สาระน่ารู้ประจำวันที่ 15 กรกฎาคม 2568

อนันดาฯ ดัน “คัลเจอร์ ทองหล่อ” ขึ้นแท่นลักชัวรีคอนโดใจกลางเมือง

อนันดาฯ ส่ง “คัลเจอร์ ทองหล่อ” ปักหมุดลักชัวรีคอนโด แฟลกชิประดับไฮเอนด์ใจกลางทองหล่อ เชื่อมไลฟ์สไตล์–การเดินทาง–บริการระดับเวิลด์คลาสตอบโจทย์ชีวิตเมืองยุคใหม่

โครงการใหม่ล่าสุดจาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ อย่าง “คัลเจอร์ ทองหล่อ” กำลังสะท้อนทิศทางใหม่ของอสังหาริมทรัพย์เมือง ที่ไม่เน้นเพียงทำเลทองหรือการเดินทางสะดวก แต่ยกระดับแนวคิด “ชีวิตในเมือง” สู่มิติที่ครบถ้วน ทั้ง ความเป็นส่วนตัว, คุณภาพการใช้ชีวิต, และ บริการระดับโรงแรม

โครงการนี้ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อเพียง 250 เมตร รายล้อมด้วยไลฟ์สไตล์มอลล์ คาเฟ่ชื่อดัง โรงเรียนอินเตอร์ โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ และร้านอาหารระดับมิชลินสะท้อนความเป็น “ศูนย์กลางลักชัวรีไลฟ์สไตล์” อย่างแท้จริง

“คัลเจอร์ ทองหล่อ ไม่ใช่แค่คอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า แต่คือที่อยู่อาศัยบนไลฟ์สไตล์เดียวกับโรงแรม 5 ดาว” ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

Hybrid Room–บริการโรงแรม–ไลฟ์สไตล์เมือง

โครงการนี้สูง 36 ชั้น มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 493 ยูนิต โดดเด่นด้วยห้องพัก Hybrid New Series เพดานสูงถึง 4.3 เมตร ออกแบบเป็นห้อง 2 ชั้น สร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ “ไม่ใช่แค่คอนโด แต่ใกล้เคียงบ้าน” มากที่สุด

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับการให้บริการแบบ World Class Service Experience โดยกลุ่ม Ascott Limited ดูแลผู้อยู่อาศัยแบบเดียวกับโรงแรมระดับ 5 ดาว ทั้งในแง่ความสะอาด ความปลอดภัย และการบริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลาง

ไม่ได้ขาย “ห้อง” แต่ขาย “ประสบการณ์ชีวิต”

โครงการนี้ถูกวางเป็น แฟลกชิพ ของแบรนด์ “Culture” ซึ่งเป็นไลน์ใหม่ที่อนันดาฯ ตั้งใจพัฒนาให้ต่างจากคอนโดทั่วไป โดยผสมผสานแนวคิด “พื้นที่ที่ตอบโจทย์ตัวตนและความยั่งยืน” เข้ากับฟังก์ชันที่ยืดหยุ่นตามการใช้ชีวิตของคนเมือง

จากการออกแบบห้องที่ปรับเปลี่ยนได้ ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้งานได้ 24 ชั่วโมง โครงการจึงไม่ใช่แค่ “คอนโดอยู่สบาย” แต่คือการประกอบสร้าง “ชีวิตในเมืองที่มีคุณภาพ”

“เราสร้างพื้นที่ที่ผู้คนจะรู้สึกว่าชีวิตเขามีความหมาย ไม่ใช่แค่อยู่อาศัย”

ทองหล่อ–ทำเลทองที่ยังไม่เคยตกเทรนด์

ย่านทองหล่อไม่เพียงเป็นพื้นที่ที่ราคาที่ดินสูงที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ แต่ยังเป็นจุดที่ดึงดูดชาวต่างชาติ กลุ่ม Digital Nomad รวมถึงผู้มีกำลังซื้อระดับบนในประเทศ การลงทุนคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมในทำเลนี้จึงยังคงเป็น “หมุดยุทธศาสตร์” ที่หลายแบรนด์ต้องการปักหมุด

ในกรณีของอนันดาฯ การส่งมอบ “คัลเจอร์ ทองหล่อ” ในปลายไตรมาส 3 นี้ เป็นการตอกย้ำภาพของ Developer ที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเมือง โดยเฉพาะกลุ่ม Young Urban Professional ที่แสวงหาความสมดุลระหว่างงาน ชีวิต และไลฟ์สไตล์

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


‘อารยะ แลนด์’  เซ็นสัญญา มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เสริมแกร่งนิคมลุยศูนย์กระจายสินค้าครบวงจร

อารยะ แลนด์  ดีเวลลอปเม้นต์ เซ็นสัญญา มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) เสริมแกร่งศักยภาพนิคม พร้อมพัฒนาศูนย์กระจายสินค้าครบวงจร

บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด ผู้พัฒนาระบบนิเวศเมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรของไทย ภายใต้โครงการอารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ (ARAYA – The Eastern Gateway) ประกาศความสำเร็จในการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) สำหรับการขายที่ดินให้แก่ บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.

ผู้นำธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยที่ดินแปลงดังกล่าวมีแผนในการพัฒนาเป็น ศูนย์กระจายสินค้าและคลังสินค้า พร้อมติดตั้งระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ แห่งใหม่ของมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ภายในนิคมอุตสาหกรรมอารยะ บนพื้นที่รวม 158 ไร่ หรือ 252,800 ตารางเมตร

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ตัดสินใจลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมอารยะ คือทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายระบบคมนาคมได้อย่างสะดวก ครอบคลุมทั้งถนนสายหลัก ทางด่วน ท่าเรือ และสนามบิน

ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครันและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ธุรกิจสมัยใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโลจิสติกส์และการกระจายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรองรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและตลาดอาเซียน

การเข้ามาลงทุนของ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. จะช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก (Retail Business) ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพด้านของโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ การกระจายสินค้า และเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ การจัดตั้งฐานปฏิบัติการในนิคมแห่งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานในระดับภูมิภาค และสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเข้ามาลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต

นางสาวกมลกาญจน์ คงคาทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด กล่าวว่า “การเซ็นสัญญากับ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างการจ้างงานให้กับชุมชนท้องถิ่น และเป็นแรงผลักดันสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศอีกด้วย”

โครงการนิคมอุตสาหกรรมอารยะแห่งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานภาคอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องของอารยะ แลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์  ในการพัฒนาโครงการและบริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมยุคใหม่ ควบคู่กับการดึงดูดนักลงทุนศักยภาพสูงเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง สำหรับโครงการของ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. คาดว่าจะเริ่มการพัฒนาในไตรมาสที่ 2 ของปี 2569 และเปิดดำเนินการภายในปี 2570

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 15ก.ค.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์

.ค่าเงินบาทยังมีความเสี่ยงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า ในช่วงระหว่างวัน จับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจได้ผลกระทบจากรายงานผลการคัดเลือกผู้ว่าธปท. คนใหม่และจับตาทิศทางเงินหยวน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 15ก.ค.2568 ที่ระดับ  32.46 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.38 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้เราจะยังคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ในช่วงนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินดอลลาร์

ขณะเดียวกันก็อาจกดดันบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย ที่ต่างเผชิญอัตราภาษีนำเข้าใหม่ในอัตราที่สูงขึ้นและสูงกว่าคาด ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็ดูเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจาก ราคาทองคำยังมีโอกาสทยอยปรับตัวสูงขึ้นจากโซนแนวรับระยะสั้น

 และมีโอกาสที่ราคาทองคำจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง หากราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถปรับตัวขึ้นเหนือโซน 3,370 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้สำเร็จ ตามการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following

นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวัน เรามองว่า ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่อาจได้ผลกระทบจากรายงานผลการคัดเลือกผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ โดยเรามองว่า หากรายงานข่าวล่าสุด ที่ระบุว่า คุณวิทัย รัตนากร ได้เป็นผู้ว่าฯ คนถัดไป จริง ก็อาจหนุนให้ บรรดาผู้เล่นในตลาดมีมุมมองว่า ธปท. อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อได้ไม่ยาก ซึ่งอาจส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ที่เริ่มมีโมเมนตัมขาขึ้นที่ดีในช่วงนี้ ทำให้เราอาจเห็นแรงซื้อหุ้นไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติได้ แต่ในฝั่งตลาดบอนด์นั้น

 เรามองว่า แม้ผู้เล่นในตลาดอาจมีมุมมองว่า ธปท. จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ หนุนให้บอนด์ยีลด์ไทยปรับตัวลดลงต่อบ้าง บรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจใช้จังหวะการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ดังกล่าวในการทยอยขายทำกำไร ทำให้อาจเห็นแรงขายบอนด์ไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติได้ (ในระยะหลัง เราเห็นบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเทศ เริ่มให้คำแนะนำ Take Profits สถานะถือครองบอนด์ไทย โดยเฉพาะบอนด์ระยะยาว)

อนึ่ง เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีน และสหรัฐฯ เนื่องจากในช่วงหลัง เงินบาทก็เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินหยวนจีนพอสมควร ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI นั้น ก็สามารถทำให้เงินบาทผันผวนได้สูงพอสมควร ในช่วง 30 นาที หลังตลาดรับรู้ข้อมูลดังกล่าว

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.60 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง แต่ยังคงติดโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.37-32.51 บาทต่อดอลลาร์) ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ ที่ได้แรงหนุนจากความกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

ซึ่งล่าสุด ทางการสหรัฐฯ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจากยุโรปในอัตราที่สูงถึง 30% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้พอสมควร อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดยังพอมีความหวังอยู่บ้าง ว่าสหรัฐฯ กับ สหภาพยุโรปอาจสามารถเดินหน้าเจรจาการค้า เพื่อลดอัตราภาษีนำเข้าดังกล่าว

นอกจากนี้ เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังราคาทองคำยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นผ่านโซนแนวต้าน 3,370 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อย่างชัดเจน ทว่า ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

บรรดาผู้เล่นในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ CPI และยอดค้าปลีก ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.14% 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลง -0.06% หลังทางการสหรัฐฯ ได้ประกาศอัตราภาษีนำเข้าต่อสินค้ายุโรปที่สูงถึง 30% กดดันให้ บรรดาหุ้นกลุ่มยานยนต์ และกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม ต่างปรับตัวลดลง

อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังพอมีความหวังอยู่บ้าง ว่าสุดท้าย สหภาพยุโรป (EU) จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อลดระดับอัตราภาษีนำเข้าดังกล่าว

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวในกรอบ Sideways ใกล้ระดับ 4.40% หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ และรอติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

 โดยเราคงมุมมองเดิมว่า การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมา ได้ทำให้บอนด์ระยะยาวสหรัฐฯ มีความน่าสนใจมากขึ้น และเราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ หลัง Risk-Reward มีความน่าสนใจมากขึ้น

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่ล่าสุดบรรดาประเทศคู่ค้าสำคัญต่างเผชิญอัตราภาษีนำเข้าใหม่ที่สูงกว่าคาด

อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังใช้จังหวะการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ ในการทยอยปรับสถานะถือครอง ทำให้การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ถูกชะลอลงบ้าง และโดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 98 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.8-98.1 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กอปรกับแรงขายทำกำไรทองคำของผู้เล่นในตลาด ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) ปรับตัวลดลง ทว่า ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำสามารถทรงตัวแถวโซน 3,350-3,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นว่าจะสะท้อนผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของเฟด หลังทางการสหรัฐฯ ได้ทยอยประกาศอัตราภาษีนำเข้าใหม่ต่อบรรดาประเทศคู่ค้า

ทางฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจของเยอรมนีและยูโรโซน โดยสถาบัน ZEW (ZEW Survey) เดือนกรกฎาคม และรายงานยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ของยูโรโซน ในเดือนพฤษภาคม

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนมิถุนายน รวมถึง อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 2

 และในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ผลการคัดเลือกผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธปท. โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดได้ประเมินว่า ธปท. อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีกเกือบ 2 ครั้ง ในปีนี้ และมีโอกาสราว 41% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในปีหน้า

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.46-32.48 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.49 น.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.39 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงตามภาพรวมของสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าตามการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ที่ได้รับแรงหนุนในช่วงก่อนการเปิดเผยตัวเลข CPI ของสหรัฐฯ ประกอบกับยังคงมีแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ต่อเนื่องท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนของการเจรจาภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ กับหลายประเทศคู่ค้า 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.35-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ กับหลายๆ ประเทศคู่ค้า ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 และเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนมิ.ย. ของจีน ตลอดจนตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจาก CPI เดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สายไหนหนักกว่า? ประกบคู่รอบ 8 ทีม วอลเลย์บอลหญิง เนชันส์ลีก 2025

หลังแข่งขันกันครบทั้ง 3 สัปดาห์ วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2025 จบการแข่งขันในรอบแรกเป็นที่เรียบร้อย หลังแข่งขันกันอย่างยาวนานระหว่างวันที่ 4 มิถุนายน – 13 กรกฎาคม 2568

โดยหลังจากทุกทีมแข่งขันกันครบ 12 เกม สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ได้คัดเอา 8 อันดับแรกที่ดีที่สุด ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย ที่ประเทศโปแลนด์

สำหรับทีมที่ได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปเล่นในรอบน็อกเอาต์ จะประกอบด้วย อิตาลี, บราซิล, ญี่ปุ่น, โปแลนด์ (เจ้าภาพ) , จีน, ตุรกี, เยอรมนี และ สหรัฐฯ ซึ่งมีการประกบคู่แบ่งสายออกมาเป็นที่เรียบร้อย

ผลการประกบคู่ วอลเลย์บอลหญิง เนชันส์ลีก 2025 รอบสุดท้าย

รอบก่อนรองชนะเลิศ
วันที่ 23 กรกฎาคม 2568
อิตาลี (อันดับ 1) พบ สหรัฐฯ (อันดับ 8)
โปแลนด์ (อันดับ 4) พบ จีน (อันดับ 5)

วันที่ 24 กรกฎาคม 2568
บราซิล (อันดับ 2) พบ เยอรมนี (อันดับ 7)
ญี่ปุ่น (อันดับ 3) พบ ตุรกี (อันดับ 6)

สำหรับการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2025 รอบสุดท้าย จะแข่งขันกันที่เมืองลอดซ์ ประเทศโปแลนด์ ระหว่างวันที่ 23-27 กรกฎาคม 2568

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ทำไมจู่ ๆ ถึงแพ้อาหาร เอาตอนโต ทั้งที่ตอนเด็กไม่เคยแพ้?

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมจู่ ๆ ก็แพ้อาหารบางชนิดตอนโต ทั้งที่ตอนเด็กไม่เคยมีอาการแพ้เลย? ปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริงและคค่อนข้างพบบ่อย แม้ว่าคนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงอาการแพ้อาหารที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก แต่การแพ้อาหารในผู้ใหญ่ หรือที่เรียกว่า “Adult-Onset Food Allergy” กำลังเป็นที่จับตามองมากขึ้น บทความนี้จะมาไขข้อสงสัยว่าทำไมร่างกายถึงเกิดปฏิกิริยาต่ออาหารที่ไม่เคยแพ้มาก่อน พร้อมเจาะลึกถึงสาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการแพ้อาหารเมื่อโตขึ้น

สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพ้อาหารตอนโต

การที่ร่างกายเกิดปฏิกิริยาแพ้อาหารขึ้นมาใหม่ในวัยผู้ใหญ่ เป็นผลมาจากปัจจัยที่ซับซ้อนและหลายอย่างมารวมกัน ซึ่งแตกต่างจากการแพ้ในเด็กที่มักจะหายไปเมื่อโตขึ้น นี่คือสาเหตุและปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้คุณแพ้อาหารตอนโต:

  • การเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกัน: ระบบภูมิคุ้มกันของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามอายุ การเจ็บป่วย หรือการได้รับสารกระตุ้นต่างๆ บางครั้งระบบภูมิคุ้มกันอาจเข้าใจผิดว่าโปรตีนในอาหารบางชนิดเป็นภัยคุกคาม จึงผลิตภูมิต้านทาน (Antibodies) ชนิด IgE ออกมาต่อต้าน ทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นเมื่อได้รับอาหารนั้นอีกครั้ง
  • การสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในรูปแบบใหม่: บางครั้งเราอาจไม่เคยแพ้อาหารบางชนิดมาก่อน เพราะไม่เคยได้รับในปริมาณมากพอ หรือไม่เคยได้รับในรูปแบบที่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน เช่น การรับประทานอาหารดิบ หรืออาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงที่แตกต่างไปจากเดิม
  • ภาวะ Cross-Reactivity (แพ้ข้ามชนิด): นี่เป็นสาเหตุที่พบบ่อย โดยเฉพาะในผู้ที่แพ้ละอองเกสรดอกไม้ ผู้ที่มีอาการแพ้ละอองเกสรบางชนิดอาจมีปฏิกิริยาแพ้ต่อโปรตีนในผลไม้ ผัก หรือถั่วบางชนิดที่มีโครงสร้างคล้ายกันได้ เช่น ผู้ที่แพ้ละอองเกสรต้นเบิร์ช อาจแพ้แอปเปิล ลูกพีช หรือเฮเซลนัทได้
  • การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ (Gut Microbiome): ระบบทางเดินอาหารมีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกัน การเปลี่ยนแปลงของสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ (Dysbiosis) ซึ่งอาจเกิดจากอาหาร ยาปฏิชีวนะ ความเครียด หรือการเจ็บป่วย อาจส่งผลให้ลำไส้มีความสามารถในการป้องกันสารก่อภูมิแพ้ลดลง ทำให้สารเหล่านั้นเข้าสู่กระแสเลือดและกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันได้
  • โรคหรือภาวะสุขภาพบางอย่าง: บางโรค เช่น โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน หรือภาวะทางเดินอาหารบางชนิด อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดการแพ้อาหารตอนโตได้ นอกจากนี้ ภาวะภูมิแพ้อื่นๆ เช่น โรคหอบหืด หรือโรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ (Eczema) ก็เพิ่มโอกาสในการเกิดการแพ้อาหารเช่นกัน
  • ปัจจัยทางพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม: แม้จะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมก็มีส่วน การมีประวัติครอบครัวเป็นภูมิแพ้ หรือการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้สูง อาจเป็นปัจจัยเสริม
  • การดื่มแอลกอฮอล์หรือออกกำลังกาย: ในบางกรณี การดื่มแอลกอฮอล์หรือการออกกำลังกายร่วมกับการกินอาหารบางชนิด อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ (Food-Dependent Exercise-Induced Anaphylaxis)

อาหารที่มักก่อให้เกิดการแพ้ในผู้ใหญ่ และสิ่งที่ควรทำหากสงสัยว่าแพ้อาหาร

อาหารที่พบบ่อยว่าเป็นสาเหตุของการแพ้อาหารในผู้ใหญ่ มักจะแตกต่างจากในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่เกิดจากการแพ้ข้ามชนิดกับละอองเกสรดอกไม้ อาหารที่พบบ่อยได้แก่:

  • ถั่วเปลือกแข็ง: เช่น วอลนัท อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พีแคน และเฮเซลนัท
  • ปลาและอาหารทะเล: เช่น กุ้ง ปู หอย ปลาชนิดต่างๆ
  • ถั่วลิสง: แม้จะพบในเด็กบ่อย แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถแพ้ขึ้นมาใหม่ได้
  • ผลไม้และผักบางชนิด: เช่น แอปเปิล เชอร์รี่ ลูกพีช กีวี่ ขึ้นฉ่ายฝรั่ง และแครอท (มักเกี่ยวข้องกับ Oral Allergy Syndrome)
  • งา: เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่กำลังเพิ่มขึ้นในผู้ใหญ่

จะทำอย่างไรหากสงสัยว่าแพ้อาหาร?

หากคุณเริ่มมีอาการผิดปกติหลังจากรับประทานอาหารบางชนิด เช่น มีผื่นขึ้น คัน ปากบวม หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือเวียนศีรษะ สิ่งสำคัญที่สุดคือ:

  1. หยุดรับประทานอาหารต้องสงสัยทันที: หลีกเลี่ยงอาหารนั้นและอาหารในกลุ่มเดียวกัน
  2. สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด: หากอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบาก เวียนศีรษะมาก หรือหน้ามืด ให้รีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที เพราะอาจเป็นอาการแพ้รุนแรง (Anaphylaxis) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
  3. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้: การวินิจฉัยตนเองอาจไม่ถูกต้อง แพทย์จะสามารถทำการทดสอบ เช่น การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Prick Test) หรือการตรวจเลือดหาภูมิต้านทาน IgE เพื่อยืนยันว่าคุณแพ้อะไรและระดับความรุนแรงเป็นอย่างไร

การเข้าใจว่าทำไมจู่ๆ คุณถึงแพ้อาหารตอนโต จะช่วยให้คุณรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย อย่าละเลยสัญญาณเตือนของร่างกาย และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเสมอเพื่อการวินิจฉัยและการจัดการที่เหมาะสม

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


พูดภาษาอังกฤษ ได้อย่างมั่นใจ ด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณ พูดภาษาอังกฤษ ได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าคุณจะเคยกลัว พูดติดขัด หรือไม่กล้าแสดงออกในที่สาธารณะ หากคุณกำลังเริ่มต้นหรืออยู่ในช่วงฝึกฝนการ เรียนภาษาอังกฤษ บทความนี้จะช่วยเปลี่ยนมุมมอง พัฒนาแนวคิด และมอบเทคนิคที่นำไปใช้ได้จริง ช่วยให้คุณกล้าพูดและสื่อสารได้อย่างมั่นใจมากขึ้น พร้อมทั้งแนะนำ เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ แม้เป็นผู้เริ่มต้น เรียนภาษาอังกฤษไม่มีพื้นฐานเลย เพื่อให้ผู้อ่านได้นำไปต่อยอดการพัฒนาทักษะอย่างเป็นระบบและเห็นผลเร็ว

ทำไมคนไทยถึงไม่มั่นใจเวลา พูดภาษาอังกฤษ

หลายคนที่กำลัง เรียนภาษาอังกฤษ มักประสบปัญหาเดียวกันคือ รู้คำศัพท์บ้าง เข้าใจไวยากรณ์บ้าง แต่เมื่อถึงเวลาต้องพูดจริงกลับรู้สึกกลัว ไม่กล้า หรือพูดติด ๆ ขัด ๆ ปัญหาหลักมักเกิดจากความกลัวว่าจะพูดผิด สำเนียงไม่ดี หรือคนอื่นจะหัวเราะ ซึ่งความคิดเหล่านี้สะสมมาจากการเรียนที่เน้นท่องจำมากกว่าการใช้จริง อีกทั้งยังขาดการฝึกฝนในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับชีวิตประจำวัน

การ เรียนภาษาอังกฤษ แบบที่ไม่มีโอกาสได้โต้ตอบหรือฟังเสียงตัวเองอาจยิ่งทำให้ไม่มั่นใจ นอกจากนี้ บางคนมีความคิดว่า “ฉันไม่เก่งภาษา” หรือ “ฉันไม่มีพรสวรรค์” ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจโดยตรง

เริ่มจากเปลี่ยนความคิด (Mindset) เพื่อสร้างความมั่นใจ

จุดเริ่มต้นของการพูดได้อย่างมั่นใจ ไม่ใช่แค่การท่องศัพท์เพิ่ม แต่คือการเปลี่ยนความคิด คนที่ประสบความสำเร็จในการ พูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้เก่งตั้งแต่แรก แต่พวกเขากล้าที่จะผิด และเรียนรู้จากความผิดพลาด หากคุณกำลัง เรียนภาษาอังกฤษ อยู่ตอนนี้ ลองตั้งเป้าหมายใหม่ว่า “ฉันจะกล้าพูด แม้จะผิด” มากกว่าการคาดหวังว่าจะพูดถูกต้องทุกคำ เพราะไม่มีใครพูดได้สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก โดยเฉพาะผู้ที่ เรียนภาษาอังกฤษไม่มีพื้นฐานเลย การปล่อยวางความกลัวจึงสำคัญมาก อีกหนึ่งวิธีคือการฝึกพูดกับตัวเองหน้ากระจก หรืออัดเสียงแล้วฟังซ้ำ วิธีนี้ช่วยให้คุณเห็นพัฒนาการของตัวเอง และค่อย ๆ ปรับเสียง น้ำเสียง และจังหวะการพูดได้อย่างมั่นใจขึ้น

แนะนำเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยให้ พูดภาษาอังกฤษ ได้มั่นใจมากขึ้น

  • ฟังและเลียนแบบ (Listen and Imitate): การดูหนัง ฟังพอดแคสต์ หรือฟังเพลงภาษาอังกฤษช่วยให้คุณซึมซับสำเนียง การออกเสียง และการใช้ภาษาตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ผู้เรียนหลายคนใช้แล้วได้ผล โดยเฉพาะผู้ที่ เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
  • ฝึกพูดทุกวัน: แม้เพียงวันละ 5-10 นาที ก็สามารถช่วยเพิ่มความคุ้นเคยและลดความประหม่าได้ ลองตั้งหัวข้อสนุก ๆ เช่น “พูดถึงแผนในวันหยุด” หรือ “เล่าเรื่องอาหารที่ชอบ” แล้วฝึกพูดออกมาดัง ๆ
  • หาเพื่อนหรือครูฝึกสนทนา: การมีคนให้พูดด้วยจริง ๆ จะช่วยให้คุณเรียนรู้การโต้ตอบ ฝึกฟัง และใช้คำในบริบทจริง หากไม่มีเพื่อนฝึก อาจลองลงทะเบียนใน คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ที่มีการเรียนแบบโต้ตอบหรือเรียนแบบกลุ่มเล็ก ๆ
  • อย่ากลัวสำเนียง: คนไทยหลายคนไม่กล้าพูดเพราะกลัวสำเนียงไม่เหมือนเจ้าของภาษา แต่ความจริงคือ “ความชัดเจน” สำคัญกว่าความเป๊ะ สำเนียงเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ในระยะยาว ดังนั้นขอแค่สื่อสารรู้เรื่องก็ถือว่าคุณพูดได้ดีแล้ว
  • ใช้เทคโนโลยีช่วย: ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยให้ฝึกพูดได้ เช่น แอปฝึกออกเสียง หรือ AI ที่ให้คำแนะนำการพูดอย่างละเอียด การนำเทคโนโลยีมาเสริมการ เรียนภาษาอังกฤษ ทำให้การฝึกสนุกและได้ผลมากขึ้น

สำหรับผู้ที่อยากพัฒนาอย่างจริงจัง การเลือก เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ เป็นอีกทางเลือกที่สะดวกและยืดหยุ่น โดยเฉพาะผู้ที่มีเวลาจำกัดหรือไม่สะดวกเดินทาง เพราะสามารถเรียนได้จากสถานที่ใดก็ได้ตามที่เราสะดวกสบายที่สุด

การพูดภาษาอังกฤษอย่างมั่นใจเริ่มต้นจากการเปลี่ยนวิธีคิด และเสริมด้วยการฝึกฝนที่เหมาะสม ใคร ๆ ก็สามารถพัฒนาได้ ไม่จำเป็นต้องเก่งมาก่อน ขอแค่กล้าลองและไม่ยอมแพ้ต่อความกลัว หากคุณอยู่ในช่วง เรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ขอเพียงไม่หยุดพัฒนา และเลือกแนวทางที่เหมาะกับตัวเอง ทั้งการเรียนด้วยตัวเองหรือผ่าน คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ก็สามารถนำคุณไปสู่การพูดได้อย่างมั่นใจในไม่ช้า

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


‘แฮกเกอร์’ เปิดวาล์วเขื่อนในนอร์เวย์

บทความของผมได้เน้นย้ำเรื่องการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศเพราะช่วงหลังๆ ตกเป็นข่าวการถูกโจมตีเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องความเสียนั้น ก็มากน้อยแล้วแต่กรณี

ล่าสุด มีเหตุการณ์การเจาะระบบเข้าโจมตีแผงควบคุมวาล์วของเขื่อนเอกชนในเมืองเบรแมนเกอร์ ประเทศนอร์เวย์ โดยแฮกเกอร์จัดการปรับวาล์วให้น้ำไหลในอัตราขั้นต่ำและสั่งการให้ไหลเต็มความจุ 100% ส่งผลให้มีน้ำไหลเกินขีดจำกัดที่กำหนดไว้ 497 ลิดรต่อวินาที

แม้ว่าความจุของเขื่อนจะอยู่ที่ประมาณ 20,000 ลิตรต่อวินาทีก็ตาม จึงไม่ถือว่าเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ร้ายแรงแต่อย่างใด โดยรายงานเบื้องต้นระบุว่าการโจมตีอาจเริ่มต้นจากรัสเซีย แต่หน่วยงานทางการของนอร์เวย์ไม่ได้ยืนยันเรื่องนี้ และส่งมอบให้หน่วยงานพิเศษของกรมตำรวจนอร์เวย์สอบสวนเพื่อหาตัวการที่แท้จริงต่อไป

นี่ไม่ใช่การโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนเกินไป แต่น่าจะเป็นการที่ใครบางคนล็อกอินเข้าสู่ระบบควบคุมที่มีความปลอดภัยไม่เพียงพอซึ่งมีการคาดเดาว่าน่าจะเป็นเพราะรหัสผ่านที่อ่อนแอ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเจาะระบบและเปิดวาล์วเขื่อนได้สำเร็จ แม้ว่าโรงงานนี้จะทำหน้าที่หลักในการจ่ายน้ำจืดให้กับฟาร์มปลา ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายไฟฟ้าของนอร์เวย์

แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัยพื้นฐาน จริงอยู่ที่ผลกระทบจะน้อยมาก แต่ก็เป็นการเตือนใจว่าโลกดิจิทัลที่ให้ประโยชน์ต่อสังคมมากมายก็มีจุดอ่อนได้หากไม่ได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม เช่นเดียวกับที่เราก็ไม่ยอมปล่อยให้ประตูหน้าบ้านของเราไม่ได้ล็อก ระบบที่พึ่งพาในการเข้าถึงน้ำ ไฟฟ้า และความร้อนก็ต้องการการป้องกันพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน

เหตุการณ์นี้จึงควรเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญทั่วโลกตระหนักถึงศักยภาพของเหล่าบรรดาผู้ไม่ประสงค์ดีทั้งหลาย โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่มีเขื่อนมากกว่า 92,000 แห่งเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ หากถูกโจมตีแล้ว แน่นอนว่าผลกระทบอาจสูงกว่ากรณีนี้มากหลายเท่า

นี่ไม่ใช่การใช้ประโยชน์ทางเทคโนโลยีขั้นสูง แต่เป็นกรณีที่มีการควบคุมการเข้าถึงที่ไม่เพียงพอ และเมื่อพิจารณาถึงศักยภาพในการก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและความปลอดภัยสาธารณะ การเปิดเผยข้อมูลเช่นนี้เปรียบเสมือนกับการติดป้ายข้อความเชิญชวนการโจมตีไว้ด้านหลังโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญนั่นเอง

ไม่เพียงแต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่เขื่อนนอร์เวย์จะสะท้อนเกี่ยวกับการใช้งานอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่กับอินเทอร์เน็ตในระบบควบคุมอัจฉริยะต่างๆ ที่ไม่มีการป้องกันที่ทันสมัย โดยจากการตรวจเช็คผ่าน Shodan ทางออนไลน์พบว่า มีมากกว่า 23,000 ระบบที่พร้อมจะถูกบุกรุกจากทั่วโลก ลองนึกภาพตามว่า หากเกิดสถานการณ์ที่แฮกเกอร์สามารถปิดเครื่องปรับอากาศในโรงพยาบาลในฤดูร้อนจะสร้างความเสียหายมากเท่าใด

เหตุการณ์นี้ยังช่วยสร้างการตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการรักษาความปลอดภัยอินเทอร์เฟซระยะไกลแบบเชิงรุก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงการเชื่อมต่อ

ฉะนั้นการบุกรุกเขื่อนในนอร์เวย์ตอกย้ำความจริงที่สำคัญสำหรับผู้นำด้านความปลอดภัยและความเสี่ยง นั่นคือ ไม่ใช่การโจมตีที่ซับซ้อนเสมอไปที่ก่อให้เกิดการหยุดชะงักมากที่สุด แต่เป็นการเปิดรับความเสี่ยงที่เรียบง่ายและถูกมองข้ามการเข้าถึงระยะไกล การตรวจสอบความถูกต้อง และการเป็นเจ้าของอินเทอร์เฟซไซเบอร์-กายภาพควรได้รับการให้ความสำคัญอย่างจริงจัง

เหตุการณ์นี้เป็นการเตือนใจว่าการควบคุมพื้นฐานเป็นรากฐานสำคัญของความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงานและการมีสุขอนามัยทางไซเบอร์ที่ดีเช่น รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและการยืนยันตัวตนแบบหลายปัจจัยมีความสำคัญมากกว่ากรอบความปลอดภัยที่ซับซ้อนครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ใบเตยไม่ได้มีดีแค่กลิ่น! รวมประโยชน์ด้านสุขภาพและความงามที่น่าทึ่ง

ใบเตยเป็นพืชพื้นบ้านไทยที่หลายคนรู้จักดีในฐานะสมุนไพรหอมชื่นใจ แต่นอกจากกลิ่นหอมแล้วใบเตยยังซ่อนคุณค่าด้านสุขภาพและความงามที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน

กลิ่นหอมของใบเตยช่วยอะไรได้บ้าง?

ลดความเครียดและช่วยผ่อนคลาย

กลิ่นหอมตามธรรมชาติของใบเตยมีฤทธิ์ช่วยให้รู้สึกสงบ ลดความตึงเครียดของระบบประสาท คล้ายกับการทำ Aromatherapy จากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ

ช่วยให้นอนหลับดีขึ้

การวางใบเตยไว้ในห้องนอนหรือบริเวณหัวเตียงสามารถช่วยให้หลับสบายขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ

ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ในห้อง

กลิ่นของใบเตยสามารถดับกลิ่นอับในห้องน้ำ ห้องครัว หรือรถยนต์ได้ โดยไม่ต้องใช้สารเคมี ช่วยให้อากาศสดชื่นและปลอดภัย

ประโยชน์ของใบเตยด้านสุขภาพ

ช่วยลดความดันโลหิต

สารธรรมชาติในใบเตยมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ช่วยลดความดันโลหิตในผู้ที่มีภาวะความดันสูง

บรรเทาอาการปวดข้อและกล้ามเนื้อ

การต้มใบเตยเป็นน้ำอาบหรือแช่เท้า ช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการทำงานหนัก เพราะใบเตยมีสารต้านการอักเสบจากธรรมชาติ

ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด

บางงานวิจัยพบว่าใบเตยอาจช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

ขับปัสสาวะ และลดอาการบวมน้ำ

ใบเตยมีฤทธิ์ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย เหมาะกับผู้ที่มีอาการบวมน้ำหรือปัสสาวะน้อย

ประโยชน์ของใบเตยด้านความงาม

ผิวกระจ่างใสจากภายใน

ดื่มน้ำต้มใบเตยเป็นประจำ จะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ลดความหมองคล้ำ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อผิว

ช่วยลดกลิ่นตัว

ใบเตยมีน้ำมันหอมระเหยที่มีกลิ่นสดชื่น เมื่อดื่มหรือใช้เป็นส่วนผสมในการอาบน้ำ จะช่วยลดกลิ่นเหงื่อได้เป็นอย่างดี

บำรุงเส้นผมให้เงางาม

น้ำต้มใบเตยใช้ล้างผมแทนน้ำเปล่า ช่วยให้เส้นผมเงางาม มีน้ำหนัก และลดอาการคันหนังศีรษะ

วิธีใช้ใบเตยเพื่อสุขภาพและความงาม

  • ต้มน้ำดื่ม: ใช้ใบสด 5–7 ใบ ต้มกับน้ำสะอาด ดื่มเป็นประจำ
  • แช่เท้า: ต้มใบเตยกับน้ำแล้วแช่เท้าเพื่อลดเมื่อยล้า
  • ล้างหน้า/ล้างผม: ใช้น้ำต้มใบเตยเย็นล้างหน้า/ผม เพิ่มความสดชื่นและลดกลิ่นไม่พึงประสงค์

ใบเตยสมุนไพรหอมที่มีดีมากกว่ากลิ่น

ใบเตยไม่เพียงแค่สร้างกลิ่นหอมสดชื่น แต่ยังช่วยบำรุงร่างกาย ลดความดัน ควบคุมน้ำตาล และส่งเสริมผิวพรรณและเส้นผมให้ดูสุขภาพดี เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากดูแลสุขภาพแบบธรรมชาติ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 15/07/2568 

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,550.0051,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,332.0050,513.1252,450.00
ทองรูปพรรณ 90%2,998.8045,461.81n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,665.6040,410.50n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,499.4022,730.90n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,166.2017,679.59n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,452.8552,345.21n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 15/07/2568



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.8532.8533.3532.8532.8532.8532.8532.8532.8532.85
แก๊สโซฮอล์ 9132.4832.4832.9832.4832.4832.4832.4832.4832.4832.48
แก๊สโซฮอล์ E2030.6430.6431.1430.6430.6430.6430.6430.6430.64
แก๊สโซฮอล์ E8528.9928.9928.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.4449.8449.8449.8441.44
เบนซิน 9541.1449.8141.6441.2941.14
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า