สาระน่ารู้ประจำวันที่ 05 มีนาคม 2568

‘บุญถาวร’เบรกเปิดสาขา ชู‘ดีไซน์ วิลเลจ’ปั๊มทราฟฟิกดันยอดขาย

ในยุคที่เศรษฐกิจโลกและไทยกำลังเผชิญกับความผันผวนสูง “บุญถาวร” ตั้งรับศก.ผันผวนเบรกเปิดสาขาชู‘ดีไซน์ วิลเลจ’ในทำเลที่มีศักยภาพปั๊มทราฟฟิกดันยอดขาย

สิทธิศักดิ์ ทยานุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญถาวร รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บุญถาวร มีการขยายสาขาออกไปตามชานเมือง และหัวเมืองรวม 15 สาขา แบ่งในกรุงเทพฯ 8 สาขา  ต่างจังหวัด 7 สาขา และมีการพัฒนาโครงการ ดีไซน์ วิลเลจ เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ จำนวน 5 สาขา ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของบุญถาวร โดยพัฒนามากว่า 5 ปี ย่างเข้าสู่ปีที่ 6 เริ่มสาขาแรก ดีไซน์ วิลเลจ ราชพฤกษ์ ในปี 2561 พุทธมณฑล, เกษตร-นวมินทร์, บางนา  ล่าสุด รัชดาภิเษก บนพื้นที่ 13 ไร่ ด้วยเงินลงทุนกว่า 400 ล้านบาท

จากประสบการณ์พบว่า หลังพัฒนาโครงการดีไซน์ วิลเลจ ทั้ง 4 สาขาแรก สร้างการเติบโตที่ดี สังเกตได้จากจำนวนลูกค้าใช้บริการเพิ่มขึ้น 200-500%  หนุนยอดขายของบุญถาวรเติบโต 10-20% ในอนาคตมีโอกาสความเป็นได้ขยายสาขาในต่างจังหวัด เช่น พัทยากลาง อุดรธานี เชียงใหม่

“ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าของตกแต่งบ้านก็อยากได้ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ระหว่างนั่งรอ หรือบางครั้ง มีกลุ่มที่เข้ามานั่งรับประทานอาหาร หรือ ดื่มกาแฟแล้วรู้สึกว่าอยากจะเปลี่ยนสุขภัณฑ์ในบ้านก็มี จึงกลายเป็นที่มาการพัฒนาโครงการ ดีไซน์ วิลเลจ ในแต่ละทำเลเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบุญถาวร”

จุดเริ่มต้นของ ดีไซน์ วิลเลจ เกิดจากความมุ่งมั่นในการปรับตัวให้ตอบสนองต่อทิศทางตลาดและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับลูกค้าบุญถาวรมีความพิถีพิถัน และใช้เวลาในการเลือกซื้อสินค้านานขึ้น นำมาสู่การพัฒนาโครงการ ดีไซน์ วิลเลจ เพื่อเป็นส่วนต่อขยายของบุญถาวร ที่มีร้านค้าอื่น นอกเหนือจากสินค้าหลักของบุญถาวร เช่น ร้านอาหาร การบริการ สุขภาพ เพื่อยกระดับการบริการของบุญถาวรให้ทันสมัย ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่

“โดยเฉพาะสาขาในเมืองสามารถรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่และกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย (expat) ทำเลรัชดาภิเษกมีกลุ่มคนต่างชาติที่เข้ามาพักอาศัยจำนวนมากและเป็นแหล่งงานที่สำคัญ”

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานปี 2567 ที่ผ่านมา บุญถาวร มีรายได้ 13,000-13,800 ล้านบาท ใกล้เคียงปี 2566 ส่วนรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ 200 ล้านบาท ถือว่าสัดส่วนยังน้อย ในส่วนของการให้เช่าพื้นที่ในโครงการ ดีไซน์ วิลเลจ ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับบุญถาวร และเป็นหน้าใหม่ในตลาด แต่จากอัตราการปล่อยเช่าเกิน 85% ถือว่า น่าพอใจ คาดว่าปีนี้รายได้โต 3-4%

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของบุญถาวรในปี 2568 เน้นการลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อน “ต้องรอดูภาวะเศรษฐกิจก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีความผันผวนสูง ทำให้ในปีนี้ยังไม่มีการลงทุนเพิ่ม จากเดิมมีแผนลงทุนขยาย 1 สาขา ปกติใช้งบลงทุน 500 ล้านบาท คงต้องรอดูนโยบายรัฐบาล ดอกเบี้ย ตลาดหุ้น ยอดขายรถยนต์ ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ก่อน

“สภาพเศรษฐกิจยังไม่เอื้อ เราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลงทุน ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ”

สิทธิศักดิ์ ระบุว่า จากการพูดคุยกับกลุ่มดีเวลลอปเปอร์เกิน 50% คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโตเท่าปีที่แล้ว พอใจแล้วแต่มีโรงงานซัพพลายเออร์รายกลางใหญ่บางรายคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจต่ำกว่าปี 2567 เพราะสภาพคล่องในตลาดลดลงจากปัญหาหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ธนาคารยังคงเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ

 สำหรับกลุ่มลูกค้าของบุญถาวรที่เป็นโครงการแบบ B2B รายใหญ่ ห้างสรรพสินค้า มีสัดส่วน 6-7% ส่วนกลุ่มลูกค้าโครงการขนาดกลาง ทำโรงแรม โรงพยาบาล มีสัดส่วน 10% รวมกันประมาณ 15% ที่เป็นลูกค้าโครงการ ส่วนที่เหลือจะเป็นกลุ่มลูกค้ารายย่อยกว่า 80% ซึ่งมีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยระมัดระวังมากขึ้น

“บุญถาวร ต้องการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดอย่างละเอียด โดยเฉพาะการติดตามสถานการณ์ดอกเบี้ย การเติบโตของตลาดหุ้น และผลกระทบจากหนี้ครัวเรือน ที่ยังคงเป็นปัญหาที่อาจมีผลกระทบต่อการจับจ่ายของลูกค้ารายย่อย”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


SC Asset ผนึก Chanintr เสริมคฤหาสน์หรู ด้วยแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับโลก

SC Asset ผนึกกำลัง Chanintr พาแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับโลก Barbara Barry เปิดตัวแคมเปญสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ยกระดับ Grand Bangkok Boulevard มอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่หรูหราเหนือระดับ พร้อมเปิดจอง 8-9 มีนาคมนี้

บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC จับมือกับ Chanintr แบรนด์นำเข้าเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้าน ร่วมสร้างสรรค์ Global Collaboration ยกระดับคฤหาสน์หรูภายใต้แบรนด์ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ผ่านการผสานงานออกแบบระดับโลกจาก Barbara Barry (บาร์บารา แบรี) ดีไซเนอร์ชื่อดัง เพื่อมอบประสบการณ์ที่อยู่อาศัยที่สะท้อนรสนิยมเหนือระดับ

พร้อมเปิดตัวเฟอร์นิเจอร์เอ็กซ์คลูซีฟ The Flutter Bed เตียงดีไซน์พิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ โดยจะเปิดตัวครั้งแรกที่โครงการ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา-เกษตรนวมินทร์ ซึ่งเปิดจอง 8-9 มีนาคมนี้

นายณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดและนวัตกรรม บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้เกิดจากวิสัยทัศน์ที่ต้องการยกระดับการอยู่อาศัยให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดย Chanintr ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเฟอร์นิเจอร์คุณภาพสูงระดับสากล ได้คัดสรรผลงานของ Barbara Barry ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านงานออกแบบที่เน้นความเรียบหรูและความประณีตในทุกรายละเอียด เพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตในคฤหาสน์หรูของ เอสซี แอสเสท

โดย Barbara Barry ได้ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากธรรมชาติอันเงียบสงบของบ้านในเมืองโอฮาย (Ojai) รัฐแคลิฟอร์เนีย สะท้อนผ่านเฉดสีอ่อนของพระอาทิตย์ตกดิน และเส้นโค้งของภูมิทัศน์โดยรอบ ซึ่งผลงานเหล่านี้เป็นมากกว่าของตกแต่ง แต่เป็นงานศิลปะที่เชื่อมโยงความสงบและกลมกลืนเข้ากับพื้นที่อยู่อาศัย

นายณัฏฐกิตติ์กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอกย้ำจุดแข็งของ SC Asset ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี โดยเฉพาะแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ที่ได้รับการออกแบบให้เป็นมากกว่าคฤหาสน์ แต่เป็นพื้นที่ที่มอบความภาคภูมิใจและความสมบูรณ์แบบที่ควรค่าแก่การส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น

โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ถูกออกแบบออกแบบให้สะท้อนความหรูหราสง่างาม อาทิ บันไดวนเพดานสูง 6.8 เมตร ที่เป็นจุดศูนย์กลางของคฤหาสน์ พื้นที่ Double Living Area ขนาดใหญ่รองรับทุกกิจกรรมของครอบครัว Grand Master Bedroom ที่มาพร้อมห้องนั่งเล่นและ Walk-in Closet สุดเอ็กซ์คลูซีฟ รวมถึง Grand Dining Room ที่ออกแบบให้รองรับได้ถึง 10 ที่นั่ง และมีห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุ

เบรนต์ ดี. สมิธ นักออกแบบจาก Barbara Barry กล่าวว่า ทุกชิ้นงานของ Barbara Barry ถ่ายทอดเรื่องราวของความสง่างามเหนือกาลเวลาและความหรูหราในสไตล์โมเดิร์น ผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันและประณีตทุกขั้นตอน โดยเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ของตกแต่ง แต่เป็นองค์ประกอบที่ช่วยเสริมประสบการณ์การใช้ชีวิตในคฤหาสน์ให้สมบูรณ์แบบ

ด้านแบรนด์ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด มีการนำเสนอคฤหาสน์ 4 สไตล์โมเดิร์น ได้แก่ Modern Classic, Modern Luxury, Baroque Simplification และ Mediterranean Refinement ตั้งอยู่บน 14 ทำเลศักยภาพ อาทิ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า กรุงเทพกรีฑา, บางนา, พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา, สุขสวัสดิ์-พระราม 3 และรามอินทรา-เกษตรนวมินทร์ ที่พร้อมเปิดให้จอง 8-9 มีนาคมนี้ โดยราคาเริ่มต้นคั้งแต่ 30-100 ล้านบาท 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้5 มี.ค. “แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 33.68 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นในระยะสั้นยังมีความเสี่ยงที่ทยอยอ่อนค่าลงได้ ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้5มี.ค.2568 ที่ระดับ  33.68 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.87 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

ถือว่าเหนือความคาดหมายของเราพอสมควร โดยมาจากปัจจัยที่ไม่ได้คาดคิดอย่าง การแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) ตอบรับแนวโน้มรัฐบาลใหม่ของเยอรมนีเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแก้ไขกฎเกณฑ์การกู้เงิน

นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทดังกล่าว ยังคงสะท้อนให้เห็นว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำนั้นมีผลต่อทิศทางเงินบาทพอสมควร อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงที่อาจทยอยอ่อนค่าลงได้ ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่อาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดทุนฝั่งเอเชีย

ทำให้เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า จากแรงขายสินทรัพย์ไทยของนักลงทุนต่างชาติได้ อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตราบใดที่ราคาทองคำทยอยปรับตัวสูงขึ้นได้ หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัว Sideways

นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) ในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจเป็นเพียงการแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากยุโรปยังเสี่ยงเผชิญการดำเนินนโยบายกีดกันทางการจากสหรัฐฯ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็อาจเป็นปัจจัยกดดันเงินยูโรได้

อีกทั้ง เราคงกังวลว่า ผู้เล่นในตลาดได้ “รับรู้และคาดหวัง” ว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 2-3 ครั้ง ในปีนี้ ไปพอสมควรแล้ว ทำให้มีความเสี่ยงที่ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ข้อมูลการจ้างงานออกมาดีกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองการลดดอกเบี้ยของเฟดดังกล่าว จนหนุนให้เงินดอลลาร์ทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้

อนึ่ง เราแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มจากยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ในช่วงราว 20.15 น. ตามเวลาประเทศไทย จนถึงช่วง 22.00 น. ที่ตลาดจะรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ

เนื่องจากสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนว่าเงินบาท (USDTHB) เสี่ยงผันผวน +/-0.20% ได้ภายในช่วง 30 นาที หลังทยอยรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.90 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 33.65-33.86 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าในช่วงแรกเงินบาท

รวมถึงบรรดาสกุลเงินอื่นๆ จะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ตามความกังวลผลกระทบจากการเดินหน้านโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ทว่า เงินบาทก็ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตามการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ ที่ได้แรงหนุนจากความต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย รับมือความไม่แน่นอนของนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังบรรดาสกุลเงินฝั่งยุโรป นำโดยเงินยูโร (EUR) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 1.06 ดอลลาร์ต่อยูโร ตามความหวังว่าว่าที่รัฐบาลใหม่ของเยอรมนีจะสามารถผ่านร่างกฎหมายเพื่อแก้ไขกฎเกณฑ์ในการกู้เงินของรัฐบาล ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มงบประมาณด้านการทหารและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนานใหญ่ วงเงินราว 5 แสนล้านยูโร

ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตามการอ่อนค่าลงของสกุลเงินหลัก อย่าง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่กลับมาอ่อนค่าเหนือโซน 149.50 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง ตามส่วนต่างระหว่างบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กับญี่ปุ่น ที่กว้างมากขึ้น

หลังผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ย 3 ครั้งของเฟดในปีนี้ ลงบ้าง ท่ามกลางแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีความรุนแรงมากขึ้น

บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ท่ามกลางความกังวลผลกระทบจากการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี การรีบาวด์ขึ้นบ้าง ของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Alphabet +2.3% และ Nvidia +1.7% ก็พอช่วยพยุงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้บ้าง ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.22%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ดิ่งลง -2.14% กดดันโดยแรงเทขายหุ้นกลุ่มยานยนต์และสินค้าแบรนด์เนม BMW -5.9%, LVMH -3.4% ที่อาจได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก แคนาดา และจีน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากความกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้ายุโรปด้วยเช่นกัน

ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่า บรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินจะกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง ทว่า ความกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจและทิศทางอัตราเงินเฟ้อจากการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ

ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มที่เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ กอปรกับราคาน้ำมันดิบก็รีบาวด์สูงขึ้นบ้าง ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวขึ้นกลับสู่ระดับ 4.23%

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงในลักษณะ Sideways Down โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้น ตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ก่อนที่จะเผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินฝั่งยุโรป

อย่าง เงินยูโร (EUR) หลังว่าที่รัฐบาลใหม่ของเยอรมนีเตรียมแก้ไขกฎเกณฑ์การกู้เงินของรัฐบาล ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มงบประมาณด้านทหารและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนานใหญ่

ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ส่งผลให้โดยรวมเงินดอลลาร์ทยอยปรับตัวลง สู่โซน 105.5 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.5-106.3 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน รวมถึงความต้องการถือทองคำเพื่อรับมือความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์  อีกทั้งการปรับตัวลงของเงินดอลลาร์ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025) สามารถแกว่งตัวแถวโซน 2,920-2,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Services PMI) ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP

รวมถึงยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) และยอดคำสั่งซื้อภาคโรงงาน (Factory Orders) เป็นต้น พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการของจีน ในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน

และในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งอาจยังคงทรงตัวในกรอบเป้าหมาย  1%-3% ของธนาคารแห่งประเทศไทย

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงราว 9.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“บูม-หว่าหวา” พ่ายคู่ญี่ปุ่นคว้ารองแชมป์แบดมินตันศรีลังกา

“บูม” ธิดาพร กลีบยี่สุน กับ ”หว่าหวา” นัทธมน ไล้สวน คู่มืออันดับ 71 โลกของไทย ทำผลงานได้อย่างเต็มที่แล้ว อย่างน่าเสียดาย หลังพ่ายให้คู่ของฮินะ โอซาวะ กับ อากิระ ซาโตะ จากญี่ปุ่นไปอย่างหวุดหวิด 1-2 เกม จบรองแชมป์ในประเภทหญิงคู่ แบดมินตัน ศรีลังกา อินเตอร์ ชาลเลนจ์ 2025

การแข่งขันแบดมินตัน ศรีลังกา อินเตอร์ ชาเลนจ์ 2025 รายการระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ ชิงเงินรางวัลรวม 17,500 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 595,000 ที่ประเทศศรีลังกา เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ  
ซึ่งหญิงคู่ของไทย กับ “บูม” ธิดาพร กลีบยี่สุน กับ “หว่าหวา” นัทธมน ไล้สวน คู่มืออันดับ 71 ของโลก ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านเข้ามาชิงกับ ฮินะ โอซาวะ กับ อากิระ ซาโตะ คู่มืออันดับ 297 ของโลก จากญี่ปุ่น 

เกมนี้ทั้งสองฝั่งสู้กันอย่างสนุก เกมแรกคู่สาวไทยพ่ายหวุดหวิด 20-22 แต่ก็กลับมาแก้ตัวได้ในเกมที่สอง เก็บชัยคืนได้บ้าง 21-15 ต้องตัดสินกันในเกมที่สาม ช่วงครึ่งเกมแรกเป็นคู่ของญี่ปุ่นที่เล่นได้เหนียวแน่นกว่า ชิงขึ้นนำก่อน 11-6 

หลังพักเบรกกลับมาแข่งขันกันต่อ ทั้ง “บูม” และ “หว่าหวา” พยายามเดินหน้าเข้าใส่ ด้วยการเปิดเกมบุกก่อน ซึ่งก็ทำได้ดี แต่บางจังหวะที่เร่งเกินไปก็มีความผิดพลาด บวกกับคู่ของญี่ปุ่นก็เหนียวแน่นและไม่พลาดให้ง่ายๆ ทำให้เกมนี้คู่ของไทยพ่ายไป 15-21 ส่งผลให้แพ้ไป 1-2 เกม 20-22, 21-15 และ 15-21 ได้รองแชมป์รายการนี้ไปครอง 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


ปอดอักเสบติดเชื้อในผู้สูงวัย อันตรายกว่าที่คิด

  • โรคปอดอักเสบติดเชื้อ แบคทีเรียนิวโมคอคคัสในผู้สูงอายุ ทำให้มีอาการหอบ เหนื่อย หายใจลำบาก มีไข้สูง หนาวสั่นและไอมีเสมหะ หากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดจะยิ่งทวีความรุนแรงและเพิ่มอัตราการเสียชีวิต สูงถึง 20% และสูงขึ้นถึง 60% ในผู้สูงอายุ
  • การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสในผู้สูงอายุ สามารถครอบคลุมสายพันธุ์ของเชื้อที่ก่อโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสรุนแรงในประเทศ ไทยได้ถึง 70-78%
  • วัคซีนป้องกันปอดอักเสบติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต 20 สายพันธุ์ (PCV20) ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ก่อโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสในกระแสเลือด ได้สูงถึง 86.8% ในกลุ่มอายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไป และครอบคลุมสายพันธุ์ที่ก่อโรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัสได้สูงถึง 84.9%

โรคภัยไข้เจ็บสำหรับผู้สูงอายุ นอกจากโรคประจำตัวทั่วๆ ไป อย่าง เบาหวาน ความดันโลหิตสูงแล้ว ภาวะปอดติดเชื้อหรือปอดอักเสบ ยังเป็นภัยใกล้ตัวที่มักเกิดขึ้น โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดู หากไม่มีการป้องกันหรือรักษาอย่างถูกวิธีอาจร้ายแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด

โรคปอดอักเสบ หรือ ปอดติดเชื้อ คืออะไร

โรคปอดอักเสบ หรือปอดติดเชื้อ เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ อาจติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ซึ่งมักเรียกง่ายๆ ว่า “ปอดบวม”

ระยะฟักตัวของโรคปอดอักเสบ

ขึ้นอยู่กับเชื้อก่อโรค อาจใช้เวลา 1-3 วัน ผู้สูงอายุมักมีอาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัด ไข้สูง ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ อาการอาจรุนแรงขึ้นเมื่อเริ่มเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ หากเป็นนานกว่า 2-3 วัน โดยไข้ไม่ลด ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อทำการวินิจฉัยและรักษา 

ทั้งนี้จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เมื่อปีพ.ศ. 2561 พบว่ามีผู้ป่วยโรคปอดอักเสบมากถึง 131,247 ราย เสียชีวิต 96 ราย โดยกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป ถือเป็นกลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยมากที่สุด 

สาเหตุของโรคปอดอักเสบในผู้สูงอายุ

โรคปอดอักเสบในผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่เกิดจากการได้รับเชื้อผ่านระบบทางเดินหายใจ ทำให้ปอดเกิดการอักเสบ ส่งผลให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนอากาศได้ตามปกติ 

มักพบเป็นอาการที่ต่อเนื่องมาจากโรคไข้หวัดใหญ่ การติดเชื้อปอดอักเสบสามารถพบได้ทุกช่วงอายุ โดยระดับความรุนแรงของโรคจะมีความแตกต่างกัน ผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 65 ปี มีความต้านทานโรคต่ำ จึงมีความเสี่ยงเกิดความรุนแรงของโรคถึงขั้นเสียชีวิตมากที่สุด

อาการของโรคปอดอักเสบ หรือ ปอดติดเชื้อ อาการเป็นอย่างไร

ภาวะปอดอักเสบจากการติดเชื้อแต่ละชนิด ส่งผลให้ระยะเกิดโรคแตกต่างกัน เชื้อบางชนิดอาจเกิดภายในเวลาสั้นๆเพียง 1-3 วัน หรือบางชนิดอาจใช้เวลาฟักตัวนานเป็นสัปดาห์ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดหลังจากเริ่มป่วยเป็นไข้หวัด 

หากพบว่าผู้ป่วย

  • มีไข้สูง 
  • อ่อนเพลีย 
  • ไอ 
  • มีเสมหะร่วมกับอาการคลื่นไส้ 
  • อาเจียน  
  • หายใจลำบาก 
  • เจ็บแน่นหน้าอก  

โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยสูงอายุเริ่มมีอาการสับสนหรือซึมลง ทั้งๆ ที่ไข้ลดลง ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน เนื่องจากอาจมีการติดเชื้อในปอด

การวินิจฉัยและรักษาโรคปอดอักเสบ

แพทย์วินิจฉัยจากอาการและการตรวจร่างกาย โดยเริ่มต้นจากการซักประวัติ ตรวจชีพจร ตรวจออกซิเจนในเลือด และการหายใจ เนื่องจากปอดอักเสบจะมีการหายใจเร็วกว่าปกติ จากนั้นจึงส่งตรวจเอกซเรย์เพิ่มเติม เพื่อดูความผิดปกติในปอด ทั้งนี้อาจมีการเจาะเลือดร่วมด้วย

โรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถรักษาได้ด้วยยาฆ่าเชื้อทั้งแบบรับประทานและการฉีดยา ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน  สำหรับปอดที่ติดเชื้อไวรัสมักมีความรุนแรงน้อยกว่าการติดเชื้อแบคทีเรีย การรักษาจึงพิจารณาตามอาการ โดยผู้ป่วยดูแลตัวเองให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนอย่างพอเหมาะ หากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวแพทย์อาจพิจารณาให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลจนกว่าจะหายสนิท เพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรง พร้อมกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ รวมถึงป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อน ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงวัย

โรคแทรกซ้อนจากปอดอักเสบในผู้สูงอายุ

สำหรับผู้ป่วยสูงอายุที่มีโรคประจำตัว อาจติดเชื้อที่รุนแรงมากกว่าคนปกติ ดังนั้นหากพบว่าคนในครอบครัวเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรแยกผู้สูงอายุให้ปลอดภัย เนื่องจากอาจติดเชื้อไวรัสกระทั่งเป็นปอดอักเสบได้

นอกจากนี้ผู้สูงอายุยังมีภูมิต้านทานต่ำจากความเสื่อมสภาพทั่วไปของร่างกาย โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไตวาย หัวใจ ไขมันพอกตับ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนจากปอดอักเสบ เช่น ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว หรือที่อันตรายที่สุด คือการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

การป้องกันปอดอักเสบในผู้สูงอายุ

  • ผู้สูงอายุควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ใช้ช้อนกลาง หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและไขมันสูง ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู่ป่วยโรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่
    ไม่สัมผัสกับผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
  • ลดการออกไปในสถานที่แออัดในช่วงที่มีไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ระบาด
  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ทุกปี เนื่องจากเชื้อโรคมีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา ประสิทธิภาพของวัคซีนสามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ประมาณ 70-80% ควรฉีดก่อนหน้าฝนราวเดือนพฤษภาคม–มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ระบาด
  • ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบส่วนใหญ่ คือ เชื้อเสตรปโตคอคคัส นิวโมนิเอ (Streptococcus pneumoniae) หรือเรียกสั้นๆ ว่า เชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งมีมากกว่า 90 สายพันธุ์ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคติดเชื้อรุนแรงอื่นๆ อาทิ ภาวะติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมอง และติดเชื้อในกระแสเลือด โดยในปัจจุบันทางการแพทย์ได้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสที่ใช้อย่างมีประสิทธิภาพในผู้สูงอายุ 2 ชนิด คือ

  • วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบคอนจูเกต (Conjugated) สามารถ ป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสได้ 13 สายพันธุ์
  • วัคซีนนิวโมคอคคัสแบบโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide ) หรือ PPSV23 ครอบคลุมเชื้อได้ 23 สายพันธุ์

ทั้งนี้ผู้สูงอายุที่อายุ  65 ปีขึ้นไป ควรฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิดร่วมกัน โดยในผู้สูงอายุที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบมาก่อน ควรฉีด PCV13 หนึ่งเข็มก่อน จากนั้นอีก 12 เดือนค่อยฉีด PPSV23 สำหรับผู้ที่เคยฉีดวัคซีน PPSV23 มาก่อนแล้ว สามารถฉีด PCV13 ตามภายหลังได้โดยต้องฉีดห่างกันอย่างน้อยหนึ่งปี

นอกจากนี้ยังพบว่าวัคซีนสามารถครอบคลุมสายพันธุ์ของเชื้อที่ก่อโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสรุนแรงในประเทศ ไทยได้ประมาณ 70-78% ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงปอดติดเชื้อรุนแรงจนอาจเสียชีวิตได้ จึงควรฉีดวัคซีนนิวโมคอคคัสเช่นเดียวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 

ปอดติดเชื้อ อันตรายไหม

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเสตรปโตคอคคัส นิวโมนิเอ (Streptococcus pneumoniae) หรือเรียกสั้นๆ ว่า เชื้อนิวโมคอคคัส ซึ่งมีมากกว่า 90 สายพันธุ์ (Streptococcus pneumoniae) พบได้ในโพรงจมูกและลำคอของทุกคน แต่มักก่อโรคเมื่อร่างกายอ่อนแอหรือในรายที่ภูมิคุ้มกันร่างกายไม่แข็งแรง เช่น ในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวทุกวัย

การติดเชื้อแบคทีเรียเสตรปโตคอคคัส นิวโมนิเอ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเสียชีวิตทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคปอดเรื้อรัง ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น การติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ 

ในผู้ใหญ่ เชื้อมักก่อโรคที่ปอด ทำให้เกิดปอดอักเสบส่งผลให้มีอาการหอบ เหนื่อย หายใจลำบาก มีไข้สูง หนาวสั่นและไอมีเสมหะ หากเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดจะยิ่งทวีความรุนแรงและเพิ่มอัตราการเสียชีวิต สูงถึง 20% และสูงขึ้นถึง 60% ในผู้สูงอายุ

วัคซีนป้องกันปอดอักเสบติดเชื้อนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต 20 สายพันธุ์

ในปัจจุบันทางการแพทย์ได้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสที่ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ วัคซีนป้องกันปอดอักเสบติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต 20 สายพันธุ์ (PCV20) สามารถป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสได้ 20 สายพันธุ์

ทำไมต้องฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบติดเชื้อนิวโมคอคคัส ชนิดคอนจูเกต 20 สายพันธุ์

  1. ครอบคลุมเชื้อได้มากขึ้น สามารถป้องกันเชื้อนิวโมคอคคัสได้ถึง 20 สายพันธุ์ ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ก่อโรคได้มากกว่า 80%
  2. การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น วัคซีนป้องกันปอดอักเสบชนิด 20 สายพันธุ์ เป็นวัคซีนชนิดคอนจูเกต ซึ่งมีการเพิ่มโปรตีนเข้าไปในโครงสร้างของวัคซีน ทำให้มีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าวัคซีนชนิดโพลีแซคคาร์ไรด์
  3. เพิ่มภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและยาวนาน การฉีดวัคซีนช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อซ้ำ
  4. ลดความเสี่ยง ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ และการเสียชีวิต
  5. สะดวกด้วยการฉีดเพียง 1 เข็ม วัคซีนป้องกันปอดอักเสบชนิด 20 สายพันธุ์ เพียง 1 เข็ม ช่วยลดความสับสนของคนไข้ ในเรื่องประวัติการรับวัคซีนและลดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาทิเช่น ค่าเดินทาง เพราะสามารถรับวัคซีนครบคอร์สภายในครั้งเดียว
  6. เหมาะสำหรับทุกวัย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง

ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต 20 สายพันธุ์

  • อายุ ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวทุกช่วงวัย เช่น โรคหัวใจเรื้อรัง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันปอดอักเสบติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต 20 สายพันธุ์ (PCV20)

  • ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ก่อโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสในกระแสเลือด (Invasive Pneumococcal Disease) ได้สูงถึง 86.8% ในกลุ่มอายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไปและ 83.2% ในทุกช่วงวัย
  • ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ก่อโรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส (Pneumococcal Pneumonia) ได้สูงถึง 84.9% ในผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

คำแนะนำการฉีดวัคซีนป้องกันปอดอักเสบติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต 20 สายพันธุ์

  • วัคซีนป้องกันปอดอักเสบชนิด 20 สายพันธุ์ (PCV20) 1 เข็ม สำหรับผู้ใหญ่ทุกช่วงอายุ*
    *สำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือปลูกถ่ายไขกระดูกมีคำแนะนำที่ต่างออกไป ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรับวัคซีน
  • วัคซีนป้องกันปอดอักเสบชนิด 20 สายพันธุ์ (PCV20) สามารถฉีดได้ทั้งในผู้ที่เคยและไม่เคยรับวัคซีนนิวโมคอคคัสมาก่อน

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


แนะนำคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่นสำหรับการสนทนาจริง

แนะนำคำศัพท์ที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน

  1. やばい (Yabai): คำนี้มีความหมายหลากหลาย ตั้งแต่ “แย่มาก” ไปจนถึง “เจ๋งสุด ๆ” ซึ่งขึ้นอยู่กับบริบทในการใช้งาน

ตัวอย่าง:

やばい!遅刻しそう。(Yabai! Chikoku shisou.) – แย่แล้ว! ฉันกำลังจะสาย

この料理やばい!うまい!(Kono ryouri yabai! umai!) – อาหารจานนี้อร่อยมาก ๆ เลย!

  1. めっちゃ (Meccha): แปลว่า “มาก ๆ” ใช้เน้นความรู้สึกของผู้พูด

ตัวอย่าง:

今日はめっちゃ暑いね。(Kyou wa meccha atsui ne.) – วันนี้ร้อนมาก ๆ เลยนะ

このゲームめっちゃ面白い!(Kono geemu meccha omoshiroi!) – เกมนี้สนุกมาก ๆ!

  1. ガチ (Gachi): หมายถึง “จริงจัง” หรือ “ของแท้”

ตัวอย่าง:

彼はガチでやる気あるんだ。(Kare wa gachi de yaruki arunda.) – เขามีความตั้งใจจริง ๆ นะ

これガチのブランド品?(Kore gachi no burando hin?) – นี่เป็นของแบรนด์เนมของแท้เหรอ?

  1. マジで (Maji de): แปลว่า “จริง ๆ นะ” ใช้เน้นย้ำความจริงจัง

ตัวอย่าง:

マジで?信じられない!(Maji de? Shinjirarenai!) – จริงเหรอ? ไม่น่าเชื่อเลย!

マジで疲れた。(Maji de tsukareta.) – เหนื่อยจริง ๆ เลย

สำนวนที่ใช้บ่อยในการสนทนา

นอกจากคำศัพท์ใช้บ่อยแล้ว ยังมีสำนวนที่เราอาจได้ยินบ่อย ๆ ในการสนทนาภาษาญี่ปุ่น ซึ่งบางคำก็ไม่ได้มีความหมายตรงเพียงอย่างเดียว ผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ความหมายตรงและเรียนรู้วิธีการใช้จริงในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมด้วย จึงจะสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องและเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เป็นธรรมชาตินะ!

  1. お疲れ様です (Otsukaresama desu): ใช้ทักทายเพื่อนร่วมงานหรือแสดงความขอบคุณสำหรับความพยายามของเขา
  2. いただきます (Itadakimasu): ใช้พูดก่อนรับประทานอาหาร เพื่อแสดงความขอบคุณ
  3. ごちそうさまでした (Gochisousama deshita): ใช้พูดหลังรับประทานอาหารเสร็จ เพื่อแสดงความขอบคุณ

ขอบคุณข้อมูลจาก novaonline-th.com


กฎหมายลักษณะดิจิทัล

กฎหมายลักษณะดิจิทัลถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องบุคคลจากการนำภาพลักษณ์ เสียง หรือคุณลักษณะส่วนบุคคลอื่นๆ ไปใช้ในเนื้อหาดิจิทัลและเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยไม่ได้รับอนุญาต กฎหมายเหล่านี้มีความสำคัญมากขึ้นเนื่องจากความก้าวหน้าของ AI และเทคโนโลยี Deepfake ซึ่งสามารถสร้างแบบจำลองดิจิทัลที่เหมือนจริงของบุคคลได้ 

การคุ้มครองลักษณะดิจิทัลจึงมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว ป้องกันการนำอัตลักษณ์ไปใช้ในทางที่ผิดและให้บุคคลสามารถควบคุมการใช้ลักษณะดิจิทัลของตนเองในสื่อ บันเทิง โฆษณา และบริบททางการเมือง

หลักสำคัญของกฎหมายเกี่ยวกับลักษณะดิจิทัลจะมุ่งเน้นไปที่การให้ความยินยอม การใช้เชิงพาณิชย์ และการต่อต้านการบิดเบือนข้อมูล กฎหมายส่วนใหญ่กำหนดให้บุคคลจะต้องได้รับอนุญาตก่อนที่ลักษณะดิจิทัลของตนจะถูกนำไปใช้เพื่อผลกำไร การโฆษณา หรือเผยแพร่สู่สาธารณะ บางประเทศยังออกกฎหมายที่ควบคุมการสร้างและเผยแพร่ Deepfake โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง การหมิ่นประมาท หรือการใช้เทคโนโลยีเพื่อชี้นำความคิดเห็นของประชาชน ในวงการบันเทิงและสื่อ

กฎหมายเหล่านี้ช่วยป้องกันการสร้างภาพดิจิทัลของนักแสดง นักดนตรี และบุคคลสาธารณะอื่นๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา รัฐแคลิฟอร์เนียได้ออกกฎหมายใหม่เกี่ยวกับ AI ได้แก่ Assembly Bill 2602 (AB 2602) และ Assembly Bill 1836 (AB 1836) ซึ่งกำหนดข้อบังคับเกี่ยวกับการใช้แบบจำลองดิจิทัลของบุคคลเพื่อความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการใช้ AI 

กฎหมายเหล่านี้ให้สิทธิ์ใหม่แก่ประชาชนและนักแสดงในการควบคุมการใช้เสียงและรูปลักษณ์ของตนเองในรูปแบบดิจิทัล ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยี AI ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายเหล่านี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและการละเมิดสิทธิของบุคคล

AB 2602 กำหนดให้การใช้แบบจำลองดิจิทัลของบุคคลในสัญญาว่าจ้างงานต้องได้รับการยินยอมจากบุคคลนั้นอย่างชัดเจน และต้องมีรายการการใช้งานที่ระบุไว้อย่างเฉพาะเจาะจง 

อีกทั้งยังห้ามการใช้แบบจำลองแทนการปฏิบัติงานจริงของบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมจากที่ปรึกษากฎหมายหรือสหภาพแรงงาน กฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 และส่งผลให้ธุรกิจที่ใช้ AI ในการสร้างภาพหรือเสียงของนักแสดงต้องแก้ไขข้อตกลงทางกฎหมายให้เหมาะสม

AB 1836 แก้ไขกฎหมายว่าด้วยสิทธิ์ของบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว โดยห้ามไม่ให้มีการสร้างหรือเผยแพร่แบบจำลองดิจิทัลของบุคคลที่เสียชีวิตโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาท กฎหมายดังกล่าวช่วยป้องกันการนำเสียงหรือรูปลักษณ์ของบุคคลที่เสียชีวิตไปใช้ในสื่อดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจาก ผู้ถือสิทธิ์ลิขสิทธิ์หรือเป็นการดัดแปลงที่ได้รับอนุญาต กฎหมายนี้กำหนดบทลงโทษสำหรับการละเมิดโดยคิดค่าปรับไม่น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์ หรือคำนวณจากมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง

กฎหมายทั้งสองฉบับนี้จะเพิ่มต้นทุนการปฏิบัติตามกฎหมายให้กับธุรกิจที่ใช้ AI และเพิ่มความซับซ้อนในการทำสัญญากับนักแสดงและบุคคลที่เกี่ยวข้องธุรกิจที่ดำเนินงานในหลายรัฐต้องพิจารณาแนวทางปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายของแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมบันเทิง 

การออกกฎหมายเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่เข้มงวดขึ้นในการกำกับดูแล AI ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในอนาคตผ่านร่างกฎหมายใหม่ เช่น SB 1047 และ AB 2013 ที่เสนอให้ควบคุมการทำงานของ AI อย่างละเอียดมากขึ้น (Klungness, Stanley, Rovai, & Culp, 2024)

การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับลักษณะดิจิทัลยังคงเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากเทคโนโลยี AI กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วและเนื้อหาดิจิทัลสามารถแพร่กระจายได้ทั่วโลก ปัญหาด้านเขตอำนาจศาล การใช้สิทธิ์โดยชอบธรรม (Fair Use) และความสมดุลระหว่างการกำกับดูแลกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยียังคงเป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันต่อไป 

ด้วยการแพร่หลายของเนื้อหาที่สร้างโดย AI คาดว่าฝ่ายนิติบัญญัติทั่วโลกจะต้องปรับปรุงกฎหมายเหล่านี้ให้ทันสมัยเพื่อให้แน่ใจว่า AI ถูกใช้ในทางที่ถูกต้องในอนาคต กฎหมายอาจขยายขอบเขตไปถึงประเด็นเกี่ยวกับ อัตลักษณ์ AI ในโลกเสมือน (Metaverse) สื่อดิจิทัลที่สร้างโดย AI และการคุ้มครองบุคคลจากการถูกแอบอ้างในโลกออนไลน์

ในประเทศไทยขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่ควบคุมการใช้ลักษณะดิจิทัลหรือเทคโนโลยี Deepfake โดยตรง อย่างไรก็ตาม การใช้เทคโนโลยีดังกล่าวอาจเข้าข่ายการละเมิดกฎหมายที่มีอยู่แล้ว เช่น กฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงหรือบิดเบือนข้อมูลที่ทำให้ผู้อื่นเสียหายอาจถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จหรือบิดเบือนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ 

นอกจากนี้ หน่วยงานต่างๆ ในประเทศไทยได้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่มาจากเทคโนโลยี Deepfake และได้มีการเผยแพร่ข้อมูลเพื่อให้ประชาชนรู้เท่าทัน แม้ว่าจะยังไม่มีกฎหมายเฉพาะในประเทศไทยที่ควบคุมการใช้ลักษณะดิจิทัลหรือเทคโนโลยี Deepfake แต่การใช้เทคโนโลยีดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่เหมาะสม อาจเข้าข่ายการละเมิดกฎหมายที่มีอยู่ ดังนั้น การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ควรทำด้วยความระมัดระวังและเคารพสิทธิของผู้อื่น

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ร้อนนี้ไม่แนะนำ 27 ผัก ผลไม้ฤทธิ์ร้อน ยิ่งทานบ่อย ยิ่งร้อนรุนแรง

เมื่ออุณหภูมิภายนอกพุ่งสูงขึ้น ร่างกายของเราก็ต้องการความเย็นสดชื่นเพื่อคลายร้อน แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่าผักและผลไม้บางชนิดที่เราคุ้นเคยกลับมีฤทธิ์ร้อน ซึ่งหากรับประทานในช่วงฤดูร้อน อาจทำให้ร่างกายร้อนจากภายในทวีคูณ ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ร้อนใน กระหายน้ำ ปวดหัว หรือแม้กระทั่งเป็นไข้

ในฤดูร้อนการเลือกรับประทานอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญ การหลีกเลี่ยงผักและผลไม้ฤทธิ์ร้อน และหันมาบริโภคอาหารที่มีฤทธิ์เย็น จะช่วยให้ร่างกายปรับสมดุลและคลายร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับผักและผลไม้ฤทธิ์ร้อนที่ควรหลีกเลี่ยง พร้อมทั้งแนะนำทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อให้คุณผ่านพ้นฤดูร้อนไปได้อย่างสดชื่นและมีสุขภาพดี

ผักฤทธิ์ร้อน

  • กระชาย
  • กะเพรา
  • กุยช่าย
  • กระเทียม
  • ขิง
  • ข่า
  • ขมิ้น
  • ผักชี
  • ยี่หร่า
  • โหระพา
  • พริก
  • พริกไทย
  • เครื่องเทศ

ผลไม้ฤทธิ์ร้อน

  • กล้วยหอม
  • เสาวรส
  • ขนุนสุก
  • เงาะ
  • ฝรั่ง
  • ทุเรียน
  • ทับทิม
  • น้อยหน่า
  • มะตูม
  • ลำไย
  • ลองกอง
  • มะไฟ
  • มะปราง
  • มะม่วงสุก

สำหรับผัก ผลไม่ฤทธิ์เย็นที่แนะนำให้ทานในช่วงหน้าร้อนคือ

ผักที่มีฤทธิ์เย็น

ดอกกะหล่ำ กวางตุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดหอม ข้าวโพด ใบเตย ถั่วงอก สายบัว บล็อกโคลี่ มะเขือ มะรุม ฟัก

ผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น

แก้วมังกร กระท้อน แคนตาลูป ชมพู่ เชอร์รี่ แตงโม แตงไทย มังคุด มะยม มะพร้าว น้ำมะนาว สับปะรด สาลี่ แอปเปิ้ล

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 05/03/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a46,400.0046,500.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,006.0045,570.9647,300.00
ทองรูปพรรณ 90%2,705.4041,013.86n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,404.8036,456.77n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,353.0020,511.48n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,052.0015,948.32n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,115.0047,223.40n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 05/03/2568



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.3535.3535.8535.3535.3535.3535.3535.3535.3535.35
แก๊สโซฮอล์ 9134.9834.9835.4834.9834.9834.9834.9834.9834.9834.98
แก๊สโซฮอล์ E2033.1433.1433.6433.1433.1433.1433.1433.1433.14
แก๊สโซฮอล์ E8531.6931.6931.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม43.9449.8449.8449.8443.94
เบนซิน 9543.6449.8144.1443.7943.64
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า