เนอร์สซิ่งโฮมบูมรับดีมานด์ผู้สูงวัยพุ่ง ทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑลยืนหนึ่ง

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผยสังคมผู้สูงอายุทั่วประเทศแตะ20% เนอร์สซิ่งโฮมบูมรับดีมานด์ผู้สูงวัยพุ่ง ทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑลยืนหนึ่ง แนะพัฒนาพักอาศัยแบบเช่าระยะยาว-ซื้อสิทธิ์การอยู่อาศัย
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ได้ดำเนินการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุทั่วประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 พบว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยที่เปิดบริการรวม 916 โครงการ แบ่งเป็นเนอร์สซิ่งโฮม( Nursing Home) จำนวน 832 โครงการ และ Residence จำนวน 84 โครงการ โดยส่วนใหญ่โครงการดังกล่าวจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีจำนวนรวมกันถึง 516 โครงการ
ขณะที่อัตราการเข้าพักในเนอร์สซิ่งโฮม เฉลี่ยอยู่ที่70.91% โดยที่พักจะอยู่ในพื้นที่จ.กรุงเทพฯ มีจำนวนหน่วย และมีอัตราการเข้าพัก 69.21% ขณะที่จ.ชลบุรี มีอัตราการเข้าพักสูงถึง76.95% จ. นครราชสีมา มีอัตราการเข้าพัก73.71% และเชียงใหม่มีอัตราการเข้าพัก73.07 % ซึ่งทั้งหมดเป็นพื้นที่ที่มีความนิยมในกลุ่มผู้สูงอายุชาวไทยและชาวต่างชาติ
สำหรับอัตราการเข้าพัก เรสซิเดนซ์ จากการสำรวจพบว่าจ.สมุทรปราการ มีจำนวนหน่วยสูงที่สุด มีอัตราการเข้าพักสูงถึง70.91% ขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ มีอัตราการเข้าพัก75.64 % สะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยในพื้นที่เขตเมืองและศูนย์กลางเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านราคาค่าเช่าที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย จากการสำรวจพบว่า ราคาค่าเช่าที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยในกลุ่มเนอร์สซิ่งโฮมช่วงราคาเช่าของภาครัฐ ที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ช่วงราคา 15,001-20,000 บาท คิดเป็น 46.76% ช่วงราคาเช่าของมูลนิธิ ที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ช่วงราคา 15,001-20,000 บาท คิดเป็น 59.91% และช่วงราคาเช่าของเอกชน ที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ช่วงราคา 15,001-20,000 บาท คิดเป็น 32.03%
ณะที่โครงการในกลุ่ม เรสซิเดนซ์ช่วงราคาเช่าของภาครัฐ ที่มีจำนวนมากที่สุดคือ ช่วงราคาเท่ากับหรือต่ำกว่า 10,000 บาท หรือ83.02% ส่วนช่วงราคาเช่าของเอกชน ที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ช่วงราคา 30,001-50,000 บาท หรือ38.61 %
ทั้งนี้ จากผลการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย สะท้อนภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะด้านความแตกต่างของระดับรายได้ และการพัฒนาเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัด ทำให้การออกแบบกลไกทางการเงินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาบ้านพักผู้สูงอายุ”จำเป็น”ต้องคำนึงถึงบริบทและศักยภาพที่แตกต่างกันของแต่ละพื้นที่รวมถึงการพัฒนา

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ มองว่า กลไกทางการเงินที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ จะช่วยสนับสนุนให้การพัฒนาบ้านพักผู้สูงอายุในประเทศไทยสามารถตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืน
โดยคำนึงถึงความสามารถในการเข้าถึงบริการของผู้สูงอายุ และความยั่งยืนทางการเงินของโครงการ เพื่อรองรับรูปแบบการอยู่อาศัยที่หลากหลาย เช่น การพัฒนาสินเชื่อสำหรับที่พักอาศัยแบบเช่าระยะยาว (Long-term Lease) หรือ การซื้อสิทธิ์การอยู่อาศัย (Right to Occupy)
ซึ่งอาจเหมาะสมกับผู้สูงอายุที่ต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เช่น โครงการสินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่ช่วยสนับสนุนผู้สูงอายุให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อและมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุให้ดีขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
แสนสิริร่วมทุนมิตซุย ฟุโดซัง6พันล้าน ผุดบ้านหรูหลังละ 14-120 ล้าน

แสนสิริร่วมทุนมิตซุย ฟุโดซัง เปิดตัวโครงการบ้านลักชัวรีแบรนด์“นาราสิริ-บุราสิริ” มูลค่ากว่า 6 พันล้านหลังละ 14-120 ล้าน2ทำเล บางนา กม.10 และจตุโชติาภายใต้กลยุทธ์ RESILIENT GROWTH ขยายโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ
บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ประกาศความร่วมมือกับบริษัทมิตซุย ฟุโดซัง เอเชีย ดีเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อร่วมพัฒนา2โครงการแนวราบาตามแผนกลยุทธ์ RESILIENT GROWTH ขยายโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ
ซึ่งประกอบด้วย โครงการบุราสิริ จตุโชติ ตั้งอยู่ในคอมมูนิตี้จตุโชติที่อยู่ระหว่างการพัฒนาบนที่ดินขนาดกว่า 184 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,080 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 49 ไร่ ราคาขาย 14 – 25 ล้านบาท ใกล้ทางด่วนจตุโชติ และถนนวงแหวนตะวันออก และโครงการนาราสิริ บางนา กม.10 ขนาดที่ดินกว่า 38 ไร่ มูลค่าโครงการ 4,100 ล้านบาท ราคาขายเริ่ม 55 – 120 ล้านบาท หนึ่งในแบรนด์สำคัญใน Sansiri 10 East ลักชัวรีคอมมูนิตี้แห่งใหม่กว่า 165 ไร่ ติดถนนบางนา-ตราด กม.10
บริษัท มิตซุย ฟุโดซัง เอเชีย ดีเวลลอปเมนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด (MFADT) เป็นบริษัทในเครือของมิตซุย ฟุโดซัง จำกัด ในประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2560 เน้นการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของมิตซุย ฟุโดซันในประเทศไทย
โดยกลุ่มมิตซุย ฟุโดซังได้พัฒนาธุรกิจในเมืองต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศตะวันตกอื่นๆ รวมถึงในจีน ไต้หวัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และออสเตรเลีย สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ INNOVATION 2030 ที่กำหนดขึ้นเมื่อต้นปีนี้ ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจในต่างประเทศ ตลอดจนพัฒนาและยกระดับการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่การขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ
แผนความร่วมทุนกับมิตซุย ฟุโดซัง ครั้งนี้ จะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของแสนสิริตามแผนแผนธุรกิจสู่ปีที่ 40 ”NAVIGATING THE FUTURE: RESILIENT GROWTH” เพื่อขับเคลื่อนองค์กร ควบคู่กับความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ และรักษาอันดับความเป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ที่พร้อมขยายโอกาสในการลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่เพื่อพัฒนาโครงการร่วมกัน
สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือนของปี 2567 บริษัทมีรายได้รวมเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มอสังหาฯ อยู่ที่ 28,877 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาด และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,009 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่อีก 15 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 6ธ.ค. “แข็งค่าขึ้นมาก” ที่ระดับ 34.09 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 6ธ.ค. “แข็งค่าขึ้นมาก” ที่ระดับ 34.09 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แถวโซน 34.10 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อน ในช่วงระหว่างวัน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐช่วง 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 6ธ.ค.2567ที่ระดับ 34.09 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก”
จากระดับปิดวันพุธที่ผ่านมา ที่ระดับ 34.34 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai Global Market ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แถวโซน 34.10 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อน ในช่วงระหว่างวัน
เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
โดยเราประเมินว่า หากยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ออกมาต่ำกว่าคาด เช่น เพิ่มขึ้นน้อยกว่า +2.5 แสนตำแหน่ง หรือมากกว่านั้น
อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดลดโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะหนุนให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีโอกาสรีบาวด์สูงขึ้น กดดันราคาทองคำและเงินบาท
ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาท ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ เนื่องจากสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนว่า เงินบาท (USDTHB) สามารถแกว่งตัวเกือบ +0.6%/-0.4% ได้ในช่วง 30 นาที หลังรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty
ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น
Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.95-34.35 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันพุธที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ได้ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down หลุดโซนแนวรับ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถทยอยแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ได้ (กรอบการเคลื่อนไหว 34.07-34.28 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทได้แรงหนุนจากการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงคืนวันพุธ จนถึงคืนวันพฤหัสบดี ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด อาทิ ยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP, ดัชนี ISM PMI ภาคการบริการ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันจากการรีบาวด์ขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก อาทิ เงินยูโร (EUR) หลังความวุ่นวายของการเมืองฝรั่งเศสดูมีแนวโน้มคลี่คลายลงบ้าง (ทั้งนี้ สถานการณ์การเมืองฝรั่งเศสยังมีความไม่แน่นอนอยู่ จนกว่าจะมีการแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่ หลัง Michel Barnier ได้ยื่นลาออกจากตำแหน่ง) อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอด้วยโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันดิบ หลังราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบยังคงทยอยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อีกทั้งผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ ต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ที่ชัดเจน
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น เพื่อรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ดังจะเห็นได้จากการปรับตัวผสมผสานของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ Tesla +3.2% แต่ Alphabet -1.0% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังถูกกดดันจากการปรับตัวลงหนักของ UnitedHealth -5.2% หลัง CEO ของบริษัทถูกลอบยิง กดดันบรรดาหุ้นกลุ่มธุรกิจประกันสุขภาพ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.19%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.40% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นฝรั่งเศส โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มการเงิน อย่าง BNP +2.6% หลังความวุ่นวายของการเมืองฝรั่งเศสอาจเริ่มคลี่คลายลงในระยะสั้น อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบในระยะนี้ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงาน Shell -1.4%, BP -1.3%
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวแถว 4.20% แม้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะมีจังหวะปรับตัวขึ้นบ้าง แต่การปรับตัวขึ้นก็เป็นไปอย่างจำกัด ท่ามกลางรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทยอยออกมาแย่กว่าคาดในระยะหลัง อีกทั้งถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ก็ยังทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า เฟดมีโอกาสราว 70% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ทั้งนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์นี้ ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ อย่างไรก็ดี เรามองว่า หากบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ สามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ ก็อาจเป็นจังหวะในการทยอยเข้าซื้อ (Buy on Dip) บอนด์ระยะยาว เนื่องจาก Risk-Reward ของผลตอบแทนรวม (Total Return) ของบอนด์ระยะยาวนั้นยังมีความน่าสนใจอยู่
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง ตามการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก อาทิ เงินยูโร (EUR) หลังความวุ่นวายของการเมืองฝรั่งเศสอาจดูคลี่คลายลงในระยะสั้น นอกจากนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างคงคาดหวังว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมได้ ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาดเป็นส่วนใหญ่ในช่วงนี้ ทว่าผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ คืนวันศุกร์นี้ ก่อนปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงสู่โซน 105.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.7-106.3 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะมีจังหวะปรับตัวลดลงบ้าง แต่ทว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2025) กลับยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และแกว่งตัวแถวโซน 2,650-2,660 ดอลลาร์ หลังปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risks) ดูทยอยคลี่คลายลง ลดความน่าสนใจในการถือครองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) และอัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของเวียดนาม อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports and Imports) รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนพฤศจิกายน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“รวงข้าว ญาตาวีมินทร์” คว่ำเต็ง 2 ลิ่วรอบ 8 คนแบดมินตัน กูวาฮาติ มาสเตอร์ส

“รวงข้าว” ญาตาวีมินทร์ เกตุเกลี้ยง หญิงเดี่ยวมือ 211 ของโลก ระเบิดฟอร์มเทพ พลิกล้มเต็งสองอย่าง คาโอรุ ซูกิยามะ จากญี่ปุ่น 2 เกมรวด ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายแบดมินตัน กูวาฮาติ มาสเตอร์ส 2024
การแข่งขันแบดมินตันรายการโยเน็กซ์ ซันไรท์ กูวาฮาติ มาสเตอร์ส 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 100 ชิงเงินรางวัลรวม 100,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,450,000 ที่เมืองกูวาฮาติ ประเทศอินเดีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ธ.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบสอง
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบสอง “รวงข้าว” ญาตาวีมินทร์ เกตุเกลี้ยง มืออันดับ 211 ของโลก พบกับ คาโอรุ ซูกิยามะ มือวางอันดับ 2 ของรายการ มืออันดับ 40 ของโลกจากญี่ปุ่น เกมนี้ รวงข้าว ญาตาวีมินทร์ โชว์ฟอร์มได้อย่างเหนือชั้น เบียดเอาชนะไปแบบสนุก 2-0 เกม 21-19 และ 22-20 ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายไปพบกับ มานซี ซิงห์ มืออันดับ 156 ของโลกจากอินเดีย
ส่วน “จิว” ลลินรัศฐ์ ไชยวรรณ มืออันดับ 90 ของโลก ก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะ ทัสนิม เมียร์ มืออันดับ 62 ของโลกจากอินเดีย ไปแบบง่ายดาย 2-0 เกม 21-9 , 21-11 “จิว” ลลินรัศฐ์ ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายไปพบกับ อันโมล คาหับ มืออันดับ 99 ของโลกจากอินเดีย ด้าน ประเภทชายเดี่ยว รอบสอง “อิคคิว” พณิชพล ธีระรัตน์สกุล มือวางอันดับ 8 ของรายการ มืออันดับ 56 ของโลก พบกับรุ่นน้องอย่าง “บอส” ศรัณย์ แจ่มศรี มืออันดับ 108 ของโลก เกมนี้เป็น บอส ศรัณย์ ที่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้อย่างเหนือชั้น พลิกล็อกเอาชนะไปแบบสุดมันส์ 2-1 เกม 15-21 , 21-11 , 23-21 “บอส” ศรัณย์ ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายไปพบกับ ซาธิช คุมาร์ คารุนาคาราน มือวางอันดับ 3 ของรายการ มืออันดับ 49 ของโลกจากอินเดีย
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
“โมโนนิวคลิโอซิส” โรคติดต่อผ่านการ “จูบ” ที่วัยรุ่นควรระวัง

โรคโมโนนิวคลิโอซิส เป็นโรคที่สามารถติดต่อกันได้ผ่านการ “จูบ” กลุ่มเสี่ยงคือวัยรุ่น อาการของโรคเป็นได้ตั้งแต่มีไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย ไปจนถึงมีผื่นขึ้นตามตัว เจ็บคอ เบื่ออาหาร สามารถหายได้เอง 2-3 สัปดาห์ แต่ควรระมัดระวังไม่จูบกับผู้ที่ติดเชื้อ ไม่ใช้ช้อนส้อม แก้วน้ำ และของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ ร่วมกับผู้อื่น
โรคโมโนนิวคลิโอซิส คืออะไร
โรคโมโนนิวคลิโอซิส หรือ โรคจูบ เกิดจากเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus หรือ EBV) ที่ติดต่อได้ผ่านสารคัดหลั่ง ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การจูบเท่านั้น เชื้อนี้สามารถแพร่ได้ทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่วัยเด็กที่คุณพ่อคุณแม่ควรระวัง เช่น การที่ผู้อื่นสัมผัสหรือหอมแก้มลูกน้อย ไปจนถึงวัยรุ่นและผู้ใหญ่ การติดต่ออาจเกิดจากการไอ จาม การใช้อุปกรณ์ร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ มีดโกน หรือแม้กระทั่งการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อก็ทำให้เกิดโรคได้ค่ะ
สาเหตุของโรคโมโนนิวคลิโอซิส
โรคโมโนนิวคลิโอซิส เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus: EBV) ที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางน้ำลาย การไอ หรือการจาม
อาการของโรคโมโนนิวคลิโอซิส
- มีไข้
- ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลีย
- ไอ หรือจาม
- เจ็บคอ
- อาจพบผื่นตามร่างกาย เช่น หน้า คอ หน้าอก หลัง
- เบื่ออาหาร
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
วิธีรักษาโรคโมโนนิวคลิโอซิส
โมโนนิวคลิโอซิส สามารถมีอาการที่ดีขึ้น และหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่หากในรายที่มีอาการหนัก เช่น มีผื่นขึ้นเต็มตัว อ่อนเพลียมาก ๆ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย และเลือกให้ยามารับประทานอย่างเหมาะสม (ยาที่ซื้อกินเองอาจไม่ช่วยรักษาได้ตรงจุด จึงอาจไม่ได้ผล หรือไม่ได้ทำให้อาการดีขึ้น)
วิธีป้องกันโรคโมโนนิวคลิโอซิส
- ไม่จูบกับคนที่ติดเชื้อโรคโมโนนิวคลิโอซิส
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ช้อน ส้อม ตะเกียบ แก้วน้ำ แปรงสีฟัน ผ้าขนหนู ฯลฯ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับละอองน้ำลาย หรือเสมหะของผู้อื่น
- รักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ และพักผ่อนให้เพียงพอ
- หากมีอาการผิดปกติ มีไข้ ไม่สบาย และอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรพบแพทย์
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Collocation คืออะไร ทำไมคนเรียนภาษาอังกฤษต้องรู้

มีผู้กล่าวว่า Collocation คือปัญหาที่ทำให้คนไทยใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างไม่เป็นธรรมชาติ เพราะเราเรียนสองอย่างเป็นหลักคือคำศัพท์และไวยากรณ์ แล้วคุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า Collocation คืออะไร ใช้อย่างไร ความจริงเราเชื่อว่าคุณต้องเคยเจอ Collocation มาบ้างแล้ว เพราะมันอยู่ในกลุ่มคำที่พบได้ในชีวิตประจำวัน เพียงแต่คุณอาจไม่รู้ว่ากลุ่มคำที่เจอนั้นคือสิ่งนี้ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปทำความรู้จักกลุ่มคำประเภทนี้กันดีกว่าครับ
Collocation คืออะไร ทำไมจึงมีความสำคัญ
Collocation หรือที่ในภาษาไทยเรียกว่า “คำปรากฏร่วม” คือการรวมกันของคำตั้งแต่สองคำขึ้นไป โดยจะมีความหมายเปลี่ยนไปจากเดิม (แบบแปลตรงตัวไม่ได้) หรือไม่เปลี่ยนไปจากเดิมก็ได้ สิ่งสำคัญคือเป็นคำที่ใช้คู่กันในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือเขียน บางคู่คำแม้ว่าจะมีคำอื่นที่ใช้แล้วให้ความหมายใกล้เคียงกันแต่เจ้าของภาษาก็เลือกใช้คำที่เป็น Collocation มากกว่า เช่นในภาษาไทยเราพูดได้ทั้งฝนตกหนัก / ฝนตกแรง / ลมแรง ในภาษาอังกฤษก็ใช้ heavy rain และ strong wind โดยไม่ใช้ strong rain หรือ hard rain โดย Collocation มีอย่างน้อย 7 ประเภทคือ
- Adverb + Adjective เช่น highly skilled, absolutely necessary และ extremely excited
- Adjective + Noun เช่น fresh air และ heavy rain
- Noun + Noun เช่น traffic jam, coffee cup และ mobile phone
- Noun + Verb ส่วนใหญ่จะเป็นการบอกว่าคำนามตัวไหนมักใช้คู่กับคำกริยาตัวไหนเช่น doorbell ring
- Verb + Noun เช่น make coffee, do homework และ take notes
- Verb + Preposition เช่น listen to และ talk about
- Verb + Adverb เช่น run quickly และ speak softly
เหตุที่ Collocation มีความสำคัญจนคนเรียนภาษาอังกฤษจำเป็นต้องทำความเข้าใจก็เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ทั้งโดยผ่านการพูดและการเขียน เป็นกลุ่มคำที่เจ้าของภาษาใช้กันตามปกติ Collocation มีทั้งที่ความหมายตรงตัวแบบเห็นแล้วเข้าใจได้ทันทีถ้ารู้ความหมายของคำที่มารวมกัน หรือแบบที่มีความหมายเฉพาะ ฉะนั้นจึงต้องอาศัยการเรียนรู้และฝึกใช้ให้เกิดความคุ้นเคย นอกจากนี้บ่อยครั้งในการสอบ (เช่น IELTS) Collocation นี่แหละคือตัววัดว่าคุณเข้าใจภาษาอังกฤษจริงหรือไม่ ฉะนั้นคนที่จะสอบเพื่อเรียนในระดับที่สูงขึ้น เรียนต่อต่างประเทศ หรือเพื่อการทำงาน ก็จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องนี้
สิ่งที่ต้องบอกอีกอย่างคือเมื่อคุณใช้ Collocation ผิด ผู้ฟังยังคงเข้าใจคุณ (ถ้าคุณเลือกใช้คำศัพท์ได้ตรงตามความหมาย) แต่ภาษาอังกฤษที่คุณใช้จะดูไม่เป็นธรรมชาติ เพราะไม่ตรงกับที่เจ้าของภาษาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น หากคุณพูดว่า strong rain คนฟังส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าคุณหมายถึง heavy rain เพราะฉะนั้นแม้ว่าการสื่อสารด้วย Collocation ที่ไม่ถูกต้องจะไม่ส่งผลต่อความเข้าใจ แต่การเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องจะทำให้คุณสื่อสารได้คล่องขึ้นทั้งการพูดและการเขียน รวมถึงทำให้ภาษาอังกฤษมีความเป็นธรรมชาติและเข้าใจเจ้าของภาษาได้มากขึ้นอีกด้วย
ฝึก Collocation จากไหนได้บ้าง
ได้บอกไปแล้วว่า Collocation อยู่ในชีวิตประจำวันของเจ้าของภาษา ไม่ว่าคุณจะเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตาม ฉะนั้นการฝึก collocation ที่ดีที่สุดคือการทำความคุ้นเคยกับภาษา โดยการอ่าน ดู และฟังจะทำให้เราได้ Collocation มากขึ้น ส่วนการพูดและเขียนก็จะช่วยให้ฝึกใช้ Collocation จนกระทั่งสามารถใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนถ้าจะหาความหมายของกลุ่มคำประเภทนี้ พจนานุกรมภาษาอังกฤษช่วยคุณได้ เช่น
– Longman Collocations Dictionary and Thesaurus
– Macmillan Collocations Dictionary
– Oxford Collocations Dictionary
– พจนานุกรมออนไลน์ เช่นเว็บดิคของ Longman เมื่อเราพิมพ์คำศัพท์ลงไปและคำนั้นมี collocation ก็จะมีส่วนหนึ่งในหน้าเว็บที่อธิบายจุดนี้โดยจะอยู่หลังจากความหมายและตัวอย่างประโยค
ตัวอย่าง Collocation ที่พบบ่อย
ปิดท้ายวันนี้ เมื่อเข้าใจความหมาย ประเภท ความสำคัญ และแหล่งที่เราจะพบ Collocation ได้แล้ว ก็มาดูตัวอย่าง Collocation ที่พบบ่อยกันดีกว่า ซึ่งตัวอย่างที่เลือกมาให้ดูในวันนี้จะเน้นไปที่ Collocation จากคำกริยาเป็นหลัก เพราะพบได้บ่อยและหลายคำก็อาจทำให้คุณสับสนได้
– have breakfast / lunch / dinner / a snac = กินมื้อเช้า / มื้อกลางวัน / มื้อเย็น / ของว่าง
– take a shower / bath = อาบน้ำ
– take a bus / train / taxi = ขึ้นรถบัส / รถไฟ / แท็กซี่
– take a break / take a rest = พักจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ
– pay (ที่ไม่เกี่ยวกับการจ่ายเงิน) เช่น pay attention = ใส่ใจ ตั้งใจ pay someone a compliment = ชมเชยใครสักคน
– break a promise = ผิดสัญญา
– catch a cold / have a cold = เป็นหวัด
– get married / divorced = แต่งงาน / หย่าร้าง นอกจากนี้ get ยังใช้กับอารมณ์ได้ด้วยเช่น get angry = โกรธ
– ตัวอย่าง Collocation ที่ใช้กับ make เช่น make breakfast (ทำอาหารเช้า) / make the bed (จัดเตียง) / make money (หาเงิน) / make a mistake (ทำผิดพลาด) / make a decision (ตัดสินใจ)
– ตัวอย่าง Collocation ที่ใช้กับ do เช่น do homework (ทำการบ้าน) / do exercise (ออกกำลังกาย) / do the dishes (ล้างจาน) / do a favor (ให้ความช่วยเหลือ) / do business (ทำธุรกิจ)
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
‘ไมโครซอฟท์’ เอ็มโอยู ‘UN-ESCAP’ ส่งเสริมการใช้ AI อย่างเท่าเทียม

“ไมโครซอฟท์” สานต่อพันธกิจ “AI Access Principles” ส่งเสริมการเข้าถึง AI อย่างเท่าเทียมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกผ่านความร่วมมือครั้งสำคัญกับ UN-ESCAP พร้อมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และก้าวเป็นประเทศชั้นนำยุค AI
ไมโครซอฟท์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งแรกในการนำศักยภาพของ AI เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตลอดจนโอกาสในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในวงกว้าง
ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศหลักการ AI Access Principles เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อวางกรอบการทำงานในการพัฒนาและใช้ AI อย่างสร้างสรรค์ เท่าเทียม และครอบคลุมคนทุกกลุ่ม
ตอกย้ำความมุ่งมั่นของไมโครซอฟท์ในการออกแบบและจัดหาโครงสร้างพื้นฐาน แพลตฟอร์ม เครื่องมือ และบริการที่จำเป็นเพื่อเสริมศักยภาพให้กับบุคคล นักพัฒนา องค์กรธุรกิจ และประเทศต่างๆ ที่ไมโครซอฟท์ดำเนินธุรกิจอยู่
นายไมค์ เย รองประธานและรองที่ปรึกษาด้านกฎหมายของไมโครซอฟท์ เอเชีย กล่าวว่า ไมโครซอฟท์ยึดมั่นในแนวทางการพัฒนา AI เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม และช่วยลดช่องว่างทางดิจิทัลในสังคม
ความร่วมมือกับ UN-ESCAP ถือเป็นก้าวสำคัญในการนำหลักการ AI Access Principle มาใช้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ทุกคนได้รับประโยชน์จาก AI และช่วยให้ภาครัฐเสริมบริการใหม่ๆ และให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การลงนามความร่วมมือกับ UN-ESCAP ได้เริ่มก่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว โดยล่าสุด ไมโครซอฟท์ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของอาเซียน และแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสในการลงทุนและธุรกิจในภูมิภาค นอกจากนี้ ในงานประชุม South-East Asia Multi-Stakeholder Forum on Sustainable Development Goals ที่ผ่านมา
ไมโครซอฟท์ ยังได้นำเสนอศักยภาพของ AI ในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDG ขององค์การสหประชาชาติ ในด้านความเสมอภาคระหว่างเพศ (SDG 5) และ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17)
พร้อมทั้งจัดอบรมทักษะ AI ให้แก่เจ้าหน้าที่ของ UN-ESCAP และผู้เข้าร่วมงานกว่า 100 คน ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ยังร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของประเทศต่างๆ ในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาทักษะและสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และก้าวเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำในยุค AI
ความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์กับ UN-ESCAP เป็นตัวอย่างของการผสานความเชี่ยวชาญของสองหน่วยงาน เพื่อร่วมรับมือกับอุปสรรคและความท้าทายในเด้านการพัฒนาในระดับภูมิภาค
โดยมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมศักยภาพและสร้างโอกาสให้กับทุกคน ลดช่องว่างทางดิจิทัล รวมทั้งผลักดันให้ AI เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
กินผลไม้หลังกินข้าว ทำไมผิดมหันต์ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกว่าที่คิด

การรับประทานผลไม้เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพที่ดี แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าการกินผลไม้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นมีเคล็ดลับอยู่ การกินผลไม้ตอนไหนก็ได้ตามใจชอบนั้นอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอไป แม้ว่าผลไม้จะเป็นอาหารที่มีประโยชน์มากมายและหลายคนคุ้นเคยกับการกินผลไม้ปิดท้ายมื้ออาหาร แต่การกินผลไม้ให้ถูกวิธีจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
เหตุผลที่ไม่ควรกินผลไม้หลังอาหาร
- อาหารและผลไม้ผสมกันในกระเพาะ: เมื่อเราทานอาหารตามด้วยผลไม้ ผลไม้จะไม่สามารถผ่านไปยังลำไส้เล็กเพื่อย่อยได้ทันที เนื่องจากอาหารที่เรากินเข้าไปก่อนหน้านี้ยังอยู่ในกระเพาะและกำลังรอการย่อย ซึ่งกระบวนการย่อยอาหารนี้ใช้เวลานาน
- เกิดการหมักในกระเพาะ: การที่อาหารและผลไม้ปนกันอยู่ในกระเพาะเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดกระบวนการหมัก ซึ่งจะทำให้เกิดกรดและแก๊สในกระเพาะอาหาร
- อาการไม่สบายตัว: การเกิดแก๊สในกระเพาะอาหารจากกระบวนการหมัก จะทำให้เรารู้สึกแน่นท้อง จุกเสียด และอาจมีอาการเรอบ่อยขึ้น
- ได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ : กินผลไม้หลังอาหารนอกจากทำให้ได้รับสารอาหารจากผลไม้ไม่เต็มที่ เนื่องจากผลไม้นั้นย่อยและผ่านจากกระเพราะไปสู่ลำไส้ได้อย่างรวดเร็วกว่าอาหารอื่นๆ
ทำไมต้องกินผลไม้ตอนท้องว่าง?
- ดูดซึมสารอาหารได้ดีที่สุด: การกินผลไม้ตอนท้องว่าง จะทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารจากผลไม้ได้อย่างเต็มที่
- ช่วยระบบขับถ่าย: ใยอาหารในผลไม้จะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น
- ให้พลังงาน: ผลไม้เป็นแหล่งพลังงานที่ดี ช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า
- เหมาะสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก: ผลไม้มีปริมาณแคลอรี่ต่ำ แต่ให้ใยอาหารสูง ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
เวลาที่ดีที่สุดในการกินผลไม้:
- ช่วงเช้า: เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายพร้อมที่จะดูดซึมสารอาหารจากผลไม้ได้ดีที่สุด
- ช่วงระหว่างมื้ออาหาร: การกินผลไม้เป็นอาหารว่างจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 06/12/2567
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 42,500.00 | 42,600.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,753.00 | 41,735.48 | 43,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,477.70 | 37,561.93 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,202.40 | 33,388.38 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,239.00 | 18,783.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 964.00 | 14,614.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,853.00 | 43,251.48 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 06/12/2567
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 36.05 | 36.05 | 36.65 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 | 36.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.68 | 35.68 | 36.28 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 | 35.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.94 | 33.94 | 34.54 | 33.94 | 33.94 | – | 33.94 | 33.94 | 33.94 | 33.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 33.69 | 33.69 | – | – | – | – | – | – | – | 33.69 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.64 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 44.64 |
เบนซิน 95 | 44.34 | – | – | – | 49.81 | – | 44.84 | 44.49 | – | 44.34 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 31.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |