สาระน่ารู้ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2568

พีดีเฮ้าส์ รุกเปิดซีรีย์ Well Being เจาะดีมานด์ครอบครัวใหญ่

พีดีเฮ้าส์ เปิดตัวบ้านรุ่นใหม่ที่ออกแบบให้รองรับการอยู่ร่วมหลายเจเนอเรชันด้วย Modular Planสามารถปรับพื้นที่เองได้เหมือนเล่นตัวต่อ เล็งเจาะดีมานด์ครอบครัวใหญ่

ทุกวันนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ได้แข่งกันที่ “สวยแค่ไหน” อีกต่อไปแต่แข่งกันที่ “บ้านหลังนั้นแก้ปัญหาชีวิตได้หรือไม่”และหนึ่งในปัญหาที่กำลังใหญ่ขึ้นทุกปีคือ

ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ “สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ”ทำให้ความต้องการบ้านที่ดูแลผู้สูงอายุได้ดี พร้อมรองรับครอบครัวหลายวัย กลายเป็นดีมานด์ใหม่ที่มาแรงกว่าเดิม

พีดีเฮ้าส์  ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทรับสร้างบ้าน จึงเลือกใช้จังหวะนี้ต่อยอดความสำเร็จของซีรีส์ Well Beingด้วยการเปิดตัว “Well Being Series III”บ้านที่ไม่ใช่แค่เพื่อผู้สูงอายุ แต่เพื่อ “หลายเจเนอเรชันที่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน”
 

จากเทรนด์ผู้สูงอายุสู่บ้านที่ต้องยืดหยุ่นกว่าเดิม

จิราภา สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อธิบายว่าซีรีส์ก่อนหน้าได้รับการตอบรับดีมาก โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ครอบครัวใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันหลายวัยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้น Well Being Series III จึงถูกออกแบบใหม่ทั้งหมดบนหลักคิดว่า

“บ้านต้องปรับตามคน ไม่ใช่คนปรับตามบ้าน”

และนั่นทำให้รูปแบบอาคารถูกวางในแบบตัว U และตัว Hเพื่อสร้าง “Court” พื้นที่อเนกประสงค์ตรงกลางบ้านซึ่งปรับได้ทั้งเป็นสวนสีเขียว ลานกิจกรรม หรือพื้นที่พักผ่อนของผู้สูงอายุ ดูเผินๆ นี่เป็นดีไซน์ แต่ในมุมธุรกิจ นี่คือการแก้ Pain Point ของครอบครัวใหญ่หลายบ้านที่ต้องการ “พื้นที่กลาง” ให้ทุกคนเชื่อมถึงกัน โดยไม่เสียความเป็นส่วนตัว

Modular Plan บ้านปรับได้เหมือนตัวต่อ

จุดเด่นที่สุดของ Series III คือการนำแนวคิด“Modular Plan”
มาใช้กับบ้านรับสร้างบ้านเป็นครั้งแรกของบริษัท

โมดูลาร์ คือการแบ่งบ้านเป็นชิ้นส่วน เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน ครัว ระเบียงซึ่งผู้ซื้อสามารถ “เพิ่ม-ลด-สลับตำแหน่ง” ได้เองอย่างอิสระ
แทนที่จะต้องเลือกระหว่างแบบบ้านตายตัว

นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญในอุตสาหกรรม เพราะ

  • ลดเวลาออกแบบ
  • ลดค่าใช้จ่ายการปรับแบบ
  • เพิ่มความตรงใจผู้ซื้อเฉพาะราย
  • และสร้างความรู้สึกว่า “บ้านหลังนี้ออกแบบมาเพื่อครอบครัวฉันจริงๆ”

หรือพูดง่ายๆ ก็คือPD House กำลังทำให้บ้านกลายเป็นสินค้ากึ่ง Customized ที่ยืดหยุ่นกว่าเดิมหลายเท่า

บ้านที่ออกแบบด้วย 4 หลักคิด เพื่อวันนี้และอนาคต

Well Being Series III ถูกวางบน 4 แกนหลักที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์โลก ได้แก่

  • บ้านประหยัดพลังงาน – วางผังรับแสงธรรมชาติ ลดการใช้ไฟ
  • บ้านสุขภาพ – วัสดุและระบบอากาศถูกออกแบบเพื่อสุขภาวะ
  • บ้านสำหรับผู้สูงอายุและทุกเจเนอเรชัน – ลดสเต็ป เส้นทางเดินกว้าง ปลอดภัย
  • นวัตกรรมก่อสร้างที่โปร่งใส – ทำให้ผู้ซื้อเห็นกระบวนการแบบ real-time

รูปแบบบ้านมีให้เลือก 2 รุ่น: W-540 และ W-541มี 2–3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 120–240 ตร.ม.ราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท พร้อมโปรส่งท้ายปีมูลค่า 4 ล้านบาท

โมเดลธุรกิจของการสร้างบ้านให้เข้ากับสังคมไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า

  • เมื่อโครงสร้างครอบครัวเปลี่ยน
  • เมื่อคนอยากอยู่บ้านนานขึ้น
  • และเมื่อบ้านต้องปรับตามเจ้าของได้

Modular Plan จึงเป็นไม้เด็ดที่ทำให้บ้านไม่ใช่ของตายตัวอีกต่อไป
นี่อาจเป็นสัญญาณว่าตลาดรับสร้างบ้านไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่
ยุคที่บ้านหนึ่งหลัง…ถูกออกแบบให้เปลี่ยนไปตาม “ชีวิตที่เปลี่ยนตลอดเวลา”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


อสังหาฯ ไทย รับเทรนด์โลกเปลี่ยน พร้อมปรับกลยุทธ์พลิกปี 69

TERRAHINT BRAND SERIES 2025 เปิดภาพใหญ่ตลาดอสังหาฯ ปี 2569 ครบทั้งเทรนด์โลก โจทย์เศรษฐกิจไทย และพฤติกรรมผู้บริโภค ปรับเกมรับ Climate-Longevity-Wellness จับทิศทางใหม่

งานสัมมนา TERRAHINT BRAND SERIES 2025 ซึ่งจัดโดย TerraBKK ได้ฉายภาพ “จุดตัดสำคัญ” ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ก่อนก้าวสู่ปี 2026 โดยหยิบยกทั้งมุมมองมหภาค และข้อมูลเชิงลึกจากฝั่งผู้บริโภคมาอธิบายทิศทางใหม่ของผู้ประกอบการที่กำลังมองหาช่องทางเติบโตในช่วงเศรษฐกิจผันผวน แม้ตลาดจะเผชิญปัญหากำลังซื้อถดถอย แต่สัญญาณจากหลายปัจจัยสะท้อนว่าตลาดอสังหาฯ ไทย “ยังมีทางไปต่อ” หากสามารถตอบโจทย์เทรนด์ใหญ่ที่กำลังกำหนดทิศทางโลก

Triple Helix กำหนดเกมอสังหาฯ โลก หนุนดีไซน์ปรับตัว

ดร.คฤตสา จินดานนท์ Head of Consulting TerraBKK นำเสนอภาพรวมเทรนด์โลกที่กำลังส่งผลต่อทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ ผ่านแนวคิด Triple Helix ได้แก่ Climate Resilience, Longevity และ Wellness ซึ่งกำลังกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของพฤติกรรมการอยู่อาศัยและต้นทุนการพัฒนาโครงการทั่วโลก ปัจจัยด้านภูมิอากาศถูกจัดให้เป็นตัวแปรที่ผู้พัฒนาต้องเร่งรับมือ เพราะการบังคับใช้มาตรการด้านคาร์บอนจะเข้มข้นขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นกฎของสหภาพยุโรป พ.ร.บ.โลกร้อนของไทย หรือเงื่อนไขด้าน Green Funding ที่สถาบันการเงินใช้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อโครงการ ขณะเดียวกัน ทิศทางการออกแบบที่อยู่อาศัยต้องก้าวเข้าสู่ยุค “บ้านที่ปรับตัวได้” เพื่อลดผลกระทบจากสภาพอากาศรุนแรงและรองรับการซ่อมแซมที่รวดเร็ว

อีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญ คือการเข้าสู่สังคมอายุยืนที่ทำให้การออกแบบ Universal Design และการสร้างชุมชนหลายเจเนอเรชันมีความจำเป็นมากขึ้น ผู้สูงอายุต้องการอยู่ในพื้นที่ที่คุ้นเคย ส่งผลให้ตลาดปรับปรุงบ้านเดิม (Home Modification) เติบโตตามไปด้วย ขณะเดียวกัน เทรนด์ Wellness ยังคงถูกผลักขึ้นมาเป็นคุณค่าหลักของโครงการที่อยู่อาศัย โดยผู้บริโภคต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี สิ่งแวดล้อมฟื้นฟูจิตใจ และพื้นที่ที่ช่วยลดความเครียดในโลกดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลต่อการออกแบบตั้งแต่โครงการระดับพรีเมียมจนถึงระดับเข้าถึงได้

ทำเล-ดีมานด์-กำลังซื้อใหม่กำหนดทิศอสังหาฯ ไทยปี 68

ด้านสถานการณ์ตลาดไทย ปิยะพร เลิศวิสุทธิไพบูลย์ Head of Research TerraBKK ระบุว่าปัญหาสำคัญในปัจจุบันคือ “วิกฤตความสามารถในการกู้ซื้อ” โดยเฉพาะกลุ่มราคาตํ่ากว่า 3 ล้านบาทที่มีอัตราปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 70% ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากต้องขยับไปเน้นตลาดบนที่เสี่ยงตํ่ากว่า แม้กำลังซื้อจะกระจุกตัว แต่ยังมีโอกาสเติบโตในตลาดแนวราบราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท โดยเฉพาะในทำเลชานเมืองที่ยังมีกลุ่มเรียลดีมานด์รอซื้อจำนวนมาก

จากการวิเคราะห์กว่า 4,000 โครงการพบว่าตลาดแต่ละทำเลมีทิศทางแตกต่างกัน โซน CBD ยังคงเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม ราคายืนสูงต่อเนื่อง ขณะที่โซน Urban เผชิญการหดตัวของคอนโดฯ อย่างหนัก ทำให้ทาวน์โฮมระดับไม่เกิน 10 ล้านบาทกลายเป็นสินค้าเด่น ด้านทำเลฝั่งตะวันออกและเหนือ-ตะวันตกยังคงมีสัญญาณเชิงบวกลูกผสมระหว่างราคาและอุปสงค์ ส่วนนนทบุรียังคงเป็นตลาดแนวราบที่โดดเด่น ด้วยระดับราคากลางที่ตอบโจทย์กำลังซื้อจริง

พฤติกรรมอยู่อาศัยเปลี่ยน ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต

ในอีกมุมหนึ่ง ข้อมูลเชิงลึกจากผลสำรวจผู้บริโภคของ TerraBKK ซึ่งเก็บจากทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ รวมกว่า 2,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ สะท้อนว่าความต้องการซื้อบ้านยังคงมีอยู่ แม้สถานการณ์เศรษฐกิจจะทำให้ผู้คนระมัดระวังมากขึ้น ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่นในแบรนด์ ระบบความปลอดภัย คุณภาพวัสดุ และตัวแปรด้าน Wellness มากกว่าเดิม โดยกลุ่มที่ซื้อบ้านเดี่ยวยังต้องการคุณภาพวัสดุที่ดี ส่วนผู้ซื้อคอนโดฯ เน้นแบรนด์และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่ผู้ซื้อทาวน์โฮมให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยและบริการที่จริงใจแต่ไม่ฟุ่มเฟือย

นอกจากนี้ ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมยังมีผลต่อทิศทางดีมานด์อย่างมีนัยสำคัญ เช่น การเพิ่มขึ้นของกลุ่มโสด ไม่ต้องการมีบุตร และการเติบโตของกลุ่ม YOLO, DINKs และ Financial Free ซึ่งกำลังกลายเป็นผู้ซื้อหลักในหลายทำเล กลุ่มเหล่านี้เน้นการซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตและความสะดวกสบายมากกว่าการลงทุนอย่างในอดีต

ภาพรวมทั้งหมดจากงานสัมมนาสะท้อนว่า แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยจะเดินอยู่ท่ามกลางแรงกดดันรอบด้าน แต่ปี 2026 ยังคงเปิดช่องทางให้ผู้ประกอบการที่สามารถปรับกลยุทธ์ได้ทัน ทั้งด้านทำเล การออกแบบสินค้า การสร้างความเชื่อมั่น และการตอบรับแนวโน้มสุขภาวะและประชากรใหม่ การแข่งขันในยุคนี้จึงไม่ได้วัดที่แค่ราคาหรือยอดขาย แต่เป็นการสร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนให้กับผู้อยู่อาศัยในระยะยาว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 12ธ.ค. “แข็งค่าขึ้น”ที่ระดับ 31.63 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินมีโอกาสแข็งค่า กรอบในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.55-31.80 บาท/ดอลลาร์ ส่วนเงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่า หลังตลาดยังคงมั่นใจเฟดจะลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 12ธ.ค.2568ที่ระดับ  31.63 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” จากระดับปิดของวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  31.77 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมั่นใจว่า เงินบาท (USDTHB) ยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น และมีโอกาสที่จะแข็งค่ามากกว่าระดับ สิ้นปีแถว 31.85+/-0.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราคาดการณ์ไว้ในรายงานบทวิเคราะห์ Global FX Outlook 2026 ได้

(สามารถอ่านได้ใน LineOA หรือขอรับบทวิเคราะห์ฉบับบเต็มจากทาง Sales ของ Krungthai Global Markets) โดยจากการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนกว่าจะสามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าทะลุโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ดี เรามองว่า ในช่วงนี้ ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ในส่วนของเงินดอลลาร์ก็อาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways

ทว่า อาจต้องรอติดตามบรรยากาศในตลาดการเงิน หลังผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นธีม AI อย่าง Oracle มากขึ้น ทำให้ หากตลาดการเงินพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ก็อาจหนุนให้ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อได้

และช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท แต่ภาวะดังกล่าวจะหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้มากน้อยเพียงใด อาจต้องติดตามว่า ผู้เล่นในตลาดจะเลือกถือครองเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หรือเลือกจะที่หลบความผันผวนในเงินเยนญี่ปุ่น (JPY)

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย หลังนายกฯ ได้ประกาศยุบสภา แม้จะเผชิญปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน อย่าง สถานการณ์การสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ยังคงร้อนแรงอยู่ ก็อาจเป็นปัจจัยที่ชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ หากบรรดาผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะทยอยขายทำกำไรสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น)

 ส่วนนักลงทุนต่างชาติก็อาจเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้บ้าง โดยอาจจะเน้นที่ฝั่งหุ้นเป็นหลัก เนื่องจากในส่วนบอนด์นั้น การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ระยะยาวไทยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บอนด์ระยะยาวไทยมีความน่าสนใจมากขึ้น ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดยังมั่นใจว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยยังมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้

เราประเมินว่า ความผันผวนของเงินบาทเสี่ยงที่จะสูงขึ้นและอย่างน้อยก็อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลักต่างๆ ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาทั้งสถานการณ์ Government Shutdown (ที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026)

 และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าโดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.55-31.80 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (แกว่งตัวในกรอบ 31.60-31.87 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดต่างยังคงมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปี 2026 มากกว่าที่เฟดระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด

นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่ได้อานิสงส์จากทั้งการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และความต้องการถือครองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ เริ่มเผชิญความไม่แน่นอน จากประเด็นความกังวลต่อผลประกอบการของหุ้นธีม AI รายใหญ่ อย่าง Oracle -10.8% ซึ่งส่งผลกดดันให้ บรรดาหุ้นธีม AI ต่างปรับตัวลดลง

บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังพอได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่มั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด

ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ถูกกดดันจากความกังวลแนวโน้มผลประกอบการของหุ้น AI ใหญ่ อย่าง Oracle -10.8% ซึ่งกดดันให้บรรดาหุ้นธีม AI ต่างปรับตัวลดลง ส่งผลโดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.21% แต่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลดลง -0.25%  

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.55% ตอบรับความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมของเฟด นอกจากนี้ บรรดาหุ้นกลุ่มธนาคารส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและหนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปก็เผชิญแรงกดดันบ้าง จากการย่อตัวลงของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor ไม่ต่างจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาทิ ASML -0.5%

ในส่วนตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ในกรอบ 4.10%-4.16% แม้ผู้เล่นในตลาดจะเชื่อว่า เฟดยังมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปี 2026 มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด แต่ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงมีความกังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ

รวมถึงความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด  ทำให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังไม่สามารถปรับตัวลดลงต่อเนื่องได้ โดยเราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดอาจรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ทิศทางตลาดการเงินโดยรวมที่ปัจจุบัน

ผู้เล่นในตลาดเริ่มกังวลผลประกอบการของหุ้น AI ใหญ่ อย่าง Oracle มากขึ้น รวมถึงแนวโน้มฐานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

โดยเรายังคงแนะนำให้ ผู้เล่นในตลาดรอจังหวะทยอยเข้าซื้อ (Buy on Dip) บอนด์ระยะยาว เน้นในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเท่านั้น อาทิ ระดับบอนด์ยีลด์เกิน 4.20% ก็จะเป็นระดับที่มีความน่าสนใจ และสามารถทยอยเข้าซื้อได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงเพิ่มเติม หลังผู้เล่นในตลาดยังคงมั่นใจว่า เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลงสู่โซน 98.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.1-98.7 จุด)

 ในส่วนของราคาทองคำ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงเชื่อว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ในปี 2026 มากกว่าที่เฟดระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด

กอปรกับภาวะระมัดระวังตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากความกังวลแนวโน้มผลประกอบการของหุ้น AI อย่าง Oracle ยังคงช่วยให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2026) สามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้น สู่โซน 4,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงิน

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งอังกฤษ อย่าง ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) และอัตราการเติบโตเศรษฐกิจรายเดือน (Monthly GDP) ในเดือนตุลาคม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวก็มีส่วนส่งผลต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้

และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังสหรัฐฯ ได้พยายามยุติสงครามดังกล่าวอีกครั้ง รวมถึงสถานการณ์การเมืองไทย หลังนายกฯ ได้ประกาศยุบสภา ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ยังร้อนแรงอยู่

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สรุปเหรียญซีเกมส์ 2025 ล่าสุด วันที่ 12 ธ.ค. 68 ไทยยังนำโด่งเหรียญทอง

การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 SEA Games 2025 ที่ประเทศไทย จะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ช่วงระหว่างวันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2568

หลังผ่านการแข่งขันเข้าสู่วันที่สาม “ทัพนักกีฬาปัญญาชนไทย” ยังคงนำโด่งในตารางเหรียญรางวัล หลังสามารถเก็บเหรียญรางวัลรวมได้ทั้งหมด 79 เหรียญ แบ่งเป็น 41 เหรียญทอง, 24 เหรียญเงิน และ 14 เหรียญทองแดง

ขณะที่อันดับ 2 เป็นทางด้าน เวียดนาม ที่ทำได้ 14 เหรียญทอง, อันดับ 3 อินโดนีเซีย 13 เหรียญทอง และ อันดับ 4 สิงคโปร์ 9 เหรียญทอง

สรุปเหรียญซีเกมส์ 2025 ล่าสุด วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม 2568

อันดับ 1 : ไทย 41 เหรียญทอง 24 เหรียญเงิน 14 เหรียญทองแดง รวม 79 เหรียญ
อันดับ 2 : เวียดนาม 14 เหรียญทอง 8 เหรียญเงิน 27 เหรียญทองแดง รวม 49 เหรียญ
อันดับ 3 : อินโดนีเซีย 13 เหรียญทอง 20 เหรียญเงิน 13 เหรียญทองแดง รวม 46 เหรียญ
อันดับ 4 : สิงคโปร์ 9 เหรียญทอง 10 เหรียญเงิน 13 เหรียญทองแดง รวม 32 เหรียญ
อันดับ 5 : ฟิลิปปินส์ 5 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน 21 เหรียญทองแดง รวม 33 เหรียญ
อันดับ 6 : มาเลเซีย 3 เหรียญทอง 12 เหรียญเงิน 21 เหรียญทองแดง รวม 36 เหรียญ
อันดับ 7 : เมียนมา 2 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง รวม 11 เหรียญ
อันดับ 8 : ลาว 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง รวม 11 เหรียญ
อันดับ 9 : บรูไน 0 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง รวม 2 เหรียญ
อันดับ 10 : ติมอร์ เลสเต 0 เหรียญทอง 0 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง รวม 2 เหรียญ
อันดับ 11 : กัมพูชา 0 เหรียญทอง 0 เหรียญเงิน 0 เหรียญทองแดง รวม 0 เหรียญ

ขณะที่ในวันนี้ (12 ธ.ค. 68) การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จะมีการชิง 58 เหรียญทอง ไฮไลต์สำคัญ เทควันโด ประเภทต่อสู้ แข่งขัน 5 รุ่น จอมเตะไทยลงสนามครบ มี “หยู” บัลลังก์ ทับทิมแดง ดีกรีแชมป์โลก และ “กีตาร์” กมลชนก สีเคน รองแชมป์โลก ปี 2023 นำทัพล่าแชมป์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เช็กค่าฝุ่น PM 2.5 วันนี้ 12 ธ.ค. 68 กทม. ส่วนใหญ่ยัง ‘ดี’ แนวโน้มลดลง

ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศ กทม. อัปเดตสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 วันที่ 12 ธ.ค. 68 ค่าเฉลี่ย กทม. อยู่ในเกณฑ์ดีถึงปานกลาง มีแนวโน้มลดลง เตรียมพร้อมรับมือ พร้อมตรวจสอบพื้นที่ก่อนเดินทาง

อัปเดตสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ล่าสุดวันนี้ 12 ธันวาคม 68 โดยศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ขอรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2568 เวลา 07:00 น. โดยค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 24.7 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) (ค่ามาตรฐาน 37.5 มคก./ลบ.ม.) โดย 10 อันดับ ของค่าฝุ่น PM2.5 เขตสูงสุดในกรุงเทพมหานคร

1. เขตลาดกระบัง 35.7 มคก./ลบ.ม.

2. เขตบางรัก 35.1 มคก./ลบ.ม.

3. เขตบางนา 34.6 มคก./ลบ.ม.

4. เขตปทุมวัน 33 มคก./ลบ.ม.

5. เขตบางคอแหลม 32.5 มคก./ลบ.ม.

6. เขตสาทร 31.3 มคก./ลบ.ม.

7. เขตมีนบุรี 30.5 มคก./ลบ.ม.

8. เขตประเวศ 29.4 มคก./ลบ.ม.

9. เขตพระโขนง 28.7 มคก./ลบ.ม.

10. เขตคลองสามวา 28.2 มคก./ลบ.ม.

กรุงเทพเหนือ

  • ตรวจวัดได้ 17.8 – 26.6 มคก./ลบ.ม.
  • ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ดี

กรุงเทพตะวันออก

  • ตรวจวัดได้ 16.6 – 35.7 มคก./ลบ.ม.
  • ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

กรุงเทพกลาง

  • ตรวจวัดได้ 19.4 – 25.8 มคก./ลบ.ม.
  • ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ดี

กรุงเทพใต้

  • ตรวจวัดได้ 17.2 – 35.1 มคก./ลบ.ม.
  • ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง

กรุงธนเหนือ

  • ตรวจวัดได้ 20.8 – 27 มคก./ลบ.ม.
  • ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ดี

กรุงธนใต้

  • ตรวจวัดได้ 19 – 27.4 มคก./ลบ.ม.
  • ภาพรวม : อยู่ในเกณฑ์ดี

ฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลง

  • ภาพรวม : คุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


New Year’s Resolutions ตั้งเป้าหมายชีวิตปีใหม่

  1. ลิสต์เป้าหมายแล้วเลือกสิ่งที่ใช่ การตั้งเป้าหมาย ไม่ใช่ว่าตั้งไว้เยอะ ๆ แล้วพุ่งชนมันให้หมด แต่ควรเป็นเป้าหมายที่เราอยากทำให้สำเร็จและเป็นไปได้จริง โดยอาจเริ่มต้นจากการลิสต์เป้าหมายทั้งหมดขึ้นมาก่อน แล้วทบทวนกับตัวเองเลือกในสิ่งสำคัญที่เราอยากทำมากที่สุด และจัดลำดับก่อน-หลังเพื่อให้เห็นทางพิชิตเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  2. เริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อย เป้าหมายของเราอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่โต บางครั้งเรื่องเล็ก ๆ แต่มีความหมายเมื่อเราทำสำเร็จก็ช่วยให้ชุ่มชื่นหัวใจไม่แพ้กัน และเมื่อเราทำเป้าหมายเล็ก ๆ สำเร็จแล้ว อาจจะค่อย ๆ เพิ่มดีกรีขึ้นไปเรื่อย ๆ ยิ่งเราทำสำเร็จมากเท่าไหร่ ความรู้สึกเราก็จะยิ่งพองโตเพราะเหมือนได้ค่อย ๆ ก้าวสู่ความสำเร็จไปทีละขั้นอีกด้วย
  3. ตั้งเป้าหมายทั้งเรื่องที่ควรทำและชอบทำ เราควรตั้งเป้าหมายให้ครอบคลุมทั้งในเรื่องที่ควรทำ และเรื่องที่เราชอบทำ เรื่องที่ควรทำอาจไม่ได้เป็นเรื่องที่เราอยากจะทำ แต่ก็เป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของเรา เช่น การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพิ่มทักษะในด้านต่าง ๆ และเรื่องที่เราชอบทำ อยากทำ ทำแล้วชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้นแม้ไม่ได้จำเป็น เช่น เดินทางท่องเที่ยว ตั้งแคมป์ เดินป่า เป็นต้น
  4. ลงรายละเอียดให้ชัดเจน หลังจากตั้งเป้าหมายแล้ว เราควรวางแผนคร่าว ๆ ให้เห็นว่าเราควรทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้น และวางไทม์ไลน์ให้ชัดว่าอยากให้สำเร็จเมื่อไหร่ เมื่อเริ่มเห็นแนวทางที่ชัดเจนแล้ว เราก็จะสามารถเริ่มลงมือได้ง่ายขึ้น โดยระหว่างทางวิธีการไปถึงเป้าหมายนั้นอาจจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับแผนที่วางไว้
  5. หมั่นทบทวนและมีวินัยกับตัวเองสม่ำเสมอ สิ่งสำคัญที่จะทำให้เป้าหมายเราเป็นจริงได้คือตัวเราเอง บางคนตั้งเป้าหมายไว้ต้นปีแล้วก็ทิ้งไว้จนลืม หรือบางทีก็ผัดวันประกันพรุ่งจนล่วงเลยข้ามไปอีกปี ดังนั้นเราจึงควรหมั่นทบทวนเป้าหมาย และติดตามความคืบหน้าว่าเข้าใกล้ความสำเร็จแค่ไหนแล้ว สร้างวินัยและความรับผิดชอบในเป้าหมายของตัวเอง เพื่อจะได้ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


ปักหมุด “ฝนดาวตกเจมินิดส์” ปรากฎการณ์แห่งปี 14 ธ.ค นี้ พร้อมพิกัดชมดาวตกทั่วประเทศ!

เตรียมตัวให้พร้อม! ชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ 2568 ทั่วไทย พร้อมพิกัดทั่วประเทศ

เตรียมตัวไปสัมผัสปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ครั้งสำคัญแห่งปี! สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ชวนทุกคนร่วมกิจกรรมชม “ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids)” ปรากฏการณ์ฝนดาวตกครั้งใหญ่ของปีนี้ บอกเลยว่าสายแคมป์ปิ้ง หรือคนชอบดาวตกไม่ควรพลาด!

ฝนดาวตกเจมินิดส์ คืออะไร?

ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids) เป็นฝนดาวตกที่มีอัตราการตกสูงมาก โดยอาจตกได้สูงสุดถึง 150 ดวงต่อชั่วโมง มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในที่มืดสนิท ฝนดาวตกเจมินิดส์จะปรากฏให้เห็นในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี โดยจะมีอัตราการตกสูงสุดในคืนวันที่ 14 ธันวาคม ของทุกปี

ฝนดาวตกเจมินิดส์ 2568 ดูได้วันไหน?

ล่าสุด สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ได้จัดกิจกรรมชวนคนไทยไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษนี้ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ในคืนวันที่ 14 ถึงรุ่งเช้าวันที่ 15 ธันวาคม 2568 เตรียมปักหมุด เช็กสถานที่ และเคลียร์คิวให้พร้อม แล้วไปนอนนับดาวกันให้เต็มอิ่มเลย!

ฝนดาวตกเจมินิดส์ 2568 ดูได้ที่ไหนบ้าง?

จุดไฮไลท์: โต้ลมหนาว…นอนนับดาวที่เชียงใหม่

สำหรับนักท่องเที่ยวที่วางแผนจะไปสัมผัสอากาศหนาวทางภาคเหนือ ห้ามพลาดกิจกรรมใหญ่ที่จัดเต็มในบรรยากาศสุดโรแมนติกที่จังหวัดเชียงใหม่

  • สถานที่: สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อ. แม่ริม จ. เชียงใหม่
  • วัน/เวลา: 14 ธันวาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 17:00 น. – 02:00 น.
  • การเข้าร่วม: ผู้สนใจต้องลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านทาง https://www.narit.or.th/th/Geminids-2025 โดยมีค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่ 90 บาท/ท่าน (ราคานี้รวมบริการรถรับส่งภายในสวนเพื่อความสะดวกสบายแล้ว)
  • สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม:
    • กิจกรรม (NARIT): โทร. 053-121268 ต่อ 304-306
    • เดินทาง/ค่าธรรมเนียม (สวนพฤกษศาสตร์ฯ): โทร. 062-5942963 หรือ 081-8596595
    • พื้นที่กางเต็นท์ค้างคืน: โทร. 062-4155241 (ลานกางเต็นท์สวนพฤกษ์)

จุดสังเกตการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์อื่นๆ

สำหรับผู้ที่อยู่ใกล้พื้นที่อื่น ๆ NARIT ได้จัดกิจกรรมให้ร่วมชมฝนดาวตกเช่นกัน ณ หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ในภูมิภาคต่าง ๆ ดังนี้ (ลักษณะกิจกรรมจะแตกต่างไปตามแต่ละพื้นที่)

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ:
    • โคราช: ที่หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ นครราชสีมา (โทร. 086-4291489)
    • ขอนแก่น: ที่หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ ขอนแก่น (โทร. 063-8921854)
  • ภาคตะวันออก:
    • ฉะเชิงเทรา: ที่หอดูดาวเฉลิมพระเกียรติฯ ฉะเชิงเทรา (โทร. 084-0882264)
  • ภาคใต้:
    • สงขลา: ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา วิทยาเขตสตูล กิจกรรมถูกยกเลิก เนื่องจากเหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วม (โทร. 095-1450411)

คำแนะนำ: ลักษณะการจัดกิจกรรมจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ แนะนำให้ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดกิจกรรมผ่านทาง เพจเฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของหอดูดาวแต่ละแห่ง ก่อนเดินทาง เพื่อความชัวร์และเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดนะ!

เคล็ดลับเตรียมตัวไปดูฝนดาวตกเจมินิดส์

  1. เลือกที่มืด: ฝนดาวตกจะมองเห็นได้ชัดที่สุดในที่ที่ไม่มีแสงรบกวน (หอดูดาวและสวนพฤกษศาสตร์ฯ เป็นตัวเลือกที่ดี!)
  2. เสื้อกันหนาว/ผ้าห่ม: กลางคืนและช่วงเช้ามืด อากาศจะหนาวเย็นมากๆ โดยเฉพาะที่เชียงใหม่ เตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พร้อม
  3. เก้าอี้สนาม/เสื่อ: เตรียมอุปกรณ์นั่ง/นอนดูดาวให้สบายๆ เพราะต้องใช้เวลาในการรอชม
  4. กล้องถ่ายรูป: ถ้าเป็นสายถ่ายภาพ อย่าลืมเตรียมขาตั้งกล้องและเลนส์มุมกว้างไปเก็บภาพความประทับใจนี้ด้วยนะ!

อย่าพลาดโอกาสดีๆ ที่จะได้ชม “ฝนดาวตกเจมินิดส์” ด้วยตาตัวเอง! แล้วเจอกันใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว! 

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


8 โปรตีนดีๆ จากพืช ช่วยทดแทนโปรตีนจากสัตว์

ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพตนเองกันมากขึ้น เห็นได้จากการที่หลายๆ คน เริ่มที่จะเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่าง Clean Food และ Raw Food รวมถึงหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์อย่างเช่น การรับประทานมังสวิรัติ กันเป็นประจำ
การหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ดังกล่าว ทำให้โปรตีนจากพืชเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายมากขึ้น เพราะร่างกายของเราจำเป็นต้องใช้โปรตีนในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซ่อมแซมร่างกาย และใช้เป็นพลังงานเมื่อถึงคราวจำเป็น เรื่องราวสำหรับวันนี้ เลยขอเป็นเรื่องเกี่ยวกับแหล่งโปรตีนจากพืชที่ให้ประโยชน์กับร่างกาย นำมาฝากกันเพื่อเป็นทางเลือกในการสั่งอาหารจานโปรดครั้งต่อไป มาดูกันเลยค่ะว่าพืชผัก ผลไม้ ชนิดใด ให้โปรตีนดีๆ กับร่างกายเราบ้าง         

  1. อะโวคาโดมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ น้ำตาลต่ำ ทว่าอุดมไปด้วยโปรตีน ไฟเบอร์ และสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างเช่น กรดไขมันชนิดที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ลดไขมันในเส้นเลือดสำหรับผู้ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมทั้งมีวิตามินต่างๆ อย่าง วิตามิน A วิตามิน B วิตามิน E สารแอนตี้อ็อกซิแดนท์ แร่ธาตุต่างๆ อย่าง โซเดียม โพแทสเซียม และโฟเลต ที่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์รวมทั้งเด็กอ่อนอีกด้วยค่ะ
  2. มะพร้าว
    มะพร้าวถือเป็นแหล่งโปรตีนที่มีอยู่ตามธรรมชาติ และเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถดูดซึมได้เร็ว และช่วยให้พลังงานกับร่างกายได้เป็นอย่างดี   นอกจากนี้ มะพร้าวยังมีวิตามินต่างๆ อย่าง    วิตามิน C   วิตามิน B     กรดอะมิโน แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โปแทสเซียม เหล็ก รวมทั้งไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย
  3. ถั่วเหลือง
    แหล่งโปรตีนที่มีราคาย่อมเยา แต่อุดมไปด้วยสารอาหาร และวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทานแล้วอิ่มท้อง ทั้งยังให้พลังงาน และยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย
  4. ถั่วดำ
    คุณสมบัติพิเศษของถั่วดำที่หลายๆ คนต้องติดใจก็คือ สามารถช่วยลดความอ้วนได้ เนื่องจากในถั่วดำมีสัดส่วนของโปรตีนถึง 40% และมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว 20% ถั่วดำอุดมไปด้วยสารลดความอ้วน และสารที่ช่วยกำจัดสารพิษ นอกจากนั้นยังมีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง และยังมีคุณค่าทางอาหารจากวิตามิน B12 วิตามิน B9 กรดโฟลิก รวมทั้งธาตุเหล็กที่สูงกว่าเนื้อสัตว์ถึง 4 เท่า จึงเหมาะกับผู้เป็นโรคโลหิตจางเป็นพิเศษ
  5. ลูกบัว
    ธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูง และมีโปรตีนมากกว่าข้าวถึง 3 เท่า เป็นแหล่งรวมของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด อย่าง วิตามิน A วิตามิน C วิตามิน E เกลือแร่ และฟอสฟอรัส จึงช่วยบำรุงประสาท บำรุงไต และ บำรุงสมอง
  6. ข้าวกล้อง
    ธัญพืชที่มีไฟเบอร์สูง แถมยังมีโปรตีนอยู่ด้วย การรับประทานข้าวกล้องมีประโยชน์ทั้งในเรื่องของคุณค่าทางอาหาร และระบบการขับถ่ายค่ะ
  7. ข้าวโอ๊ต
    มีโปรตีนน้อยกว่า 3% แต่มีเบต้ากลูแคน ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล และยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างแมงกานีส และเซเลเนียม
  8. ควินัว (Quinoa)
    อีกหนึ่งธัญพืชที่อุดมไปด้วยโปรตีน และไฟเบอร์ ที่ในปัจจุบันมีคนนิยมนำมารับประทานกันมากขึ้น โดยสามารถนำไปทำขนมปังแทนแป้งสาลี หรือจะนำมาทำเมนูอร่อยๆ อย่างพาสต้า หรือแป้งประกอบอาหารต่างๆ ได้อีกด้วย

การหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ในระยะยาว โดยไม่มีการรับสารอาหารประเภทโปรตีนจากแหล่งอาหารอื่น อาจมีผลทำให้ร่างกายขาดสารอาหารในการสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อไม่แข็งแรง อ่อนเพลียง่าย รวมทั้งอาจทำให้ขาดแคลเซียมจนทำให้กระดูกบาง เปราะ ดังนั้นใครที่หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ อย่าลืมเลือกรับประทานพืชผักที่อุดมไปด้วยโปรตีน เพื่อเติมพลังงานให้กล้ามเนื้อกลับมาแข็งแรง ไม่อ่อนแอ รวมทั้งรับประทานแหล่งแคลเซียมจากธรรมชาติ เช่น งาดำ เพื่อสร้างสมดุลให้กับร่างกายอีกทางหนึ่งด้วยนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 12/12/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a63,900.0064,000.00
ทองรูปพรรณ 96.5%4,131.0062,625.9664,800.00
ทองรูปพรรณ 90%3,717.9056,363.36n/a
ทองรูปพรรณ 80%3,304.8050,100.77n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,858.9528,181.68n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,445.8521,919.09n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%4,280.8364,897.38n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/12/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9531.8531.8532.3531.8531.8531.8531.8531.8531.85
แก๊สโซฮอล์ 9131.4831.4831.9831.4831.4831.4831.4831.4831.48
แก๊สโซฮอล์ E2029.6429.6429.9429.6429.6429.6429.6429.64
แก๊สโซฮอล์ E8527.5927.5927.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม40.0449.5449.8440.04
เบนซิน 9540.1449.5140.6440.2940.14
ดีเซล30.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.4445.6449.8445.6443.44
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า