สาระน่ารู้ประจำวันที่ 08 พฤศจิกายน 2567

REIC คาดการณ์ปี 2568 บ้านจัดสรร-ห้องชุด ปรับขึ้นราคา

REIC คาดการณ์ปี 2568 บ้านจัดสรร-ห้องชุด ปรับขึ้นราคา หลังดัชนีราคาที่อยู่อาศัยปรับขึ้นทุกไตรมาส ขณะไตรมาส4สัญญาณบวกคนซื้อบ้าน  

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รายงานดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่และห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2567 พบทิศทางการปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุน ทำให้ค่าดัชนียังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับจากปี 2566

โดยบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างรอการขาย มีค่าดัชนีเท่ากับ 130.7 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่ห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย มีค่าดัชนีเท่ากับ 159.2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ด้านดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐานขยับเพิ่มร้อยละ 3.9

สะท้อนแนวโน้มบ้านจัดสรรและห้องชุดใหม่ในปี 2568 มีราคาเพิ่มสูงขึ้น ธอส. แนะช่วงที่เหลือของปี 2567ถือเป็นโอกาสทองของคนซื้อบ้าน เพราะยังมีที่อยู่อาศัยในราคาต้นทุนเดิมให้เลือกซื้อ และยังได้สิทธิ์ตามมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ในการลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนอง รวมถึงสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำจาก ธอส. อีกด้วย 

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รายงานสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในมิติด้านราคาประจำไตรมาส 3 ปี 2567 จากการติดตามการเปลี่ยนแปลงราคาเสนอขายที่อยู่อาศัยทั้งประเภทโครงการบ้านจัดสรรใหม่ และห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย โดย REIC

พบว่า ค่าดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว ขณะที่ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น เช่น ราคาที่ดิน การปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ รวมถึงราคาน้ำมัน ส่งผลให้โครงการที่อยู่อาศัยใหม่ที่เปิดขายในปี 2566 – 2567 มีราคาสูงขึ้นตามต้นทุนดังกล่าว

เมื่อพิจารณาตามประเภทที่อยู่อาศัยพบว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในภาพรวมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2567 ดัชนีมีค่าเท่ากับ 130.7 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.8 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 8 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2565

แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 (QoQ) พบว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรลดลงร้อยละ -0.7 ซึ่งดัชนีลดลงเป็นครั้งแรกเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยบ้านจัดสรรในปริมณฑล 3 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี และ สมุทรปราการ) มีแนวโน้มราคาลดลงมากกว่าบ้านจัดสรรในกรุงเทพฯ

ทั้งนี้ พบว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ค่าดัชนีเท่ากับ 129.4 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ขณะที่ใน 3 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี ปทุมธานีและ สมุทรปราการ) มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.2 ลดลงร้อยละ -0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY)และลดลงร้อยละ -2.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) การลดลงดังกล่าวเป็นผลมาจากมีจำนวนบ้านจัดสรร
สร้างเสร็จเหลือขายอยู่ในพื้นที่ พบว่า ณ ครึ่งแรกของปี 2567 มีบ้านจัดสรรสร้างเสร็จเหลือขายจำนวนประมาณ25,500 หน่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มของทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 2.01 – 5.00 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวระดับราคา 5.01 – 7.5 ล้านบาท มีสัดส่วนสร้างเสร็จเหลือขายสูงสุด ส่งผลให้เกิดปรับลดราคาขายลงสำหรับบ้านจัดสรร
ในกลุ่มนี้เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ

สำหรับความเคลื่อนไหวด้านดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 3ปี 2567 พบว่า มีค่าดัชนีเท่ากับ 159.2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) โดยสังเกตได้ว่าดัชนีราคาห้องชุดใหม่ ที่อยู่ระหว่างการขาย ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3 ไตรมาส เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากในพื้นที่ 2 จังหวัดปริมณฑล (สมุทรปราการ และ นนทบุรี) โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

 เมื่อแยกตามพื้นที่ พบว่า กรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 161.6 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ขณะที่ 2 จังหวัดปริมณฑ (สมุทรปราการและ นนทบุรี) มีค่าดัชนีเท่ากับ 148.0 เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ)

 ทั้งนี้ ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลมาจากต้นทุนการพัฒนาโครงการเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงยังมีความต้องการห้องชุดอยู่ในบางพื้นที่ ส่งผลให้บางทำเลดัชนีราคาปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยทำเลที่มีราคาห้องชุดใหม่ในกรุงเทพฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

ได้แก่โซนห้วยขวาง-จตุจักร-ดินแดง โดยส่วนใหญ่เป็นห้องชุดในระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท  และทำเล 2 จังหวัดปริมณฑล (สมุทรปราการ และ นนทบุรี) ที่มีราคาห้องชุดใหม่ปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ได้แก่ โซนเมืองสมุทรปราการ-พระประแดง-พระสมุทรเจดีย์ โดยห้องชุดที่ปรับราคาส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา2.01 – 3.00 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามผลสำรวจภาคสนามจาก REIC พบว่า ณ ครึ่งแรกของปี 2567 มีห้องชุดสร้างเสร็จเหลือขายจำนวน 22,557 หน่วย และห้องชุดในระดับราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท มีหน่วยที่สร้างเสร็จเหลือขายสูงสุดส่งผลให้เกิดการแข่งขันทางการตลาดสำหรับห้องชุดในกลุ่มนี้เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ

นอกจากนี้ จากการติดตามดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้าน ณ ไตรมาส 3 ปี 2567 พบว่า มีค่าเท่ากับ 139.4 โดยงานออกแบบก่อสร้างและงานระบบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 หมวดวัสดุก่อสร้างโดยภาพรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2567 ขณะที่ค่าแรงงานมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการปรับเพิ่มขึ้นของราคาบ้านนับจากนี้เป็นต้นไป

ดังนั้น จากการรายงานดัชนีราคาที่อยู่อาศัย REIC สรุปได้ว่า ราคาบ้านจัดสรร และราคาห้องชุด มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ผู้ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านจัดสรร และห้องชุด
ควรตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 นี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ราคา
ที่อยู่อาศัยจะขายในราคาต้นทุนเดิม ขณะเดียวกัน ผู้ที่ตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยภายในปีนี้ยังจะได้รับสิทธิ์ตามมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลในการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียม
การจดจำนอง เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่มีราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 7 ล้านบาทต่อสัญญา นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีโอกาสเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำของ ธอส. ที่รองรับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


5 เคล็ด (ไม่) ลับ “มนุษย์เงินเดือน” จบภาระผ่อนบ้านไว ง่ายๆทำได้จริง ฟังทางนี้

5 เคล็ด (ไม่) ลับมนุษย์เงินเดือน จบภาระบ้านไว ง่ายๆทำได้จริง “ทีทีบี” เปิด5 แนวทาง ช่วยบริหารจัดการเงิน สามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ตามฝันได้ไม่ยาก

การมีบ้านหรือคอนโดมิเนียมเป็นของตัวเอง อาจเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของมนุษย์เงินเดือนหลายๆ คน ด้วยหลากหลายเหตุผล เช่น เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต ขยับขยายที่อยู่เพื่อเริ่มสร้างครอบครัว หรือ มีความคุ้มค่าในระยะยาว แทนการเช่าอยู่อาศัย  

อย่างไรก็ตาม การผ่อนอสังหาริมทรัพย์แต่ละประเภทโดยมากสัญญากู้จะเป็นระยะยาวอยู่ที่ราว ๆ 30 ปี กินเวลาถึงครึ่งค่อนชีวิตกว่าจะถึงฝั่งฝัน และวงเงินค่างวดที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารนั้น ๆ ประกอบกับเงินงวดของทุกเดือนจะถูกแบ่งเป็น “ชำระดอกเบี้ย” และ “ชำระเงินต้น” ส่งผลให้พนักงานเงินเดือนอาจท้อใจได้  

 ทีทีบี (ธนาคารทหารไทยธนชาต)ในฐานะธนาคารผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อบ้านจึงขอแนะนำ 5 เคล็ดลับ สำหรับมนุษย์เงินเดือน ในการช่วยบริหารจัดการเงิน ให้ปิดจบภาระหนี้บ้านได้ไวกว่าที่วางแผนไว้ และสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ตามฝันได้ไม่ยาก ดังนี้

1.การปัดเศษค่างวดให้เป็นเลขกลมๆ เท่าที่ผ่อนไหว แต่ต้องไม่เพิ่มจนตึงเกินไป เน้นทำได้อย่างสมํ่าเสมอทุกเดือนในระยะยาว เช่น ปกติจ่ายค่างวดบ้านเดือนละ 13,500 บาท ปัดให้เป็น 15,000 บาท นั่นหมายความว่าจ่ายเพิ่มอีกเดือนละ 1,500 บาท ซึ่งเงินส่วนเกินนี้อาจจะดูไม่มากนัก แต่ในระยะยาวหากทำอย่างสมํ่าเสมอเป็นประจำทุกเดือน ก็จะช่วยลดเงินต้นได้โดยไม่ต้องรอเงินก้อน

 2. โปะเงินก้อน สำหรับพนักงานเงินเดือนที่มีรายจ่ายต่อเดือนค่อนข้างมาก ไม่อาจทำตามเทคนิคแรกได้อย่างสมํ่าเสมอทุกเดือน อาจเลือกวิธีช่วยลดเงินต้นด้วยการโปะเงินก้อน เช่น เงินโบนัสปลายปี เมื่อได้มาแล้วให้ทำการแบ่งบางส่วนไปโปะหนี้บ้าน ก็จะทำให้เงินต้นลดลง ช่วยประหยัดค่าดอกเบี้ยไปได้อีก ซึ่งการโปะเงินก้อนนั้นยิ่งทำในปีแรก ๆ ที่ผ่อนบ้านจะยิ่งดี เพราะเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างตํ่า ทำให้สามารถลดเงินต้นได้มากขึ้น

3. รีไฟแนนซ์บ้าน เทคนิคยอดฮิตที่ช่วยลดดอกเบี้ยได้จริง โดยปกติแล้วจะสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ทุก 3 ปี ซึ่งเป็นการขอยื่นกู้สินเชื่อบ้านเพื่อย้ายจากธนาคารเจ้าหนี้เดิมไปอยู่กับธนาคารใหม่ เพื่อรับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง แต่การย้ายธนาคารนั้นจะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ตามมาด้วย ดังนั้น ก่อนทำการรีไฟแนนซ์บ้านจึงต้องคำนวณก่อนว่า เมื่อหักลบกับค่าดำเนินการทั้งหมดแล้ว เราจ่ายน้อยลงกว่าเดิมจริงหรือไม่

 4. การรีเทนชั่น อีกเทคนิคหนึ่งสำหรับคนที่ไม่อยากย้ายรีไฟแนนซ์ไปต่างธนาคาร ก็สามารถยื่นเรื่องขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับธนาคารเดิมที่เรากำลังผ่อนบ้านอยู่ได้เช่นกัน เพื่อให้ธนาคารพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยใหม่ให้ตํ่าลง โดยไม่ต้องเสียเวลาทำเรื่องยื่นเอกสารใหม่ อย่างไรก็ตามแม้ว่ารีเทนชั่น ดูเหมือนจะเป็นวิธีการที่สบายกว่า แต่ส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับจะลดลงไม่เยอะมากเมื่อเทียบกับการรีไฟแนนซ์ไปธนาคารใหม่ แต่ก็ถือว่าตํ่ากว่าปีที่ 4 ที่ปรับขึ้นมาเป็นดอกเบี้ยลอยตัว

 5. เงินต้นลด อย่าลดค่างวด หลังจากรีไฟแนนซ์บ้าน/รีเทนชั่นแล้ว ค่างวดต่อเดือนจะลดลงเนื่องจากได้อัตราดอกเบี้ยใหม่ที่ตํ่าลง แต่หากต้องการปิดหนี้บ้านให้ไวขึ้น ควรจ่ายค่างวดเท่าเดิม เพื่อนำส่วนต่างของค่างวดไปลดเงินต้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ผ่อนบ้านหมดได้ไวยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องโปะเงินก้อน

 สำหรับ 5 เทคนิคข้างต้นนี้ เปรียบเสมือนคู่มือสำคัญที่ช่วยนำทางให้พนักงานเงินเดือนปลดล็อกภาระหนี้บ้านสู่อิสรภาพทางการเงินและเป็นเจ้าของบ้านได้ไวขึ้น โดยเฉพาะการรีไฟแนนซ์บ้านทุก 3 ปี ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะสกัดดอกเบี้ยบ้านไม่ให้เพิ่มพูน ซึ่งมนุษย์เงินเดือนที่ยังอยู่ในวังวนหนี้บ้านสามารถนำเทคนิคต่าง ๆ ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับแนวทางการบริหารจัดการการเงินและความพร้อมส่วนบุคคลของแต่ละคน จะช่วยให้ปิดหนี้บ้านได้ไวกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

               สำหรับพนักงานเงินเดือนที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน สินเชื่อบ้าน รีไฟแนนซ์ ทีทีบี ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้ประหยัดดอกเบี้ยได้มากถึงหลักแสนบาท และเป็นทางลัดที่ช่วยให้หลาย ๆ คนปิดหนี้บ้านได้เร็วขึ้น  ซึ่งตอนนี้ทีทีบีมีโปรโมชันส่งท้ายปี ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ด้วยดอกเบี้ยพิเศษคงที่ปีแรก เพียง 1.90% ต่อปี (จากปกติ 2.25% ต่อปี) หรือ ทางเลือกดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก เพียง 3.29% ต่อปี (จากปกติ 3.49% ต่อปี) พร้อมฟรี! ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์ ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัย และทางเลือกดอกเบี้ยพิเศษ ฟรีค่าจดทะเบียนจำนอง ทั้งยังผ่อนได้นานสูงสุด 35 ปี วงเงินอนุมัติสูงสุด 100% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ หรือ 50 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีทั้งในวันนี้ และอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 8พ.ย. “แข็งค่าขึ้นมาก” ที่ระดับ 34.02 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 33.90-34.25 บาทต่อดอลลาร์จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง หากนักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทย

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 8พ.ย.2567 ที่ระดับ  34.02 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  34.28 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น อาจทำให้โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทชะลอลงบ้าง

แต่เราจะยังคงมั่นใจต่อมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงได้ ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้กลับมาแข็งค่าขึ้นจนทะลุโซนแนวรับ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน (ตามกลยุทธ์ Trend-Following)

ทั้งนี้ ในระยะสั้น เงินบาทก็อาจแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 33.90-34.25 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อนได้ จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเรามองว่า เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้บ้าง หากนักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทย

ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทดังกล่าวก็อาจถูกชะลอลงบ้าง ตราบใดที่ราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ ซึ่งอาจจะขึ้นกับทิศทางของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางเช่นกัน

อนึ่ง ในช่วงหลังจากตลาดรับรู้ทั้งผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ และผลการประชุม FOMC ของเฟดล่าสุด เรามองว่า ควรจับตาสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยเช่นกัน เพราะความวุ่นวายของสถานการณ์การเมืองไทย อาจเป็นปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้

ในกรณีที่บรรดานักลงทุนต่างชาติเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทย หรืออย่างน้อยก็ไม่ได้ช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินบาท เพราะนักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์ไทย จนกว่าจะมั่นใจในสถานการณ์

ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาด ลักษณะ Two-Way Volatility ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงการปรับมุมมองต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางไปมา ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.95-34.20 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (กรอบการเคลื่อนไหว 33.92-34.31 บาทต่อดอลลาร์)

หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่เผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลัง ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ปรับลดดอกเบี้ยลง -25bps สู่ระดับ 4.75% ตามที่เราประเมินไว้

ทว่า BOE กลับไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง ทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า BOE มีโอกาสน้อยราว 22% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธันวาคม

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันจากการทยอยขายทำกำไรธีม Trump Trades ซึ่งก็มีส่วนกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเช่นกัน และการปรับตัวลดลงของ

ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีส่วนหนุนให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) รีบาวด์ขึ้นต่อเนื่อง สู่โซน 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ขึ้นราว +50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ของราคาทองคำ โดยโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงแถวโซนแนวรับ 33.90-34.00 บาทต่อดอลลาร์ ตามการรีบาวด์ขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ หลัง ที่ประชุม FOMC ของเฟด ได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง -25bps สู่ระดับ 4.50%-4.75% ตามที่เราคาด

ทว่าเฟด รวมถึงประธานเฟดก็ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง อีกทั้งเฟดก็ไม่ได้แสดงความมั่นใจว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่เป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน

พร้อมกับแสดงความกังวลต่อแนวโน้มตลาดแรงงานเหมือนในการประชุมรอบก่อน ซึ่งอาจเป็นเพราะผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ทำให้เฟดและประธานเฟดมีท่าทีดังกล่าวได้ ส่งผลให้บรรดาผู้เล่นในตลาดคงเชื่อว่า

เฟดอาจทยอยลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่เฟดได้ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน (ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดมีโอกาสราว 76% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2025 น้อยกว่าที่เฟดมองว่าจะลดดอกเบี้ย 4 ครั้ง)

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Meta +3.4%, Nvidia +2.3% ที่ได้อานิสงส์จากการทยอยปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

และการเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาดจากความหวังอานิสงส์เชิงบวกจากนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ทว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ถูกกดดันบ้าง จากแรงขายทำกำไรหุ้นธีม Trump Trades เช่น กลุ่มการเงิน (JPM -4.3%) ทำให้โดยรวม ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq พุ่งขึ้น +1.51% ส่วนดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น +0.74%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้น +0.62% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มเทคฯ อาทิ SAP +3.6%, ASML +2.3%

ขณะเดียวกัน ความหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจากแนวโน้มการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ก็ช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมและกลุ่มเหมืองแร่ ต่างปรับตัวขึ้น

อาทิ Hermes +3.1%, Rio Tinto +3.1% แต่ตลาดหุ้นยุโรปก็ถูกกดดันบ้าง จากแรงขายบรรดาหุ้นอังกฤษ หลัง BOE ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลดลง สู่โซน 4.35% ตามแรงซื้อของผู้เล่นในตลาดที่ต่างรอจังหวะให้บอนด์ยีลด์ระยะยาว ปรับตัวขึ้น รับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

โดยเฉพาะในกรณี Republican Sweep หรือ กรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี การปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ชะลอลงบ้าง หลัง เฟดไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่อง

ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างเตรียมประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟด โดยเริ่มเห็นบรรดานักวิเคราะห์ต่างชาติ ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด อาทิ เฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียง 1-2 ครั้งในปีหน้า ขณะที่ Dot Plot เดือนกันยายนของเฟด ระบุว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม 4 ครั้ง ในปีหน้า

ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้น สู่ระดับที่มีความน่าสนใจ และมี Risk-Reward ที่คุ้มค่า ทำให้เราคงแนะนำให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะบอนด์ยีลด์ ปรับตัวสูงขึ้น เพื่อทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ตามแรงขายทำกำไรธีม Trump Trades อีกทั้งเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ก็กลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ตามท่าทีของ BOE ที่ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง หลังเฟดก็ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยลงต่อเนื่องที่ชัดเจน เช่นกัน ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่โซน 104.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.2-104.9 จุด) 

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลดลงของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) สามารถรีบาวด์ขึ้นสู่โซน 2,710-2,720 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะหลังรับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) เดือนพฤศจิกายน ซึ่งอาจมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 71 จุด ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า

พร้อมกันนั้นผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้น และระยะยาว ที่อาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้ 

นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะกลับมาเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“วิว กุลวุฒิ-“พิ้งค์ พิชฌามลณ์” ตบเจ้าถิ่นทะลุรอบสองแบดมินตันโคเรีย มาสเตอร์ส

“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ชายเดี่ยวมือ 5 ของโลก และ “พิ้งค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ หญิงเดี่ยวดาวรุ่งไทย ต่างประเดิมสนามในแบดมินตันโคเรีย มาสเตอร์ส 2024 ได้อย่างยอดเยี่ยม ผ่านเข้ารอบสองไปได้สำเร็จ

การแข่งขันแบดมินตันนรายการ โคเรีย มาสเตอร์ส 2024 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 300 ชิงเงินรางวัลรวม  210,000 เหรียญสหรัฐ  หรือประมาณ 7,140,000 บาท ที่เมืองอิกซัน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันพุธที่ 6 พ.ย.67 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบแรก มีนักแบดมินตันไทยลงสนาม 6 คู่

ประเภทชายเดี่ยว รอบแรก “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือวางอันดับ 1 ของรายการ มืออันดับ 5 ของโลก พบกับ จอง มินซอน มืออันดับ 226 ของโลกจากเกาหลีใต้ ที่มาจากรอบคัดเลือก

เกมนี้ วิว กุลวุฒิ ก็ต้องเล่นถึง 3 เกมก่อนที่จะเอาชนะไปแบบสนุก 2-1 เกม 21-16,17-21 และ 21-7 วิว กุลวุฒิ ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับรุ่นน้องร่วมชาติอย่าง “อิคคิว” พณิชพล ธีระรัตน์สกุล มืออันดับ 58 ของโลก ที่เอาชนะ เอ็นริโก อาซุนซิออน มืออันดับ 146 ของโลกจากสหรัฐ 2 เกมรวดเช่นกัน 21-14 และ 21-14 

ประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก “พิ้งค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ มืออันดับ 132 ของโลก พบกับ คิม ซองมิน มืออันดับ 985 ของโลกจากเกาหลีใต้ 

เกมนี้ “พิ้งค์” พิชฌามลณ์ เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ตบเอาชนะไปแบบขาดลอย 2-0 เกม 21-12 , 21-9 “พิ้งค์” พิชฌามลณ์ ผ่านเข้าสู่รอบสองไปพบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง โทโมกะ มิยาซากิ มือวางอันดับ 1 ของรายการ มืออันดับ 13 ของโลกจากญี่ปุ่น ที่เอาชนะ เฉิน ซูหยู มืออันดับ 126 ของโลกจากไต้หวัน มาได้ 2-0 เกม 21-17 , 21-15  , ณัฏฐ์นลิน รัตนภาณุวงศ์ แพ้ให้กับ หลิน เซียงตี้ มือวางอันดับ 7 ของรายการจากไต้หวัน 0-2 เกม 6-21 , 9-21

ประเภทคู่ผสม รอบแรก  “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์ณิชา สุดใจประภารัตน์ คู่มือวางอันดับ 5 ของรายการ คู่มืออันดับ 31 ของโลก เอาชนะ หมิง ฉีลู่ กับ ฮุง เอ็นซื่อ คู่มืออันดับ 57 ของโลกจากไต้หวันไป 2-0 เกม 21-17 , 21-16 “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค  กับ “เจน” เฌอย์ณิชา ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ ลี ซังวอน กับ คิม โบยอง คู่จากเกาหลีใต้ 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


ไขข้อข้องใจ ทำไมเราจึงมีอาการ “ผวาตกจากที่สูงขณะหลับ” (Hypnic Jerk)

คุณเคยรึเปล่าคะ นอนๆ อยู่กำลังจะเคลิ้มหลับ ก็ฝันว่าตกวูบจากที่สูง จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก่อนจะพบว่าตัวเองก็ยังคงนอนอยู่ที่เดิม อาการสะดุ้งที่เรียกว่าอาการ ผวาตกจากที่สูงขณะหลับ นั้นเป็นอาการที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง และสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่อาการนี้เป็นอันตราย หรือเป็นสัญญาณบ่งบอกโรคอะไรรึเปล่า หาคำตอบได้จากบทความนี้


ผวาตกจากที่สูงขณะหลับ คืออะไร?

อาการผวาตกจากที่สูงขณะหลับ (hypnic jerk) หมายถึงอาการกระตุกของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นเองขณะที่เรากำลังนอนหลับ ทำให้เราเกิดความรู้สึกคล้ายกับว่ากำลังตกจากที่สูง จนทำให้เราต้องผวาตื่น มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่เรากำลังมีอาการเคลิ้มๆ ใกล้จะหลับ ความรุนแรงของอาการกระตุกนั้นอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละคน บางคนอาจจะไม่รู้สึกว่ามีอาการกระตุก ในขณะที่บางคนอาจจะกระตุกแรงจนทำให้คนข้างๆ สังเกตเห็นได้ อาการนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นบ่อย และสามารถพบได้มากถึง 70% แต่ไม่จำเป็นต้องกังวลไป เพราะอาการนี้ไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติ หรือส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด


อาการที่อาจเกิดขึ้น จากอาการผวาตกจากที่สูงขณะหลับ 

  • กล้ามเนื้อบางส่วนของร่างกายกระตุก
  • รู้สึกเหมือนกำลังตกลงจากที่สูง
  • รู้สึกวูบ
  • มีความฝันที่ทำให้รู้สึกกลัว ตกใจ หรือหรือทำให้กระโดด
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • เหงื่อออก
  • หายใจเร็ว


สาเหตุของการเกิดอาการผวาตกจากที่สูงขณะหลับ

ตามปกติแล้ว สาเหตุในการเกิดอาการผวาตกจากที่สูงขณะหลับนั้นอาจจะยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ก็มีทฤษฎีบางอย่างที่คาดการณ์ว่า อาการนี้อาจจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยดังต่อไปนี้

  • การออกกำลังกายดึกเกินไป การออกกำลังกายจะเป็นการกระตุ้นร่างกาย ดังนั้นการออกกำลังกายดึกเกินไป หรือออกในช่วงใกล้กับเวลาที่จะนอน จะทำให้กล้ามเนื้อของคุณถูกกระตุ้น ไม่ผ่อนคลาย และอาจทำให้เกิดอาการผวาตกจากที่สูงขณะหลับได้
  • สารกระตุ้น สารบางอย่างที่มีฤทธิ์กระตุ้นสมองและร่างกาย เช่น คาเฟอีน นิโคติน หรือยาบางชนิด อาจทำให้คุณนอนหลับได้ยาก หรือนอนหลับไม่สนิทได้
  • ความเครียดและความกังวล ความตึงเครียดและความกังวลที่สะสมอยู่อาจทำให้คุณไม่สามารถผ่อนคลายและนอนหลับได้อย่างสนิท ความเครียดเหล่านี้จะทำให้สมองของคุณตื่นตัวในช่วงเวลานอน และอาจทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกขณะหลับได้
  • นอนหลับไม่เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ อาจนำไปสู่อาการผวาตกจากที่สูงขณะหลับได้

อาการผวาตกจากที่สูงขณะหลับป้องกันได้หรือไม่?

เนื่องจากอาการผวาตกจากที่สูงขณะหลับนั้นไม่ใช่โรค ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องทำการรักษาแต่อย่างใด แต่ในบางครั้ง อาการนี้ก็อาจรบกวนการนอนหลับ หรือทำให้คุณเกิดความรำคาญได้ไม่น้อย แต่โชคยังดีที่เราสามารถป้องกันการเกิดอาการผวาตกจากที่สูงขณะหลับได้อย่างง่ายๆ เพียงแค่ปรับไลฟ์สไตล์ดังต่อไปนี้

  1. ลดคาเฟอีน

ลดปริมาณการบริโภคคาเฟอีนต่างๆ ทั้งกาแฟ ชา น้ำอัดลม โดยเฉพาะในช่วงเย็นและก่อนนอน นอกจากนี้ก็ควรลดสารกระตุ้นอื่นๆ เช่น แอลกอฮอล์ หรือนิโคติน ที่อาจทำให้นอนหลับไม่สนิทอีกด้วย

  1. อย่าออกกำลังกายก่อนนอน

แม้ว่าการออกกำลังกายนั้นจะเป็นสิ่งที่ดี แต่การออกกำลังกายก่อนนอนจะเป็นการกระตุ้นร่างกายให้ตื่นตัว ทำให้ไม่สามารถข่มตานอนหลับได้ และอาจจะยิ่งเพิ่มโอกาสในการเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกขณะหลับได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรออกกำลังกายในช่วงกลางวัน เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาในการผ่อนคลายก่อนจะเข้านอน

  1. นอนให้เป็นเวลา

การนอนหลับให้เป็นเวลา จะทำให้ร่างกายสามารถจดจำเวลาที่ควรนอน และช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและลดความเครียดได้อีกมาก

  1. ปิดไฟนอน

งานวิจัยพบว่า แสงจะกระตุ้นให้สมองมีความตื่นตัว และทำให้เรามีโอกาสนอนหลับไม่สนิทและตื่นได้ง่ายกว่า ดังนั้นจึงควรนอนในห้องที่มืดสนิท และปิดไฟนอน ทำให้ร่างกายสามารถผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่ และลดโอกาสเกิดอาการผวาตกจากที่สูงขณะหลับ

  1. นั่งสมาธิก่อนนอน

การนั่งสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออกก่อนนอน จะช่วยทำให้จิตใจสงบ ลดความฟุ้งซ่านของสมอง ช่วยลดความเครียด และช่วยให้นอนหลับได้สนิทมากยิ่งขึ้น โดยพยายามนั่งสมาธินานอย่างน้อย 5 นาที ก่อนนอน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


แคปชั่นเหนื่อยล้า ท้อ หมดแรง ภาษาอังกฤษ เหนื่อยใจ ระบายด้วยแคปชั่น

แคปชั่นเหนื่อยล้า ภาษาอังกฤษ หมดแรง เหนื่อยงาน

  • I need a break from my own thoughts.

ฉันต้องการหยุดพักจากความคิดของตัวเอง

  • I’m not okay, but it’s okay.

ฉันไม่โอเค แต่ไม่เป็นไร

  • Moving on will never be easy.

ก้าวต่อไปมันไม่ง่ายเลย

  • Tears are words that the heart can’t say.

น้ำตาคือคำที่หัวใจพูดไม่ได้

  • Behind every “it’s okay” is a little pain.

เบื้องหลังคำว่า “ไม่เป็นไร” มันคือความเจ็บปวดเล็กน้อย

  • Living, but no one notices.

มีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีใครสังเกตเห็น

  • Smiling and trying to keep the tears from falling.

ทำได้แค่ยิ้ม แล้วพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

  • No one knows how much I cried that day.

ไม่มีใครรู้หรอกว่าวันนั้นฉันร้องไห้มากแค่ไหน

  • Not good enough. Never good enough.

ไม่ดีพอ. ไม่เคยดีพอ.

  • Well, it doesn’t matter anymore.

มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วล่ะ

  • Expect more from yourself and less from others

คาดหวังให้มากขึ้นจากตัวเองและคาดหวังให้น้อยลงจากคนอื่น

  • Tired of trying. Done with crying.

เหนื่อยกับการพยายาม จบด้วยการร้องไห้

  • Outside I’m happy. Inside I’m dying.

ภายนอกฉันมีความสุข ข้างในฉันกำลังจะตาย

  • Who hurt you? “My own expectation”

ใครทำร้ายคุณ? คำตอบก็คือ “ความคาดหวังของตัวเอง” นั่นล่ะ

  • Full of nothingness, of emptiness.

เต็มไปด้วยความว่างเปล่า ของความว่างเปล่า

  • I am sick and tired of being sick and tired.

ฉันป่วยและเหนื่อยกับการป่วยและเหนื่อย

คำคมเหนื่อยล้า ภาษาอังกฤษ

  • We are all tired but are carrying on by strength.

เราทุกคนเหนื่อยแต่กำลังเดินต่อไปด้วยกำลัง

  • A bore make everyone tired but himself.

ความเบื่อทำให้ทุกคนเหนื่อย ยกเว้นตัวมันเอง

  • There is no greater medicine than a good night’s rest.

ไม่มียาตัวใดที่จะดีไปกว่าการได้นอนหลับฝันดี

  • Even nice things don’t make you happy when you’re tired.

แม้แต่สิ่งดีๆ ก็ไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขขึ้นมาได้เลยเมื่อคุณรู้สึกเหนื่อย

  • Life is one long process of getting tired.

ชีวิตคือกระบวนการอันยาวนานของการเหนื่อยล้า

  • Even when you have every right to be tired of everything, Never be tired of living.

แม้ว่าเราจะมีสิทธิ์เบื่อทุกอย่าง แต่อย่าเบื่อกับการใช้ชีวิตเลย

  • When you are tired, sleep; when you are hungry, eat.

เมื่อคุณเหนื่อย จงนอน และเมื่อคุณหิว ก็กินซะ

  • Losers quit when they’re tired. Winners quit when they’ve won.

ผู้แพ้จะเลิกเมื่อเหนื่อย แต่ผู้ชนะจะเลิกเมื่อพวกเขาชนะเท่านั้น

  • Keep believing. You may be tired, discouraged, but don’t give up on your future.

จงเชื่อต่อไป คุณอาจจะเหนื่อย ท้อแท้ แต่อย่ายอมแพ้กับอนาคตของคุณ

แคปชั่นเหนื่อยใจ ภาษาอังกฤษ สำหรับสายอกหัก

  • The heart was made to be broken.

หัวใจเราคงถูกสร้างมาให้แหลกสลาย

  • Being Ignored.

สถานะตอนนี้หรอ : ถูกละเลย

  • I’m not so Strong anymore.

ฉันไม่เข้มแข็งอีกต่อไปแล้ว

  • Not responding is a response.

ไม่มีการตอบสนองก็คือการตอบสนองนั่นล่ะ

  • Temporary happiness isn’t worth long-term pain.

ความสุขชั่วคราวไม่คุ้มกับความเจ็บปวดในระยะยาวเอาซะเลย

  • Lost in a world that doesn’t exist.

หายไปในโลกที่ไม่มีอยู่จริง

  • The past can’t hurt you anymore, not unless you let it.

อดีตทำร้ายคุณไม่ได้อีกแล้ว เว้นแต่คุณจะปล่อยมันไป

  • I hate that, I’m still hoping…

ฉันเกลียดที่ฉันยังคงหวัง…

  • Sometimes what you want doesn’t deserve you.

บางครั้งสิ่งที่คุณต้องการก็ไม่คู่ควรกับคุณ

  • Past is something that you can’t let go.

อดีตคือสิ่งที่ปล่อยวางไม่ได้

  • We are separated by distances, not by hearts.

เราห่างกันด้วยระยะทาง ไม่ใช่ด้วยใจ

แคปชั่นเหนื่อย แคปชั่นขี้เกียจ ภาษาอังกฤษ ฮาๆ

  • 50 shades of dark circle under my eyes.

ตอนนี้ใต้ตาของฉันมี 50 เฉดสีคล้ำๆ เลยจ้าา

  • I’m like 104% tired.

ฉันเหนื่อยยย แบบ 104% ไปเลยย

  • All you need is love? More like all you need is sleep.

สิ่งที่คุณต้องการคือความรักหรอ? ฉันว่าที่ต้องการมากกว่าคือการนอนหลับนะ

  • Life is better in pajamas.

ชีวิตดีขึ้นเมื่อเราได้อยู่ในชุดนอน

  • But first, sleep.

จะอะไรก็แล้วแต่ แต่ก่อนอื่น ฉันขอนอนก่อน

  • Everyday is lazy day!

ทุกวันเป็นวันขี้เกียจ!

  • Feeling crazy lazy today!

วันนี้รู้สึกขี้เกียจเป็นบ้า!

  • Today, I will do absolutely nothing.

วันนี้ฉันจะไม่ทำอะไรเลย

  • Just do it…later.

เดี๋ยวทำ…ทีหลังละกันเนอะ

  • I really love my job, but only when I’m on vacation.

ฉันรักงานของฉันจริงๆ แต่แค่เวลาที่ฉันพักร้อนเท่านั้นอ่ะนะ

  • Not really lazy. Just very relaxed.

ไม่ได้ขี้เกียจจริงๆ แค่กำลังผ่อนคลายเฉยๆ จ้าา

  • A hundred and ten percent tired!

เหนื่อยร้อยสิบเปอร์เซ็นต์!

  • Busy converting oxygen to carbon dioxide.

กำลังยุ่งอยู่กับการแปลงออกซิเจนเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก็คือการนอนนั่นล่ะ

  • Naps and Netflix!

ตอนนี้ขอแค่การนอนและ Netflix เท่านั้น!

  • My needs are few: WiFi, snacks, and my bed.

ความต้องการของฉันมีน้อยมากกก ขอแค่ WiFi ขนม และเตียง ก็พอ!

ขอบคุณข้อมูลจาก women.trueid.net


‘ซิสโก้’ ดันโซลูชัน หนุนภาคธุรกิจใช้ AI

“ซิสโก้” พาเหรดโซลูชันเร่งการนำ AI ไปใช้ในองค์กรธุรกิจ โชว์จุดต่างให้มีความยืดหยุ่นสูง ปรับขนาดได้ตามความต้องการ ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเวิร์กโหลด AI ที่ต้องใช้การประมวลผลประสิทธิภาพสูง

นายจีทู พาเทล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ซิสโก้ กล่าวว่า องค์กรธุรกิจกำลังเผชิญแรงกดดันในการนำเอาระบบ AI มาใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อก้าวสู่ยุคของระบบงานอัตโนมัติและ AI ที่เริ่มแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง

ปัจจุบัน การเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมากของ AI กำลังทรานส์ฟอร์มความต้องการด้านดาต้าเซ็นเตอร์ องค์กรธุรกิจต้องการเครือข่ายที่ขยายขนาดและโปรแกรมได้ โดยต้องมีความยั่งยืน และปลอดภัย

ตามรายงานของ McKinsey ระบุว่า Gen AI จะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั่วโลกถึง 2.6 – 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี โดยมีองค์กรธุรกิจเป็นผู้ขับเคลื่อนหลัก

อย่างไรก็ตาม จากผลการศึกษาดัชนีความพร้อมด้าน AI ของซิสโก้ พบว่า 89% ของผู้เชี่ยวชาญไอทีมีการวางแผนในการนำเวิร์กโหลด AI มาใช้ภายใน 2 ปีข้างหน้า แต่มีเพียง 14% ขององค์กรธุรกิจเท่านั้นที่รายงานว่าโครงสร้างพื้นฐานพร้อมแล้วสำหรับรองรับการใช้งาน AI

ดังนั้นซิสโก้เร่งพัฒนานวัตกรรม เช่น AI POD และเซิร์ฟเวอร์ GPU เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย การปฏิบัติตามกฎระเบียบการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล ตลอดจนการใช้งาน AI ของลูกค้า ตั้งแต่การประมวลผลขั้นพื้นฐานไปจนถึงการฝึกฝนระบบ AI

พร้อมนำเสนอโซลูชันใหม่ที่มอบโครงสร้างพื้นฐานจำเป็นสำหรับลูกค้า เพื่อเร่งการนำ AI มาใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหนก็สามารถทำงานร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานปัจจุบันที่ลูกค้ามีอยู่แล้วโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด ทำให้ธุรกิจเติบโตและพัฒนาได้โดยไม่ยุ่งยากซับซ้อน

โซลูชันใหม่เหล่านี้บริหารจัดการผ่านระบบ Cisco Intersight ที่ควบคุมได้จากศูนย์กลางและระบบการทำงานอัตโนมัติ โดยทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นจากการตั้งค่าไปจนถึงดำเนินงานประจำวัน

ไฮไลต์ เช่น โซลูชันสำหรับ เร่งการประมวลผลความเร็วสูงในยุค AI ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับงาน AI ที่ต้องใช้ GPU อย่างหนัก ทั้งยังมี โครงสร้างพื้นฐาน AI แบบ Plug-and-Play พร้อมใช้งาน ชุดโครงสร้างพื้นฐานที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการใช้งาน AI และอุตสาหกรรมต่างๆ โดยรวมระบบประมวลผล เครือข่าย การจัดเก็บข้อมูล และการจัดการคลาวด์เข้าไว้ด้วยกัน

นอกจากนี้ งานที่ให้ความสำคัญมุ่งสร้างอีโคซิสเต็ม AI ร่วมกับพาร์ทเนอร์ ขณะที่ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ของซิสโก้กำลังปรับตัวในตลาด AI ที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซิสโก้ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโต

ด้วยความแข็งแกร่งของซิสโก้ทางด้านเครือข่าย ความปลอดภัย และความสามารถในการตรวจสอบระบบ พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการนำ AI มาใช้ของลูกค้าแต่ละรายที่แตกต่างกัน ซิสโก้และพาร์ทเนอร์สามารถส่งมอบคุณค่าทางธุรกิจที่แท้จริงให้กับลูกค้า

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


“กาแฟร้อน” กับ “กาแฟเย็น” ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีต่อสุขภาพมากกว่า

หลายคนคงสงสัยว่าระหว่างกาแฟเย็นกับกาแฟร้อน อันไหนอร่อยกว่ากัน? ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมาจากเมล็ดกาแฟเหมือนกัน แต่พอชงออกมาแล้วรสชาติก็ต่างกันลิบลับเลยนะ วันนี้เราจะมาลองหาคำตอบกันว่ากาแฟดำแบบไม่ใส่อะไรเลยเนี่ย อันไหนจะถูกปากและดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน แต่ก็อย่าลืมว่ารสนิยมแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ อาจจะมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไปก็ได้

“กาแฟร้อน” กับ “กาแฟเย็น” ต่างกันอย่างไร

1.วิธีการชงกาแฟ โดยทั่วไปกาแฟร้อนจะชงด้วยน้ำร้อนเท่านั้น แต่กาแฟเย็นนั้นมีวิธีการชงที่หลากหลายกว่า อาจจะชงด้วยน้ำร้อนแล้วจึงนำไปแช่เย็น หรืออาจจะชงด้วยน้ำเย็นโดยตรงก็ได้ ซึ่งวิธีการชงที่แตกต่างกันนี้ก็ส่งผลให้รสชาติของกาแฟทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

2.สังเกตได้ว่ากาแฟเย็นมักจะเสิร์ฟในแก้วขนาดใหญ่กว่า ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเวลาสั่งกาแฟเย็นมักจะได้แก้วขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 8 ออนซ์ ไปจนถึง 16 ออนซ์เลยทีเดียว แม้ว่าปริมาณน้ำแข็งอาจมีส่วน แต่ปริมาณกาแฟในกาแฟเย็นก็ยังคงมีปริมาณที่มากพอสมควร นอกจากนี้ ปริมาณคาเฟอีนในกาแฟเย็นอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวิธีการชง สำหรับกาแฟร้อน โดยเฉพาะกาแฟดำแบบไม่ใส่น้ำตาล นม หรือครีมเทียม มักจะเสิร์ฟในแก้วขนาดเล็ก เช่น ช็อตเอสเปรสโซ หรือแก้วขนาดเล็กกว่า 150 มิลลิลิตร อาจเป็นเพราะกาแฟเย็นเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มในช่วงฤดูร้อน หรืออาจเป็นเพราะนิสัยการบริโภคของผู้คน ฉันไม่แน่ใจ

3.รสชาติของกาแฟร้อนและกาแฟเย็นมีความแตกต่างกัน อาจเป็นเพราะระดับความเป็นกรดของกาแฟร้อน หรืออาจเป็นเพราะอุณหภูมิส่งผลต่อการรับรู้รสชาติของเรา หลายคนมักรู้สึกว่ากาแฟร้อนมีความเป็นกรดมากกว่ากาแฟเย็น ซึ่งอาจเป็นเพราะรสชาติที่เกิดจากความร้อนมักจะเข้มข้นชัดเจนกว่า ทำให้รสเปรี้ยวโดดเด่นขึ้นมา

4.การชงกาแฟเย็นอาจใช้เวลานานกว่ากาแฟร้อน สำหรับบางคนอาจไม่สำคัญ แต่การชงกาแฟเย็นโดยเฉพาะวิธี Cold Brew อาจใช้เวลานานถึง 8-18 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเวลาที่คุณมีและความเข้มข้นของรสชาติที่ต้องการ หากคุณชงกาแฟร้อนแล้วนำไปแช่เย็น ก็จะใช้เวลานานกว่า เพราะต้องรอให้กาแฟเย็นลงก่อน ดังนั้น หากคุณรีบดื่มกาแฟตอนนี้ กาแฟร้อนจึงเป็นทางเลือกที่เร็วที่สุด

กาแฟเย็นดีต่อสุขภาพกว่ากาแฟร้อนจริงหรือเปล่า?

กาแฟมีทั้งประโยชน์และโทษนะคะ ถ้าดื่มมากเกินไป คาเฟอีนก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ แต่ถ้าดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ คาเฟอีนก็ช่วยให้เราตื่นตัว มีสมาธิ และตอบสนองได้ดีขึ้น ทีนี้มาพูดถึงเรื่องความเป็นกรดกันบ้าง คนส่วนใหญ่มักจะบอกว่ากาแฟเย็น (โดยเฉพาะกาแฟเย็นแบบ Cold Brew) มีความเป็นกรดต่ำกว่ากาแฟร้อน ทำให้ย่อยง่ายและไม่ระคายกระเพาะอาหาร ซึ่งก็จริงครับ กาแฟเย็นมักจะย่อยง่ายกว่ากาแฟร้อน

แต่ก็มีอีกด้านหนึ่ง เพราะกาแฟร้อนมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่ากาแฟเย็น เนื่องจากทุกคนต่างพูดถึงประโยชน์ของกาแฟที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ดังนั้นจึงควรนำปัจจัยนี้มาพิจารณาด้วย ดังนั้นคำถามที่ว่ากาแฟเย็นดีต่อสุขภาพกว่ากาแฟร้อนนั้นยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ถ้ากาแฟร้อนมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า แต่มีความเป็นกรดสูงกว่า อาจจะไม่เหมาะกับบางคน

ถ้าคุณทำกาแฟเย็นแบบสกัดเย็น ความเป็นกรดจะต่ำลง แต่สารต้านอนุมูลอิสระก็อาจลดลงตามไปด้วย

สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความชอบของคุณเอง แต่ถ้าอยากดูแลสุขภาพ ลองดื่มกาแฟดำดู เพราะการใส่นมและน้ำตาลจะทำให้ได้แคลอรี่เพิ่มขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 08/11/2567

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a43,300.0043,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5%2,805.0042,523.8043,900.00
ทองรูปพรรณ 90%2,524.5038,271.42n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,244.0034,019.04n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,262.0019,131.92n/a
ทองรูปพรรณ 40%982.0014,887.12n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,907.0044,070.12n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 08/11/2567


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.9535.9536.5535.9535.9535.9535.9535.9535.9535.95
แก๊สโซฮอล์ 9135.5835.5836.1835.5835.5835.5835.5835.5835.5835.58
แก๊สโซฮอล์ E2033.8433.8434.4433.8433.8433.8433.8433.8433.84
แก๊สโซฮอล์ E8533.5933.5933.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.5449.8449.8449.8444.54
เบนซิน 9544.2449.8144.7444.3944.24
ดีเซล32.9432.9433.4432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า