MGC-ASIA เปิดแผนรุกต่อเนื่อง หลังครึ่งปีแรก 68 กำไรพุ่ง

มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือ MGC-ASIA เผยครึ่งปีแรก กำไร 109 ล้าน รับผลดี อีวี ขยายตัว เปิดแผนรุกตลาดทุกกลุ่มธุรกิจ-บริการ ดันยอดโตต่อเนื่อง
สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA เปิดเผยว่าช่วงครึ่งปีแรก 2568 บริษัทสามารถทำกำไรสุทธิได้ 109 ล้านบาท เติบโต 167% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
และมั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังการดำเนินธุรกิจยังคงเติบโตต่อไป จากปัจจัยหนุนหลายด้าน โดยเฉพาะการเติบโตของรถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี (EV) ซึ่งในตลาดรวม ประเมินกว่าจะมีจดทะเบียนปีนี้ 100,000 คัน
นอกจากนั้นยังเป็นผลจากการขับเคลื่อนกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ในเครือต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง
กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) การเติบโตของอีวี ส่งผลดีต่อกลุ่มที่ทำตลาด เห็นได้จากยอดจองรถ XPENG G6 SUV รุ่่นปรับโฉมที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานนี้ รวมถึง XPENG X9 รถตู้ที่ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 รถตู้ไฟฟ้าพรีเมียม ภายในงาน Big Motor Sale 2025 มียอดจองรถยนต์รุ่นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
และคาดว่ายอดจองจะเพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นยอดขายช่วงท้ายปี ที่เตรียมจัดงาน “MGC-ASIA Mobility Expo” ที่สยามพารากอนกลางเดือนตุลาคมนี้ ทำให้คาดว่าภายในปีนี้ จะมียอด Backlog เพิ่มสูงขึ้น
กลุ่มธุรกิจใบริการหลังการขาย (Aftersales Service) เตรียมขยายสาขา LAUNCH BODY & PAINT WORKSHOP อีก 2 แห่ง คือ Millennium Auto สาขาพระราม 3 และ Millennium Auto สุราษฎร์ธานี ให้สอดรับกับจำนวนประชากรรถ ทั้งจากกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆ
ธุรกิจดังกล่าวจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ (Recurring Income) ในอนาคต
กลุ่มธุรกิจบริการรถเช่าและพนักงานขับ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว (Car Rental and Driver Services) ทั้งนี้บริษัทวางแผนเปิดโปรแกรมรถเช่าประเทศไทย (SIXT) ผู้ให้บริการรถเช่าระยะสั้นสำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ กับรถรุ่นใหม่
กลุ่มธุรกิจอื่น ๆ เช่น ธุรกิจบริการทางการเงินครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) เน้นการเติบโตจากการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิดอกเบี้ย NET INTEREST MARGIN (NIM) ปรับตัวดีขึ้น และปรับปรุงกระบวนการ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควบคุมผลขาดทุนด้านเครดิต โดยนำเสนอการแก้ปัญหาการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า
บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด วางกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย เช่น ประกันที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ตามแนวทาง ESG, ประกันสุขภาพแบบกลุ่มตอบโจทย์ความต้องการด้านสวัสดิการพนักงาน เดินหน้าสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
สัณหวุฒิกล่าวว่าทั้งนี้บริษัทยังดำเนินธุรกิจผ่านแนวคิดด้าน ESG ส่งผลให้ดำเนินโครงการอย่างครอบคลุมในทุกมิติ ภายใต้การนำร่องติดตั้งโซลาร์รูฟ โครงการแรกที่ BMW Millennium Auto พัฒนาการ ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
หลังจากนั้นจะขยายไปยังสาขาอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมถึงดาดฟ้าอาคารต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานมากกว่า 30% ต่อปี และยังสร้างร่มให้กับรถยนต์ของลูกค้าและรถใหม่ ที่รอการส่งมอบ เป็นการประยุกต์รูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับการสร้างความยั่งยืนให้แก่องค์กรและสังคมให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ต่อขยาย ‘สายสีเขียว’ บางหว้า-ตลิ่งชัน ดันทำเลทองย่านราชพฤกษ์บูม

- กทม. เดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน ระยะทาง 7.5 กม. 6 สถานี คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2576 เพื่อแก้ปัญหาจราจร
- เส้นทางรถไฟฟ้าจะวิ่งตามแนวถนนราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นทำเลทองของที่อยู่อาศัยฝั่งธนบุรี คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ให้สูงขึ้น
- โครงการจะเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นอีก 4 สาย ทำให้สถานีบางหว้าและตลิ่งชันกลายเป็นศูนย์กลางคมนาคมที่สำคัญ ช่วยให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองสะดวกยิ่งขึ้น
“โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม ตอนที่ 3 ช่วงบางหว้า – ตลิ่งชัน” เป็นส่วนหนึ่งในแผนการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล (พื้นที่ต่อเนื่อง) ระยะที่ 2 หรือ M-MAP 2 เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรบนถนนเพชรเกษมและถนนราชพฤกษ์ในปัจจุบัน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา “กรุงเทพมหานคร” หรือกทม.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาโครงการดังกล่าวและเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนโครงการหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน (Market Sounding Stakeholder Forum) ให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ทั้งนี้จากผลการศึกษาเดิมมีมูลค่าทั้งโครงการฯรวม 33,937 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าก่อสร้างงานโยธา 11,050 ล้านบาท ค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณฯ 3,019 ล้านบาท ค่าบริการทางวิศวกรรม 734 ล้านบาท ค่าบำรุงรักษา 15,029 ล้านบาท ค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้า 2,100 ล้านบาท ค่าจัดการค่าโดยสาร 752 ล้านบาท ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 1,252 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีพบว่าโครงการการลงทุนดังกล่าวต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ซึ่งหากเป็นการลงทุนจากภาครัฐเพียงอย่างเดียวนั้น จะไม่สามารถระดมเงินทุนได้เพียงพอ เนื่องจากมีข้อจำกัดในด้านการระดมทุนและการดำเนินนโยบายด้านการลงทุนที่ต้องคำนึงถึงเสถียรภาพการคลังของประเทศด้วย นอกเหนือจากการใช้เงินกู้ทั้งจากต่างประเทศและภายในประเทศ
นอกจากนี้ตามแผนจะกำหนดศึกษาและจัดทำรายงานร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนภายในปี 2569 ก่อนเสนอไปยัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และคณะกรรมการ (บอร์ด) PPP จากนั้นจะเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการภายในปี 2570 โดยดำเนินการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ในปี 2570 -2571 และดำเนินก่อสร้างโครงการระหว่าง ปี 2572 – 2575 และพร้อมเปิดให้บริการ ในปี 2576
นายกษิดิ วิชิตอักษรพงศ์ ผู้จัดการโครงการฯ กล่าวว่า ศักยภาพทำเลที่ดินในการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานีของโครงการนี้คาดว่าสามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะบริเวรที่มีจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งทางบริษัทที่ปรึกษาจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณาและหารือร่วมกับกทม.ต่อไป
“บริษัทเชื่อว่าเมื่อมีรถไฟฟ้าเข้ามาถึงในพื้นที่ของโครงการฯจะทำให้เศรษฐกิจสามารถไปต่อได้ตามแนวเส้นทางของสถานีต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจบริเวณนี้มีความเจริญมากขึ้น ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการที่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก” นายกษิดิ กล่าว
สำหรับที่ดินในบริเวณแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายนี้ถือว่ามีศักยภาพสูงมาก เนื่องจากเป็นโครงการที่เชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนเดิมที่สถานีบางหว้าและวิ่งไปตามแนวถนนราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นถนนสายหลักในฝั่งธนบุรี และยังเป็นทำเลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันศักยภาพทำเลที่ดินและโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว (สีลม) ตอนที่ 3 ช่วงบางหว้า – ตลิ่งชัน พบว่า พื้นที่บริเวณสถานีบางหว้าถือเป็นฮับการเดินทางสำคัญ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อ (Interchange) ที่สมบูรณ์แบบระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียวและรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน โดยโครงการส่วนต่อขยายสายสีลมนี้ ทำให้พื้นที่นี้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญ ไม่เพียงเท่านี้ด้วยศักยภาพของทำเลนี้ดึงดูดการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภท ทั้งคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบ รองรับความต้องการของคนทำงานและนักศึกษาที่ต้องการเข้าถึงใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก
ขณะที่ถนนราชพฤกษ์ถือเป็นทำเลทองสำหรับที่อยู่อาศัย ซึ่งแนวเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายนี้จะพาดผ่านถนนราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับย่านที่อยู่อาศัยหนาแน่น โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมระดับกลางถึงบน ตลอดจนการมีรถไฟฟ้าพาดผ่านจะเพิ่มมูลค่าที่ดินและโครงการอสังหาริมทรัพย์ในย่านนี้อย่างก้าวกระโดด เนื่องจากช่วยลดระยะเวลาการเดินทางเข้าเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัดบนถนนราชพฤกษ์ได้ในระยะยาว
ฟากพื้นที่บริเวณตลิ่งชันยังคงเป็นอีกหนึ่งทำเลแห่งอนาคต เนื่องสถานีตลิ่งชันเป็นปลายทางของโครงการจะเชื่อมต่อกับรถไฟสายสีแดงอ่อน ทำให้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นศูนย์กลางการคมนาคมแห่งใหม่ที่เชื่อมต่อระหว่างฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ และพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ด้วยศักยภาพของทำเลนี้ยังคงมีพื้นที่เปล่าและที่ดินแปลงใหญ่ให้พัฒนาอีกมาก เหมาะสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ โครงการที่อยู่อาศัยผสมผสาน หรือศูนย์การค้า ซึ่งรองรับการขยายตัวของเมืองโดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งธนบุรี
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว (สีลม) ตอนที่ 3 ช่วงบางหว้า – ตลิ่งชัน มีระยะทาง 7.5 กม. จำนวน 6 สถานี ประกอบด้วย สถานีบางแวก สถานีบางพรม สถานีบรมราชชนนี สถานีบางเชือกหนัง สถานีอินทราวาส และสถานีตลิ่งชัน สามารถเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้า 4 สาย ประกอบด้วย
1.รถไฟฟ้าสายสีเขียว (สีลม) ช่วงเวียนใหญ่-บางหว้า เชื่อมต่อที่สถานีตลิ่งชัน 2.รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-หลักสอง เชื่อมต่อที่สถานีบางหว้า 3.รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน เชื่อมต่อที่สถานีตลิ่งชัน และ 4.รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดง ช่วงศิริราช -ตลิ่งชัน-ศาลายา เชื่อมต่อที่สถานีตลิ่งชัน

อย่างไรก็ตามแนวเส้นทางของโครงการฯมีจุดเริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสบริเวณสถานีบางหว้า โดยแนวเส้นทางจะวิ่งไปทางทิศเหนือ ตามแนวเกาะกลางถนนราชพฤกษ์ ผ่านทางแยกตัดถนนบางแวก ผ่านทางแยกถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4
จากนั้นจะยกระดับข้ามทางแยกถนนบรมราชชนนี และทางด่วนสายกาญจนาภิเษก และมาสิ้นสุดโครงการที่บริเวณทางลาดลงของสะพานข้ามทางรถไฟสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน ระยะทางรวมประมาณ 7.5 กิโลเมตร รวมจำนวน 6 สถานี ได้แก่ สถานีบางแวก สถานีบางเชือกหนัง สถานีบางพรม สถานีอินทราวาส สถานีบรมราชชนนี และสถานีตลิ่งชัน
นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าจับตาถึงโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว (สีลม) ตอนที่ 3 ช่วงบางหว้า – ตลิ่งชัน หากเริ่มเดินเครื่องเปิดประมูลและก่อสร้างได้ตามแผนจะเป็นโครงการที่ช่วยดึงดูดความสนใจจากภาคเอกชนและผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายราย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่ทางบริษัทที่ปรึกษาของโครงการจะเชิญเข้าร่วมประชุมในการเปิดรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชนในครั้งถัดไป เช่น บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ,บริษัทซี.พี แลนด์ จำกัด (มหาชน) ,บริษัทสยามพิวรรธน์ จำกัด ,บริษัทธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด ,(มหาชน)
บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM,บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ,บริษัทซี.พี แลนด์ จำกัด (มหาชน) ,บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน),บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ,ฟู้ดวิลล่า ราชพฤกษ์,เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์,ศูนย์กลางตลาดดอกไม้ ปากคลองตลาดใหม่,Dunlopillo Flagship Store ราชพฤกษ์ ฯลฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“พิ้งค์” พิชฌามลณ์-คู่ผสม “ไตเติ้ล-มูนา” ประเดิมชัยเข้ารอบสอง แบดมินตัน ไชน่า มาสเตอร์ส

“พิ้งค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ หญิงเดี่ยวดาวรุ่งไทย โชว์ฟอร์มสมราคาเต็ง 2 ของรายการ เอาชนะคู่แข่งจากจีนขาดลอย 2-0 เกม เช่นเดียวกับ “ไตเติ้ล-มูนา” ที่จับคู่กันชั่วคราวแต่เล่นได้เข้าขา ไล่ต้อนคู่แข่งจากมาเลเซียสบายๆ ผ่านเข้ารอบสองในศึกแบดมินตัน ไชน่า มาสเตอร์ส 2025 ด้านชายคู่ตกรอบทั้งหมด
การแข่งขันแบดมินตันรายการ ไชน่า มาสเตอร์ส 2025 รายการระดับทัวร์ ซูเปอร์ 100 ชิงเงินรางวัลรวม 110,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,575,000 บาท ที่เมืองเป่าจี้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันพุธที่ 3 ก.ย.68 ในรอบแรก
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก “พิ้งค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ มือวางอันดับ 2 ของรายการ มืออันดับ 49 ของโลก พบกับ เจีย ซี่ฟาน มืออันดับ 429 ของโลกจากจีน
เกมแรก พิ้งค์ พิชฌามลณ์ เริ่มต้นได้อย่างแข็งแกร่งและเหนือกว่าชัดเจน ทำคะแนนนำห่างตั้งแต่ต้นเกม ด้วยการเล่นที่หลากหลายและลูกตบที่หนักหน่วง ทำให้เจีย ซี่ฟาน ไม่สามารถต้านทานได้ ทำให้ พิ้งค์ พิชฌามลณ์ เอาชนะไปได้ที่ 21-13
เกมสอง สถานการณ์ยังคงเป็นของ พิ้งค์ พิชฌามลณ์อย่างต่อเนื่อง เธอควบคุมเกมได้ทั้งหมดและไม่เปิดโอกาสให้ เจีย ซี่ฟาน ได้ทำคะแนนไล่ตามได้อย่างถนัดนัก แม้ว่า เจีย ซี่ฟาน จะพยายามสู้ แต่ก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ แล้วเป็นพิ้งค์ พิชฌามลณ์ มาปิดแมตช์เอาชนะไปแบบง่ายดายที่ 21-13 ทำให้เอาชนะไปได้ 2-0 เกม “พิ้งค์” พิชฌามลณ์ ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ หยิน ยี่ชิง จากจีน
ด้าน “เจเจ” ณัฏฐ์นลิน รัตนภาณุวงศ์ มืออันดับ 162 ของโลก แพ้ เจิ้ง ซินหยาน จากจีน 0-2 เกม 10-21 และ 10-21
ประเภทคู่ผสม รอบแรก “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “มูนา” เบญญาภา เอี่ยมสอาด ที่จับคู่เป็นการชั่วคราว พบกับ ตัน เคียงเหว่ย กับ ตัน เซินทิง คู่มืออันดับ 203 ของโลกจากมาเลเซีย เกมนี้ คู่ ไตเติ้ล กับ มูนา ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะไปแบบไม่ยาดเย็น 2-0 เกม 21-11 และ 21-10 “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค กับ “มูนา” เบญญาภา ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ ลู่ เฉิน กับ หลิน เยนหยู คู่มืออันดับ 183 ของโลกจากไต้หวัน
ประเภทชายคู่ รอบแรก “ต้น”ธนวินท์ มาดี กับ “อเล็กซ์” วชิรวิทย์ โสทน คู่มืออันดับ 133 ของโลก แพ้ เฉิน ซูจุน กับ กัว รัวฮาน คู่มืออันดับ 100 ของโลกจากจีน 0-2 เกม 14-21 และ 15-21 , “วิว” ธีธัช จินตมุทธา กับ “ทีม” วรพล ทองสง่า คู่มืออันดับ 383 ของโลก แพ้ ชาง โกฉี กับ โป ลี่เว่ย คู่มือวางอันดับ 4 ของรายการ คู่มืออันดับ 54 ของโลกจากไชนีส ไทเป 0-2 เกม 19-21 , 21-23 , “ภีม” ภรัณยู ขาวสำอางค์ กับ ปุ้น ธนดล พันธ์พานิช คู่มืออันดับ 92 ของโลก แพ้ เฉิน ซี่เรย์ กับ หลิน หยูเชี๊ยะ คู่มือวางอันดับ 2 รายการ คู่มืออันดับ 40 ของโลกจากไชนีสไทเป
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
อันตรายกว่าที่คิด! กินมื้อเย็นดึกเกินไป ร่างกายเสี่ยงอะไรบ้าง?

หลายคนติดนิสัยกินมื้อเย็นดึกเพราะงานยุ่งหรือกลับบ้านช้า แต่รู้หรือไม่ว่าการกินผิดเวลาอาจส่งผลเสียต่อร่างกายและการนอนมากกว่าที่คิด
ทำไมการกินมื้อเย็นดึกไม่ดีต่อร่างกาย
ร่างกายมีวงจรชีวภาพ (Circadian Rhythm) ที่ควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร หากกินมื้อเย็นใกล้เวลานอนเกินไป ระบบย่อยอาจทำงานไม่ทัน ทำให้ร่างกายพักผ่อนได้ไม่เต็มที่
ความเสี่ยงจากการกินมื้อเย็นดึก
เสี่ยงโรคอ้วน
เมื่อกินแล้วเข้านอนทันที ร่างกายมีโอกาสเผาผลาญพลังงานน้อยลง พลังงานส่วนเกินจึงสะสมเป็นไขมัน
กรดไหลย้อนและแน่นท้อง
การนอนหลังทานอาหารไม่นานทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาได้ง่าย เกิดอาการจุกแน่นหรือแสบร้อนกลางอก
คุณภาพการนอนลดลง
ร่างกายต้องทำงานย่อยอาหารต่อเนื่อง ทำให้หลับยาก นอนหลับไม่สนิท และอาจตื่นบ่อยกลางดึก
เพิ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
มีงานวิจัยบางส่วนพบว่าการกินมื้อดึกบ่อยๆ อาจสัมพันธ์กับการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจในระยะยาว
เวลาที่เหมาะสมในการกินมื้อเย็น
ควรกินมื้อเย็นก่อนนอนอย่างน้อย 2–3 ชั่วโมง เพื่อให้ระบบย่อยมีเวลาทำงาน และเลือกอาหารย่อยง่าย เช่น ข้าวกล้อง ผัก ปลา ไก่ หรือซุปใส
วิธีปรับตัวสำหรับคนที่เลี่ยงการกินดึกไม่ได้
- เลือกอาหารเบาๆ เช่น สลัด ไข่ต้ม ซุปผัก
- หลีกเลี่ยงอาหารมัน ของทอด และรสจัด
- ลดปริมาณแป้งและน้ำตาล
- ดื่มน้ำอุ่นแทนน้ำเย็นเพื่อช่วยระบบย่อย
- หากหิวจริงๆ ให้เน้นผลไม้ย่อยง่าย เช่น แอปเปิ้ลหรือกีวี
การกินมื้อเย็นดึกไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะส่งผลต่อทั้งน้ำหนัก การย่อย และคุณภาพการนอน หากจำเป็นต้องกิน ควรเลือกอาหารที่ย่อยง่ายและกินปริมาณน้อย พร้อมจัดเวลาห่างจากการนอน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษหมวดอาหาร พร้อมคำอ่าน เมนูตัวอย่าง และประโยคใช้จริง

ทำไมควรรู้คำศัพท์อาหารภาษาอังกฤษ?
ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอาหารเป็นหนึ่งในคำศัพท์พื้นฐานที่ควรรู้ เพราะไม่ว่าเราจะเดินทางไปต่างประเทศ, ทำงานในร้านอาหาร, หรือแค่สั่งอาหารในแอป ก็ต้องใช้คำเหล่านี้
หมวดที่ 1: ประเภทอาหาร (Types of Food)
ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน (ไทย) | ความหมาย |
---|---|---|
Appetizer | แอ๊พ-พิ-ไท-เซอร์ | อาหารเรียกน้ำย่อย |
Main course | เมน คอร์ส | อาหารจานหลัก |
Dessert | ดิ-เซิร์ท | ของหวาน |
Snack | สแน็ค | ของว่าง |
Beverage | เบ๊ฟ-เวอ-ริจ | เครื่องดื่ม |
Side dish | ไซด์ ดิช | อาหารเคียง |
Fast food | ฟาสต์ ฟู้ด | อาหารจานด่วน |
Junk food | จังก์ ฟู้ด | อาหารไม่มีประโยชน์ |
Street food | สตรีท ฟู้ด | อาหารข้างทาง |
หมวดที่ 2: หมวดอาหารประเภทเนื้อ (Meat & Protein)
ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน (ไทย) | ความหมาย |
---|---|---|
Chicken | ชิ-เค่น | ไก่ |
Pork | พอร์ค | หมู |
Beef | บีฟ | เนื้อวัว |
Lamb | แลมบ์ | เนื้อแกะ |
Duck | ดัค | เป็ด |
Fish | ฟิช | ปลา |
Seafood | ซี-ฟู้ด | อาหารทะเล |
Shrimp / Prawn | ชริมพ์ / พรอน | กุ้ง |
Crab | แครบ | ปู |
Tofu | โทฟู | เต้าหู้ |
ตัวอย่างประโยค:
- I’ll have grilled chicken with rice.
(ฉันขอไก่ย่างกับข้าวค่ะ)
หมวดที่ 3: ผักและผลไม้ (Vegetables & Fruits)
ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน (ไทย) | ความหมาย |
---|---|---|
Lettuce | เลท-ทิส | ผักกาดหอม |
Cabbage | แค๊บ-เบจ | กะหล่ำปลี |
Spinach | สปิ-นิช | ผักโขม |
Carrot | แค-รอท | แครอท |
Onion | อัน-ยัน | หัวหอม |
Garlic | การ์-ลิค | กระเทียม |
Apple | แอ๊พ-เพิล | แอปเปิล |
Banana | บะ-นา-น่า | กล้วย |
Mango | แมง-โก | มะม่วง |
Watermelon | วอ-เทอร์-เมล-ลัน | แตงโม |
📌 ตัวอย่างประโยค:
- I’d like a salad with lettuce and tomato.
(ฉันอยากได้สลัดใส่ผักกาดหอมและมะเขือเทศ)
หมวดที่ 4: ขนมปัง แป้ง และของอบ (Bread & Bakery)
ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน (ไทย) | ความหมาย |
---|---|---|
Bread | เบรด | ขนมปัง |
Toast | โทสท์ | ขนมปังปิ้ง |
Croissant | ครัว-ซอง | ครัวซองต์ |
Cake | เค้ก | เค้ก |
Donut | โด-นัท | โดนัท |
Muffin | มัฟ-ฟิน | มัฟฟิน |
Pancake | แพน-เค้ก | แพนเค้ก |
Pie | พาย | พาย |
Cookie | คุ้ก-กี้ | คุกกี้ |
หมวดที่ 5: เมนูอาหารทั่วไปในร้าน (Common Menu Items)
ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน (ไทย) | ความหมาย |
---|---|---|
Fried rice | ไฟรด์ ไรซ์ | ข้าวผัด |
Noodles | นู-เดิลส์ | ก๋วยเตี๋ยว |
Spaghetti | สปา-เก็ต-ตี้ | สปาเกตตี้ |
Hamburger | แฮม-เบอร์-เกอร์ | แฮมเบอร์เกอร์ |
Sandwich | แซน-วิช | แซนด์วิช |
French fries | เฟรนช์ ฟรายส์ | มันฝรั่งทอด |
Pizza | พิซ-ซ่า | พิซซ่า |
Omelette | ออม-เล็ท | ไข่เจียว |
Soup | ซุป | ซุป |
หมวดที่ 6: เครื่องปรุงรส (Seasonings & Condiments)
ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน (ไทย) | ความหมาย |
---|---|---|
Salt | ซอลท์ | เกลือ |
Pepper | เพพ-เพอร์ | พริกไทย |
Sugar | ชู-การ์ | น้ำตาล |
Ketchup | เค็ท-ฉัพ | ซอสมะเขือเทศ |
Mustard | มัส-ตาร์ด | มัสตาร์ด |
Chili sauce | ชิ-ลิ ซอส | ซอสพริก |
Soy sauce | ซอย ซอส | ซีอิ๊ว |
Vinegar | วิน-เน-การ์ | น้ำส้มสายชู |
Fish sauce | ฟิช ซอส | น้ำปลา |
หมวดที่ 7: เครื่องดื่ม (Drinks & Beverages)
ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน (ไทย) | ความหมาย |
---|---|---|
Water | วอ-เทอร์ | น้ำเปล่า |
Ice | ไอซ์ | น้ำแข็ง |
Juice | จูซ | น้ำผลไม้ |
Coffee | คอฟ-ฟี่ | กาแฟ |
Tea | ที | ชา |
Milk | มิลค์ | นม |
Soda | โซ-ดา | น้ำอัดลม |
Beer | เบียร์ | เบียร์ |
Wine | ไวน์ | ไวน์ |
หมวดที่ 8: ประโยคที่ใช้เวลา “สั่งอาหาร”
ภาษาอังกฤษ | คำอ่าน (ไทย) | แปลไทย |
---|---|---|
I’d like to order… | ไอด ไลค์ ทู ออเดอร์… | ฉันอยากสั่ง… |
Can I see the menu, please? | แคน ไอ ซี เดอะ เมนยู พลีส | ขอเมนูหน่อยได้ไหม |
What do you recommend? | วอท ดู ยู เร็ค-คอม-เมนด์ | คุณแนะนำอะไร |
I’ll have… | ไอล์ แฮฟ… | ฉันขอเป็น… |
No onions, please. | โน อัน-ยันส์ พลีส | ไม่ใส่หอมนะคะ |
Can I have the bill, please? | แคน ไอ แฮฟ เดอะ บิล พลีส | ขอบิลด้วยค่ะ |
เทคนิคจำคำศัพท์อาหารให้แม่น
- จัดหมวดหมู่ไว้ในสมอง (เช่น เมนูหลัก, เครื่องดื่ม, ของหวาน)
- ฝึกออกเสียงพร้อมคำอ่าน ซ้ำทุกวัน
- ดูเมนูร้านอาหารจริงเป็นภาษาอังกฤษ แล้วจับคู่คำที่รู้
- จด 3 คำใหม่ทุกวัน แล้วแต่งประโยคใช้ในชีวิตจริง
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
ไทยอันดับ2 เทคโนโลยีการแพทย์ ใช้ AI เชื่อมต่อเข้าถึงการดูแลสุขภาพ

- ประเทศไทยได้รับการชื่นชมในความพยายามด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำ หรืออันดับสองในอาเซียน แต่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากรและงบประมาณ
- การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของผู้คน เป็นปัญหาใหญ่ที่หลายๆ ประเทศกำลังเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทท้องถิ่นชุมชน ซึ่งไทยมีความจำเป็นต้องเชื่อมโยงการบริการทางการแพทย์
- ฟิลิปส์ มีการสนับสนุนเทคโนโลยีทางการแพทย์ของไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อสร้างการเข้าถึงและความเท่าเทียมในการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับคนไทย
จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกรุงศรี พบว่ามูลค่าตลาดเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย รวมส่งออกมีมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าในปี 2566-2568 ตลาดเครื่องมือแพทย์ของไทยจะเติบโตเฉลี่ย 5.5-7.0% ต่อปี ซึ่งระบบสาธารณสุขทั่วโลกยังเผชิญข้อจำกัดด้านทรัพยากรและงบประมาณ โรงพยาบาลหลายแห่งยังใช้ระบบที่ไม่สามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้เต็มที่
ขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 ทั่วโลกจะขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ถึง 15 ล้านคน และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ถึง 6.9 ล้านคน ส่งผลถึงระบบสาธารณสุขและการจัดการผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่มีความท้าทายมากขึ้น
เมื่อความต้องการและจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ฟิลิปส์ (PHILIPS)ในฐานะผู้นำด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกจึงไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ เพื่อรองรับความต้องการและสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะนวัตกรรมในพอร์ตโฟลิโอ Connected Care เพื่อการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่องตลอดการดูแลรักษา
อัปสุขภาพกว่า2.5พันล้านคนทั่วโลก
จูเลีย สแตรนเบิร์ก ประธานฝ่ายธุรกิจ Monitoring & Connected Care รอยัล ฟิลิปส์ ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” เกี่ยวกับ “บทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัล ต่อการยกระดับการบริการด้านสุขภาพและสาธารณสุข”ว่า ฟิลิปส์มีพันธกิจสำคัญในการยกระดับสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนกว่า 2.5 พันล้านคนทั่วโลก ปัจจุบันโซลูชัน Hospital Patient Monitoring (HPM) และ Connected Care ของฟิลิปส์ได้ช่วยดูแลผู้ป่วยมาแล้วกว่า 700 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งเทคโนโลยี Virtual Care (บริการดูแลรักษาเสมือนผ่านทางออนไลน์) ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงระบบสาธารณสุขและการรักษาได้มากขึ้น
“พอร์ตโฟลิโอเครื่องมือทางการแพทย์ในกลุ่ม Connected Care เป็นโซลูชันที่เชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อตั้งแต่การดูแลรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลไปถึงการดูแลต่อที่บ้าน การเชื่อมต่อข้อมูลจากทางไกลมาสู่ศูนย์กลาง เพื่อปรึกษาแพทย์เฉพาะทางหรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดการข้อมูลของผู้ป่วยจากหลากหลายอุปกรณ์มาไว้ในที่เดียว ทำให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้สะดวกยิ่งขึ้น” จูเลีย กล่าว

หนุนการเข้าถึง-เท่าเทียมดูแล
จูเลีย กล่าวต่อว่าประเทศไทยได้รับการชื่นชมในความพยายามด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำ หรืออันดับสองในอาเซียน แต่ทั้งนี้ ข้อจำกัดของการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย คือ ทรัพยากรและงบประมาณ ที่อาจจะต้องใช้จำนวนมาก รวมถึงข้อระเบียบต่างๆ ในแต่ละประเทศ
“เทคโนโลยีทางการแพทย์” จะเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่สามารถช่วยยกระดับบริการสุขภาพให้ได้มาตรฐานสากล เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก สร้างโอกาสการเข้าถึงการรักษาที่เท่าเทียม, ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ให้พึ่งพาตนเองได้มากขึ้น ลดการพึ่งพาการนำเข้า และสร้างงานใหม่ๆ จาก Health Tech Startup
จูเลีย กล่าวต่อว่าฟิลิปส์ มีการสนับสนุนเทคโนโลยีทางการแพทย์ของไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อสร้างการเข้าถึงและความเท่าเทียมในการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้นสำหรับคนไทย เช่น ในอดีตมีการบริจาคอุปกรณ์ เช่น เครื่องติดตามผู้ป่วย 100 เครื่อง มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท ให้กับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อช่วยโรงพยาบาลที่ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 หรือการบริจาคเครื่องอัลตราซาวด์หัวใจ (Echo Chirograph) ให้กับโรงพยาบาลบางแห่ง ร่วมกับสมาคมโรคหัวใจแห่งประเทศไทย ในการออกหน่วยเคลื่อนที่ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชนบท”
“การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของผู้คน เป็นปัญหาใหญ่ที่หลายๆ ประเทศกำลังเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทท้องถิ่นชุมชน ซึ่งไทยมีความจำเป็นต้องเชื่อมโยงการบริการทางการแพทย์ ฟิลิปส์ได้มีการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาให้บริการในโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลเอกชน รวมทั้งนวัตกรรมใหม่ๆ และ “Mobility applications” โดยมุ่งเน้นเครื่องมือแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคหัวใจ และโรคปอด ที่พบผู้ป่วยจำนวนมาก” จูเลีย กล่าว
AI ช่วยประมวลผล คาดการณ์ล่วงหน้า
ประเทศไทยอยู่ใน “shortlist” ที่จะเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ “Philips” จะเปิดตัวในเวลาอันสั้นหลังจากเปิดตัวทั่วโลก และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ ความปลอดภัย และนโยบายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดสำหรับการลงทะเบียน
จูเลีย กล่าวด้วยว่าวิกฤติทางด้านเศรษฐกิจ ความขัดแย้งของสงคราม หรือการปรับอัตราภาษีของสหรัฐ อาจจะไม่ได้กระทบต่อการนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งทิศทางของฟิลิปส์จะยังคงเน้นในด้านการเป็นโซลูชันสุขภาพที่เชื่อมต่อถึงกัน ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการประมวลผล และความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้า (predictive analytics) เพื่อคาดการณ์แนวโน้มอาการของผู้ป่วยและแจ้งเตือนล่วงหน้าให้แก่บุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ดูแลทราบ
นอกจากนั้น ฟิลิปส์ให้ความสำคัญกับการวิจัยด้าน AI และเกี่ยวกับโรคหัวใจ โดยทำงานร่วมกับนวัตกรรมในกลุ่ม Image-guided Therapy เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์และข้อมูลทั้งหมดของผู้ป่วยโรคหัวใจ ช่วยให้แพทย์และพยาบาลติดตามอาการผู้ป่วยได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะอยู่ในห้องอื่นของโรงพยาบาล หรือนอกโรงพยาบาลสามารถวินิจฉัย รักษา และติดตามอาการผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“Connected Care”เชื่อมต่อดูแลรักษา
“Connected Care” เป็นโซลูชันที่รองรับการเชื่อมต่อในการดูแลรักษา ตั้งแต่ผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลหรือแผนกฉุกเฉิน ไปจนถึงห้องผ่าตัด แผนก ICU และการพักรักษาในหอผู้ป่วยทั่วไปจนถึงช่วงพักฟื้นที่บ้าน ในประเทศไทย HPM และ Connected Care ของฟิลิปส์ถูกใช้อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่และโรงเรียนแพทย์
โดยมีหลักการสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
1.Seamless (ไร้รอยต่อ) : ข้อมูลผู้ป่วยถูกเชื่อมโยงต่อเนื่อง ตั้งแต่ห้องผ่าตัด → ICU → วอร์ดผู้ป่วยทั่วไป โดยไม่ขาดตอน ต่างจากระบบเดิมที่ข้อมูลมักหายไปเป็นช่วงๆ
2.Connected (เชื่อมต่อ) : เครื่องมือทางการแพทย์รอบเตียง เช่น เครื่องให้ยา น้ำเกลือ และข้อมูลจากห้องแล็บ ถูกเชื่อมเข้าสู่จอมอนิเตอร์ ทำให้แพทย์เห็นภาพรวมได้ทันที
3.Interoperable (แลกเปลี่ยนข้อมูลได้) : ข้อมูลผู้ป่วยสามารถส่งต่อถึงทุกแผนก แพทย์ติดตามผลตรวจหรือดูผลได้ทุกที่ ทุกเวลา ลดภาระงานซ้ำซ้อนและเพิ่มเวลาในการดูแลผู้ป่วยโดยตรง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
“สาลี่หิมะ” สาลี่จากจีน รสชาติหวานกรอบชื่นใจ กับประโชน์ดี ๆ ที่กินได้ทุกวัน

ในบรรดาผลไม้ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น สาลี่หิมะ (Snow Pear) คือหนึ่งในผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในแถบประเทศจีนและเอเชียตะวันออก ด้วยเนื้อสัมผัสที่กรอบฉ่ำ รสชาติหวานละมุน และกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้มันเป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน ไม่เพียงเท่านั้น สาลี่หิมะยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายที่ทำให้มันเป็นมากกว่าแค่ผลไม้ธรรมดา
สาลี่หิมะคืออะไร?
สาลี่หิมะ (Snow Pear) เป็นสาลี่สายพันธุ์หนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะในประเทศจีนและญี่ปุ่น มีลักษณะเด่นที่ผลมีขนาดใหญ่กว่าสาลี่ทั่วไป เปลือกบางสีเหลืองทองและมีจุดกระสีน้ำตาลเล็กน้อย เนื้อด้านในมีสีขาวนวลและละเอียด เมื่อกัดเข้าไปจะรู้สึกถึงความกรอบและฉ่ำน้ำเป็นพิเศษ รสชาติหวานละมุนและมีกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ ทำให้รู้สึกสดชื่นเมื่อรับประทาน
นอกจากจะนิยมรับประทานสดแล้ว สาลี่หิมะยังถูกนำไปประกอบอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ เช่น นำไปตุ๋นกับรังนกหรือทำเป็นน้ำเชื่อมเพื่อใช้เป็นยาบำรุงในตำรับยาจีน
ประโยชน์ของสาลี่หิมะ: อุดมด้วยใยอาหารและวิตามิน
นอกจากความอร่อยและสดชื่นแล้ว สาลี่หิมะ ยังอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง ทำให้มันเป็นผลไม้ที่เหมาะกับการบริโภคเป็นประจำทุกวัน
- ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย: สาลี่หิมะมีใยอาหารสูง ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ป้องกันอาการท้องผูก และช่วยรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหาร
- ให้ความชุ่มชื้นแก่ร่างกาย: ด้วยปริมาณน้ำที่สูงถึง 80% ของผล ทำให้สาลี่หิมะช่วยให้ร่างกายสดชื่น ดับกระหาย และชดเชยการสูญเสียน้ำได้เป็นอย่างดี
- อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ: มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง และช่วยชะลอวัย
- ดีต่อสุขภาพปอดและลำคอ: ในตำรับยาจีนเชื่อว่าสาลี่หิมะมีสรรพคุณช่วยบำรุงปอด แก้ไอและขับเสมหะได้ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บคอหรือไอ
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ใยอาหารในสาลี่ช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลคงที่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือผู้ป่วยเบาหวาน
ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ครบครันและรสชาติที่อร่อยชื่นใจ สาลี่หิมะ จึงเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่น่าสนใจและควรค่าแก่การบริโภค ซึ่งไม่เพียงแต่จะให้ความสดชื่น แต่ยังช่วยบำรุงสุขภาพได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 04/09/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 53,850.00 | 53,950.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,481.00 | 52,771.96 | 54,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 3,132.90 | 47,494.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,784.80 | 42,217.57 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,566.45 | 23,747.38 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,218.35 | 18,470.19 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,607.25 | 54,685.91 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/09/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.95 | 32.95 | 33.45 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.58 | 32.58 | 33.08 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.74 | 30.74 | 31.24 | 30.74 | 30.74 | – | 30.74 | 30.74 | 30.74 | 30.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 28.69 | 28.69 | – | – | – | – | – | – | – | 28.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.14 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 41.14 |
เบนซิน 95 | 41.24 | – | – | – | 49.81 | – | 41.74 | 41.39 | – | 41.24 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 18.55 | 18.55 | – | – | – | – | – | – | – | 18.55 |