อสังหาวุ่น! EIAรั้งคอนโดไม่โต!เบนเข็มลุยแนวราบ-รุกต่างจังหวัด

อสังหาวุ่น!เมื่อการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA กลายเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญการพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพราะรอการอนุมัติ ใช้เวลาเป็นปีหรือมากกว่านั้น! เป็นตัวรั้งคอนโดไม่โต!หลายรายเบนเข็มลุยแนวราบ-รุกต่างจังหวัด
ล่าสุดศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอน EIA และใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ 125 สาทร ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับหรูบนถนนสาทร ด้านหน้าโครงการ เดอะเม็ท
โครงการ 125 สาทร พัฒนาโดย บริษัท พีเอ็มที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทญี่ปุ่นอีก 2 แห่ง คือ บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท โทเร คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเปิดขายและเริ่มการก่อสร้างไปแล้ว
สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด กล่าวว่า การจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA หากมีเรื่องของความขัดแย้งกับชุมชนโดยรอบเข้ามาเกี่ยวข้องก็อาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวและจัดการได้ยาก ผู้ประกอบการบางรายจำเป็นต้องยกเลิกการขาย หรือการพัฒนาโครงการไปเลย เพราะมีปัญหาขัดแย้งกับชุมชนโดยรอบ หรืออาจต้องเปลี่ยนรูปแบบของโครงการ รวมไปถึงเปลี่ยนประเภทของโครงการที่จะพัฒนา
โครงการที่มีปัญหาและเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้ เช่นเดอะไลน์ สาทร ของแสนสิริ โรงแรมดิเอทัส ซอยร่วมฤดี โครงการคอนโดมิเนียม ศุภาลัย ลอฟท์ รัชดาฯ-วงศ์สว่าง แอชตัน อโศก ซึ่งศาลปกครองมีคำสั่งเพิกถอนรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และใบอนุญาตก่อสร้างไปแล้วเหล่านี้อาจไม่มีความเสียหายทั้งในฝั่งของผู้ประกอบการ ผู้ซื้อ ชุมชนโดยรอบ และหน่วยงานราชการต่างๆ
“หากปัญหาต่างๆ รวมไปถึงข้อขัดแย้ง และความไม่ถูกต้อง ได้มีการจัดการและมีทางออกที่เหมาะสมกับทุกฝ่ายก่อนที่จะมีการยื่นขออนุญาตขั้นตอนต่างๆ และก่อนเริ่มการก่อสร้าง แต่บางครั้งปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข หรือผู้ประกอบการเพิกเฉยจนเรื่องราวถึงขั้นต้องพึ่งการตัดสินของศาลปกครอง เพราะผู้ประกอบการเลือกที่จะยื่นขออนุญาตขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้ได้ใบอนุญาตต่างๆ มาครอบครองไว้ก่อน”
จากนั้น เมื่อมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นก็อาจจะใช้ใบอนุญาตต่างๆ เป็นเกราะป้องกันหรือเป็นเครื่องมือในการแสดงออกว่าตนไม่ผิด ถ้าทำผิดจริงทำไมหน่วยงานราชการต่างๆ หลายหน่วยงานออกใบอนุญาตต่างๆ ให้กับโครงการ แม้ว่าสุดท้ายแล้วศาลปกครองจะมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตต่างๆ ทั้งหมดแล้วก็ตาม
ดิฐวัฒน์ อิสสระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานสร้างสรรค์สื่อ และเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัญหาของการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA คือ กฎไม่ชัดเจน เป็นเรื่องของความรู้สึกค่อนข้างมาก ลามไปเกี่ยวข้องกับการบังแดด บังลม ทั้งที่มีกฎหมายก่อสร้างบังคับใช้อยู่แล้ว
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเจอกฎ EIA ในช่วงเกิดโควิดในโครงการเกี่ยวการแยกขยะเพิ่งเกิดขึ้น จนกลายเป็นประเด็นที่ทำให้โครงการเกิดความล่าช้า ทำให้การพัฒนาโครงการสะดุด! เสียเงิน เสียเวลา แทนที่จะทำให้เป็นมาตรฐานที่มีการตรวจสอบที่ชัดเจน เพราะกรรมการที่ตรวจสอบเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ซึ่งความเห็นของกรรมการเปลี่ยนไปไม่มีความชัดเจน
“จนทำให้เกิดความรู้สึกว่า ไม่อยากสร้างตึกสูง เพราะเหนื่อย ถ้า EIA มีความชัดเจน จะทำให้การทำงานง่ายขึ้น และไม่เกิดปัญหาตามมาภายหลัง จากที่ผ่านมา เจอเรื่องที่เหนื่อยมามากแล้ว ยังต้องมาเจอ EIA อีก จึงหันไปทำแนวราบและออกไปต่างจังหวัดมากขึ้น”
โอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันการรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม มีเรื่องร้องเรียนเข้าไปจำนวนมาก คนที่อยู่รอบโครงการพยายามรักษาสิทธิตัวเอง ส่วนกรรมการพยายามระมัดระวังตัวเอง จึงเป็นเรื่องยาก ไม่เหมือนกฎหมายควบคุมอาคารที่ชี้ผิดชี้ถูกได้ตามตัวอักษรเพราะกฎหมายสิ่งแวดล้อมใช้ “ดุลพินิจ” จับต้องไม่ได้จึงเป็นเรื่องยาก
ปัจจุบันการขอ EIA ต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 11 เดือน จากสมัยก่อนใช้เวลา 4 เดือน สามารถอนุมัติได้แล้ว ถ้าไม่อนุมัติรอบที่สองต้องรออีก 11 เดือน ถ้าไม่อนุมัติอีกต้องรออีก 11 เดือน
สำหรับบริษัท โครงการที่รอนานที่สุด คือ คอนโดมิเนียม ในทำเลปิ่นเกล้า ตรงนี้ถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมทำให้เป็นต้นทุนเพิ่มขึ้น จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ในระยะสั้นหันมาทำโครงการแนวราบมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหา เพราะที่ผ่านได้ยื่นขอ EIA คอนโดมิเนียมหลายทำเลแต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ อาทิ ปิ่นเกล้า อ่อนนุช รามอินทรา อมตะ ล่าสุดเพิ่งได้รับการอนุมัติที่บางหว้า ส่งผลให้ในปีหน้าบริษัทเน้นการเปิดตัวโครงการแนวราบจำนวน 13 โครงการมูลค่า 10,000 ล้านบาท ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมต้องรอให้ผ่าน EIA ก่อนถึงจะเปิดขาย
“สิ่งที่แก้ยากคือปัญหาเรื่องบังแดด บังลม เป็นเรื่องหลักที่ใช้ต่อสู้กันมีผลแพ้ชนะ ทำคอนโดมิเนียมถ้าไม่บังแดดบังลมทำอย่างไร ประเด็นนี้เป็นอุปสรรคในการพัฒนา”
โอภาส ระบุว่า หากมองภาพรวม ถ้าพัฒนาโครงการในเมืองต้องเป็นอาคารสูงอยู่แล้ว จึงไม่ควรจะมีข้อจำกัดจาก EIA เรื่องบังแดดบังลม เพราะถ้าผังเมืองอนุญาตให้สร้างอาคารสูงได้ก็ควรจะดำเนินการได้ ขณะนี้ไม่มีหลักยึดและความชัดเจน ในฐานะคนทำธุรกิจไม่ได้กลัวเรื่องกฎหมายหรือกฎระเบียบแต่ขอให้มีความชัดเจนเพื่อมีทางออกร่วมกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ส่องเทรนด์บ้านเดี่ยวราคาพุ่ง!ดีเวลลอปเปอร์อัดส่วนลดกระตุ้นซื้อ

ส่องเทรนด์บ้านเดี่ยวราคาพุ่ง! ติดกัน3ไตรมาส ดีเวลลอปเปอร์แห่อัดส่วนลดกระตุ้นซื้อ ทาวน์เฮ้าส์ “ทรงตัว” ราคาคอนโดใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีทิศทางที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังโควิด-19 ขณะที่พื้นที่ปริมณฑลปรับตัว “ลดลง”
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานดัชนีราคาที่อยู่อาศัยใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายไตรมาส 3 ปี 2566 พบว่า ราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในภาพรวมในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ค่าดัชนีเพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 5 ไตรมาส ส่วนคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น1.2 %
วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาบ้านจัดสรรที่เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าราคาบ้านจัดสรรในไตรมาส 3 ปี 2566 ได้มีการปรับราคาขึ้นจากปีที่แล้วมาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากต้นทุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจากปัจจัยหลายประการ เช่น ราคาที่ดิน ค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นล้วนมีผลโดยตรงต่อต้นทุนการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ส่งผลให้การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ออกมาสู่ตลาดที่เปิดตัวโครงการในปี 2565-2566 มีราคาเสนอขายเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น
ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2566 เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 5 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565 ถึงไตรมาส 3 ปี 2566 ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ เพิ่ม 1.8 % แต่โดยภาพรวมราคาของทาวน์เฮ้าส์ “ทรงตัว” จากปีก่อนหน้า หากดูค่าเฉลี่ยของดัชนีในปี 2565 และปี 2566 (3 ไตรมาส) เทียบกันจะพบว่าราคาทาวน์เฮ้าส์ใน 3 จังหวัดปริมณฑลค่อนข้างทรงตัว อาจเนื่องมาจากต้นทุนของราคาที่ดินในจังหวัดปริมณฑลไม่สูงเท่ากับในกรุงเทพฯ จึงทำให้ผู้ประกอบยังพอที่จะตรึงราคาบ้านให้สอดคล้องกับความสามารถในการซื้อของผู้บริโภค

ขณะเดียวกัน เพื่อกระตุ้นยอดขายของบ้านจัดสรรพบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์โปรโมชั่นโดยการให้ของแถมมากที่สุด เช่น ฟรีแอร์ ม่าน ปั๊มน้ำ แท้งก์น้ำ มิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า จัดสวน ปูหญ้า รองลงมาเป็นการช่วยค่าใช้จ่าย ณ วันโอน เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ซื้อ
สำหรับ ดัชนีราคาภาพรวมคอนโดมิเนียม/ห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 3 ปี 2566 เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มีข้อสังเกตว่า ดัชนีราคาคอนโดมิเนียม/ห้องชุดใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีทิศทางที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยปรับตัวขึ้นติดต่อกันมาแล้ว 3 ไตรมาส ตั้งแต่ ไตรมาส 1 ปี 2566 ถึงไตรมาส 3 ปี 2566ขณะที่พื้นที่จังหวัดปริมณฑลที่ยังคงปรับตัว “ลดลง” อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปรับตัว “ลดลง” ต่อเนื่องกัน 4 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2565
ทั้งนี้ส่วนหนึ่งยังคงเป็นโครงการเก่าที่มีการเปิดขายมาก่อนปี 2564 ที่ยังขายไม่หมด! อาจเป็นผลจากการที่ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และภาวะหนี้สินครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 90% ซึ่งเป็นปัจจัยลบที่ส่งผลต่อกำลังซื้อส่งผลให้ผู้ประกอบการใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้น โดยการให้ส่วนลดเงินสด และลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย รวมทั้งให้ของแถมซึ่งมีสัดส่วนรวมกันสูงถึง 72.4 %
มีข้อสังเกตว่าเป็นการลดราคาของโครงการเก่าที่เปิดขายมาก่อนปี 2564 เนื่องจากต้นทุนการผลิตยังคงต้นทุนเดิมที่ราคาวัสดุก่อสร้างยังไม่ปรับขึ้น ค่าแรงงานยังไม่ปรับตัวขึ้น
สำหรับรายการส่งเสริมการขายคอนโดมิเนียม/ห้องชุดใหม่ ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้พบว่า ส่วนใหญ่ 38.4 %เป็นของแถม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีสัดส่วน 37.7% สำหรับรูปแบบการส่งเสริมการขายเป็นการให้ส่วนลดเงินสด มีสัดส่วน 35.3% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วน 34.7% และการให้ส่วนลดฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ มีสัดส่วน 26.4% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งมีสัดส่วน 27.5%
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 12ต.ค. “ อ่อนค่า”ที่ระดับ 36.43 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทแข็งค่าขึ้นเช่นเดียวกับสกุลเงินหลักและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยังคงอ่อนค่าลง มองเงินบาทอาจเริ่มชะลอการแข็งค่าลงบ้าง วันนี้ คาดว่ากรอบจะอยู่ที่ระดับ 36.30-36.45 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ 12ต.ค.2566 ที่ระดับ 36.43 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.41 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจเริ่มชะลอลงบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ
เพื่อประเมินว่า ทิศทางนโยบายการเงินของเฟดนั้นจะมีโอกาสใกล้เคียงกับสิ่งที่ตลาดกำลังคาดการณ์อยู่ หรือ price-in ไปแล้ว หรือไม่ ทำให้โดยรวมเงินบาทอาจแกว่งตัว sideway ไปก่อน และในระหว่างวันเงินบาทก็อาจผันผวนไปตามทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ
เรามองว่า ควรระมัดระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยหากอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ นั้นชะลอลงตามที่ตลาดคาดการณ์ หรือ
ชะลอลงมากกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งมั่นใจต่อการประเมินทิศทางนโยบายการเงินของเฟดล่าสุด ซึ่งผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว และเฟดอาจลดดอกเบี้ยลงราว -75bps โดยเฟดอาจเริ่มลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิถุนายน
กรณีนี้ เรามองว่า เงินบาทก็อาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นไปมาก เพราะภาพดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ตลาดได้รับรู้ หรือ price-in ไปแล้วพอสมควร แต่เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นต่อได้พอสมควร ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ หากรายงานอัตราเงินเฟ้อดังกล่าว ทำให้ตลาดมองว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น หรือ ลึกขึ้น กว่าที่กำลังประเมินอยู่ในปัจจุบัน
ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ออกมาสูงกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลว่า เฟดอาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือ เฟดก็คงไม่รีบลดดอกเบี้ยลงและอาจลดดอกเบี้ยลงได้แค่ตาม Dot Plot ล่าสุด ซึ่งภาพดังกล่าว จะหนุนให้เงินดอลลาร์รีบาวด์แข็งค่าขึ้นมา พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ไม่ยาก และกดดันให้เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงได้
ทั้งนี้ เราประเมินว่า โซนแนวต้านของเงินบาทอาจอยู่ในช่วง 36.60 บาทต่อดอลลาร์ และ 36.80 บาทต่อดอลลาร์ เป็นโซนถัดไป ขณะที่โซนแนวรับแรกจะอยู่แถว 36.25-36.30 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งหากเงินบาทแข็งค่าทะลุโซนดังกล่าว ก็จะเปิดทางแข็งค่าต่อทดสอบแนวรับสำคัญที่ 36.00 บาทต่อดอลลาร์
เรายังคงมองว่า ทุกสินทรัพย์ยังอยู่ในช่วงเผชิญความผันผวนสูง จากทั้งความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายการเงิน ความกังวลแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ทำให้เราคงคำแนะนำว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และนอกเหนือจากการใช้เครื่องมือดังกล่าว
การเลือกทำธุรกรรมในสกุลเงินท้องถิ่น (Local Currency) ก็เป็นอีกแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจ ซึ่งผู้ประกอบการควรเปรียบเทียบต้นทุนในการทำธุรกรรมและแผนการป้องกันความเสี่ยงก่อนตัดสินใจทุกครั้ง
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.30-36.45 บาท/ดอลลาร์ ในช่วงก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ
และประเมินกรอบเงินบาท 36.20-36.60 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ
โดยในช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน sideway (แกว่งตัวในช่วง 36.32-36.47 บาทต่อดอลลาร์) เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างรอจับตารายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯ นี้ ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และราคาทองคำ ต่างก็เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน
นอกจากนี้ สถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ก็ไม่ได้มีแนวโน้วที่จะบานปลายกลายเป็นความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่งผลให้บรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มทยอยกลับมาสู่ภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) มากขึ้น
รายงานการประชุมเฟดล่าสุดที่สะท้อนให้เห็นถึงท่าทีของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดที่ต่างระมัดระวังต่อการดำเนินนโยบายการเงินมากขึ้น ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดมองว่า ท่าทีดังกล่าวอาจสะท้อนว่า เฟดอาจไม่สามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อได้ หรือ
เฟดอาจไม่ได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อชะลอลง ซึ่งภาพดังกล่าวได้ส่งผลให้บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงและทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.43%
ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ปรับตัวขึ้นต่อราว +0.15% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้น Novo Nordisk +4.9% หลังบริษัทมีความคืบหน้าในการทดลองยาสำหรับรักษาภาวะไตวายในผู้ป่วนเบาหวาน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปกลับถูกกดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม โดยเฉพาะ LVMH -6.5% หลังรายงานผลกำไรโตชะลอลง แย่กว่าที่ตลาดคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม
ในฝั่งตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่มั่นใจมากขึ้นว่า เฟดอาจไม่จำเป็นต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยหรือคงดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นาน หลังเฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมเฟดล่าสุด รวมถึงความต้องการถือบอนด์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงตลาดยังคงกังวลภาวะสงคราม ยังคงส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
แกว่งตัวใกล้ระดับ 4.56% โดยบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังไม่สามารถพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นได้ชัดเจน ซึ่งเป็นไปได้ว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสฯ นี้ ทำให้บอนด์ยีลด์ระยะยาว ยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนต่อ อย่างไรก็ตาม เราคงแนะนำ Buy on Dip ในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น
ทางด้านตลาดค่าเงิน ผู้เล่นในตลาดยังไม่รีบปรับลดสถานะการถือครองเงินดอลลาร์ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดจะเริ่มมั่นใจมากขึ้นว่า เฟดคงไม่สามารถดำเนินนโยบายการเงินตาม Dot Plot ล่าสุดได้ (จาก CME FedWatch Tool ล่าสุด ตลาดยังมองเฟดได้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว และอาจลดดอกเบี้ยลง -75bps ในปีหน้า)
เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ส่งผลให้โดยรวม เงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 105.7 จุด (กรอบ 105.6-106.1 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ ทั้งบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ส่งผลให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,888 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อนึ่ง เรามองว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา อาจหนุนให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรได้ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นหรือชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิด คือ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจเพิ่มขึ้นราว +0.3%m/m หรือ +3.6%y/y หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของราคาพลังงาน
รวมถึงการพลิกกลับมาเพิ่มขึ้นของราคารถยนต์มือหนึ่งและมือสอง ซึ่งก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI เพิ่มขึ้น +0.3%m/m หรือ +4.1%y/y ทั้งนี้
ส่วนในฝั่งยุโรป ตลาดจะรอจับตา รายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ล่าสุด รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB เพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินของ ECB
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะยังคงติดตามสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส ว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น หรือ สงครามจะขยายวงกว้างจนกระทบทั้งภูมิภาคตะวันออกกลางหรือไม่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 36.34-36.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 36.42 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นเช่นเดียวกับสกุลเงินหลักและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ยัง คงอ่อนค่าลงท่ามกลางมุมมองของตลาดที่ให้น้ำหนักมากขึ้นกับโอกาสที่เฟดอาจจบรอบการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบนี้แล้ว หลังจากบันทึกการประชุมเฟดสะท้อนว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องความจำเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ เบื้องต้นคาดไว้ที่ 36.30-36.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ทิศทางสกุลเงินในภูมิภาค สถานการณ์ในอิสราเอล และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“บาส-ปอป้อ” เชือดไต้หวัน ลิ่วรอบสองแบดฟินแลนด์

“บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย คู่ผสมมืออันดับ 5 ของโลก และมือวางอันดับ 2 ของรายการ ประเดิมคว้าชัย ผ่านเข้ารอบสองการแข่งขันแบดมินตันเวิลด์ทัวร์ซูเปอร์ 500 รายการ “อาร์กติก โอเพ่น 2023” ที่ประเทศฟินแลนด์ เมื่อคืนวันที่ 10 ตุลาคม
รอบแรก ประเภทคู่ผสม “บาส-ปอป้อ” เจอกับ หยาง โป ซวน-หู หลิง ฟาง มืออันดับ 31 ของโลกจากไต้หวัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายยังไม่เคยเจอกันมาก่อน ผลปรากฏว่า คู่ของไทยที่แพ้ไปก่อนในเกมแรกพลิกกลับมาเอาชนะไปได้ 2-1 เกม 20-22, 21-16, 21-10 ใช้เวลา 50 นาที
ในรอบสอง(16 คู่) บาส-ปอป้อจะเข้าไปพบ เย่ หง เหว่ย-ลี เชีย ซิน มืออันดับ 14 ของโลกจากไต้หวัน
ด้านคู่ผสมของไทยอีกคู่ “เอ็ม” สุภัค จอมเกาะ-“เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน มืออันดับ 13 ของโลก เจอศึกหนักกับมืออันดับ 3 ของโลกและเต็งหนึ่งของรายการจากจีน เฟิง หยาน เจ๋อ-หวง ตง ปิง ซึ่งเอ็ม-เฟมเพิ่งแพ้มาสองเกมรวดในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศจีน ผลปรากฏว่า คู่ของจีนยังเหนือกว่า เอาชนะไป 2-0 เกม 21-16, 23-21 นับเป็นชัยชนะ 5 ครั้งรวดที่เจอกันมา
ส่วนผลหญิงเดี่ยว “ครีม” บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์ มืออันดับ 14 ของโลก ชนะ ลอเรน แลม มืออันดับ 43 ของโลกจากสหรัฐอเมริกา 2-0 เกม 21-9, 21-7 “เม” ศุภนิดา เกตุทอง มืออันดับ 19 ของโลก ชนะ มัลวิกา บันสด มืออันดับ 51 ของโลกจากอินเดีย 2-0 เกม 21-10, 21-5 และ“หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ มืออันดับ 12 ของโลก ชนะ คริสตี้ กิลมัวร์ มืออันดับ 28 ของโลกจากสกอตแลนด์ 2-0 เกม 21-18, 21-16
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
นักวิจัยชี้ “ไขมัน” เหล่านี้ ไม่ได้ทำให้อ้วน

หลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต (แป้ง) เป็นสารอาหารที่เป็นสาเหตุสำคัญในการทำให้เราน้ำหนักขึ้น หรือเป็นโรคอ้วนหากรับประทานไม่เหมาะสม แต่งานวิจัยล่าสุดจากนักวิทยาศาสตร์ในประเทศสเปน ระบุว่า ไขมันบางชนิดไม่ได้ทำให้เราอ้วนขึ้น และไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรร้ายแรงต่อร่างกายมากนัก
โดยงานวิจัยดังกล่าวเริ่มต้นศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ชาย และผู้หญิงวัยกลางคนราว 7,447 คน ที่ส่วนใหญ่ประสบปัญหาน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคหัวใจ
กลุ่มหนึ่งเริ่มทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ที่เน้นผักผลไม้สด และโปรตีนไขมันน้อยอย่าง ปลา และเพิ่มด้วยน้ำมันมะกอก และถั่ว ใช้เวลาในการทานอาหารดังกล่าวนานถึง 5 ปี โดยไม่นับจำนวนแคลอรี่ที่ทานเข้าไป อีกกลุ่มหนึ่งให้ทานอาหารไขมันต่ำ และไม่ได้นับจำนวนแคลอรี่ที่ทานในแต่ละวันเช่นกัน
กลุ่มที่ทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน ได้ทานผักผลไม้สด และปลามากกว่า และทานเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนมน้อยกว่ากลุ่มที่ทานอาหารไขมันต่ำ แต่ผลปรากฏว่ากลุ่มที่ทานอาหารเมดิเตอร์เรเนียนเฉลี่ยแล้วมีน้ำหนักมากกว่ากลุ่มที่ทานอาหารไขมันต่ำเล็กน้อย
ดังนั้น จากผลการทดลองนี้จึงพิสูจน์ได้ว่า คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนมเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อ้วน แต่อันที่จริงแล้วสารอาหารที่ทำให้อ้วนได้ง่ายกว่า คือคาร์โบไฮเดรต ที่เป็นแป้ง และน้ำตาล จากผลงานวิจัยอีกชิ้นพบว่า มีเพียง 3.6% ของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจที่มีสาเหตุมาจากไขมันอิ่มตัว ที่เราพบได้ในเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม และมากกว่า 10% ของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทานน้ำมันพืชที่สามารถพบได้ในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน
นอกจากนี้นักวิจัยยังระบุเพิ่มเติมว่า คนที่ดื่มนมชนิดมีไขมันตามปกติ มีโอกาสเสี่ยงเบาหวานน้อยกว่าคนที่ดื่มนมพร่องมันเนยถึง 46% อีกด้วย
เพราะฉะนั้น หากอยากลดน้ำหนัก และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วน เบาหวาน และโรคหัวใจ ควรเน้นลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต (แป้ง และน้ำตาล) มากกว่าที่จะกังวลกับอาหารที่มีไขมัน แต่ถึงอย่างไรเนื้อสัตว์ที่มีมันเยิ้มๆ ก็ไม่ควรทานมากนักเช่นกัน ควรเน้นทานไขมันดีอย่างน้ำมันมะกอก ถั่ว ปลาทะเล มากกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ต้องจดกันแล้ว รวมประโยคทัชใจจากเพลงแนวมูฟออน

เป็นเหมือนกันไหมครับ…
ไม่ว่าเราจะสุข จะทุกข์ หรือจะเศร้า เรามักจะเปิดเพลงฟัง เพื่อให้หัวใจได้รับรู้ถึงอารมณ์ และความรู้สึกของเราผ่านบทเพลงในตอนนั้น ซึ่งเวลาเจอข้อความ หรือประโยคในเพลงที่มันโดนใจ และตรงกับส่งที่เราคิดอยู่ มันจะมีความรู้สึกอินไปกับบทเพลงยิ่งขึ้น(โดยเฉพาะเวลาอกหัก) แต่ก็นะ มนุษย์เราเกิดมาเพื่อมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ดังนั้นเศร้าให้เต็มที่ แล้วเชิดหน้า ลุกขึ้นทำให้ชีวิตเราดีกว่าเดิม!
วันนี้แอดมินเลยมีประโยคโดนๆ ในเพลงแนวมูฟออน ที่อยากจะมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกัน กับ คอนเทนต์นี้
“ต้องจดกันแล้ว รวมประโยคจากเพลงแนวมูฟออน”
•Better by myself – อยู่ด้วยตัวของฉันเอง ดีกว่า
คำนี้ดีนะ ส่วนตัวแอดมินรู้สึกว่าให้ความหมายหนักแน่นดี “Better by myself – อยู่ด้วยตัวของฉันเองดีกว่า ”
(เพราะฉันอยู่กับเธอแล้วฉันปวดหัว) จริงๆจะมีอีกคำหนึ่งที่ความหมายคล้ายๆกัน
คือ I’m better off alone สวยๆทั้งคู่ หยิบไปตั้งสถานะได้เลยจ้า
•So I cut you off, I don’t need your love because I already cried enough.
แปลว่า “ฉันตัดคุณทิ้งไปแล้ว ฉันไม่ต้องการความรักจากคุณอีกแล้ว เพราะฉันร้องไห้มามากพอแล้วจ้า”งคู่ หยิบไปตั้งสถานะได้เลยจ้า
•I’ve been hoping someone will love you, let me go.
คำนี้ดีนะ ส่วนตัวแแปลว่า “ฉันหวังว่าสักวันคงมีคนมารักคุณแหละ ปล่อยฉันไปเถอะ”
ประโยคนี้ ต้องตัดสินใจแล้วว่าตัดเขาไปแน่ แต่เลือกพูดอ้อมๆเอาเนอะ
•We Are Never Getting Back Together
คำนี้ดี แปลว่า “เราคงไม่ได้กลับไปอยู่ด้วยกันแล้วแหละ”
•I will get over it.
แปลว่า “ฉันจะยอมรับ และ ผ่านมันไปให้ได้”
คำว่า get over something เป็น phrasal verb(กริยาวลี) ให้ความหมายว่า
“to accept an unpleasant fact or situation after dealing with it for a while”
(การที่ยอมรับความจริงที่ไม่ปรารถนา หรือ สิ่งที่ไม่สมหวังหลังจากเผชิญเหตุการณ์บางอย่างมา) เอาเป็นว่า สั้นๆ แต่มีความหมายชัดเจนว่า พร้อมมูฟออนแล้วจ้า
•It doesn’t hurt like it used to.
แปลว่า “มันไม่เจ็บเหมือนทีเคยเป็นมา”
Used to – คำนี้แปลว่า “เคย”
ประโยคที่มีความหมายในตัวชัดเจนเช่นกัน เมื่อวานเจ็บ แต่วันนี้ไม่เจ็บเท่าแล้วแหละ อิอิ
•I’m gonna smile because I deserve to.
แปลว่า” ฉันจะยิ้ม เพราะฉันคู่ควรที่่จะมีรอยยิ้ม”
จริงๆ ชอบประโยคนี้นะ คือมีความหมายดีมาก ตามที่กล่าวไปข้างต้น คือ เราเกิดมาเพื่อมีรอยยิ้มเนอะGonna – เป็นภาษาแบบไม่เป็นทางการ มาจากคำว่า going to ที่แปลว่า “จะ” นั่นเอง
•I feel nothing about you today, because I love the yesterday’s you.
แปลว่า “ฉันไม่รู้สึกอะไรกับคุณเลยทุกวันนี้ เพราะคนที่ฉันรักคือคุณคนก่อน”
แอดมินชอบคำนี้มากเลย “Yesterday’s you” ถ้าแปลตรงๆตามหลักการแสดงความเป็นเจ้าของ จะแปลว่า “คุณของเมื่อวาน” คราวนี้เราก็มาทำให้เข้ากับภาษาไทย เลยแปลได้ว่า “คุณที่เป็นคนเมื่อวาน หรือ คนที่เคยดีแบบก่อนหน้านี้” นั่นเอง
•Let bygone be bygone.
แปลว่า “อะไรที่แล้วมา ก็ให้มันแล้วไป”
จริงๆคำนี้เป็นสำนวนด้วยนะ โดยมีคำว่า Bygone(บาย-กอน) ให้ความหมายถึง สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องในอดีต เป็นตัวหลักของสำนวน หยิบไปใช้ได้เลย คูลไม่แผ่วเลยครับประโยคนี้
•It’s personal, myself and I
แปลว่า “มันเป็นเรื่องส่วนตัว ระหว่างฉันแล้วก็ตัวฉันเอง”
ประโยคนี้อาจอ่านแล้วแปลกๆ แต่ธรรมชาติของเนื้อเพลงสากล บางทีก็ไม่สนแกรมม่า เพราะมันต้องอาศัยคำที่เล่นกับความรู้สึก ซึ่งถ้าดูจากความหมายอย่างเดียว คือฟาดอยู่นะ “มันเป็นเรื่องส่วนตัว ระหว่างฉันแล้วก็ตัวฉันเอง” ไม่เกี่ยวกับแกแล้ว อย่ามายุ่งกับความรู้สึกฉัน
•I can have another you by tomorrow. So don’t you ever for a second get to thinking that you’re irreplaceable.
แปลว่า “ฉันมีคนอื่นได้เลยภายในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นอย่าสำคัญแม้แต่วินาทีเดียวว่าคุณคือคนที่ไม่มีใครมาแทนได้นะ”
ประโยคนี้คือฟาดมาก จะไม่ฟาดได้อย่างไร เพราะถูกขับร้องมาจากศิลปินสาวซุปเปอร์สตาร์ อย่าง Beyonce
โดยประโยคข้างต้นนั้น มาจากเพลง “Irreplaceable” นั่นเอง
•Please, go ahead and get gone.
แปลว่า “รบกวนคุณช่วยก้าวไปข้างหน้า แล้วหายไปเลยได้ไหมคะ”
อันนี้แอบดุนิดหน่อย แต่เราต้องมองหัวใจเราเองเป็นหลักเนอะ
•Please, go ahead Cause every day since you left me, I’ve thought less and less of you.
แปลว่า “รบกวนคุณช่วยก้าวไปข้างแปลว่า “เพราะทุกๆวันที่ ตั้งแต่ที่คุณทิ้งฉันไป ฉันก็คิดถึงคุณน้อยลง และน้อยลงไปทุกวัน”
•I know your heart belongs to someone you’ve yet to meet.
แปลว่า “ฉันรู้แล้ว ฉันว่าหัวใจคุณเหมาะกับใครบางที่คุณยังไม่เคยเจอแหละ” (คือใครก็ได้ ที่ไม่ใช่ฉันอะ) ลำไย!
•You might think that I can’t take it, but you’re wrong.
Because now I’m stronger than yesterday.
แปลว่า “คุณอาจคิดว่าฉันไม่สามารถรับมันไหว แต่คิดผิดแล้วจ้า เพราะวันนี้ฉันแข็งแกร่งกว่าเมื่อวานนะ”
ถือเป็นประโยคเด็ดๆจากเพลง Stronger จาก Britney spears
ขอบคุณข้อมูลจาก engnow.in.th
วางโทรศัพท์มือถือใกล้หัวนอนอันตรายหรือไม่ ?

ในสมัยที่มือถือออกมาให้คนได้ใช้งาน พ่อแม่มักจะพูดกับพวกเราเสมอว่าอย่าว่างมือถือใกล้ที่เรานอน หรือ หัวนอนนะจริงๆ แล้วการวางมือถือข้างเตียงมันอันตรายจริงไห วันนี้ Sanook Hitech มีคำตอบครับ
จริงๆ แล้วเรื่องนียังไม่มีข้อมูลพิสูจน์จากทางการแพทย์ที่ชัดเจนว่าการวางโทรศัพท์มือถือใกล้หัวนอนจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยบางชิ้นที่พบว่ามีความสัมพันธ์กัน แต่งานวิจัยเหล่านี้ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น ขนาดตัวอย่างไม่ใหญ่พอ ไม่ได้ควบคุมปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร “International Journal of Environmental Research and Public Health” ในปี 2022 พบว่าผู้ที่วางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้หัวนอนตอนนอน มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งสมองเพิ่มขึ้น 20% อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้มีผู้เข้าร่วมเพียง 1,022 คน และไม่ได้ควบคุมปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น พฤติกรรมการใช้โทรศัพท์มือถือ พฤติกรรมการนอนหลับ และปัจจัยทางพันธุกรรม เป็นต้น
รวมถึงในด้านงานวิจัยชิ้นอื่นที่ตีพิมพ์ในวารสาร “Environmental Health Perspectives” ในปี 2018 พบว่าผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น 22% อย่างไรก็ตาม งานวิจัยชิ้นนี้มีผู้เข้าร่วมเพียง 2,493 คน และไม่ได้ควบคุมปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น พฤติกรรมการนอนหลับ และปัจจัยทางพันธุกรรม เป็นต้น
ดังนั้น ในปัจจุบันจึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการวางโทรศัพท์มือถือใกล้หัวนอนจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้ จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และควบคุมปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- วางโทรศัพท์มือถือไว้ห่างจากตัวหรือศีรษะอย่างน้อย 1 เมตร
- ไม่ควรวางโทรศัพท์มือถือไว้ใต้หมอนหรือใกล้กับศีรษะขณะนอนหลับ
- ปิดโทรศัพท์มือถือเมื่อไม่ได้ใช้งาน
- หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ
หากปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงอันตรายจากการสัมผัสกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
10 ประโยชน์ของ “เต้าหู้” เมนูสุขภาพ ดีต่อร่างกายทุกเพศทุกวัย

หนึ่งในอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่อง “ดีต่อสุขภาพ” คงหนีไม่พ้น “เต้าหู้” ที่หลายๆ คนอาจจะนึกถึงอย่างแรกๆ เพราะเต้าหู้ขึ้นชื่อว่าเต็มไปด้วยโปรตีนไร้ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้เต้าหู้เป็นหนึ่งในส่วนประกอบของเมนูสุขภาพมากมาย แต่ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบคือ เต้าหู้มีดีกว่าการเป็นโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย ยังมีสารอาหารอีกหลายอย่างที่ดีต่อสุขภาพของคนทุกเพศทุกวัย และราคายังย่อมเยาอีกด้วย
10 ประโยชน์ของ “เต้าหู้”
- โปรตีนสูง เป็นอาหารอุดมไปด้วยโปรตีนที่คนที่กินมังสวิรัติ และคนกินเจควรกิน ฟองเต้าหู้จะมีโปรตีนมากที่สุด ตามมาด้วยเต้าหู้แข็ง และเต้าหู้อ่อน
- ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีในร่างกาย
- ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
- แคลอรี่ต่ำ ไขมันน้อย เหมาะกับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก
- สารฟิโตเคมิคัล ได้แก่ ไอโซฟลาวัน ในเต้าหู้ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเจ้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร
- มีเอสโตรเจน ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนในหญิงวัยหมดประจำเดือน
- มีแคลเซียม บำรุงกระดูก
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
- อุดมไปด้วยวิตามิน ทั้ง วิตามิน A, B, B1, B2, B6, B12, C, D, E และ ไนอาซิน เป็นต้น
- มีเลซิทิน ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มทักษะความจำ
วิธีเลือกกินเต้าหู้ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด
ควรเลือกกินเต้าหู้โดยผ่านการปรุงด้วยการต้ม นึ่ง มากกว่าการทอด และหากเลือกรับประทานเต้าหู้ให้หลากหลายแบบ ก็จะทำให้ได้สารอาหารที่มากขึ้นด้วย เช่น เต้าหู้เหลือง เต้าหู้ขาว เต้าหู้ไข่ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 12/10/2566
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 32,150.00 | 32,250.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,083.00 | 31,578.28 | 32,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,874.70 | 28,420.45 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,666.40 | 25,262.62 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 937.00 | 14,204.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 729.00 | 11,051.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,159.00 | 32,730.44 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/10/2566
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 38.15 | 38.15 | 38.65 | 38.15 | 38.45 | 38.15 | 38.15 | 38.15 | 38.15 | 38.15 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 37.88 | 37.88 | 38.38 | 37.88 | 38.18 | 37.88 | 37.88 | 37.88 | 37.88 | 37.88 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 35.84 | 35.84 | 36.34 | 35.84 | 36.14 | – | 35.84 | 35.84 | 35.84 | 35.84 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 35.99 | 35.99 | – | – | – | – | – | – | – | 35.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.34 | 48.84 | 49.54 | 48.84 | – | – | – | – | – | 44.34 |
เบนซิน 95 | 45.94 | – | – | – | 47.41 | – | 46.44 | 46.09 | – | 45.94 |
ดีเซล B7 | 29.94 | 29.94 | 30.34 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล | 29.94 | 29.94 | 30.34 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 | 29.94 |
ดีเซล B20 | 29.94 | 29.94 | 30.34 | – | 29.94 | – | – | – | – | 29.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 40.84 | 42.94 | 48.44 | 42.94 | 42.24 | – | – | – | – | 40.84 |
แก๊ส NGV | 17.59 | 17.59 | – | – | – | – | – | – | – | 17.59 |