สาระน่ารู้ประจำวันที่ 07 สิงหาคม 2568

ส่องทำเลทองอสังหาฯ‘คุ้มค่า-เสี่ยงต่ำ-ศักยภาพเติบโตระยะยาว’

ครึ่งปีแรกมี “ทำเลทอง” กทม.-ปริมณฑลน่าจับตามองจากแรงซื้อและเช่า ที่กลับมาขยายอีกครั้ง ดีดี พร็อพเพอร์ตี้เผยข้อมูลผู้สนใจซื้อ-เช่า โดยเฉพาะเขต ใจกลางธุรกิจ หรือ CBD

แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ปี 2568 ยังเผชิญแรงเสียดทานจากภาวะเศรษฐกิจ ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยรับแรงกดดันจากเศรษฐกิจถดถอย แต่ผู้บริโภคเริ่มกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง จากมาตรการรัฐกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ การผ่อนคลายเกณฑ์การควบคุมสินเชื่อ LTV (Loan-to-Value)

และอัตราดอกเบี้ยลดลงจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้มีความพร้อมโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และครอบครัว องค์ประกอบเหล่านี้เปิดโอกาสให้ผู้ที่วางแผนซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในช่วงนี้ได้อย่างน่าสนใจ

แผ่นดินไหวสะเทือนใจพลิกดีมานด์แนวราบ

เหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมา เมื่อ 28 มี.ค.2568 เกิดแรงสั่นสะเทือนมาถึงไทย และกลายเป็นปัจจัยเร่งความต้องการอสังหาริมทรัพย์แนวราบโดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์ในกรุงเทพฯ เติบโตขึ้น 4% ในเดือนถัดมา 

ขณะที่ความต้องการซื้อคอนโดมิเนียม หดตัวลงกว่า 31% เนื่องจากความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของอาคารสูง อย่างไรก็ตาม ความต้องการคอนโดมิเนียม เริ่มฟื้นตัวในเดือนพ.ค.ที่ระดับ 5% นับว่าเป็นผลกระทบระยะสั้น

ทำเลที่อยู่อาศัยยอดฮิตกรุงเทพฯ เบอร์ 1

ทั้งนี้ กรุงเทพฯ ยังคงครองอันดับ 1 ของจังหวัดที่มีผู้สนใจซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยสูงสุด ตามมา คือ นนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี และปทุมธานี ซึ่งสะท้อนว่าทำเลปริมณฑลยังคงเป็นตัวเลือกสำคัญของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานที่เลือกสะดวกและย่อมเยากว่าทำเลใจกลางเมือง 

เช่นเดียวกับตลาดเช่า จังหวัดยอดนิยมรองลงจากกรุงเทพฯ ได้แก่ สมุทรปราการ นนทบุรี ชลบุรี และภูเก็ต แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคทั้งคนไทยและต่างชาติหันมาสนใจที่อยู่อาศัยในหัวเมืองเพื่อการพักผ่อนเชิง Workation และพักยาว

เขตไหนปัง? วัดกันที่ดีมานด์

ข้อมูล ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ ช่วงครึ่งแรกปี 2568 พบว่า  “เขตวัฒนา” ยังคงครองแชมป์ทำเลสุดฮอตทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้เช่า ใกล้ BTS/MRT ระบบสาธารณูปโภคครบ เหมาะทั้งอยู่อาศัยและลงทุนตามแนวใจกลางย่านธุรกิจ

อันดับถัดไปในกรุงเทพฯ ที่มีความต้องการซื้อมากที่สุดคือ เขตจตุจักร เขตประเวศ (มาแรงด้านแนวราบ) เขตคลองเตย เขตห้วยขวาง ส่วนทำเลเช่าที่มาแรง ได้แก่เขตวัฒนา เขตคลองเตย เขตพระโขนง เขตราชเทวี เขตปทุมวัน

แนวรถไฟฟ้า-แคมปัสคอนโดไม่แผ่ว

ทำเลแนว BTS/MRT ที่ได้รับความสนใจสูงสุดในกลุ่มผู้ค้นหาที่อยู่อาศัย คือ BTS อ่อนนุช BTS พร้อมพงษ์ BTS ทองหล่อ BTS เอกมัย BTS อารีย์ โดย 8 ใน 10 ทำเลยอดนิยม คือสถานีในสายสีเขียว ซึ่งเชื่อมการเดินทางสู่ใจกลางเมืองได้สะดวก และมีราคาที่อยู่อาศัยที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า

สำหรับทำเลใกล้สถานศึกษาชั้นนำ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดจากผู้ซื้อและผู้เช่า ทั้งผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษา และคนทำงานในย่านนี้ ขณะที่ราคาอสังหาริมทรัพย์ย่าน “สยาม-ชิดลม-เพลินจิต” พุ่งแตะ 3.85 ล้านบาทต่อตารางวา เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับปี 2567

“ซื้อ-เช่า” ขนาดต้องคุ้ม ราคาเข้าถึงได้

กลุ่มผู้ซื้ออยู่จริง (Real Demand) ยังคงมองหาบ้านหรือคอนโดมิเนียม ขนาด 2 ห้องนอน เป็นอันดับ 1 รองด้วย 3 ห้องนอน และ 1 ห้องนอน มากกว่า 72% ต้องการ Fully Furnished เพื่อความสะดวกในการเข้าอยู่ทันที ราคาที่มองหาไม่เกิน 2 ล้านบาท เพื่อความคุ้มค่า ในฝั่งผู้เช่า มักเลือกโครงการ Fully Furnished ถึง 88% และกว่า 9 ใน 10 มองหาค่าเช่าไม่เกิน 15,000 บาท/เดือน ซึ่งเป็นระดับที่ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตในย่านที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและใกล้ระบบขนส่งสาธารณะ

แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีแรก 2568 จะไม่สดใสเท่าปีก่อน แต่เสน่ห์ของทำเลคุณภาพ เช่น วัฒนา อ่อนนุช จุฬาฯ และชานเมืองใกล้รถไฟฟ้า ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับผู้ซื้อและนักลงทุนที่มองหาความคุ้มค่า ความเสี่ยงต่ำ และศักยภาพเติบโตระยะยาว

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


เครื่องยนต์เศรษฐกิจฝืดกระทบลูกโซ่หวั่นอสังหาฯวูบ15%ปรับตัว

เครื่องยนต์หลักภาคการส่งออกของไทยยังชะลอตัว ทั้งเผชิญแรงกดดันจากวิกฤติศรัทธา “ท่องเที่ยวไทย” การย้ายฐานการผลิตไปเวียดนาม อินโดนีเซีย ที่จีดีพีเติบโตสูงระดับ 7%

ภวรัญชน์ อุดมศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นโยบายภาษีของทรัมป์มีผลต่อต้นทุนส่งออกของไทย ขณะที่หลายอุตสาหกรรมเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ในการตั้งฐานการผลิต โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งจีดีพีเติบโตเฉลี่ยถึง 7%  และได้รับแรงหนุนจากนโยบายเปิดกว้างในการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยเฉพาะ “ตลาดจีน” ความหวังสำคัญ แต่ปริมาณนักท่องเที่ยวจีนกลับลดลงจาก “วิกฤติศรัทธา” ทั้งเรื่องความปลอดภัยและภาพลักษณ์

ท่ามกลางแรงเสียดทานทั้งภายในและภายนอก ภวรัญชน์ ประเมินว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568 จะหดตัว 15% โดยเฉพาะในแง่ “มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์”  หนึ่งในดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นและกำลังซื้อ

“ปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเหนื่อย เครื่องยนต์เศรษฐกิจดับหมด ทั้งท่องเที่ยวและส่งออก ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของคนในประเทศ”

อย่างไรก็ดี แม้ตลาดจะยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่ภาคเอกชนมุ่งปรับกลยุทธ์รุกตลาดเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ “ยอมจ่ายเพื่อคุณภาพชีวิต” ในขณะที่รัฐบาลไทยถูกจับตาว่าจะสามารถเร่ง “เครื่องยนต์หลัก” อย่างการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างประเทศได้ทันหรือไม่!

“ในช่วงเวลาที่ตลาดเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์จริง เลือกทำเลที่ใช่ ยังคงเป็นกุญแจของความสำเร็จ”

หวั่นรายได้หดกระทบลูกโซ่ทั้งระบบ

วรวุฒิ กาญจนกูล ประธานบริหาร บริษัท ดับบลิว เฮ้าส์ จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ธุรกิจอาจเผชิญแรงกดดันมากขึ้น หากไม่มีมาตรการรองรับหรือมาตรการฟื้นฟูที่ชัดเจนจากภาครัฐ โดยเฉพาะในด้านนโยบายการเงินและการคลัง

“ครึ่งปีหลังจึงเป็นช่วงเวลาท้าทาย ภาคธุรกิจต้องรัดเข็มขัดและประคองตัวให้รอดจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว”

ขณะที่นโยบายภาษีทรัมป์ สร้างแรงกระเพื่อมในภูมิภาคและประเทศไทย เป็นจุดชี้ขาดว่าจะแปรเปลี่ยนความท้าทายนี้ให้เป็น “โอกาส” ได้หรือไม่

สะเทือนส่งออกไทย“ต่างชาติ”ชะลอลงทุน

สุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจัยอย่าง “มาตรการภาษีทรัมป์” เป็นสัญญาณเตือนว่าการพึ่งพาตลาดเดิมเพียงไม่กี่แห่งกำลังกลายเป็นจุดอ่อนของระบบส่งออกไทย ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย 

ภาคการส่งออก ต้องเผชิญการแข่งขันทั้งด้านราคา ขีดความสามารถทางการแข่งขัน ในตลาดหลักต่างๆ ที่มี “คู่แข่ง” จำนวนไม่น้อย ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างชาติ ที่เคยเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ และตลาดอื่นๆ อาจเริ่มหันไปพิจารณาประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามและอินโดนีเซีย ซึ่งมีอัตราภาษีใกล้เคียงกัน แต่จีดีพีเฉลี่ยโตสูง 6-7% ต่อปี

“ไทยเคยเป็นตัวเลือกหลักในอาเซียน แต่วันนี้การแข่งขันดุเดือดขึ้นมาก นักลงทุนมองหาทางเลือกที่ให้ต้นทุนในภาพรวมต่ำกว่า และได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมากกว่า”

ทบทวนบทบาทไทยในห่วงโซ่อุปทานโลก

ภายใต้บริบทโลกใหม่ที่การค้าเสรีถูกท้าทายด้วยนโยบายกีดกันทางการค้า “ไทย” อาจต้องเริ่มคิดใหม่ในบทบาทของตัวเองในห่วงโซ่อุปทานโลก (Global Supply Chain)

ที่ผ่านมา ไทยเป็นฐานผลิตสำคัญของจีนและประเทศที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าทางการค้ากับสหรัฐ แต่เมื่อภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยถูกจัดเก็บในอัตราเดียวกับประเทศต้นทาง กลยุทธ์นี้จึงเริ่มไม่คุ้มค่าอีกต่อไป

หากการส่งออกไปยังสหรัฐหดตัวลงต่อเนื่อง ไทยอาจเผชิญกับภาวะจีดีพีเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์ในปีนี้ ยิ่งเศรษฐกิจโลกไม่มีทิศทางฟื้นตัวที่ชัดเจน

ขณะที่ภาคนิคมอุตสาหกรรม คลังสินค้า และโรงงานให้เช่า อาจเผชิญกับภาวะ Wait&See “รอ“ และ ”ดู” มากขึ้น นักลงทุนต่างชาติหลายรายอาจชะลอการตัดสินใจลงทุน

อย่างไรก็ดี ไทยจำเป็นต้องขยายตลาดส่งออก กระจายความเสี่ยง และทบทวนยุทธศาสตร์การดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้ตอบโจทย์มากกว่าการเป็นแค่ “ฐานการผลิตต้นทุนต่ำ”  รัฐบาลต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์ไม่เพียงลดผลกระทบระยะสั้น แต่ยังเป็นโอกาสในการ “รีเซ็ต” บทบาทของไทยในเวทีการค้าโลกในระยะยาวด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้7 ส.ค.“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 32.35 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเสี่ยงเผชิญเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง ในวันนี้ควรจับตารายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน การปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด อาจช่วยชะลอการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้  7ส.ค.2568ที่ระดับ  32.35 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.37 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า โมเมนตัมการแข็งค่าของเงินบาทนั้นยังคงมีกำลังอยู่ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังบรรดาผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ 2-3 ครั้ง ในปีนี้ และอีกราว 3 ครั้ง ในปีหน้า

อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง หากบรรยกาศในตลาดการเงินอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง กดดันให้ ราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องได้ชัดเจน หรือมีจังหวะย่อตัวลง

ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทเสี่ยงเผชิญความผันผวน Two-Way risk (พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง) ขึ้นกับการปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด โดยในวันนี้ ควรจับตารายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) เพราะหากรายงานข้อมูลดังกล่าวยังคงออกมาสดใส

 ไม่ได้สะท้อนภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่แย่ลงชัดเจน เหมือนกับรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ในสัปดาห์ก่อนหน้า ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งอาจช่วยชะลอการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์หรือยังพอช่วยให้เงินดอลลาร์แกว่งตัวในกรอบ Sideways เพื่อรอรับรู้รายงานข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มเติมได้

ในเชิงเทคนิคัล เงินบาทยังคงมีโซนแนวรับแถว 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 32.10 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวต้านได้ขยับลงมาแถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ และมีโซน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านถัดไป

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.25-32.50 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.31-32.41 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าโดยรวมเงินดอลลาร์จะทยอยอ่อนค่าลง ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ 2-3 ครั้ง ในปีนี้ (โอกาสลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ราว 43%)

หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงนี้ เริ่มทยอยออกมาแย่กว่าคาด ขณะเดียวกัน บรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ก็เริ่มออกมาสนับสนุนการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังราคาทองคำ (XAUUSD) เผชิญแรงกดดันและย่อตัวลง จากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน

บรรยากาศตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หลังรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของ Apple +5.1% ตอบรับข่าว Apple เตรียมประกาศข่าวการลงทุนขนานใหญ่ ส่งผลให้ ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.73%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลงเล็กน้อย -0.06% แม้ตลาดหุ้นยุโรปจะได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงิน ทว่า การปรับตัวลดลงหนักของบรรดาหุ้นกลุ่ม Healthcare

โดยเฉพาะบรรดาบริษัทยาขนาดใหญ่ อย่าง Novo Nordisk -5.4% และความกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ กับ สวิซเซอร์แลนด์ ก็มีส่วนกดดันตลาดหุ้นยุโรปโดยรวม

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แถวระดับ 4.20% แม้ผู้เล่นในตลาดจะยังคงคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดราว 2-3 ครั้งในปีนี้ และเกือบราว 3 ครั้ง ในปีนี้ ทว่า บรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ก็มีส่วนกดดันไม่ให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องได้

สอดคล้องกับ มุมมองของเรา ที่ประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังเสี่ยงเผชิญ Two-Way risk โดยมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นต่อได้บ้าง หากตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หรือบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง

โดยเราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้ เนื่องจากเราคงคาดการณ์ว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวลดลง ตามการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง หลังผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังแนวโน้มการลดดอกเบี้ย 2-3 ครั้ง ของเฟดในปีนี้ (และยังมองว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยเกือบ 3 ครั้ง ในปีหน้า) ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลง สู่ระดับ 98.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.1-98.7 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ แม้เงินดอลลาร์จะทยอยอ่อนค่าลง หนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) มีจังหวะปรับตัวสูงขึ้น ทว่าบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินก็กดดันให้ ราคาทองคำย่อตัวลงสู่โซน 3,430-3,440 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) โดยบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า BOE อาจมีมติลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.00% ทว่า BOE อาจส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ย เพื่อรอประเมินสถานการณ์ หลังอัตราเงินเฟ้อเริ่มมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทว่าตลาดแรงงานส่งสัญญาณชะลอตัวลง

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดการค้าระหว่างประเทศของจีน (Exports & Imports) ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะช่วยสะท้อนถึงผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงชัดเจน หลังรายงานยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ล่าสุด ออกมาแย่กว่าคาด

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ส่วนในฝั่งไทย สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่ผู้เล่นในตลาดต่างรอติดตามเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ปอป้อ” ทรัพย์สิรี จับคู่ “โอโม่” พรรคพล เตรียมลุยศึกฮ่องกง โอเพ่น เดือนกันยายนนี้

“ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย นักแบดมินตันคู่ผสมขวัญใจชาวไทย โพสต์ภาพคู่กับ “โอโม่” พรรคพล ธีระรัตน์สกุล พร้อมข้อความแจ้งแฟนๆ ว่าจะกลับมาลงสนามแข่งขันอีกครั้งในเดือนกันยายนนี้ โดยจะประเดิมลงแข่งขันในศึกฮ่องกง โอเพ่น ซึ่งจะเป็นการเปิดตัวคู่หูคนใหม่อย่างเป็นทางการ

“ปอป้อ” ทรัพย์สิรี  แต้รัตนชัย นักแบดมินตันหคู่ผสมของไทย ได้ประกาศข่าวดีผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Sapsiree Taerattanachai (ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย)” ว่าจะกลับมาลงแข่งขันอีกครั้งในเดือนกันยายนนี้ โดยมีคู่หูคนใหม่คือ “โอโม่” พรรคพล ธีระรัตน์สกุล

ปอป้อ ได้โพสต์ภาพคู่กับโอโม่ พร้อมข้อความว่า “กลับมาลงสนามแข่งต้นกันยานะคะ ฝากเป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะคะ” โดยคาดว่าจะเป็นการประเดิมลงแข่งขันร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรายการ ฮ่องกง โอเพ่น เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-14 ก.ย.68 นี้ โดนจะลงแข่งขันในรอบคัดเลือก 

ก่อนหน้านี้ ปอป้อ ทรัพย์สิรี เคยลงแข่งขันรายการล่าสุดในรายการอินโดนีเซีย โอเพ่น เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยจับคู่กับรุ่นน้องอย่าง “โนแอล” ภูวนัตถ์ หอบันลือกิจ ส่วนการจับคู่กับโอโม่ครั้งนี้ เดิมทีมีแผนจะลงแข่งขันในรายการมาเก๊า โอเพ่น แต่ต้องถอนตัวเนื่องจากโอโม่ มีภารกิจต้องเข้าร่วมการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2025 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


ภาวะ “โลหิตจาง” ปัญหาสุขภาพที่ควรพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างถูกต้อง

กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลราชวิถี เผย ภาวะโลหิตจาง พบได้บ่อยในประชากรทั่วไป เกิดจากหลายสาเหตุ หากเป็นมากจะพบอาการอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น หน้ามืด เป็นลมง่าย อาจมีหัวใจโต เกิดภาวะหัวใจวายได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

ภาวะโลหิตจาง เป็นมากอันตรายต่อร่างกาย

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ภาวะโลหิตจาง พบได้บ่อยในประชากรทั่วไป เป็นภาวะร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติหรือพบว่าปริมาณเม็ดเลือดแดงในเลือดน้อยกว่าปกติ ทำให้ความสามารถในการนำออกซิเจนไปสู่อวัยวะต่างๆ ของร่างกายมีประสิทธิภาพลดลง อาการของโลหิตจางเริ่มตั้งแต่ไม่มีอาการ 

ถ้าโลหิตจางน้อยๆ จะไม่มีผลต่อสุขภาพ ถ้าบังเอิญเกิดเหตุที่ทำให้เสียเลือดกระทันหัน เช่น อุบัติเหตุรถชนหรือมีการตกเลือดจากเหตุทางโรคภัย เช่น แท้งลูก ท้องนอกมดลูกจะทนทานการเสียเลือดได้ไม่ดี แต่ถ้าโลหิตจางมากมีผลต่อร่างกาย คือ ทำให้อ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น หน้ามืด เป็นลมง่าย เพราะถ้ามีโลหิตจางมากๆ หัวใจต้องทำงานมากขึ้น เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี่ยงร่างกายให้มากขึ้น อาจมีหัวใจโต เกิดภาวะหัวใจวายได้

สาเหตุของภาวะโลหิตจาง

สาเหตุของภาวะโลหิตจางเกิดได้หลายปัจจัย ซึ่งสาเหตุที่พบได้บ่อยมาจากการขาดสารอาหาร เช่น 

  • ขาดธาตุเหล็กหรือโลหิตจางที่ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุ์กรรม เช่น โรคธาลัสซีเมีย 
  • อาจเกิดจากการที่มีการสูญเสียเลือดเรื้อรัง บางครั้งมีเลือดออกจากทางเดินอาหาร เช่น ถ่ายอุจจาระมีเลือดปนหรือถ่ายดำ โรคที่ทำให้ถ่ายมีเลือดปนที่พบบ่อย ได้แก่ โรคกระเพาะอาหาร โรคริดสีดวงทวาร โรคหลอดเลือดโป่งพอง โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น 
  • การรับประทานยาแก้ปวดแก้เมื่อยเป็นประจำแล้วยาระคายกระเพาะอาหารทำให้อักเสบมีแผล เกิดเลือดออกได้
     
  • การเสียเลือดจากมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ถ้าถึงวัยหมดประจำเดือนแล้วมีเลือดออกทางช่องคลอด ต้องรีบไปตรวจทันทีเนื่องจากอาจเกิดจากโรคมะเร็งได้ 
  • เกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น ไตวาย โรคตับ ข้ออักเสบ โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคไขกระดูกเสื่อม เป็นต้น 

วิธีรักษาโรคโลหิตจาง

หลักการสำคัญในการรักษาโลหิตจาง คือรักษาที่สาเหตุของโลหิตจางให้พบโดยควรได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคก่อน เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมตามสาเหตุของโรคที่แท้จริง

วิธีป้องกันภาวะโลหิตจาง

นายแพทย์สมเกียรติ ลลิตวงศา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวเพิ่มเติมว่า การป้องกันภาวะโลหิตจาง ได้แก่  

  1. การรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีนและอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ได้แก่ ไข่ ตับ ไต เนื้อสัตว์ เมล็ดธัญพืช เช่น ถั่ว งา เมล็ดฟักทอง ลูกเดือย เป็นต้น 
  2. ละเว้นการรับประทานอาหารที่ขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็ก เช่น ชา กาแฟ โอเลี้ยง เป็นต้น 
  3. ไม่ควรรับประทานยาชุด แก้ปวดเมื่อย แก้อักเสบ ยาหม้อ ยาลูกกลอน เนื่องจากจะทำให้เกิดการระคายกระเพาะอาหาร ส่งผลให้มีอาการปวดเสียดท้อง ท้องอืด เลือดออกในกระเพาะอาหารหรือกระเพาะอาหารทะลุได้ 
  4. หากมีอาการปวดเสียดแน่นท้อง ขับถ่ายอุจจาระผิดปกติไปจากเดิม ถ่ายดำหรือมีเลือดปน เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาออกเรื้อรัง จ้ำเลือดออกตามตัว ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


20 ประโยคภาษาอังกฤษ รู้ไว้ก่อนขึ้นเครื่องไปเที่ยวต่างแดน

ช่วงใกล้เปิดประเทศแบบนี้ ทุกคนคงจะได้วัคซีนครบกันแล้ว และที่สำคัญใครหลายคนคงแอบวางแผนไปเที่ยวต่างแดนกันแล้วใช่ไหมล่ะ? แต่ถ้าจะเที่ยวให้สนุกแบบไม่มีสะดุด สกิลภาษาอังกฤษก็ต้องมา โดยเฉพาะความรู้เรื่อง ประโยคภาษาอังกฤษ เพื่อช่วยให้เราได้สื่อสารกับชาวต่างชาติหรือรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในต่างประเทศได้นั่นเอง วันนี้เราจึงจัดเต็ม 20 ประโยคภาษาอังกฤษ เป็นการ เรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร ที่ต้องรู้ไว้ก่อนขึ้นเครื่องไปเที่ยวต่างแดนมาฝากทุกคนกัน

  1. At the Airport (สนามบิน)
  • Excuse me, where is the row and number of check-in desk of (airline name) airline?

ขอโทษค่ะ / ครับ เคาน์เตอร์เช็กอินสายการบิน (ชื่อสายการบิน) อยู่แถวที่เท่าไหร่ หมายเลขอะไร

  • Hello, I’m flying / traveling to (city, country) with (airline name) today.

สวัสดีค่ะ / ครับ ฉันมีบิน / เดินทางไปที่ (เมือง, ประเทศ) วันนี้

ตัวอย่าง: Hello, I’m flying to Ho Chi Minh, Vietnam with Vietnam Airlines today.

สวัสดีค่ะ ฉันมีบินไปที่เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามกับสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์วันนี้ค่ะ

  • Here’s my passport and E-ticket.

นี่คือหนังสือเดินทางของฉันและตั๋วเครื่องบินออนไลน์ค่ะ / ครับ

  • I would like a window / middle / aisle / seat.

ฉันขอเลือกที่นั่งเป็นที่นั่งริมหน้าต่าง / ที่นั่งตรงกลาง / ที่นั่งติดทางเดินค่ะ / ครับ

  • Do I need to take my laptop / notebook / tablet out of the bag?

ฉันจำเป็นต้องเอาแล็ปท็อป / โน้ตบุ๊ก / แท็บเลต ออกจากกระเป๋าไหมคะ / ครับ

  1. Hotel / Accommodation (โรงแรม)
  • Hi, my name is (your name). I have a reservation / booking for tonight.

สวัสดีค่ะ / ครับ ฉันชื่อ (ชื่อของคุณ) ฉันได้จองห้องพักไว้สำหรับคืนนี้

ตัวอย่าง: Hi, my name is Paul. I have a reservation for tonight.

สวัสดีครับ ผมชื่อพอล ผมได้จองห้องพักไว้สำหรับคืนนี้

  • I have a question. Is breakfast included in the room price?

ฉันมีคำถามค่ะ / ครับ มื้อเช้านี้รวมอยู่ในราคาห้องพักแล้วหรือยังคะ / ครับ

  • I would like a room with twin / double bed (with extra bed) for my room.

ฉันขอห้องเตียงคู่ / เตียงเดี่ยว (พร้อมเตียงเสริม) สำหรับห้องของฉันด้วยนะคะ / ครับ

  • What time can we check in / What time do we need to check out?

เราสามารถเช็กอินได้ตอนกี่โมง / เราจะต้องเช็กเอาท์ตอนกี่โมง

  • I have to go outside, where can I leave my luggage before check-in time?

ฉันจะต้องออกไปข้างนอกก่อน ฉันสามารถฝากกระเป๋าสัมภาระก่อนเวลาเช็กอินไว้ที่ไหนได้บ้างคะ / ครับ

  1. Directions (สอบถามเส้นทาง)
  • I think I get lost. How do I get to (place)?

ฉันคิดว่า ฉันหลงทาง ฉันจะไปที่ (สถานที่) ได้อย่างไรคะ / ครับ

ตัวอย่าง: I think I get lost. How do I get to the national library?

ผมคิดว่า ผมหลงทางน่ะ ฉันจะไปที่หอสมุดแห่งชาติได้อย่างไร

  • Could you help me please? Now I’m looking for (place).

รบกวนคุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม ตอนนี้ฉันกำลังหา (สถานที่) อยู่ค่ะ / ครับ

ตัวอย่าง: Could you help me please? Now I’m looking for a coffee shop nearby.

รบกวนคุณช่วยฉันหน่อยได้ไหมคะ ตอนนี้ฉันกำลังหาร้านกาแฟใกล้ ๆ แถวนี้อยู่ค่ะ

  • Do you know what’s the best / fastest way to go to (place) from here?

คุณรู้ไหมคะ / ครับ ว่า ทางไหนคือทางที่ดีที่สุด / เร็วที่สุดในการเดินทางไป (สถานที่) จากที่นี่

ตัวอย่าง: What’s the fastest way to go to White Beach from here?

คุณรู้ไหมครับว่า ทางไหนคือทางเร็วที่สุดในการเดินทางไปชายหาดขาวจากที่นี่

  • Where is the nearest (place)?

(สถานที่) ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหนคะ / ครับ

ตัวอย่าง: Where is the nearest bank / supermarket / gas station / hotel?

ธนาคาร / ซุปเปอร์มาร์เก็ต / ปั๊มน้ำมัน ที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหนคะ / ครับ

  • How far is it? / How close is it from here?

มันอยู่ไกลแค่ไหน / มันอยู่ใกล้แค่ไหนคะ / ครับจากที่นี่

  1. Restaurant (ร้านอาหาร)
  • I have booked a table for (number of seat) at (time) under (your name).

ฉันจองโต๊ะอาหารไว้สำหรับ (จำนวนที่นั่ง) คน ตอน (เวลา) ในชื่อ (ชื่อของคุณ)

ตัวอย่าง: I have booked a table for three at 6 P.M. under Billy.

ผมได้จองโต๊ะอาหารไว้สำหรับสามคน ตอน 6 โมงเย็นในชื่อบิลลี่ครับ

  • Could I have a few minutes with menu, please?

ขอรบกวนดูเมนูอาหารสักครู่นะคะ / ครับ

  • I think we are ready to order. I would like to order / have (food/drink), please.

ฉันพร้อมสั่งอาหารแล้วค่ะ / ครับ ฉันขอสั่ง (เมนูอาหาร) ค่ะ / ครับ

  • Do you have any specials today? / What do you recommend?

ทางร้านมีเมนูพิเศษสำหรับวันนี้ไหม / คุณมีเมนูอะไรแนะนำบ้างคะ / ครับ

  • Could I have the check / bill, please?

รบกวนคิดเงินให้ด้วยค่ะ / ครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


SECOM ทุ่มเปิดสำนักงานใหญ่-ศูนย์ควบคุมความปลอดภัยในไทย

SECOM เปิดตัวสำนักงานใหญ่และศูนย์ควบคุมแห่งใหม่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัวโซลูชั่น “Hybrid Security” ความปลอดภัยที่ผสาน Human Intelligence กับ AI และระบบควบคุมขั้นสูง

นายคิโยชิ โมริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทรักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด แบรนด์ระบบรักษาความปลอดภัยชั้นนำจากญี่ปุ่น กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ SECOM ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งในแง่จำนวนสัญญาและรายได้ โดย SECOM ตั้งเป้าที่จะขยายธุรกิจเพิ่มเติมเพื่อส่งมอบ “peace-of-mind” อย่างแท้จริงให้แก่คนไทย ในยุคที่โซลูชันความปลอดภัยและความต้องการมีความหลากหลายมากขึ้น ในฐานะผู้ให้บริการความปลอดภัยอันดับ 1 ของญี่ปุ่น ซึ่งมีประสบการณ์และโซลูชันที่ครบครัน เราพร้อมที่จะนำเสนอบริการที่เหมาะสมที่สุดแก่ลูกค้าของเราในทุกกลุ่ม”

สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ SECOM ซึ่งตั้งอยู่ที่ KingBridge Tower กรุงเทพฯ ถือเป็นการรวมศูนย์ Operations Hub, Control Center และ Showroom เข้าไว้ในพื้นที่เดียวกัน  ช่วยเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานแบบเรียลไทม์ และยังเปิดให้พันธมิตรธุรกิจและลูกค้าได้เข้าเยี่ยมชม Demo House และ Demo Café เพื่อสัมผัสประสบการณ์จริง

นอกจากนี้ยังมีศูนย์ควบคุม (Control Center) ที่มีบทบาทสำคัญในบริการเฝ้าระวังของ SECOM  ซึ่งในประเทศไทยมีผู้ให้บริการไม่มากนักที่เสนอบริการประเภทนี้ จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ SECOM ได้รับความไว้วางใจจากหลากหลายธุรกิจศูนย์ควบคุมแห่งใหม่นี้สร้างขึ้นบนหลักการวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) โดยมีระบบไฟฟ้าและเครือข่ายสำรอง รวมถึงระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติที่อิงตามข้อตกลงระดับบริการ (SLA) ซึ่งเชื่อมต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยดับเพลิง และบริการฉุกเฉิน เพื่อการตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างทันท่วงที

“ในประเทศไทย ด้วยนโนบายภาครัฐที่มีการปรับค่าแรงขั้นต่ำอย่างต่อเนื่องและนโยบายการจ่ายค่าล่วงเวลาในวันหยุด ส่งผลให้ต้นทุนบริการเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสูงขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่มีบริษัทรักษาความปลอดภัยรายอื่นใดที่ให้บริการเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันพร้อมการดำเนินงานแบบรวมศูนย์”

นายโมริยะกล่าวเสริมอีกว่า “SECOM กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมด้วย Hybrid Security ซึ่งเป็นรูปแบบที่รวมบุคลากรในสถานที่เข้ากับเทคโนโลยีที่ใช้ระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและยกระดับคุณภาพความปลอดภัย การดำเนินงานทั่วประเทศของเราได้รับการสนับสนุนจาก สาขาบริการกว่า 50 แห่ง ช่วยให้เราสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้แบบเรียลไทม์

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นของเรานั้น ไม่เพียงแต่คอยเฝ้าระวังเหตุการณ์และแจ้งเตือนลูกค้าเท่านั้น กรณีฉุกเฉินศูนย์ควบคุมจะประสานงานโดยตรงกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองทันที เราเชื่อว่า SECOM Hybrid Security จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการรักษาความปลอดภัยในยุคที่ AI มาก่อน ซึ่งองค์กรต่างๆ ไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างเทคโนโลยีหรือมนุษย์  แต่สามารถผสานทั้งสองสิ่งเข้าด้วยกันได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพสูงสุด” 

B2B โซลูชั่น ที่ยืดหยุ่นตามขนาดธุรกิจ

บริการที่ SECOM แนะนำมากที่สุดคือ “ระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร” (Comprehensive Security) ซึ่งเป็นระบบโซลูชั่นที่ออกแบบให้ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ร้านค้าปลีก คลังสินค้า และโรงงาน บริการนี้ครอบคลุมถึง เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว, สัญญาณเตือนไฟไหม้พร้อมการเฝ้าระวังโดยผู้เชี่ยวชาญตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน รวมถึง แอปพลิเคชันมือถือ, การบำรุงรักษาประจำปี และประกันภัย ซึ่งทั้งหมดนี้รวมอยู่ในแผนเดียวที่ยืดหยุ่นตามขนาดธุรกิจได้

นาย เอกรัฐ วิภาณุรัตน์ กรรมการบริษัทรักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด กล่าวว่า “ เรามองการรักษาความปลอดภัยเป็นโครงสร้างพื้นฐานของการทำธุรกิจยุคใหม่ SECOM จึงนำเสนอระบบรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมและยืดหยุ่นกับความต้องการของแต่ละองค์กร โดยไม่จำกัดขนาดหรืออุตสาหกรรม ลูกค้าที่เป็น B2B ส่วนใหญ่โดยเฉพาะในภาคการผลิต มักต้องใช้พนักงาน Security Guard หลายอัตรา  ซึ่งภายใต้ระบบปฏิบัติการของ SECOM ลูกค้าสามารถควบคุมอุปกรณ์หรือดูสถานะระบบผ่านแอปพลิเคชัน เว็บพอร์ทัล หรือควบคุมโดยตรงผ่านอุปกรณ์ พร้อมบริการหลังการขาย โดยมีการรับประกันอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยตลอดอายุสัญญาและบริการบำรุงรักษาอุปกรณ์ฟรี 1 ครั้งต่อปี นอกจากนี้เพื่อความอุ่นใจสูงสุด เรายังมีวงเงินประกันภัยความรับผิดชอบต่อสมรรถภาพระบบและประกันโจรกรรมทรัพย์สิน รวมอยู่ใน SECOM Comprehensive Security ซึ่งทั้งหมดนี้รองรับการให้บริการแบบ Subscription และ On-demand ที่ปรับขนาดได้ตามการเติบโตขององค์กร พร้อมรองรับลูกค้าที่มีหลายสาขาทั่วประเทศ”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“ลำไย” ผลไม้ไทยประโยชน์เยอะ ต้านมะเร็ง เคล็ดลับวิธีกินไม่ให้ร้อนใน

ลำไย ผลไม้รสหวานฉ่ำที่ใครหลายคนโปรดปราน ไม่เพียงแต่อร่อย ยังอุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง เสริมภูมิคุ้มกัน และบำรุงสมอง

แต่หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ “ร้อนใน” หลังทานลำไย เช่น เจ็บคอ เป็นแผลในปาก ปากแห้ง หรือท้องผูก สาเหตุหลักมาจาก “ลำไยเป็นผลไม้ธาตุร้อน” ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน และมีน้ำตาลธรรมชาติสูง หากกินมากเกินไปอาจส่งผลให้ร่างกายเสียสมดุล

ทำไมลำไยถึงทำให้ร้อนใน?

  • ลำไยมีฤทธิ์ร้อน ตามหลักแพทย์จีน ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต แต่หากรับมากเกินไปจะทำให้หยางเกินจนเกิดอาการร้อนใน
  • น้ำตาลสูง เช่น กลูโคสและฟรุกโตส ทำให้ระบบย่อยและเผาผลาญทำงานหนัก เพิ่มความร้อนภายใน
  • อาการที่พบได้ เช่น ปากแห้ง เจ็บคอ แผลในปาก ท้องผูก ตัวร้อน

เคล็ดลับกินลำไยไม่ให้ร้อนใน

1.แช่ลำไยในน้ำเกลือ

วิธีง่ายที่ช่วยลดฤทธิ์ร้อนและปรับรสหวานให้กลมกล่อมขึ้น

วิธีทำ

  • ผสมน้ำสะอาด 1 ลิตร กับเกลือ 1 ช้อนชา
  • แช่ลำไยปอกเปลือกไว้ประมาณ 10–15 นาที
  • ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนรับประทาน

เคล็ดลับเสริม

  • แช่ทั้งเปลือกได้ โดยเพิ่มเวลานิดหน่อย (15–20 นาที)
  • แช่น้ำเกลือเย็นเพื่อเพิ่มความกรอบ

2.ดื่มน้ำเกลือหรือน้ำเปล่าหลังทาน

ช่วยลดความร้อนภายใน โดยผสมน้ำเปล่า 1 แก้วกับเกลือ ½ ช้อนชา

3.กินคู่กับผลไม้ฤทธิ์เย็น

มังคุด แตงโม ชมพู่ ส้มโอ แอปเปิล แคนตาลูป เป็นต้น ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย

ลำไย: ผลไม้ต้านมะเร็งตามงานวิจัย

  • สารแกลโลแทนนิน (Ellagic acid) ในเนื้อลำไย ช่วยกระตุ้นการตายของเซลล์มะเร็งโดยไม่กระทบเซลล์ปกติ
  • เมล็ดลำไยมีสารโพลีฟีนอล เช่น เคอร์ซิทิน และแทนนิน ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และยับยั้งเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่
  • สาร Lignin และ polysaccharides ในลำไยยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา

คุณค่าทางโภชนาการของลำไย (ต่อ 100 กรัม)
พลังงาน: 73 กิโลแคลอรี

น้ำตาล: 18 กรัม

วิตามินซี: 69.2 มิลลิกรัม

โปรตีน: 0.97 กรัม

คาร์โบไฮเดรต: 16.98%

ไขมันต่ำ ใยอาหารเล็กน้อย

สรรพคุณตามแพทย์แผนไทยและจีน

  • บำรุงหัวใจ ประสาท และม้าม
  • ช่วยให้นอนหลับดี ลดเครียด
  • บำรุงเลือด แก้อ่อนเพลีย
  • เนื้อผล: ช่วยบำรุงกำลัง เหมาะกับผู้หญิงหลังคลอด
  • เมล็ด: ลดอาการปวด กระเพาะอักเสบ ห้ามเลือด
  • เปลือก: ทาแผลน้ำร้อนลวก ลดแผลเป็น
  • รากและใบ: แก้ช้ำใน ตกขาว หวัด มาลาเรีย

ควรกินลำไยเท่าไรดี?

  • ลำไยสด: 6-10 ผลต่อวัน
  • ลำไยแห้ง: ไม่เกิน 2-3 เม็ด เนื่องจากน้ำตาลเข้มข้น
  • ผู้ที่เป็นเบาหวาน ระบบย่อยไม่ดี หรือเป็นหวัดควรหลีกเลี่ยง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 07/08/2568 

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,550.0051,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,332.0050,513.1252,450.00
ทองรูปพรรณ 90%2,998.8045,461.81n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,665.6040,410.50n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,499.4022,730.90n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,166.2017,679.59n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,452.8552,345.21n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 07/08/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.8532.8533.3532.8532.8532.8532.8532.8532.8532.85
แก๊สโซฮอล์ 9132.4832.4832.9832.4832.4832.4832.4832.4832.4832.48
แก๊สโซฮอล์ E2030.6430.6431.1430.6430.6430.6430.6430.6430.64
แก๊สโซฮอล์ E8528.9928.9928.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.4449.8449.8449.8441.44
เบนซิน 9541.1449.8141.6441.2941.14
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า