แลนดี้ โฮมชูจุดขายบ้านป้องกันฝุ่นPM 2.5พร้อมใช้AIช่วยออกแบบ-ควบคุมต้นทุน

“แลนดี้ โฮม” สบช่องกระแสฝุ่น PM2.5 มาแรง จุดขายบ้านป้องกันฝุ่น พร้อมนำเทคโนโลยี AI มาช่วยออกแบบบ้านให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้าอย่างแม่นยำ-ควบคุมต้นทุนตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ที่ 2,700 ล้าน
พรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าปี 2568 บริษัทเดินหน้าปฏิวัติวงการรับสร้างบ้านไทย ด้วยวิสัยทัศน์ที่ไม่เพียงแค่สร้างบ้านสวย แต่ยังมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน ด้วยการผสมผสานนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่คุกคามสุขภาพของคนในเมือง โดยเฉพาะในช่วงที่มลพิษทางอากาศกลายเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยการสร้าง Ecosystem ธุรกิจรับสร้างบ้านที่ครบวงจร รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยออกแบบบ้านให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ลูกค้าอย่างแม่นยำ
ความแตกต่างของ แลนดี้ โฮม อยู่ที่การให้ความสำคัญกับนวัตกรรม “บ้านป้องกันฝุ่น PM 2.5” ซึ่งเป็นการตอบโจทย์วิกฤตฝุ่นพิษในปัจจุบัน โดยบริษัทได้นำเทคโนโลยีการเติมอากาศบริสุทธิ์ CAP+ (Clean Air Positive Pressure) เข้ามาช่วยสร้างบ้านที่สามารถป้องกันฝุ่นจากภายนอกไม่ให้เข้ามาในบ้าน ลดปัญหาภูมิแพ้ และเพิ่มคุณภาพอากาศภายในบ้านอย่างชัดเจน
แม้ว่าในปี 2567 ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และปัญหากำลังซื้อที่ลดลง แลนดี้ โฮม ยังคงรักษาการเติบโตที่แข็งแกร่ง ด้วยยอดขายรวมที่สูงถึง 2,200 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนยอดขายเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ Landy Grand (บ้านระดับ Luxury), Landy Home (บ้านขนาดกลาง) และ Trendy Home (บ้านขนาดเล็ก) ซึ่งบริษัทสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งในกระบวนการออกแบบ การควบคุมการก่อสร้าง และการประมวลผลข้อมูลจากพฤติกรรมลูกค้า
ขณะเดียวกันยังปฏิวัติวงการรับสร้างบ้านด้วยการนำ AI มาช่วยออกแบบบ้านแม่นยำและรวดเร็วแล้ว ยังช่วยให้การควบคุมต้นทุนการก่อสร้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันแลนดี้ โฮมยังได้ใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และปรับกลยุทธ์การตลาดให้ทันกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น การพัฒนาบ้านในสไตล์ต่างๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
นอกจากนี้ แลนดี้ โฮม ยังได้ขยายตลาดและพัฒนา3แบรนด์หลัก ได้แก่ Trendy Home, Landy Home และ Landy Grand ที่จะช่วยให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า จากบ้านราคาประหยัดไปจนถึงบ้านระดับหรู โดยในปี 2568 บริษัทได้เตรียมตัวขยายตลาดเพิ่มเติม ทั้งในเมืองใหญ่และทั่วประเทศ พร้อมทั้งเปิดตัวบ้านดีไซน์ใหม่ในราคาที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภค
จากแผนการทั้งหมด แลนดี้ โฮม ตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ที่ 2,700 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคงในสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ โดยยังคงมุ่งมั่นพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในวงการบ้านเพื่อให้คนไทยสามารถเข้าถึงบ้านที่มีคุณภาพดีและตอบโจทย์สุขภาพอย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
บ้านหรูส่งสัญญาณชะลอตัวแรง! ยอดขายอืดสวนซัพพลายล้น ลุ้นดีสุดตลาดทรงตัว

- AREA เผยปี 2567 ตลาดบ้านเดี่ยวหน่วยเปิดขายใหม่ลดลง 20% ขณะที่อุปสงค์น้อยกว่าอุปทานที่เปิดขาย 50%
- จากข้อมูลของ REIC พบว่า การโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบ 10 เดือนแรกในปีที่ผ่านมาลดลงถึง 22%
- สะท้อนบ้านหรูส่งสัญญาณชะลอตัวแรง!ยอดขายอืดสวนซัพพลายล้นทำให้การแข่งขันรุนแรง
ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังเผชิญกับความท้าทายหนัก จากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และการหดตัวของกำลังซื้อ แม้แต่ “บ้านหรู” ตลาดดาวรุ่งที่เคยพุ่งแรง! ของบรรดาดีเวลลอปเปอร์ เวลานี้เริ่มมีกระทบจากยอดขายชะลอตัวลง โดยช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) พบว่า จำนวนการโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ลดลงถึง 10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงถึง 22%
อาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดบ้านหรูมีสัญญาณชะลอตัว ยอดขายเริ่มอืด ตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับ “ทำเล” ยกตัวอย่าง ทำเลกรุงเทพกรีฑา แสนสิริ ยังไปต่อได้ กับการเปิดตัวล่าสุด ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา แต่หากเทียบ 3-4 ปี ก่อนหน้าช่วงนั้นจะดีกว่านี้มาก
“โดยภาพรวมของตลาดชะลอตัว แนวทางการบริหารจัดการที่สำคัญ ต้อง ‘สร้าง’ ให้เหมาะกับยอดขาย สร้างน้อยลงให้สมดุลกับดีมานด์ที่ชะลอตัว การทำตลาดบ้านหรูไม่ง่ายเหมือนสมัยก่อน เพราะดีมานด์ลดลง คู่แข่งเพิ่มขึ้น”
ขณะที่แผน Dynamic Growth ของแสนสิริในปี 2568 ภายใต้กลยุทธ์ขยายพอร์ตลักชัวรี รุก Strategic Location เตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยว 14 โครงการ มูลค่า 31,600 ล้านบาท ไฮไลต์ คือ แบรนด์ “นาราสิริ” 3 โครงการใหม่ เช่น นาราสิริ บางนา กม.10 ราคา 60-150 ล้านบาท ในลักชัวรีคอมมูนิตี้ใหม่ “SANSIRI 10 EAST” และ “DEMI” พระราม 9 – เหม่งจ๋าย ราคาเริ่มต้น 27.9 ล้านบาท โครงการ “บุราสิริ จตุโชติ” ราคา 13.5-25 ล้านบาท รวมถึงโครงการเศรษฐสิริ เกาะแก้ว ภูเก็ต ราคา 12-20 ล้านบาท
“การขายบ้านหรูเพียงแค่ฟังก์ชันไม่พอ ต้องลงรายละเอียดในทุกมิติเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างสินค้าเรากับคู่แข่งทั้งสเปซ ฟังก์ชัน สเปก รวมทั้งพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง ซึ่งเป็นเสน่ห์ของแสนสิริ”
ภวรัญชน์ อุดมศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารโครงการที่อยู่อาศัย (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดบ้านหรูส่งสัญญาณอิ่มตัว จากช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดีเวลลอปเปอร์ทุกรายโดดเข้ามาทำตลาดแนวราบจำนวนมาก ทำให้เกิด “โอเวอร์ซัพพลาย” เนื่องจากดีมานด์ไม่เพิ่มขึ้นมากนัก โดยเฉพาะปี 2568 สัญญาณไม่ดีขึ้นจากปี 2567
หรือกรณีดีที่สุด คือ “ทรงตัว” ขณะที่ภาพรวมตลาดหดตัว 5-7% ดังนั้นการแข่งสูงขึ้น ทุกรายต่างแย่งมาร์เก็ตแชร์จากดีมานด์ที่มีอยู่จำกัด เรียกว่า ปีนี้เหนื่อย เพราะยังไม่มีมาตรการภาครัฐออกมาช่วยกระตุ้นตลาด เฟดยังไม่ลดดอกเบี้ย
“หลังวิกฤติโควิด-19 ตลาดคอนโดมิเนียมหดตัว เพราะต่างชาติไม่มา ส่วนคนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมหันไปซื้อบ้านแทนคอนโดมิเนียมทำให้ตลาดแนวราบขายดี สวนกับภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะบ้านหรูราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป โครงการบ้านเดี่ยวขายดี ทำให้ดีเวลลอปเปอร์ต่างโดดเข้ามาทำตลาด เพราะกลุ่มลูกค้ามีศักยภาพในการซื้อสูง ประกอบกับพฤติกรรมการทำงานที่เปลี่ยนไป สามารถทำงานที่บ้านได้ จากเทคโนโลยีการประชุมผ่านทางออนไลน์”
ภวรัญชน์ ระบุว่า แนวทางการทำตลาดต้องพัฒนาโครงการให้โดนใจ ในทำเลที่เดินทางสะดวก ไม่ไกลจากใจกลางเมือง ยกตัวอย่าง ฝั่งธนบุรี ทำเลกัลปพฤกษ์ -ราชพฤกษ์ ส่วนฝั่งตะวันออก คือ กรุงเทพกรีฑา และบางนา
สอดคล้องกับ วัชริน กสิณฤกษ์ กรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ โครงการบ้านจัดสรร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 อาจได้รับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวประมาณ 2.9% และอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มจะลดลง
แม้การเติบโตทางเศรษฐกิจมาจากการใช้จ่ายของภาครัฐ และภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น แต่ภาคการส่งออกยังชะลอตัวทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ไม่สูงมากนัก นอกจากนี้ ความต้องการซื้อในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับแรงกดดันจากยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่ปรับสูงขึ้น และระดับหนี้ครัวเรือนสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญในปีนี้ คือ “การรักษาสภาพคล่อง” และความระมัดระวังในการใช้เงินลงทุนในการพัฒนาโครงการ
“ปี 2567 บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ ยังคงเป็นสินค้าหลักที่สร้างยอดขายให้กับแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีสัดส่วนประมาณ 80% ของยอดขาย เมื่อจำแนกตามพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงเป็นพื้นที่หลักในการก่อให้เกิดยอดขาย สัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 88% ของยอดขายรวมทั้งหมด ซึ่งกว่าครึ่งของยอดขายรวมมาจากบ้านระดับราคาสูงกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป”
ในปี 2568 มีแผนเปิดโครงการใหม่เพียง 4 โครงการ มูลค่ารวม 11,180 ล้านบาท ลดลง 64% เทียบปีก่อน โดยโครงการใหม่ปีนี้ทั้งหมดจะเป็นบ้านเดี่ยว ทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 โครงการ ภูเก็ต 1 โครงการ ภายใต้แบรนด์บ้านเดี่ยว ระดับราคา 8-15 ล้านบาท ได้แก่ สีวลี และแบรนด์บ้านเดี่ยว ระดับราคา 30-80 ล้านบาท ได้แก่ นันทวัน และ วีเว่ เป็นการเพิ่มสินค้าในระดับกลาง-บน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 13ก.พ. “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”ที่ระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจไม่อ่อนค่าลงหนัก หากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นแนะจับตาการเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำรัสเซีย รวมถึงมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 13ก.พ.2568 ที่ระดับ 34.00 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ ระดับ 34.06 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีความเสี่ยงกลับมาเป็นแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงต่อได้ไม่ยาก ตามกลยุทธ์ Trend Following หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 34.00-34.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทจะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 34.20 บาทต่อดอลลาร์ แต่ก็ยังไม่สามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ หลังราคาทองคำพลิกกลับมารีบาวด์สูงขึ้น ทำให้ เงินบาทอาจยังไม่ได้กลับไปอ่อนค่าได้ ตราบใดที่ราคาทองคำยังคงสามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ ทำให้ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเงินบาทได้อย่างมีนัยสำคัญในช่วงนี้ และเป็นปัจจัยที่ควรจับตาอย่างใกล้ชิด
โดยเรามองว่า หากรัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้านโยบายกีดกันทางการค้าตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้า ก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันบรรดาสกุลเงินเอเชียให้อ่อนค่าลงได้พอสมควร ทว่า เงินบาทก็อาจไม่ได้อ่อนค่าลงหนัก หากสุดท้ายราคาทองคำสามารถปรับตัวสูงขึ้น
ทำให้ต้องจับตาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical) อย่าง การเจรจาระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำรัสเซีย รวมถึงการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ที่จะสามารถเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ ได้ ในกรณีที่ ผู้เล่นในตลาดเลิกกังวลประเด็นความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ หรือ กลับมาเชื่อมากขึ้นว่า เฟดจะชะลอการลดดอกเบี้ยและอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า 2 ครั้ง ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะต้องเห็นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง โดยเฉพาะข้อมูลฝั่งตลาดแรงงานและข้อมูลที่เกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.80-34.15 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันหยุดของสถาบันการเงินในไทย (แกว่งตัวในกรอบ 33.90-34.25 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงหนัก อย่างรวดเร็ว จนทะลุโซนแนวต้าน 34.20 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม ออกมาสูงกว่าคาดที่ระดับ 3.0% (+0.5%m/m)
ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่ไม่รวมผลของราคาพลังงานและอาหารก็ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.3% (+0.4%m/m) สูงกว่าคาดเช่นกัน ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า เฟดอาจยิ่งชะลอการลดดอกเบี้ยในปีนี้ โดยผู้เล่นในตลาดได้ปรับลดโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยในปีนี้ 2 ครั้ง หรือ 50bps เหลือราว 15% จากที่ให้โอกาสราว 40% ในช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะกดดันราคาทองคำและเงินบาท ทว่า เงินบาทกลับสามารถทยอยแข็งค่าขึ้นได้ หลังราคาทองคำพลิกกลับมารีบาวด์สูงขึ้น หนุนโดยความต้องการถือทองคำ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0
อีกทั้งเงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง ตามแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ทำให้โดยรวมเงินบาทสามารถทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นสู่โซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ อีกครั้ง
แม้ว่าบรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะถูกกดดันจากความกังวลแนวโน้มเฟดอาจชะลอการลดดอกเบี้ย หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ล่าสุด ออกมาสูงกว่าคาด ทว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ ใหญ่ บางส่วน อาทิ Tesla +2.4%, Apple +1.8% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.27%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.11% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด ทว่าตลาดหุ้นยุโรปยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีโอกาสที่จะขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากฝั่งยุโรป
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์นั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเร็วและแรง สู่โซน 4.66% หลังผู้เล่นในตลาดกังวลว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยในปีนี้ ได้น้อยกว่า 2 ครั้งที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาด
ทั้งนี้ บรรยากาศระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาด รวมถึงความกังวลแนวโน้มนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ช่วยชะลอการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อีกทั้งผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็รอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวด้วยเช่นกัน ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างเข้าใกล้โซน 4.60%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนสูง ในกรอบ Sideways แม้จะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเร็วและแรง จากรายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูงกว่าคาด ทว่า เงินดอลลาร์ก็เผชิญแรงกดดันบ้างจากแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD ของผู้เล่นในตลาด รวมถึงการรีบาวด์ขึ้นของบรรดาสกุลเงินฝั่งยุโรป อาทิ เงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ที่ได้อานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป ส่งผลให้โดยรวมเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 107.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 107.6-108.5 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025) จะเผชิญแรงกดดันบ้าง จากการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทว่า ความต้องการถือครองทองคำ เพื่อรับมือความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงช่วยหนุนให้ราคาทองคำ สามารถรีบาวด์สูงขึ้น กลับสู่โซน 2,930-2,940 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง
เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ในเดือนมกราคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ PCE ที่เฟดติดตามอย่างใกล้ชิด หลังล่าสุดผู้เล่นในตลาดได้รับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) เพื่อประเมินสภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษ ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 ที่ผ่านมา รวมถึงรายงานยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนธันวาคม
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึงรอติดตามท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแข็งค่ากลับมาปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.96-33.98 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.15 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 34.06 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นตามการฟื้นตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกซึ่งยังคงได้รับอานิสงส์จากความกังว
ลต่อสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงของนโยบายการค้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (หลังแตะระดับอ่อนค่าสุดนับตั้งแต่ 22 ม.ค. ประมาณในรอบ 3 สัปดาห์ที่ระดับ 34.25 บาทต่อดอลลาร์ฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาด และถ้อยแถลงของประธานเฟดสะท้อนว่า เฟดจะยังไม่รีบประลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในเร็วๆ นี้)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.90-34.15 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ทิศทางเงินหยวน การตอบรับของตลาดต่อสัญญาณของประธานเฟด และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วอลเลย์บอลไทยเตรียมเฟ้นนักตบแทน “วิภาวี” ที่เจ็บต้องพักยาว 6 เดือน

จากเหตุการณ์ที่ วิภาวี ศรีทอง ประสบอุบัติเหตุระหว่างลงเล่นให้ต้นสังกัด ฮุนได ฮิลล์สเตรท ในลีกวอลเลย์บอลอาชีพของเกาหลีใต้ ล่าสุดทางสโมสรได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า วิภาวีได้รับบาดเจ็บหนักที่หัวเข่า โดยแพทย์วินิจฉัยว่าเธอมีอาการเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าซ้าย (ACL) ฉีกขาด และหมอนรองกระดูกด้านนอกของหัวเข่าเสียหาย จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด และต้องใช้เวลาพักฟื้นราว 6 เดือน ทำให้เธอหมดสิทธิ์ลงสนามตลอดฤดูกาลที่เหลือ รวมถึงรอบเพลย์ออฟ
พันจ่าอากาศเอก นัฐพงศ์ เกษาพันธ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า อาการบาดเจ็บของวิภาวีถือว่ารุนแรง และจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยส่องกล้อง ทำให้ต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน คาดว่าเธอจะไม่สามารถกลับมาทันช่วยทีมชาติไทยในศึก วอลเลย์บอล เนชันส์ ลีก 2025 (4 มิถุนายน – 27 กรกฎาคม 2568) รวมถึง วอลเลย์บอล ซี วี. ลีก (22 สิงหาคม – 7 กันยายน 2568)
อย่างไรก็ตาม ในรายการ วอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก 2025 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพช่วงกลางปี โอกาสที่วิภาวีจะกลับมาทันยังอยู่ที่ 50-50 ขณะที่การแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (9-20 ธันวาคม 2568) เธออาจมีโอกาสลงสนาม ทั้งนี้จะต้องรอการประเมินจาก “โค้ชอ๊อต” เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย และพิจารณาผู้เล่นที่จะมาแทนตำแหน่งของวิภาวีในทีมชาติ
วิภาวี ศรีทอง ซึ่งเล่นในตำแหน่งตัวตบหัวเสา และเป็นผู้เล่นโควตาเอเชียของ ฮุนได ฮิลล์สเตรท ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาล 2024-2025 โดยทำไปแล้ว 264 คะแนน (รั้งอันดับ 17 ของลีก) นอกจากนี้ เธอยังมีประสิทธิภาพการรับเสิร์ฟอยู่ในอันดับ 5 (37.30%) และอยู่อันดับ 7 ในด้านเกมรับ (เฉลี่ย 5.520 ครั้งต่อเซต) นับเป็นกำลังสำคัญของทีมทั้งในเกมรุกและรับ
แม้จะเป็นข่าวร้ายสำหรับทีมชาติไทยและต้นสังกัด แต่แฟนวอลเลย์บอลยังคงส่งกำลังใจให้วิภาวีหายกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
เช็กกลิ่นผายลม! หมอเผยหากมี 2 กลิ่นนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือน เสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่

กลิ่นผายลมเหม็นผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณอันตราย! หากผายลมออกมาเป็น 2 กลิ่นนี้ เสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ รีบไปพบแพทย์
การผายลมเป็นเรื่องปกติของร่างกาย แต่หากมีกลิ่นผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนปัญหาสุขภาพ แพทย์ทางเดินอาหารในไต้หวันเผยว่า ปกติคนเราจะผายลมวันละ 10-18 ครั้ง และหากระบบขับถ่ายดี กลิ่นจะไม่รุนแรงนัก แต่หากมีกลิ่น 2 แบบนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที
ผายลมปกติไม่มีกลิ่น
ดร.เฉียน เจิ้งหง แพทย์ทางเดินอาหารชาวไต้หวัน อธิบายว่า เมื่อร่างกายย่อยคาร์โบไฮเดรต จะเกิดก๊าซ เช่น มีเทน ไฮโดรเจน และคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งถูกขับออกมาในรูปของการผายลม โดยทั่วไปจะไม่มีกลิ่น ยกเว้นในกรณีที่มีก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S) ประมาณ 1% ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นเหม็น ขึ้นอยู่กับประเภทของอาหารที่รับประทาน
หากมีกลิ่นคาวหรือเน่า ต้องรีบพบแพทย์
ดร.เฉียน เจิ้งหง ยังกล่าวถึงอาหารบางประเภท เช่น นม เนื้อสัตว์ ไข่ กระเทียม และหัวหอม ที่มีสารซัลไฟด์สูง ซึ่งทำให้กลิ่นผายลมแรงขึ้น ขณะที่ผู้ที่ทานอาหารมังสวิรัติมักจะมีการผายลมบ่อย แต่ไม่มีกลิ่นแรง
อย่างไรก็ตาม หากผายลมมีกลิ่นคาวหรือเน่า อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบในลำไส้ แผล หรือเลือดออก และอาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ จึงควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
วิธีป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
สำนักงานสุขภาพไต้หวันแนะนำ 4 วิธีดูแลลำไส้ให้สุขภาพดี ได้แก่ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์, การออกกำลังกายสม่ำเสมอ, การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ และการรักษาตามคำแนะนำหลังการวินิจฉัย โดยเฉพาะสำหรับประชาชนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ไม่ถึง 75 ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เกาะติดเทรนด์ AI 2025 ศึกชิงบัลลังก์เทคโนโลยี พลิกโฉมอนาคตโลก

เปิดฉากการแข่งขัน AI ปี 2025 กับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของสหรัฐฯ จีน ยุโรป และญี่ปุ่น เมื่อเทคโนโลยีไม่ใช่แค่โอกาส แต่คือสนามรบยุคใหม่ที่เปลี่ยนโลก
ปี 2025 ถูกจับตามองว่าเป็นหมุดหมายสำคัญของการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) ในระดับนานาชาติ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในธุรกิจอีกต่อไป แต่กลายเป็นอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ของประเทศมหาอำนาจในระดับโลก การแข่งขันที่รุนแรงนี้ไม่ใช่แค่การแย่งชิงตลาดหรือเงินทุน แต่เป็นการกำหนดว่าใครจะเป็นผู้นำในยุคดิจิทัลแห่งอนาคต
สหรัฐฯ ครองตำแหน่งผู้นำ AI
สหรัฐอเมริกายังคงเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของ AI ด้วยการลงทุนระดับพันล้านดอลลาร์จากรัฐบาลกลางและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Google, Microsoft, OpenAI และ Meta ที่เดินหน้าวิจัยและพัฒนาโมเดล AI ขั้นสูง เช่น GPT-5, Gemini Ultra และ Claude 3
นอกจากการพัฒนาโมเดลแล้ว สหรัฐฯ ยังให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ AI โดย NVIDIA และ AMD ได้เร่งผลิตชิป AI ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับความต้องการของตลาดโลก ซึ่งสหรัฐฯ ยังคงออกมาตรการจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังจีน เพื่อรักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยี
จีนไล่ตามเร็ว ฝ่ามาตรการสหรัฐฯ
แม้ว่าสหรัฐฯ จะพยายามสกัดกั้นการเติบโตของ AI ในจีน แต่จีนยังคงเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองอย่างต่อเนื่อง DeepSeek บริษัทสตาร์ทอัพ AI ชั้นนำของจีนได้เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์ที่มีขนาดใหญ่และประสิทธิภาพใกล้เคียงกับโมเดลตะวันตก ขณะเดียวกัน Baidu, Tencent และ Alibaba ก็ทุ่มเงินลงทุนในด้าน AI อย่างมหาศาล โดยเน้นไปที่ AI เชิงอุตสาหกรรม, AI ด้านสุขภาพ และการประยุกต์ใช้ AI ในภาคการเงิน
รัฐบาลจีนเองก็เดินเกมเชิงรุก ด้วยการประกาศเป้าหมายเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรม AI ระดับโลกภายในปี 2030” โดยใช้โครงการ Made in China 2025 เป็นแกนกลางในการสนับสนุนสตาร์ทอัพด้าน AI ในประเทศ
ยุโรปเน้น AI จริยธรรม-ความมั่นคง
สหภาพยุโรป (EU) ยังคงเดินหน้าพัฒนา AI ด้วยแนวทางที่แตกต่างจากสหรัฐฯ และจีน โดยเน้น AI อย่างมีจริยธรรม (Ethical AI) และพยายามสร้างกรอบกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น
AI Act กฎหมายปัญญาประดิษฐ์ฉบับแรกของโลก ได้รับการบังคับใช้ในปี 2025 ซึ่งกำหนดมาตรฐานสำหรับ AI ที่ต้องคำนึงถึงความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความปลอดภัยของผู้ใช้ การกำกับดูแลนี้ทำให้บริษัทเทคโนโลยีที่ต้องการทำตลาดในยุโรปต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนด
นอกจากนี้ EU ยังได้ทุ่มงบประมาณกว่า 50 พันล้านยูโร เพื่อวิจัยและพัฒนา AI โดยมุ่งเน้นไปที่ AI ด้านสุขภาพ พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
ญี่ปุ่น ผู้นำด้าน AI เชิงอุตสาหกรรม-การแพทย์
ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้าน AI โดยให้ความสำคัญกับการใช้ AI ในภาคอุตสาหกรรม หุ่นยนต์อัจฉริยะ, ระบบ AI เพื่อดูแลผู้สูงอายุ และ AI ด้านการแพทย์ คือจุดแข็งของญี่ปุ่น
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ร่วมมือกับ OpenAI ในการให้บริการโซลูชัน AI แก่ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการผลิตที่ต้องการใช้ AI เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
สงครามเทคโนโลยีที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้ง
การแข่งขันในด้าน AI ระหว่างสหรัฐฯ และจีนทวีความรุนแรงขึ้น โดยสหรัฐฯ ยังคงใช้มาตรการแซงก์ชันเพื่อปิดกั้นไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นสูง ขณะที่จีนเองก็กำลังพัฒนา “ชิป AI รุ่นใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพาสหรัฐฯ” เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางการค้า
นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่า สงครามเทคโนโลยีนี้อาจนำไปสู่ความขัดแย้งในมิติที่กว้างขึ้น เช่น การแข่งขันด้านอาวุธ AI, การสอดแนมไซเบอร์ และการใช้ AI เพื่อประโยชน์ทางการทหาร ซึ่งอาจเพิ่มความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ
โลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร?
