สาระน่ารู้ประจำวันที่ 04 สิงหาคม 2566

ส่องสเปคคอนโดหรู “แอชตัน อโศก” สูง 50 ชั้น มูลค่ากว่า 6.4 พันล้านบาท

ส่องสเปคคอนโดหรู “แอชตัน อโศก” สูง 50 ชั้น มูลค่ากว่า 6.4 พันล้านบาท บนเนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน ชี้มีขนาดห้องมีตั้งแต่ 30 ตารางเมตร ถึง 64 ตารางเมตร ระบุมีการโอนห้องชุดแล้ว 87% มูลค่ากว่า 5,639 ล้านบาท มีผู้พักอาศัย 578 ครัวเรือน

จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดแผนกคดีสิ่งแวดล้อมอ่านคำพิพากษามีคำพิพากษา เพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างคอนโดมิเนียม โครงการแอชตัน อโศก โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับที่ดินทางเข้า-ออกอาคารแอชตัน อโศก ซึ่งเป็นที่ดินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) มาจากการเวนคืน จึงไม่อาจนำมาให้เอกชนใช้ในการประกอบการได้

ทั้งนี้ เมื่อกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างจึงขัดกับ พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ซึ่งกำหนดว่า อาคารสูงต้องมีทางออกด้านใดด้านหนึ่งของที่ดินยาวไม่น้อยกว่า 12 เมตร ติดถนนสาธารณะที่มีทางกว้างไม่น้อยกว่า 18 เมตร จึงมีผลทำให้ใบอนุญาตก่อสร้างไม่ชอบด้วยกฎหมาย

“ฐานเศรษฐกิจ” จะพาไปทำความรู้จักกับโครงการ “แอชตัน อโศก” คอนโดหรูใจกลางเมืองที่กำลังมีปัญหาให้มากยิ่งขึ้น

โครงการ “แอชตัน อโศก” เป็นโครงการอาคารชุด 50 ชั้น จำนวน 783 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 6,400 ล้านบาท เปิดตัวในปี 2558 ซึ่งมีบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) เป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้พัฒนาโครงการ โดยแอชตัน อโศกเป็นที่สนใจมากในยุคนั้น จากชื่อของแบรนด์แอชตัน ที่ขึ้นชื่อว่าสวย ทันสมัย ทำเลที่ตั้ง รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่น

สำหรับราคาเปิดตัวต่อตารางเมตรอยู่ที่ 200,000 บาท โดยถือว่าสูงมาก ด้วยราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท (อัปเดตปี 2564) ซึ่งต่อมาราคาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดขึ้นไปแตะถึงตารางเมตรละกว่า 300,000 บาท บนเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ 3 งาน เครื่องสาธารณูปโภคครบครัน โดยขนาดห้องมีตั้งแต่ 30 ตารางเมตร ถึง 64 ตารางเมตร 

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบที่เว็บไซต์ https://www.ddproperty.com/ เว็บไซต์ซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียม พบว่า มีการประกาศขายห้องโครงการ “แอชตัน อโศก” ขนาดใหญ่สุด 64 ตารางเมตร ด้วยราคาสูงถึง 25 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 390,625 ต่อตารางเมตรหรือห้องขนาด 31 ตารางเมตร ราคาประกาศขายอยู่ที่ 7,800,000 บาท หรือตารางเมตรละ 251,613 ต่อตารางเมตร เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการโอนห้องชุดแล้ว 87% มูลค่ากว่า 5,639 ล้านบาท มีผู้พักอาศัย 578 ครัวเรือน แบ่งเป็นคนไทย 438 ราย และลูกค้าต่างชาติ 140 รายจากทั้งสิ้น 20 ประเทศ โดยล่าสุดโครงการยังเหลือขายมูลค่า 842 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่า 2.48% ของมูลค่าโครงการเหลือขายทั้งหมด 33,973 ล้านบาท 

ด้านทำเลที่ตั้งของ “แอชตัน อโศก” นั้น ถือได้ว่าอยู่กลางเมือง โดยมีระบบการคมนาคมที่สะดวกมาก ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสุขุมวิทเพียง 20 เมตร ติดกับถนนอโศก-มนตรี ถนนเพชรบุรี และถนนสุขุมวิท 

นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าหลายแห่ง เช่น เทอร์มินอล 21 ,มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ,ศูนย์การค้าเซนทรัล เอ็มบาสซี่ ,ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ รวมถึงศูนย์กลางธุรกิจอย่างตึกจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ และอาคารอินเตอร์เชนจ์ ซึ่งถือว่าเป็นทำเลทองที่ราคามีแต่ขึ้นทุกปี

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ธุรกิจการบิน1.3 แสนล้านเดือด “พาที สารสิน’” ทุ่มพันล้านเปิดสายการบินใหม่

ธุรกิจการบิน 1.3 แสนล้านเดือด “พาที สารสิน” คว้าใบอนุญาตประกอบกิจการ “Really Cool Airlines” หลังจับมือกลุ่มเพื่อนนักธุรกิจดังทุ่ม 1,000 ล้าน ตั้งสายการบินใหม่ พร้อมลุยเปิดให้บริการไตรมาส 2 ปีหน้า เน้นจุดขาย ไลฟ์สไตล์ ฟูลเซอร์วิส

การจัดตั้งสายการบินใหม่ Really Cool Airlines ของ “พาที สารสิน” ที่หวนกลับสู่ธุรกิจการบินอีกครั้งในวัย 60 ปี หลังจากได้ลาออกจากซีอีโอสายการบินนกแอร์มาตั้งแต่ปี 2560 และหันไปทำบริษัทแพลตฟอร์มด้านท่องเที่ยว Really Cool ของตัวเองอยู่หลายปี ล่าสุดสายการบิน Really Cool Airlines (เรียลลี คูล แอร์ไลนส์)ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายการเดินอากาศ (Air Operating Licence) หรือ AOL จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) หรือกพท.แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ (Air Operator Certificate) หรือ AOC เพื่อให้สามารถปฏิบัติการบินได้ต่อไป

นายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบิน Really Cool Airlines เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ขณะนี้สายการบินได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายการเดินอากาศ หรือ AOL เรียบร้อยแล้ว เหลือขั้นตอนการออก AOC จาก CAAT ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงเดือนธันวาคมนี้

โดยสายการบินจะอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท อาร์ ซี แอร์ไลนส์ จำกัด ที่ได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทไปเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท โดยมีบริษัท เรียลลีคูลโฮลดิ้ง ถือหุ้น 100%

ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นของสายการบินจะเป็นคนไทยทั้งหมด โดยตนถือหุ้นใหญ่ ส่วนที่เหลือเป็นเพื่อนที่รู้จักกันจากหลายวงการ ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่เคยทำธุรกิจการบินมาก่อน อาทิ “ธนัช ปวรวิปุลยากร” ทำธุรกิจเกี่ยวกับท่อน้ำมัน, “มาส ตันหยงมาศ” กรรมการ บริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS

ทั้งนี้แต่ละคนมีความรู้ในแต่ละด้านที่มาแชร์ไอเดียร่วมกัน และมองเห็นเป้าหมายร่วมกันว่าสายการบินจะสามารถดึงเม็ดเงินภาคการท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ และมีแพสชันที่จะสร้างธุรกิจที่เป็น “นวัตกรรม” ของอุตสาหกรรมการบิน

การลงทุนสายการบินจะใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท โดยสายการบินจะเช่าเครื่องบินแอร์บัส A330 ซึ่งเหมาะกับการบินพิสัยกลางถึงไกลจำนวน 3 ลำ จุผู้โดยสารได้กว่า 300 คน เพื่อนำมาใช้ทำการบิน คาดว่าจะเริ่มทำการบินได้ในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า เส้นทางบินจะเริ่มต้นในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์ โตเกียว(ญี่ปุ่น) ฮ่องกง และไต้หวัน และจะเพิ่มเส้นทางยุโรปในปี 2568 โดยกลุ่มเป้าหมายกว่า 70% จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนอีก 30% เป็นผู้โดยสารคนไทย

“การกลับมาดำเนินธุรกิจสายการบินอีกครั้ง ผมมั่นใจว่ารูปแบบการทำธุรกิจจะไม่เหมือนเดิม เพราะ Really Cool Airlines เป็นสายการบิน “ไลฟ์สไตล์ ฟูลเซอร์วิส” อยู่กึ่งกลางระหว่างโลว์คอสต์กับพรีเมียม เน้นการให้บริการที่ล้ำสมัย ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีจากต่างชาติเข้ามาให้บริการ เพื่อสร้างความแตกต่าง”

นายพาที กล่าวอีกว่า ล่าสุดสายการบินก็เพิ่งจะเปิดตัวโปรแกรม ReallyCool US Digital Membership เป็นโปรแกรมสมาชิกดิจิตอลแรกของโลกในอุตสาหกรรมการบิน ที่ใช้แอปพลิเคชันแบบอินเทอร์แอคทีฟ โดยสมาชิกเลือกประสบการณ์การเดินทางของตนได้ตามต้องการ ซึ่งจะมีการเปิดขายสมาชิกกลุ่มแรกจำนวน 999 คนทั่วโลก ในราคา 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่จะได้รับสิทธิประโยชน์จากการใช้บริการสายการบินมูลค่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ

อาทิ ฟรี 2 การเดินทางไป-กลับในชั้นโดยสาร Super Cool (เทียบเท่ากับที่นั่งชั้นธุรกิจของสายการบินทั่วไป) ไม่มีวันหมดอายุ บัตรส่วนลด 50% 2 ใบต่อปีทุกปีตลอดชีพ เมื่อซื้อที่นั่งชั้น Super Cool อัปเกรดที่นั่ง Super Cool ฟรี เมื่อซื้อที่นั่งแบบ Cool Seats (ชั้นประหยัดไป-กลับ 2 ใบต่อปี) ตลอดชีพและ Surprise Drops จากพันธมิตรของสายการบิน ซึ่งจะรวมถึงห้องพักโรงแรมฟรี บริการรถรับส่งสนามบิน เป็นต้น โดยโปรแกรม ReallyCool US Digital Membership จะเริ่มขายในอีก 2-3 เดือนนี้ ซึ่งจากสิทธิประโยชน์ที่ดีตอนนี้คนก็สนใจจองโปรแกรมนี้ค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตามสำหรับความท้าทายของอุตสาหกรรมการบิน ยอมรับว่า ยังมีปัจจัยความเสี่ยงจากสถานการณ์โรคระบาด ความไม่แน่นอนของสงครามยูเครน-รัสเซีย สถาบันการเงินบางประเทศที่ล้ม ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบินมีความเสี่ยง เราจึงต้องวางแผนให้ดี เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ป้องกันให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด เน้นความปลอดภัยผู้โดยสารเป็นหลัก โดยเป้าหมายในระยะยาว ไม่ได้เน้นที่จำนวนเครื่องบิน เพราะต้องดูว่าตลาดต้องการอะไร แต่ยืนยันว่าจะเน้นผู้โดยสารเป็นสำคัญโดยเฉพาะความปลอดภัยในระดับสากล

“มองว่าอุตสาหกรรมการบินยังมีปัญหาเรื่องสายการบิน สนามบิน ตารางการบินที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด จึงมองว่าในระยะ 2-3 ปีนี้ อุตสาหกรรมการบินจะยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติเหมือนช่วงก่อนเกิดโควิดได้ เราไม่ได้คาดหวังว่าเราจะเป็นสายการบินที่ดีที่สุดของวงการ แต่เราจะเป็นสายการบินที่มีนวัตกรรมก้าวหน้ามากที่สุด” นายพาที กล่าว

สำหรับรายละเอียดการถือหุ้นของ บริษัท อาร์ ซี แอร์ไลนส์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจสายการบินภายใต้แบรนด์ “Really Cool Airlines” ผู้ถือหุ้นอันดับ 1 คือ บริษัท เรียลลีคูลโฮลดิ้ง จำกัด สัดส่วน 100% จำนวน 199,998 หุ้น, นายธนัช ปวรวิปุลยากร และนายพาที สารสิน ถือคนละ 1 หุ้น บริษัทมีกรรมการ 3 คน คือ นายพาที สารสิน นายธนัช ปวรวิปุลยากร และนายมาส ตันหยงมาศ

ส่วนบริษัท เรียลลีคูลโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น100% ในบริษัท อาร์ ซี แอร์ไลนส์ จำกัด มีนายพาที สารสิน ถือหุ้น 57% จำนวน 114,000 หุ้น, บริษัท รัชตะธรรม จำกัด ถือหุ้น 27% จำนวน 54,000 หุ้น, นายธนัช ปวรวิปุลยากร ถือหุ้น 15% จำนวน 30,000 หุ้น นายมาส ตันหยงมาศ ถือหุ้น 1% จำนวน 2,000 หุ้น มีกรรมการ 3 คน คือ นายพาที สารสิน, นายธนัช ปวรวิปุลยากร และนายมาส ตันหยงมาศ

สำหรับอุตสาหกรรมธุรกิจการบินสัญชาติไทยมีมูลค่าประมาณ 3.2 แสนล้านบาท แต่จากโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจหดตัว โดยในปี 2565 พบว่ามีมูลค่าราว 1.2-1.3 แสนล้านบาท คิดเป็น 40% ของมูลค่าอุตสาหกรรมโดยรวมในปี 2562 และในปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยธุรกิจสายการบินรายใหญ่ของไทยจะมีทั้งสายการบินแบบเช่าเหมาลำ และสายการบินที่ทำการบินแบบประจำ

โดยมีจำนวน 7 สายการบินที่เป็นสายการบินรายใหญ่ที่ทำการบินแบบประจำที่ครองส่วนแบ่งในตลาด ได้แก่ การบินไทย, นกแอร์,ไทยสมายล์, ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์, ไทย เวียตเจ็ท, ไทยไลอ้อนแอร์,ไทยแอร์เอเชีย ซึ่งการเข้าขึ้นของ Really Cool Airlines ก็จะต้องเผชิญกับคู่แข่งเหล่านี้

ทั้งนี้นอกจาก Really Cool Airlines ยังมีสายการบินใหม่ที่อยู่ระหว่างขอไลเซ้นท์เพื่อจัดตั้งสายการบิน อาทิ P 80 แอร์ ของนายประยุทธ มหากิจศิริ สายการบินแลนดาร์ช แอร์ไลน์ ที่อยู่ระหว่างพิจารณา

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 4ส.ค. “แข็งค่า” ที่ระดับ 34.58 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ หลังการเมืองในประเทศกดดันให้นักลงทุนต่างชาติเทขายสินทรัพย์ไทย ไฮไลท์วันนี้อยู่ที่ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ฝั่งไทยลุ้นการจัดตั้งว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลใหม่และโหวตเลือกนายกฯ

ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 4 ส.ค.2566 ที่ระดับ  34.58 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.68 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่า  แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า ในระยะสั้น เงินบาทอาจยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดเผชิญความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทยอีกครั้ง ที่ล่าสุดได้กดดันให้นักลงทุนต่างชาติ ต่างเทขายสินทรัพย์ไทยอีกครั้ง

นอกจากนี้ ในส่วนของทิศทางเงินดอลลาร์นั้น แม้ว่าเงินดอลลาร์อาจจะอ่อนค่าลงมาบ้าง แต่เงินดอลลาร์ก็ยังพอได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงตลาดผันผวนสูง ทำให้ต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ว่าจะออกมาในทิศทางใด โดยหากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม

รวมถึง อัตราการเติบโตของค่าจ้าง ชะลอลงต่อเนื่อง และออกมาต่ำกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดคงไม่เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ส่งผลให้เงินดอลลาร์มีโอกาสอ่อนค่าต่อได้ (ดัชนี DXY อาจปรับตัวลดลงสู่ระดับ 102 จุด หรือ ต่ำกว่า แต่อาจไม่ต่ำกว่าระดับ 101.5 จุด)

ในทางกลับกัน หากรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด เงินดอลลาร์ก็อาจยังพอมีแรงหนุนให้แข็งค่าขึ้นได้บ้าง แต่การแข็งค่าก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นส่วนใหญ่ในตลาดต่างก็มีสถานะ Short เงินดอลลาร์อยู่ (มองเงินดอลลาร์อ่อนค่า)

ทั้งนี้ เราคงประเมินโซนแนวต้านของเงินบาทแถว 34.75 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากเรายังคงเห็นแรงขายเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาดอยู่บ้าง แต่หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุระดับดังกล่าว ก็มีโอกาสเห็นเงินบาทอ่อนค่ากลับไปทดสอบโซน 34.90-35 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน ขณะที่โซนแนวรับในช่วงนี้ อาจอยู่ในช่วง 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าจะคลี่คลายลงถึงจะเห็นการกลับมาแข็งค่าที่ชัดเจนของเงินบาทได้

เราคงคำแนะนำว่า ในช่วงที่ตลาดการเงินยังมีความผันผวนสูงจากทั้งปัจจัยการเมืองไทยและบรรยากาศในตลาดการเงินที่อาจพลิกไปมาในช่วงนี้ ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.45-34.70 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ

และคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.35-34.80 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ

โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาททยอยกลับมาแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 34.55-34.70 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง ตามรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการที่ออกมาแย่กว่าคาด และการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ตามที่เราได้ประเมินไว้ หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 5.25% พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อให้สำเร็จ

บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยง โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.25% หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 4.18% กดดันให้หุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ยังไม่สามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้ชัดเจนนัก ขณะเดียวกันผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลประกอบการของบริษัทเทคฯ ใหญ่ ทั้ง Apple และ Amazon นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ ที่ออกมาแย่กว่าคาด

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.63% ท่ามกลางความผิดหวังของผู้เล่นในตลาดต่อรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัว ที่สะท้อนผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการที่ปรับตัวลดลง แย่กว่าคาด ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (TotalEnergies +1.9%) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า +3%

ในฝั่งตลาดบอนด์ แรงขายบอนด์ระยะยาวฝั่งสหรัฐฯ ยังคงมีอยู่บ้าง ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 4.18% อีกครั้ง ซึ่งเราคงมุมมองเดิมว่า นักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวได้ (ยังคงเน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) เนื่องจาก Risk-Reward ถือว่าน่าสนใจ

โดยเราประเมินว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจมีอีกไม่มากนัก (มองบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ทะลุระดับ 4.30%) ขณะที่ การปรับตัวลดลงยังมีโอกาสพอสมควร (คงเป้าปลายปี บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แถว 3.50%) ในกรณีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง หรือ เฟดเริ่มส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงิน

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก กดดันโดยการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินปอนด์ หลัง BOE ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด พร้อมส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการที่ออกมาแย่กว่าคาด

ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า เฟดอาจไม่สามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ ส่งผลให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) แกว่งตัวใกล้ระดับ 102.5 จุด (กรอบการเคลื่อนไหว 102.4-102.8 จุด ในช่วงคืนที่ผ่านมา)

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะย่อตัวลงบ้าง แต่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ยังปรับตัวสูงขึ้นและมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้บ้างในระยะสั้น ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงแกว่งตัว sideway ใกล้ระดับ 1,970 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะถัดไปได้ โดยตลาดประเมินว่า ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อาจเพิ่มขึ้น 2 แสนตำแหน่ง ทำให้อัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 3.6% สะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ตลาดแรงงานอาจลดความตึงตัวลง สอดคล้องกับยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings) ที่อาจลดลงต่อเนื่อง ตามภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ซึ่งภาพดังกล่าวอาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) ลดลงสู่ระดับ +4.2%y/y ทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอาจคลายกังวลต่อแรงกดดันเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ เรามองว่า รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ยังคงเป็นปัจจัยที่ควรติดตามใกล้ชิดและอาจส่งผลต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ และส่วนในฝั่งไทย สถานการณ์การเมืองไทยจะยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อรอลุ้นการจัดตั้งว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลใหม่และการโหวตเลือกนายกฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 34.72 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะกลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 34.66-34.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.40 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.64 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทยังมีแรงกดดันด้านอ่อนค่าท่ามกลางสัญญาณที่สะท้อนว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง

ประกอบกับเงินหยวนยังคงเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่าและมีความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในประเทศ อย่างไรก็ดีคงต้องระวังความผันผวนในระหว่างวัน เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในคืนนี้อย่างใกล้ชิด 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 34.45-34.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ประเด็นทางการเมือง ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานของสหรัฐฯ เดือนก.ค.

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ยิ้มแฉ่งเข้าที่โหล่! โซเชียลเดือด “สาวนักวิ่งเก๊โซมาเลีย” ใช้เส้นสายลงกีฬาม.โลก

ข่าวใหญ่ระดับประเทศโซมาเลียและวงการกรีฑาโลก เมื่อมีนักกีฬาตัวปลอมรายหนึ่งเข้าร่วมการแข่งขันในกีฬามหาวิทยาลัยโลก ก่อนจะทำผลงานได้ชนิดที่ใครเห็นก็ต้องช็อก

เหตุการณ์นี้กลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดีย ที่พากันแชร์คลิปการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรหญิง ในศึกกีฬามหาวิทยาลัยโลก เมืองหางโจว ประเทศจีน ในคลิปดังกล่าว “นาสรา อาบูบาการ์ อาลี” ตัวแทนทีมชาติโซมาเลีย วิ่งเข้าเส้นชัยรั้งท้ายด้วยเวลา 21.81 วินาที มากกว่าคนที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 กว่า 10 วินาทีเลยทีเดียว

หลังจากนั้นชาวเน็ตโซมาเลียต่างพากันสับเละ ลงความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า อาลี ไม่ใช่นักกีฬาตัวจริงแน่นอน เพราะแค่ยังไม่ทันออกสตาร์ทก็โป๊ะแล้ว เมื่อรูปร่างของเธอไม่ใกล้เคียงกับบรรดาคู่แข่งจากชาติอื่น นอกจากนี้ จังหวะวิ่งเข้าเส้นชัย อาลี มีท่าทียิ้มแย้ม แถมกระโดดเหมือนเด็กกำลังเล่นสนุก

สุดท้ายเรื่องนี้ไม่พ้นโดนแฉ เมื่อชาวเน็ตไปสืบประวัติก่อนพบว่าเธอไม่ใช่นักกรีฑาตามคาด แต่เป็นญาติหรือคนรู้จักของคนในสหพันธ์กรีฑาโซมาเลีย แถมทริปนี้เธอใช้เส้นสายร่วมเดินทางมาหางโจวเพื่อท่องเที่ยว แล้วใช้โอกาสนี้ลงแข่งขันเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น

ด้านกระทรวงเยาวชนและกีฬาของโซมาเลียได้ออกแถลงการณ์ว่า ผลการสอบสวน อาลี ไม่ใช่นักกีฬา ไม่เคยมีประสบการณ์แข่งขันมาก่อน ส่งผลให้ คาดิโจ อาเดน ดาเฮียร์ ประธานสหพันธ์กรีฑาของโซมาเลียพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสียชื่อเสียง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


5 วิธีลดความเครียด ฉบับวัยทำงาน

สิ่งที่ตามมาจากการทำงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือความเครียดและมันอาจจะมากขึ้นหากใกล้ถึงเวลาส่งงาน เวลาทำโปรเจกต์ เวลาเจอเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าแย่ๆ จนมันส่งผลกระทบครอบงำชีวิตของเราได้ มันทำให้เรารู้สึกไม่มีความสุขในชีวิต นี่คือ 5 สิ่งที่ควรทำหากคุณกำลังรู้สึกแบบนี้

5 วิธีลดความเครียด ฉบับวัยทำงาน

  1. สังเกตว่าความเครียดส่งผลอะไรกับตัวเราบ้าง

เริ่มจากให้ดูก่อนว่าความเครียดนั้นส่งผลต่อตัวเรามากแค่ไหน เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ทำให้รู้ว่ามันเกิดอะไรกับเราบ้าง จะแก้ปัญหายังไง โดยความเครียดส่งผลต่อเราเช่น

  • รู้สึกเบื่อ ไม่มีแรงจะทำอะไร
  • ปวดหัว
  • มีปัญหาเรื่องการนอน 
  • ความอยากอาหารเปลี่ยนไป ทานมากขึ้น/น้อยลง
  • ความเชื่อ ความมั่นใจในตัวเองต่ำ
  1. จดว่าอะไรเป็นสาเหตุความเครียด

จดว่าอะไรเป็นสาเหตุของความเครียด ไม่ว่าจะเป็นคน สถานที่ เหตุการณ์เพื่อระบุสาเหตุ ลองจดสัก 1 สัปดาห์ตอนที่เขียนให้ถามตัวเองไปด้วยว่า 

  • สิ่งนี้ทำให้คุณรู้สึกอย่างไร 
  • เราตอบสนองกับเหตุการณ์นั้นอย่างไร (เดินหนี? ใส่อารมณ์?)
  • เรามีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง? 
  1. อย่าเอางานกลับมาบ้าน

บางคนอาจจะเอางานกลับมาทำที่บ้านได้ แต่อยากให้เราสร้างความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว กำหนดขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างงานและชีวิตที่บ้าน อย่าเอามาอยู่ร่วมกัน ปัญหาและงานต่างๆ อย่าพาเข้าบ้าน 

  1. ไปเที่ยวพักผ่อน

ไม่มีอะไรดีไปกว่าการตัดการเชื่อมต่อจากการทำงานสักพักด้วยการเที่ยว หาเวลาให้ตัวเองบ้าง ไม่จำเป็นต้องไปต่างประเทศ ต่างจังหวัดก็ได้ หาที่เที่ยวดีๆ ที่ใกล้เราแล้วไปพักสักหน่อย 

  1. ขอคำปรึกษา

เมื่อมีความเครียด อย่าเก็บมันไว้ ระบาย บอกเล่าให้กับคนรอบตัวไม่ว่าจะเพื่อน ครอบครัว แฟน หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน การได้ระบายออกไปช่วยลดความเครียดได้มาก หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เช่น สายด่วนสุขภาพจิต อาสารับฟัง 

ความเครียดจากการทำงานนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ แต่อย่าลืมดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้ความเครียดนั้นครอบงำชีวิตจนเราไม่มีความสุข

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ให้กำลังใจเป็นภาษาอังกฤษ (Giving Consolation)

อยากให้กำลังใจเป็นภาษาอังกฤษ แต่จะให้พูดอะไรดีถ้าอยากปลอบใจคนกำลังหมดอาลัยตายอยาก ท้อแท้ สิ้นหวัง

บางครั้งเพื่อนมาบ่นให้ฟัง ร่ำไห้ว่า
“My boyfriend dumped me!” ชั้นโดนแฟนทิ้งงง! T^T
จะบอกว่า Don’t worry, I’ve been there. (ไม่เป็นไรนะแก ชั้นเคยผ่านจุดๆนั้นมาแล้ว) ก็คงไม่เหมาะ แถมจะทำให้เพื่อนรู้สึกแย่กว่าเดิมอีก

จริงๆต้องปลอบแบบนี้ต่างหาก
“Screw him! He’s a loser!”
ช่าง(มัน)เถอะ หมอนี่ไม่คู่ควรกับแกหรอก

เพราะคนเราเวลาอ่อนแอย่อมต้องการคำพูดดีๆ แสดงความรัก ความเห็นใจ แค่นี้ก็พอแล้ว มาดูประโยคให้กำลังใจ จำง่าย แล้วเอาไปใช้ได้จริงกันเลยดีกว่า

You’re not alone, I’m here for you
แกไม่ได้อยู่คนเดียวนะ มีชั้นอยู่นี่ไง

Cheer up! It’s not that bad
ร่าเริงหน่อยเพื่อน มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก

Let me know if you need anything
มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ

You’re right, this sucks
เออหว่ะ เจอแบบนี้โคตรแย่ (บางคนไม่ได้ต้องการวิธีแก้ปัญหา แค่อยากให้มีคนรับฟังและเห็นใจเฉยๆ)

I’m here if you want to talk
ชั้นอยู่นี่แล้ว มีอะไรก็ระบายมาได้เลย

Every cloud has a silver lining
ในเรื่องร้ายๆต้องมีสิ่งดีๆรออยู่แน่

Look on the bright side. At least you still have me
มองในแง่ดี อย่างน้อยแกก็ยังมีชั้นอยู่นะ

Don’t worry, I’ve got your back
ไม่ต้องกลัว ชั้นจะเป็นกำลังใจให้

Keep on fighting/ Don’t give up
สู้ๆนะจ๊ะ อย่ายอมแพ้นะ

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


เติมน้ำมันไม่เต็มลิตร ปั๊มพลาดจริงหรือจงใจ?

ปัญหาผู้ใช้บริการน้ำมันเข้าไปเติมแล้วได้จำนวนน้ำมันไม่ตรงตามยอดเงินที่จ่ายไป หรือได้น้ำมันไม่เต็มลิตร ไม่ถือเป็นเรื่องใหม่ของสังคมบ้านเรานะครับ แม้ว่าในรอบสัปดาห์จะมีเคสนี้เกิดขึ้นและเป็นข่าวอยู่ถึง 2 ครั้ง แต่มันคือปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ปัญหาผู้ใช้บริการน้ำมันเข้าไปเติมแล้วได้จำนวนน้ำมันไม่ตรงตามยอดเงินที่จ่ายไป หรือได้น้ำมันไม่เต็มลิตร ไม่ถือเป็นเรื่องใหม่ของสังคมบ้านเรานะครับ แม้ว่าในรอบสัปดาห์จะมีเคสนี้เกิดขึ้นและเป็นข่าวอยู่ถึง 2 ครั้ง แต่มันคือปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

     เท่าที่ผมเคยเจอมา ยังไม่เคยเห็นรถคันไหนมีเกจ์บอกว่ามีน้ำมันกี่ลิตรเลยครับ ทั้ง ๆ ที่ในสเปกของรถยนต์ทุกคัน ในโบร์ชัวร์ก็มีบอกชัดเจนว่าถังน้ำมันมีความจุกี่ลิตร (ขออภัย หากมีรถรุ่นไหนมีระบบที่บอกว่ามีน้ำมันเหลือกี่ลิตรได้ รบกวนช่วยชี้แนะกันเข้ามาได้นะครับ)

อย่างรถที่ผมใช้อยู่ สเปกบอกว่าถังน้ำมันจุ 65 ลิตร ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมก็ไม่เคยรู้เลยครับว่าที่เติมเต็มถัง มันขึ้นไปถึง 65 ลิตรพอดี หรือบวก-ลบ เท่าไรบ้าง เพราะบางทีบอกเติมเต็มถัง พอระบบตัด ก็ยังกดเติมเข้าไปได้อีกเพื่อให้ตัวเลขราคามันลงตัว

     งานนี้ก็ต้องขอชมกรมการค้าภายใน ที่ออกแอ็กชันได้รวดเร็วในเคสนี้ มีการสั่งลงโทษปั๊มน้ำมันที่เป็นข่าวในเบื้องต้นแล้ว ฐานใช้เครื่องชั่งตวงวัดที่มีค่าคลาดเคลื่อนเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

     ข้อมูลล่าสุดบอกว่าในปีนี้มีการตรวจสอบมาตรวัดปริมาณน้ำมันของปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ 172,156 หัวจ่าย พบความผิด 802 หัวจ่าย ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ก็ขอให้ลงโทษไปตามขั้นตอน ผมเชื่อว่าผู้บริโกคอย่างเรา ๆ ก็พอจะเข้าใจได้ครับ

     เว้นแต่ว่ามีผู้ประกอบการบางปั๊ม “โกง” กันเป็นนิสัยไปแล้ว ในฐานะผู้บริโภคที่ต้องเผชิญกับราคาน้ำมันที่ขึ้นเอาขึ้นเอา (ขึ้นเยอะ ลงน้อย) แล้วยังมาเจอเอาเปรียบแบบนี้อีก และถ้ามีการโกงกันจริง ๆ ก็ไม่รู้โกงเงินเราไปเท่าไรแล้ว ถ้าจงใจ บอกเลยว่ารับไม่ได้จริง ๆ ครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


ไขข้อสงสัย ทำไม “กินข้าวเหนียว” แล้ว “ง่วงนอน”?

มีใครเคยสังเกตตัวเองหรือคนรอบข้างบ้างหรือไม่ว่า ถ้าหากวันใดที่มื้อกลางวันเป็นปาร์ตี้ส้มตำที่ต้องกินร่วมกับข้าวเหนียวแล้วล่ะก็ หลังจากกินอิ่มได้ไม่นานจะต้องรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนขึ้นมา อาการง่วง ความอยากนอนที่ว่านี้เป็นความรู้สึกของร่างกายจริงๆ หรือเราแค่คิดไปเองกันแน่

คำตอบคือ เป็นเรื่องจริง เราไม่ได้คิดเองเออเอง แต่เพราะเหตุใด การกินข้าวเหนียวจึงทำให้เรารู้สึกง่วงนอนขึ้นมาได้

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับข้าว

ข้าว หากแบ่งตามลักษณะของเมล็ดจะแบ่งเป็นข้าวเจ้าและข้าวเหนียว ข้าวทั้ง 2 มีลักษณะเหมือนกันแทบทุกอย่าง แต่ต่างกันที่เนื้อเมล็ด ข้าว โดยข้าวเป็นอาหารจำพวกแป้ง ที่ให้คาร์โบไฮเดรตในปริมาณสูง คุณค่าทางโภชนาการของข้าวในปริมาณ 100 กรัม จะให้คาร์โบไฮเดรตถึง 80 กรัม น้ำประมาณ 12 กรัม โปรตีนอีกประมาณ 7 กรัม และส่วนที่เหลือจะเป็นไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ แต่คาร์โบไฮเดรตหลักในข้าว คือ อะไมโลส (Amylose) และ อะไมโลเพกติน (Amylopactin)

อะไมโลส เป็นคารโบไฮเดรตที่มาจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวต่อกันเป็นเส้นตรง ย่อยง่าย พบในข้าวเจ้า (ที่หุงออกมาเป็นข้าวสวย) มากกว่าข้าวเหนียว ส่วนข้าวเหนียว จะมีอะไมโลเพกตินอยู่ในปริมาณที่มากกว่าข้าวเจ้า ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่มาจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวต่อกันแบบกิ่งก้านสาขา ซึ่งจะทำให้ย่อยได้ยากกว่าอะไมโลส

เมื่อข้าวที่เรากินเข้าสู่กระบวนการย่อยอาหาร ข้าวจะถูกย่อยเป็นน้ำตาล ซึ่งเมื่อปริมาณน้ำตาลสูงขึ้น ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ออกมาเพื่อปรับให้ปริมาณน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่างไรก็ตาม การหลั่งอินซูลินทำให้มีฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) และเมลาโทนิน (Melatonin) ออกมาด้วย (เมลาโทนิน ได้จากการสังเคราะห์เซโรโทนินอีกที) ซึ่งฮอร์โมนทั้ง 2 นี้เอง คือสาเหตุของอาการง่วงนอน


“ข้าว” กับอาการ “ง่วงนอน”

ในขณะที่ร่างกายกำลังย่อยอะไมโลเพกตินในข้าวเหนียวอยู่นั้น ก็จะหลั่งเซโรโทนินและเมลาโทนินออกมามากขึ้นตามไปด้วย (เพราะอะไมโลเพกตินย่อยยาก) ทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้มากกว่าการกินข้าวเจ้า อีกทั้งในข้าวเหนียวก็ยังมีสารทริปโตเฟน (Tryptophan) ที่ไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งทั้งเซโรโทนินและเมลาโทนินออกมาเพิ่มขึ้น

เซโรโทนิน มีส่วนสำคัญในการทำงานของทั้งร่างกายและจิตใจ ควบคุมเซลล์สมองที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ เช่น ความหิว ความง่วง จึงมีผลต่อการนอนหลับ ส่วนเมลาโทนิน จะมีผลต่อการกระตุ้นนาฬิกาของร่างกาย โดยเกี่ยวข้องกับความสว่างและความมืด (เมื่ออยู่ในห้องมืดจะหลับได้ดีกว่า) ซึ่งฮอร์โมนทั้ง 2 นี้ มีผลทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและทำให้เกิดอาการง่วงซึม

พูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ว่าจะกินข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียว ต่างก็ทำให้เกิดอาการง่วงได้ทั้งนั้น แต่การที่กินข้าวเหนียวแล้วรู้สึกง่วงนอนกว่ากินข้าวเจ้า เพราะมันย่อยยากกว่า และใช้เวลาย่อยนานกว่าข้าวเจ้า จึงทำให้ร่างกายหลั่งสารง่วงนอนทั้ง 2 ออกมามากและนานกว่านั่นเอง

เพราะฉะนั้น การกินข้าวเหนียว ทำให้ง่วงนอนได้จริง ดังนั้น ถ้าอยากง่วงนอนและหลับสบายๆ ลองกินข้าวเหนียวก่อนนอนสักประมาณ 4 ชั่วโมงดู

อย่างไรก็ตาม มีเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยลดอาการง่วงนอนหลังจากกินข้าว คือเคี้ยวข้าวให้ละเอียดก่อนกลืน เพราะข้าวที่ผ่านการบดอย่างละเอียด (โดยฟัน) แล้วจะทำให้ย่อยได้ง่ายขึ้น เมื่อย่อยง่าย ย่อยเร็ว ก็จะทำให้ไม่ค่อยง่วงนอน


สารอาหารอื่นๆ ในข้าว

นอกจากนี้ ข้าวยังอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ อาทิ 

  • โปรตีน ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
  • แคลเซียม เป็นองค์ประกอบของกระดูกและฟัน การกินอาหารประเภทแคลเซียมจึงเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ควบคุมการเต้นของหัวใจ และระบบประสาททำงานเป็นปกติ
  • แมกนีเซียม มีความสำคัญต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ควบคุมระดับคอเลสเตอรอล ให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง รวมถึงบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน
  • ฟอสฟอรัส เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงานของร่างกายเกือบทุกส่วน และสำคัญต่อการทำงานของไต และการส่งต่อสัญญาณทางประสาท
  • โพแทสเซียม มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายเป็นปกติ ควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย เสริมสร้างการทำงานของหัวใจ รักษาความดันโลหิต กำจัดของเสีย และยังเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์
  • เหล็ก ช่วยในการบำรุงเลือด แก้ภาวะโลหิตจาง
  • วิตามินบี ข้าวเป็นแหล่งรวมวิตามินบีเกือบทุกชนิด ซึ่งวิตามินบีช่วยในการทำงานของการผลิตและควบคุมพลังงานในร่างกาย และสร้างเม็ดเลือดแดง รวมถึงกล้ามเนื้อ ระบบประสาท ควบคุมการผลิตฮอร์โมน และระบบภูมิคุ้มกัน 
  • กรดโฟลิก หรือ วิตามินบี 9 เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างกรดโฟลิกได้เอง จึงจำเป็นต้องรับจากสารอาหาร ซึ่งกรดโฟลิกมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือด และใช้รักษาภาวะโลหิตจาง อีกทั้งการกินอาหารที่มีกรดโฟลิกเป็นประจำยังสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและโรคหลอดเลือดหัวใจได้ อีกทั้งยังลดโอกาสเสี่ยงการเกิดวุ้นนัยน์ตาเสื่อมเนื่องจากอายุได้

สารโอพีซี (OPC) ช่วยชะลอความเสื่อมถอยของร่างกาย จึงทำให้เซลล์ผิวหนังแข็งแรงไม่เหี่ยวย่น หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ไม่เปราะแตกง่าย และป้องกันการเสื่อมสภาพของดวงตา นอกจากนี้ยังบำรุงร่างกาย และป้องกันได้อีกหลายโรค

ขอบคุณข้อมูลจาก dailyenglish.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 04/08/2566

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a31,700.0031,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,053.0031,123.4832,300.00
ทองรูปพรรณ 90%1,847.7028,011.13n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,642.4024,898.78n/a
ทองรูปพรรณ 50%924.0014,007.84n/a
ทองรูปพรรณ 40%719.0010,900.04n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,127.0032,245.32n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/08/2566


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9538.9538.9539.9538.9538.9538.9538.9538.9538.9538.95
แก๊สโซฮอล์ 9138.6838.6839.6838.6838.6838.6838.6838.6838.6838.68
แก๊สโซฮอล์ E2036.6436.6437.6436.6436.6436.6436.6436.6436.64
แก๊สโซฮอล์ E8537.0937.0937.09
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม43.5447.4449.9447.8443.54
เบนซิน 9546.7447.5147.2446.8946.74
ดีเซล B731.9431.9432.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล31.9431.9432.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซล B2031.9431.9432.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม41.0442.4447.9444.5444.5441.04
แก๊ส NGV17.5917.5917.59

About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า