ตลาดอสังหา ซึมยาว ลุ้นรัฐบาล อัดยาแรง ธปท.ผ่อนLTV แบงก์คลายสินเชื่อ ปล่อยกู้
ตลาดอสังหาฯซึมยาว ลุ้น รัฐบาล แพทองธาร จัดชุดใหญ่มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ต่ออายุ ลดค่าโอน-จดจำนองบ้าน-คอนโด ยันต้องการให้แบงก์ชาติ (ธปท.) ผ่อนปรน LTV -แบงก์ลดเข้มคลายสินเชื่อ ปล่อยกู้ ขณะยอดปฏิเสธสินเชื่อลามบ้าน 10 ล้านบาท คลัง ยัน มาตรการใหม่ฟื้นกำลังซื้อปีหน้าโต
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเผชิญกับความท้าทายรอบด้านแม้ที่ผ่านรัฐบาลจะมีมาตกรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องแต่มองว่าการเยียวยานั้นล่าช้าเกินไป เมื่อเทียบกับความบอบซ้ำทางเศรษฐกิจต่อเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด -19 ที่รัฐมักมองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวแต่ในทางตรงกันข้ามกำลังซื้อไม่ได้ฟื้นตัวตาม
ซ้ำร้ายเกิดหนี้ครัวเรือนพอกพูนสถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวัง เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ บางโครงการมียอดปฎิเสธสินเชื่อสูงถึง 70ถึง80% และลุกลามไปถึงบ้านระดับบนราคากว่า10 ล้านบาทขึ้นไปมี ยอดปฏิเสธสินเชื่อมากขึ้น เป็นเหตุให้ ต้องนำกลับมาหมุนเวียนขายใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวล และจะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่
ท่ามกลางจำนวนสต๊อก เหลือขายเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (ข้อมูลไตรมาส2 ปี2567) ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่ามีมากถึง 2.14 แสนหน่วย มูลค่า 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงจากช่วงเดียวกัน 33% และมีแนวโน้มจะมากขึ้นทุกวัน
ทางออก ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ มักปรับแผน จากการซื้อขายขาดเป็นเช่าซื้อแทน เพื่อก้าวข้าม การปฏิเสธสินเชื่อ และนำเงินค่าเช่าเปลี่ยนเป็นเงินดาวน์และขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน อีกทั้งการโรดโชว์ขายต่างชาติมากขึ้นในทุกรูปแบบ รวมถึงการชะลอเปิดโครงการออกไป และมองหาธุรกิจทางเลือกใหม่ เพื่อลดผลกระทบ เพิ่มโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือหนึ่งในเครื่องยนต์ใหญ่ที่รัฐบาลใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหากเครื่องยนต์ตัวนี้ ดับวูบลง เชื่อว่าจะส่งผลกระทบ เป็นโดมิโนตามมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งระบบ แรงงาน ผู้รับเหมา ฯลฯ
แม้รัฐบาลจะมีมาตรการออกมา อย่างการลดค่าโอนและจดจำนอง สำหรับบ้านไม่เกิน 7 ล้านบาท การลดดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย แต่มองว่าช่วยได้ไม่เต็มที่นัก เนื่องจากสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ
ล่าสุดรัฐบาลมีมาตรการ แพ็กเกจ กระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคาอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) วงเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการ สินเชื่อซื้อ-สร้าง ดอกเบี้ยพิเศษ 5 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท รวม 5หมื่นล้านบาท 2.โครงการสินเชื่อซ่อม-แต่ง ดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 1 แสนบาท รวม 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีนโยบายต่ออายุมาตรการลดค่าโอน-จดจำนอง เหลือรายการละ 0.01% ที่จะหมดอายุลงสิ้นปีนี้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงปลายปีนี้ถึงปีหน้า
ขณะหัวใจสำคัญที่จะกระตุ้นกำลังซื้อได้จริง จากกลุ่มเศรษฐีเงินเย็น นักลงทุนปล่อยเช่าระยะยาว ให้นำเงินออกมาใช้จ่าย คือการผ่อนปรน มาตรการ LTV (Loan to Value) หรือ ยกเลิก LTV ออกไป เป็นการชั่วคราว สถาบันการเงิน ลดความเข้มงวด พิจารณาตามข้อเท็จจริง เพราะกลุ่มที่มีกำลังผ่อนไหว ยังมี รวมถึง ต้องการให้ กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายลงต่อเนื่องเพื่อลดต้นทุนผู้ประกอบการและ ช่วยให้ประชาชนสามารถกู้ได้มากขึ้นที่ภาคเอกชนโดย 3 สมาคมอสังหาฯซึ่งประกอบด้วย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมอาคารชุดไทยและสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรเรียกร้องมาโดยตลอด
ด้านนางสาวภัคพริ้ง การุญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) สะท้อนว่า มองว่ามาตการ กระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องที่ดี รวมถึงการลดดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน ขณะเดียวกัน บริษัทพยายามซัพพอร์ตเรื่องดอกเบี้ย ให้กับทางลูกค้ามากที่สุด โดยร่วมมือกับธนาคารในการหาสินเชื่อดอกเบี้ยที่ต่ำอย่าง 0% 3 ปี หรือ เลือกเป็นส่วนลด โดยสามารถเลือกใช้ได้ในเกือบทุกโครงการของแสนสิริ ซึ่งบรษัทพยายามให้มีการปรับเปลี่ยนได้ตามควมต้องการที่ต่างกันของผู้บริโภคแต่ละราย
“ช่วงโค้งสุดท้ายปีเช่นนี้ลูกค้าจะมีการวางแผนการเงิน เช่น จะซื้อบ้าน หรือจะเตรียมเงินไปใช้จ่ายอื่นๆ เราจึงมองวิธีการที่ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภค คลายกังวลเรื่องการเงินได้มากที่สุด”
เช่นเดียวกับนายสืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานกรรมการบริหาร แพทโก้ กรุ๊ป และบริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด ฐานะนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ฉะเชิงเทรา มองว่าสถาบันการเงินลดดอกเบี้ย รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่องเป็นเรื่องที่ดี ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการลดต้นทุน และทำให้บ้านมีราคาที่ลดลง ผู้บริโภคเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของเอกชนอีกต่อหนึ่ง
นายถิรชนม์ ธเนศเดชสุนทร ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 46 เปิดเผยว่าการจัดงานมหกรรมฯมีผลตอบรับที่ดี และเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ที่ 4,500 ล้านบาทและทั้งปี 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการพบกันของผู้ประกอบการและสถาบันการเงิน ที่ได้รับอานิสงส์จากการลดดอกเบี้ย มาตรการต่างๆของรัฐ นำมาสนับสนุน การจัดแคมเปญส่งเสริมการตลาด อย่างไรก็ตาม จากที่ได้พุคุยกับผู้ประกอบการด้วยกันและ3สมาคมอสังหาฯ มองว่า วิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและคาดว่าในปีหน้าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ภาครัฐตระหนักถึง ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอย่างมาก โดยในอุตสาหกรรมนี้ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ได้สูงถึง 5% และในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ก็ยังสามารถสร้างจีดีพีได้สูงสุด ทำให้มูลค่ารวมในอุตสาหกรรมนี้สูงราว 1.1 ล้านล้านบาท
ถึงแม้สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันจะไม่ค่อยดีนัก แต่กระทรวงการคลังได้ออกหลายมาตรการเพื่อสนับสนุนภาคอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home และสินเชื่อ Happy Life และล่าสุดมีโครงการกระตุ้นการซื้อ-ซ่อม-สร้างวงเงินรวม 5.5หมื่นล้านบาท ซึ่งหากมาตรการนี้ผ่านมติ คณะรัฐมนตรี(ครม.) ก็จะเป็นอีกหนึ่งกลไกของทางภาครัฐที่ช่วยรองรับความต้องการมีบ้านของประชาชนที่มีรายได้น้อยได้ และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไปจนถึงต้นปีหน้า
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“พราวพุธ ลิปตพัลลภ” มองหัวหินยังโต เปิด“VEHHA Hua Hin” เชื่อมรถไฟรางคู่
พราว เรียล เอสเตท เปิดตัวโครงการใหม่ “VEHHA Hua Hin” คอนโดมิเนียมวิวทะเล ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การพักผ่อนบนทำเลเชื่อมต่อกับสวนนํ้าวานา นาวา-โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา พร้อมเปิดประสบการณ์การเดินทางพิเศษด้วยรถไฟเชื่อมสถานีหนองแก เข้าสู่โครงการ
หัวหิน หนึ่งในอำเภอของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มีศักยภาพและเติบโตสูง เนื่องจากเป็นหัวเมืองท่องเที่ยวชายทะเล และการอยู่อาศัย จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลกที่มีทั้งคนไทยและต่างชาติให้ความสนใจเข้าพัฒนาพื้นที่
สะท้อนจากดีเวลลอปเปอร์พัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาที่ดินขยับสูง และนับวันจะหายากยิ่ง แต่หากเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ เป็นเจ้าถิ่นมีที่ดินสะสมในมือจำนวนมากย่อมได้เปรียบ
อย่างเช่นบริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD ซึ่งตอกยํ้าผู้นำด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหัวหิน ด้วยการเปิดตัว “VEHHA Hua Hin” (เวหา หัวหิน) คอนโดมิเนียมใหม่ล่าสุดที่กำลังจะกลายเป็นคอนโดมิเนียมที่สูงที่สุดในหัวหิน ด้วยวิวทะเล ที่สูงที่สุดในหัวหิน โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่มิกซ์ยูส โดยประกอบไปด้วยโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา สวนนํ้าวานา นาวา
และล่าสุดคอนโดมิเนียม VEHHA Hua Hin ที่ขณะนี้มีความคืบหน้าการก่อสร้างถึง 60% พร้อมเปิดให้ชมห้องตัวอย่างแล้วที่ Sales Gallery โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดโครงการและเข้าอยู่อาศัยได้ภายในไตรมาส 2 ปี 2568 เป็นต้นไป
จุดเด่นสำคัญของโครงการ VEHHA Hua Hin คือการเชื่อมต่อระบบการเดินทางที่สะดวกสบายผ่านทางรถไฟรางคู่จากสถานีหนองแก หัวหิน โดยพราวได้จัดบริการทริปพิเศษผ่านรถไฟขบวน Royal Blossom สำหรับทั้งบุคคลทั่วไปที่ต้องการเดินทางมาที่หัวหิน และลูกค้าของโรงแรมและสวนนํ้า ที่นำเยี่ยมชมไปยังโครงการ ตลอดระยะเวลา 3 เดือน
พร้อมให้บริการทางเดินเชื่อมส่วนตัวจากสถานีเข้าสู่โครงการ ซึ่งช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าถึงโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ วานา นาวา และสวนนํ้าวานา นาวาได้ง่ายขึ้น นับเป็นมิติใหม่ในการพัฒนาโครงการที่เน้นการผสมผสานพื้นที่อยู่อาศัยและความบันเทิงแบบครบวงจร
นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท เปิดเผยว่า การพัฒนาโครงการ VEHHA Hua Hin นับเป็นการตอกยํ้าแนวคิดในการสร้างพื้นที่ไลฟ์สไตล์ที่ครบครันในหัวหิน ซึ่งเราได้นำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทำให้การใช้ชีวิตในหัวหินเป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ทั้งโรงแรม สวนนํ้า และคอนโดมิเนียมที่มีวิวทะเลเต็มตา
ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถเข้าถึงการพักผ่อนและความสนุกได้ในที่เดียว อีกทั้งยังตอบรับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในเมืองหัวหิน โดยเฉพาะเมื่อรถไฟรางคู่เปิดใช้จริงจะยิ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ของเมือง
โครงการ VEHHA Hua Hin ประกอบไปด้วย 364 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 3.69 ล้านบาท เฉลี่ย 145,000 ต่อตารางเมตร รวมถึงมีห้องเพนท์เฮ้าส์ที่รับวิวทะเลแบบพาโนรามา เต็มทัศนียภาพ ทั้งหมด 5 ยูนิต
ซึ่งขณะนี้บริษัทเปิดเผยว่าได้มีการปิดการขายเรียบร้อยแล้ว ด้านยอดขายรวมทั้งหมด โครงการ VEHHA Hua Hin ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยขณะนี้มียอดจองสูงกว่า 1,500 ล้านบาท
โดยกลุ่มลูกค้าหลักของโครงการประกอบด้วยชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วนชาวไทยอยู่ที่ 55% และชาวต่างชาติอยู่ที่ 45% โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากยุโรปที่มีความสนใจในการพักผ่อนระยะยาวในเมืองตากอากาศของไทยมีสัดส่วนสูงถึง 33%
โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้ออยู่อาศัยอย่างแท้จริง ไม่ได้เป็นการซื้อเพื่อการลงทุน และด้วยทำเลที่มีศักยภาพจึงทำให้สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความหลากหลาย
ทั้งเจ้าของธุรกิจ SME ที่ต้องการเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯกับภาคใต้ และกลุ่มครอบครัวที่มองหาที่พักอาศัยในเมืองตากอากาศ และทำให้โครงการ VEHHA Hua Hin ได้รับการตอบรับอย่างดี ซึ่งปัจจุบันโครงการนี้มียอดขายถึง 65% แล้ว
นางสาวพราวพุธ ยังกล่าวเสริมว่า โครงการนี้ยังมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่ทำให้แตกต่างจาก คอนโดมิเนียมเจ้าอื่นๆ ในตลาดพื้นที่หัวหินอย่างชัดเจนคือ เป็นอาคารสูงในหัวหิน รับวิวทะเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุดเทียบเท่าได้กับคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ
อีกทั้งตัวโครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ผสมผสานอย่างแท้จริง ด้วยการตั้งอยู่ใกล้กับสวนนํ้าและโรงแรม ซึ่งลูกบ้านสามารถเข้าใช้สิ่งอำนวยความสะดวกได้ ทำให้ VEHHA Hua Hin เติมเต็มประสบการณ์ด้วยความบันเทิงและการพักผ่อนครอบคลุมหลากหลายไลฟ์สไตล์
ในส่วนของเป้าหมายยอดขาย พราว เรียล เอสเตท ได้ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท และมีแผนขยายโครงการเพิ่มเติมในอนาคตด้วยการพัฒนา 3 โครงการใหม่ที่มีมูลค่ารวมกว่า 9,000 ล้านบาทในปี 2568
ทั้งนี้ ยังได้มองเห็นศักยภาพของหัวหินที่จะเติบโตในอนาคต และรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยที่ผนวกเข้ากับความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่นนี้ยังคงเป็นอีกโมเดลหนึ่งที่จะศึกษาและนำไปปรับใช้ในโครงการในอนาคตต่อไปตามความเหมาะสม
นอกจากนี้ พราว เรียล เอสเตท ยังมีโปรโมชั่นส่งท้ายปี PAY LESS GET MORE โดยลูกค้าสามารถจ่ายเพียง 5,000 บาท และรับคืนสูงสุดถึง 1,000,000 บาท ทั้งนี้ โครงการยังให้สิทธิพิเศษในการเข้าชมสวนนํ้าฟรี 3 ปี
รวมถึงบริการเสริมที่ครบครัน เช่น บริการรับส่งจากสถานีรถไฟหนองแกไปยังโครงการ บริการทำความสะอาดห้องพักและซักรีด ตลอดจนส่วนลดพิเศษจากโรงแรมและร้านอาหารภายในโครงการ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 6พ.ย. “แข็งค่า” ที่ระดับ 33.55 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอยู่ในช่วงผันผวนสูงกว่าปกติอาจแกว่งตัวในกรอบเกิน 1%หรือเกิน 40สตางค์รวมถึงสินทรัพย์อื่นในตลาดเงินเคลื่อนไหวผันผวนตามแนวโน้มผู้ชนะเลือกตั้งควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลซึ่งอาจสูสีพอสมควร
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 6พ.ย. 2567 ที่ระดับ 33.55 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.62 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท รวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ ในตลาดการเงิน มีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนสูงกว่าช่วงปกติ ในระหว่างตลาดทยอยรับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ
โดยการเคลื่อนไหวของเงินบาทอาจผันผวนไปตามแนวโน้มผู้ชนะการเลือกตั้ง โดยจากข้อมูลสถิติในอดีตตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2016 พบว่า เงินบาทอาจผันผวนในกรอบ 0.6% ซึ่งอาจดูไม่กว้างมากนัก ทว่าในปัจจุบัน เงินบาทได้อยู่ในช่วงผันผวนสูงกว่าปกติ ทำให้มีโอกาสที่เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบที่กว้างขึ้นเกิน 2 เท่า จากค่าเฉลี่ยในอดีตได้ เช่น เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบเกิน 1% หรือ เกิน 40 สตางค์ ได้
เราประเมินว่า หากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ เป็นไปตามกรณี Base Case ที่เราประเมินว่า คือ Trump w/Divided Congress ซึ่งเรายอมรับว่า อาจรับรู้แนวโน้มผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ก่อนการเลือกตั้งในส่วนของวุฒิสภาและสภาผู้แทนฯ ได้
ผู้เล่นในตลาดอาจตอบรับ แนวโน้มที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะกลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ด้วยการเพิ่มสถานะถือครองสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับธีม Trump Trades หนุนให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นต่อ กดดันให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงกลับไปทดสอบโซนแนวต้าน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก
ในทางกลับกัน หาก กมลา แฮร์ริส สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ พรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสได้สำเร็จ (Democrat Trifecta, Blue Sweep) ก็จะเป็นกรณีที่ยิ่งหนุนให้ผู้เล่นในตลาดเร่งปรับลดสถานะถือครองสินทรัพย์ธีม Trump Trades
กดดันให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวลดลงได้พอสมควร (เรามอง Asymmetric risk สำหรับ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ โดยการปรับตัวขึ้นอาจไม่มาก เท่าการปรับตัวลดลง) หนุนให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง พร้อมกับเงินบาทที่อาจแข็งค่าขึ้น จนเสี่ยงทะลุโซนแนวรับหลัก 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้
ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาด ลักษณะ Two-Way Volatility ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสหรัฐฯ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงการปรับมุมมองต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางไปมา ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-34.00 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งอาจสูสีได้พอสมควร)
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Down (กรอบการเคลื่อนไหว 33.53-33.67 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ยังคงทยอยอ่อนค่าลง ตามแรงขายทำกำไรสินทรัพย์ในธีม Trump Trades ก่อนที่ตลาดจะรับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ
แม้ว่า เงินดอลลาร์จะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ เดือนตุลาคม ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 56 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้พอสมควรก็ตาม นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) เข้าใกล้โซน 2,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ต่างก็ทยอยปรับตัวลดลงในช่วงหลังตลาดรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการของสหรัฐฯ
แม้ว่าผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างก็รอลุ้นผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ทว่าบรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ได้แรงหนุนจากรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ เดือนตุลาคม ที่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ทำให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.23%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้นเพียง +0.06% กดดันโดยแรงขายหุ้น AstraZeneca -8.4% ซึ่งส่งผลให้บรรดาหุ้นกลุ่ม Healthcare ต่างเผชิญแรงขายออกมาบ้าง หลังมีรายงานข่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของ AstraZeneca อาจพัวพันกับคดีฉ้อโกงประกันภัยในจีน ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการรีบาวด์ขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ และการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงาน
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ โดยรวมเคลื่อนไหวในกรอบ sideways แถวโซน 4.30% แม้จะมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้โซน 4.40% บ้าง หลังรายงานดัชนี ISM PMI ภาคบริการ ของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม ออกมาดีกว่าคาดพอสมควร
ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด แต่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ยังคงไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปได้ไกล หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็รอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว
โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ และบางส่วนก็เริ่มปรับลดความคาดหวังต่อโอกาสที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นกลับสู่ระดับที่มีความน่าสนใจ และมี Risk-Reward ที่คุ้มค่ามากขึ้น ทำให้เราคงแนะนำให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะบอนด์ยีลด์ ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip)
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ตามแรงขายทำกำไรสินทรัพย์ในธีม Trump Trades แม้ว่าเงินดอลลาร์จะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงสู่โซน 103.5 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.4-103.8 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าจังหวะการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจกดดัน ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ให้ย่อตัวลงได้บ้าง ทว่า ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนอยู่ ตามความต้องการของผู้เล่นในตลาดเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งสหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคาทองคำ สามารถรีบาวด์ขึ้นและแกว่งตัวแถวโซน 2,750-2,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ซึ่งเราประเมินว่า ผลการเลือกตั้งอาจจะรู้อย่างเร็วสุดในช่วงบ่ายของวันนี้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า การนับคะแนนการเลือกตั้งอาจใช้เวลานานหลายวัน จนกว่าจะรู้ผลการเลือกตั้งได้ เหมือนกับการเลือกตั้งปี 2020 อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินอาจเคลื่อนไหวผันผวนสูง ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มผู้ชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ
ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของเวียดนาม อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) และอัตราเงินเฟ้อ CPI เป็นต้น
และในฝั่งไทย บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ของไทยในเดือนตุลาคม มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สู่ระดับ 0.96% เข้าใกล้กรอบเป้าหมาย 1%-3% ของธนาคารแห่งประเทศไทยมากขึ้น หนุนโดยการฟื้นตัวของการบริโภคในช่วงปลายปี ซึ่งส่วนหนึ่งก็ได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่ากลับมาใกล้ๆ แนว 33.80 โดยเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.80-33.82 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.40 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาท และสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย รวมถึงเงินเยนและเงินหยวน ขยับอ่อนค่าลงในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ได้รับแรงหนุน เช่นเดียวกับบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นในช่วงรอลุ้นผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีคงต้องระมัดระวังกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินที่อาจมีความผันผวนในระหว่างวันด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.70-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือน ต.ค. ของไทย รวมถึงดัชนี PMI ภาคบริการเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น และยูโรโซน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สรุปผลบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก คืนวันอังคารที่ 6 พ.ย. 67
ผลบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก นัดทีสี่ โดยมีคู่ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล พบ เลเวอร์คูเซ่น และ เรอัล มาดริด พบ มิลาน เมื่อคืนวันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังร้อนแรงเปิดบ้านถล่ม เลเวอร์คูเซ่น ไปแบบขาดลอย 4-0 เกมนี้ หลุยส์ ดิอาซ ระเบิดฟอร์มกดแฮตทริกแรกในเกมยุโรปให้ทีม
ขณะที่ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ส่อแววมีปัญหาหลังเปิดบ้านแพ้ให้กับ เอซี มิลาน ไปแบบหมดรูป 1-3 ส่วน แมนฯ ซิตี้ บุกแพ้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 1-4
ผลบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก
- สโลวาน บราติสลาว่า 1-4 ดินาโม ซาเกร็บ
- พีเอสวี 4-0 คิโรน่า
- ดอร์ทมุนด์ 1-0 สตวร์ม กราซ
- โบโลญญ่า 0-1 โมนาโก
- สปอร์ติ้ง ลิสบอน 4-1 แมนฯ ซิตี้
- เรอัล มาดริด 1-3 มิลาน
- ลิเวอร์พูล 4-0 เลเวอร์คูเซ่น
- ลีลล์ 1-1 ยูเวนตุส
- เซลติก 3-1 ไลป์ซิก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
6 เคล็ดลับลดเสี่ยง “มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง”
กรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ชี้สัญญาณเตือน มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับต้นๆ ของหลายประเทศทั่วโลก ด้วยวิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป แนะเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารฟาสต์ฟู้ด อาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม อาหารจากน้ำมันทอดซ้ำ และเนื้อสัตว์แปรรูป
สาเหตุของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เริ่มจากการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ (polyp) และพัฒนาจนเป็นมะเร็ง โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 10-15 ปี มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงมักจะไม่มีอาการในระยะเริ่มแรกของโรค จะมีอาการก็ต่อเมื่อโรคลุกลามมากขึ้นจนถึงระยะสุดท้าย ส่งผลทำให้การรักษาไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
ทำไมมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ถึงพบได้บ่อยในคนไทย?
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงพบได้บ่อยเป็นอันดับ 3 ในเพศชาย และอันดับ 2 ในเพศหญิง ข้อมูลประมาณการณ์ ในปี 2561 จะมีผู้ป่วยใหม่ราว 13,000 ราย และเสียชีวิตประมาณ 5,000 คน
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันวิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากโดยเฉพาะพฤติกรรมการบริโภค เช่น อาหารไขมันสูง อาหารฟาสต์ฟู้ดต่างๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น การกินอาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม อาหารจากน้ำมันทอดซ้ำ และเนื้อสัตว์แปรรูป ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรค อีกทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขาดการออกกำลังกาย การมีภาวะอ้วนน้ำหนักเกิน ตลอดจนการมีประวัติครอบครัวหรือตนเองเป็นติ่งเนื้อในลำไส้ เป็นต้น
อาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
อาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และไส้ตรง ที่พบบ่อย ได้แก่
- ท้องผูกสลับท้องเสีย
- ถ่ายอุจจาระบ่อยครั้ง
- ถ่ายไม่สุด
- ถ่ายเป็นมูกหรือ มูกปนเลือด หรืออาจถ่ายเป็นเลือดสด
- ขนาดลำอุจจาระเล็กลง
- มีอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด จุกเสียด เป็นต้น
ยาเคมีบำบัดที่บ้าน ตัวช่วยรักษาโรคมะเร็งแบบ New Normal
ปัญหาอุปสรรคของการรักษาโรคมะเร็ง คือ โรงพยาบาลส่วนใหญ่มีจำนวนเตียงไม่เพียงพอ ผู้ป่วยที่ต้องได้รับยาเคมี จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลทุกครั้ง บางครั้งทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาไม่เป็นไปตามรอบการให้ยาและขาดความต่อเนื่อง กรมการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมโรงพยาบาลต่างๆ ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงได้ร่วมผลักดัน นโยบายเรื่องการให้ยาเคมีบำบัดที่บ้าน (Home chemotherapy) เป็นชุดสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2563 ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาตรงเวลา มีประสิทธิภาพ ให้ผลลัพธ์ต่อสุขภาพร่างกาย และจิตใจที่ดีกว่า อีกทั้งยังพบว่าการให้ยาเคมีบำบัดที่บ้าน มีต้นทุนต่ำกว่าการบริการยาเคมีที่โรงพยาบาลอีกด้วย การรักษาด้วยวิธี Home chemotherapy จัดเป็นการพัฒนารูปแบบบริการการแพทย์วิธีใหม่ หรือเรียกว่า “New Normal of Medical Service” สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
เคล็ดลับลดเสี่ยง “มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง”
- ลดอาหารไขมันจากสัตว์สูง อาหารปิ้งย่าง ฟาสต์ฟู้ดต่างๆ
- ลดอาหารทอด โดยเฉพาะที่ทอดในน้ำมันที่ใช้ซ้ำ
- ลดการบริโภคเนื้อสัตว์แปรรูปต่างๆ เช่น ไส้กรอก เนื้อแดดเดียว ฯลฯ
- รับประทานอาหารที่มีกากใยอาหารเพิ่มขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ ถั่ว ข้าวกล้อง ฯลฯ
- เลิกสูบบุหรี่ และลดการดื่มแอลกอฮอล์
- รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
วิธีป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง เป็นมะเร็งที่สามารถตรวจคัดกรองเพื่อค้นหามะเร็งในระยะเริ่มแรกได้ ส่งผลให้การรักษาได้ผลดีและมีโอกาสหายจากโรคสูง ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรรับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงโดยการตรวจหาเลือดแฝงในอุจจาระปีละครั้ง หากผิดปกติควรได้รับการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ กรณีพบติ่งเนื้อหรือความผิดปกติในลำไส้ใหญ่ แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อบริเวณดังกล่าวเพื่อวินิจฉัยต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คำถามฮิต “สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ” พร้อมคำตอบที่ดีที่สุด
สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ
“ฝึกตอบคำถาม สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ เตรียมตัวให้พร้อม ไม่ยากอย่างที่คิด”
สัมภาษณ์งาน ภาษาอังกฤษ (Job Interview)
สัมภาษณ์งานทีไร กังวลทุกทีเลย เอ็ด ดู เฟิร์สท์ จะเผยเคล็ดลับ “ตอบคำถามสัมภาษณ์งานอย่างไร” ให้ถูกคัดเลือก ไม่ใช่คัดออก
การสัมภาษณ์งาน HR ถือว่าเป็นด่านแรก ที่จะพิจารณา เราในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ คุณสมบัติในการทำงาน มุมมองในการทำงาน และบุคลิกภาพ เราจึงควร ยิ้มแย้มแจ่มใส รอยยิ้มที่ดูจริงใจและผ่อนคลายทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกอยากร่วมงานด้วย และแสดงให้เห็นว่าคุณก็อยากร่วมงานกับเขาเช่นกัน
และที่สำคัญคุณจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมกับการตอบคำถาม สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ เอ็ด ดู เฟิร์สท์ ได้รวบรวมคำถาม สัมภาษณ์งานสุดฮิต มาให้แล้ว
คำถามฮิต สัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ พร้อมคำตอบที่ดีที่สุด
Please introduce yourself?
แนะนำตัวเองให้ฟังหน่อย?
My name is (…ชื่อจริง…).
I’m (…อายุ…) years old.
I graduated from (…คณะที่จบ…)
from (…มหาวิทยาลัยที่จบ…)
I am (a / an …งานที่เคยทำ…)
Can you tell me about your career?
เล่าเกี่ยวกับการทำงานของคุณได้ไหม
I used to be (a / an …อาชีพ…). I have an experience in (…ทักษะที่ใช้ทำงาน…) for a (…ระยะเวลาที่ทำงาน… years / month).
ถ้ายังไม่เคยทำงาน ให้พูดถึงประสบการณ์ฝึกงาน หรือใน มหาวิทยาลัย
What is your strength?
จุดแข็งของคุณคืออะไร?
I have an extremely strong (…ทักษะที่ถนัด…) skills. หรือ My greatest strength is a / an ……. .
พูดถึงทักษะที่ถนัดแล้วอธิบายต่อว่า เราถนัดเพราะอะไร
ตัวอย่าง
My greatest strength is my problem-solving skills.
จุดแข็งฉัน คือ ทักษะการแก้ปัญหา
What is your weakness?
จุดอ่อนของคุณคืออะไร?
For my weakness, I can speak English but I think I have to learn more.
การพลิกจุดอ่อนให้เป็นข้อดี เช่น ฉันพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ฉันคิดว่าต้องเรียนเพิ่มมากกว่านี้
What do you know about our company?
คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง?
I know that your company is (…..ข้อมูลบริษัท…..)
ข้อนี้ต้องศึกษาข้อมูลบริษัทเยอะๆ เลย ว่าบริษัทที่เราสมัครทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร มีคู่แข่งเป็นใครบ้าง
Why do you want this job?
ทำไมคุณถึงอยากได้งานนี้?
I want this job because (…เหตุผลที่อยากได้งาน….).
อาจจะพูดต่อว่าอาชีพนี้จะสามารถเพิ่มทักษะของเราอย่างไร ให้ผู้ฟังรู้สึกว่าเหมาะกับตำแหน่งนี้ที่สุด
Why should we hire you?
ทำไมเราถึงต้องจ้างคุณ?
I believe that my experience with (…ทักษะที่มี….) and …… skills to be an asset to your company.
*ถ้ายังไม่เคยทำงาน ให้พูดถึงประสบการณ์ฝึกงาน หรือใน มหาวิทยาลัย
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
Kaspersky เผยวิธีการใช้ ChatGPT Search ให้ปลอดภัย เช็คให้ดีก่อนกด
อย่างที่ทราบกันดีว่า OpenAI เพิ่งเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “ChatGPT Search” ให้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายๆ ในหน้าแชท แต่เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งรีบกดลิงก์ที่ ChatGPT แนะนำ เพราะ Kaspersky ออกมาเตือนว่า บางลิงก์อาจเป็นเว็บไซต์ฟิชชิง หลอกขโมยข้อมูล!
ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญ Kaspersky พบว่า ChatGPT Search บางครั้งก็แสดงลิงก์ปลอม โดยเฉพาะเว็บไซต์เกี่ยวกับคริปโตฯ เช่น เว็บเกมคริปโตยอดนิยม ที่ลิงก์ปลอมจะหลอกให้เราเชื่อมต่อกระเป๋าเงิน เพื่อขโมยเงินดิจิทัล
จากตัวอย่างผลการตรวจสอบนี้ได้เน้นย้ำเรื่องความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับฟีเจอร์ ChatGPT Search นั้นคล้ายคลึงกับปัญหาที่เครื่องมือค้นหาอื่นๆ ประสบอยู่เช่นกัน ลิงก์ฟิชชิงอาจปรากฏขึ้นชั่วคราวในผลการค้นหาอันดับต้นๆ (เรียกอีกอย่างว่าการฟิชชิง SEO หรือ SEM) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อข้อมูลที่ ChatGPT ได้สรุปไว้
นายวลาดิสลาฟ ทุชคานอฟ ผู้จัดการกลุ่มวิจัยและพัฒนา แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “แม้ว่า ChatGPT Search จะแสดงลิงก์ของเว็บไซต์ที่ถูกต้องเป็นหลัก แต่ในบางกรณี การค้นหานั้นๆ อาจเลือกแหล่งข้อมูลที่น่าสงสัยหรือเป็นกลโกงก็ได้ ในทางกลับกัน ความรู้ของแชทบอตอาจทำหน้าที่เป็นเครื่องมือป้องกันให้องค์กรที่มีชื่อเสียง
เนื่องจาก LLM พื้นฐานอาจมีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับเว็บไซต์อย่างเป็นทางการขององค์กร อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการรับประกันแบบไร้ข้อผิดพลาดว่าจะไม่มีลิงก์ฟิชชิงใดๆ หลุดรอดและปรากฏอยู่ในคำตอบของแชทบอต”
แคสเปอร์สกี้ขอแนะนำให้ผู้ใช้พิจารณาคำตอบและผลการค้นหาของบอตด้วยความระมัดระวัง เพื่อการใช้อินเทอร์เน็ตและเข้าเว็บอย่างปลอดภัย ดังนี้
- ตรวจสอบลิงก์ก่อนคลิกด้วยความระมัดระวัง แอดเดรสของเว็บไซต์ฟิชชิงมักคล้ายคลึงกับต้นฉบับ หากสังเกตุจะพบความแตกต่างและข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย
- บันทึกลิงก์เว็บไซต์และบริการที่สำคัญไว้ หรือพิมพ์ URL ที่ถูกต้องด้วยตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงเว็บไซต์หลอกลวง
- เพื่อการป้องกันที่ครอบคลุม ให้พิจารณาโซลูชันอย่าง Kaspersky Premium ซึ่งสามารถปกป้องคริปโตวอลลเล็ตจากกลลวง นักขุดหรือไมเนอร์ และภัยคุกคามอื่นๆ และแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับเว็บไซต์ที่น่าสงสัย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
รู้จัก “อาร์ติโชค” ราชาผักโปรตีนสูง ช่วยดูแลตับ ลดเสี่ยงมะเร็ง
ก้าวเข้าสู่วัยกลางคน หลายคนเริ่มห่วงใยสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของน้ำตาล ไขมัไม่ดีในเลือด ฯลฯ “อาร์ติโชค” ผักที่มีรูปร่างแปลกตา อาจเป็นคำตอบที่กำลังมองหา เพราะนอกจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว อาร์ติโชคยังอัดแน่นไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการ โดยเฉพาะเป็นผักที่มีโปรตีนสูง ซึ่งมีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรงมาไขข้อข้องใจไปพร้อมกันว่า อาร์ติโชคจะช่วยดูแลสุขภาพของคุณได้อย่างไรบ้าง
อาร์ติโชคคืออะไร
อาร์ติโชคเป็นผักชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมไปด้วยสารอาหารจำเป็นมากมาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ และธาตุเหล็ก นอกจากนี้ยังมีโพแทสเซียมและสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย นอกจากจะมีสารอาหารครบถ้วนแล้ว อาร์ติโชคยังมีโปรตีนสูงกว่าผักชนิดอื่นๆ โดยมีปริมาณ 3.5 กรัมต่อหน่วยบริโภค ดังนั้นการบริโภคอาร์ติโชคเป็นประจำนอกจากจะได้รับโปรตีนแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจอีกด้วย ทำให้อาร์ติโชคเป็นอาหารที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและเพิ่มปริมาณโปรตีนจากพืชในอาหาร
ประโยชน์ด้านสุขภาพของอาร์ติโชค
1.อุดมไปด้วยใยอาหารถึง 7 กรัม ซึ่งคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของปริมาณใยอาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ใยอาหารชนิดนี้มีส่วนช่วยให้อิ่มนานหลังรับประทานอาหาร ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล และยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และมะเร็งอีกด้วย
2.อุดมไปด้วยวิตามินเค ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อมีแผล และยังช่วยซ่อมแซมบาดแผลได้อีกด้วย ถ้าไม่อยากให้กระดูกเปราะเมื่ออายุมากขึ้น อย่าลืมทานอาหารที่มีวิตามินเคบ่อยๆ นะคะ โดยเฉพาะคุณผู้หญิง การขาดวิตามินเคอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกระดูกหักได้
3.อัดแน่นไปด้วยโฟเลต ซึ่งเป็นวิตามินบีที่มีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพสมอง จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Frontiers in Neuroscience พบว่า ผู้ที่ได้รับโฟเลตเพียงพอจากอาหารมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์น้อยลง แม้ว่าจะมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้มากมาย นักวิจัยเชื่อว่า โฟเลตอาจช่วยลดความเครียดออกซิเดทีฟ และยับยั้งการก่อตัวของแผ่นใยโปรตีนผิดปกติ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคอัลไซเมอร์
นอกจากนี้โฟเลตยังช่วยให้หัวใจและหลอดเลือดแข็งแรง นับเป็นสารอาหารสำคัญในการป้องกันโรคโลหิตจาง และลดความเสี่ยงต่อความผิดปกติแต่กำเนิดบางอย่าง เช่น ความผิดปกติของไขสันหลัง กะโหลกศีรษะ และสมอง ในระหว่างตั้งครรภ์
4.แหล่งแมกนีเซียมชั้นเยี่ยม อาร์ติโชคขนาดกลางเพียง 1 หัว ให้แมกนีเซียมถึงหนึ่งในสี่ของปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต เสริมสร้างกระดูก สร้างโปรตีน และยังช่วยให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5.อุดมไปด้วยโพแทสเซียม โดยอาร์ติโชคมีปริมาณโพแทสเซียมใกล้เคียงกับกล้วยหอมขนาดกลางเลยทีเดียว เช่นเดียวกับแมกนีเซียม โพแทสเซียมมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของกระดูกและไต และยังช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายอีกด้วย การได้รับโพแทสเซียมในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายขับโซเดียมส่วนเกินออกทางปัสสาวะ ซึ่งส่งผลดีต่อการควบคุมความดันโลหิต
6.ให้ฟอสฟอรัสประมาณ 9% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน ฟอสฟอรัสเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายใช้และเก็บพลังงาน สร้างกระดูกและฟัน และช่วยกรองของเสียในไต
7.คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระคือสารประกอบที่พบในผักและผลไม้ ช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นโมเลกุลที่ทำลายเซลล์ นอกจากจะเป็นแหล่งของวิตามินซี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดีแล้ว อาร์ติโชคยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเฉพาะตัวอีก 2 ชนิด ได้แก่ ซินาริน (Cynarin) และ ซิลิมาริน (Silymarin) ซินาริน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบเฉพาะในอาร์ติโชค มีประโยชน์หลายประการ เช่น ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล บำรุงตับ และลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแข็งตัวและมะเร็งบางชนิด ส่วนซิลิมารินนั้นมีการศึกษาเกี่ยวกับบทบาทในการบำรุงตับ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 06/11/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 43,950.00 | 44,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,847.00 | 43,160.52 | 44,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,562.30 | 38,844.47 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,277.60 | 34,528.42 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,281.00 | 19,419.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 996.00 | 15,099.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,950.00 | 44,722.00 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 06/11/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.55 | 35.55 | 36.15 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 | 35.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.18 | 35.18 | 35.78 | 35.18 | 35.18 | 35.18 | 35.18 | 35.18 | 35.18 | 35.18 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.44 | 33.44 | 34.04 | 33.44 | 33.44 | – | 33.44 | 33.44 | 33.44 | 33.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.19 | 33.19 | – | – | – | – | – | – | – | 33.19 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.14 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 44.14 |
เบนซิน 95 | 43.84 | – | – | – | 49.81 | – | 44.34 | 43.99 | – | 43.84 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 33.44 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |