ธนาสิริ 40ปีกับการเติบโตคู่เมืองนนท์ โอกาสการพัฒนาอสังหาฯบนทำเลศักยภาพ

40ปีธนาสิริ กับการเติบโตคู่เมืองนนท์ ในการพัฒนาอสังหาฯกว่า 30 โครงการมูลค่ารวมกว่า 1.3 หมื่นล้านบนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อสู่ศูนย์กลางการเจริญเติบโตใจกลางกรุงเทพฯ
เมื่อพูดถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จในจังหวัดนนทบุรี ธนาสิริ กรุ๊ป หรือ “THANA” ต้องถูกยกเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สะท้อนถึงการมองเห็นโอกาสในทำเลที่มีศักยภาพสูง พร้อมทั้งการสร้างความน่าอยู่ในทุกจังหวะชีวิตสำหรับผู้คนในพื้นที่และในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา พวกเขาได้เติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของเมืองนนทบุรี ซึ่งไม่เพียงแค่การสร้างบ้านที่ตอบโจทย์คนเมือง แต่ยังเต็มไปด้วยกลยุทธ์ในการเลือกทำเลที่มีศักยภาพสูงในอนาคต
เชื่อมต่อสู่ศูนย์กลางการเจริญ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงการของธนาสิริเติบโตได้ดีในนนทบุรีคือการที่ทำเลนี้ได้รับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อการเดินทางได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่เชื่อมต่อนนทบุรีกับกรุงเทพฯ หรือสายสีชมพูที่สร้างความสะดวกในการเดินทางไปยังแหล่งงานสำคัญในเมือง นอกจากนี้ โครงข่ายถนนที่เชื่อมต่อไปยังถนนหลักต่าง ๆ เช่น ถนนราชพฤกษ์และถนนกาญจนาภิเษก ยังช่วยให้การเดินทางจากนนทบุรีถึงใจกลางกรุงเทพฯ ได้ภายในเวลาไม่ถึง 40 นาที ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับผู้อยู่อาศัย
จากการพัฒนาโครงการมากกว่า 30 โครงการมูลค่ารวมกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ธนาสิริไม่เพียงแค่สร้างที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มภาพการเติบโตของจังหวัดนนทบุรีเป็นเมืองที่มีความพร้อมในทุกด้าน โครงการของธนาสิริมีความหลากหลายตั้งแต่ทาวน์โฮมไปจนถึงบ้านเดี่ยวระดับคุณภาพสูง ที่รองรับกลุ่มลูกค้าได้ทั้งในระดับราคาต่าง ๆ รวมถึงกลุ่มที่ต้องการบ้านคุณภาพในทำเลที่มีการขยายตัวของเมืองและโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมใช้งาน
มองข้ามชอต
การที่ธนาสิริมองเห็นโอกาสในอนาคตของจังหวัดนนทบุรีไม่ใช่แค่การลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีแผนการสำรวจที่ดินในทำเลศักยภาพเพิ่มขึ้นอีก 2-3 แห่ง โดยเปิดรับข้อเสนอร่วมทุนกับเจ้าของที่ดิน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง
แคมเปญพิเศษ: “บ้านนี้…มีรัก”
เพื่อฉลองเดือนแห่งความรัก ธนาสิริกรุ๊ปได้นำเสนอแคมเปญพิเศษ “บ้านนี้…มีรัก” ซึ่งเป็นการเสนอโปรโมชั่นที่มอบความคุ้มค่ามากมายสำหรับลูกค้าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยสามารถซื้อบ้านคุณภาพในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท พร้อมของขวัญพรีเมียมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้ลูกค้าได้รับบ้านที่เหมาะสมกับการใช้ชีวิต แต่ยังมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยฟังก์ชันบ้านอัจฉริยะและบริการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุม
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงการเติบโตของธนาสิริในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา สามารถเห็นได้ชัดว่า บริษัทไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในพื้นที่เมืองนนทบุรี ด้วยการเลือกทำเลที่มีศักยภาพสูง การพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ และการมองเห็นโอกาสในอนาคตเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
การเติบโตของธนาสิริทำให้เรามองเห็นภาพของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองนนทบุรีที่ไม่ใช่แค่ทำเลที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังเป็นทำเลที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้คนในทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบถ้วน ทั้งในเรื่องของการเดินทางที่สะดวกสบายและการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ ทั้งหมดนี้คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ธนาสิริกรุ๊ปสามารถเติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาเมืองนนทบุรีอย่างยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
สัญญาณตลาดคอนโดฯ68กลับมา ศุภาลัย Sold Out 5 โครงการพร้อมอยู่10,000ล้านบาท

ตลาดคอนโดฯยังปัง ศุภาลัย Sold Out 5 โครงการรวด สร้างเสร็จพร้อมอยู่10,000ล้านบาท สะท้อนสัญญาณคอนโดฯ68กลับมาหลังผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวโครงการ
ท่ามกลางตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวกำลังซื้อหายไปจากตลาดจากสภาพเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อ ขณะบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมในภาพรวมยังมีสินค้ารอการขายอยู่มาก แต่ข้อดีผู้ประกอบการเติมซัพพลายลงสู่ตลาดลดลง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด เนื่องจาก ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับบ้านแนวราบ ในด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยสุขภาพ
เมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ความต้องการคอนโดมิเนียมกลับสู่ตลาดเนื่องจากการเดินทางสะดวกอยู่ใกล้เมืองส่งผลให้สินค้าที่มีกลับขายได้ ผู้ประกอบการต่างเร่งพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ
สะท้อนจากบริษัทศุภาลัยจำกัด(มหาชน)หนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ประสบความสำเร็จ ประกาศความสำเร็จครั้งใหม่ ในตลาดคอนโดมิเนียม ปิดการขาย Sold Out 100% มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท จาก 5 โครงการคุณภาพ ที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ ได้แก่
ศุภาลัย ไพร์ม พระราม 9, ศุภาลัย พรีเมียร์ สี่พระยา-สามย่าน, ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์, ศุภาลัย ลอฟท์ สถานีภาษีเจริญ และศุภาลัย เวอเรนด้า สถานีภาษีเจริญ ความสำเร็จในครั้งนี้สะท้อนถึง ความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ศุภาลัย ทั้งในด้านทำเลศักยภาพ การออกแบบที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ และความคุ้มค่าของราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ท่ามกลางภาวะตลาดที่ท้าทาย ศุภาลัยยังคงสร้างกระแสความร้อนแรงด้วยยอดขายที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการปิดโครงการได้อย่างสมบูรณ์
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้เป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า ตลาดคอนโดมิเนียมยังคงมีความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับโครงการที่มีคุณภาพ ทำเลที่ดี และราคาที่คุ้มค่า แม้ว่าภาพรวมของตลาดคอนโดมิเนียมจะมีความท้าทาย แต่ศุภาลัยยังสามารถสร้างยอดขายที่โดดเด่นได้ ทั้งจากโครงการเปิดตัวใหม่และโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์ศุภาลัย ซึ่งบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างแท้จริง ทั้งการออกแบบที่คำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งาน พื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่า และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเสนอราคาที่เหมาะสมและแข่งขันได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้ง 5 โครงการนี้สามารถปิดการขายได้อย่างครบถ้วน
ในปี 2568 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพิสูจน์ความเป็น “ตัวจริง” ในตลาดคอนโดมิเนียม ด้วยการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ถึง 8 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 12,830 ล้านบาท บน 8 ทำเลศักยภาพ ทั้งในกรุงเทพฯ ชลบุรี และภูเก็ต ศุภาลัยเชื่อมั่นว่า ความต้องการของตลาดยังพร้อมเสมอ

สำหรับโครงการที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์การอยู่อาศัย และคุ้มค่าการลงทุน พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย นอกจากนี้ยังเตรียมโอนกรรมสิทธิ์ โครงการ ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน ในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งโครงการ ศุภาลัย บลูเวล หัวหิน สามารถกวาดยอดขายไปแล้วกว่า 80% และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถปิดการขาย (Sold Out)
ได้ภายในปีนี้ ตอกย้ำถึงศักยภาพของแบรนด์และความเชื่อมั่นจากลูกค้า ที่ให้ความไว้วางใจในคุณภาพโครงการของศุภาลัยมาโดยตลอด
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17ก.พ. “อ่อนค่าลง” ที่ระดับ 33.73 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways ภายใต้ความผันผวนสูง ต้องจับตาทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงราคาทองคำอาจย่อตัวลงบ้าง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17ก.พ. 2567 ที่ระดับ 33.73 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 33.62 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 33.57-33.78 บาทต่อดอลลาร์)
แม้ว่า เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการปรับเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ จากรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม จะหดตัว -0.9%m/m แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้มาก
ทว่า เงินบาทกลับเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า หลังราคาทองคำ (XAUUSD) พลิกกลับมาปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด อีกทั้งแนวโน้มการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน และพัฒนาการของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ดีขึ้น ก็มีส่วนเพิ่มแรงกดดันต่อราคาทองคำ
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง หลังตลาดทยอยคลายกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ อีกทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อก็มีแนวโน้มจะยุติลงได้ภายในปีนี้
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรติดตามแนวโน้มการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก และรอลุ้นผลการเลือกตั้งทั่วไปของเยอรมนีในช่วงสุดสัปดาห์
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ โดย S&P Global (Manufacturing & Services PMIs) รายงานการประชุม FOMC ของเฟดล่าสุด และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด นอกจากนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ด้วยเช่นกัน
▪ ฝั่งยุโรป – บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของฝั่งอังกฤษและยูโรโซน อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึง ข้อมูลตลาดแรงงาน อัตราเงินเฟ้อ CPI และยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของอังกฤษ
พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน และรอลุ้นผลการเลือกตั้งทั่วไปของเยอมนีที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้
ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของญี่ปุ่น อัตราเงินเฟ้อ CPI รวมถึง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ
ในส่วนของนโยบายการเงินนั้น ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) อาจลดดอกเบี้ย 50bps สู่ระดับ 3.75% เพื่อช่วยหนุนภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอลงต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ที่อาจลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 4.10% ตามการชะลอตัวลงของภาพรวมเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
ทว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) อาจคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.75% เพื่อรอแรงกดดันต่อเงินรูเปียะห์ (IDR) อีกทั้งเพื่อประเมินผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอน
▪ ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 พร้อมกับ รอลุ้นรายงานผลการดำเนินงานของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยได้ หากรายงานผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาสดใส
สำหรับ แนวโน้มเงินบาท นั้น การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนับตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เราปรับมุมมองระยะสั้นใหม่ ว่า เงินบาทอาจยังไม่สามารถกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ชัดเจน
และมีโอกาสที่เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้ จนกว่าจะเห็นการกลับมาอ่อนค่าลงของเงินบาท จนทะลุโซนแนวต้าน 34.00-34.10 บาทต่อดอลลาร์ ได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ เราประเมินว่า ในช่วงนี้ ควรจับตาการเคลื่อนไหวของเงินบาทว่าจะสามารถแข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 33.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้หรือไม่ เพราะการแข็งค่าขึ้นผ่านโซนดังกล่าว อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ต้องปรับลดสถานะดังกล่าว
หรือ Cover Short ซึ่งอาจช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ และหากประเมินตามกลยุทธ์ Trend Following การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทดังกล่าว จะสะท้อนว่า แนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจยังดำเนินต่อไปได้ ซึ่งจะมีโซนแนวรับถัดไปในช่วง 33.30 บาทต่อดอลลาร์
อนึ่ง เงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าขึ้นได้มากนัก หากราคาทองคำ (XAUUSD) เข้าสู่ช่วงการปรับฐาน (Correction) และเงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่ามากขึ้นได้ ในกรณีที่ ราคาทองคำเข้าสู่แนวโน้มขาลง ซึ่งอาจต้องเห็นการปรับตัวลงของราคาทองคำหลุดโซนแนวรับ 2,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ที่ชัดเจน
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways ภายใต้ความผันผวนสูง โดยต้องจับตาทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงราคาทองคำ (ที่อาจย่อตัวลงบ้าง) ส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในตลาดทุนไทย อาจต้องรอลุ้นรายงานผลประกอบการบรรดาบริษัทจดทะเบียน ที่จะชี้ชะตาแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นได้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า แม้เงินดอลลาร์จะอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า ทว่าก็อาจแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด หรือตลาดกลับมากังวลปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ (สงครามรัสเซีย-ยูเครน) และประเด็นการเมืองเยอรมนีที่อาจกดดันให้เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลงได้
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.35-34.25 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.90 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิดเงินรางวัล “โปรจีน อาฒยา” แชมป์กอล์ฟซาอุดี เลดีส์ อินเตอร์แนชันนัล 2025

เปิดศักราชใหม่ได้อย่างสวยงามสำหรับ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟสาวชาวไทย ที่เพิ่งคว้าแชมป์ รายการ เลดี้ส์ ยูโรเปี้ยนทัวร์รายการ พีไอเอฟ ซาอุดี เลดีส์ อินเตอร์แนชันนัล 2025 ที่กรุงริยาด์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
โดย ก้านเหล็กสาววัย 21 ปี ทำได้ที่ 16 อันเดอร์พาร์ หลังแข่งขันครบทั้ง 3 วัน เอาชนะ โซมี อี จากเกาหลีใต้ 2 สโตรก คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ ถือเป็นแชมป์รายการแรกของปี 2025
นอกเหนือจากความสำเร็จในครั้งนี้ “โปรจีน” ยังรับเงินรางวัลจากการหยิบแชมป์ในครั้งนี้ไปได้มากถึง 675,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 22.74 ล้านบาท)
สำหรับ “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟสาวชาวไทย นับตั้งแต่เข้าแข่งขันในรายการ แอลพีจีเอ ทัวร์ เมื่อปี 2022 สามารถคว้าแชมป์ไปได้ 5 รายการ โกยเงินไปได้รวมทั้งหมด 10,475,000 เหรียญ (ประมาณ 353 ล้านบาท)
เงินรางวัลของ อาฒยา ฐิติกุล ในการแข่งขัน แอลพีจีเอ ทัวร์
ปี 2022 : คว้าเงินรางวัล 280,000 เหรียญ (ประมาณ 9.6 ล้านบาท)
ปี 2023 : คว้าเงินรางวัล 1.5 ล้านเหรียญ (ประมาณ 51 ล้านบาท)
ปี 2024 : คว้าเงินรางวัล 6.1 ล้านเหรียญ (ประมาณ 210 ล้านบาท)
ปี 2025 : คว้าเงินรางวัล 675,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 22.74 ล้านบาท)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
“กี่โมง” เวลาที่ดีที่สุดในการออกกำลังกายเพื่อ “นอนหลับง่าย”

การออกกำลังกายเป็นส่วนสำคัญของการมีสุขอนามัยการนอนหลับที่ดี และมีการแสดงให้เห็นว่าช่วยเพิ่มคุณภาพและระยะเวลาของการนอนหลับ แม้ว่าประโยชน์ของการออกกำลังกายสำหรับการนอนหลับจะเป็นที่ชัดเจน แต่ก็ยังมีการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวันในการออกกำลังกายเพื่อให้การนอนหลับดีที่สุด การศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างช่วงเวลาการออกกำลังกายและการนอนหลับได้ดำเนินการในประชากรที่หลากหลาย ทำให้ยากที่จะสรุปผลที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม นักวิจัยค่อยๆ เริ่มเข้าใจข้อดีที่แตกต่างกันของการออกกำลังกายในบางช่วงเวลาของวัน
วิธีจัดตารางการออกกำลังกายเพื่อปรับปรุงการนอนหลับ
ทั้งการออกกำลังกายในตอนเช้าและตอนเย็นได้รับการแสดงให้เห็นว่าส่งเสริมการนอนหลับลึก และดูเหมือนว่าเวลานอนหลับทั้งหมดจะไม่ได้รับผลกระทบจากการออกกำลังกายในตอนเช้าเทียบกับตอนเย็น อย่างไรก็ตาม คุณอาจสามารถเพิ่มประโยชน์สูงสุดสำหรับการนอนหลับได้โดยการปรับเปลี่ยนตารางการออกกำลังกายให้เข้ากับกิจวัตรประจำวันของคุณ
การออกกำลังกายแบบแอโรบิกหรือการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้าน เช่น การวิ่งหรือการยกน้ำหนัก ในตอนเช้า สามารถช่วยให้คุณหลับได้เร็วขึ้นในเวลากลางคืน การออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูงในตอนบ่ายและช่วงเย็นอาจส่งเสริมการนอนหลับที่สนิท การออกกำลังกายในช่วงเวลานี้ของวันดูเหมือนจะมีส่วนทำให้เกิดอาการง่วงนอนโดยการลดระดับของ orexin ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ส่งเสริมการตื่นตัว
หากคุณไม่มีปัญหาในการหลับ แต่คุณพบว่าตัวเองตื่นขึ้นบ่อยๆ ตลอดทั้งคืน คุณอาจพบว่าการเพิ่มกิจวัตรการออกกำลังกายตอนเย็นมีประโยชน์มากกว่า การออกกำลังกายแบบใช้แรงต้านหรือการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเบาๆ ที่ทำในช่วงเย็นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดการตื่นกลางดึก อาจเป็นเพราะมันให้ประโยชน์ของการออกกำลังกายโดยไม่เพิ่มอุณหภูมิร่างกายมากเกินไป
คุณอาจต้องทดลองเพื่อค้นหาตารางการออกกำลังกายที่เหมาะกับคุณ หากคุณมีปัญหาในการนอนหลับหลังจากออกกำลังกายในตอนเช้า ลองเลื่อนการออกกำลังกายของคุณให้ช้าลง หากคุณมีปัญหาในการนอนหลับหลังจากออกกำลังกายในเวลากลางคืน การจัดตารางการออกกำลังกายของคุณให้เร็วขึ้นในระหว่างวันอาจช่วยได้
การออกกำลังกายช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า และช่วยให้จิตใจผ่อนคลายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับ นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามด้วยการค่อยๆ ลดลง ซึ่งเลียนแบบความผันผวนตามธรรมชาติของจังหวะ circadian และปูทางไปสู่การนอนหลับ การศึกษาหลายชิ้นพบว่าการออกกำลังกายตอนเย็นช่วยปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับโดยช่วยให้ผู้คนหลับได้เร็วขึ้น ลดการตื่นกลางดึก และเพิ่มเวลาที่ใช้ในการนอนหลับแบบคลื่นช้า
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการออกกำลังกายอย่างหนักภายในหนึ่งชั่วโมงก่อนนอนจะไม่เปิดโอกาสให้อุณหภูมิแกนกลางของร่างกายเย็นลง ซึ่งอาจทำให้การนอนหลับล่าช้า ส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ และนำไปสู่การตื่นกลางดึกมากขึ้น ผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับมักได้รับคำแนะนำให้ยึดติดกับการออกกำลังกายเบาถึงปานกลางอย่างน้อยสี่ชั่วโมงก่อนนอน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เปิด‘ปทุมมา’โมเดล AI สัญชาติไทย เล็งดึงพันธมิตร ต่อยอดสู่ Agentic AI

เนคเทค พัฒนา “Pathumma LLM” โมเดล AI สัญชาติไทย มุ่งเน้นความเชี่ยวชาญทั้งภาษา ข้อมูล และบริบทไทย เปิดให้ทดลองใช้งานแล้วในรูปแบบ APP-API-Model เตรียมจับมือพันธมิตรภาครัฐ-เอกชนพัฒนาโมเดลพื้นฐานขนาดใหญ่ พร้อมเดินหน้าสู่ Agentic AI ที่คิดวิเคราะห์และตัดสินใจอัตโนมัติ
ท่ามกลางกระแสความนิยมของเทคโนโลยี Large Language Model (LLM) หรือโมเดล AI ขนาดใหญ่ที่มีความสามารถด้านการประมวลผลภาษาและการสื่อสารแบบมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้พัฒนา Pathumma LLM หรือปทุมมา แอลแอลเอ็ม โมเดล AI ขนาดใหญ่สัญชาติไทย เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบบริการ AI ในประเทศ
ดร.ศราวุธ คงยัง นักวิจัยกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช.เปิดเผยว่า ในปัจจุบันโมเดล LLM สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ โมเดลแบบปิด (close model) ที่ผู้พัฒนาไม่เปิดให้สาธารณะดาวน์โหลดไปพัฒนาต่อ เช่น Chat-GPT, Gemini, Claude และโมเดลแบบเปิด (open model) ที่ผู้พัฒนาเปิดให้สาธารณะดาวน์โหลดไปพัฒนาต่อได้ เช่น Gemma, Sea Lion, Typhoon, THaLLE
โดย Pathumma LLM ถูกพัฒนาขึ้นในรูปแบบโมเดลแบบเปิด เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของโมเดลแบบปิดที่อาจขาดความคล่องตัวในการใช้งาน โดยเฉพาะในองค์กรที่ต้องปกปิดข้อมูล เช่น ธนาคาร สถานพยาบาล หรือศาล รวมถึงการใช้งานเฉพาะทางของประเทศไทย เช่น การเรียบเรียงเอกสารราชการไทย หรือการสื่อสารภาษาถิ่นไทย

“ทีมวิจัยได้นำความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโมเดล AI และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานในระดับสากลของ สวทช. เช่น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ลันตา (LANTA) มาใช้ในการผลิต Pathumma LLM ปัจจุบันได้เปิดให้ทดลองใช้งานเวอร์ชัน 1.0.0 แล้วที่เว็บไซต์ AI For Thai โดยผู้สนใจสามารถเข้าถึงได้ใน 3 รูปแบบ ได้แก่ APP สำหรับบุคคลทั่วไปใช้งานผ่านเว็บแอปพลิเคชัน API สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการดึงข้อมูลไปแสดงผลที่หน้าเว็บไซต์ของตัวเอง และ Model สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการดาวน์โหลดโมเดลไปพัฒนาต่อ”
สำหรับจุดเด่นของ Pathumma LLM คือการเป็น Multi-Modal Generative AI ที่รองรับการประมวลผลข้อมูลได้ 3 รูปแบบ รูปแบบแรกคือ Text LLM หรือโมเดลสำหรับประมวลผลคำถามหรือคำสั่งที่เป็นข้อความ ซึ่งผ่านการปรับแต่งให้เหมาะกับการสืบค้นข้อมูลและตอบคำถามอย่างเป็นเหตุเป็นผล ทำให้เหมาะแก่การพัฒนาต่อยอดเพื่อใช้ประมวลผลข้อมูลเฉพาะขององค์กรต่างๆ เช่น กรมสรรพากรสามารถใช้พัฒนาแชตบอตตอบข้อซักถามด้านการยื่นภาษีแก่ประชาชน หรือหน่วยงานวิจัยสามารถใช้พัฒนาแชตบอตสำหรับสืบค้นและสรุปภาพรวมข้อมูลงานวิจัยขององค์กร

รูปแบบที่สองคือ Audio LLM หรือโมเดลสำหรับประมวลผลข้อมูลที่เป็นเสียง โมเดลนี้ผ่านการปรับแต่งให้สามารถถอดความจากเสียงได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ สร้างคำบรรยายเสียงบรรยากาศแวดล้อม ระบุอารมณ์และเพศของผู้พูด รวมถึงตอบคำถามหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาภายในคลิปได้
ส่วนรูปแบบที่สามคือ Vision LLM หรือโมเดลสำหรับประมวลผลข้อมูลที่เป็นภาพ ซึ่งผ่านการปรับแต่งให้สามารถสร้างคำบรรยายภาพ ถอดข้อความที่อยู่ในภาพ และตอบคำถามหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพนั้นๆ ได้
อย่างไรก็ตาม การจะเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการทำงานให้แก่ LLM จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะปริมาณ คุณภาพ และความทันสมัยของข้อมูล รวมถึงความพร้อมด้านระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบคลาวด์คอมพิวติง (cloud computing) สำหรับใช้ประมวลผล AI ดังนั้น ทีมวิจัยจึงมีแผนที่จะเริ่มดำเนินงานความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนไทยในการพัฒนา foundation model หรือโมเดลพื้นฐานสำหรับประเทศไทยที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับปริมาณข้อมูลและพารามิเตอร์ที่ใช้ในการเทรนโมเดล AI โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานภายในกุมภาพันธ์ 2568
นอกจากนี้ ทีมวิจัยยังมีแผนจะขอความอนุเคราะห์ข้อมูลที่เปิดเผยได้ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทยมาใช้เทรน AI เพื่อให้ Pathumma LLM มีฐานข้อมูลมากพอแก่การเป็นโมเดลแบบเปิดที่เชี่ยวชาญทั้งภาษา ข้อมูล และบริบทไทย และมีส่วนช่วยขับเคลื่อน AI Governance หรือการใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและระบบบริการของภาครัฐในอนาคต
“เป้าหมายต่อไปของการพัฒนาระบบ Pathumma LLM ที่ทีมวิจัยตั้งไว้ นอกจากการเพิ่มจุดแข็งด้านข้อมูลและความสามารถในการเป็น Generative AI แล้ว ทีมวิจัยยังมีแผนจะพัฒนาให้ Pathumma LLM ก้าวสู่การเป็น Agentic AI หรือ AI ที่มีศักยภาพในการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติ เช่น AI ผู้ช่วยส่วนตัวที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลตลาดและซื้อขายหุ้นตามเงื่อนไขให้โดยอัตโนมัติ หรือแชตบอตช่วยแนะนำระบบบริการที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้ใช้งานพร้อมช่วยตรวจสอบสถานะของงานให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งการยกระดับสู่ Agentic AI เป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่ผู้พัฒนาทั่วโลกต่างกำลังให้ความสำคัญ ณ ขณะนี้ด้วยเช่นกัน”
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ถ้าจะ พูดเรื่องสมมุติในภาษาอังกฤษ ต้องพูดอย่างไร คำตอบอยู่ตรงนี้!

พูดเรื่องสมมุติในภาษาอังกฤษ พูดเหมือนของไทยหรือเปล่า
ภาษาไทยและภาษาอังกฤษมีวิธีการพูดเรื่องสมมุติที่คล้ายคลึงกันในแนวคิด แต่แตกต่างกันในเชิงโครงสร้างไวยากรณ์และการเลือกใช้คำ ตัวอย่างเช่น ในภาษาไทยเรามักใช้คำนำหน้าเช่น “ถ้า” หรือ “หาก” เพื่อบอกถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้หรือไม่เป็นจริง เช่น “ถ้าฉันรวย ฉันจะซื้อบ้านหลังใหญ่” ในภาษาอังกฤษจะใช้ “if” เป็นคำเริ่มต้น เช่น If I were rich, I would buy a big house.
ความแตกต่างที่สำคัญ
- โครงสร้างประโยค
- ภาษาไทย: ใช้คำเชื่อมแบบง่ายและมีลำดับคำที่ยืดหยุ่น
- ภาษาอังกฤษ: ต้องการรูปแบบไวยากรณ์ที่ชัดเจน เช่น การเปลี่ยน tense ตามประเภทของสมมุติ
- การแบ่งประเภทของสมมุติ
- ภาษาไทยมักไม่เน้นการแบ่งชัดเจนระหว่างสถานการณ์จริงและไม่จริง
- ภาษาอังกฤษแบ่งสมมุติออกเป็น 3 ประเภทหลัก: สมมุติที่เป็นจริง (Real Conditional), สมมุติที่ไม่จริงในปัจจุบัน (Unreal Present), และสมมุติที่ไม่จริงในอดีต (Unreal Past)
ตัวอย่างการเปรียบเทียบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- ภาษาไทย: ถ้าฝนตก ฉันจะไม่ไปตลาด
- ภาษาอังกฤษ: If it rains, I will not go to the market.
- ภาษาไทย: ถ้าฉันเป็นนก ฉันจะบินได้
- ภาษาอังกฤษ: If I were a bird, I could fly.
เมื่อจะสมมุติต้องพูดอย่างไร
เมื่อพูดถึงเรื่องสมมุติในภาษาอังกฤษ สิ่งสำคัญคือการเลือกใช้โครงสร้างที่เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยมีหลักการเบื้องต้นดังนี้:
- เลือกประเภทของสมมุติ
- Real Conditional (สมมุติที่เป็นจริง) ใช้พูดถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจริงในอนาคต
โครงสร้าง: If + Present Simple, … will + base verb เช่น If I finish my homework, I will watch TV.
- Unreal Present (สมมุติที่ไม่จริงในปัจจุบัน) ใช้พูดถึงสิ่งที่ไม่เป็นจริงในปัจจุบันหรืออนาคต
โครงสร้าง: If + Past Simple, … would/could/might + base verb เช่น “If I were rich, I would travel the world.”
- Unreal Past (สมมุติที่ไม่จริงในอดีต) ใช้พูดถึงสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในอดีต
โครงสร้าง: If + Past Perfect, … would/could/might have + past participle เช่น If I had studied harder, I would have passed the exam.
- คำเชื่อมอื่น ๆ นอกเหนือจาก If
- ใช้ What if เพื่อเริ่มต้นคำถามสมมุติ What if we missed the train?
- ใช้ Suppose หรือ Imagine เพื่อสร้างประโยคสมมุติ Suppose you won the lottery. What would you do?”
โครงสร้างต่าง ๆ ที่นำไปใช้เมื่อพูดเหตุการณ์สมมุติ
- Real Conditional (สมมุติที่เป็นจริง) ใช้พูดถึงสถานการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในปัจจุบันหรืออนาคต
โครงสร้าง: If + Present Simple, … will/can/may + base verb
ตัวอย่าง
If it rains tomorrow, we will cancel the picnic. ถ้าพรุ่งนี้ฝนตกเราจะยกเลิกไปปิคนิคกัน
If you study hard, you can achieve your goals. ถ้าเราเรียนหนักเราจะสำเร็จตามเป้าหมาย
- Unreal Present (สมมุติที่ไม่จริงในปัจจุบัน) ใช้พูดถึงสิ่งที่ไม่เป็นจริงในปัจจุบัน
โครงสร้าง: If + Past Simple, … would/could/might + base verb
ตัวอย่าง
If I were a millionaire, I would buy a mansion. ถ้าฉันเป็นเศรษฐีฉันจะซื้อคฤหาสน์สักหลัง (ความจริง:ในขณะที่พูดฉันไม่ได้เป็นเศรษฐี)
If she knew the answer, she could tell us. ถ้าเธอรู้คำตอบเธอคงบอกเรา (ความจริง:เธอไม่รู้คำตอบ)
- Unreal Past (สมมุติที่ไม่จริงในอดีต) ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในอดีต
โครงสร้าง: If + Past Perfect, … would/could/might have + past participle
ตัวอย่าง
If I had known about the meeting, I would have attended. ถ้าผมรู้เรื่องการประชุมผมคงเข้าร่วมประชุม (ความจริง :เขาไม่รู้ว่ามีการประชุม เขาจึงไม่ได้เข้าร่วมการประชุม)
If they had arrived earlier, they could have caught the train. หากพวกเขามาถึงเร็วกว่านี้ พวกเขาก็คงจะขึ้นรถไฟได้ (ความจริง :พวกเขามาช้า จึงขึ้นรถไฟไม่ทัน)
- การใช้ What if ใช้ตั้งคำถามหรือสมมุติสถานการณ์
ตัวอย่าง
What if we don’t finish the project on time? จะเป็นอย่างไรถ้าเราทำโครงการไม่เสร็จตรงเวลา?
What if you were the CEO of this company? จะเป็นอย่างไรหากคุณเป็น CEO ของบริษัทนี้?
- การใช้ Suppose หรือ Imagine ใช้เพื่อให้ผู้อื่นคิดหรือจินตนาการถึงสถานการณ์สมมุติ
ตัวอย่าง
Suppose you were invisible for a day. What would you do? สมมติว่าคุณล่องหนได้หนึ่งวัน คุณจะทำอะไร?
Imagine living on a deserted island. How would you survive? ลองนึกภาพการใช้ชีวิตบนเกาะร้าง คุณจะรอดได้อย่างไร?
ตัวอย่างประโยค พูดเรื่องสมมุติในภาษาอังกฤษ พร้อมนำไปใช้จริง
- สมมุติเกี่ยวกับอนาคต
- If I get a scholarship, I will study abroad. ถ้าฉันได้ทุนฉันจะไปเรียนต่างประเทศ
- If we win the match, we will celebrate together. ถ้าเราชนะการแข่งขันเราจะฉลองด้วยกัน
- If the weather is nice tomorrow, we can have a picnic. ถ้าพรุ่งนี้อากาศดี เราอาจไปปิกนิกกันได้
- If she applies for the job, she might get it. ถ้าเธอสมัครงานนี้ เธออาจจะได้งาน
- What if the project gets delayed? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าโครงการล่าช้า
- If they arrive early, we will start the meeting on time. ถ้าพวกเขามาเร็ว เราจะเริ่มประชุมตรงเวลา
- If you study harder, you can achieve your dreams. ถ้าคุณขยันเรียนมากขึ้น คุณสามารถทำตามฝันได้
- If I save enough money, I will buy a new car. ถ้าฉันเก็บเงินได้เพียงพอ ฉันจะซื้อรถใหม่
- If we don’t act now, the situation will get worse. ถ้าเราไม่ลงมือทำตอนนี้ สถานการณ์จะแย่ลงกว่าเดิม
- สมมุติเกี่ยวกับปัจจุบัน
- If I were you, I would talk to the manager. ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะไปคุยกับผู้จัดการ
- If she had more time, she could join us for lunch. ถ้าเธอมีเวลามากกว่านี้ เธอคงมาทานข้าวกับเราได้
- If I knew his phone number, I would call him. ถ้าฉันรู้เบอร์โทรศัพท์ของเขา ฉันคงโทรหาเขาแล้ว
- If we lived closer, we could meet more often. ถ้าเราอยู่ใกล้กันมากกว่านี้ เราคงเจอกันบ่อยขึ้น
- If I had enough money, I would buy that house. ถ้าฉันมีเงินเพียงพอ ฉันคงซื้อบ้านหลังนั้นแล้ว
- If I were taller, I could join the basketball team. ถ้าฉันสูงกว่านี้ ฉันคงเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลได้
- สมมุติเกี่ยวกับอดีต
- If I had studied harder, I would have passed the exam. ถ้าฉันตั้งใจเรียนมากกว่านี้ ฉันคงสอบผ่านแล้ว
- If she had called me, I would have helped her. ถ้าเธอโทรหาฉัน ฉันคงช่วยเธอไปแล้ว
- If I had brought my umbrella, I wouldn’t have gotten wet. ถ้าฉันพกร่มมาด้วย ฉันคงไม่เปียกฝน
- If you had told me earlier, I could have prepared better. ถ้าคุณบอกฉันเร็วกว่านี้ ฉันคงเตรียมตัวได้ดีกว่านี้
- If I had taken that opportunity, my life would have been different. ถ้าฉันคว้าโอกาสนั้นไว้ ชีวิตของฉันคงแตกต่างออกไป
- If they had practiced more, they would have won the competition. ถ้าพวกเขาฝึกซ้อมมากกว่านี้ พวกเขาคงชนะการแข่งขัน
- ตัวอย่างสถานการณ์สมมุติในชีวิตประจำวัน
- If I had more free time, I would exercise every morning. ถ้าฉันมีเวลาว่างมากกว่านี้ ฉันจะออกกำลังกายทุกเช้า
- If you cooked dinner, I could wash the dishes. ถ้าคุณทำอาหารเย็น ฉันจะล้างจานให้
- If we didn’t have this meeting today, I would go to the park. ถ้าเราไม่มีประชุมวันนี้ ฉันจะไปสวนสาธารณะ
- If she knew how to drive, she could take the car to work. ถ้าเธอขับรถได้ เธอจะสามารถขับรถไปทำงาน
- If I were you, I would ask for help from a friend. ถ้าฉันเป็นคุณ ฉันจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อน
- What if it rains tomorrow? Should we bring umbrellas? ถ้าฝนตกพรุ่งนี้ล่ะ? เราควรเอาร่มไปไหม?
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
“สับปะรด” มีประโยชน์กับผู้หญิงอย่างไร กินบ่อยๆ ดีต่อสุขภาพจริงหรือ

สับปะรดอัดแน่นไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และสารประกอบอื่นๆ ที่มีประโยชน์ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการอักเสบและโรคต่างๆ ได้ ในขณะที่สับปะรดและสารประกอบต่างๆ ในสับปะรดมีความเชื่อมโยงกับประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย คุณอาจสงสัยว่าผลไม้รสหวานชนิดนี้มีข้อดีใดบ้างสำหรับผู้หญิง บทความนี้จะทบทวนประโยชน์ต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นของสับปะรดสำหรับผู้หญิง
ถ้าผู้หญิงกิน “สับปะรด” ทุกวัน จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย
อาจช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
โรคกระดูกพรุนเป็นโรคที่มีลักษณะเฉพาะคือกระดูกอ่อนแอและเปราะบาง เนื่องจากการลดลงของความหนาแน่นของมวลกระดูก เป็นภาวะที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการแตกหักของกระดูก ซึ่งอาจทำให้ทุพพลภาพอย่างมากและอาจต้องผ่าตัด แม้ว่าใครก็ตามสามารถพัฒนาโรคนี้ได้ แต่โรคกระดูกพรุนพบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึงสี่เท่า
สารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพกระดูกอย่างหนึ่งคือวิตามินซี ซึ่งได้รับการแสดงให้เห็นว่าช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์สร้างกระดูกและปกป้องเซลล์กระดูกจากความเสียหาย ในความเป็นจริง การได้รับวิตามินซีในปริมาณที่เพียงพอเชื่อมโยงกับความหนาแน่นของมวลกระดูกที่สูงขึ้น และลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนและการแตกหักของกระดูก
การทบทวนการศึกษา 13 ชิ้นพบว่าบุคคลที่รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีบ่อยขึ้นมีความเสี่ยงในการพัฒนาโรคกระดูกพรุนต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ และอุบัติการณ์การแตกหักของสะโพกลดลง 34%
สับปะรดหั่นเต๋าเพียง 1 ถ้วย (165 กรัม) ให้วิตามินซี 88% ของมูลค่ารายวัน (DV) นอกจากนี้ยังมีแมกนีเซียม 5% ของ DV ซึ่งมีความสำคัญต่อการรักษากระดูกให้แข็งแรง
ดังนั้น การรวมสับปะรดเข้ากับอาหารของคุณอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพกระดูกและช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้
อาจให้สารอาหารที่สำคัญระหว่างตั้งครรภ์
แม้จะมีข้อกล่าวอ้างว่าการรับประทานสับปะรดอาจเป็นอันตรายระหว่างตั้งครรภ์ แต่ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใดที่พิสูจน์แนวคิดนี้ได้ ในทางกลับกัน สับปะรดสามารถเป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างมากในอาหารของคุณขณะตั้งครรภ์
ถึงแม้จะต้องการในปริมาณน้อย ทองแดงเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ในระหว่างตั้งครรภ์ ความต้องการทองแดงของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็น 1 มก. ต่อวัน เพื่อรองรับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ทองแดงยังจำเป็นสำหรับการพัฒนาหัวใจ หลอดเลือด ระบบโครงกระดูก และระบบประสาทของลูกน้อย
สับปะรดหั่นเต๋าหนึ่งถ้วย (165 กรัม) ให้ทองแดงประมาณ 18% ของ DV สำหรับการตั้งครรภ์
สับปะรดยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินบีหลายชนิด ได้แก่
- วิตามินบี 1 (ไทอามีน)
- วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน)
- วิตามินบี 9 (โฟเลต)
แม้ว่าวิตามินบีแต่ละชนิดจะมีบทบาทเฉพาะของตัวเอง แต่โดยทั่วไปแล้ววิตามินบีมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาที่เหมาะสมของลูกน้อย
นอกจากนี้ สับปะรดยังมีวิตามินซีและแร่ธาตุต่างๆ ในปริมาณเล็กน้อย เช่น เหล็ก สังกะสี และแคลเซียม ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อการตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดี
อาจมีฤทธิ์ต้านมะเร็งเต้านม
มะเร็งเต้านมเป็นหนึ่งในมะเร็งชนิดที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง โดยคิดเป็นประมาณ 25% ของการวินิจฉัยมะเร็งทั้งหมดในผู้หญิง
สับปะรดมีโบรเมลินในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ได้รับการแนะนำว่ามีฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม แม้ว่าการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์จะแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ promising ของโบรเมลินในการรักษามะเร็งเต้านม แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยในมนุษย์เพื่อยืนยันคุณสมบัติเหล่านี้
นอกจากนี้ เนื่องจากการศึกษาเหล่านี้ใช้โบรเมลินในปริมาณเข้มข้น ปริมาณที่พบในสับปะรดจึงน่าจะน้อยเกินกว่าที่จะได้รับประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญ
การวิจัยเบื้องต้นยังได้เสนอแนะความเชื่อมโยงระหว่างการลุกลามของมะเร็งเต้านมกับน้ำส้มสายชูสับปะรด ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและทำจากการหมักน้ำสับปะรด
การศึกษาหนึ่งในหนูเป็นเวลา 28 วันพบว่าการรักษาด้วยน้ำส้มสายชูสับปะรดทุกวันช่วยลดการลุกลามของเนื้องอกมะเร็งเต้านมได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันในมนุษย์
ข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว สับปะรดถือว่าปลอดภัยสำหรับผู้หญิงส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีความเป็นกรดสูง การรับประทานสับปะรดอาจทำให้เกิดอาการเสียดท้องหรือกรดไหลย้อนเพิ่มขึ้นในผู้ที่มีโรคกรดไหลย้อน
นอกจากนี้ หากคุณมีอาการแพ้ใดๆ หลังจากรับประทานสับปะรด สิ่งสำคัญคือต้องติดต่อผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณ สัญญาณของการแพ้อาจรวมถึง
- อาการคันหรือบวมที่ปาก
- หายใจลำบาก
- ลมพิษหรือผื่นบนผิวหนัง
- คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล
หากคุณมีอาการแพ้ยางพารา คุณอาจมีแนวโน้มที่จะมีอาการแพ้สับปะรดมากขึ้น ซึ่งเรียกว่ากลุ่มอาการแพ้ยางพารา-ผลไม้ และเป็นผลมาจากสับปะรดและยางพารามีโปรตีนที่คล้ายกัน
โบรเมลินที่พบในสับปะรดยังได้รับการแสดงให้เห็นว่าสามารถเพิ่มผลของยาบางชนิด ได้แก่
- ยาปฏิชีวนะ
- ยาลดการแข็งตัวของเลือด
- ยาแก้ซึมเศร้า
ดังนั้น หากคุณใช้ยาเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง ขอแนะนำให้ปรึกษาผู้ให้บริการด้านสุขภาพของคุณเกี่ยวกับปริมาณสับปะรดที่ปลอดภัยสำหรับคุณในการบริโภค
สุดท้าย น้ำสับปะรดเชิงพาณิชย์หลายชนิดมีน้ำตาลเติมในปริมาณมาก อาหารที่มีเครื่องดื่มรสหวานสูงเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอ้วน ดังนั้น การดื่มน้ำสับปะรดหวานบ่อยๆ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณได้ หากคุณซื้อน้ำสับปะรด ให้มองหาน้ำผลไม้ 100% ที่ไม่มีน้ำตาลเติม
สับปะรดเป็นผลไม้ที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับทุกคน การรับประทานสับปะรดอาจมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง เนื่องจากปริมาณวิตามินซีสูงมีบทบาทสำคัญในการบำรุงกระดูกให้แข็งแรงและลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน นอกจากนี้ สับปะรดยังให้สารอาหาร เช่น ทองแดงและวิตามินบีหลายชนิด ซึ่งมีความสำคัญระหว่างตั้งครรภ์
หากคุณต้องการเพิ่มผลไม้เมืองร้อนชนิดนี้ในอาหารของคุณ ลองเพิ่มสับปะรดแช่แข็งลงในสมูทตี้ หรือย่างสับปะรดสดเป็นวงสำหรับเป็นของหวานเพื่อสุขภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17/02/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 46,150.00 | 46,250.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,989.00 | 45,313.24 | 46,750.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,690.10 | 40,781.92 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,391.20 | 36,250.59 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,345.00 | 20,390.20 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,046.00 | 15,857.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,097.00 | 46,950.52 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17/02/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.35 | 35.35 | 35.85 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 | 35.35 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.98 | 34.98 | 35.48 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 | 34.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.14 | 33.14 | 33.64 | 33.14 | 33.14 | – | 33.14 | 33.14 | 33.14 | 33.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.09 | 32.09 | – | – | – | – | – | – | – | 32.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.94 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 43.94 |
เบนซิน 95 | 43.64 | – | – | – | 49.81 | – | 44.14 | 43.79 | – | 43.64 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |