สาระน่ารู้ประจำวันที่ 07 พฤศจิกายน 2567

บ้านสุดหรู100ล้านอัปบูมรับกลุ่มมั่งคั่งกลุ่มมั่งคั่งกว่า4.5แสนลบ.

บ้านสุดหรู ราคาต่อหน่วยตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป! ซึ่งบ้านราคานี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการคนเฉพาะกลุ่มที่มองหา “บ้าน” ที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่สามารถสะท้อนตัวตน มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร บ่งบอกสถานะทางสังคม สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ครอบครอง

ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บ้านระดับ Ultimate Class  มีอุปทานเปิดขายใหม่มากกว่า 394 ยูนิต มูลค่าซื้อขายใหม่กว่า 450,000 ล้านบาท และพบว่ามากกว่า 85% เป็นการพัฒนาโดยดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อาทิ เอสซี แอสเสท, แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และแสนสิริ  ที่มีโปรดักต์ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นแฟลกชิปสโตร์ของธุรกิจ

“ทุกคนต่างมองเห็นโอกาสการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ระดับราคาขายกว่า 100 ล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งเป็นตลาดที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง”

จากปี 2565 ที่ผ่านมา มีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดมากถึง 118 ยูนิต ปี 2567  ยังคงมีอุปทานใหม่อีกกว่า 44 ยูนิต  บางโครงการมีราคาขายต่อยูนิตสูงถึง 1,300 ล้านบาท!

ข้อมูลคอลลิเออร์สฯ ไตรมาส 3 ปี 2567 พบว่า บ้านราคามากกว่า 100 ล้านบาทต่อยูนิต ที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด 350 ยูนิต ซึ่งอุปทานหล่านี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองมากที่สุด ราว 41.14% โดยเฉพาะพื้นที่ย่านสุขุมวิท อารีย์ บางนา พระราม 9 และพัฒนาการ

จากอุปทานทั้งหมดมีอัตราการขายอยู่ที่ 52.28%  รอการขาย 168 ยูนิตเท่านั้น!  อุปทานเหล่านี้หลายโครงการถูกดูดซับอย่างรวดเร็ว โดยกำลังซื้อระดับบน เช่น นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ นักการเมือง ต่างชาติ และกลุ่มผู้ที่มีชื่อเสียงที่มีความมั่งคั่ง
 สำหรับทำเลที่มีอัตราการขายสูงสุด! คือ กรุงเทพฯ โซนเหนือ สัดส่วน 65.08%  ซึ่งดึงดูดกลุ่มคนซื้อที่ต้องการไลฟ์สไตล์ที่เงียบสงบในพื้นที่รอบใจกลางเมืองแต่ยังคงเข้าถึงตัวเมืองได้ง่าย ขณะที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก ครอบคลุมถนนราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า ครองสัดส่วนอุปทาน 33.71% เป็นทำเลที่ดึงดูดผู้ซื้อที่มีฐานะ ซึ่งให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอย และการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

คาดการณ์ว่าจะมีบ้านระดับ Ultimate Class ในช่วงระดับราคาขายมากกว่า 100 ล้านบาทต่อยูนิต เข้าสู่ตลาดใหม่อีกกว่า 30 ยูนิต ในปี 2568  สะท้อนความมั่นใจของดีเวลลอปเปอร์ต่อดีมานด์ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องสำหรับบ้านหรู ซึ่งผู้พัฒนาหลายรายมองว่าเป็นตลาดที่ยังมีกำลังซื้อแข็งแรง และยังเป็นการหลีกเลี่ยงตลาดบ้านในช่วงระดับอื่นที่มีการแข่งขันและยอดปฏิเสธสินเชื่อสูง!

“ปัจจัยสำคัญของการตัดสินใจซื้อบ้านระดับ Ultimate Class ในกรุงเทพฯ คือ ทำเล ส่วนใหญ่เป็นแปลงที่ดินหายากใจกลางเมือง และเป็นแบรนด์ระดับสูงสุดของผู้พัฒนาที่ส่วนใหญ่ใช้แบรนด์พิเศษ ดีไซน์หรือมีฟังก์ชันพิเศษเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร สะท้อนตัวตนเจ้าของบ้านได้เป็นอย่างดี”

อย่างไรก็ดี ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีอัตราการขาย 52.28% มียูนิตรอการขายอีก 168 ยูนิต หรือ 47.71% ของอุปทานทั้งหมดในตลาด โดยพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งเหนือ มีอัตราการขายสูงสุด สัดส่วน 65.08% กรุงเทพฯ ฝั่งใต้ มีอัตราการซื้อขาย 33.33% เท่านั้น ซึ่งผู้ซื้อที่มีฐานะดีในประเทศไทย เช่น เจ้าของธุรกิจ นักการเมือง กลุ่มผู้มีชื่อเสียง นับเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนความต้องการหลักของบ้าน Ultimate Class ขณะที่ความสนใจจากชาวต่างชาติอาจไม่เด่นชัดเท่าผู้ซื้อในประเทศ

“ตลาดบ้าน 100 ล้านบาทขึ้นไป อุปทานและการแข่งขันน้อยกว่าในระดับราคาอื่นๆ ส่วนใหญ่ซื้อด้วยเงินสด ไม่พึ่งพิงสินเชื่อเหมือนตลาดบ้านจัดสรรในช่วงระดับราคาอื่นๆ ที่ต้องเผชิญกับปัญหาการปฎิเสธสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


CPN เปิดตัว’มาร์เก็ตเพลส เทพรักษ์’ คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ใจกลางวัชรพล

CPN เผยโฉม ‘มาร์เก็ตเพลส เทพรักษ์’ คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ ปักหมุดใจกลางวัชรพล หนึ่งในทำเลศักยภาพของกรุงเทพตอนเหนือที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์หลากหลายบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโด ตั้งแต่ราคาเอื้อมถึงไปจนถึงโครงการระดับลักชัวรีหวังเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่

วัชรพล ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพ จึงมีโครงการอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม หรือคอนโดในราคาจับต้องได้จนถึงระดับลักชัวรีเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย เพราะอยู่ไม่ห่างจากดอนเมือง จ.ปทุมธานี  ซึ่งสามารถทะลุไปยังถนนรามอินทรา ถนนจตุโชติ ถนนหทัยราษฏร์ ได้และยังมีสามารถใช้บริการถไฟฟ้าส่วนต่อขยายของสายสีเขียวที่สถานีหมอชิต จนไปถึง คูคต และรถไฟฟ้าสายสีชมพู ส่งผลให้ย่าน “วัชรพล”กลายศูนย์กลางแห่งใหม่ของกรุงเทพตอนเหนือที่มีบทบาทสำคัญ 

ด้วยองค์ประกอบของชุมชนที่ขยายใหญ่ขึ้นพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน ที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนทุกกลุ่ม ทำให้เป็น“ทำเลทอง”ที่ถูกจับตามอง  เซ็นทรัลพัฒนา หรือ ซีพีเอ็น ได้ลงทุนพัฒนาโครงการ ‘มาร์เก็ตเพลส เทพรักษ์’ บนพื้นที่ 18 ไร่  ใน ถ.เทพรักษ์ ระหว่างแยก ถ.วัชรพล – ถ.สุขาภิบาล ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมวงแหวนรอบนอกตะวันออก ถ.สุขาภิบาล 5 ,เพิ่มสิน,นิมิตใหม่ และวัชรพล

โดยภายในโครงการประกอบไปด้วย 2 ส่วน   ส่วนแรกเป็นพื้นที่ในส่วนคอมมูนิตี้มอลล์ ขนาด 5,800 ตร.ม.  และ ส่วนที่สองเป็นพื้นที่ในส่วนตลาด ขนาด 1,500 ตร.ม. เพื่อรองรับดีมานด์กลุ่มลูกค้าที่อยู่อาศัยในโครงการย่านวัชรพล – สายไหม – จตุโชติ ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่โครงการอยู่อาศัยเติบโตสูงไม่แพ้ทำเลอื่นในกรุงเทพฯ

‘มาร์เก็ตเพลส เทพรักษ์’จึงเป็นคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ใจกลางวัชรพลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้คนในย่านพร้อมเปิดพื้นที่เพื่อกิจกรรมชุมชน

“คอมมูนิตี้มอลล์” เป็นอีกหนึ่ง ธุรกิจสำคัญที่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับ”อีโคซิสเต็ม “ของเซ็นทรัลพัฒนา ตามแผนลงทุน 5 ปี มูลค่า 120,000 ล้านบาทภายใต้“Retail-Led Mixed-Use Development” เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งในการพัฒนาธุรกิจ

ซึ่งประกอบด้วย ศูนย์การค้า 50 โครงการทั้งในและต่างประเทศ และคอมมูนิตี้ มอลล์ 17 แห่ง, ที่อยู่อาศัยรวมกว่า 70 โครงการ, อาคารสำนักงานรวม 13 โครงการ, และโรงแรมรวม 37 โครงการ พร้อมทั้งขับเคลื่อนสู่อนาคตภายใต้เจตจำนงค์ของแบรนด์ Imagining better futures for all ด้วยการสร้างและพัฒนาพื้นที่ที่มีคุณภาพเพื่อดูแลคนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อมให้เติบโตควบคู่ไปกับการเดินหน้าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้7พ.ย. “อ่อนค่าหนัก” ที่ระดับ 34.37 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องมีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ หากบรรดานักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม พร้อมลุ้นผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก ด้านผู้ส่งออกรอจังหวะทยอยขายเงินดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้7พ.ย. 2567 ที่ระดับ  34.37 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงหนัก”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.16 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามั่นใจมากขึ้นว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ก็สอดคล้องกับมุมมองของเราบ้าง (Trump w/Divided Congress แต่โอกาสเกิดกรณี Republican Trifecta น่าจะสูงกว่า จากผลการเลือกตั้งสภาผู้แทนล่าสุด)

โดยเราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ หากบรรดานักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าทยอยขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม รวมถึง หากราคาทองคำยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องได้ ซึ่งอาจต้องเห็นการปรับตัวขึ้นต่อของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ซึ่งเรามองว่า อาจต้องรอลุ้นผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะเฟด

นอกจากนี้ เราประเมินว่า บรรดาผู้เล่นในตลาด ไม่ว่าจะผู้ส่งออก หรือ ผู้เล่นที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่า) ก็อาจรอจังหวะเงินบาทอ่อนค่าใกล้โซนแนวต้าน ในการทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือ ขายทำกำไรสถานะดังกล่าวได้ ทำให้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็มีแนวโน้มค่อยเป็นค่อยไปได้

เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก เริ่มจาก BOE ซึ่งจะรับรู้ในช่วง 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งมักจะเป็นช่วงที่สภาพคล่องในตลาดค่าเงินเบาบางลง

หาก BOE ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ก็อาจกดดันให้ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) มีโอกาสอ่อนค่าลงต่อ หนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้ ทว่าในช่วง 02.00 น. ตลาดการเงินก็อาจกลับมาผันผวนอีกครั้ง ในช่วงทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด เพราะหากเฟดลดดอกเบี้ยตามคาด

และส่งสัญญาณย้ำจุดยืนเดินหน้าลดดอกเบี้ยตาม Dot Plot ซึ่งต้องจับตาว่า ประธานเฟดจะมีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และนโยบายการเงินของเฟด อย่างไร หลังรับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

โดยท่าทีดังกล่าวของเฟด ก็อาจกดดันเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ ตามการปรับเพิ่มแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดจากบรรดาผู้เล่นในตลาด ที่ปัจจุบัน เชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot พอสมควร

ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาด ลักษณะ Two-Way Volatility ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงการปรับมุมมองต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางไปมา

ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.55 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOE และ FOMC ของเฟด)

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (กรอบการเคลื่อนไหว 34.15-34.40 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

ซึ่งได้แรงหนุนจากการเพิ่มสถานะถือครองสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับธีม Trump Trades หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการสะท้อนว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ได้คว้าชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ส่วนพรรครีพับลิกันก็มีแนวโน้มครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสได้ (ล่าสุดเป็นที่แน่ชัดว่า พรรครีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา

ส่วนสภาผู้แทนฯ นั้นก็อาจต้องรอลุ้นต่อ แต่พรรครีพับลิกันได้ที่นั่งมาแล้ว 205 ที่นั่งจาก 218 ที่นั่ง เพื่อครองเสียงข้างมาก) นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังได้กดดันให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สู่โซน 2,650-2,660 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่คงมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำต่างก็ทยอยเข้าซื้อทองคำเพิ่มเติม โดยโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันค่าเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี เงินบาทยังไม่ได้อ่อนค่าต่อเนื่องจนทะลุโซนแนวต้านสำคัญ 34.50 บาทต่อดอลลาร์

เนื่องจากผู้เล่นในตลาดเริ่มกลับมารอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด ที่จะรับรู้ในช่วงเช้าตรู่ของวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทย และผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็ทยอยขายทำกำไร Trump Trades ออกมาบ้าง

บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงเต็มที่ (Risk-On) หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี อีกทั้งพรรครีพับลิกันก็มีโอกาสครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส

ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมีความหวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะได้แรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงผลกำไรบริษัทจดทะเบียนซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากนโยบายลดภาษีและผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ทำให้โดยรวม ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น +2.53%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลง -0.54% กดดันโดยแรงขายหุ้นในกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ หรือหุ้นกลุ่ม Anti-Trump Trades อาทิ กลุ่มยานยนต์ (BMW -6.6%) ที่อาจเผชิญมาตรการกีดกันทางการค้าและภาษีเพิ่มเติม และกลุ่มพลังงานสะอาด (Orsted -12.8%)

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้น Novo Nordisk +0.6% หลังรายงานผลประกอบการที่สดใส หนุนโดยยอดขายของยา Wegovy และการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการบินและอุตสาหกรรมการทหาร ที่อาจได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ 2.0 กดดันให้ NATO เพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เข้าใกล้โซน 4.50% หลังตลาดประเมินว่า มีโอกาสที่พรรครีพับลิกันจะชนะการเลือกตั้งแบบ Trifecta (ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีและครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส)

ทว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวในช่วงบอนด์ยีลด์ปรับตัวขึ้นอยู่ กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ย่อตัวลงบ้างสู่โซน 4.44% โดยเราประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจแกว่งตัวในกรอบ sideways แถวโซน 4.40% ไปก่อนได้ เพื่อรอรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟดในวันศุกร์นี้

  อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้น สู่ระดับที่มีความน่าสนใจ และมี Risk-Reward ที่คุ้มค่ามากขึ้น ทำให้เราคงแนะนำให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะบอนด์ยีลด์ ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามการเพิ่มสถานะถือครองสินทรัพย์ในธีม Trump Trades ทว่า เงินดอลลาร์ยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เริ่มทยอยขายทำกำไรสถานะ Long USD ออกมาบ้าง ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่โซน 105.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.8-105.4 จุด) 

ในส่วนของราคาทองคำ การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวลงหนัก ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นบ้างและแกว่งตัวแถวโซน 2,670-2,680 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หนุนโดยแรงซื้อ Buy on Dip ของผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่คงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำ

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งเราประเมินว่า BOE มีโอกาสลดดอกเบี้ย -25bps สู่ระดับ 4.75% ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างคาดหวังไว้แล้ว ทำให้ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นว่า BOE จะส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในอนาคตอย่างไร โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOE อาจมีโอกาสเพียง 32% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อในการประชุมเดือนธันวาคม

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports and Imports) ของจีน ในเดือนตุลาคม เพื่อประเมินแนวโน้มความต้องการบริโภคภายในประเทศของจีน ซึ่งจะสะท้อนผ่านยอดการนำเข้า โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างประเมินว่า ยอดการนำเข้าของจีนอาจหดตัว -1.5%y/y สะท้อนความต้องการบริโภคในประเทศที่อาจยังซบเซาอยู่ ขณะที่ยอดการส่งออกอาจขยายตัวราว +5.0%y/y 

และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) พร้อมรอลุ้น ผลการประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ในเช้าวันศุกร์นี้ โดยเราประเมินว่า ที่ประชุม FOMC อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพียง -25bps (ลดลงจากการประชุมรอบก่อนที่เร่งลดดอกเบี้ย -50bps) สู่ระดับ 4.50%-4.75% อย่างไรก็ดี เราจะรอจับตาการส่งสัญญาณของเฟดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางนโยบายการเงิน หลังรับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในอนาคต ซึ่งเราคงมุมมองเดิมว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยได้ตาม Dot Plot ทว่าล่าสุด ผู้เล่นในตลาดกลับมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ได้ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน 

นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยในอนาคตของ ECB 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ธาราวดี-วรณัชชยากรณ์” เก็บชัย 2 นัดติดวอลเลย์บอลชายหาด อช.

ธาราวดี นาราพรลภัส ผนึกกำลัง วรณัชชยากรณ์ พีรชยาไกรเลิศ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตบเอาชนะคู่แข่ง คว้าชัย 2 นัดติด ในศึกวอลเลย์บอลชายหาดชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ที่ประเทศฟิลิปปินส์

การแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย “เอเชี่ยน ซีเนียร์ บีช วอลเลย์บอล แชมเปี้ยนชิพ” ที่เมืองซานตาโรซา ประเทศฟิลิปปินส์ ในรอบแรก ทีมหญิง สาย C ทีมไทย 1 ธาราวดี นาราพรลภัส กับ วรณัชชยากรณ์ พีรชยาไกรเลิศ ตบเอาชนะ สตีเวนส์ กับ ซาเจอร์ จากออสเตรเลีย 21-16 ทั้งสองเซต ก่อนนัดที่สองทั้งคู่ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะ ริโกะ กับ ทากิ จากญี่ปุ่น 2-0 เซต 22-20, 21-18 คว้าชัยได้ 2 นัดติดต่อกัน 

ด้าน สาย D ทีมไทย 3 สลิลดา มุงคล คู่กับ สมฤดี เกิดแก้ว ลงสนามนัดแรก ตบเอาชนะ โตโก กับ ลาวัค จากวานูอาตู 2-1 เซต 14-21, 21-18, 15-8 ก่อนแมตช์ที่สองมาแพ้ให้กับ เชน ซู่ กับ จินจิน เซียง จากจีน 0-2 เซต 11-21 และ 13-21, สาย B ทีมไทย 2 พัชราพร สีหะวงศ์ กับ สมิตรา ศรีมะโรงนาม ประเดิมสนามแพ้ให้กับ เดซี่ กับ เนออาติกา จากอินโดนีเซีย 1-2 เซต 20-22, 21-18, 7-15, ก่อนแมตช์ที่สอง มาแพ้ให้กับ มิลูทิโนวิค กับ จีเจส จากออสเตรเลีย 0-2 เซต 21-23, 15-21, ขณะที่ สาย F ทีมไทย 4 ธนะรัศมิ์ฐา อุดมฉวี คู่กับ รำไพพฤทธิ์ นุ่มวงศ์ แพ้ให้กับ ชิบะ กับ มารุยามะ จากญี่ปุ่น 0-2 เซต 15-21, 17-21 ก่อนนัดสองมาเอาชนะ เอสลาปอร์ กับ โอริลลาเนดา จากฟิลิปปินส์ 2-0 เซต 21-10, 21-13

ด้านทีมชาย สาย B ทีมไทย 4  กิตติธัช คมขำ และ สุรินทร์ จงกลาง ชนะ คู่จากออสเตรเลีย 2-0 เซต 21-17, 21-16, สาย D ทีมไทย 1 พิทักษ์ ทิพย์จันทร์ กับ ปรวิทย์ เตาวะโต แพ้ คู่จากคาซัคสถาน 1-2 เซต 21-19, 19-21, 12-15, สาย C ทีมไทย 3 บัลลือ นาคประคอง และ ดุลวินิจ แก้วใส ชนะคู่จากญี่ปุ่น 2-1 เซต 21-12, 18-21, 15-12 และสาย F ทีมไทย 2 เนติธร มุนีกุล และ วชิรวิชญ์ หมวดผา ชนะ คู่จากญี่ปุ่น 2-0 เซต 21-18, 21-16

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


แพทย์อธิบายชัด “หนังตากระตุก” เป็นโรค หรือ โชคลาง?

แพทย์อธิบายชัด “หนังตากระตุก” เป็นโรค หรือ โชคลาง?

“หนังตากระตุก” โรค หรือ โชคลาง ที่มักเชื่อกันว่าตากระตุกเป็นลางบอกเหตุ “ขวาร้าย-ซ้ายดี” หลายคนยังสับสนว่าจริงแท้แค่ไหน 

รศ.พญ.พริมา หิรัญวิวัฒน์กุล ฝ่ายจักษุวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อธิบายเหตุผลในทางการแพทย์อย่างชัดเจนว่า หนังตากระตุก คือ โรคตาปิดเกร็ง เป็นอาการของโรคกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่หดตัวผิดปกติทั้งสองข้าง ทำให้มีอาการเกร็งหรือกระตุก ระดับความรุนแรง มีตั้งแต่กระตุกเล็กน้อยเพียงแค่ก่อให้เกิดความรำคาญ เพิ่มขึ้นจนมีปัญหาต่อชีวิตประจำวัน และในระดับที่รุนแรง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ เนื่องจากเปลือกตาจะปิดลงมาทันทีโดยไม่อาจควบคุมหรือคาดเดาได้ ซึ่งส่งผลทำให้มองไม่เห็นชั่วขณะหนึ่ง

หนังตากระตุกที่ควรไปพบแพทย์

  • หนังตากระตุกอย่างเห็นได้ชัด จนรำคาญหรือมีผลต่อชีวิตประจำวันและการทำงาน
  • หนังตากระตุกข้างเดียว ร่วมกับมีแก้มและปากกระตุกด้วย
  • มีอาการตาเกร็งหรือกะพริบตาค้าง จนไม่สามารถลืมตาขึ้นเองได้

หนังตากระตุกเกิดจากสาเหตุใด

  • ความเครียด ความวิตกกังวล
  • การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การใช้สายตามากเกินไป
  • โรคตาที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น ตาแห้ง
  • การบริโภคคาเฟอีนปริมาณมาก
  • โรคทางระบบประสาท รวมถึงจากยาที่ใช้ในการรักษา เช่น โรคพาร์กินสัน

หากมีอาการกระตุกเพียงเล็กน้อย แนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ หยอดน้ำตาเทียม หรือทำกิจกรรมคลายเครียด แต่หากมีอาการเรื้อรัง ควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และประเมินการรักษาต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


‘Super Micro’ พังครืน! หุ้นร่วงต่อ 18% บัญชีผิดปกติ มูลค่าหายไป 5 หมื่นล้านเหรียญ

‘Super Micro’ บริษัทผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ชั้นนำ ซึ่งใช้ชิป AI ของ Nvidia กำลังตกที่นั่งลำบาก เมื่อราคาหุ้นร่วงต่อ 18% หลังพบความผิดปกติในบัญชี ขาดข้อมูลทางการเงิน และยังเสี่ยงถูกถอดจาก Nasdaq

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า หุ้นของบริษัท “Super Micro” ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูลระดับโลก ซึ่งมีชิปปัญญาประดิษฐ์ของ Nvidia อยู่ข้างใน ร่วงลงอย่างหนักถึง 18% ในวันพุธ (6 พ.ย.) สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว หลังจากที่ผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์รายใหญ่นี้รายงานผลประกอบการที่ไม่ได้รับการตรวจสอบจากนักบัญชีอย่างเป็นทางการ อีกทั้งถูกกล่าวหาว่าบัญชีบริษัทดูเหมือนมีความผิดปกติเกิดขึ้น

ราคาหุ้น Super Micro ร่วงลงแตะระดับ 22.70 ดอลลาร์ในช่วงเช้า และลดลง 81% จากจุดสูงสุดในเดือนมีนาคม ซึ่งการแห่เทขายทิ้งครั้งนี้ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทหายไปประมาณ 57,000 ล้านดอลลาร์ 

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Super Micro เผชิญสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดในตลาดหุ้น หลังจาก Ernst & Young บริษัทตรวจสอบบัญชีรายที่สองที่ลาออกภายในระยะเวลาไม่ถึงสองปี โดยบริษัทกำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ “ความผิดปกติทางบัญชี” และการละเมิดกฎควบคุมการส่งออกด้วยการส่งชิปขั้นสูงไปยังประเทศ และบริษัทที่ถูกคว่ำบาตร 

ทั้งนี้ Super Micro ยังไม่ได้ยื่นงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และมีความเสี่ยงที่จะถูกตลาดหุ้นสหรัฐ Nasdaq เลิกจดทะเบียน หากไม่รายงานผลประกอบการ

สำหรับปีงบการเงินล่าสุดต่อหน่วยงานกำกับการเงินของสหรัฐภายในกลางเดือนพฤศจิกายน
ในการประชุมทางโทรศัพท์กับนักวิเคราะห์

บริษัทกล่าวว่า “จะไม่ตอบคำถามใด ๆ” ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจลาออกของ Ernst & Young และไม่ได้กล่าวถึงประเด็นการกำกับดูแลกิจการ โดยชาร์ลส์ เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ Super Micro กล่าวว่า บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างการจ้างผู้ตรวจสอบบัญชีรายใหม่

สถาบันการเงิน Mizuho ได้ระงับการติดตามหุ้นของ Super Micro ในวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากขาดข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องและครบถ้วน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนและความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นตัวนี้ 

ขณะที่นักวิเคราะห์จากวาณิชธนกิจ Wedbush ซึ่งยังคงให้คำแนะนำให้นักลงทุนถือหุ้นไว้ก่อน ก็ได้แสดงความเห็นว่า

“รายงานผลประกอบการล่าสุดของ Super Micro ยังคงทิ้งปริศนาและข้อสงสัยมากมาย”

สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน Super Micro สร้างรายได้สุทธิระหว่าง 5,900 ถึง 6,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 6,450 ล้านดอลลาร์ แต่ยังเพิ่มขึ้น 181% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยธุรกิจของบริษัทเฟื่องฟูในช่วงหลัง เนื่องจากจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ที่เต็มไปด้วยชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ Nvidia

ก่อนหน้านี้ หุ้นของ Super Micro พุ่งขึ้น 246% ในปีที่แล้ว หลังจากพุ่งขึ้น 87% ในปี 2023 โดยหุ้นแตะระดับสูงสุดที่ 118.81 ดอลลาร์ในเดือนมีนาคม หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกเพิ่มเข้าไปในดัชนีหุ้นสหรัฐ S&P 500

ในการคาดการณ์ของ Super Micro สำหรับไตรมาสสี่ ก็ต่ำกว่าประมาณการเช่นกัน บริษัทกล่าวว่ารายรับจะอยู่ระหว่าง 5,500 ถึง 6,100 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าประมาณการเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 6,860 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของ LSEG ขณะที่กำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วจะอยู่ที่ 56 เซ็นต์ถึง 65 เซ็นต์ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรต่อหุ้นที่ 83 เซ็นต์

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


Who Whom Whose Which That ใช้อย่างไร วันนี้มาไขคำตอบ

การเขียนประโยคในภาษาอังกฤษมีทั้งแบบเรียบง่าย และซับซ้อน การจะเขียนหรือสื่อสารประโยคให้ดูดี น่าอ่านและน่าฟัง มีความซับซ้อน และแสดงทักษะด้านภาษาที่เพิ่มขึ้น วิธีหนึ่งคือ การใช้คำเชื่อมประโยค เพื่อการขยายความประโยคและเชื่อมประโยคที่เกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกัน วันนี้จะพามาทำความรู้จักกับ Who Whom Whose Which That ว่าคืออะไร ใช้อย่างไร พร้อมยกตัวอย่างที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

นิยามของ Who Whom Whose Which That หรือเรียกว่า Relative pronoun หมายถึง คำสรรพนามที่ใช้แทนคำนามหรือนามวลีในประโยค เพื่อเชื่อมประโยคนั้นกับ relative clause หรือเชื่อมประโยคย่อยเข้ากับประโยคหลัก เหมือนกับการใช้ Adjective Clause ที่ทำหน้าที่ขยายคำนามในประโยค ทำให้เกิดการขยายความในประโยค และเชื่อมโยงประโยคสองประโยคที่เกี่ยวข้องกัน ทำให้ประโยคมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

หลักการใช้งานของ Relative pronoun เราลองมาทำความรู้จัก Relative pronoun แต่ละตัว สำหรับ Who แปลว่าผู้ซึ่ง ใช้อ้างถึงคน  ซึ่งใช้ใน relative clause เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือขยายความคำนามที่มีอยู่ก่อนหน้าที่ติดกัน สามารถทำหน้าที่เป็นประธานในประโยคย่อย ซึ่งกิริยาของประธานนั้น ต้องเป็นรูปเอกพจน์หรือพหูพจน์ที่สอดคล้องกันด้วย Whom แปลว่าผู้ซึ่ง เป็นสรรนามที่อ้างถึงคนเช่นเดียวกัน ซึ่งใช้แทนคำนามหรือนามวลีที่อ้างถึงคนที่อยู่ในประโยค โดยคำนามหรือนามวลีนั้นจะเป็นกรรมของ relative clause นอกจากนี้ คำว่า Whom อาจใช้ตามหลังคำบุพบท เพื่อให้ดูเป็นทางการมากขึ้น ทั้งนี้ มีข้อควรระวังคือ Who กับ Whom มีการใช้ที่แตกต่างกัน โดย Who ใช้เป็นประธานของ relative clause ส่วน Whom แปลว่าผู้ซึ่ง ใช้เป็นกรรมของ Relative Clause และใช้แทนคำนามที่เป็นคน ส่วน Whose แปลว่าของผู้ซึ่ง เป็นสรรพนามใช้แสดงความเป็นเจ้าของหรือการครอบครองทั้งคนและสิ่งของ ซึ่ง Whose ใช้แทนคำนามหรือนามวลี ใช้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของหรือการครอบครองวัตถุสิ่งของของคนคนหนึ่ง โดยกริยาที่ตามหลังจะใช้ตามประธานที่ Whose แสดงความเป็นเจ้าของ สำหรับ Which ใช้แสดงถึงสิ่งของหรือสัตว์ หรือกลุ่มคำนามหรือกลุ่มนามวลีในประโยค และสามารถใช้ร่วมกับคำบุพบท ส่วน That สามารถใช้กับทั้งคน สัตว์ และสิ่งของ สามารถใช้แทน Who Whom และ Which ได้ นอกจากนี้ สามารถใช้คำคุณศัพท์ขั้นสุดตามด้วย that รวมทั้ง that ตามด้วยคำบุพบท ทั้งนี้ ในชีวิตประจำวันมักจะใช้ that เพื่อแทนทั้งคนและสิ่งของ แต่ในการเขียนเชิงวิชาการ หรือข้อความที่เป็นทางการ มักจะใช้ relative pronouns ที่เหมาะสมจะช่วยสร้างความชัดเจนและความแม่นยำในบริบทที่เฉพาะเจาะจงadjective clause  ที่นำหน้าด้วย that และ that นั้นทำหน้าที่เป็น object of  a preposition จะต้องไม่ใช้คำบุพบทหน้า that แต่สามารถใช้คำบุพบทตามหลังคำที่ต้องใช้กับคำบุพบทนั้นภายใน adjective clause ได้         นอกจากนี้ ยังสามารถละ Relative pronoun ได้ ซึ่งเป็นการละคำสรรพนามเหล่านั้นออกจากประโยค แต่ประโยคยังคงมีความหมายเดิม ใช้เมื่อประโยคที่มี relative pronoun ที่ไม่กำกวม เพื่อให้ประโยคกระชับขึ้น ทั้งนี้ ควรพิจารณาตามบริบทและความชัดเจนของประโยค

           ตัวอย่างประโยค

Who มีตัวอย่างการใช้ดังนี้

– The girl who is standing over there is my sister. แปลว่า ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือน้องสาวของเรา

– We think there’d be a lot of kids who’d love to run and play in school. แปลว่า เราคิดว่าคงมีเด็กหลายๆ คนที่วิ่งเล่นในโรงเรียน

– That is the person who doesn’t hate him. แปลว่า นั่นคือคนที่ไม่เกลียดเขา

– There is this boy at school, who’s one of his friends, well he’s never been on a van. แปลว่า มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่โรงเรียนเป็นเพื่อนของเขา เขาไม่เคยนั่งรถตู้มาก่อน

– The man who stands in front of him is my father. แปลว่า ผู้ชายที่นั่งหน้าเขาคือคุณพ่อของฉัน

– She likes the boy who wears the green shirt. แปลว่า ฉันชอบเด็กผู้ชายคนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียว
– The woman who always loves him is his mother. แปลว่า ผู้หญิงคนที่จะรักเขาเสมอไปก็คือแม่ของเขา

– The boy who is singing has a beautiful voice. แปลว่า เด็กชายที่ร้องเพลงมีเสียงที่ไพเราะ

Whom มีตัวอย่างการใช้ดังนี้

– The man whom we met last week is a policeman. แปลว่า ผู้ชายที่เราพบเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเป็นตำรวจ

–  The children whom the parents praised were happy. แปลว่า เด็กๆที่ผู้ปกครองชมมีความสุข

– She is a famous actress whom many people admire. แปลว่า เธอคือดาราสาวชื่อดังที่ใครๆ ต่างชื่นชม

– The letter was addressed to the director, to whom we had sent an email earlier. แปลว่า จดหมายนี้จ่าหน้าถึงผู้อำนวยการที่เราส่งอีเมลถึงก่อนหน้านี้

– This gift is for my brother, for whom I bought a special toys. แปลว่า ของขวัญชิ้นนี้มอบให้น้องชายเรา ซึ่งเราซื้อของเล่นให้

– I went on a vacation with my friends, with whom I always enjoy spending time. แปลว่า เราไปเที่ยวพักผ่อนกับเพื่อนๆ ซึ่งเราชอบใช้เวลาอยู่ด้วยเสมอ

– The woman whom he met is his boss. (ผู้หญิงที่เขาพบคือเจ้านายของเขา

Whose มีตัวอย่างการใช้ดังนี้

– I know the woman whose earrings was lost. แปลว่า ฉันรู้จักกับผู้หญิงคนที่ต่างหูหายคนนั้น

– Do you know the man whose house is brown? แปลว่า คุณรู้จักกับผู้ชายที่เป็นเจ้าของบ้านหลังสีน้ำตาลนั้นไหม

– The woman, whose purse was stolen, reported the incident to the police. แปลว่า ผู้หญิงที่กระเป๋าสตางค์ถูกขโมยไปแจ้งความกับตำรวจ

– She read a book whose author is a Nobel laureate. แปลว่า เธออ่านหนังสือที่ผู้เขียนได้รับรางวัลโนเบล

– The company whose manger resigned is facing many difficulties. แปลว่า บริษัทที่ผู้จัดการลาออกกำลังเผชิญกับปัญหามากมาย

Which มีตัวอย่างการใช้ดังนี้

– The book which I borrowed from my friend is fascinating. แปลว่า หนังสือที่เรายืมจากเพื่อนน่าสนใจมาก

– The notebook, which is on the table, is mine. แปลว่า โนตบุ๊คที่อยู่บนโต๊ะเป็นของเรา

– The house, which was built in the 18th century, is now a museum. แปลว่า บ้านที่สร้างในศตวรรษที่ 18 ตอนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์

– The title of the tale indicates that the author knows herself to be separated from the community in which she grew up. แปลว่า ชื่อนิทานบ่งบอกว่าผู้แต่งรู้ว่าตนเองถูกแยกออกจากชุมชนที่เธอเติบโตมา

– She has never felt close to the community which she grew up in. แปลว่า เธอไม่เคยรู้สึกใกล้ชิดกับชุมชนที่เธอเติบโตมาเลย

– She might lose her job, which would be disastrous. แปลว่า เธออาจจะตกงานซึ่งเป็นเรื่องหายนะ

– He promised to give away all the money, which was a bit rash. แปลว่า เขาสัญญาว่าจะให้เงินทั้งหมด ซึ่งมันเสี่ยงมาก

That มีตัวอย่างการใช้ดังนี้

– The motorcycle that he bought last month broke down. แปลว่า รถมอเตอร์ไซต์ที่เขาซื้อเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเสียแล้ว

– The dog that is sitting on the carpet is mine. แปลว่า สุนัขที่นั่งบนพรมเป็นของเรา

– The person that we met at the conference was very friendly. แปลว่า คนที่พวกเราพบในงานประชุมเป็นกันเองมาก

– It was the most exciting movie that we have ever watched. แปลว่า มันเป็นภาพยนตร์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดที่เราเคยดู

– She is the tallest person that I have ever seen. แปลว่า เธอเป็นคนที่สูงที่สุดที่เราเคยเห็น

– This is the best department store that we have ever been to. แปลว่า นี่คือห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดที่พวกเราเคยไป

– We have got some badminton balls that we can play with. แปลว่า เรามีลูกแบดมินตันที่เราสามารถเล่นได้

– She is the person that I was walking with. แปลว่า เธอเป็นคนที่เราเดินด้วย

– This is the video that I was searching for. แปลว่า นี่คือวิดีโอที่เราค้นหา

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


“กระชายขาว” สมุนไพรต้านการอักเสบ กับผลข้างเคียงที่อาจยังไม่รู้มาก่อน

กระชายขาว สมุนไพรไทยคู่ครัวที่คนไทยรู้จักกันดี นอกจากจะเข้าครัวปรุงอาหารได้หลากหลายเมนูแล้ว ยังเป็นส่วนหนึ่งของตำรับยาไทยโบราณอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา กระชายขาวได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน กระชายขาวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องปรุงรส แต่ยังเป็นยาธรรมชาติที่ช่วยดูแลสุขภาพได้หลากหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบทางเดินอาหาร ด้วยการช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืดเฟ้อ หรือระบบหายใจ ด้วยการบรรเทาอาการไซนัสและช่วยให้จมูกโล่ง นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงร่างกาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย และช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนให้เป็นปกติ สรรพคุณมากมายขนาดนี้ แต่รู้หรือไม่ว่ากระชายขาวก็มีผลข้างเคียงแบบที่อาจไม่ค่อยมีใครเคยรู้มาก่อน

ผลข้างเคียงของกระชายขาว

แม้กระชายขาวจะเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาช่วยรักษาโรคได้หลายชนิด แต่ถ้าทานติดต่อกันเป็นเวลานานหรือในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ร้อนใน แผลในปาก เหงือกร่น และใจสั่น ซึ่งเกิดจากสรรพคุณที่ร้อนแรงของกระชายขาวนั่นเอง หากทานมากเกินไปจะทำให้ร่างกายเสียสมดุลได้

ดังนั้น ก่อนที่จะทานกระชายขาวเพื่อรักษาโรคใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และผู้ป่วยโรคตับอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงการทานกระชายขาว เพราะอาจส่งผลกระทบต่อตับและไตได้

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 07/11/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a43,200.0043,300.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,798.0042,417.6843,800.00
ทองรูปพรรณ 90%2,518.2038,175.91n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,238.4033,934.14n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,259.0019,086.44n/a
ทองรูปพรรณ 40%979.0014,841.64n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,899.0043,948.84n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 07/11/2567



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.9535.9536.5535.9535.9535.9535.9535.9535.9535.95
แก๊สโซฮอล์ 9135.5835.5836.1835.5835.5835.5835.5835.5835.5835.58
แก๊สโซฮอล์ E2033.8433.8434.4433.8433.8433.8433.8433.8433.84
แก๊สโซฮอล์ E8533.5933.5933.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.5449.8449.8449.8444.54
เบนซิน 9544.2449.8144.7444.3944.24
ดีเซล32.9432.9433.4432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า