นอกจากการแข่งขันแล้ว AI ยังเป็นจุดเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศ เช่น การประชุมสุดยอด AI ที่ปารีส ซึ่งเป็นเวทีหารือระดับโลกเกี่ยวกับแนวทางพัฒนา AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อมนุษยชาติ
ในด้านเศรษฐกิจ AI ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลายภาคส่วน ตั้งแต่ การเงิน เทคโนโลยี พลังงาน ไปจนถึงการศึกษา โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตาม AI ยังสร้างความกังวลเกี่ยวกับ การจ้างงาน ความเป็นส่วนตัว และจริยธรรม โดยเฉพาะเมื่อ AI เริ่มเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในหลายภาคส่วน
ปี 2025 ถือเป็นปีที่ AI ได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างเต็มตัว ประเทศมหาอำนาจต่างแข่งขันกันพัฒนา AI เพื่อครองความเป็นผู้นำ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในด้านความปลอดภัยและจริยธรรม อนาคตของ AI ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ “วิธีที่มนุษย์เลือกใช้ AI” ว่าจะนำไปสู่ประโยชน์มหาศาล หรือกลายเป็นอันตรายที่ควบคุมไม่ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
30 วลี ให้กำลังใจภาษาอังกฤษ ถ้อยคำสั้น ๆ แต่ทรงพลัง

วลี ให้กําลังใจภาษาอังกฤษ สั้น ๆ เป็นแบบไหน
วลีในภาษาอังกฤษ หรือ Phrase กลุ่มคำเล็ก ๆ ในภาษาอังกฤษที่ประกอบด้วยคำตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป โดยปราศจากประธานแท้และกริยาแท้ โดยมักจะเริ่มต้นหรือประกอบด้วยประเภทคำอย่าง คำบุพบท (Preposition) คำคุณศัพท์ (Adjective) Gerund หรือ Present Participle (กริยา -ing) และ Past Participle (V-ed, กริยาช่อง 3) เพราะโดยปกติแล้ว ประโยคที่ถูกต้องสมบูรณ์ในภาษาอังกฤษจะต้องประกอบด้วย ประธาน (subject) + กริยา (verb) + กรรม (object) เพื่อความชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูกันจากรูปแบบของวลี ให้กําลังใจ ภาษาอังกฤษ สั้น ๆ ไปพร้อมกันเลย
ตัวอย่างข้อความ ให้กําลังใจภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล
มาดูกลุ่มคำสั้น ๆ หรือ วลี (Phrase) ในคำคม เป็น ข้อความให้กําลังใจ ภาษาอังกฤษ กัน เรามาพร้อมกับคำแปลเพื่อให้ทุกคนอ่านและเรียนรู้วลีไปด้วยกัน ซึ่งบางคำคมอาจไม่ได้ขึ้นต้นด้วยวลี แต่เสริมด้วยวลีเพื่อขยายความหมายของประโยคนั้น ๆ โดยเราได้คัดเลือกวลีมาบูสต์กำลังใจให้กับทุกคนดังนี้
- Do one thing every day that scares you. – Eleanor Roosevelt
= ให้ทำสิ่งที่คุณกลัววันละอย่างในทุก ๆ วัน (กล้าที่จะทำในสิ่งที่กลัว)
- If you can dream it, you can do it. – Walt Disney
= หากคุณฝันได้ คุณก็ทำมันได้เช่นกัน
- Earn your leadership every day. – Michael Jordan
= หาความเป็นผู้นำในตัวคุณให้ได้ทุกวัน
- Try to be a rainbow in someone’s cloud. – Maya Angelou
= ลองเป็นสายรุ้งในกลุ่มก้อนเมฆของใครบางคนดูสิ (จงโดดเด่นในผู้คน)
- Strive not to be a success, but rather to be of value. – Albert Einstein
= อย่าพยายามเพื่อความสำเร็จ แต่เพื่อให้มีคุณค่ามากกว่า (สำเร็จอย่างมีความหมาย)
- Don’t count the days, make the days count. – Muhammad Ali
= อย่านับวันรอ แต่ทำทุกวันให้มีความหมายดีกว่า
- Remember why you started. – Unknown
= โปรดจำไว้ว่า ทำไมคุณถึงเริ่มทำสิ่งนั้น (อย่าลืมเป้าหมายที่วางไว้)
- The more I read, the more I acquire, the more certain I am that I know nothing. – Voltaire
= ยิ่งฉันได้อ่านมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นเท่านั้นว่าฉันไม่รู้อะไรมาก่อนเลย (คนเราย่อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้เสมอ)
- “You make a life out of what you have, not what you’re missing.” – Kate Morton, The Forgotten Garden
= คุณสร้างชีวิตขึ้นมาจากสิ่งที่คุณมี ไม่ใช่สิ่งที่คุณกำลังขาดหายไป
- Think different. – Apple
= ลองคิดให้แตกต่างสิ
- My mission in life is not merely to survive, but to thrive. – Maya Angelou
ภารกิจในชีวิตของฉันไม่ใช่แค่เพื่อความอยู่รอดเท่านั้น แต่ยังต้องเติบโตอีกด้วย
- View your life with gentle hindsight. – Unknow
มองย้อนชีวิตของคุณกลับไปด้วยความอ่อนโยน
- It is never too late to be what you might have been. – George Eliot
ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะเป็นอย่างที่คุณเคยเป็นตลอด (จงภูมิใจที่เป็นตัวเอง)
- Happiness is not by chance, but by choice. – Jim Rohn
ความสุขไม่ได้มาเพราะโอกาส แต่มาจากสิ่งที่เราเลือก
- The bad news is time flies. The good news is you’re the pilot. – Michael Altshuler
= ข่าวร้ายคือเวลานั้นมักผ่านไปเร็ว แต่ข่าวดีคือเราเป็นนักบิน (ที่สามารถบินผ่านไปพร้อมกับเวลาได้นั่นเอง)
- There are years that ask questions and years that answer. – Zora Neale Hurston, Their Eyes Were Watching God
= มีหลายปีที่มีคำถามและก็มีหลายปีที่ได้คำตอบมาเช่นกัน
- You can go as far as your mind lets you. What you believe, remember, you can achieve.” —Mary Kay Ash
= คุณสามารถไปไกลได้ตามที่ใจปรารถนา สิ่งที่คุณเชื่อ โปรดจำไว้ คุณทำได้
- Each of us is more than the worst thing we’ve ever done. – Bryan Stevenson, Just Mercy
= เราแต่ละคนมีค่ามากกว่าสิ่งที่แย่ที่สุดที่เราเคยได้ทำ
- A winner is a dreamer who never gives up. – Nelson Mandela
= ผู้ชนะคือนักฝันที่ไม่เคยยอมแพ้
- Pay attention to the present, you can improve upon it. – Paulo Coelho, The Alchemist
= ให้ความสำคัญกับปัจจุบัน คุณสามารถทำให้มันดีขึ้นได้
- You cannot change what you are, only what you do.” – Philip Pullman, The Golden Compass
= คุณไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งที่คุณเป็นได้ มีเพียงแต่การกระทำของคุณเท่านั้น
- If you spend too much time thinking about a thing, you’ll never get it done. – Bruce Lee
= หากคุณใช้เวลาคิดถึงสิ่งใดมากไป คุณจะไม่มีวันทำมันได้สำเร็จ
- Success is going from failure to failure without losing your enthusiasm. – Winston Churchill
= ความสำเร็จเกิดขึ้นจากความล้มเหลวแล้วล้มเหลวอีก โดยไม่สูญเสียความศรัทธาอย่างแรงกล้าในตัวไป
- Goal setting is the secret to a compelling future.
= การตั้งเป้าหมายคือความลับสู่อนาคตที่น่าดึงดูดใจ
- You are braver than you believe, stronger than you seem and smarter than you think.” —A.A. Milne, Winnie the Pooh
= คุณกล้าหาญมากกว่าที่คุณเชื่อ แข็งแกร่งกว่าที่คุณเห็น และฉลาดกว่าที่คุณคิด
- Attitude is a little thing that makes a big difference. – Winston Churchill
= ทัศนคติคือสิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ (ทัศนคติที่ดีสร้างชีวิตที่ดีได้)
- Before anything else, preparation is the key to success.” – Alexander Graham Bell
= ก่อนเริ่มสิ่งอื่นใด การเตรียมตัวคือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
- You are never too old to set another goal or to dream a new dream. – C.S. Lewis
เราไม่เคยแก่เกินไปที่จะตั้งเป้าหมายหรือเริ่มฝันใหม่อีกครั้ง
- There is nothing impossible to they who will try. – Alexander the Great
= ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้กับคนที่จะพยายามทำ (พยายามมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสสำเร็จมากเท่านั้น)
- Where there’s hope, there’s life. It fills us with fresh courage and makes us strong again. – Anne Frank in The Diary of a Young Girl
ที่ใดมีหวัง ที่นั่นมีชีวิต มันเติมเต็มเราด้วยความกล้าหาญอันสดใหม่และทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง
คำศัพท์ทิ้งท้ายเกี่ยวกับการ ให้กำลังใจภาษาอังกฤษ
จากที่เราได้เรียนรู้เกี่ยวคำวลีก็สามารถเก็บไปทำเป็นแคปชั่นบนโซเชียลได้เลย แต่เท่านั้นไม่พอ เรายังมีคำศัพท์ทิ้งท้ายเกี่ยวกับการ ให้กำลังใจภาษาอังกฤษ เพิ่มเติมให้ทุกคนได้รู้เรียนกันอีกด้วย โดยมาถึง 20 คำด้วยกัน นอกจากเกี่ยวกับการให้กำลังใจแล้ว เรายังสามารถพบคำเหล่านี้ได้ในบริบทอื่นอีกด้วย
- Mission (n.) = ภารกิจ, สิ่งที่ต้องทำ
- Improve (v.) = พัฒนา, ปรับปรุง, ทำให้ดีขึ้น
- Chance (n.) = โอกาส, ความเสี่ยง, บังเอิญ
- Choice (n.) = ทางเลือก, ตัวเลือก
- Motivation (n.) = แรงจูงใจ
- Inspiration (n.) = แรงบันดาลใจ
- Brave (adj.) = ซึ่งกล้าหาญ
- Bravery (n.) = ความกล้าหาญ
- Courage (n.) = ความกล้าหาญ
- Discouragement (n.) = ความท้อแท้ใจ
- Encouragement (n.) = การให้กำลังใจ, การส่งเสริม, การให้การสนับสนุน
- Encourage (v.) = ให้กำลังใจ, ส่งเสริม, สนับสนุน
- Support (n., v.) = การให้ความช่วยเหลือ, การให้การสนับสนุน / ช่วยเหลือ, สนับสนุน
- Belief (n.) = ความเชื่อ, ความศรัทธา
- Believe (v.) = เชื่อ, ศรัทธา
- Present (n.) = ปัจจุบัน
- Happiness (n.) = ความสุข, ความปิติยินดี
- Thrive (v.) = เจริญเติบโตดี, ประสบความสำเร็จ
- Survive (v.) = ดำรงอยู่, มีชีวิตรอด
- Worth (n., adj.) = คุณค่าทางจิตใจ, ซึ่งมีคุณค่า
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
รับมือฝุ่น PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย 6 อาหารเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย

ฝุ่น PM 2.5 เป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่หลายคนต้องเผชิญในปัจจุบัน ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและภูมิคุ้มกันของร่างกาย การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยอาหารเสริมที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ
และช่วยบำรุงร่างกาย จึงเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 วันนี้ เราจึงมี 6 อาหารเสริมภูมิคุ้มกันคุณผู้ชายที่จะช่วยให้ร่างกายพร้อมรับมือกับฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้
6 อาหารเสริม เพิ่มภูมิสู้ฝุ่น PM 2.5
1.วิตามิน C
วิตามิน C เป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีเยี่ยม เนื่องจากวิตามิน C ช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เป็นตัวช่วยในการป้องกันเชื้อโรค และการติดเชื้อจากฝุ่น PM 2.5 นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งมักจะเกิดจากการหายใจเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกาย โดยอาหารที่มีวิตามิน C สูง คือ ผลไม้ตระกูลส้ม, มะนาว, ฝรั่ง และบล็อกโคลี
2.วิตามิน E
วิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากการสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะเซลล์ที่มีความไวต่ออนุมูลอิสระ เช่น เซลล์ของผิวหนังและปอด วิตามิน E ช่วยลดการอักเสบและเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คุณสามารถได้รับวิตามิน E จากอาหาร เช่น อัลมอนด์, เมล็ดทานตะวัน และน้ำมันมะกอก

3.สารสกัดจากกระชายดำ
กระชายดำเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมในการบำรุงร่างกายและเสริมภูมิคุ้มกัน เนื่องจากกระชายดำมีสารต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและปกป้องร่างกายจากการทำลายของฝุ่น PM 2.5 การทานกระชายดำในรูปแบบอาหารเสริมหรือชา จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น ในการต่อสู้กับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกิดจากมลพิษทางอากาศ
4.โอเมก้า 3
โอเมก้า 3 คือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ และช่วยบำรุงสุขภาพโดยรวมของคุณผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการป้องกันปัญหาจากการหายใจเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกาย โอเมก้า 3 ช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกิดจากการอักเสบ เช่น โรคหอบหืดและโรคปอด อาหารที่มีโอเมก้า 3 คือ ปลาแซลมอน, เมล็ดแฟลกซ์ และวอลนัท เป็นต้น
5.กระเทียม
กระเทียมเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและกระตุ้นภูมิคุ้มกัน มีสารที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยลดผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจและการอักเสบของปอด นอกจากนี้ กระเทียมยังช่วยลดการติดเชื้อและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง คุณจึงสามารถทานกระเทียมสดหรือเพิ่มในอาหาร เพื่อให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่
6.โปรไบโอติกส์
โปรไบโอติกส์เป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะต่อระบบทางเดินอาหาร การทานโปรไบโอติกส์สามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 การมีจุลินทรีย์ที่ดีในระบบทางเดินอาหาร ยังช่วยให้ร่างกายสามารถตอบสนองต่อสารพิษและมลพิษได้ดียิ่งขึ้น อาหารที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ตที่ไม่เติมน้ำตาลและกิมจิ เป็นต้น
การป้องกันฝุ่น PM 2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแค่การสวมหน้ากากอนามัยเท่านั้น การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันผ่านการทานอาหาร ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและบำรุงร่างกาย จะช่วยให้หนุ่ม ๆ พร้อมรับมือกับมลพิษทางอากาศได้ดียิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก .sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 13/02/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 46,700.00 | 46,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,025.00 | 45,859.00 | 47,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,722.50 | 41,273.10 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,420.00 | 36,687.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,361.00 | 20,632.76 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,059.00 | 16,054.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,135.00 | 47,526.60 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 13/02/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.35 | 35.35 | 35.85 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.98 | 34.98 | 35.48 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.14 | 33.14 | 33.64 | 33.14 | 33.14 | – | 33.14 | 33.14 | 33.14 | 33.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.09 | 32.09 | – | – | – | – | – | – | – | 32.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.94 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 43.94 |
เบนซิน 95 | 43.64 | – | – | – | 49.81 | – | 44.14 | 43.79 | – | 43.64 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |