เลือกพัฒนาบ้านเดี่ยวหรูจำนวนจำกัด พร้อมการดูแลแบบ “End-to-End” ตั้งแต่คัดเลือกที่ดิน ออกแบบบ้าน บริหารก่อสร้าง ไปจนถึงบริการหลังการขาย

“จุดแข็งของแคนวาส คือต้นทุนที่ดินต่ำกว่าตลาดเฉลี่ย 30% เพราะเป็นที่ดินมรดก เป็น Rare Location ใจกลางเมืองที่หาซื้อเพิ่มไม่ได้อีกแล้ว ในราคาตารางวาละ 150,000-500,000 บาท เป็นบ้านที่อยู่จริงได้ด้วยพื้นที่ ฟังก์ชัน และความเป็นส่วนตัว”

ท่ามกลางความกลัวคือโอกาสของคนกล้า

แม้ภาวะตลาดจะไม่สดใส แต่ลูกค้าระดับไฮเอนด์ที่ครองกำลังซื้อสูง ยังมองหาบ้านที่มีความแตกต่าง โดยเฉพาะ “บ้านเดี่ยวพูลวิลล่า” ในเมือง ที่หายากขึ้นทุกวัน แคนวาส จึงไม่ใช่แค่การพัฒนาโครงการอีกหนึ่งแห่งในกรุงเทพฯ แต่คือการนำโมเดลธุรกิจใหม่ที่จับคู่ “แลนด์ลอร์ด” กับ “มืออาชีพ” มาเปิดตลาด และนี่อาจเป็น “ทางรอด” สำหรับเจ้าของที่ดินอีกนับร้อยแปลงในเมืองใหญ่

อสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่ธุรกิจของคนใจร้อน และยิ่งไม่ใช่ของคนตามกระแส หากแต่เป็นธุรกิจของคนที่ “เข้าใจเกม เข้าใจทุน เข้าใจจังหวะ” และ เลิศมงคล  เลือกที่จะ “ลงมือทำ” ในเวลาที่คนอื่น “ลังเล” ทั้งกล้าที่จะสร้างแพลตฟอร์มใหม่ตอบโจทย์ทั้งเจ้าของที่ดิน และผู้ซื้อคุณภาพ 

อสังหาริมทรัพย์ไม่เคยตาย! ถ้าเรามีที่ดินดี ต้นทุนดี และทำให้ “ใช่” สำหรับคนที่พร้อมซื้อจริง

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


Tait Pattaya เกมรุกใหม่ของไรมอน แลนด์บนทำเลทองริมทะเลพัทยา

  • ไรมอน แลนด์ (RML) เปิดตัวโครงการใหม่ “Tait Pattaya” บนทำเลทองใจกลางพัทยา เป็นการขยายพอร์ตการลงทุนจากกรุงเทพฯ สู่เมืองท่องเที่ยวศักยภาพสูง
  • โครงการนี้เป็นรูปแบบมิกซ์ยูสที่ผสมผสานคอนโดมิเนียม พื้นที่ค้าปลีก และไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่และขาย “ไลฟ์สไตล์ระดับสากล”
  • การลงทุนครั้งนี้เป็นกลยุทธ์ของ RML เพื่อตอบสนองตลาดพัทยาที่เปลี่ยนไป มีการเติบโตด้านการท่องเที่ยวสูง และมีฐานลูกค้าชาวต่างชาติที่แข็งแกร่งถึง 70-80%

สำหรับนักลงทุนในวงการอสังหาริมทรัพย์ ชื่อของ “พัทยา” อาจเคยเป็นเพียงเมืองชายทะเลยอดนิยมในวันหยุด แต่ในช่วงหลัง… เมืองนี้ได้เปลี่ยนบทบาทกลายเป็นสนามแข่งขันแห่งใหม่ของโครงการระดับพรีเมียมที่ไม่ได้ขายแค่วิวทะเล แต่ขาย “ไลฟ์สไตล์ในระดับสากล”

หนึ่งในผู้เล่นที่มองเห็นแนวโน้มนี้ก่อนใคร คือ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML ที่ประกาศขยายพอร์ตการลงทุนจากกรุงเทพฯ มายังใจกลางพัทยาพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด “Tait Pattaya” หรือ  เทตต์ พัทยา ที่ถูกวางหมากไว้ให้เป็น แลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเมืองพัทยา

“เรามองว่าพัทยาไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยว แต่คือจุดเชื่อมของคุณภาพชีวิตใหม่ ที่อยู่อาศัย การลงทุน และไลฟ์สไตล์ระดับโลก”

มากกว่าคอนโด คือโครงการมิกซ์ยูส

โครงการ Tait Pattaya ไม่ได้มาแบบคอนโดทั่วไป แต่เป็นมิกซ์ยูสที่ผสาน

  • คอนโดมิเนียมคุณภาพสูง
  • พื้นที่ค้าปลีก
  • และพื้นที่ไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว

ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในทำเลทอง “พัทยากลาง” ที่ล้อมรอบด้วยสถานที่สำคัญ, แหล่งท่องเที่ยว, และโครงข่ายคมนาคมระดับภูมิภาค

สิ่งที่น่าสนใจคือ Tait Pattaya คือภาคต่อของความสำเร็จจาก Tait Sathorn 12  หรือ เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ ที่ได้รับเสียงตอบรับดีเยี่ยมในตลาดกรุงเทพฯ โดยใช้แนวคิดเดียวกันคือ “ยกระดับชีวิตในทำเลศักยภาพ”

ทำไม RML เลือกพัทยา?

การเปิดตัวโครงการนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะ “พัทยา” วันนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

  • นักท่องเที่ยวกว่า 28 ล้านคน/ปี
  • รายได้จากท่องเที่ยวในปี 2567 สูงถึง 3.16 แสนล้านบาท
  • เติบโตขึ้น 114% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด

ฐานผู้ซื้อในพัทยายังแตกต่างจากกรุงเทพฯ โดยมีชาวต่างชาติมากถึง 70-80% ของตลาด โดย รัสเซีย25-30% จีน 20-25%ยุโรป และอิสราเอล รวมกัน 20-30%

สิ่งนี้สะท้อนว่า พัทยาคือ “ตลาดอสังหาฯ ระดับโลก” ที่ต้องใช้แนวคิดใหม่ในการพัฒนาไม่ใช่แค่คอนโด… แต่ต้องเป็น “พื้นที่ชีวิต” ที่ตอบโจทย์ระดับอินเตอร์

“เราออกแบบโครงการนี้เพื่อสะท้อนตัวตนของพัทยา—ทั้งความมีชีวิตชีวา เสน่ห์เฉพาะตัว และไลฟ์สไตล์ที่เชื่อมต่อกับโลก”

 ไม่ใช่แค่แลนด์มาร์ค…แต่คือกลยุทธ์ลึกของ RML

การเปิดตัว Tait Pattaya ในไตรมาส 3 ปี 2568 อาจดูเหมือนหนึ่งในโครงการอสังหาฯ ทั่วไปแต่หากมองลึกกว่านั้น นี่คือ “หมากใหม่” ของ RML ในการกระจายพอร์ตจากเมืองหลวง

สู่เมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพโตได้แบบก้าวกระโดด Tait Pattaya จึงเป็นมากกว่าคอนโดริมทะเลแต่มันคือ ตัวอย่างของการจับกระแสเมืองให้กลายเป็นโอกาสลงทุน  ไม่ได้ขายแค่ “ที่อยู่”แต่ขาย “วิถีชีวิต” และ “อนาคต”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 2ก.ย. “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าในระยะสั้น หากสถานการณ์การเมืองมีแนวโน้มวุ่นวายมากขึ้น นักลงทุนต่างชาติต่างมีโอกาสขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม และจากการประเมินจังหวะการเข้าลงทุนในหุ้นและบอนด์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 2ก.ย.2568ที่ระดับ  32.30 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาท (USDTHB) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยอาจยังติดโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับก็ไม่ควรจะต่ำกว่าโซน 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปมากนัก

โดยเฉพาะในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ (ไฮไลท์สำคัญ คือ ข้อมูลการจ้างงาน) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ได้อย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ในระยะสั้นนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ที่อาจทำให้ บรรดานักลงทุนต่างชาติต่างทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้ (จากการประเมินจังหวะการเข้าลงทุนในหุ้นและบอนด์ของบรรดานักลงทุนต่างชาติในปีนี้

 เรามองว่า นักลงทุนต่างชาติยังพอมีโอกาสเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยได้พอสมควร หากสถานการณ์การเมืองไทยมีแนวโน้มวุ่นวายมากขึ้น)

ทั้งนี้ แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ทว่า เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า หากราคาทองคำยังสามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ อย่างไรก็ตาม เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดก็ควรระวังความผันผวนของราคาทองคำ ซึ่งอาจส่งผ่านมายังความผันผวนของเงินบาทได้

 โดยเฉพาะหากราคาทองคำ ขาดปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดก็ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งอาจกดดันราคาทองคำได้พอสมควร และยิ่งสร้างแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้

เราขอแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนของตลาดค่าเงิน ในช่วงทยอยรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด

นอกจากนี้ เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

ในส่วนของ Transshipment Tariffs และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ในลักษณะ Sideways แถวโซน 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.29-32.33 บาทต่อดอลลาร์) เนื่องจากตลาดการเงินสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันหยุด Labor Day ส่งผลให้ปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดการเงินเบาบางลง

สะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเช่นกัน ของเงินดอลลาร์ และราคาทองคำ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงาน เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองสินทรัพย์อย่างชัดเจน

แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการเนื่องในวันหยุด Labor Day ทว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวอยู่ สะท้อนผ่าน สัญญาฟิวเจอร์สของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways และมีจังหวะปรับตัวลดลงเล็กน้อยราว -0.10% โดยผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดได้อย่างมีนัยสำคัญ

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้น +0.23% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหาร-การบิน อาทิ Rheinmetall +3.5% จากรายงานข่าวว่า ทางสหภาพยุโรปได้เตรียมแผนสนับสนุนทางการทหารที่ชัดเจนกับทางยูเครน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของหลักประกันความมั่นคง

หลังการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นยาขนาดใหญ่ อย่าง Novo Nordisk +1.8% จากรายงานผลการวิจัยยา Wegovy ที่มีแนวโน้มดีกว่ายาของบริษัทคู่แข่ง

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวไร้ทิศทางในกรอบ Sideways ท่ามกลางปริมาณการทำธุรกรรมที่เบาบาง จากวันหยุด Labor Day ของตลาดการเงินสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) เคลื่อนไหวแถวโซน 97.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.5-97.8 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ ปริมาณการทำธุรกรรมที่เบาบางลงจากฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ ทำให้โดยรวม ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ก่อนที่จะทยอยปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย สู่โซน 3,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงเช้าของตลาดการเงินฝั่งเอเชีย 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) ของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะใช้ประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านสัญญาณการจ้างงานของภาคการผลิตอุตสาหกรรมในรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิต

แรงกดดันเงินเฟ้อจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และภาวะโดยรวมของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ ราว 20% และประเมินเฟดมีโอกาสราว 24% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 4 ครั้ง ในปี 2026

ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาสถานการณ์การเมือง ทั้งแนวโน้มการยุบสภาโดยรัฐบาลรักษาการปัจจุบันของพรรคเพื่อไทย และแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีตัวแปรที่ต้องติดตาม คือ มติของพรรคประชาชน ว่าจะจับมือจัดตั้งรัฐบาลใหม่กับพรรคการเมืองใด ระหว่างฝั่งพรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.27-32.29 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.35 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.32 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้น เพราะยังมีอานิสงส์ต่อเนื่องจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ยังอ่อนแอท่ามกลางการคาดการณ์ถึงโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในเดือนก.ย. นี้

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.20-32.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัจจัยการเมืองในประเทศ ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ สถานการณ์ราคาทองคำในตลาดโลก 
อัตราเงินเฟ้อเดือนส.ค. ของยูโรโซน รวมถึง ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิตเดือนส.ค.   

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โปรแกรมถ่ายทอดสด วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2025 รอบก่อนรองฯ

การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2025 ที่ประเทศไทย รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม – 7 กันยายน 2568

โดย สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ได้ทำการประกบคู่ พร้อมกำหนดสายที่แต่ละทีมจะต้องเจอกันในรอบก่อนรองชนะเลิศ ยาวไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ เป็นที่เรียบร้อย

โปรแกรม วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2025 รอบ 8 ทีมสุดท้าย

วันพุธที่ 3 กันยายน 2568

  • เวลา 17.00 น. เนเธอร์แลนด์ พบ ญี่ปุ่น (ช่อง PPTV, ช่อง AIS PLAY)
  • เวลา 20.30 น. อิตาลี พบ โปแลนด์ (ช่อง PPTV, ช่อง AIS PLAY)

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568

  • เวลา 17.00 น. บราซิล พบ ฝรั่งเศส (ช่อง PPTV, ช่อง AIS PLAY)
  • เวลา 20.30 น. สหรัฐอเมริกา พบ ตุรกี (ช่อง PPTV, ช่อง AIS PLAY)

สำหรับ การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2025 รอบ 16 ทีมสุดท้าย จะเล่นในระบบน็อกเอาต์ แข่งขันกันที่สนาม อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก, กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 3 – 4 กันยายน 2568

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ตระหนักรู้โรคร้าย ‘มะเร็งต่อมน้ำเหลือง’ ภัยเงียบที่รักษาได้

  • มะเร็งต่อมน้ำเหลืองภัยเงียบที่มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย
  • รณรงค์สร้างความตระหนักรู้เนื่องในวันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองโลก (15 ก.ย.) เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชน
  • ปัจจุบันมีนวัตกรรมการรักษาใหม่ๆ เช่น ภูมิคุ้มกันบำบัด และ “ยาที่มีชีวิต” ซึ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด
  • การตรวจคัดกรองและเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้

ศ.นพ.ธานินทร์ อินทรกำธรชัย ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สามารถพบได้บ่อย และพบเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปี   อัตราการเกิดโรค (incidence) เฉลี่ยต่อประชากรอายุ 20 ปีขึ้นไป ประมาณ 6.4 รายต่อประชากร 1 แสนคน ผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ประมาณ 3.4 รายต่อประชากร 1 แสนคน ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับอดีต 

นับเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการรณรงค์ให้ความรู้และเตือนให้ตรวจสุขภาพแต่เนิ่นๆ อย่างต่อเนื่อง และเพื่อการตอบสนองกับการรักษาได้ดี และมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ ทำให้ทั่วโลกให้ความสำคัญ และตื่นตัวกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเป็นอย่างมาก จึงยกให้วันที่ 15 กันยายน ของทุกปี ตรงกับ “วันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองโลก” 

โดยชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย จึงจัดกิจกรรมและเสวนา “MIRACLE 11: GLOW from WITHIN” ปาฏิหาริย์ เปลี่ยนมะเร็ง ให้เป็นสุข: เปล่งประกายจากภายใน ให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการรักษาแก่ผู้ป่วย ในวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568 เวลา 12.00 – 16.00 น. ชั้น 3 โซน Eden ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

“การจัดกิจกรรมรณรงค์ในปีนี้ มุ่งเน้นการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin Lymphoma: NHL) เพื่อลดความเข้าใจผิด และส่งกำลังใจแก่ผู้ป่วยและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอดีตการรักษาหลักคือเคมีบำบัดและการฉายรังสี แต่ปัจจุบันแนวทางการรักษาที่ได้รับความสนใจอย่างมากคือ “ภูมิคุ้มกันบำบัด” สามารถดึงศักยภาพของร่างกายผู้ป่วยมาใช้ในการกำจัดเซลล์มะเร็งอย่างตรงเป้าและแม่นยำมากขึ้น”

ศ.นพ.ธานินทร์ กล่าวว่า แนวทางนี้กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่ให้ผลการรักษาดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่วสผู้ป่วยมะเร็งที่โรคกลับมาเป็นซ้ำ มีบำบัดที่เรียกว่า “ยาที่มีชีวิต” โดยนำเซลล์ภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยมาผ่านกระบวนการปรับแต่งพันธุกรรมในห้องปฏิบัติการเพื่อสร้างให้ตรวจจับและโจมตีเซลล์มะเร็งได้อย่างแม่นยำ ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด นอกจากนี้ ยังมียาในรูปแบบรับประทานชนิดใหม่ ที่สามารถรับประทานได้เองที่บ้าน เพิ่มอิสระในการใช้ชีวิต และมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการรักษา

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพียงการค้นพบยาตัวใหม่ แต่คือการพลิกโฉมการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งระบบ อนาคตการรักษาจะชาญฉลาดและจำเพาะเจาะจงมากขึ้น รบกวนร่างกายน้อยลง และออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายอย่างแท้จริง

ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า การตรวจคัดกรองและเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น สามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังช่วยลดภาระของระบบสาธารณสุขในระยะยาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งส่งเสริมการสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้าง และขยายโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์เชิงรุกได้อย่างทั่วถึง

แนวทางนี้สอดคล้องกับภารกิจของชมรมโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองแห่งประเทศไทย ที่มุ่งเน้นการเผยแพร่ความรู้ ส่งเสริมการตรวจสุขภาพ และผลักดันการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด โดยเฉพาะหากสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


AI แข่งขันเดือด ยักษ์เทคทุ่มสร้างศูนย์ข้อมูล จับตาการใช้จ่าย Apple

  • บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ (Meta, Alphabet, Amazon, Microsoft) กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยคาดว่าจะใช้จ่ายรวมกันสูงถึง 3.5-4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้เพื่อพัฒนา AI
  • การลงทุนส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการปฏิวัติ AI
  • Apple ถูกจับตามองเนื่องจากการใช้จ่ายด้านการลงทุน AI ยังคงตามหลังคู่แข่งรายใหญ่อย่างมีนัยสำคัญ แม้จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นก็ตาม

ข้อมูลจากบริษัทข้อมูล Statista ระบุว่ากระแส AI ทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้เริ่มต้นการใช้จ่ายในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อที่จะก้าวนำหน้าและสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการปฏิวัติ AI

โดยในปีนี้เพียงปีเดียว Meta, Alphabet, Amazon และ Microsoft คาดว่าจะใช้จ่ายระหว่าง 350,000 ถึง 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (11.9 – 13.6 ล้านล้านบาท)

ซึ่งส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่การสร้างศูนย์ข้อมูล AI ซึ่งเป็นรากฐานของแอปพลิเคชัน AI ทั้งหมด จำนวนนี้มากกว่าการใช้จ่ายในสองปีที่แล้วเป็นสองเท่า และยังไม่มีทีท่าว่าการใช้จ่ายนี้จะหยุดลง เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญกล่าวถึงสิ่งที่เรียกว่า “การแข่งขันอาวุธ AI”

ในขณะที่ผู้นำตลาดคลาวด์อย่าง Amazon (AWS), Microsoft (Azure) และ Alphabet (Google Cloud) กำลังลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 136,000 – 136,800 ล้านบาท) เพื่อขยายความสามารถ AI ของโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 13.6 ล้านล้านบาท)  ขณะที่  Meta กลับมุ่งเน้นที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยหวังว่าการลงทุนใน AI จะช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตน เพิ่มยอดขายโฆษณา และสุดท้ายช่วยให้พวกเขาพัฒนา “ปัญญาประดิษฐ์ส่วนบุคคล” ตามที่ Mark Zuckerberg ซีอีโอของบริษัทได้กล่าวไว้

ทุกครั้งที่มีการประกาศเพิ่มการใช้จ่ายทุนอีกครั้ง ความกดดันในคู่แข่งก็เพิ่มขึ้นไปด้วย สร้างวงจรการใช้จ่ายที่ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะไม่มีบริษัทไหนอยากเสี่ยงที่จะตกหล่นจากการแข่งขันเพื่ออนาคตที่มุ่งเน้น AI

หนึ่งในบริษัทที่ดูเหมือนจะตกหล่นไปแล้วคือ Apple ไม่เพียงแต่บริษัทที่มีชื่อเสียงในการผสมผสานฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกันไม่ได้สร้างความประทับใจกับเครื่องมือ AI ที่บรรจุในอุปกรณ์ใหม่ๆ ของพวกเขา แต่ยังตามหลังคู่แข่งในแง่ของการลงทุนใน AI อีกด้วย ในไตรมาสที่ผ่านมา การใช้จ่ายทุนของ Apple อยู่ที่ 3.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.17 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน แต่ยังห่างไกลจากระดับการใช้จ่ายของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอื่นๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


แคปชั่นวันเกิดตัวเอง คำพูดอวยพรวันเกิดตัวเอง

  • Officially! I’m turn to … (ใส่อายุ)

ฉันอายุ … ปี อย่างเป็นทางการแล้วจ้าา!

  • Best. Age. Ever.

ช่วงอายุที่ดีที่สุด!

  • Forever young.

ฉันจะเด็กไปตลอดกาล!

  • I own this day.

วันนี้คือวันของฉัน!

  • Never growing old.

แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันเกิด แต่ฉันไม่เคยแก่นะจ๊ะ

  • A year older, a year bolder.

โตขึ้นอีกปีแล้วนะ ขอให้เป็นปีที่แข็งแกร่ง

  • Aging like fine wine.

อายุก็เหมือนไวน์ชั้นดี (ไวน์ยิ่งอายุเยอะ ยิ่งอร่อย)

  • Not aging, just upgrading.

ไม่ใช่อายุมากขึ้น แต่ฉันแค่อัพเกรดขึ้นต่างหากล่ะ

  • Age is just a number.

อายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้นล่ะ

  • Harder, better, faster, stronger.

ปีนี้หรอ.. เข้มแข็งขึ้น ดีขึ้น เร็วขึ้น และแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม

แคปชั่นวันเกิดตัวเอง เท่ๆ

  • A year wiser.

ปีนี้เป็นปีที่ฉลาดขึ้น

  • Birthday vibes.

บรรยากาศของวันเกิด

  • Older and bolder.

แก่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น

  • Today, we celebrate me.

วันนี้เราจะมาฉลองให้กับฉัน

  • Cheers to a day as special as me.

ยินดีให้กับวันที่แสนพิเศษ เหมือนๆ กับฉัน

  • Keep calm and celebrate on.

ทำใจร่มๆ และฉลองกันจ้า

  • Sassy since birth.

แซ่บตั้งแต่เกิด

  • I don’t get older, I level up.

ฉันไม่ได้แก่ขึ้น ฉันเลเวลอัพขึ้นต่างหาก

  • Age is just a hashtag.

อายุเป็นเพียงแฮชแท็ก

  • Live your life and forget your age.

ใช้ชีวิตให้คุ้มและลืมอายุของคุณไปซะ

  • Cheers and beers to my (ใส่อายุ) years.

ไชโยและชนให้กับปีที่ (ใส่อายุ) ของฉันกันเถอะ!

  • Not aging, just upgrading.

ไม่ได้แก่ขึ้นจ่ะ แค่อัพเกรดขึ้นเท่านั้นแหละ

  • (ใส่อายุ)  looks pretty good on me!

(ใส่อายุ) มันดูดีมากสำหรับฉัน!

  • (ใส่อายุ)  and ready for some fun.

(ใส่อายุ) แล้ว และพร้อมสำหรับความสนุกสนานแล้วจ้า

  • (ใส่อายุ)  never felt better.

(ใส่อายุ) แล้ว แต่ไม่เคยรู้สึกดีขึ้นเลย

  • Lean, mean, and (ใส่อายุ).

ใช้ชีวิตสบายๆ และมุ่งมั่นตั้งใจ ไปกับวัย (ใส่อายุ)

  • I was born this way.

ฉันเกิดมาแบบนี้แหละ

  • Make it like your birthday every day.

ทำวันนี้ให้เป็นเหมือนวันเกิดของคุณทุกวัน

  • Living my best life at (ใส่อายุ)!

ใช้ชีวิตที่ดีที่สุดของฉันในวัย (ใส่อายุ)!

  • Enjoy life, eat cake.

สนุกกับชีวิต และกินเค้กกันเถอะ

แคปชั่นวันเกิดตัวเอง ภาษาอังกฤษ สั้นๆ

  • Live life and forget thy age.

ใช้ชีวิตและลืมอายุของคุณไปซะ

  • We don’t get older, we get better.

เราไม่ได้แก่ขึ้น แต่เราดีขึ้นต่างหาก

  • Wrinkles are proof of a life well smiled.

ริ้วรอยเป็นหลักฐานว่าชีวิตที่ผ่านมาเรายิ้มไปเยอะแค่ไหนไงล่ะ

  • Another year, another wrinkle.

วันเกิดผ่านไปอีกหนึ่งปี และริ้วรอยก็เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

  • Born to shine, especially today.

ฉันเกิดมาเพื่อเฉิดฉาย โดยเฉพาะในวันนี้

  • I hope mybirthday cake is as yummy as me.

ฉันหวังว่าเค้กวันเกิดจะอร่อยเหมือนฉัน

  • My birthday should be a holiday.

วันเกิดของฉันควรเป็นวันหยุด

  • I survived another year!

ฉันรอดไปอีกปีแล้วสินะ!

  • Age is nothing but a hashtag.

อายุก็เป็นเพียงแฮชแท็กเท่านั้นแหละ

  • New age, same old me.

อายุใหม่ แต่ฉันคนเดิมนะ

  • Woke up a little older today.

ตื่นขึ้นมาพร้อมรับวันที่แก่ขึ้นอีกวัน

  • Bring the cake, it’s my birthday!

เอาเค้กมา เพราะวันนี้วันเกิดฉัน!

  • Celebrating the anniversary of my birth.

ฉลองให้แก่วันครบรอบวันเกิดของฉัน

  • Still a kid at heart.

แม้อายุจะเยอะขึ้น แต่ใจฉันยังเด็กอยู่นะ

  • This has been the best year yet.

นี่เป็นปีที่ดีที่สุดแล้ว

  • Waiting for my birthday cake.

วันนี้เป็นวันที่ฉันรอเค้กอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ

  • It’s official: I’m getting old!

ฉันแก่ขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!

  • … (ใส่อายุ) doesn’t look so bad.

อายุ … (ใส่อายุ) มันก็ไม่ได้ดูแย่นะ

  • It’s just another year!

มันก็แค่วันเกิดที่ผ่านไปอีกปีนั่นล่ะ

  • Never too old to be young.

เราไม่แก่เกินไปที่จะเป็นเด็กหรอก

ขอบคุณข้อมูลจาก women.trueid.net


15 อาหารสีม่วงช่วยป้องกันมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองเป็นอย่างดี

การรับประทานอาหารหลากสีสัน เปรียบเสมือนการเติมเต็มร่างกายด้วยสารอาหารที่จำเป็น การตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มอาหารสีม่วงลงในมื้ออาหารของคุณ จะช่วยกระตุ้นให้คุณได้ลองทานอาหารใหม่ๆ และทำให้สุขภาพดีขึ้น สีม่วงของผักและผลไม้บ่งบอกถึงปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่สูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับปรุงสุขภาพโดยรวม และป้องกันโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็ง

อาหารสีม่วงเป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับผู้คนมากมาย ซึ่งสามารถให้ประโยชน์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ การเพิ่มปริมาณการบริโภคผักและผลไม้อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน ต้อกระจก และโรคหัวใจ อาหารสีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันและซ่อมแซมความเสียหายของเซลล์ สารเหล่านี้เป็นรงควัตถุจากธรรมชาติของพืชที่ทำให้พืชบางชนิดมีสีแดงและสีน้ำเงิน

การรับประทานอาหารสีม่วงที่อุดมไปด้วยแอนโทไซยานินอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่บริโภคอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคอ้วน ตามการศึกษาในสัตว์ปี 2017 การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูงซึ่งรวมถึงมันฝรั่งสีม่วงหรือแครอทอาจมีประโยชน์ต่อการเผาผลาญและหัวใจ อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการศึกษาในมนุษย์เพื่อยืนยันประโยชน์เหล่านี้

15 อาหารสีม่วงป้องกันมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ

1.องุ่นม่วง อุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนต์ ซึ่งเป็นสารอาหารจากพืชที่อาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดระดับคอเลสเตอรอล และลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด

2.บลูเบอร์รี ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อย แต่ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายการศึกษาหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าบลูเบอร์รีอาจช่วยปรับปรุงระบบการย่อยอาหาร เพิ่มการเผาผลาญไขมัน และลดการอักเสบในร่างกาย นอกจากนี้ บลูเบอร์รียังเป็นแหล่งรวมวิตามินเอ ซี และ เค ที่สำคัญ ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้บลูเบอร์รียังมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองและเป็นแหล่งใยอาหารที่ดีเยี่ยม การรับประทานบลูเบอร์รีเป็นประจำอาจช่วยปรับปรุงหน่วยความจำและการเรียนรู้ รวมถึง ชะลอการเสื่อมของสมอง

3.ลูกเกดดำ อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสีม่วงเข้ม นอกจากจะให้สีสันที่สวยงามแล้ว สารชนิดนี้ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสุขภาพดวงตา และ ระดับคอเลสเตอรอล

4.บลูเบอร์รี ผลไม้สีน้ำเงินม่วงเข้ม อุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอล ซึ่งรวมถึงฟลาโวนอยด์และกรดฟีนอลิก สารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย และมีส่วนช่วยในการ ปรับปรุงอารมณ์ และ ลดการอักเสบ

5.น้ำองุ่นคอนคอร์ด มีงานวิจัยสนับสนุนว่าอาจมีผลดีต่อความจำเชิงพื้นที่ ปฏิกิริยาตอบสนอง และการทำงานของสมอง นอกจากนี้ยังอาจช่วยให้รู้สึกสงบมากขึ้นอีกด้วย

6.มะเดื่อ ผลไม้รสหวานจากแถบเมดิเตอร์เรเนียนนั้นอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบย่อยอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และ ระบบสืบพันธุ์ นอกจากนี้มะเดื่อยังช่วยลดไขมันในร่างกาย ลดการอักเสบ และ ป้องกันมะเร็ง

7.พลัม เป็นผลไม้ที่มีสีสันสวยงามและอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในพลัม ช่วยเสริมสร้างสุขภาพกระดูก ช่วยระบบย่อยอาหาร และ ลดการอักเสบ นอกจากนี้ พลัมยังมีส่วนช่วยในการ ลดความดันโลหิต และลดระดับน้ำตาลในเลือด

8.อาซาอิเบอร์รี เป็นผลไม้ป่าที่มีสีม่วงเข้มและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก จึงได้รับการยกย่องให้เป็นซูเปอร์ฟู้ดที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ

9.บีทรูท นั้นอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย สารอาหารในบีทรูทมีคุณสมบัติ ต้านการอักเสบ ช่วยลดความดันโลหิต และปรับปรุงสุขภาพหัวใจ นอกจากนี้บีทรูทยังมีส่วนช่วยในการป้องกันมะเร็ง ช่วยในการย่อยอาหาร และส่งเสริมสุขภาพลำไส้อีกด้วย

10.กะหล่ำปลีม่วง ผักสีม่วงสดใสชนิดนี้ มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ รวมถึงมะเร็ง นอกจากนี้กะหล่ำปลีม่วงยังช่วยลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย

11.ข้าวโพดสีม่วง นั้นไม่เพียงแต่มีสีสันที่สวยงามสะดุดตา แต่ยังอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การวิจัยพบว่าข้าวโพดสีม่วงอาจช่วยป้องกันโรคเบาหวาน และมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก ลดการอักเสบ และปรับปรุงการมองเห็นได้อีกด้วย

12.มันม่วง ผักที่มีสีสันสวยงามและอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย สารอาหารในมันม่วงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่

13.มันเทศสีม่วง นั้นโดดเด่นด้วยสีม่วงเข้มสวยงาม ซึ่งสีสันนี้มาจากสาร แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มันม่วงมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย การวิจัยพบว่ามันม่วงสามารถ ลดการอักเสบ ในร่างกายและ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น

14.แครอทม่วง นั้นโดดเด่นด้วยสีม่วงสดใสอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสีสันนี้มาจากสาร แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ นอกจากนี้แครอทม่วงยังอุดมไปด้วย แอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

15.มะเขือม่วง เป็นพืชผักที่มีสีม่วงเข้มสวยงาม และอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี โพลิฟีนอล และฟลาโวนอยด์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 02/09/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a53,250.0053,350.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,442.0052,180.7254,150.00
ทองรูปพรรณ 90%3,097.8046,962.65n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,753.6041,744.58n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,548.9023,481.32n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,204.7018,263.25n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,566.8454,073.29n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/09/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.9532.9533.4532.9532.9532.9532.9532.9532.9532.95
แก๊สโซฮอล์ 9132.5832.5833.0832.5832.5832.5832.5832.5832.5832.58
แก๊สโซฮอล์ E2030.7430.7431.2430.7430.7430.7430.7430.7430.74
แก๊สโซฮอล์ E8528.6928.6928.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.1449.8449.8449.8441.14
เบนซิน 9541.2449.8141.7441.3941.24
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า