สาระน่ารู้ประจำวันที่ 12 ตุลาคม 2565

6 เทรนด์ ‘ออฟฟิศ’ ยุคใหม่ สมดุลแบบไหน? ที่จะดึงดูด New Gen

เปิด 6 เทรนด์ ‘ออฟฟิศ – สำนักงาน ‘ ยุคหลังโควิด19 ที่นายจ้างต้องรู้ ก่อนสายเกินแก้ REDPAPER แนะองค์กร ปรับสภาพแวดล้อม – หยืดหยุ่นเรื่องเวลา และ เลือกทำเลเหมาะสม เพื่อรักษาและดึงดูด New Gen Talent

12 ต.ค.2565 – เป็นคำถามอยู่ไม่น้อย ในยุคหลังโควิด-19 ซึ่งพนักงานยังมีแนวโน้มจะเลือกร่วมงานกับองค์กรที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านการทำงานได้อย่างตรงใจมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่เพิ่งเริ่มก้าวเข้าสู่วัยทำงาน และเป็นกลุ่มเลือดใหม่ ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อองค์กรในอนาคต

รูปแบบออฟฟิศ-อาคารสำนักงาน ที่เป็นที่ต้องการ 

REDPAPER รายงานข้อมูลและเทรนด์ด้านอสังหาริมทรัพย์ โดย เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) ร่วมกับ นัมเบอร์ส 10 รีเสิร์ช ล่าสุด ได้เผย 6 เทรนด์การทำงานที่มนุษย์เงินเดือนหลาก Gen ยุค Post-COVID ต้องการ  พบโดยรวม พนักงานคนรุ่นใหม่ มักจะให้ความสำคัญเรื่องความ ‘สมดุล’ และ ‘คุณค่า’ ในการใช้ชีวิตด้านต่างๆ รวมถึงชี้รูปแบบออฟฟิศ-อาคารสำนักงานที่ชาวออฟฟิศต้องการเพื่อดึงดูดให้กลับเข้าออฟฟิศ 100% โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว ชั่วโมงทำงาน-พื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่น ตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลาย 

พร้อมตั้งอยู่ในโลเคชันที่สะดวกต่อการเดินทาง ใกล้ BTS-MRT และแหล่งไลฟ์สไตล์ เพื่อรักษา Work-life balance ทุกด้านได้อย่างลงตัว แนะองค์กรปรับสภาพแวดล้อม-เลือกทำเลเหมาะสม รักษาและดึงดูดพนักงาน New Gen  

 
6 เทรนด์ออฟฟิศยุค Post-COVID ความท้าทายที่นายจ้างต้องรู้ก่อนสายเกินแก้  

ในการศึกษาเทรนด์รูปแบบการทำงานและบรรยากาศออฟฟิศที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของพนักงานทุกช่วงวัย หลังจากที่ Work from Home กันมาอย่างยาวนาน โดยผลการสำรวจ[1]พบว่า กว่า 71% ของคนทำงานต้องกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศเต็มรูปแบบ 100% และมีหลากหลายเทรนด์การทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากโลกก่อนโควิด ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกทำงานกับองค์กรในปัจจุบัน

REDPAPER เผยถึงเสียงเรียกร้องจากมนุษย์เงินเดือนที่ปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับความ ‘สมดุล’ และ ‘คุณค่า’ ในการใช้ชีวิตทุกด้านทั้งด้านงานและส่วนตัว ซึ่งสะท้อนออกมาผ่าน 6 เทรนด์ความต้องการด้านทำงาน ได้แก่ 

  • การทำงานที่ไม่เครียด 
  • การความก้าวหน้าในอาชีพ 
  • การใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล (Work-life balance) 
  • การพัฒนาฝึกฝนทักษะใหม่ (Upskill & Reskill) 
  • ความสะดวกในการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในที่ทำงาน 
  • การมีเวลาให้กับครอบครัว 

โดยทั้งหมดนี้ องค์กรต่างๆสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อม เพื่อสร้างแรงจูงให้กลุ่มคนทำงานในยุค Post-COVID ผ่านการเลือกอาคารสำนักงานที่มีคุณภาพ ตั้งอยู่ในโลเคชันที่สะดวกต่อการเดินทางหลายรูปแบบ มีสภาพแวดล้อมภายในออฟฟิศที่ดี รวมถึงมีพื้นที่ให้พนักงานได้ผ่อนคลาย เพื่อช่วยลดความเครียดจากการทำงาน  นอกจากนี้ ยังควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาความรู้ ทักษะ และวิธีการทำงานใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพนักงานให้สามารถสร้างผลลัพธ์ในการทำงานได้ดี และสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข 

5 สิ่งสำคัญที่ชาวออฟฟิศต้องการในสถานที่ทำงาน 

นอกจากนี้ REDPAPER ยังเผยถึง 5 สิ่งสำคัญที่ชาวออฟฟิศต้องการในสถานที่ทำงาน ได้แก่ 

  • มีพื้นที่สีเขียว เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศและช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศให้ดีขึ้น 
  • นโยบายทำงานในออฟฟิศได้อย่างยืดหยุ่น ไม่กำหนดเวลาทำงานในออฟฟิศตายตัว สามารถเข้างาน-ออกงานได้ตามความเหมาะสม 
  • มีพื้นที่รับประทานอาหาร เพื่ออำนวยความสะดวกและผ่อนคลายระหว่างวัน
  • มีพื้นที่เปิดโล่ง สามารถเลือกที่นั่งได้ตามชอบ ช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานให้รื่นรมย์ และให้อิสระในการเลือกที่นั่งทำงาน
  • มีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่อย่างชัดเจน เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

” จากผลสำรวจครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่า พนักงานในยุค Post-COVID ทุกช่วงวัย ให้ความสำคัญกับ 2 ปัจจัยหลัก คือ 1.สภาพแวดล้อมของออฟฟิศ และ 2.ทำเลที่ตั้งออฟฟิศ มากขึ้น เพื่อสร้างสมดุลให้ชีวิต รักษาไลฟ์สไตล์ที่เคยมีในช่วง Work From Home  และบ่งชี้ว่าพนักงานยังมีแนวโน้มจะเลือกร่วมงานกับองค์กรที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านการทำงานได้อย่างตรงใจมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่เพิ่งเริ่มก้าวเข้าสู่วัยทำงาน และเป็นกลุ่มเลือดใหม่ ที่จะมีบทบาทสำคัญต่อองค์กรในอนาคต ดังนั้น เพื่อรักษาและดึงดูด New Gen Talent ให้เข้ามาร่วมงานและคงอยู่กับองค์กร บริษัทต่างๆจึงควรให้ความสำคัญกับ 2 ประเด็นดังกล่าว เพื่อพาองค์กรเติบโตสู่วันข้างหน้าภายใต้รูปแบบการทำงานที่ปรับเปลี่ยนไป ” 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


การเคหะเปิดให้จองอาคารเช่าใหม่ เริ่มต้น 1,400 บ./เดือน เช็คเลยมีที่ไหนบ้าง

การเคหะเปิดให้ผู้มีรายได้น้อย จองอาคารเช่าใหม่ใน 6 ทำเล 6 จังหวัด ราคาเริ่มต้น 1,400 บาทต่อเดือน เช็คเลยพิกัดไหนจังหวัดใดบ้าง พร้อมตรวจสอบเงื่อนไขต่างๆที่นี่

การเคหะแห่งชาติ เดินหน้า“โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย”โดยมีกลุ่มเป้าหมายได้แก่ ผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ซึ่งตัวโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม ใกล้แหล่งงาน ใกล้สถานที่ราชการ ใกล้แหล่งชุมชน ใกล้ห้างสรรพสินค้า สามารถเดินทางและดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบายในระดับราคาค่าเช่าที่สามารถรับภาระได้

อีกทั้งยังได้รับการดูแลด้านความปลอดภัยจากการเคหะแห่งชาติ มีกล้องวงจรปิดติดตั้งทุกอาคาร มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชม. รวมถึงการให้บริการต่าง ๆ ในด้านบำรุงรักษาอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในห้องพัก และระบบสาธารณูปการ สาธารณูปโภคต่าง ๆ ครบครัน 

สำหรับโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่พร้อมเข้าอยู่ทันที จำนวน 6 โครงการ ใน 6 ทำเลทั่วประเทศ ได้แก่ 

  1. สมุทรสาคร (กระทุ่มแบน 3) จำนวน 196 หน่วย
  2. มหาสารคาม จำนวน 138 หน่วย
  3. สุรินทร์ (สลักได) จำนวน 163 หน่วย
  4. อุบลราชธานี จำนวน 242 หน่วย
  5. ลำปาง จำนวน 229 หน่วย
  6. นครสวรรค์ (ระยะที่ 2) จำนวน 196 หน่วย
     

รายละเอียดโครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย

  • จัดสร้างเป็นอาคารพักอาศัยสูง 4 ชั้น 
  • ขนาดห้องพักอาศัยประมาณ 28-30 ตารางเมตร 
  • ภายในห้องพักอาศัยประกอบด้วย 1 ห้องอเนกประสงค์ และ 1 ห้องน้ำ 
  • อัตราค่าเช่า 1,400 – 2,500 บาท/เดือน (ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง) 

สำหรับห้องพักอาศัยชั้นที่ 1 

  • ออกแบบโดยคำนึงถึงอารยสถาปัตย์ (Universal Design) มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้ผู้สูงอายุหรือคนพิการสามารถอยู่อาศัยได้อย่างสะดวกสบายและพึ่งพาตนเองได้ โดยการเคหะแห่งชาติจะให้สิทธิ์ผู้สูงอายุและคนพิการสามารถเช่าห้องพักอาศัยในอาคาร ชั้นที่ 1 ก่อนเป็นอันดับแรก 

คุณสมบัติของผู้เช่า 

  • ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและคนพิการได้สิทธิเช้าห้องพักอาศัย ชั้นที่ 1
  • ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องเป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาท/คน 
  • ประชาชนทั่วไป รวมถึงข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน/ครัวเรือน 

ติดต่อสอบถามรายละเอียดของโครงการได้ที่ 

  • เว็บไซต์การเคหะแห่งชาติ (คลิกที่นี่)
  • Call Center 1615
  • สอบถามได้ที่สำนักงานเคหะในพื้นที่

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 38.15 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบแนวต้าน 38.30 บาทต่อดอลลาร์ กรณีที่ เงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI สหรัฐฯจะออกมาสูงกว่าตลาดคาดในวันพรุ่งนี้ จับตาราคาทองคำ -ช่วงเช้าวันนี้ เงินเยนร่วงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 24 ปีครั้งใหม่ ซึ่งทำให้ตลาดเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นทางการญี่ปุ่นเข้าดูแลตลาดในระหว่างวัน 

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 38.15 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 38.10 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์   นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน  ธนาคารกรุงไทยระบุว่าแนวโน้มค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีแนวโน้มผันผวนในฝั่งอ่อนค่าได้ หากตลาดยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างเลือกที่จะถือเงินดอลลาร์

นอกจากนี้ เรามองว่า มีโอกาสที่เงินบาทอาจอ่อนค่าทดสอบแนวต้าน 38.30 บาทต่อดอลลาร์ โดยเฉพาะในกรณีที่ เงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI สหรัฐฯ ที่จะรายงานในวันพรุ่งนี้ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด (สูงกว่า +6.5%y/y และ สูงกว่า +0.5%m/m)

ทั้งนี้ ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ โดยหากราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลงแรง สามารถทรงตัวเหนือแนวรับ 1,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และรีบาวด์ขึ้นได้ เรามองว่า เงินบาทก็อาจจะไม่ได้อ่อนค่าไปมาก อย่างไรก็ดี หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 38.30 ก็มีโอกาสที่จะเห็นเงินบาทอ่อนค่าต่อไปทดสอบ 38.50-38.75 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดที่มีสถานะ short เงินบาทอยู่นั้น อาจเริ่มทยอยขายทำกำไรหรือลดสถานะ short ลงบ้าง

นอกจากนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังคงเป็นฝั่งขายสุทธิสินทรัพย์ไทย ยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทผันผวนในฝั่งอ่อนค่า ซึ่งเรามองว่า แรงขายหุ้นไทยอาจเริ่มชะลอลงได้บ้าง แต่แรงขายบอนด์ไทย อาจยังมีต่อได้ จนกว่าที่บอนด์ยีลด์ระยะยาว อาทิ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะเริ่มแกว่งตัว sideways หรือ ย่อตัวลงได้บ้าง ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ หากตลาดเริ่มคลายกังวลแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด หรือ ตลาดกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น

ทั้งนี้ ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 38.00-38.30 บาท/ดอลลาร์

ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนักและเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กดดันบรรยากาศในตลาดการเงิน หลังจากที่ IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกในปีหน้าเหลือ 2.7% และปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงสู่ระดับ 1.0% ในปีหน้า

แนวโน้มการชะลอตัวลงหนักของเศรษฐกิจส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่า ผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มแย่ลงตามเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้ระดับ 4.00% อีกครั้ง ทำให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะเดินหน้าขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ที่อ่อนไหวกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ (Tesla -2.9%, Microsoft -1.7%) และส่งผลให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -1.1% ส่วนดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ปิดตลาด -0.65%

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.56% ท่ามกลางปัจจัยลบหลายด้านที่กดดันตลาด อาทิ ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวลงหนักจนอาจกระทบแนวโน้มผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน หลัง IMF ปรับลดคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจยูโรโซนในปีหน้าเหลือ 0.5%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังคงถูกกดดันจากสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ร้อนแรงขึ้น รวมถึงสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ในจีนที่รุนแรงขึ้น จนอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน อย่างไรก็ดี ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด หุ้นสไตล์ Defensive อย่าง หุ้นกลุ่ม Healthcare ยังสามารถปรับตัวขึ้น ช่วยพยุงตลาดหุ้นยุโรปได้บ้าง อาทิ Sanofi +2.2%, Roche +1.0%

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ แนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.00% อีกครั้ง ก่อนที่จะย่อตัวลง บอนด์ยีลด์ในฝั่งยุโรป ตามความหวังการขยายเวลามาตรการซื้อบอนด์ระยะยาวอังกฤษโดยธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งภายหลัง BOE ได้ออกมาปฏิเสธการขยายเวลา (มาตรการดังกล่าวจะจบลงในวันที่ 14 ตุลาคมนี้) ทำให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวทั้งในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ กลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง

โดยบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 3.95% ซึ่งเรามองว่า ในระยะสั้น บอนด์ยีลด์ระยะยาวยังมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways หรืออาจปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง ทว่า ระดับบอนด์ยีลด์ระยะยาว ณ ปัจจุบัน สูงขึ้นมาพอสมควรและเริ่มน่าสนใจมากขึ้น ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจรอจังหวะทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว เพื่อเตรียมพอร์ตให้พร้อมรับมือกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ยังคงทรงตัวใกล้ระดับ 113.3 จุด หนุนโดยความต้องการถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในจังหวะที่ตลาดการเงินปิดรับความเสี่ยง นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดยังไม่รีบปรับสถานะถือครอง จนกว่าจะรับรู้รายงานเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ แม้ว่าตลาดจะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง แต่ทิศทางของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ คือ ปัจจัยที่กดดันให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงแกว่งตัวใกล้โซนแนวรับแถว 1,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่มีการปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคต หรือ ผู้บริหารต่างแสดงความกังวลแนวโน้มผลประกอบการมากขึ้น ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งกังวลผลกระทบการชะลอตัวของเศรษฐกิจต่อแนวโน้มผลกำไร กดดันให้ตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงต่อเนื่องได้

ส่วนในฝั่งเอเชีย  ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ระดับ 3.50% เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ (ล่าสุดยังสูงกว่า 5.6%) และลดแรงกดดันต่อค่าเงิน KRW รวมถึงฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่อง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 38.15-38.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.50 น.) ใกล้เคียงระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 38.17 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทน่าจะยังเคลื่อนไหวในกรอบอ่อนค่าตามทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย (นำโดย เงินเยน และเงินหยวน)

ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ หลัง IMF ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกปีหน้าลงมาที่ 2.7% จากคาดการณ์เดิมที่ 2.9% โดยในช่วงเช้าวันนี้ เงินเยนร่วงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 24 ปีครั้งใหม่ ซึ่งทำให้ตลาดเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ที่จะเห็นทางการญี่ปุ่นเข้าดูแลตลาดในระหว่างวัน 

ส่วนเงินดอลลาร์ฯ ยังแข็งค่าขึ้นต่อตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ โดยบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ระยะ 10 ปีขยับขึ้นแตะระดับ 4.00% อีกครั้งเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดยังคงส่งสัญญาณว่า เฟดจะต้องคุมเข้มต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งจากท่าทีดังกล่าวยิ่งทำให้ข้อมูล CPI ของสหรัฐฯ ที่จะรายงานในวันพฤหัสบดีเป็น highlight สำคัญที่ตลาดรอติดตามอย่างใกล้ชิด

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ คาดไว้ที่ 37.95-38.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะอยู่ที่ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ค่าเงินเอเชีย รายงานการประชุมเฟด และตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ประกาศศักดา! “Young Duck” ฉลองความสำเร็จกวาด 4 แชมป์ ปิดศึก ไทยแลนด์ ไอซ์ฮอกกี้ 2022

ทีมยังดั๊ก (Young Duck) ฉลองความสำเร็จกวาด 4 แชมป์ ปิดศึก ไทยแลนด์ ไอซ์ฮอกกี้  2022 ขณะที่รุ่นเล็กอายุไม่เกิน 8 ปีขับเคี่ยวสนุก “กัปตันปอร์เช่” นำทีมเฉือนหวิว บางกอก ซุส 5-4 คว้าแชมป์พร้อมซิวรางวัลกองหน้ายอดเยี่ยมไปครอง

ทีมไอซ์ฮอกกี้ ยังดั๊ก (Young Duck) สามารถคว้า 4 แชมป์จากการแข่งขันฮอกกี้น้ำแข็ง ไทยแลนด์ ไอซ์ฮอกกี้ ทัวร์นาเมนต์ 2022 (Thailand Ice Hockey Tournament 2022) มาครองได้สำเร็จใน  4 รุ่นอายุ ประกอบด้วย รุ่นอายุไม่เกิน 8 ปี, รุ่นไม่เกิน 10 ปี  Division 2,  รุ่นไม่เกิน 12 ปี และรุ่นไม่เกิน 14 ปี

สำหรับรายการแข่งขันดังกล่าวมี 18 ทีม  ชั้นนำของไทยเข้าร่วมแข่งขัน ณ สนามไอซ์สเก็ต Sub-Zero ศูนย์การค้า Mega บางนา โดยไฮไลท์รุ่นเล็กอายุไม่เกิน 8 ปี เป็นการโคจรมาพบกันในรอบชิงชนะเลิศ ระหว่างทีม Young Duck Type R นำทีมโดยกัปตัน “ปอร์เช่” จิรัฎฐ์ สุทธิวัฒนโรจน์ พบกับ บางกอก ซุส (Bangkok Zeus) นำโดย แพทริค (Patrick) กับ เคนโซ่ (Kenzo) เป็นกำลังหลักของทีม

โดยเกมแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด ต่างฝ่ายเปิดเกมบุกใส่กันไม่ยั้งผลัดกันทำสกอร์ขึ้นนำก่อนที่เกมนี้กัปตันปอร์เช่ กับ พอร์เตอร์ (Porter)จะช่วยกันยิงคนละ 2 ประตู  มาร์เว่น ยิง 1 ประตู และได้ จูนเนอร์ (Tuner) กับ จื่อหลง คอยสกัดเกมบุกฝ่ายตรงข้ามทำให้จบเกม ทีมยังดั๊ก สามารถเฉือนเอาชนะ บางกอก ซุส  ไปแบบเฉียดฉิว 5-4  ผงาดคว้าแชมป์ไปครอง ภายใต้การควบคุมทีมของ โค้ชเอ็ม โค้ชโจ้  โค้ชโต้ง อีกทั้งรายการนี้กัปตันปอร์เช่ จิรัฎฐ์ สุทธิวัฒนโรจน์  คว้ารางวัลกองหน้ายอดเยี่ยม  (Thailand Ice Hockey Tournament 2022 BEST FORWARD U8 ) ไปครองอีกด้วย  ส่วนน้องแพทริค  จากบางกอก ซุส คว้ารางวัล MVP of the match U8 ไปครอง  

นอกจากคว้าแชมป์ในรุ่นอายุไม่เกิน 8 ปีแล้ว ทีมยังดั๊ก ประกาศความยิ่งใหญ่กวาดอีก 3 แชมป์ไปครองได้เช่นกัน โดยรอบชิงชนะเลิศ รุ่นไม่เกิน 10 ปี  Division 2 ทีม young ducks black เอาชนะ nakaraj junior 10-0,  รุ่นไม่เกิน 12 ปี young ducks เอาชนะ  ice breaker 6-5 และรุ่นไม่เกิน 14 ปี  (ยังดั๊ก)orange เอาชนะ blue 3-2

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


“ปวดหลัง” แบบไหน เป็นโรคอะไร?

อาการปวดหลังที่แตกต่างกันไป อาจบอกได้ว่าเรากำลังป่วยเป็นโรคอะไรอยู่

ไม่ว่าจะเป็นวัยใด เพศใด อาจมีความเป็นไปได้ที่มีอาการ “ปวดหลัง” เพราะอาการปวดหลังมาจากหลายสาเหตุ และลักษณะของการปวดหลังก็บอกได้ว่าอาจเสี่ยงเป็นโรคอะไรอยู่

สาเหตุของอาการปวดหลัง

นพ.ผดุงชาญ นิวัฒน์ภูมินทร์ ศูนย์ระบบประสาทสมองและไขสันหลัง แพทย์ศัลยกรรมระบบประสาท โรงพยาบาลพญาไท 2 ระบุถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง มีดังนี้

  • ที่นอนที่แข็งหรือนิ่มเกินไป ไม่ถูกต้องตามสรีระ
  • ยกของหนัก ถือของหนัก ก้มยกของผิดวิธี
  • ออฟฟิศซินโดรม นั่งทำงานนานๆ หรือท่าทางในการเคลื่อนไหวผิดปกติ
  • ภาวะกระดูกพรุนหรือบาง
  • ภาวะอ้วน หรือน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ส่งผลให้หมอนรองกระดูกสันหลังและก้นกบรับภาระมากกว่าจุดอื่น
  • การสูบบุหรี่

ปวดหลังแบบไหน เป็นโรคอะไร?

  • ปวดหลังทันทีที่ทำกิจกรรมหนักๆ เช่น ยกของหนัก

เสี่ยงกล้ามเนื้ออักเสบ กระดูกหรือหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน

  • ปวดแนวกระดูกกลางหลัง

เสี่ยงมีปัญหาที่หมอนรองกระดูกสันหลัง หรือข้อต่อกระดูกสันหลัง

  • ปวดหลังเยื้องออกมาด้านข้าง

เสี่ยงกล้ามเนื้อหลังมีความผิดปกติ

  • ปวดร่วมกับมีอาการชา-อ่อนแรง

เสี่ยงระบบประสาทเส้นประสาทผิดปกติ

  • ปวดร้าวเหมือนไฟฟ้าช็อต

เสี่ยงเส้นประสาทอาจถูกกดเบียด

  • ปวดหลังแบบล้าๆ เมื่อยๆ

อาจเกิดจากกล้ามเนื้อ

ปวดหลังแบบไหน ควรไปพบแพทย์

หากมีอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวจากการนั่งทำงานนานๆ หรือยกของหนัก ลองสังเกตอาการสักพักว่าหายหรือไม่ ดีขึ้นหรือไม่ และงดการนั่งท่าเดิมนานๆ หรืองดยกของหนัก และอาจกินยาแก้ปวดหรือยาคลายกล้ามเนื้อได้ ถ้าผ่านไป 1-2 วันแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือปวดมากจนทนไม่ไหว ไม่ต้องรอ สามารถไปพบแพทย์ได้เลย

หรืออีกกรณีหนึ่ง หากมีอาการปวดมาก เช่น ปวดร้าวลงขา ลามไปที่คอบ่าไหล่ เอนตัวลงนอนไม่ได้ รวมไปถึงทำกิจกรรมประจำวันได้ลำบาก ลุก เดิน นั่ง ยืนลำบาก ควรพบแพทย์ทันทีเช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


มีคำใช้แทน YES และ NO ไหมนะ?

ปฎิเสธกันไม่ได้เลยว่า ศัพท์ภาษอังกฤษที่ใครต่างก็ต้องรู้จัก (แม้ว่าจะไม่เก่งภาษาอังกฤษ) ก็ตาม แต่รู้กันหรือไม่ การตอบตกลง หรือปฎิเสธ ไม่ได้มีแค่ YES และ NO อย่างที่เข้าใจกัน แต่ยังมีอีกหลากหลายคำ และศัพท์แสลงที่ใช้แทนกันได้!  ว่าแล้วก็ลองมาทำความรู้จักกับคำแทน YES และ NO กับ วอลล์สตรีทอิงลิช กันดีกว่า

ศัพท์ที่แทน YES ได้

จริงอยู่ที่คำว่า Yes เป็นศัพท์ที่ชัดเจน ตรงไปตรงมา และหลายคนเข้าใจได้ง่ายๆ แต่ในทางงานเขียน หรือการใช้บทสนทนาจริงๆ บางครั้งเรากอาจจะไม่ตอบกันตรงๆ เสมอไปนะ! มาดูดีกว่าว่ามีอะไรที่ใช้แทนได้บ้าง

Sure  : รู้สึกชิลๆ ผ่อนคลาย ใช้ได้กับทุกเพศ ทุกวัย เหมาะกับสถานการณ์ในเชิงตกลง เห็นชอบ ตามความคิดเห็นคือคนอื่น ในบางครั้งเรายังเอาไปใชเในเชิงแสดงความเข้าได้ได้อีกด้วยนะ

Okay : แต่เดิม คำนี้เป็นคำย่อของคำว่า ‘Orl Korrekt’ เป็นคำที่ติดตลกของคนสมัยก่อนที่สะกดคำผิดจาก ‘all correct’ t ซึ่งนิยมใช้มาก จนในที่สุด ก็เป็นศ้พท์ที่มีความหมายค้ายกับคำว่า Yes

Yeah : อีกคำศัพท์ที่แสลงมาจาก Yes มักจะใช้กันในกรณีที่ไม่เป็นทางการ และฟังดูค่อนข้างไม่เหมาะสม หากคนอายุน้อยกว่าใช้กับผู้ใหญ่

Certainly : ตัวนี้จะเใช้ในลักษณะที่เป็นทางการ ในบางบริบทหมายถึงข้อตกลงอย่างสมบูรณ์ และในบริบทอื่น ๆ หมายถึงใช่ เป็นวิธีที่สุภาพในการแสดงความเต็มใจนั่นเอง

With pleasure : คำนี้จะเน้นแสดงให้เห็นว่าคุณยินดีที่จะทำอะไรบางอย่างให้กับใครสักคน เป็นอีกศัพท์ที่เน้นไปทางการ สุภาพ

Indeed : ในบางกรณี เราสามารถนำคำนี้มาใช้ได้ เพราะแสดงความเข้าใจ และใช้ในลักษณะการตอบตกลง ตอบว่าใช่ เป็นทางอ้อม

นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ศัพท์แสลงอื่นๆ ที่หมายถึง Yes ได้อีกมากมาย เช่น Absolutly, Totally, Certainly, Right, Exactly หรือเป็นประโยคยาวๆ เช่น That’s a good idea (เป็นความคิดที่ดี), That’d be fine. (ดีเหมือนกัน), I’d love to / I’ll be glad to.(ด้วยความยินดี) ก็ได้เช่นกัน

คำที่ใช้แทนคำว่า NO

มีตอบตกลง เซย์เยส ก็ต้องมีตอบปฎิเสธ เซย์โน แวะย้ายฝั่งมาดูกันบ้างสิว่า ถ้าเราต้องตอบ No มีคำอะไรบ้างที่ใช้แทนกันได้บ้างนะ ?

Nope : เป็นรูปแบบศัพท์ตอบ No แบบสบายๆ สามารถเข้าใจได้ว่าเป็นคำที่ตรงกันข้ามกับ ‘Yeah’ และแน่นอนว่าเป็นคำแสลงที่ไม่เป็นทางการเช่นกัน

Nah : เป็นคำนี้ศัพท์แสลง ใช้ในการสื่อสารที่บ่งบอกระดับของความไม่เห็นด้วย สำหรับความคิดเห็นที่จะตอบ

No way : คำที่ใช้ ค่อนข้างตรงไปตรงมา แต่จะไม่ค่อยสุภาพ หรือนุ่มนวลนัก เพราะหลายคนมักจะมองว่าห้วนไป แต่ก็เป็นศัพท์ที่ยืนยันแน่ชัดว่า คุณปฎิเสธแบบชัดเจน มไ่ต้องแทงกั๊กนั่นเอง

I’m afraid that : เป็นประโยคที่มีการใช้คำว่า “เกรงว่า” ซึ่งแสดงออกถึงความเสียใจ (และความเคารพ) ที่คุณไม่สามารถตกลงกับสิ่งที่พูดหรือยอมรับคำเชิญเหล่านั้นได้ ค่อนข้างใช้แพร่หลายในงานทางการ หรือใช้ตอบปฎิเสธ ตอบ No แบบสุภาพก็ว่าได้

I appreciate the offer, however : อีกหนึ่งประโยคเพื่อการปฎิเสธที่ฟังดูนุ่มนวลขึ้น ก่อนที่จะปฏิเสธสิ่งที่เสนอ

No, I’m sorry but : นี่เป็นคำที่ตรงกว่าคำอื่นก่อนหน้านี้ เพราะเราเริ่มต้นโดยกันที่ No อย่างตรงไปตรงมา แต่ยังมีคำอธิบายเพิ่มเติมว่าทำไมคุณถึงตอบปฎิเสธ

นอกจากนี้ ยังมีศัพท์อื่นๆ ที่แสลงใช้ตอบแทนคำว่า No นั้น มีหลากหลาย ส่วนมากจะเป็นประโยคตอบอ้อมๆ เช่น I’d love to but  (ฉันก็อยากเหมือนกัน แต่ว่า…), That’s very kind of you but…(เป็นความกรุณา แต่ว่า…) ก็ได้เช่นกัน

หลักๆ แล้ว การใช้คำแทน No มักจะมีรูประโยคที่อ้อมค้อม บอกเป็นนัยๆ มากกว่า Yes ที่ตรงไปตรงมา และจุดประเด็น แน่นอนว่าเป็นเรื่องของมารยาทเป็นหลัก ดังนั้นเลือกใช้กันให้ดีๆ ให้ถูกกับระดับความสุภาพ ระดับผู้ฟังกันด้วยนะ

ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th


เทคโนโลยีมันดีอย่างนี้ มี AI ในการตรวจคัดกรองมะเร็ง

“รัก ไม่ใช่ ดวงดาวเมื่อพราวแสง” มุกไวรัลสุดฮิตบนโลกออนไลน์ที่เป็นกระแสร้อนแรงเมื่อไม่นานมานี้ เรียกได้ว่าถ้าใครไม่เล่นถือว่าตกเทรนด์ เป็นที่ทราบกันดีว่าไวรัลดังกล่าวเป็นเนื้อเพลงท่อนหนึ่งของเพลง “รักคือฝันไป” ศิลปิน “สาว สาว สาว” ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกของไทย โดยเพลง “รักคือฝันไป” ที่กลับมาเป็นกระแสพูดถึงจนเป็นไวรัลในปัจจุบันนี้ เป็นเพลงที่เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ.2526 นับรวม ๆ มาจนถึงปัจจุบัน ก็เป็นเวลากว่า 39 ปีเลยทีเดียว!

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีคุณหมอท่านหนึ่งออกมาโพสต์เฟซบุ๊กด้วยข้อความที่ทำเอาคนจำนวนไม่น้อยถึงกับจุกว่า “ผู้ที่เล่น รักมิใช่ดวงดาวเมื่อพราวแสง ท่านอยู่ในวัยที่ควรคัดกรองมะเร็งแล้วครับ” เพราะถ้าใครทันเพลงนี้ตั้งแต่สมัยที่เพลงออกมาใหม่ ๆ ทันสมัยที่วงสาว สาว สาว ยังทำกิจกรรมกลุ่มครบทั้ง 3 คน หรือไม่ได้เพิ่งมารู้จักเพลงนี้ตอนที่เป็นไวรัลในครั้งนี้ แปลว่า “อายุคุณไม่เด็กแล้ว! และมันถึงเวลาที่คุณต้องตรวจคัดกรองมะเร็งแล้วด้วย” แบบที่คุณหมอบอกนั่นเอง

การตรวจคัดกรองมะเร็ง

เราตรวจคัดกรองมะเร็งไปทำไม และจำเป็นแค่ไหนที่ต้องตรวจคัดกรอง บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมาก หากคุณยังไม่อยากอายุสั้นหรือจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร เพราะ “มะเร็ง” เป็นโรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ของคนไทยมายาวนานนับ 20 ปี โดยยอดผู้ป่วยทั่วโลกเมื่อปี 2020 จากองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็มีสูงถึง 19.3 ล้านราย และมีการคาดการณ์ด้วยว่าภายในปี 2040 จะมียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 30.2 ล้านคน

นอกจากนี้ ตามรายงานแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ (พ.ศ. 2561-2565) ของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้สถานการณ์โรงมะเร็งในโลก ระบุว่า โรคมะเร็งถือเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนทั่วโลก โดยที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทุกปี โรคมะเร็งจึงถือเป็นปัญหาสาธารณสุขของทุกประเทศ

สำหรับสถานการณ์โรคมะเร็งของไทยข้อมูลล่าสุดจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่าปัจจุบัน คนไทยมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่ถึงวันละ 381 คนหรือ 139,206 คนต่อปี และสถิติสาธารณสุขปี พ.ศ.2562 พบว่าคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งวันละ 230 คน หรือ 84,073 คนต่อปีเลยทีเดียว และอุบัติการณ์โรคมะเร็งในไทย พบโรคมะเร็งในเพศหญิงวันละ 159 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน (อันดับที่ 15 ของเอเชีย) และพบในเพศชายวันละ 173.1 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน (อันดับที่ 16 ของเอเชีย)

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเป็นจำนวนมาก นั่นเป็นเพราะกว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองป่วย มะเร็งก็ลุกลามจนเข้าสู่ระยะท้าย ๆ ของโรคแล้ว นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ WHO และคุณหมอ แนะนำให้ตรวจคัดกรองแต่เนิ่น ๆ เพราะหากพบความผิดปกติในระยะเริ่มแรกก็จะสามารถรักษาได้อย่างทันท่วงที

ดังนั้น การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง จึงเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่ทางการแพทย์นิยมใช้ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการตรวจค้นหาโรคมะเร็งตั้งแต่ก่อนที่จะเป็นโรคจนถึงมะเร็งระยะเริ่มต้น แม้ว่าตัวผู้ป่วยจะยังไม่มีอาการที่แสดงออกมาชัดเจน การตรวจคัดกรองมะเร็ง จึงช่วยให้ผู้ป่วยรู้ตัวได้เร็ว เริ่มต้นรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ อันจะมีผลให้มีโอกาสมีชีวิตรอดจากโรคมะเร็งภายหลังการรักษาสูงขึ้น อัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลดน้อยลง

ปกติแล้วคนเราควรตรวจคัดกรองมะเร็งตอนอายุเท่าไร

เพราะการตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นประจำ สามารถลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตลงได้ หากตรวจพบในระยะเริ่มแรกและเข้ารับการรักษากับแพทย์อย่างทันท่วงที และยิ่งในคนที่มีอายุมากขึ้น ก็ยิ่งต้องใส่ใจสุขภาพของตนเองมากเป็นพิเศษ เพราะความเสี่ยงในการพบโรคต่าง ๆ นั้นถือว่ามากขึ้นกว่าคนหนุ่มสาว ทว่าควรจะตรวจมะเร็งแต่ละชนิดเมื่อไรถึงจะป้องกันความเสี่ยงได้ดีที่สุด แบ่งตามอันดับของมะเร็งที่พบบ่อยในคนไทย ดังนี้

  • มะเร็งตับ คนไทยเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งทั้งหมด ซึ่งมักพบในผู้ป่วยอายุมากกว่า 50 ปี และไม่แสดงอาการในระยะแรก แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง เข้ารับการตรวจเพื่อคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในเพศชายอายุ 40 ปีขึ้นไป และเพศหญิงอายุ 50 ปีขึ้นไป
  • มะเร็งเต้านม ปกติแล้วมะเร็งเต้านมซึ่งพบเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย มักพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป แต่ช่วงอายุเฉลี่ยที่พบได้มีตั้งแต่อายุ 35-55 ปี ดังนั้น ผู้ที่มีอายุ 30-39 ปี ควรตรวจคัดกรองทุก 3 ปี ส่วนผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ควรเข้ารับการตรวจทุกปี และคลำเต้านมแล้วพบความผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
  • มะเร็งปอด มะเร็งปอดเป็นโรคที่พบมากเป็นอันดับ 2 ในไทย ซึ่งผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดนี้สูงขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป อย่างไรก็ตามการตรวจคัดกรองจะทำในผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ได้แก่ ผู้ที่สูบบุหรี่หรือมีประวัติเคยสูบบุหรี่ รวมถึงบุคคลที่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัวที่สูบบุหรี่
  • มะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกมักพบมากในเพศหญิงอายุประะมาณ 40 ปีขึ้นไป จึงควรตรวจคัดกรองหาความผิดปกติของปากมดลูก ซึ่งมีทั้งการตรวจแพปสเมียร์ และตรวจหาเชื้อ HPV โดยผู้ที่มีความเสี่ยงได้แก่ หญิงที่มีคู่นอนตั้งแต่อายุน้อย ๆ หรือหลายคน, มีบุตรจำนวนมาก, สูบบุหรี่จัด, ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) รวมถึงผู้หญิงที่เคยตรวจภายในเลยด้วย
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักพบบ่อยเป็นอันดับ 3 ของคนไทย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่กว่าจะรู้ว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ก็มักจะพบโรคในระยะที่เป็นมากแล้ว โดยพบมากในผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ก็สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ซึ่งอายุเฉลี่ยที่ตรวจพบในคนไทยอยู่ระหว่าง 60-65 ปี แพทย์จึงแนะนำให้ตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ 50 ปี โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคนี้ เพราะมีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป

ตรวจคัดกรองมะเร็งด้วยความทันสมัย โดยมี AI เป็นผู้ช่วย 

ยุคสมัยนี้ เป็นยุคที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์หลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence) หรือ AI ที่มีการนำมาใช้ประโยชน์กันอย่างแพร่หลายในแทบทุกวงการ อย่างในวงการการแพทย์ AI ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการเป็นผู้ช่วยแพทย์ เพื่อดูแลสุขภาพและการรักษาผู้ป่วยเช่นกัน เพิ่มความคล่องตัวในการทำงานและพัฒนากระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังลดโอกาสผิดพลาด เพิ่มความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัยโรคอีกด้วย

สำหรับการตรวจคัดกรองมะเร็ง ปัจจุบันวงการแพทย์ได้นำ AI มาใช้ประโยชน์ในการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งหลาย ๆ ประเภท ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก

การใช้ AI มาช่วยตรวจจับมะเร็งปอด จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เห็นเซลล์มะเร็งได้แม่นยำขึ้นกว่าเดิม ลดความผิดพลาดไปได้ 5-11 เปอร์เซ็นต์ โดยการสอนให้ AI ได้อ่านภาพซีทีสแกนปอดจำนวนมหาศาล เพื่อให้เรียนรู้ส่วนประกอบที่แตกต่างกันระหว่างปอดที่มีเนื้อร้ายแปลกปลอมกับปอดที่สุขภาพปกติ ซึ่งปกติแล้วขั้นตอนการวินิจฉัยภาพจะเป็นขั้นตอนที่สำคัญและซับซ้อนมาก แพทย์ที่เชี่ยวชาญยังต้องอาศัยการฝึกฝนและประสบการณ์นานปี ในการวิเคราะห์ภาพสแกนว่ามีก้อนเนื้อผิดปกติหรือไม่ AI จึงช่วยลดความยุ่งยากของขั้นตอนนี้ลง ลดภาระการทำงานของแพทย์ ช่วยเรื่องการรักษา เมื่อเข้าสู่กระบวนการวินิจฉัยและรักษาได้เร็วขึ้นก็จะทำให้ผลของการรักษาออกมามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

มะเร็งลำไส้ใหญ่ การตรวจหาติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่รูปแบบเดิม แพทย์จะใช้วิธีการส่องกล้อง แต่วิธีนี้จะใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากลำไส้ใหญ่มีความซับซ้อนของจุดโค้ง รอยพับงอหลายจุด การสังเกตผ่านกล้องจึงอาจไม่สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ ทำให้หลายครั้งไม่พบรอยโรค รวมถึงมีติ่งเนื้อในลักษณะที่มองเห็นได้ยากด้วยตาเปล่า ก็จะสังเกตได้ยาก อาจเกิดความผิดพลาดในการวินิจฉัย ในขณะที่ AI กลับช่วยให้ตรวจพบติ่งเนื้อได้เร็วขึ้น เพราะมีมุมมองการตรวจจับได้ในระยะไกล เห็นเป็นวงกว้าง แม่นยำ เที่ยงตรงมาก และสามารถประเมินและวิเคราะห์เบื้องต้นได้ว่าติ่งเนื้อที่พบเป็นติ่งเนื้อชนิดที่ผิดปกติ หรือชนิดที่อาจจะเป็นมะเร็งได้ในอนาคตหรือไม่

มะเร็งเต้านม AI สามารถวินิจฉัยมะเร็งเต้านมได้จากการคัดกรองเป็นประจำด้วยเมมโมแกรม ซึ่งมีความแม่นยำกว่าแพทย์ โดยให้ตรวจหามะเร็งจากภาพเอ็กซ์เรย์ในการคัดกรองเต้านมของผู้หญิง พบว่า AI สามารถอ่านผลเมมโมแกรมอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารังสีแพทย์ 6 คน (ที่ทำงานคนเดียว) และมีประสิทธิภาพพอ ๆ กับการทำงานร่วมกันของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 2 คน AI จึงทำหน้าที่เป็น “ความคิดเห็นที่สอง” ที่มีประสิทธิภาพในอนาคตได้

AI สามารถช่วยคัดกรองเซลล์มะเร็งปากมดลูก โดยใช้เวลาวินิจฉัยได้รวดเร็วแม่นยำใน 1 วินาทีเท่านั้น โดยการนำเทคโนโลยี AI ติดตั้งในตัวกล้องที่ใช้ส่องหาเซลล์มะเร็งจากปากมดลูก โดยใช้กล้องคุณภาพสูงจำนวน 2 ตัวทำหน้าที่เก็บภาพปากมดลูกโดยละเอียดและแสดงผลออกมาเป็นภาพสามมิติ จากนั้น AI จะจำแนกภาพเพื่อตรวจหาความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูกอย่างรวดเร็ว ส่งผลการตรวจภาพบริเวณที่มีความผิดปกติของปากมดลูกพร้อมกับร้อยละของโอกาสที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกได้พร้อม ๆ กัน วิธีนี้สามารถลดต้นทุน ลดเวลา และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปากมดลูกลง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


FAMELINE เปิดเวทีเสวนาFAMELINE INNO TALK “Lighter is Better”พร้อมอวด 4 นวัตกรรมเด็ดที่สุดแห่งความเบา ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

หากพูดถึงเรื่องวัสดุ Composite แล้ว ชื่อของผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ตกแต่งอาคาร และการออกแบบเชิงสถาปัตยกรรมต้องยกให้กับ “FAMELINE” ที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน ทั้งตัวสถาปนิกและนักออกแบบเอง รวมถึง Owner ผู้มีจินตนาการและเอกลักษณ์ในการสร้างตัวตนภาพงานออกแบบเหล่านี้

และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 ตุลาคม) ทาง FAMELINE นั้น ก็ได้จัดงานเสวนาขึ้นในหัวข้อ “FAMELINE INNO TALK Lighter is Better” นอกเหนือจากเสวนาสุดเข้มข้นแล้ว FAMELINE ก็ไม่ลืมที่จะหยิบเอานวัตกรรมสุดล้ำและที่สำคัญ คือมัน “เบา” จัดแสดงภายในงานอีกด้วย

วันนี้ BuilderNews จะมาอัปเดตนวัตกรรมที่ FAMELINE ได้ยกขึ้นมาในงานนี้ จะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันเลย!

FAMELINE NICHIHA

เริ่มต้นที่แผ่นผนังไฟเบอร์ซีเมนต์ NICHIHA วัสดุตกแต่งผนังสำเร็จรูปนำเข้าจากญี่ปุ่น ที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 60 ปี มีส่วนผสมประกอบด้วย ซีเมนต์ 75% ไฟเบอร์ 15% และสารประกอบอื่น ๆ อีก 10%

  • Pressed fiber cement board ผลิตด้วยระบบ Pressed ทำให้ผิวสัมผัสคมชัด และชิ้นงานมีความแข็งแรง
  • Molded and pre finished at factory ขึ้นรูปและทำสีเป็นแผ่นสำเร็จรูป พร้อมใช้จากโรงงาน
  • 100% Free from Asbestos ปราศจากใยหิน 100%

Premium Décor – มีลวดลายให้เลือกมากถึง 181 แบบ ทั้งเฉดสีลายไม้, เฉดสีลายหิน, เฉดสีลายอิฐ, กลุ่ม Flat ที่ตอบโจทย์ทั้งสไตล์ Classic, Contemporary และ Modern รวมถึงกลุ่มเฉดสีใหม่ที่ผสมผสานความสวยงามและความทนทานในตัว

Premium Coating: เป็นสีเคลือบใสที่ทนต่อสภาพอากาศได้สูง ซึ่งช่วยปกป้องสีซีดจางจากรังสียูวีและคงสีไว้ได้นาน

Self – Cleaning: ทำความสะอาดตัวเองได้ ลดปัญหาการเกิดคราบสกปรก คราบตะไคร่น้ำ และเชื้อรา ด้วยประสิทธิภาพของ Nichi Guard ทำให้เกิดชั้นโมเลกุลของน้ำเคลือบผิวแผ่นผนัง NICHIHA ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเกาะติดกับแผ่นผนังโดยตรง เมื่อฝนตกสิ่งสกปรกจะถูกชะล้างออกโดยอัตโนมัติด้วยน้ำฝน

QUICK INSTALLATION: ติดตั้งได้ด้วยความรวดเร็วและแม่นยำด้วยระบบคลิปล็อก ติดตั้งได้ทั้งบนผนังปูนและผนังโครงคร่าว เหนือกว่าด้วยรอยต่อของแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์ที่ใช้ระบบลิ้นและร่อง รอบแผ่นทั้ง 4 ด้าน ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุอุดกันรั่ว ตามแนวรอยต่อ ที่อาจทำให้เกิดคราบดำตรงแนวเส้นวัตถุอุดกันรั่วได้ในอนาคต

PLANK CLAD

แผ่นอะลูมิเนียมปิดผนังอาคารสไตล์ใหม่ เพื่อความสวยงามและสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว ติดตั้งง่าย ประยุกต์ใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ลงตัวกับทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็น office แนว Modern หรือ อาคารที่อยู่อาศัย สไตล์ Vintage-factory

Plank clad มีให้เลือก 3 รูปแบบ

  • Corrugated: แผ่นผนังรูปลอนคลื่นและลอนเหลี่ยมแบบคลาสสิค
  • Shingles: แผ่นสี่เหลี่ยมรูปว่าวและสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล่นลวดลายได้หลายแบบ
  • Tongue & Groove: แผ่นโลหะเส้นยาวแบบเรียบติดได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน แนวเฉียง และสามารถติดแบบผสมขนาดหน้ากว้างได้

MEGA+ AHP CEILING

ฝ้าเพดานขนาดใหญ่ที่ผลิตจากอะลูมิเนียมโครงสร้างของแผ่นแบบรังผึ้ง แข็งแรง ทนทุกสภาพอากาศ ออกแบบมาเพื่อความสมบูรณ์แบบในงานตกแต่ง ทั้งภายนอกและภายในอาคาร ด้วยเทคโนโลยีวัสดุในงานอากาศยาน เกิดเป็นแผ่นฝ้าขนาดพิเศษสำหรับงานสถาปัตยกรรมที่ต้องการความแตกต่าง ฉีกกฎความธรรมดา ด้วยดีไซน์เรียบพิเศษ แผ่นยาวพิเศษจะช่วยลบรอยต่อ

สำหรับงานภายใน จะมีขนาดกว้าง 1.2 เมตร ยาวสูงสุด 3.6 เมตร
สำหรับงานภายนอก จะมีขนาดกว้าง 1.2 เมตร ยาวได้ตั้งแต่ 1 – 6 เมตร เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการสร้างความโอ่โถงยิ่งใหญ่

น้ำหนักเบากว่า ก็ตกแต่งพื้นที่ได้มากกว่า

แผ่นฝ้า MEGA+ AHP CEILING มีน้ำหนักเพียง 5 กิโลกรัมต่อตารางเมตรเท่านั้น ซึ่งเบากว่ามากเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นที่ใช้งานในขนาดเดียวกัน ทำให้ลดภาระของโครงสร้างหลักลงได้

และยังสามารถช่วยลดขนาดของการออกแบบโครงสร้าง ที่ส่งผลโดยตรงกับเรื่องของมุมมอง ในการออกแบบพื้นที่ภายในอาคาร ทำให้สามารถเพิ่มสัดส่วนของพื้นที่ในแนวดิ่ง และเมื่อพื้นที่ภายในอาคารให้มีความโปร่งโล่งมากขึ้น ก็จะช่วยให้สามารถออกแบบพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ได้มากขึ้น

แข็งแกร่งกว่า ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี

อย่างที่บอกไปว่า โครงสร้างนั้นทำจากอะลูมิเนียม และออกแบบมาในโครงสร้างของรังผึ้ง (Honeycomb) ลักษณะเดียวกับการใช้อะลูมิเนียมแบบแผ่นเรียบ ที่ใช้งานกับงานตกแต่งเปลือกอาคาร เมื่อโครงสร้างมีความแข็งแรงแล้ว จึงทำให้แผ่นฝ้าเรียบเนียนเสมอกันตลอดแผ่น ไม่แอ่นตัว ไม่ตกท้องช้าง ไม่ลามไฟ แถมยังเป็นวัสดุซับเสียงในตัวได้อีกด้วย หมดปัญหากวนใจแน่นอน

ชวนรู้จัก Customized Design Team: CDT จาก FAMELINE

WHAT IS CUSTOMIZED DESIGN TEAM?

Customized Design Team กลุ่มสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบ Façade อาคารรูปแบบใหม่ ๆ ตอบสนองต่องานสถาปัตยกรรมที่มีความทันสมัย แปลกใหม่ พัฒนาการออกแบบจาก Concept เป็นรูปแบบดีไซน์ที่ต้องการและสามารถก่อสร้างได้จริง ด้วยโปรแกรมช่วยการออกแบบเฉพาะทางและการขึ้นรูปชิ้นงานจริงจากโรงงานมาตรฐานของ FAMELINE โดยตรง

WHY CUSTOMIZED DESIGN TEAM?

ผลงานจาก CDT มีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างและไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน

  • ออกแบบบนแนวคิดเชิงสถาปัตยกรรม ที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง
  • บริการเหมือน Partner ในการออกแบบและมีประสบการณ์ในงานพิเศษโดยตรง
  • แก้ไขปัญหาหรือข้อจำกัดในการออกแบบ เติมเต็มจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด
  • มีทีมออกแบบโดยกลุ่มสถาปนิก โรงงานผลิตที่ได้มาตรฐาน และทีมวิศวกรติดตั้งมีความเป็นมืออาชีพในงานพิเศษโดยเฉพาะ

Customized Design Team จึงเหมาะกับกลุ่มลูกค้าสถาปนิกหรือเจ้าของโครงการ ที่ต้องการงานออกแบบ Façade อาคารที่มีความพิเศษ สวยงาม โดดเด่น และมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากอาคารอื่น ๆ

เหมาะอย่างยิ่งกับงานที่ต้องออกแบบให้ตรงตามอัตลักษณ์ขององค์กร ซึ่งขนาดของโครงการที่รองรับงานแบบ Customized Design นั้น ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของแต่ละโปรเจกต์ ซึ่งทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์มาตรฐานของ FAMELINE สามารถทำ Customized Design ได้

AHP: Aluminum Honeycomb Panel

พระเอกของเราในงานนี้ นวัตกรรมในกลุ่มของ Composite Panel ถูกใช้งานในอุตสาหกรรมอวกาศและอากาศยาน คิดค้นและพัฒนาขึ้นมาให้มีคุณสมบัติเด่น 4 ประการคือ

  • มีน้ำหนักเบา แข็งแรง ลดภาระโครงสร้าง
  • ไม่ลามไฟ เกรด Class A2
  • ทนต่อแรงกด กระแทก และแรงลม
  • Prefabricated ติดตั้งง่ายและเร็ว

AHP ถูกออกแบบให้แกนกลางของแผ่นมีโครงสร้าง “แบบรังผึ้ง” ทำให้เกิดคุณสมบัติข้างต้น สามารถนำไปใช้กับงานสถาปัตยกรรมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะงานที่ต้องการ Façade ที่แปลกใหม่ ไม่ซ้ำใคร

CONCEPT & IMAGINATION

DESIGN FLEXIBILITY: รองรับกระบวนการดัดโค้ง, พับ, เซาะ, เจาะ เรียบคงรูปสม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่น
WORRY FREE: น้ำหนักเบาลดภาระโครงสร้าง และแข็งแกร่งทั่วทั้งแผ่น รับน้ำหนักได้ดี
MORE VALUE: ด้วยกระบวนการผลิตแบบต่อเนื่อง ทำให้สามารถสั่งผลิตแผ่นที่มีความยาวได้ตามต้องการ

ARCHITECTURE APPLICATION

CANTILEVER CANOPY
ด้วยความแข็งแกร่งของโครงสร้างแผ่น AHP เหนือกว่าวัสดุอื่นสามารถสร้างความโดดเด่นของงานออกแบบ และเอกลักษณ์ให้กับตัวอาคารพร้อมลดภาระน้ำหนักให้กับตัวอาคาร

CLADDING
AHP ช่วยให้งานออกแบบ วัสดุปิดผิวอาคารที่ต้องการความเรียบเนียนและมีรอยต่อน้อย เกิดความสมบูรณ์ตามจินตนาการของสถาปนิกและยังช่วยลดความยุ่งยากซับซ้อนในการติดตั้ง

FIN STRUCTURE
AHP FIN FACADE มีลักษณะเป็นโครงครีบขนาดใหญ่สำหรับตกแต่งอาคาร ลดแสงสว่าง และความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร สามารถลดขั้นตอนการติดตั้ง ผลิตแผ่นสำเร็จรูปจากโรงงาน

LINKED FORM FAÇADE
AHP FIN FACADE มีลักษณะเป็นโครงครีบขนาดใหญ่สำหรับตกแต่งอาคาร ลดแสงสว่าง และความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร สามารถลดขั้นตอนการติดตั้ง ผลิตแผ่นสำเร็จรูปจากโรงงาน

INTERIOR
ความยืดหยุ่นในการออกแบบและรูปลักษณ์ของ AHP เป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ สามารถทำความสะอาดได้ง่ายและการดูแลที่ค่อนข้างต่ำ มีความทนทานและง่ายต่อการปรับเปลี่ยนรูปแบบของแผ่นเหมาะกับงานออกแบบที่ต้องการความต่อเนื่องและความทนทานของวัสดุ

FURNITURE
น้ำหนักเบา แต่แข็งแรง โครงสร้างรวงผึ้งหกเหลี่ยมช่วยลดน้ำหนักของชิ้นงานด้วยคุณสมบัตินี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่และยาวเป็นพิเศษ เฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจาก AHP ไม่มีความยุ่งยากในการผลิต สามารถขนส่งจากโรงงานสู่ลูกค้าได้อย่างง่ายดาย

และทั้งหมดนี้เป็นนวัตกรรมไฮไลท์ที่ทาง FAMELINE หยิบยกขึ้นมาพูดบนเวทีเสวนาในครั้งนี้ “ว่าเพราะอะไร ทำไมวัสดุที่เบากว่า ถึงดีกว่าในงานสถาปัตยกรรม” หลังจบ Session แนะนำนวัตกรรมกันไปแล้ว ก็ถึงของ 2 สถาปนิกที่มาร่วมพูดคุยกันในครั้งนี้ นั่นคือ จีรเวช หงสกุล หรือ เป้ – IDIN Architects และ ไพทยา บัญชากิติคุณ หรือ ปอย – ATOM Design

เป้เล่าว่า ประสบการณ์การใช้วัสดุจาก FAMELINE ทำให้เขาทำงานได้อย่างง่ายขึ้น เมื่อวัสดุที่ใช้มีความเบา แต่ยังแข็งแรงเหมือนเดิม เขาก็สามารถต่อยอดจินตนาการ ผ่านดีไซน์ที่แสดงตัวตนของ Owner ได้ นอกจากนี้เขายังเสริมอีกว่า เมื่อวัสดุมีความเบา สิ่งที่จะได้อีกอย่างคือ พื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น เมื่อมีพื้นที่มากขึ้น ก็สามารถสร้างมูลค่าจากสิ่งนี้ได้

ด้านปอยก็กล่าวในทางเดียวกัน เขายกตัวอย่างโครงการที่ได้ออกแบบ และใช้ผลิตภัณฑ์ของ FAMELINE “ตึกที่ดูหนัก กล่าวเป็นเบาและมี Movement” เมื่อผลิตภัณฑ์สามารถดัดโค้งให้ดูมีการเคลื่อนไหวได้ นั่นทำให้มุมมองของสิ่งปลูกสร้างเปลี่ยนไป เหมือนเรามองลูกบอลกับอิฐ อะไรดูมีการเคลื่อนไหวมากกว่ากัน

ก่อนจบ Session ทั้งเป้และปอย ก็ได้ยกวัสดุในอนาคตที่น่าสนใจมาคนละ 1 อย่าง อย่างแรกคือ อิฐที่ทำจากขยะ คุณสมบัติคร่าว ๆ คือ เบากว่าอิฐบล็อกเดิมถึง 20% แข็งแรงกว่าถึง 3 เท่า ลดการปล่อยก๊าซ CO2 ถึง 95% และวัสดุอีกอย่างคือ ผ้าที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล รวมเอาของเสียจากหลากอุตสาหกรรม ผ่านกระบวนการรีไซเคิล เพื่อสร้างเป็นผ้า โดยมีจุดมุ่งหมายคือ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ปิดท้ายด้วย Mini Concert จาก STAMP APIWAT ที่สร้างความสนุกสนานภายในงานหลังจบเสวนา เป็นอีกหนึ่งงานที่มีทั้งองค์ความรู้ และความสนุกสนานจาก FAMELINE ในงานต่อไปจะจัดขึ้นที่ไหน หรือในหัวข้ออะไรต้องติดตาม!

ขอบคุณข้อมูลจาก buildernews.in.th


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 12/10/2565

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a30,000.0030,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5%1,943.0029,455.8830,600.00
ทองรูปพรรณ 90%1,748.7026,510.29n/a
ทองรูปพรรณ 80%1,554.4023,564.70n/a
ทองรูปพรรณ 50%874.0013,249.84n/a
ทองรูปพรรณ 40%680.0010,308.80n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%2,013.0030,517.08n/a


ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/10/2565



ปตท.

บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ Caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.1535.1535.4535.3535.3535.1535.1535.1535.3535.15
แก๊สโซฮอล์ 9134.8834.8835.1835.0835.0834.8834.8834.8835.0834.88
แก๊สโซฮอล์ E2034.0434.0434.3434.2434.2434.0434.0434.2434.04
แก๊สโซฮอล์ E8532.4432.4432.44
เบนซิน 9542.5643.2143.0643.0642.56
ดีเซล B734.9434.9435.2434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล34.9434.9435.2434.9434.9434.9434.9434.9434.9434.94
ดีเซล B2034.9434.9435.2434.9434.9434.9434.2434.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.6643.6643.9643.9643.9634.94
แก๊ส NGV43.6643.6643.66


About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า