“แสนสิริ” สยายปีก บุกตลาดรับสร้างบ้าน เห็นโอกาสตลาดโต2แสนล้าน

แสนสิริ สยายปีก บุกตลาดรับสร้างบ้านล้าน เปิดตัว “ต้นแบบ Crafted by Sansiri” เห็นโอกาสการเติบโตจากมูลค่าตลาดกว่า 2 แสนล้าน เปิดตัวงานมหกรรมบ้าน-คอนโด20–23 มี.ค.
ตลาดรับสร้างบ้านร้อนระอุทันที เมื่อบริษัท แสนสิริจำกัด (มหาชน ) ค่ายใหญ่ในตลาดบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม ประกาศเปิดตัวธุรกิจใหม่ “ต้นแบบ Crafted by Sansiri” บริการรับสร้างบ้านอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากเห็นโอกาส การเติบโตจากมูลค่าตลาดกว่า 2 แสนล้านบาท
โดยใช้จุดแข็งด้านดีไซน์ – คุณภาพ – การบริการ และศักยภาพธุรกิจพรีคาสท์ในมือพร้อมเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งที่ต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตนเองและผู้ประกอบการรายย่อยการันตีมาตรฐานและคุณภาพงานก่อสร้างเทียบเท่าโครงการแสนสิริ โดยจะเปิดตัวครั้งแรกที่งานมหกรรมบ้านและคอนโด วันที่ 20–23 มี.ค.นี้
นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)กล่าวว่าด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มายาวนานมากกว่า 40 ปีและผลงานการก่อสร้างบ้านคุณภาพกว่า 130,000 ยูนิตโดยการศึกษาตลาดพบว่ามีกลุ่มลูกค้าจำนวนมากที่ชื่นชอบดีไซน์และมาตรฐานของแสนสิริแต่ต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง ซึ่งเป็นช่องว่างทางการตลาดที่มีศักยภาพสูงประกอบกับแผนธุรกิจพรีคาสท์ที่เติบโตของแสนสิริ ทำให้เรามีศักยภาพเพียงพอ รองรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงกลุ่ม Construction Business จึงได้ขยายสู่ธุรกิจใหม่ ประกาศเปิดตัว “ต้นแบบCrafted by Sansiri” บริการรับสร้างบ้านต้องแสนสิริ
มีจุดเด่นที่เหนือกว่าผู้ให้บริการรายอื่นในตลาดด้วยการเป็นผู้ให้บริการรับสร้างบ้านรายเดียวที่มีบ้านตัวอย่างให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์จริงมากถึง 14 ซีรีส์ 84แบบบ้าน บริการแบบ One-stop Service ของต้นแบบ Crafted by Sansiri ครอบคลุมทุกขั้นตอนตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านการเงินและสินเชื่อพิเศษ

การออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลการก่อสร้างบ้านด้วยนวัตกรรมพรีคาสท์ แข็งแรง ทนทานและมีคุณภาพสูงการควบคุมมาตรฐานงานโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ และบริการดูแลหลังการส่งมอบจนครบระยะเวลารับประกัน
นอกเหนือจากนั้นสำหรับลูกค้าที่ต้องการการออกแบบบ้านโดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทางแสนสิริมีทีมดีไซน์เฉพาะที่สามารถให้บริการอย่างเป็นพิเศษเช่นกัน”ต้นแบบ Crafted by Sansiri วางกลยุทธ์การตลาดโดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ลูกค้าเดิมของแสนสิริที่ต้องการสร้างบ้านในสไตล์แสนสิริบนที่ดินส่วนตัว, เจ้าของที่ดินที่ให้ความสำคัญกับทำเลเดิมและชื่นชอบดีไซน์ของแสนสิริ
และผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการสร้างบ้านจำนวนไม่มาก แต่ต้องการมาตรฐานระดับมืออาชีพ มีไอคอนต้นแบบCrafted by Sansiri เป็นเครื่องยืนยันคุณภาพ และสร้างความมั่นใจได้ในระยะยาว
จากข้อมูลของสมาคมธุรกิจตลาดรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) พบว่า ตลาดบ้านสร้างเองในปี2567 มีมูลค่าประมาณ 211,000 ล้านบาท หากแบ่งเป็นรายพื้นที่ ได้แก่ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีมูลค่า51,421 ล้านบาท คิดเป็น 24.37% ของมูลค่าตลาดรวม ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดมีมูลค่า 159,579 ล้านบาท คิดเป็น
75.63% คาดการณ์ว่า ในปี 2568 ตัวเลขการเติบโตจะมีความใกล้เคียงกับปี 2567 ที่มีมูลค่ามากกว่า 200,000ล้านบาท
“ข้อมูลข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดรับสร้างบ้านมีศักยภาพสอดรับกับสัญญาณจากเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศที่เริ่มฟื้นตัวให้เห็นจากมาตรการขับเคลื่อนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมไปถึงนโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคาดว่าจะส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านมีการขยายตัว กระตุ้นให้ผู้บริโภคเกิดดีมานด์การใช้จ่ายนับเป็นโอกาสที่ดีกับธุรกิจใหม่ ต้นแบบ Crafted by Sansiri บริการรับสร้างบ้านอย่างเต็มรูปแบบด้วยจุดแข็งสำคัญคืองานดีไซน์ – คุณภาพ – การบริการ ตามมาตรฐานแสนสิริ” นายอาณัติ กล่าวสรุป”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ดีมานด์บ้านเดี่ยวฟื้น! คนกรุงเชื่อมั่นซื้อที่อยู่เพิ่มขึ้น

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยดัชนีความเชื่อมั่นไตรมาส 4/67 ขยับขึ้น สะท้อนกำลังซื้อเริ่มฟื้นตัว บ้านเดี่ยวยังครองแชมป์ดีมานด์สูงสุด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 4 ปี 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 42.9 จุด เพิ่มขึ้น 2.4 จุด จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเริ่มมีความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ขณะที่สัดส่วนผู้ที่วางแผนจะซื้อบ้านภายใน 6 เดือนข้างหน้าขยับขึ้นเป็น 28.2% จาก 24.7% ในไตรมาสก่อน
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 4 ปี 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 42.9 จุด เพิ่มขึ้น 2.4 จุด จากไตรมาสก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนเริ่มมีความมั่นใจในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ขณะที่สัดส่วนผู้ที่วางแผนจะซื้อบ้านภายใน 6 เดือนข้างหน้าขยับขึ้นเป็น 28.2% จาก 24.7% ในไตรมาสก่อน

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ คือ อัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง ประกอบกับสถาบันการเงินมีการออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยจากการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 32.1% ซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง มากกว่าซื้อเพื่อการลงทุน ที่คิดเป็นสัดส่วน 15.8% และตามมาด้วยซื้อเพื่อเป็นทรัพย์สิน 14.6% ซึ่งถือเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากช่วงก่อนหน้า ที่มีปัจจัยหลักของความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
นอกจากนี้ความต้องการเนื่องจากต้องการแยกครอบครัวหรือแต่งงาน มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 8.9% เป็น 10.3% ขณะที่บางกลุ่มต้องการความสะดวกในการเดินทาง มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 8.9 % เป็น 9.0% ต้องการสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 8.1% เป็น 8.5% และต้องการนวัตกรรมบ้านอัจฉริยะ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 3.1% เป็น 3.6% และมีแนวโน้มที่ค่อย ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้น

ในด้านช่วงราคาของที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด กลุ่มราคา 2.01 – 3.00 ล้านบาท มีสัดส่วนสูงสุดที่ 25.3% รองลงมาคือกลุ่มราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท ที่ 22.8% ซึ่งสองช่วงราคานี้รวมกันครองตลาดถึง 48.1% สำหรับประเภทที่อยู่อาศัยที่มีความต้องการมากที่สุด ยังคงเป็น บ้านเดี่ยว (40.6%) โดยกลุ่มราคาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดอยู่ที่ 3.01 – 5.00 ล้านบาท ตามมาด้วยคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งกลุ่มราคาที่ได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ในช่วง 2.01 – 3.00 ล้านบาท
ในแง่ของทำเลที่ได้รับความสนใจมากที่สุด อันดับ 1 ยังคงเป็น กรุงเทพฯ 56.1% โดยเฉพาะทำเลเศรษฐกิจสำคัญ เช่น บางนา บางแค ลาดพร้าว สุขุมวิท และบางกะปิ อันดับ 2 คือ นนทบุรี 8.7% รองลงมาคือ ปทุมธานี 7.2% สมุทรปราการ 6.2% นครปฐม 3.8% และสมุทรสาคร 2.6% ตามลำดับ ในขณะที่จังหวัดอื่น ๆ นอกพื้นที่กรุงเทพฯ – ปริมณฑล มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยร่วมกันที่ 15.4%
และข้อมูลจาก REIC ยังเผยอีกว่า ผู้ที่มีแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็น พนักงานบริษัทเอกชน 55.1% มีรายได้เฉลี่ยอยู่ในช่วง 15,001 – 30,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 34.4% ซึ่งถือเป็นกลุ่มกำลังซื้อหลักในตลาด
ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดอสังหาฯ ในปี 2568 ยังคงต้องจับตาปัจจัยแวดล้อม ทั้งอัตราดอกเบี้ย นโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ และภาวะเศรษฐกิจที่มีผลต่อกำลังซื้อของประชาชน อย่างไรก็ตาม สัญญาณการปรับตัวดีขึ้นของดัชนีความเชื่อมั่นสะท้อนว่า ตลาดที่อยู่อาศัยอาจเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านเดี่ยวและที่อยู่อาศัยระดับกลางที่ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 14มี.ค.“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.69 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเสี่ยงที่จะพลิกอ่อนค่าลงได้ หากตลาดการเงินเผชิญแรงกดดันจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับบรรดาประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม มองกรอบในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.85 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 14 มี.ค.2568 ที่ระดับ 33.69 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.78 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) มีความเสี่ยงที่จะพลิกกลับไปอ่อนค่าลงได้ หากตลาดการเงินเผชิญแรงกดดันจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินในช่วงนี้ อาจยังพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง หากราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัวในกรอบ Sideways
อีกทั้ง เรามองว่า ภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ อาจหนุนให้ฟันด์โฟลว์ทยอยไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มเติม และอาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ผ่านการทยอยปรับลดสถานะ JPY-Carry Trade ได้
(แต่เรามองว่า การปรับลดสถานะดังกล่าวจะไม่ได้รุนแรง จนทำให้เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นหนัก เหมือนในปีก่อนหน้า เพราะล่าสุด ผู้เล่นในตลาดได้มีสถานะ Net Long JPY พอสมควรแล้ว ต่างจากช่วงไตรมาส 3 ของปีก่อน ที่ผู้เล่นในตลาดต่างมีสถานะ Net Short JPY ที่สูงมาก)
ทั้งนี้ เนื่องจากเราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงได้ไม่ยากในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จากทั้งโฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ
อย่าง ดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะเกินดุลลดลงชัดเจนและเสี่ยงขาดดุล ในช่วง Low Season ของการท่องเที่ยว และความเสี่ยงการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs)
ทำให้ เรามองว่า บรรดาผู้เล่นในตลาด ทั้งฝั่งผู้นำเข้า และผู้ที่มีภาระจ่ายเงินตราต่างประเทศ ควรใช้จังหวะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากอานิสงส์ของการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ในการทยอยปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
และควรที่จะพิจารณากลยุทธ์ปิดรับความเสี่ยงด้วยเครื่องมืออื่นๆ อาทิ Options ซึ่งจะช่วยบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้มีประสิทธิภาพในช่วงตลาดการเงินผันผวนสูง
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.60-33.85 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงทยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในกรอบ 33.68-33.87 บาทต่อดอลลาร์) แม้ว่าเงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ในช่วงแรกตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์
หลังรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Jobless Claims) และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานต่อเนื่อง (Continuing Jobless Claims) ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า และออกมาดีกว่าคาด
อีกทั้ง ดัชนีราคาผู้ผลิต PPI เดือนกุมภาพันธ์ ก็ออกมา +3.2% ลดลงจากเดือนก่อนหน้าและต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอ แต่อัตราเงินเฟ้อสูง)
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกจำกัดลง ก่อนที่เงินดอลลาร์จะทยอยอ่อนค่า หลังบรรยากาศในตลาดการเงินพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ท่ามกลางความกังวลความเสี่ยงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาเศรษฐกิจหลัก
อย่าง ยุโรป ซึ่งภาพดังกล่าวได้ หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งบอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ (ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลง) ทองคำ และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY)
โดยราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (New All-Time High) และแกว่งตัวแถวโซน 2,980-2,990 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดทยอยขายทำกำไรทองคำเพิ่มเติม และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา
บรรยากาศในตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) อีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลความเสี่ยงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับยุโรป อีกทั้งบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ก็เผชิญแรงเทขายเพิ่มเติม นำโดย Meta -4.7%, Apple -3.4% ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.96% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.39%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ย่อตัวลง -0.15% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า ตอบโต้กัน ระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป (EU)
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาแนวโน้มการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การกู้เงินของรัฐบาลเยอรมนี ว่าจะสามารถดำเนินการได้สำเร็จหรือไม่
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปพอได้แรงหนุนบ้าง จากการรีบาวด์ขึ้นของหุ้นบริษัทยายักษใหญ่ Novo Nordisk +3.4% หลังนักวิเคราะห์ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ”
ในส่วนตลาดบอนด์ บรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ได้หนุนความต้องการถือครองบอนด์ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.28%
ทั้งนี้ เราคงประเมินว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจเสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นได้บ้าง หากผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งต้องติดตามทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และ
ผลการประชุม FOMC ของเฟด เดือนมีนาคม ที่จะถึงนี้ ทำให้เราคงแนะนำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip โดยไม่ไล่ราคาซื้อ ในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน ในลักษณะ Sideways แม้ว่า เงินดอลลาร์จะพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญภาวะ Stagflation จากรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ที่ออกมาต่ำกว่าคาด และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ที่ออกมาดีกว่าคาด
แต่เงินดอลลาร์ก็ถูกกดดันจากการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่แข็งค่าขึ้น ตามความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้โดยรวมเงินดอลลาร์แกว่งตัวแถวโซน 103.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.6-104.1 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดการเงิน ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025) สามารถปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (New All-Time High) เข้าใกล้โซน 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U of Michigan Consumer Sentiment) ของสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ
โดยเฉพาะในส่วนของการบริโภคครัวเรือน นอกจากนี้ ในรายงานเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดจะจับตา รายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะสั้นและระยะยาว (Inflation Expectations) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจอังกฤษ ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 รวมถึง ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนมกราคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.66-33.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (10.16 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.77 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกเมื่อคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯ น่าจะมีแรงหนุนจากแรงซื้อคืนเพื่อปรับโพสิชันก่อนการประชุมเฟดสัปดาห์หน้า
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.60-33.85 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การผลักดันร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (ชัตดาวน์) ในวุฒิสภาสหรัฐฯ
ประเด็นเกี่ยวกับสงครามการค้าของสหรัฐฯ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนมี.ค. (เบื้องต้น)
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ศึกสองล้อระดับตำนานของเอเชีย “Asia Road Racing” กับ 3 อีเวนต์สำคัญของฤดูกาล 2025

สนามช้างฯ ร่วมกับ ทู วีลส์ มอเตอร์ เรซซิ่ง ประเทศมาเลเซีย เสิร์ฟความมันส์ระดับโลกต่อเนื่องกับการเป็นเจ้าภาพศึกสองล้อรายการที่ใหญ่ที่สุดได้รับความนิยมที่สุดในเอเชีย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 โดยสนามช้างฯ เป็นเจ้าภาพ 3 อีเวนต์สำคัญทั้งออฟฟิเชียล เทสต์, สนามที่ 1 และสนามสุดท้าย ฉลองแชมป์ เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมกีฬา สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
งานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเชีย รายการ “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ” ฤดูกาล 2025 จัดขึ้นวันที่ 13 มีนาคม 2568 ที่ ซี อาเซียน รัชดา ชั้น 10 อาคาร CW Tower กรุงเทพ นำโดย นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต, มร.รอน ฮ็อก ประธาน ทู วีลส์ มอเตอร์ เรซซิ่ง เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน พร้อมด้วยผู้สนับสนุนภาคเอกชน ได้แก่ นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง, รวมถึง นายณัฐชัย ศรีโสวรรณา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานวางแผนองค์กร บริษัท ไทยฮอนด้า จำกัด และ นายภาณุพล กิตติคำรณ ผู้จัดการใหญ่ด้านการค้า บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด รวมทั้งนักบิดชื่อดังของไทยที่ลงแข่งขันและทัพสื่อมวลชนเข้าร่วมงานมากมาย
นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต เปิดเผยว่า หลังจากจบการแข่งขันโมโตจีพี ซึ่งเป็นมหกรรมกีฬาที่ใหญ่ที่สุดที่จัดขึ้นในประเทศไทยอย่างประสบความสำเร็จสูงสุด สนามช้างฯ ร่วมกับพันธมิตรเดินหน้าเสิร์ฟประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตระดับโลกต่อเนื่อง ด้วยรายการแข่งขันรถจักรยานยนต์ที่ดีที่สุดของเอเชีย รายการ “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ” ฤดูกาล 2025 พร้อมจับมือพันธมิตรถ่ายทอดสดผ่านสื่อดังหลากหลายแพลตฟอร์มสู่ผู้ชมทั่วโลก
“การเป็นเจ้าภาพกีฬาสำคัญๆนั้นมีมูลค่าแฝงในภารกิจมากมาย ทั้งการช่วยยกระดับอุตสาหกรรมกีฬาไทย ในแง่การแสดงศักยภาพการบริหารจัดการอีเวนต์กีฬาระดับโลก การสร้างชื่อเสียง-เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ และที่ผ่านมาสนามเจ้าภาพจะได้รับสิทธิ์ไวลด์การ์ด ต่อยอดนักบิดระดับแชมป์ประเทศไทยในรายการ BRIC Superbike มาลงแข่งขันในระดับเอเชีย ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญ ที่เป็นบันไดต่อยอดความสำเร็จของนักกีฬาไทย อันเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างนักกีฬาระดับโลกอย่างเป็นรูปธรรม”
มร.รอน ฮ็อก ประธาน ทู วีลส์ มอเตอร์ เรซซิ่ง เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน จากประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง เป็นรายการแข่งขันที่เข้มข้นและมีผู้ติดตามมากที่สุดในเอเชีย รวมดาวบิดชั้นนำของทวีป จากมหาอำนาจของวงการกีฬาแข่งขันรถจักรยานยนต์จากชาติต่างๆ ถึง 17 ประเทศ ฤดูกาล 2025 จัดขึ้นทั้งสิ้น 6 สนาม 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น, อินโดนีเซีย และ จีน (รอยืนยัน) โดยคณะทำงานได้เลือกประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ 3 อีเวนต์สำคัญประจำฤดูกาลอีกครั้ง ได้แก่ ออฟฟิเชียล เทสต์ หรือรอบทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล วันที่ 23 เมษายน 2568 ต่อด้วยสนามที่ 1 เปิดฤดูกาล วันที่ 25-27 เมษายน และสนามสุดท้ายปิดฤดูกาลและฉลองแชมป์กันในประเทศไทย วันที่ 5-7 ธันวาคม 2568 แน่นอนว่า 2 สนามที่จัดในประเทศไทย จะถูกจัดขึ้นในช่วงเวลาที่แตกต่างกันของปี นั่นทำให้ประเด็นเรื่องสภาพอากาศจะช่วยเพิ่มความสนุกให้กับการแข่งขัน
“จากความสำเร็จของฤดูกาลที่ผ่านมา มีเบื้องหลังความสำเร็จจากการทำงานอย่างหนักของทุกฝ่าย โดย สนามช้างฯ ประเทศไทยมีระบบนิเวศทางมอเตอร์สปอร์ตที่สมบูรณ์พร้อมสนามหนึ่งของโลก ทั้งระบบการจัดการแข่งขันทุกส่วนใช้มาตรฐานสากล เรซ ไดเรกเตอร์, มาร์แชล, กรรมการ ฯลฯ และยังใช้ประสบการณ์จากการจัดโมโตจีพีมาพัฒนาให้ดีขึ้นในทุกๆปี ดังนั้น การปักหมุด สนามช้างฯ ประเทศไทยสู่ปฏิทินการแข่งขันของศึกชิงบัลลังก์ความเร็วเอเชีย เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของการจัดการแข่งขันในช่วงตลอด 11 ปีที่ ผ่านมาก็ว่าได้ สุดท้ายแล้วความตั้งใจของเราในปีนี้คือการขยายฐานแฟนคลับของรายการให้ได้กระจายสู่วงกว้างมากที่สุด”
นายโรจนสิทธิ์ มีนิจสิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกีฬา บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยน้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง กล่าวว่า หลังจากจบการแข่งขันระดับโลกอย่าง โมโตจีพี สนามแรกของฤดูกาล 2025 ก็ได้เวลาเริ่มการแข่งขันทัวร์นาเมนท์ใหม่ ในระดับเอเชีย โดย “น้ำแร่ธรรมชาติตราช้าง” ได้เตรียมกิจกรรมพิเศษไว้ให้แฟนๆ มอเตอร์สปอร์ต ได้ลุ้นรางวัลใหญ่ ในแคมเปญ “Chang’s Friend Pass” สำหรับผู้ซื้อบัตรเข้าชมรายการ “เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ” ฤดูกาล 2025 ถ่ายรูปคู่กับน้ำแร่ธรรมชาติตราช้างและบัตรเข้าชมการแข่งขัน โพสต์ลงเฟซบุ๊กของตัวเอง เขียนบรรยายความรู้สึก พร้อมติด #Chang’sFriendPass และ Tag ไปยังเพจ Chang Circuit Buriram โดยเปิดเป็นสาธารณะ พร้อมทั้ง Capture ภาพที่โพสต์ลงเฟสบุ๊คส่วนตัวส่งมาที่ Inbox เพจ Chang Circuit Buriram มีสิทธิ์ลุ้นรับบัตรเข้าชมการแข่งขันโมโตจีพี แบบ VIP ในปี 2026 โดยจัดให้ชมในโซนพิเศษ (VIP Lounge) บริเวณ โค้ง 12 ที่เป็นไฮไลต์ก่อนเข้าเส้นชัย พร้อมเพิ่มความพิเศษในปีนี้กับบัตรทัวร์กิจกรรมพิเศษ Paddock Raffle การทัวร์ Paddock โดย Official Guide เปิดโอกาสให้ผู้โชคดีได้เยี่ยมชมพื้นที่บริเวณต่างๆ, บริเวณ TV Compound และโซนอื่นๆ ในบริเวณ Paddock อีกมากมาย และบัตรร่วมกิจกรรม PIT Lane Walk มูลค่ารางวัลรวมทั้งสิ้นกว่า 1 ล้านบาท
การแข่งขันเอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปียนชิพ จะดวลความเร็วทั้งสิ้น 4 รุ่นได้แก่ เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี, ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี, เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี และ อันเดอร์โบน 150 ซีซี โดยมีนักแข่งไทยเข้าร่วมแข่งขันมาร่วมในงานแถลงข่าว ได้แก่ รุ่นเอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1000 ซีซี “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ จากฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์, รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี นำโดย “ตี” อนุภาพ ซามูล จากยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง- ทีม ที่หวนคืนสังเวียน เอเชียอีกครั้ง รวมทั้งนักบิดจากฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว, “ข้าวก้อง” จักรีภัทร พฤฒิสาร, “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ และรุ่นเอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี “ไอเดีย” กฤตภัทร เขื่อนคำ จากยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม
แฟนความเร็ว ซื้อบัตรเข้าชมได้แล้ววันนี้ ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา ติดตามรายละเอียดส่วนลดจากผู้สนับสนุนอื่นๆได้ในเพจ Chang Circuit Buriram หรือรับชมผ่านระบบออนไลน์ ไลฟ์สตรีมมิ่งของเพจ Chang Circuit Buriram, เพจ Asia Road Racing Championship รวมถึงเพจและยูทูบ PPTV SPORTS ชมการถ่ายทอดสดทั้งในประเทศและเอเชีย โดยประเทศไทยรับชมผ่านช่อง PPTV HD 36, ต่างประเทศรับชมผ่านช่อง SPOTV, ช่อง Astro Arena, ช่อง Star Sports และช่อง Fox Sport
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
โรงพยาบาลรามาธิบดี ประกาศขอรับบริจาคเลือด หลังเกิดเหตุไฟไหม้

โรงพยาบาลรามาธิบดี ประกาศขอรับบริจาคเลือด หลังสูญเสียเหตุคลังเลือด เกิดเหตุไฟไหม้ พร้อมแนะคุณสมบัติ วิธีก่อน – หลังบริจาคโลหิตช่วยชีวิต
จากกรณีที่เมื่อคืนวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ในโรงพยาบาลรามาธิบดี ส่งผลกระทบคลังเลือดสำรองเสียหายไปทั้งหมด
ล่าสุด คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความว่า ขอเชิญชวนบริจาคโลหิตได้ทุกวันที่ห้องบริจาคโลหิต ชั้น 3 อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ ตั้งแต่เวลา 08.30 น. และ 13.00 -16.30 น. ได้ทุกวัน
- หรือที่ กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดรับบริจาค วันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่วันที่ 14-24 มีนาคม 2568 และ วันที่ 31 มีนาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 14.00 น
ข้อแนะนำเรื่องบริจาคเลือด ช่วยชีวิต
การ บริจาคเลือด เป็นเรื่องที่ดี เพราะเลือดที่นำไปบริจาคสามารถช่วยคนป่วยที่ต้องการเลือดได้ ซึ่งการบริจาคเลือดไม่เป็นอันตรายกับผู้บริจาค เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนมีปริมาณเลือดประมาณ 17-18 แก้วน้ำ แต่ร่างกายใช้เพียง 15-16 แก้วน้ำเท่านั้น ส่วนที่เหลือจึงสามารถบริจาคให้ผู้อื่นได้


1.ผู้บริจาคต้องมีอายุ 17 ปีบริบูรณ์ ถึง 70 ปี สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงพร้อมที่จะ บริจาคเลือด
- ผู้บริจาคเลือดต้องมีอายุ 17 ปี หากอายุไม่ถึง 18 ปี ต้องมีเอกสารยินยอมจากผู้ปกครอง แต่เมื่ออายุ 18 ปี สามารถตัดสินใจ บริจาคเลือด ได้ด้วยตัวเอง
- ผู้บริจาคที่มีอายุมากกว่า 60-65 ปี และเคยบริจาคต่อเนื่องมาตลอด ให้บริจาคได้ทุก 3 เดือน
- ผู้บริจาคที่มีอายุมากกว่า 65-70 ปี และเคยบริจาคต่อเนื่องมาตลอด ให้บริจาคได้ทุก 6 เดือน และต้องมีการตรวจนับจำนวนของเม็ดเลือดทุกชนิดทุกครั้ง
2.สุขภาพร่างกายแข็งแรงและนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ หากนอนหลับไม่เพียงพอ แต่ไม่มีอาการอ่อนเพลียใด ๆ หรือสุขภาพร่างกายพร้อมในวันที่มา บริจาคเลือด ก็จะพิจารณาให้บริจาคได้โดยไม่มีเงื่อนไขเรื่องจำนวนชั่วโมงของการนอน
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงก่อนบริจาคเลือด เช่น ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ก่อนมาบริจาคเลือดไม่ถึง 3 ชั่วโมง จะมีผลทำให้พลาสมาขาวขุ่น ไม่สามารถนำเลือดไปบริจาคให้ผู้ป่วยได้
3.กรณีที่มีการตั้งครรภ์และให้นมบุตร เลือดของหญิงตั้งครรภ์ มีสารอาหารต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับทารกในครรภ์ ควรเก็บเลือดเอาไว้ให้เพียงพอสำหรับทารก เพื่อเป็นเลือดสำรองในร่างกาย เพราะขณะคลอดอาจมีการเสียเลือดเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นการบริจาคเลือดอาจทำให้เกิดภาวะเลือดจาง
4.ผู้หญิงที่กำลังเป็นประจำเดือน สามารถบริจาคเลือดได้ ถ้าขณะที่เป็นประจำเดือนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ประจำเดือนมาไม่มากกว่าปกติ ไม่มีอาการอ่อนเพลียใด ๆ ส่วนของผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว สามารถบริจาคเลือดได้หากสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์และไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ
5.ผู้หญิงที่กำลังเป็นประจำเดือน สามารถบริจาคเลือดได้ ถ้าขณะที่เป็นประจำเดือนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ประจำเดือนมาไม่มากกว่าปกติ ไม่มีอาการอ่อนเพลียใด ๆ ส่วนของผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว สามารถบริจาคเลือดได้หากสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์และไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ
6.ผู้ที่มีการสักหรือเจาะผิวหนัง เช่น การเจาะหู หากเจาะด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ที่สะอาด ปราศจากเชื้อโรค โดยผู้ชำนาญและเป็นเข็มหรือวัสดุที่ใช้ครั้งเดียวก็ปลอดภัยจากการติดเชื้อ แต่ก็ควรเว้นระยะเวลาให้แผลอักเสบจากการเจาะหูให้หายสนิท อย่างน้อย 7 วัน ก่อนจะเข้าบริจาคเลือด
7.หากมีอาการท้องเสีย ท้องร่วง ควรงดบริจาคเลือดก่อนอย่างน้อย 7 วัน เพราะผู้บริจาคจะยังมีอาการอ่อนเพลียเพราะสูญเสียน้ำในร่างกาย หากฝืนบริจาคเลือด อาจมีอาการอ่อนเพลียมากขึ้นและมีอาการเป็นลมหน้ามืดได้ ส่วนผู้ป่วยที่รับเลือดอาจได้รับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของอาการท้องร่วงที่อาจติดต่อทางกระแสเลือดได้
8.มีอาการน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทราบสาเหตุในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา การที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาสั้น อาจมีสาเหตุมาจากโรคที่เป็นอันตรายร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคติดเชื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคเอดส์ ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงสภาวะทางจิตใจที่มีความวิตกกังวลหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงควรหลีกเลี่ยงการบริจาคเลือดไปก่อน
9. ผู้บริจาคเลือดที่ได้รับการผ่าตัดใหญ่หรือผ่าตัดเล็ก
- ผู้บริจาคเลือดที่ได้รับการผ่าตัดใหญ่ คือ การผ่าตัดที่ต้องมีการใช้ยาสลบหรือให้ยาชาเข้าไขสันหลัง มีการสูญเสียเลือดจำนวนหนึ่งซึ่งต้องใช้เวลาสร้างทดแทนขึ้นโดยเฉพาะการผ่าตัดใหญ่อาจเสียเลือดมาก เนื้อเยื่อของร่างกายต้องใช้เวลาและสารอาหารในการซ่อมแซม จึงควรเว้นการบริจาคเลือด 6 เดือน
- ผู้บริจาคเลือดที่ได้รับการผ่าตัดเล็ก คือ การผ่าตัดที่ไม่ต้องใช้ยาสลบ แต่ใช้การระงับความรู้สึกเฉพาะที่ เช่น ใช้ยาชาเฉพาะส่วนและไม่ต้องมีการช่วยหายใจ ควรเว้นการบริจาคเลือดอย่างน้อย 7 วัน เพื่อให้ผู้บริจาคมีสุขภาพแข็งแรงพร้อมที่จะบริจาคเลือดและลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากการผ่าตัด
10. ผู้ที่ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน และรักษารากฟัน ต้องเว้นอย่างน้อย 3 วัน รวมไปถึงการรักษาอื่น ๆ ในช่องปากที่ก่อให้เกิดบาดแผลหรือการอักเสบ อาจมีภาวะติดเชื้อโรคในกระแสเลือดชั่วคราวโดยไม่มีอาการ (transient bacteremia) ซึ่งเชื้อโรคในกระแสเลือด อาจติดต่อไปสู่ผู้ป่วยได้ หากมีการผ่าตัดเล็ก เช่น ผ่าฟันคุด ให้เว้นอย่างน้อย 7 วัน จนกว่าแผลหายสนิทไม่มีอาการอักเสบ

11.ผู้บริจาคที่เคยมีประวัติติดยาเสพติด อาจมีโอกาสเสี่ยงสูงต่อโรคที่มีการติดต่อทางเลือดและน้ำเหลือง มีโอกาสที่จะใช้ยาเสพติดชนิดฉีดโดยใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน จึงควรงดบริจาคเลือด และรอให้ผ่าน 3 ปีก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าพ้นจากระยะฟักตัวของโรคต่าง ๆ ที่อาจได้รับมา
12.ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่ของตัวเอง การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ไม่ใช่คู่ประจํา มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเอดส์ โรคไวรัสตับอักเสบ เป็นต้น
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน (เฉพาะชายกับชาย) มีสถิติการติดเชื้อเอชไอวี มากกว่าประชากรกลุ่มอื่น ๆ
- คู่ของผู้บริจาคเลือดที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็นพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงทางเพศมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเชื้อเอชไอวีและเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซึ่งอาจจะติดต่อมายังผู้บริจาคเลือดได้
13.พฤติกรรมในการรับประทานยาแก้ปวด กรณีรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล ถ้าไม่มีอาการปวดหรืออาการผิดปกติแล้ว จึงสามารถบริจาคเลือดได้ กรณีรับประทานยาแก้ปวดแอสไพริน ถ้าไม่มีอาการปวดหรืออาการผิดปกติแล้ว ให้เว้นอย่างน้อย 3 วัน จึงสามารถบริจาคเลือดได้ เนื่องจากยาแอสไพริน ทำให้การทำงานของเกล็ดเลือดผิดปกติ
14.กรณีที่ผู้บริจาคเลือดรับประทานยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบจากการติดเชื้อ) หลังจากรับประทานยามื้อสุดท้ายและไม่มีอาการผิดปกติแล้ว ให้เว้นระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จึงสามารถบริจาคเลือดได้
15. สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคตับอักเสบ โรคตับอักเสบมีหลายชนิด ผู้ที่เคยเป็นโรคตับอักเสบแล้วไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นชนิดใดหรือไม่สามารถบอกได้ว่าหายขาดหรือไม่มีเชื้อโรคตับอักเสบแล้ว ให้งดบริจาคเลือดและปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจติดตามภาวะของโรคต่อไป
16. ผู้ที่มีประวัติการเจ็บป่วย เป็นไข้หวัดธรรมดาหลังจากหายดีแล้วในระยะเวลา 7 วัน สามารถบริจาคเลือดได้ กรณีเป็นไข้หวัดใหญ่ หลังจากหายดีแล้วในระยะเวลา 4 สัปดาห์ จึงสามารถบริจาคเลือดได้
- โรคความดันโลหิตสูง หากได้รับการรักษาจนควบคุมความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ ความดันโลหิต Systilic ไม่เกิน 160 มม.ปรอท และความดันโลหิต Diastolic ไม่เกิน 100 มม.ปรอท และร่างกายปกติดีไม่มีโรคแทรกซ้อน รับประทานยาแล้วควบคุมความดันโลหิตได้ดี สามารถบริจาคเลือดได้
- โรคภูมิแพ้ หากอาการไม่รุนแรง เช่น จาม คัดจมูก ทานยาแก้แพ้ และไม่มีอาการแล้ว สามารถบริจาคเลือดได้ แต่ถ้ามีอาการรุนแรง เช่น ผื่นคันทั้งตัว ไอ หอบหืด หรือใช้ยาลดภูมิต้านทานให้งดบริจาคเลือดจนกว่าจะหายดีแล้วประมาณ 4 สัปดาห์ จึงจะสามารถบริจาคเลือดได้
- เลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติสามารถบริจาคได้ ถ้าคอเลสเตอรอลสูงเพียงอย่างเดียว สามารถบริจาคเลือดได้ หากไตรกลีเซอไรด์สูงให้งดการบริจาคเลือดชั่วคราว จนกว่าจะควบคุมอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- โรคเบาหวาน หากควบคุมเบาหวานได้ดี ด้วยการรับประทานยาลดน้ำตาล ที่ไม่ใช่อินซูลิน และไม่มีโรคแทรกซ้อนสามารถ บริจาคเลือด ได้
- โรควัณโรค หลังรักษาหายดีแล้ว 2 ปี จึงสามารถบริจาคเลือดได้
- โรคไมเกรน หากไม่มีอาการและหยุดยาแล้ว 7 วัน สามารถบริจาคเลือดได้
- โรคหอบหืด หากควบคุมอาการได้ด้วยยา สามารถบริจาคเลือดได้ หากมีประวัติเป็นโรคหอบหืดชนิดรุนแรงและเป็นบ่อยให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์
- ผู้ที่เป็นไทรอยด์ไม่เป็นพิษ มีระดับฮอร์โมนไทรอยด์กลับสู่ปกติ ไม่มีอาการของโรค เช่น กินจุ น้ำหนักลด เหงื่อออกง่าย เหนื่อยง่าย ใจสั่น สามารถบริจาคเลือดได้ กรณีไทรอยด์เป็นพิษ แม้ว่ารักษาหายแล้วต้องงดบริจาคเลือดถาวร
ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาล ที่ทำหน้าที่ในการคัดกรองผู้ บริจาคเลือด ร่วมด้วย
การเตรียมตัวก่อน-หลัง บริจาคเลือด
- ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง ในคืนก่อนวันที่จะมา บริจาคเลือด
- สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็นไข้หวัด หรืออยู่ระหว่างรับประทานยาปฏิชีวนะ เช่น ยาแก้อักเสบต้องมีการหยุดยาแล้วอย่างน้อย 7 วัน
- ควรรับประทานอาหารก่อนมาบริจาคเลือดและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทที่มีไขมันสูง ภายใน 6 ชั่วโมง ได้แก่ ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู เพราะจะทำให้พลาสมามีสีขาวขุ่น ไม่สามารถนำเลือดไปใช้รักษาผู้ป่วยได้
- แนะนำให้ดื่มน้ำก่อนบริจาคเลือด 30 นาที ประมาณ 3-4 แก้ว ซึ่งเท่ากับปริมาณเลือดที่เสียไปในการบริจาค จะทำให้โลหิตไหลเวียนดีขึ้นและช่วยลดภาวะการเป็นลมจากการ บริจาคเลือด ได้
- ต้องงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก่อนมาบริจาคเลือดอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- ต้องงดสูบบุหรี่ก่อนและหลังบริจาคเลือด 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดฟอกเลือดได้ดี
ขณะ บริจาคเลือด
- ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่แขนเสื้อไม่คับเกินไป สามารถดึงขึ้นเหนือข้อศอกได้อย่างน้อย 3 นิ้ว
- เลือกแขนข้างที่เห็นเส้นเลือดดำใหญ่ชัดเจน ผิวหนังบริเวณที่จะให้เจาะต้องไม่มีผื่นคันหรือรอยเขียวช้ำ หากมีอาการแพ้ยาทาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า
- ไม่ควรเคี้ยวหมากฝรั่งหรืออมลูกอมขณะบริจาคเลือด
- ขณะบริจาคเลือดควรบีบลูกยางอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เลือดไหลได้สะดวก หากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น วิงเวียน มีอาการคล้ายจะเป็นลม อาการชา อาการเจ็บที่ผิดปกติ ต้องรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที
หลังบริจาคเลือด
- ควรพักรับประทานอาหารว่างและเครื่องดื่มที่เจ้าหน้าที่จัดไว้บริการ นั่งพักอย่างน้อย 15 นาที
- ดื่มน้ำมากกว่าปกติ เป็นเวลา 1 วัน
- ไม่ควรรีบร้อนกลับบ้านควรนั่งพักจนแน่ใจว่าเป็นปกติ หากมีอาการเวียนศีรษะคล้ายจะเป็นลมหรือรู้สึกผิดปกติ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบทันที
- หลีกเลี่ยงการขึ้นลงลิฟต์ บันไดเลื่อน อาจทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะและเป็นลมได้
- ถ้ามีเลือดซึมออกมาจากรอยผ้าปิดแผล ให้ใช้นิ้วมืออีกด้านหนึ่งกดลงบนผ้าก๊อซ กดให้แน่นและยกแขนสูงไว้ประมาณ 3-5 นาที หากยังไม่หยุดซึมให้กลับมายังสถานที่บริจาคเลือดเพื่อพบแพทย์หรือพยาบาล
- หลีกเลี่ยงการทำซาวน่าหรือออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อมาก ๆ ไม่ใช้กำลังแขนที่เจาะเลือดบริจาค เช่น ยกของหนักเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังการบริจาคเลือด
- ควรพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เช่น การเดินซื้อของอยู่ในบริเวณที่แออัดหรืออากาศร้อนอบอ้าว เป็นต้น
- ผู้บริจาคเลือดที่ทำงานปีนป่ายที่สูงหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล ควรหยุดพัก 1 วัน
หลังจาก บริจาคเลือด
- ให้รับประทานอาหารตามปกติ ไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยเลือดที่บริจาคไป
- ควรรับประทานธาตุเหล็กวันละ 1 เม็ด จนหมด เพื่อชดเชยธาตุเหล็กที่เสียไปจากการบริจาคเลือด และป้องกันการขาดธาตุเหล็ก เพื่อให้สามารถบริจาคเลือดได้อย่างสม่ำเสมอ
- ควรรับประทานธาตุเหล็กบำรุงเลือด พร้อมกับเครื่องดื่มที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำส้ม น้ำฝรั่ง หรือน้ำมะเขือเทศ จะทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดี ยกเว้น ชาเขียว เพราะจะไปขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็ก.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
การใช้ Question Tag เรียนรู้ประโยคคำถามอีกรูปแบบหนึ่งในภาษาอังกฤษ

ประโยคคำถามในภาษาอังกฤษมีหลายรูปแบบ ที่เราคุ้นชินกันก็จะมีที่ขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย verb to be, verb to do หรือ has/have คำตอบต้องเป็น yes กับ no หรือประโยคคำถามจำพวก wh-question ที่ต้องการคำตอบว่า ใครทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ซึ่งยังมีประโยคคำถามอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจ เราเรียกว่า Question Tag ที่นำหน้าด้วยประโยคบอกเล่า แต่มีส่วนท้ายที่เป็นคำถาม จึงทำให้ประโยคนี้กลายเป็นประโยคคำถามไป วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่อง การใช้ Question Tag กัน
ประโยคคำถาม Question tag คืออะไร
ประโยคคำถามแบบ Question tag คือ ประโยคคำถามประเภทหนึ่งที่โครงสร้างนำด้วยประโยคบอกเล่าทั่วไป จากนั้นตามด้วย comma และ วลีสั้น ๆ ที่บ่งบอกถึงคำถาม แล้วตามด้วยเครื่องหมายคำถาม โดยคำตอบของประโยค Question tag จะเป็น yes / no เหมือนกับประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย verb ช่วย เราสามารถได้ยิน Question tag ได้จากประโยคสนทนาทั่วไปในชีวิตประจำวัน
ตัวอย่างประโยค Question tag เช่น
You love to eat hotdog, don’t you?
She will come to class tomorrow, won’t she?
หลักการสร้างประโยค Question tag
สำหรับประโยค Question tag มีหลักในการสร้างประโยค โดยต้องอาศัยความเข้าใจ ซึ่งหากเข้าใจหลักการแล้วก็ไม่ยากเลย คือ
- ถ้าประโยคส่วนหน้าเป็นประโยคบอกเล่า question tag ต้องเป็นปฏิเสธ เช่น
You are working for ABCMA company, aren’t you?
- ถ้าประโยคส่วนหน้าเป็นประโยคปฏิเสธ question tag ต้องเป็นบอกเล่า
She doesn’t have a long hair, does she?
และส่วนของ Question Tag นั้น เมื่อใส่เครื่องหมาย comma แล้ว ตามด้วย verb ช่วยของประโยค (ในรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธ แล้วแต่ส่วนหน้า) จากนั้นตามด้วยประธานของประโยคที่อยู่ในรูปของคำสรรพนาม เช่น Susan wants to go swimming today, doesn’t she?
Question tag ใช้ doesn’t เป็น verb ช่วยที่สอดคล้องกับประธาน และอยู่ในรูปปฏิเสธเนื่องจากประโยคส่วนหน้าเป็นบอกเล่า จากนั้นตามด้วยประธานคือ Susan แต่ไม่พูด Susan ซ้ำ ให้ใช้คำสรรพนามแทน Susan ก็คือ she
ข้อควรจำ สำหรับ การใช้ Question tag
- กรณีประโยคส่วนหน้า มี Verb to have แล้ว have หรือ has นั้นแปลว่า “มี” question tag ส่วนท้ายจะใช้ has/have หรือใช้ verb to do มาช่วย ได้ทั้ง 2 แบบ แต่ถ้า Verb to have ในประโยคส่วนหน้าไม่ใช่ Verb ช่วย (ในประโยค present perfect, etc.) และไม่ได้แปลว่า “มี” แต่แปลอย่างอื่น กรณีนี้ต้องใช้ Verb to do มาช่วยในส่วนของ question tag เท่านั้น เช่น
You have two daughters, haven’t you? หรือ You have two daughters, don’t you?
แต่ You have dinner with you ex-boss, don’t you? have ในที่นี้แปลว่า “กิน”
รวมถึง have to / has to ด้วยที่ question tag ต้องใช้ verb to do มาช่วย เช่น
She has to finish her homework within 3 o’clock today, doesn’t she?
- Question tag ส่วนท้ายถ้าเป็นปฏิเสธ ต้องใช้รูปย่อเสมอ ไม่ใช้รูปเต็ม เช่น
She has to finish her homework within 3 o’clock today, doesn’t she? (ไม่ใช้ does not she)
- กรณีของ I am เนื่องจาก question tag ส่วนท้ายเป็นปฏิเสธ ต้องเป็น am not I แต่ am not ไม่มีรูปย่อ จึงให้ใช้เป็น aren’t I แทนเสมอ
- กรณีของ Verb ช่วยอื่น ๆ เช่น can/could/ may/ might/ will/ shall/ ought to/ would/ should สามารถใช้ Verb เหล่านี้ในส่วน question tag ได้เลย เช่น
I shouldn’t go to your birthday party tomorrow, should I?
- ในประโยคคำสั่งหรือขอร้อง question tag ให้ใช้ will you หรือ won’t you เนื่องจากประธานที่ละไว้มักหมายถึง you
- หากประโยคขึ้นต้นด้วย This is / That is ให้ใช้ question tag ในรูป isn’t it และหากเป็น These are / Those are ให้ใช้ question tag ในรูป aren’t they
- กรณีประโยคส่วนหน้าที่คำที่บ่งบอกถึงความเป็นปฏิเสธในตัว เช่น rarely, hardly, seldom, none, nobody, few, little, never ส่วนของ question tag ต้องเป็นบอกเล่า แม้ประโยคส่วนท้ายจะเป็นประโยคบอกเล่าก็ตาม ให้ดูที่ความหมาย เช่น
None of workers are unhappy, are they?
- ประโยคที่มีประธาน คือ everyone, everybody, everyday, everything, nobody, anybody ในส่วน question tag ท้าย ให้ใช้ pronoun ว่า “they” เช่น
Everyone loves Jackson Wang, doesn’t they?
- สำหรับประโยคเชิงซ้อนที่มีประโยคหลักและประโยคย่อย ให้ใช้ question tag โดยอิงประธานและกริยาจากประโยคหลัก เช่น
He said he would come to my party, didn’t he?
คำตอบของประโยคคำถาม Question Tag
คำตอบของประโยคคำถาม Question Tag ให้ดูจากประโยคส่วนหน้าแล้วตอบ yes/no ตามนั้น
- ถ้าประโยคหลักเป็นบอกเล่า แล้วเราเห็นด้วย ให้ตอบ yes ถ้าเราไม่เห็นด้วยให้ตอบ no เช่น
He said he would come to my party, didn’t he?
Yes, he did. หรือ No, he didn’t.
- ถ้าประโยคหลักเป็นปฏิเสธ แล้วเราเห็นด้วย ให้ตอบ no ถ้าเราไม่เห็นด้วยให้ตอบ yes
I shouldn’t go to your birthday party tomorrow, should I?
No, you shouldn’t. หรือ Yes, you should.
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
BH เปิดตัวเครื่องตรวจวินิจฉัย Photon-counting CT แห่งแรกในไทย

รพ.บำรุงราษฎร์ ก้าวสู่การดูแลสุขภาพระดับโลก เปิดตัวนวัตกรรม Photon-counting CT เทคโนโลยีใหม่แห่งแรกในไทย เพื่อตรวจวินิจฉัยด้วยภาพถ่ายรังสี สู่การรักษาเฉพาะบุคคล
นายแบร์รี่ วอล์ฟแมน Senior Executive Director of Operations โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า กว่า 40 ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ไม่หยุดพัฒนา และยังคงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพ ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่เสริมสร้างความปลอดภัยของผู้ป่วย เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย และส่งเสริมการตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น โดยนำเทคโนโลยี Photon-counting CT เข้ามาใช้ นับเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกและแห่งเดียวขอวประเทศไทยในปัจจุบันมีเครื่อง Photon-counting CT จากทั้งหมด 180 เครื่องทั่วโลกเป็นก้าวสำคัญของการแพทย์แม่นยำ ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยในเรื่องความทันสมัย ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยอย่างสูงสุด
นายคริส โพเรย์ Managing Director ซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส ประเทศไทย ผู้ให้บริการเครื่องมือ, โซลูชัน และบริการด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ กล่าวว่า Photon-counting CT เป็นเทคโนโลยีของ ซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส มีจุดแข็งในเทคโนโลยีการจำลองระบบภายในร่างกายของผู้ป่วย (Patient Twinning), การแพทย์แม่นยำ (Precision Therapy) ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ เพื่อวิเคราะห์และปัญหาโรคร้ายแรง เช่น มะเร็ง โรคทางระบบประสาท รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยให้ตรวจพบโรคได้เร็วขึ้น และวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นพ.วิทย์ วราวิทย์ หัวหน้าหน่วย Body Imaging แผนกรังสีวิทยา, รังสีแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า สำหรับรังสีแพทย์และผู้ป่วย ในการใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ ที่มีความละเอียดสูงขึ้น สัญญาณรบกวนลดลง จะช่วยให้ตรวจพบโรคได้เร็วขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น เอื้อประโยชน์อย่างมากในกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องตรวจคัดกรองบ่อยครั้ง เช่น มะเร็งปอด ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบตัน โรคหลอดเลือดโป่งพอง รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยเด็ก นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรค
นพ. ฤกษ์ชัย ตุลยาภรณ์โชติ หัวหน้าศูนย์โรคระบบประสาท, แพทย์เฉพาะทางโรคระบบประสาทและสมอง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า ในกรณีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เทคโนโลยี Photon-counting CT จะช่วยให้การสแกนภาพสมอง ตรวจพบโรคหลอดเลือดสมองได้เร็วขึ้น และเริ่มการรักษาได้อย่างทันท่วงทร ทำให้ผลลัพธ์การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลและข้อบ่งชี้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อาทิ ผศ.นพ. โชค ลิ้มสุวัฒน์ แพทย์เฉพาะทางโรคระบบทางเดินหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบทางเดินหายใจ, พญ. มนัสวี วัสสระ แพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ, ผศ.นพ. พลกฤต ทีฆคีรีกุล Chief Science Officer, แพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจและเวชศาสตร์พันธุกรรม ที่มาให้ความรู้การนำ Photon-counting มาใช้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในการนำนวัตกรรมที่ทันสมัย มาปรับใช้เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และความเป็นเลิศทางการแพทย์ ในฐานะผู้นำด้านการดูแลสุขภาพระดับโลก ยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ป่วยอย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
มาการอง กับ มาการูน ชื่อขนมคล้ายกัน แต่มีความต่างกัน

หลายคนอาจสับสนระหว่าง มาการอง Macaron และ มาการูน Macaroon เป็นขนมที่มีชื่อคล้ายกัน แต่ว่ามีความต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย เพราะชื่อคล้ายกันมาก ต่างกันแค่ตัว “o” เพียงตัวเดียว มาทำความรู้จักกับขนมสองชนิดนี้ให้มากขึ้น
Macaron (มาการอง) ขนมฝรั่งเศสสุดหรู
Macaron (อ่านว่า แม็ก-อะ-โรน) เป็นขนมอบสไตล์ฝรั่งเศสที่มีลักษณะคล้ายแซนด์วิชเมอแรงก์ (Meringue Sandwich) ประกอบด้วยเปลือกเมอแรงก์สองชิ้น ประกบกันด้วยไส้ครีมบัตเตอร์ กานาช หรือแยม เปลือกของมาการองมีผิวสัมผัสกรอบเบา แต่นุ่มละมุนด้านใน ทำจากไข่ขาว น้ำตาล และอัลมอนด์บด
Macaroon (มาการูน) คุกกี้มะพร้าวสไตล์อเมริกัน
Macaroon (อ่านว่า แม็ก-อะ-รูน) เป็นขนมที่แตกต่างจากมาการองอย่างชัดเจน ลักษณะเป็นคุกกี้ฟูนุ่ม ทำจากไข่ขาวและมะพร้าวขูด นิยมอบให้เป็นทรงกรวยหรือก้อนกลมเล็กๆ บางครั้งอาจนำไปชุบช็อกโกแลตเพื่อเพิ่มรสชาติ ส่วนในภาพด้านล่างจะเป็นมาการูนบราวนี่
จุดที่เหมือนกันของ มาการอง และ มาการูน
- ทั้งสองชนิดเป็นขนมหวานขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 1 – 1.5 นิ้ว
- ใช้ไข่ขาวเป็นส่วนประกอบหลัก
- เนื้อสัมผัสค่อนข้างเบา แต่มาการูนจะหนักกว่ามาการอง
แม้ว่าชื่อจะคล้ายกัน แต่ มาการอง Macaron และ มาการูน Macaroon มีที่มาและรสสัมผัสที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดังนั้น ครั้งหน้าถ้าอยากลองขนมฝรั่งเศสสุดหรูให้เลือกมาการอง แต่ถ้าชอบคุกกี้มะพร้าวนุ่มๆ หวานๆ ก็ต้องเป็นมาการูน!
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 14/03/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 47,450.00 | 47,550.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,074.00 | 46,601.84 | 48,350.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,766.60 | 41,941.66 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,459.20 | 37,281.47 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,383.00 | 20,966.28 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,076.00 | 16,312.16 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,185.00 | 48,284.60 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 14/03/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.65 | 34.65 | 35.15 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.28 | 34.28 | 34.78 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.44 | 32.44 | 32.94 | 32.44 | 32.44 | – | 32.44 | 32.44 | 32.44 | 32.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 30.79 | 30.79 | – | – | – | – | – | – | – | 30.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.24 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 43.24 |
เบนซิน 95 | 42.94 | – | – | – | 49.81 | – | 43.44 | 43.09 | – | 42.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |