เดอะ ไทเทิ้ลผุด5 ครงการ1.2หมื่นล้านลุยลักชัวรี วิลล่าในภูเก็ต

เขย่าเกาะภูเก็ต!เดอะ ไทเทิ้ลประกาศเปิด 5 โครงการมูลค่ากว่า 1.2หมื่นล้านลุยตลาดลักชัวรี วิลล่าทำเลฮอตหาดในยาง เชิงทะเล ราไวย์ กะตะ รองรับดีมานด์กลุ่มไฮเอนด์
ภูเก็ต” กลายเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลก ในปีที่แล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวทะลุ 14 ล้านคน สะท้อนถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดนี้ ซึ่งทำให้ THE TITLE(เดอะ ไทเทิ้ล ) คาดการณ์ว่า ตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม Leisure Residences ที่ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุนระยะยาว
เดินหน้าสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน
ดรงค์ หุตะจูฑะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ หรือเดอะ ไทเทิ้ล ได้กล่าวถึงการเปิดตัว 5 โครงการใหม่ในปี 2568 ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างการเติบโตให้กับบริษัท โดยในปีที่ผ่านมา เดอะ ไทเทิ้ล (THE TITLE )สามารถทำยอดขายได้สูงถึง 7,692 ล้านบาทจาก 5 โครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจในวิถีชีวิตของลูกค้า ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่มีความเป็นเอกลักษณ์และมีความสะดวกสบาย รวมถึงการออกแบบที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตในภูเก็ต
ขยายพอร์ตเข้าสู่ตลาดลักชัวรี วิลล่า
หลังจากประสบความสำเร็จในกลุ่มคอนโดมิเนียม THE TITLE ยังมุ่งมั่นเข้าสู่ตลาดลักชัวรี วิลล่าครั้งแรก โดยเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ โครงการ “Villa Estella Naiyang” (วิลล่า เอสเตลลา ในยาง) มูลค่า 500 ล้านบาท และ “The Title Villa Cherngtalay”(เดอะ ไทเทิล วิลล่า เชิงทะเล) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงทั้งหาดในยางและเชิงทะเล ซึ่งเป็นทำเลที่มีความต้องการสูงจากทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ที่ต้องการพักอาศัยในภูเก็ต ด้วยทำเลที่มีความเป็นส่วนตัวสูง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสนามบิน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า ทำให้โครงการเหล่านี้สามารถดึงดูดทั้งกลุ่มลูกค้าในประเทศและต่างชาติที่มองหาความสะดวกสบายและความเป็นส่วนตัว
โครงการใหม่ที่รอการเปิดตัวในปีนี้
ในปี 2568 นี้ THE TITLE ยังเตรียมเปิดโครงการคอนโดมิเนียมอีก 3 โครงการ ได้แก่ “THE KATABELLO” (เดอะ คาตาเบลโล)บนทำเลใหม่ย่านกะตะ มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท โครงการ “Adora Rawai” (อะดอรา ราไวย์ )มูลค่า 1,400 ล้านบาท และ “The Title Balcony Naiyang” (เดอะ ไทเทิล บาลโคนี ในยาง )มูลค่า 3,800 ล้านบาท เพื่อขยายตลาด Leisure Residences ให้ครอบคลุมทุกทำเลที่มีศักยภาพสูงในภูเก็ต
บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 9,960 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568-2027 ถือเป็นการเตรียมความพร้อมทางการเงินที่มั่นคงสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนภูเก็ตให้เป็น “Global Destination” โดยการร่วมมือกับกิจกรรมระดับโลก เช่น การเป็นผู้สนับสนุน Electric Daisy Carnival Thailand 2025 (EDC Thailand 2025) ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของภูเก็ตในระดับโลก
มั่นใจในศักยภาพของตลาดภูเก็ต
จากการศึกษาตลาดอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพสูง THE TITLE เชื่อมั่นในศักยภาพของภูเก็ตและพร้อมที่จะพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมที่เหมาะกับการอยู่อาศัยและลงทุน หรือวิลล่าหรูที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์
เมื่อภูเก็ตยังคงเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกการขยายธุรกิจของ “ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้” ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่จึงไม่เพียงแค่ทำให้ THE TITLE เป็นผู้นำตลาดในภูเก็ตเท่านั้น แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงความมั่นคงและความยั่งยืนของธุรกิจที่พร้อมรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากทั้งลูกค้าในประเทศและต่างชาติในระยะยาว
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
โบรกคาด Entertainment Complex กระตุ้นเศรษฐกิจ หุ้นไทยรับอานิสงส์

กูรูลงเสียง โครงการ Entertainment Complex หนุนเศรษฐกิจไทย ดึงยอดนักท่องเที่ยง ดูดเงินเข้าประเทศได้เพิ่ม พร้อมเผยหุ้นไทยหลายอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว โรงแรม ศูนย์การค้า โรงพยาบาล ค้าปลีก แบงก์ ขนส่ง-สายการบิน สนามบิน สื่อ และรับเหมา-วัสดุก่อสร้าง โดดรับอานิสงส์
จากกรณีที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติร่างพ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. หรือ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาปรับแก้ และตั้งเป้าหมายว่า จะผลักดันร่างพ.ร.บ.ให้ทันสมัยการประชุมสภานี้
โดยร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร ฉบับใหม่ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ปรับปรุงแก้ไขสาระสำคัญหลายประการ ทั้งกำหนดคุณสมบัติผู้ประกอบการที่ต้องเป็นนิติบุคคลในไทยและมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท คนไทยที่จะเข้าไปเล่นกาสิโนได้ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี และมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือนนั้น
แม้ว่าภาครัฐจะพยายามผลักดันให้โครงการ Entertainment Complex มีความเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แน่นอนว่า ความเมืองไทยเมืองพุทธจะยังคงเป็นภาพจำของคนไทย ทำให้ฝ่ายที่เห็นด้วยก็มี และฝ่ายที่ต่อต้านก็มากด้วยเช่นเดียวกัน
อาจด้วยข้อกฎหมายไทยหลายประการที่ยังมีช่องโหว่อยู่มาก ทำให้หลายฝ่ายอาจมีความกังวลใจว่าโครงการนี้อาจพลิกโอกาสเป็นวิกฤตได้ อาจเป็นอีกหนทางที่นำไปสู่การฟ้องเงิน หรืออื่นๆ ได้หรือไม่ หากว่ากฎระเบียนยังหละหลวมยากต่อการบริหารจัดการ แต่ในแง่มุมของธุรกิจและผู้ประกอบการภาคเอกชนอาจมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป
จากการสอบถามนักวิเคราะห์จากหลายบริษัทหลักทรัพย์พบว่า ส่วนใหญ่มีมุมมองในเชิงบวกต่อการผลักดันโครงการ Entertainment Complex ของภาครัฐ ทั้งในแง่ของการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ดึงดูดเม็ดเงินใหม่ๆ เข้ามาในระบบเศรษฐกิจได้เพิ่ม อีกทั้งภาคเอกชนโดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยยังได้รับอานิสงส์ร่วมด้วย
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเหลือเพียงระดับ 3% หรือบางปีก็อาจไม่ถึง อย่างในปี 68 คาดการณ์จะขยายตัวในกรอบ 2.5 -2.9% นับว่าต่ำกว่าช่วงก่อนหน้านี้ 5 ปี ที่เศรษฐกิจไทยเคยขยายตัวระดับ 4%
จึงเป็นผลให้รัฐบาลต้องพยายามหาวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ แหล่งท่องเที่ยวครบวงจร (Entertainment Complex) ที่ไม่ได้มีเพียง กาสิโน (Casino) เท่านั้น แต่ภายในจะประกอบไปด้วยธุรกิจบันเทิงครบวงจร อาทิ สวนสนุก โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และอื่นๆ
จากคาดการณ์ของรัฐบาลเชื่อว่าจะเกิดการลงทุนเป็นมูลค่า 1 แสนล้านบาท และรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1.19 -2.38 แสนล้านบาท และเป็นอีกปัจจัยหนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแม้จะไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว (Low Season) ด้านรัฐบาลจะเก็บภาษีได้มากขึ้นอีก 1.2-3.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะนำไปพัฒนาประเทศ (โครงสร้างพื้นฐาน ดูแลสังคม การศึกษา)
ทางฝ่ายมองว่ามิติเศรษฐกิจที่รัฐบาลประเมินว่าจะสร้างรายได้ราว 1.2-2.4 แสนล้านบาท ถือว่ายังเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าเศรษฐกิจไทยที่ 18 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 1.3% ของ GDP หรือหากเทียบกับรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 67 พบว่าอยู่ที่ 1.67 ล้านล้านบาท ก็จะคิดเป็น 14% ก็ถือเป็นตัวเลขที่มีนัยยะมากขึ้น
หุ้นไทยโดดรับอานิสงส์
ในแง่ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หากประเมินโดยเบื้องต้นก็เชื่อว่ากิจการที่จะได้ประโยชน์เจ้าแรกคงเป็น สนามบิน แอย่าง AOT หาก Entertainment Complex เปิดทำการในพื้นที่ ตะวันออกกลาง เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพ หาดใหญ่ AOT จะเป็นผู้ได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะรับบริหารสนามบินในพื้นที่ดังกล่าว แต่หากเป็นพื้นที่ในจังหวัดอื่นๆ ก็อาจไม่ได้รับอานิสงส์มากนัก
ส่วนธุรกิจโรงแรมจะเป็นกลุ่มได้ประโยชน์ถัดมา ได้แก่ ERW CENTEL และ MINT แต่ก็ต้องดูพื้นที่อีกเช่นกันเพราะส่วนใหญ่แล้วโรงแรมใน บจ. มักมีโรงแรมตามเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพ หัวหิน และ พัทยา
อีกกลุ่มที่จะได้ประโยชน์คือกลุ่มค้าปลีก อาทิ BJC CPALL GLOBAL และ DOHOME จากรายได้ของประชาชนที่จะมากขึ้นพร้อมกับการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ อย่าง BBL KBANK KTB SCB และ TTB ก็จะเป็นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์ผ่านการขอสินเชื่อที่จะมากขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจและหากเศรษฐกิจดีขึ้น ภาระสำรองหนี้ก็มีแนวโน้มลดลงหนุนผลประกอบการ
ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่มีกระแสข่าวว่ามีแผนจะลงทุนใน Entertainment Complex ได้แก่ VGI และ AWC แต่ไม่ว่าอย่างไร ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนที่แน่นอนประกอบกับเป็นไปได้ที่จะต้องผ่านกฎหมายต่างๆ อีกมาก ดังนั้น ความเห็นข้างต้นจึงเป็นเพียงการประเมินในเบื้องต้นเท่านั้น จึงแนะนำนักลงทุนค่อยๆ ติดตามความคืบหน้าจากนี้
ปรับกาสิโนให้ตรงจริตไทย
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มองว่าโครงการ Entertainment Complex ส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อเศรษฐกิจในประเทศไทยมากกว่าเป็นผลลบ เพราะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยดึงดูดด้านการท่องเที่ยว และสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้เพิ่ม
โดยโมเดลของต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเก๊า และมาเลเซีย ที่มีธุรกิจกาสิโน แต่ละประเทศก็มีการออกแบบวิธีการจัดการให้เข้ากับจริตและวัฒนธรรมของประเทศ หากว่าไทยเปิดให้ดำเนินธุรกิจกาสิโนก็ต้องมากำหนดระเบียบของลูกค้าในประเทศ กำหนดค่าเข้า และค่าใช้จ่ายด้านบริหารต่างๆ ให้เหมาะสม
สิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุด คือ ต้องไม่เป็นการส่งเสริมการพนันจนเกินไป ดังนั้น อาจเห็นระเบียบการกำหนดค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย
“มองว่า Entertainment Complex ไม่เพียงสามารถสร้างรายได้เพิ่มในแง่ของการท่องเที่ยว ยังสร้างรายได้เพิ่มจากค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมใบเสนอราคา และอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้คาดว่าจะเข้ามาช่วยชดเชยภาระทางการเงินภาครัฐ รวมถึงยังสร้างเม็ดเงินใหม่เสริมส่วนรายได้งบประมาณลงทุนของภาครัฐอีกด้วย”
ถามว่าแล้วภาคเอกชน หรือ บริษัทจดทะเบียนไทย จะได้รับอานิสงส์นี้ด้วยหรือไม่ แน่นอนว่าในกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์ในทางตรงระยะแรก ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มรากฐาน กลุ่มงานเสาเข็ม กลุ่มซีเมนต์และคอนกรีต และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ถัดมา คือ กลุ่มการท่องเที่ยว เช่น สนามบิน สายการบิน โรงแรม ศูนย์การค้า ค้าปลีก โรงพยาบาล
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า Entertainment Complex อาจเป็นอีกแรงดึงดูดด้านการท่องเที่ยว และสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยได้
ซึ่งจากการมองภาพใหญ่โครงการสร้าง Entertainment Complex นอกเหนือจากกาสิโน ก็จะมีโรงแรม ศูนย์การค้า ร้านค้าต่างๆ ร้านอาหาร ตลอดจนบริการทางการแพทย์และสุขภาพ อาจเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งภายในร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยแบบพิมพ์ที่ยังไม่มีความชัดเจนและเป็นเพียงขั้นตอนของการศึกษาทำให้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้จริง หรือเกิดขึ้นได้เร็วมากน้อยแค่ไหน
นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การผลักดันโครงการ Entertainment Complex ต้องยอมรับว่าเมืองไทยเมืองพุทธ การเปิดคาสิโนอาจไม่ได้ดำเนินไปได้ง่ายดายนัก แน่นอนว่าต้องมีความเห็นค้านจากคนหลายกลุ่ม ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคให้ความชัดเจนล่าช้า
หากว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ก็คาดว่าบริษัทจดทะเบียนเองก็อาจได้รับอานิสงส์ร่วมด้วย เช่น กลุ่มโรงแรม กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มร้านค้า ร้านอาหาร ภาคบริการต่างๆ ตลอดจนภาคขนส่งและการคมนาคม ซึ่งกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้ชนะการประมูลพัฒนาสร้างโครงการสนามบินอู่ตะเภา อย่าง BA BTS และ STEC เองก็น่าเป็นที่จับตามองด้วยเช่นเดียวกัน
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดกาสิโนในประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องใหญ่ และอาจไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายนัก เพราะในเรื่องของกฎหมายที่ไม่ได้รองรับทำให้อาจต้องใช้ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไข เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด อีกทั้งก็ยังมีคนไทยอีกไม่น้อยที่คัดค้านความเห็นดังกล่าว
แต่หากว่าการผลักดันกาสิโนในไทยบรรลุผลสำเร็จ ทางฝ่ายมองว่าการที่ภาครัฐผลักดัน โครงการ Entertainment Complex จะเป็นบวกต่อหุ้น GRAMMY จากการลงทุน Concert Hall และกลุ่มท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น เช่น AOT, AAV, ERW, CENTEL แต่หากก่อตั้ง Complex ใกล้สนามบินอู่ตะเภา คาดบวกต่อหุ้น BA, BTS, STEC
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองว่า อิงกรณีศึกษาจากมาเก๊า ที่เริ่มอนุญาตให้เอกชนลงทุน Entertainment Complex ช่วงปี 2000-2001 หลังทยอยสร้างแล้วเสร็จปี 2006-2011 พบว่านักท่องเที่ยวปี 2011 เพิ่มขึ้นจากปี 2005 ถึงราว 49.7% ทำให้เชื่อว่าโครงการดังกล่าว จะช่วยยกระดับภาคบริการไทยขึ้นจากจุดสูงสุดในอดีต ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยสูงสุดในปี 2019 ที่ 39.4 ล้านคน
กลุ่มหุ้นจึงให้น้ำหนักจิตวิทยาทางบวกต่อกลุ่มต่างๆ ดังนี้
- หุ้นในกลุ่มที่มีฐานทุนสูงและมีกระแสข่าวเข้าร่วมโครงการ อาทิ AWC, กลุ่ม บ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ UTA (BA+BTS+STEC), กลุ่ม CP และกลุ่มเดอะมอลล์
- หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะมีโอกาสจาก Mega Projects ขนาดใหญ่ เน้น STEC ที่มีโอกาสเดินหน้าไปกับกลุ่ม UTA
- หุ้นธนาคารที่คาดมีการปล่อยสินเชื่อขนาดใหญ่สนับสนุนโครงการ อาทิ BBL, KBANK, KTB
- หุ้นภาคบริการ เน้น AOT, MINT, BDMS
ส่วนบริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า การที่ภาครัฐผลักดันโครงการ Entertainment Complex มองว่าส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจกิจในประเทศ ทั้งในแง่ของการท่องเที่ยว และการรายได้ โดยหุ้น 3 กลุ่ม ได้ประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น CK, STEC, กลุ่มสื่อ เช่น GRAMMY, ONEE, RS, WORK, VGI และกลุ่มท่องเที่ยว เช่น CENTEL, ERW, MINT เป็นต้น
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า มองหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก โครงการ Entertainment Complex ได้แก่ AWC, CENTEL, MINT, ERW, CPN และ AOT
สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยมุมมองว่า โครงการ Entertainment Complex จะเป็นผลเชิงบวกต่อกลุ่มหุ้น VGI, กลุ่มทุนขนาดใหญ่ อย่าง AWC และกลุ่ม MBK ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มสยามพิวรรธน์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 10มี.ค.ที่ระดับ 33.76 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ประกอบกับมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากทิศทางฟันด์โฟลว์ กรอบการเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.60-33.85 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทปิดตลาดวันที่ 10มี.ค.ที่ระดับ 33.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทอ่อนค่าลงตามทิศทางของสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ประกอบกับมีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ (ซึ่งในวันนี้ ขายสุทธิหุ้นไทย 3,372.12 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 198 ล้านบาท) และการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก
ส่วนค่าเฉลี่ย Indicative forward points ของธุรกรรมระยะ 3 เดือนสำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ 50-200 ล้านบาทต่อปี รายงานข้อมูล ณ 10.00 น. วันที่ 10 มีนาคม 2568 จากเว็บไซต์ ธปท. อยู่ที่ -21.76 สำหรับผู้ส่งออก (ขายเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า) และที่ -18.73 สำหรับผู้นำเข้า (ซื้อเงินดอลลาร์ฯ ล่วงหน้า)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.60-33.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับสงครามการค้าของสหรัฐ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ รวมถึงตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนม.ค.ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ประกาศ 28 รายชื่อ วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ลุยศึกนานาชาติ 2025

สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ประกาศรายชื่อนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยเข้าเก็บตัวฝึกซ้อม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันรายการนานาชาติประจำปี 2568
โดย “ทัพนักตบสาวไทย” มีโปรแกรมจะเข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการในปีนี้ประกอบด้วย วอลเลย์บอลเนชั่นส์ลีก, วอลเลย์บอล ซี วีลีก, วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก และ กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในช่วงปลายปี

รายชื่อ 28 นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
1. ชัชชุอร โมกศรี
2. อัจฉราพร คงยศ
3. ดลพร สินโพธิ์
4. พิมพิชยา ก๊กรัมย์
5. ธนัชชา สุขสด
6. ทัดดาว นึกแจ้ง
7. หัตถยา บำรุงสุข
8. วิมลรัตน์ ทะนะพันธุ์
9. พรพรรณ เกิดปราชญ์
10. ณัฎฐณิชา ใจแสน
11. ปิยะนุช แป้นน้อย
12. จิดาภา นาหัวหนอง
13. กัตติกา แก้วพิน
14. ณัฐธิมา กุบแก้ว
15. วิรัลยุพา อินทร์จันทร์
16. วารุณี การรัมย์
17. กัญญารัตน์ ขุนเมือง
18. วริศรา ศรีทาเลิศ
19. นุชนาถ หอมพิทักษ์
20. กาญจนา สีใสแก้ว
21. กนกพร แสงทอง
22. ณิชากร วันศุกร์
23. กัลยรัตน์ คำวงษ์
24. สุภาวดี พันวิไล
25. ณัฐวรรณ ผาดไธสง
26. ศศิธร เจตตะ
27. ณัฐริกา วะสาร
28. ณัฐณิชา แซ่เล้า
สำหรับนักกีฬาที่มีรายชื่อดังกล่าว จะต้องเข้ารายงานตัวในวันที่ 13 มีนาคม เวลา 09.00 น. ณ ห้องอวย เกตุสิงห์ ชั้น 2 อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และลงฝึกซ้อมในเวลา 10.30 น. – 12.30 น.
ก่อนที่ในวันที่ 14 มีนาคม จะมีการทดสอบสมรรถภาพทางกาย ณ อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย เวลา 09.00 น. ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
คกก.โรคติดต่อฯ เห็นชอบแนวทางคุม 4 โรค ขยายเพิ่มวัคซีนไข้หวัดใหญ่

คกก.โรคติดต่อฯ เห็นชอบแนวทางควบคุม 4 โรคสำคัญ จัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่-ขยายกลุ่มเสี่ยงฉีดเรือนจำ-ค่ายทหาร 6 จังหวัด – เพิ่มด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ 3 แห่ง
เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2568 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบนโยบายและแนวทางการป้องกันควบคุมโรคติดต่อที่สำคัญ 4 โรค ได้แก่
1.โรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ปี 2568 พบผู้ป่วยแล้ว 165,333 ราย เสียชีวิต 14 ราย อัตราป่วยสูงสุดในกลุ่มอายุ 5 – 9 ปี และเด็กเล็ก 0 – 4 ปี โดยระบาดเป็นกลุ่มก้อนเฉพาะในโรงเรียน ค่ายทหารและเรือนจำ ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ A (H1N1)
ที่ประชุมจึงได้มีนโยบายมอบกรมควบคุมโรค ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) สนับสนุนวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มเติม โดยจัดสรรวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ซีกโลกเหนือในพื้นที่ที่มีการระบาด จำนวน 6 จังหวัด คือ พะเยา ลำพูน เชียงราย ภูเก็ต เชียงใหม่ และกทม. จะมีการกระจายวัคซีนเพิ่มขึ้น จังหวัดละ 10,000 เข็มหรือโดส ใช้ในค่ายทหารและเรือนจำ เพิ่มขึ้นอีก 30,000 โดส โดยจัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มจาก 4.5 ล้านโดสเป็น 6 ล้านโดส ที่สำคัญปีนี้ได้วัคซีนมีราคาลดลง และจัดหาวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ซีกโลกใต้จำนวนเพิ่มขึ้น จาก 4.5 ล้านโดสเป็น 6 ล้านโดส
2.โรคไข้เลือดออก แม้ผู้ป่วยมีแนวโน้มลดลง อัตราตายสูงสุดในกลุ่มเด็กและช่วงอายุ 40 – 59 ปี ซึ่งยังคงเฝ้าระวังและเร่งรัดมาตรการป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับทราบความก้าวหน้าโครงการศึกษาวิจัยวัคซีนโรคไข้เลือดออก และให้อสม. สำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย รวมทั้งกำหนดนโยบายศึกษาเรื่องความปลอดภัยและการใช้ประโยชน์จริงในประเทศไทย โดยคาดว่าจะเริ่มพื้นที่นำร่อง ณ จ.นครพนม ในวันที่ 4 เมษายน 2568
3.โรคฝีดาษวานร พบผู้ป่วยสะสม 873 ราย เสียชีวิต 13 ราย โดย 12 รายเป็นเพศชาย และทุกรายตรวจพบเชื้อ HIV จึงได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ คัดกรองผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ให้บุคลากรทางการแพทย์ คลินิกและโรงพยาบาล เฝ้าระวังและให้ความรู้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งสนับสนุนการฉีดวัคซีนโรคฝีดาษให้กับกลุ่มเสี่ยงในจังหวัดเสี่ยงและไทยได้รับบริจาควัคซีนมาจากสมาพันธ์ ASEAN 2,220 โดส ซึ่งกำลังแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์กลุ่มเสี่ยง
4.โรคไวรัสตับอักเสบBและโรคไวรัสตับอักเสบC ที่นำไปสู่ภาวะตับแข็ง ตับวาย และมะเร็งตับได้ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยที่คัดกรองพบติดไวรัสตับอักเสบ B จำนวน 290,396 ราย แต่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเพียง 34,182 ราย คิดเป็น 13.33% แม้ว่าจะมีการคัดกรองมากแต่ผู้ที่เข้าตรวจยืนยัน และได้รับการรักษาครบตามโปรแกรมยังน้อย จึงจำเป็นต้องติดตามข้อมูลจากการคัดกรองและเฝ้าระวัง เพื่อให้การดูแลและรักษาเป็นไปอย่างครบวงจรก่อนส่งกลับชุมชน
กำหนดนโยบายและแนวทางการติดตามการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบบีและซี อย่างเป็นระบบในลักษณะ (Care-Code-Control) โดยCare – ใช้ข้อมูลคัดกรองเข้าสู่ระบบเฝ้าระวัง, Code – ใช้ข้อมูลดิจิทัลติดตามการตรวจยืนยันและการรักษา, Control – ติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง , พัฒนาโปรแกรม Hepatitis-BC-DDC กรมควบคุมโรค เชื่อมต่อกับระบบเฝ้าระวัง เน้นส่งเสริมให้ประชาชนมาตรวจยืนยันและเข้ารับการรักษาครบโปรแกรม เพื่อติดตามผู้ป่วยมารับการดูแลรักษาได้อย่างครอบคลุม และเพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งตับในอนาคต
เพิ่มด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ 3 แห่ง
นอกจากนี้ เห็นชอบร่างประกาศ 2 ฉบับ คือ
1.ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การจัดตั้งด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศเพิ่มเติม ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา (หนองเอี่ยน – สตึงบท) จังหวัดสระแก้ว ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
2. ร่างประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เรื่อง การเพิ่มเติมผู้แทนหน่วยงานของรัฐในคณะทำงานประจำช่องทางเข้าออก ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ 3 ด่าน คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ ด่านพรมแดนท่าลี่ จังหวัดเลย และท่าเรือปัตตานี จังหวัดปัตตานี พร้อมกันนี้ ยังมีการทบทวนคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
ที่ประชุมยังรับทราบการจัดทำอนุบัญญัติภายใต้พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 รวมถึงติดตามความก้าวหน้าการฉีดวัคซีน HPV ปีงบประมาณ 2568 ซึ่งมีการจัดกิจกรรมคิกออฟ 5 ภาค ใน 8 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี พิษณุโลก สุโขทัย หนองคาย มหาสารคาม ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ และปัตตานี ฉีดวัคซีนสะสม 700,860 โดส ในกลุ่มเด็ก ป.5 และผู้ที่เคยรับเข็มที่ 1 มาก่อน และกำลังจะฉีดกลุ่มที่ตกค้างอายุ 11- 20 ปี อีก 2 แสนโดส โดยไปรับวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแต่ละแห่งประกาศไว้
ด้าน นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล กล่าวว่า การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรีนั้น จะให้ใน 7 กลุ่มเสี่ยงตามเดิม คือ
1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
3.ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค คือ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน
4.บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
5.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ)
6.โรคอ้วน (น้ำหนัก > 100 กิโลกรัม หรือ BMI > 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร)
7.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
โดยจะเพิ่มตรงค่ายทหารและเรือนจำ ส่วนประชาชนทั่วไปยังเน้นการป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันการไอจาม หลีกเลี่ยงอยู่ในพื้นที่แออัด คนจำนวนมาก หากจำเป็นขอให้สวมหน้ากากอนามัย และดูแลสุขอนามัย การล้างมือ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
Collocation คืออะไร ทำไมคนเรียนภาษาอังกฤษต้องรู้

มีผู้กล่าวว่า Collocation คือปัญหาที่ทำให้คนไทยใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างไม่เป็นธรรมชาติ เพราะเราเรียนสองอย่างเป็นหลักคือคำศัพท์และไวยากรณ์ แล้วคุณเคยสงสัยหรือไม่ว่า Collocation คืออะไร ใช้อย่างไร ความจริงเราเชื่อว่าคุณต้องเคยเจอ Collocation มาบ้างแล้ว เพราะมันอยู่ในกลุ่มคำที่พบได้ในชีวิตประจำวัน เพียงแต่คุณอาจไม่รู้ว่ากลุ่มคำที่เจอนั้นคือสิ่งนี้ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปทำความรู้จักกลุ่มคำประเภทนี้กันดีกว่าครับ
Collocation คืออะไร ทำไมจึงมีความสำคัญ
Collocation หรือที่ในภาษาไทยเรียกว่า “คำปรากฏร่วม” คือการรวมกันของคำตั้งแต่สองคำขึ้นไป โดยจะมีความหมายเปลี่ยนไปจากเดิม (แบบแปลตรงตัวไม่ได้) หรือไม่เปลี่ยนไปจากเดิมก็ได้ สิ่งสำคัญคือเป็นคำที่ใช้คู่กันในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือเขียน บางคู่คำแม้ว่าจะมีคำอื่นที่ใช้แล้วให้ความหมายใกล้เคียงกันแต่เจ้าของภาษาก็เลือกใช้คำที่เป็น Collocation มากกว่า เช่นในภาษาไทยเราพูดได้ทั้งฝนตกหนัก / ฝนตกแรง / ลมแรง ในภาษาอังกฤษก็ใช้ heavy rain และ strong wind โดยไม่ใช้ strong rain หรือ hard rain โดย Collocation มีอย่างน้อย 7 ประเภทคือ
- Adverb + Adjective เช่น highly skilled, absolutely necessary และ extremely excited
- Adjective + Noun เช่น fresh air และ heavy rain
- Noun + Noun เช่น traffic jam, coffee cup และ mobile phone
- Noun + Verb ส่วนใหญ่จะเป็นการบอกว่าคำนามตัวไหนมักใช้คู่กับคำกริยาตัวไหนเช่น doorbell ring
- Verb + Noun เช่น make coffee, do homework และ take notes
- Verb + Preposition เช่น listen to และ talk about
- Verb + Adverb เช่น run quickly และ speak softly
เหตุที่ Collocation มีความสำคัญจนคนเรียนภาษาอังกฤษจำเป็นต้องทำความเข้าใจก็เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารในชีวิตประจำวัน ทั้งโดยผ่านการพูดและการเขียน เป็นกลุ่มคำที่เจ้าของภาษาใช้กันตามปกติ Collocation มีทั้งที่ความหมายตรงตัวแบบเห็นแล้วเข้าใจได้ทันทีถ้ารู้ความหมายของคำที่มารวมกัน หรือแบบที่มีความหมายเฉพาะ ฉะนั้นจึงต้องอาศัยการเรียนรู้และฝึกใช้ให้เกิดความคุ้นเคย นอกจากนี้บ่อยครั้งในการสอบ (เช่น IELTS) Collocation นี่แหละคือตัววัดว่าคุณเข้าใจภาษาอังกฤษจริงหรือไม่ ฉะนั้นคนที่จะสอบเพื่อเรียนในระดับที่สูงขึ้น เรียนต่อต่างประเทศ หรือเพื่อการทำงาน ก็จำเป็นต้องเข้าใจเรื่องนี้
สิ่งที่ต้องบอกอีกอย่างคือเมื่อคุณใช้ Collocation ผิด ผู้ฟังยังคงเข้าใจคุณ (ถ้าคุณเลือกใช้คำศัพท์ได้ตรงตามความหมาย) แต่ภาษาอังกฤษที่คุณใช้จะดูไม่เป็นธรรมชาติ เพราะไม่ตรงกับที่เจ้าของภาษาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น หากคุณพูดว่า strong rain คนฟังส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าคุณหมายถึง heavy rain เพราะฉะนั้นแม้ว่าการสื่อสารด้วย Collocation ที่ไม่ถูกต้องจะไม่ส่งผลต่อความเข้าใจ แต่การเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องจะทำให้คุณสื่อสารได้คล่องขึ้นทั้งการพูดและการเขียน รวมถึงทำให้ภาษาอังกฤษมีความเป็นธรรมชาติและเข้าใจเจ้าของภาษาได้มากขึ้นอีกด้วย
ฝึก Collocation จากไหนได้บ้าง
ได้บอกไปแล้วว่า Collocation อยู่ในชีวิตประจำวันของเจ้าของภาษา ไม่ว่าคุณจะเรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ตาม ฉะนั้นการฝึก collocation ที่ดีที่สุดคือการทำความคุ้นเคยกับภาษา โดยการอ่าน ดู และฟังจะทำให้เราได้ Collocation มากขึ้น ส่วนการพูดและเขียนก็จะช่วยให้ฝึกใช้ Collocation จนกระทั่งสามารถใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนถ้าจะหาความหมายของกลุ่มคำประเภทนี้ พจนานุกรมภาษาอังกฤษช่วยคุณได้ เช่น
– Longman Collocations Dictionary and Thesaurus
– Macmillan Collocations Dictionary
– Oxford Collocations Dictionary
– พจนานุกรมออนไลน์ เช่นเว็บดิคของ Longman เมื่อเราพิมพ์คำศัพท์ลงไปและคำนั้นมี collocation ก็จะมีส่วนหนึ่งในหน้าเว็บที่อธิบายจุดนี้โดยจะอยู่หลังจากความหมายและตัวอย่างประโยค
ตัวอย่าง Collocation ที่พบบ่อย
ปิดท้ายวันนี้ เมื่อเข้าใจความหมาย ประเภท ความสำคัญ และแหล่งที่เราจะพบ Collocation ได้แล้ว ก็มาดูตัวอย่าง Collocation ที่พบบ่อยกันดีกว่า ซึ่งตัวอย่างที่เลือกมาให้ดูในวันนี้จะเน้นไปที่ Collocation จากคำกริยาเป็นหลัก เพราะพบได้บ่อยและหลายคำก็อาจทำให้คุณสับสนได้
– have breakfast / lunch / dinner / a snac = กินมื้อเช้า / มื้อกลางวัน / มื้อเย็น / ของว่าง
– take a shower / bath = อาบน้ำ
– take a bus / train / taxi = ขึ้นรถบัส / รถไฟ / แท็กซี่
– take a break / take a rest = พักจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ
– pay (ที่ไม่เกี่ยวกับการจ่ายเงิน) เช่น pay attention = ใส่ใจ ตั้งใจ pay someone a compliment = ชมเชยใครสักคน
– break a promise = ผิดสัญญา
– catch a cold / have a cold = เป็นหวัด
– get married / divorced = แต่งงาน / หย่าร้าง นอกจากนี้ get ยังใช้กับอารมณ์ได้ด้วยเช่น get angry = โกรธ
– ตัวอย่าง Collocation ที่ใช้กับ make เช่น make breakfast (ทำอาหารเช้า) / make the bed (จัดเตียง) / make money (หาเงิน) / make a mistake (ทำผิดพลาด) / make a decision (ตัดสินใจ)
– ตัวอย่าง Collocation ที่ใช้กับ do เช่น do homework (ทำการบ้าน) / do exercise (ออกกำลังกาย) / do the dishes (ล้างจาน) / do a favor (ให้ความช่วยเหลือ) / do business (ทำธุรกิจ)
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
ไม่มีพื้นฐานกราฟิก ก็ออกแบบ-สร้างภาพได้ในพริบตาด้วย Canva ใน ChatGPT

ในยุคที่เนื้อหาภาพมีความสำคัญต่อการสื่อสารออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น โพสต์โซเชียลมีเดีย อินโฟกราฟิก ปกวิดีโอ หรือโลโก้ หลายคนอาจเคยใช้ Canva ในการออกแบบ แต่น้อยคนจะรู้ว่า ตอนนี้สามารถใช้ Canva ผ่าน ChatGPT ได้แล้ว!
โดยสามารถใช้งาน Canva ผ่าน ChatGPT ไม่จำเป็นต้องเปิดโปรแกรมออกแบบให้ยุ่งยาก แค่พิมพ์คำสั่ง (Prompt) ก็สามารถสร้างภาพได้ทันที เหมาะสำหรับทั้งนักสร้างคอนเทนต์ นักการตลาด หรือแม้แต่ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านการออกแบบ
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้รวบรวมวิธีติดตั้งและใช้งาน Canva ใน ChatGPT อย่างละเอียด ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงขั้นตอนการแก้ไขและดาวน์โหลดภาพ พร้อมเทคนิคที่จะช่วยให้การออกแบบเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น
พร้อมใช้งาน Canva ผ่าน ChatGPT แล้วหรือยัง? มาดูกันเลย!
1. ติดตั้งปลั๊กอิน Canva
– เข้าไปที่ ChatGPT Plugin Store
– ค้นหา “Canva” แล้วกด “Install”
– เปิดใช้งานปลั๊กอิน แล้วเริ่มสร้างภาพได้ทันที!
พร้อมออกแบบโลโก้ แบนเนอร์ และภาพคอนเทนต์ได้ง่าย ๆ

2. สร้างดีไซน์ที่ต้องการ
พิมพ์ไอเดียหรือรูปแบบที่ต้องการให้ ChatGPT สร้าง เช่น:
– “ออกแบบปก eBook สไตล์อนาคตสำหรับนิยายไซไฟ”
– “สร้างอินโฟกราฟิกสรุปข่าวเทคโนโลยี
แค่ใส่คำสั่ง (Prompt) แล้ว AI จะช่วยออกแบบให้อัตโนมัติ!
3. สร้างแบนเนอร์ได้ในไม่กี่วินาที
พิมพ์คำสั่งง่าย ๆ แล้วให้ AI ช่วยสร้าง เช่น:
-“ออกแบบภาพหน้าปก Youtube หรือ Facebook ธีมธุรกิจออนไลน์”
– “สร้างกราฟิกโปรโมตสินค้าสำหรับโซเชียลมีเดีย”
แค่บอกไอเดีย ChatGPT + Canva ก็ช่วยออกแบบได้ทันที

4. แก้ไขและดาวน์โหลดง่าย ๆ
– ปรับแต่งดีไซน์เพิ่มเติมใน Canva‘s Workshop
– แก้ไของค์ประกอบ สี ตัวอักษร ตามต้องการ
– กด “Download” และแชร์ผลงานได้ทันที!
ออกแบบง่าย ไม่ต้องมีพื้นฐาน ก็สร้างกราฟิกสวย ๆ ได้ในพริบตา!
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
5 อาหารที่ควรกินเมื่อมีอาการไอ ช่วยบรรเทาและฟื้นฟูสุขภาพในตัว

อาการไอเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่มีภารกิจมากมาย แต่เราสามารถบรรเทาอาการไอและฟื้นฟูสุขภาพได้ ด้วยอาหารบางชนิดที่ช่วยบรรเทาและเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน หากคุณกำลังมองหาอาหารที่จะช่วยลดอาการไอและฟื้นฟูสุขภาพ ลองมาดู 5 อาหารที่ควรกินเมื่อมีอาการไอ จะช่วยบรรเทาและฟื้นฟูสุขภาพของคุณได้ดีขึ้นแน่นอน ตามนี้เลย
5 อาหารที่ควรกินเมื่อมีอาการไอ
1.น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งเป็นสารธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการไอได้ดีมาก เพราะน้ำผึ้งมีความสามารถในการเคลือบคอและช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลำคอได้ พร้อมคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ และมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้ น้ำผึ้งยังช่วยให้หลอดลมขยายตัว ลดการระคายเคืองและการไอได้ดี คำแนะนำคือให้ดื่มน้ำผึ้งผสมกับน้ำอุ่นหรือชาสมุนไพร จะช่วยบรรเทาอาการไอได้อย่างรวดเร็ว
2.ขิง
ขิงมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ และเสริมสร้างการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย ซึ่งช่วยลดการระคายเคืองในลำคอ และช่วยให้ระบบทางเดินหายใจทำงานได้ดีขึ้น โดยขิงมีสารที่ช่วยกระตุ้นการขับเสมหะออกจากร่างกาย ซึ่งช่วยให้ลดอาการไออย่างประสิทธิภาพมาก การดื่มชาเขียวผสมขิง หรือการทานขิงสด สามารถช่วยบรรเทาอาการไอได้ดี นอกจากนี้ ขิงยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
3.กล้วยสุก
กล้วยมีเนื้อนุ่มและมีความชุ่มชื้น จะช่วยเคลือบลำคอแล้วลดการระคายเคืองได้ ทำให้ไม่ไอมากนัก พร้อมมีโพแทสเซียมและวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อที่ทำให้ไอได้ และมีเส้นใยที่ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลำคอได้ดีเลยทีเดียว
4.กระเทียม
กระเทียมเป็นอาหารที่มีสรรพคุณในการต้านการติดเชื้อและลดการอักเสบ ซึ่งมีสารอัลลิซินที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่อาจทำให้เกิดการไอ การทานกระเทียมช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกัน และสามารถลดอาการอักเสบในลำคอได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ กระเทียมยังช่วยลดการสะสมของเสมหะ ซึ่งช่วยให้การไอของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5.น้ำมะนาว
น้ำมะนาวเป็นแหล่งของวิตามินซี ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและบรรเทาอาการไอ น้ำมะนาวยังมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบในลำคอและช่วยละลายเสมหะ ซึ่งทำให้การไอมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ น้ำมะนาวยังช่วยขับสารพิษในร่างกาย และให้ความรู้สึกสดชื่น การดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำอุ่นหรือชาสมุนไพร จะช่วยบรรเทาอาการไอได้ดี
การเลือกอาหารที่ช่วยลดอาการไอ สามารถช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองในลำคอได้ จึงควรเลือกอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงระบบทางเดินหายใจและลดการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น นอกจากนี้ การดื่มน้ำอุ่นหรือซุปก็ช่วยให้ลำคอชุ่มชื้น ลดอาการไอและป้องกันการเกิดการระคายเคืองจากอากาศแห้งได้อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 11/03/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 46,350.00 | 46,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,002.00 | 45,510.32 | 47,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,701.80 | 40,959.29 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,401.60 | 36,408.26 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,351.00 | 20,481.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,051.00 | 15,933.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,111.00 | 47,162.76 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 11/03/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.65 | 34.65 | 35.15 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.28 | 34.28 | 34.78 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.44 | 32.44 | 32.94 | 32.44 | 32.44 | – | 32.44 | 32.44 | 32.44 | 32.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 30.79 | 30.79 | – | – | – | – | – | – | – | 30.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.24 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 43.24 |
เบนซิน 95 | 42.94 | – | – | – | 49.81 | – | 43.44 | 43.09 | – | 42.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |