สาระน่ารู้ประจำวันที่ 17 มีนาคม 2568

นายกส.ธุรกิจรับสร้างบ้านแนะ 7 เช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจสร้างบ้าน

นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน แนะ7 เช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจสร้างบ้านในงาน รับสร้างบ้าน Focus 2025 ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมภายในงาน 4,000 ล้

หากพูดถึงการสร้างบ้านในประเทศไทย หลายคนคงรู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในยุคที่ความคาดหวังสูงขึ้นพร้อมกับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว การสร้างบ้านในฝันจึงต้องการทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญ และที่สำคัญคือความน่าเชื่อถือจากผู้ให้บริการที่เราจะเลือกมาเป็นคู่ค้าในการสร้างอนาคตที่เราต้องการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “HOME เพราะบ้าน คือจุดเริ่มต้นของความสุข” งาน ‘รับสร้างบ้าน Focus 2025’ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 16 มีนาคม 2568 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 8 กำลังจะทำให้หลายคนมีโอกาสเลือกบ้านในฝันที่ตรงใจ พร้อมโปรโมชันพิเศษที่ไม่ควรพลาด!

การจัดงาน ‘รับสร้างบ้าน Focus 2025’ ถือเป็นการรวมพลของผู้ประกอบการรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพและมาตรฐานจากทั่วประเทศ ภายใต้เป้าหมายที่ใหญ่ในการกระตุ้นตลาดบ้านในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ทั้งการจัดแสดงบ้านสวยกว่า 1,000 แบบ ทุกสไตล์ ทุกระดับราคา ตั้งแต่ราคา 1 ล้านต้น ๆ จนถึง 100 ล้านบาท และที่สำคัญคือ โปรโมชั่นสุดพิเศษจากธนาคารชั้นนำ รวมถึงการลุ้นทองคำแท่งมูลค่ากว่า 350,000 บาทที่เฉพาะผู้จองภายในงานเท่านั้นจะได้ลุ้น!

นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวไว้ว่า งานนี้ไม่ได้เป็นแค่แสดงบ้านสวย ๆ แต่เป็นการยกระดับมาตรฐานการบริการของบริษัทรับสร้างบ้านทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ด้วยบริการที่ครบวงจรและตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้การสร้างบ้านเป็นเรื่องง่ายและสำเร็จตามแผนงาน

7 เช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจสร้างบ้าน!

“ก่อนตัดสินใจสร้างบ้าน สิ่งสำคัญคือการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีคุณภาพและเชี่ยวชาญ” นายอนันต์กร ย้ำ

สัญญาที่เป็นธรรมและถูกต้องตามกฎหมาย – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสัญญามีข้อกำหนดที่ชัดเจนและครอบคลุมทั้งเรื่องระยะเวลาและคุณภาพงาน

สะดวกสบายและบริการครบวงจร – เลือกบริษัทที่สามารถให้บริการทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการขออนุญาตและการจัดการการก่อสร้างอย่างมืออาชีพ

งานจบ งบไม่บานปลาย – ควบคุมงบประมาณให้ไม่เกินจากที่ตั้งไว้ด้วยการเลือกบริษัทที่มีการวางแผนและบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ

สมาชิกของสมาคมฯ – บริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ผ่านการคัดกรองและมีมาตรฐานที่คุณสามารถมั่นใจได้

สมาคมฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมภายในงานที่ 4,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดจองภายในงาน 3,000 ล้านบาท และยอดจองหลังงาน 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นตลาดรับสร้างบ้านให้กลับมาคึกคัก และคาดการณ์ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดบ้านในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในงานนี้ นอกจากโปรโมชั่นที่น่าสนใจแล้ว ยังมีโอกาสให้ผู้บริโภคได้พบกับผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาเรื่องแบบบ้านที่ต้องการ รวมถึงการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพตามมาตรฐาน พร้อมกับข้อเสนอพิเศษที่มีเฉพาะภายในงานเท่านั้น

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ตลาดสำนักงานกทม.ปิดดีลรอบ20ปีมูลค่า7.8หมื่นล้าน!เกรดบีมาแรง

คอลลิเออร์ส เผยตลาดสำนักงานกทม.ปิดดีลในรอบ 20 ปี มูลค่า 7.8 หมื่นล้าน! นักลงทุนแห่ซื้อเกรดบี รีโนเวทอัพค่าเช่าสร้างผลตอบแทน 6.5%-7.5% ต่อปี

หากมองย้อนกลับไปในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ของความต้องการและความนิยมจากนักลงทุน สัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสข่าวการซื้อขายอาคารสำนักงานในย่านพระราม 9 ด้วยมูลค่าเกือบ 7,000 ล้านบาท กลับกลายเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายต้องตั้งคำถามเกี่ยวกับราคาอาคารสำนักงานที่ดูเหมือนจะสูงเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการซื้อขายในอดีต

ข้อมูลจาก คอลลิเออร์ส ประเทศไทย จะทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าราคานี้ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับตลาดอาคารสำนักงานกรุงเทพฯ เนื่องจากในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายในตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ รวมทั้งสิ้น 78,387 ล้านบาท โดยมาจากการซื้อขายอาคารสำนักงาน 40 แห่ง และพื้นที่เช่ารวมถึง 1.29 ล้านตารางเมตร ซึ่งทำให้คอลลิเออร์สวิเคราะห์ว่า อาคารสำนักงาน”เกรดบี” กำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากนักลงทุนในทุกช่วงเวลา

สำนักงานกรุงเทพฯความต้องการที่ไม่เคยหยุด

ภาพรวมของตลาดในกรุงเทพฯ นั้นบ่งชี้ว่า 56.8% ของพื้นที่สำนักงานที่มีการซื้อขายตั้งอยู่ในย่าน ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) เช่น สุขุมวิท, สีลม, สาทร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับการลงทุนจากทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ตลาดที่ใหญ่ที่สุดและมีความต้องการสูงสุดจะยังคงอยู่ใน ย่าน”ใจกลางเมือง” เพราะเป็นทำเลที่มีการเข้าถึงง่าย และมีความคุ้มค่าในการลงทุนสูง โดยเฉพาะอาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่ใน”ทำเลดี”สามารถดึงดูดผู้เช่าได้อย่างต่อเนื่อง

ในทางกลับกัน อาคารสำนักงาน”เกรดบี” กลับเป็นตัวเลือกที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด เนื่องจากราคาซื้อขายที่ไม่สูงเกินไป แต่ยังคงมีศักยภาพในการปรับปรุงและรีโนเวทให้มีมูลค่าที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเช่าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หลายอาคารในพื้นที่ที่มีราคาไม่สูง แต่ตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เช่าได้ เป็นหนึ่งในโอกาสที่นักลงทุนสามารถเข้าถึงได้

ปีที่ดีที่สุดในตลาด2560 

ปี 2560 ถือเป็นปีที่ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดถึง 15,000 ล้านบาท จากการซื้อขายอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ในย่าน สาทร ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวของตลาดในขณะนั้น เนื่องจากการ”ขาดแคลน”อุปทานของพื้นที่อาคารสำนักงานเกรดเอในช่วงปี 2558-2562 ทำให้ กองทุน และ นักพัฒนาโครงการ ให้ความสนใจในการลงทุนในอาคารสำนักงานเกรดเอในทำเลที่สำคัญต่างๆ เช่น สุขุมวิท, สีลม และสาทร เพราะตลาดกำลังเติบโตและอัตราค่าเช่ายังสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

สัญญาณเตือนซัพพลายล้น
 

แต่หลังจากปี 2564 เป็นต้นมากลับพบว่า อุปทานใหม่ ของพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ เริ่มมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 2564-2567 นี้คาดว่าจะมีพื้นที่สำนักงานใหม่เข้าสู่ตลาดมากถึง 1.26 ล้านตารางเมตร และยังมีพื้นที่ที่รอการเปิดตัวในอนาคตอีกกว่า 700,000 ตารางเมตร ซึ่งสาเหตุนี้เองที่ทำให้ อัตราการ”ว่าง”ของพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ เริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักลงทุนหลายรายตัดสินใจ”ชะลอ”การลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากความกังวลว่าตลาดอาจไม่สามารถดูดซับอุปทานใหม่ได้ทัน

ความคุ้มค่าในการลงทุน”ทำเล-เกรดอาคาร”

ในส่วนของนักลงทุนที่ยังคงมองหาการลงทุนในตลาดอาคารสำนักงาน จะเริ่มมองหาผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 6.5% – 7.5% ต่อปี หากการลงทุนให้ผลตอบแทนสูงกว่านี้ ก็ถือเป็น”โอกาส”ที่น่าสนใจ การลงทุนในอาคารสำนักงาน”เกรดบี”ที่สามารถรีโนเวทหรือปรับปรุงได้ เพื่อเพิ่มค่าเช่าในระยะยาว จึงเป็น”ทางเลือก”ที่หลายคนเลือกใช้ เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากมูลค่าการซื้อขายรวมของตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯสูงถึง 78,387,901,870 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่สำนักงานให้เช่าทั้งหมด 1,294,906 ตารางเมตร และกระจายอยู่ใน 40 อาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ  พบว่า อาคารสำนักงาน”เกรดบี”มีการซื้อขายด้วยพื้นที่ให้เช่ารวมมากที่สุด  982,374 ตารางเมตร คิดเป็นสัดส่วน 75.86 %ของพื้นที่เช่าทั้งหมด

ตามมาด้วยอาคารสำนักงาน”เกรดเอ”ที่มีพื้นที่เช่ารวม 272,906 ตารางเมตร คิดเป็นสัดส่วน 21.08% และอาคารสำนักงาน”เกรดซี”มีพื้นที่เช่ารวม 39,626 ตารางเมตร คิดเป็นสัดส่วน3.06% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาคารสำนักงานเกรดบีได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มนักลงทุน

ตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ยังคงมีการเติบโตและมีความท้าทายในตัวเอง ทั้งการเพิ่มขึ้นของอุปทานใหม่ที่อาจทำให้ตลาดมีการ”ชะลอตัว”ในบางพื้นที่ แต่ด้วยทำเลที่ดีและการเลือกประเภทของอาคารที่เหมาะสม เช่น การลงทุนใน อาคารเกรดบี ที่สามารถปรับปรุงและรีโนเวทได้ ทำให้ยังคงมี”โอกาส”ในการทำกำไรที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่รอบคอบ

หากนักลงทุนสามารถจับจังหวะตลาดได้อย่างถูกต้องและเลือกทำเลที่ดี รวมถึงการปรับปรุงอาคารให้ทันสมัย ก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าการลงทุนได้ในระยะยาวและสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อการลงทุน

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17มี.ค.“อ่อนค่าลง เล็กน้อยแทบไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 33.67 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways แต่เสี่ยงผันผวนสูง ท่ามกลางการประชุมธนาคารกลางหลัก จับตาทิศทางเงินหยวนที่อาจอ่อนไหวตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้17 มี.ค.2568ที่ระดับ  33.67 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลง เล็กน้อยแทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  33.64 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.59-33.70 บาทต่อดอลลาร์) โดยในช่วงแรก

 แม้ว่าเงินบาทอาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า จากการปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (New All-Time High) ของราคาทองคำ แต่ทว่า เงินบาทก็พลิกกลับมาทยอยอ่อนค่าลงบ้าง หลังราคาทองคำเผชิญแรงขายจากบรรดาผู้เล่นในตลาด

 ส่วนเงินดอลลาร์ก็ยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง กดดันสกุลเงินหลัก อย่าง เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดก็ยังไม่รีบปรับเปลี่ยนสถานะถือครองเงินดอลลาร์เพิ่มเติม เพื่อรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟดในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้

สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น ตามอานิสงส์ของการปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของราคาทองคำ ส่วนเงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดทยอยลดความเชื่อมั่นธีม US Exceptionalism

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด BOE และ BOJ พร้อมทั้งรอติดตามแนวโน้มการเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน และประเด็นการเมืองเยอรมนี

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยเราประเมินว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25-4.50% เพื่อรอประเมินผลกระทบจากการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 ให้แน่ชัด

โดยเฉพาะในส่วนของนโยบายกีดกันทางการค้าที่มีความไม่แน่นอนอยู่สูง ทั้งนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจ (Summary of Economic Projections) และคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ใหม่

โดยเราประเมินว่า เฟดอาจคงคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจส่วนใหญ่ แต่อาจปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ PCE ในปีนี้ ได้บ้าง ขณะที่ Dot Plot ใหม่อาจยังคงไม่ต่างจากการประชุมเดือนธันวาคมปีก่อน ที่สะท้อนว่า เฟดจะทยอยลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอาจลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง ในปีนี้

และเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้ง ในปีหน้า ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะยาว (Longer run) อาจสูงกว่าระดับ 3.00% เล็กน้อย นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมทั้งรอติดตามพัฒนาการของการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ฝั่งยุโรป – บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เราประเมินว่า อัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Wage Growth) ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและอาจสร้างความเสี่ยงด้านสูงต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ อาจทำให้ BOE เลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.50% ไปก่อน

ทว่า BOE ก็อาจทยอยลดดอกเบี้ยลงได้บ้าง หากมั่นใจแนวโน้มการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การกู้เงินของรัฐบาลเยอรมนี ว่าจะสามารถได้รับเสียงสนับสนุนได้อย่างที่ตลาดคาดหวังหรือไม่ 

▪ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยเราประเมินว่า BOJ อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ เพื่อรอติดตามผลการเจรจาต่อรองค่าจ้าง

รวมถึงประเมินผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ให้ครบถ้วนเสียก่อน อีกทั้ง การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ในช่วงที่ผ่านมาก็อาจทำให้ BOJ ยังไม่เร่งรีบที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เช่นเดียวกันกับธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) และธนาคารกลางไต้หวัน (CBC) ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.75% และ 2.00% ตามลำดับ

นอกเหนือจากผลการประชุมธนาคารกลางดังกล่าว บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) รวมถึงยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน พร้อมทั้งรอติดตามภาวะตลาดอสังหาฯ ของจีน ผ่านรายงานราคาบ้านมือหนึ่งและมือสอง (Home Prices) อีกด้วย

▪ ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานยอดการค้าระหว่างประเทศ (Exports & Imports) เดือนกุมภาพันธ์ โดยยอดการส่งออกอาจขยายตัวต่อเนื่อง หนุนโดยการเร่งนำเข้าของบรรดาประเทศคู่ค้า เพื่อรับมือความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

สำหรับ แนวโน้มเงินบาท นั้น หากประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทยังอยู่ในแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น หรือ แกว่งตัว Sideways จนกว่าจะสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาทที่อาจสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะในสัปดาห์แห่งการประชุมของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้งนี้ เงินบาทยังมีโซนแนวต้านสำคัญแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่โซนแนวรับสำคัญจะอยู่ในช่วง 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 33.30 บาทต่อดอลลาร์)

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เงินบาทมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways แต่เสี่ยงผันผวนสูง ท่ามกลางการประชุมธนาคารกลางหลัก อีกทั้งราคาทองคำก็เริ่มเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นและอาจอยู่ในช่วงพักฐาน (ในแนวโน้มขาขึ้น)

ส่วนฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หากบรรยากาศในตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น อาจได้ลุ้นเห็นแรงซื้อหุ้นไทยกลับมา นอกจากนี้ ควรจับตาทิศทางเงินหยวนจีน (CNY) ที่อาจอ่อนไหวไปตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของจีน

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจพอได้แรงหนุน จากความกังวลแนวโน้มนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงแนวโน้มเฟดไม่เร่งรีบลดดอกเบี้ย ทว่า ความเชื่อมั่นในธีม US Exceptionalism ที่ลดลง จะยังคงกดดันเงินดอลลาร์อยู่

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.35-34.10 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.80 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ลิเวอร์พูล พบ นิวคาสเซิ่ล: ตัวจริงน่าผิดหวัง, เคียซ่า พึ่งพาได้! ตัดเกรดแข้งหงส์นัดชิงคาราบาว คัพ

11 ตัวจริงของลิเวอร์พูลทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน แต่ตัวสำรองอย่าง เฟเดริโก้ เคียซ่า และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ทำผลงานได้ดีเยี่ยม น่าเสียดายที่ลงสนามช้าไปหน่อย ในเกมแพ้ นิวคาสเซิ่ล 1-2 ชวดแชมป์คาราบาว คัพ อย่างน่าเสียดาย

11 ตัวจริง

ควีวิน เคลเลเฮอร์ : 6

มีจังหวะเซฟสำคัญพอสมควร โดยเฉพาะเซฟลูกยิงของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค 2 ครั้ง ส่วนจังหวะเสียประตูหมดสิทธิ์ป้องกัน

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน : 5

พยายามเติมเกมบุกอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ค่อยสัมฤทธิ์ผล จังหวะการเปิดบอลไม่แม่นยำ ที่สำคัญปล่อยให้ เจค็อบ เมอร์ฟีย์ ได้โหม่งง่ายๆ จนนำไปสู่การเสียประตูที่สอง 

เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ : 5.5

ครึ่งแรกจัดการกับลูกโด่งได้ดี แต่จังหวะเสียประตูที่สองยืนห่าง อิซัค ทำให้ ดาวยิงสวีดิช ได้ซัดสบายๆ 

อิบราฮิม่า โกนาเต้ : 5.5

เคลียร์บอลสำคัญก่อนที่ อิซัค จะได้โอกาสยิงประตู เล่นเกมรับได้เหนียวแน่น  น่าเสียดายที่มีอาการเหนื่อยล้าทำให้ต้องเปลี่ยนตัวออก

จาเรลล์ ควอนซาห์ : 4

ทำหน้าที่แบ็กขวาจำเป็น แต่เล่นได้น่าผิดหวัง เกมรับก็แย่เกมรุกก็ทำได้ไม่ดี โดน ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ปั่นป่วนตลอด ช่วงครึ่งหลังขยับมาเล่นเซนเตอร์แบ็ก แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรทีมมากนัก 

อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ : 4.5

เล่นเกมรุกได้ดุดัน แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ล้าทำให้ขาดความแม่นยำในการส่งบอล บางจังหวะปล่อยให้ นิวคาสเซิ่ล ได้เล่นสบายๆ มีส่วนที่ปล่อยให้ แดน เบิร์น ได้โหม่งสบายๆ ในจังหวะประตูแรก 

ไรอัน กราเฟนแบร์ก : 4

ไม่มีบทบาทในแดนกลางเลย โดนแผงมิดฟิลด์ นิวคาสเซิ่ล เล่นงานตลอด บางครั้งทำบอลลั่นง่ายๆ การขึ้นเกมบุกไม่มีให้เห็น 

โดมินิค โซโบซไล : 5.5

จุดเด่นที่สุดคือพละกำลัง พยายามวิ่งไปทั่วสนาม แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถพลิกเกมให้ทีมได้ 

หลุยส์ ดิอาซ : 4

มีจังหวะใช้ความเร็วแต่ไม่สามารถจัดการกับ คีแรน ทริปเปียร์ ได้ สร้างโอกาสโหม่งตั้งให้ โชต้า ได้ลุ้นยิงประตูช่วงทดเจ็บครึ่แรก 

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ : 3.5

ไร้บทบาทตลอดทั้งเกม แทบไม่ได้โอกาสในการลากเลื้อย โดนเกมรับของ นิวคาสเซิ่ล เล่นงานจนทำอะไรไม่ได้เลย 

ดีโอโก้ โชต้า : 3 

ไม่ได้สร้างความอันตรายให้เกมรับ นิวคาสเซิ่ล เลย คุกคามกองหลังคู่แข่งไม่ได้เลย มีโอกาสช่วงทดเจ็บครึ่งแรกแต่ดันยิงแบบไม่มีลุ้น 

ตัวสำรองที่ได้ลงสนาม

ดาร์วิน นูนเญซ (แทน ดีโอโก้ โชต้า น. 57)   : 5

พยายามเล่นลูกกลางอากาศ ลงมาช่วยเกมรับทุกครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้สร้างความอันตรายในแดนหน้ามากนัก

เคอร์ติส โจนส์ (แทน อิบราฮิม่า โกนาเต้  น. 57) : 5.5

ช่วยเพิ่มพลังในแดนกลางให้ทีม เกือบยิงประตูได้ การขยันวิ่งช่วยทำให้แดนกลางลิเวอร์พูลมีความอันตรายมากขึ้น

โกดี้ คักโป (แทน อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ น. 67) : 4

สภาพร่างกายที่ไม่ฟิตเต็มร้อยทำให้ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกมาได้ บางครั้งครองบอลนาน บางจังหวะผ่านบอลขาดๆ เกินๆ 

เฟเดริโก้ เคียซ่า (แทน ไรอัน กราเฟนแบร์ก น. 74) : 7.5

ทำให้แดนหน้าลิเวอร์พูลมีมิติมากขึ้น เทคนิคดี ขยันวิ่งหาพื้นที่ว่าง การจบสกอร์เฉียบคม 

ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ (แทน หลุยส์ ดิอาซ น. 74) :7

ความเร็วและความคล่องตัวทำให้เกมรับ นิวคาสเซิ่ล เจอกับปัญหา ขยันวิ่งไล่บอล ผ่านบอลเฉียบคมให้ เคียซ่า ซัดประตูตีไข่แตก 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


10 พฤติกรรมทำร้ายใจแบบไม่รู้ตัว เลิกเถอะ ก่อนสุขภาพจิตพัง

สุขภาพจิตเป็นเรื่องสำคัญที่เรามักมองข้าม บางครั้งพฤติกรรมที่ทำจนเคยชินอาจเป็นตัวการบั่นทอนจิตใจโดยไม่รู้ตัวโดยเฉพาะกับคุณผู้หญิงที่ต้องรับมือกับบทบาทและความคาดหวังรอบด้าน ดังนั้น มาลองสำรวจตัวเองกันดูค่ะว่าคุณกำลังเผลอทำ 10 พฤติกรรมนี้อยู่หรือไม่

10 พฤติกรรมทำร้ายใจแบบไม่รู้ตัว

1.ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

โซเชียลมีเดียทำให้เรามองเห็นชีวิตของคนอื่นตลอดเวลา จนบางครั้งก็หลงไปเปรียบเทียบโดยไม่รู้ตัว จำไว้ค่ะสาว ๆ ทุกคนมีเส้นทางของตัวเอง และสิ่งที่เราเห็นอาจเป็นเพียงแค่ภาพที่เขาสร้างขึ้นมา ดังนั้น อย่าให้การเปรียบเทียบมาทำลายความสุขของคุณได้

2.แบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว

ผู้หญิงหลายคนมักมีบทบาทเป็นผู้ให้ แต่การพยายามจัดการทุกอย่างคนเดียว อาจทำให้คุณเครียดเกินไป ลองขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างบ้าง การพึ่งพาคนอื่นไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่จะช่วยให้คุณมีพลังมากขึ้น

3.กลัวจะทำให้คนอื่นผิดหวัง

การพยายามทำให้ทุกคนพอใจ อาจทำให้คุณละเลยความต้องการของตัวเอง อย่าลืมว่าคุณไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ทั้งหมด หัดปฏิเสธบ้างเมื่อจำเป็น แล้วให้เวลากับตัวเองมากขึ้น

4.กดดันตัวเองมากเกินไป

ความสมบูรณ์แบบไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง บางครั้งเราคาดหวังกับตัวเองสูงจนลืมให้ความเมตตากับตัวเอง จึงควรเรียนรู้จากข้อผิดพลาด และให้เวลากับการเติบโตแทนการตำหนิตัวเองดูบ้าง

5.ฝืนอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ

ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบคู่รัก เพื่อน หรือครอบครัว หากทำให้คุณรู้สึกแย่อยู่ตลอดเวลา ลองทบทวนดูว่าควรเดินออกมาหรือไม่ ความสัมพันธ์ที่ดีควรเติมเต็ม ไม่ใช่ทำให้คุณหมดพลัง

6.อดทนกับงานที่บั่นทอนสุขภาพจิต

หากงานที่ทำพาให้คุณผู้หญิงต้องมานั่งเครียด กดดัน และหมดไฟอยู่ตลอดเวลา ลองพิจารณาหาทางออกใหม่ ๆ อย่าปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับสิ่งที่ทำให้ไม่มีความสุข เพียงเพราะความกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง

7.ไม่ให้เวลากับตัวเองเลย

ชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย อาจทำให้คุณลืมดูแลตัวเอง ลองหาเวลาทำสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือแค่ได้นั่งเงียบ ๆ สักพัก การให้เวลากับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเติมเต็มพลังให้ชีวิตนะคะ

8.เก็บทุกอย่างมาคิดมาก

คิดมากเกินไป อาจทำให้คุณเครียดโดยไม่จำเป็น ฝึกปล่อยวางกับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ และโฟกัสกับปัจจุบันแทน ลองฝึกสติหรือทำสมาธิ เพื่อช่วยลดความกังวลภายในจิตใจ

9.ไม่ยอมปล่อยวางอดีต

เราทุกคนต่างมีอดีตที่อาจทำให้เจ็บปวด แต่อย่าปล่อยให้เรื่องเหล่านั้นมาฉุดรั้งชีวิตของคุณ ลองมองไปข้างหน้า และใช้ประสบการณ์ในอดีตมาเป็นบทเรียนแทนที่จะเป็นภาระทางใจ

10.มองข้ามสุขภาพกาย

สุขภาพกายและสุขภาพจิตใจ เชื่อมโยงกันโดยตรง การอดนอน กินอาหารไม่ดี หรือไม่ออกกำลังกาย อาจทำให้จิตใจแย่ลงได้ จึงควรปรับเปลี่ยนด้วยการดูแลตัวเองให้ดีทั้งร่างกายและจิตใจ แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หากคุณพบว่าตัวเองกำลังทำพฤติกรรมเหล่านี้ อย่าโทษตัวเอง แต่ให้เริ่มเปลี่ยนแปลงทีละนิด สุขภาพจิตที่ดีต้องเริ่มจากการดูแลตัวเองก่อน แล้วคุณผู้หญิงจะพบว่าชีวิตมีความสุขขึ้นอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ดีอี เตือน “มิจฉาชีพ” ปล่อยข่าวปลอม ยืนยันตัวตนรับเงิน10,000 เฟส 3

“ดีอี” เตือน “มิจฉาชีพ” ปล่อยข่าวปลอม “รีบยืนยันตัวตนรับเงิน10,000 เฟส3 ก่อนโดนตัดสิทธิ์” เสี่ยงสูญข้อมูลส่วนบุคคล- ทรัพย์สิน

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 7 – 13 มีนาคม 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 831,525 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 655 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 617 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 36 ข้อความ และผ่านชองทาง Facebook จำนวน 2 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 206 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 79 เรื่อง

ทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 102 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 63 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 14 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 4 เรื่อง

กลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 23 เรื่อง

นายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ พบว่าเป็นข่าวเกี่ยวกับโครงการของรัฐ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัล วอลเล็ต การให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ การรับสมัครงาน ซึ่งมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน และวิตกกังวลได้ รวมทั้งอาจเกิดความเสียหายต่อข้อมูลส่วนบุคคล และทรัพย์สิน โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง รีบยืนยันตัวตนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ก่อนโดนตัดสิทธิ์

อันดับที่ 2 : เรื่อง เพจใบขับขี่ออนไลน์ทุกชนิด ลดราคาใบขับขี่ ผู้ใช้งานใหม่ 1,500 บาท

อันดับที่ 3 : เรื่อง ธ.ออมสิน ปล่อยกู้รายละ 800,000 บาท ดอกเบี้ย 0.5% ต่อเดือน เปิดลงทะเบียนถึงวันที่ 31 มี.ค. 68

อันดับที่ 4 : เรื่อง เรือนจำไทย มีขาใหญ่ นช.สมเด็จ ดูแลนักโทษ เงินหมุนเวียน เข้าบัญชีม้า 10-20 ล้านบาท

อันดับที่ 5 : เรื่อง ธนาคารออมสิน เปิดให้กู้ทุกอาชีพ วงเงิน 100,000 บาท ติดต่อผ่าน TikTok amy1994_16

อันดับที่ 6 : เรื่อง รับสมัครงานเกษตร ประเทศออสเตรเลีย ติดต่อผ่านเพจ บริษัทจัดหางานเอกชน

อันดับที่ 7 : เรื่อง สามารถติดต่อ กฟภ. ได้ผ่านช่องทาง Line ID pea214414

อันดับที่ 8 : เรื่อง เพจชนิชา /รับทำใบอนุญาตขับรถทุกชนิด พื้นที่.4 รับทำใบขับขี่ผ่านระบบออนไลน์ เฉพาะผู้ที่ไม่สะดวกมาขนส่ง

อันดับที่ 9 : เรื่อง ปลอมอีเมลกระทรวงดิจิทัลแจ้งออกใบอนุญาตก่อตั้งกาสิโนอย่างถูกกฎหมาย

อันดับที่ 10 : เรื่อง กฟภ. เปิดให้บริการออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ https://pea-th.com/

“เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องโครงการของรัฐ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัล วอลเล็ต การให้บริการทำใบขับขี่ของกรมขนส่งทางบก การรับสมัครงาน ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อประชาชน โดยในส่วนของข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต และการให้บริการทำใบขับขี่ออนไลน์นั้น ขอให้ประชาชนระมัดระวัง การแอบอ้างของมิจฉาชีพ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงทำให้สูญเสียข้อมูลส่วนบุคคล และทรัพย์สินได้ โดยหากมีการแชร์ส่งต่อกันไปในสังคม มีผลทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ส่งผลกระทบกับประชาชนทั่วประเทศเป็นวงกว้าง” นายเวทางค์ กล่าว

สำหรับอันดับ 1 เรื่อง “รีบยืนยันตัวตนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ก่อนโดนตัดสิทธิ์” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) หรือ DGA สำนักนายกรัฐมนตรี 

ตรวจสอบพบว่า เป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า การยืนยันตัวตนของประชาชนบนแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” สามารถทำได้ถึงวันที่ 15 กันยายน 2567 เท่านั้น ทั้งนี้หากประชาชนเข้า “แอปฯ ทางรัฐ” และกดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้วมีหน้าจอยืนยันตัวตนแสดงขึ้นมา อาจเกิดจากการไม่ได้เข้าแอปฯ เป็นเวลานาน หรือเคยลบแอปฯ ไปหลังจากลงทะเบียนและยืนยันตัวตนเรียบร้อยภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ไม่สามารถยืนยันตัวตนใหม่ได้

ในส่วนข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “เพจใบขับขี่ออนไลน์ทุกชนิด ลดราคาใบขับขี่ ผู้ใช้งานใหม่ 1,500 บาท”กระทรวงดีอี ประสานงานร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ตรวจสอบพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ โดยขอชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลปลอมที่เชื่อถือไม่ได้

โดยการขอรับใบอนุญาตขับรถทุกชนิดมีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ คือ ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถจะต้องดำเนินการด้วยตนเองทุกขั้นตอนที่สำนักงานขนส่ง ตั้งแต่การตรวจสอบเอกสาร การทดสอบสมรรถภาพของร่างกาย การอบรม การทดสอบข้อเขียน การทดสอบขับรถ และการถ่ายรูปเพื่อออกใบอนุญาตขับรถ

ทั้งนี้ขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม ดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทันส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


การสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน มีประโยคไหนต้องติดปาก ไว้รับมือทุกสถานการณ์

การสื่อสารเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน เนื่องจากคนเราจำเป็นต้องพูดคุย สร้างปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกันตลอดเวลา อาทิ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล แบ่งปันความสุขทุกข์ ตลอดจนไถ่ถามเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาในรูปแบบใหม่ ๆ จากบุคคลรอบข้าง ด้วยเหตุนี้ การสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน จึงเป็นสิ่งที่น้อยคนนักจะหลีกเลี่ยงไม่สื่อสารกับผู้อื่นได้ เราจึงยกตัวอย่างมาให้เพื่อนๆกัน ซึ่งเป็นประโยคที่เราได้ใช้ในทุกวัน ได้แก่

1. ทักทาย ผูกมิตร กับผู้คนทั่วไป

2. ถามเส้นทางการสัญจรไปไหนมาไหน

3. พูดคุยเรื่องสุขภาพทั่วไป กับคนรอบข้าง หรือเมื่อตัวเองเจ็บป่วยในต่างแดน

4. พูดคุยเรื่องอาหารในชีวิตประจำวัน (สั่งอาหาร – สอบถามเรื่องเมนู)

ทว่าในกรณีที่เราจำเป็นต้องพูดคุยในชีวิตประจำวันเป็นประโยคภาษาอังกฤษ อาจทำให้ใครหลายคนกังวลและสูญเสียความมั่นใจ จนนำมาซึ่งอาการคิดประโยคที่ต้องใช้สื่อสารไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง วันนี้เราจึงรวบรวมประโยค การสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ตามแต่ละสถานการณ์มาแบ่งปัน เพื่อฝึกฝน หรือนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันให้คล่องแคล่วติดปากมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีประโยคใดและสถานการณ์ใดบ้างนั้น เราจะนำเสนอเป็นแต่ละสถานการณ์ โดยเริ่มจาก

1. ทักทาย ผูกมิตร กับผู้คนทั่วไป

แน่นอนว่าในการผูกมิตรสัมพันธ์หรือการพูดคุยกับผู้คนทั่วไป การกล่าวคำทักทายเป็นหนึ่งในพื้นฐานที่เราจำเป็นต้องสื่อสารออกมาให้ดีก่อนเสมอ เพราะไม่ว่าจะสื่อสารกับชาติใด การทักทายก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะว่าเป็นการเริ่มต้นบทสนทนาที่ดี

ยกตัวอย่างประโยคการทักทายกับคนทั่วไป

  1. Hello, my name is … (สวัสดี ฉันชื่อ …)
  2. Good morning, how are you? (สวัสดีตอนเช้า คุณสบายดีไหม?)
  3. Good night. (ราตรีสวัสดิ์)
  4. Good afternoon. (สวัสดียามบ่าย)
  5. What’s up? (สบายดีรึเปล่า?) ประโยคนี้ใช้กับเพื่อนสนิทเท่านั้น
  6. Nice to meet you. (ยินดีที่ได้รู้จัก)
  7. I really appreciate … (ฉันรู้สึกขอบคุณเรื่อง ….)
  8. Thanks so much. (ขอบคุณมาก ๆ)
  9. I’m good. (ฉันสบายดี)
  10. Not bad. (ก็ดีนะ)

2. ถามเส้นทางการสัญจรไปไหนมาไหน

ทุกครั้งที่เราต้องออกเดินทางไกล ไม่ว่าจะเพื่อท่องเที่ยวหรือทำงาน การสื่อสารให้ชัดเจนและเข้าใจง่ายเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะช่วยให้การเดินทางของเราไปถึงที่หมายได้ถูกต้องรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ยกตัวอย่างประโยคการสอบถามการเดินทาง

  1. What time does the plane depart? (เครื่องบินจะออกกี่โมง?)
  2. Where do I check-in? (ฉันจะตรวจเอกสารเดินทางได้ที่ไหน?)
  3. Where is the nearest train station? (สถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหน?)
  4. Where can I get a taxi? (ฉันสามารถเรียกแท็กซี่ได้ที่ไหน?)
  5. What’s the free luggage allowance? (ให้น้ำหนักสัมภาระฟรีกี่กิโลกรัม?)
  6. I have missed my flight. Could you help me please? (ฉันตกเครี่อง คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?)
  7. Can I have a window/aisle seat? (ฉันขอที่นั่งริมหน้าต่าง/ติดทางเดิน ได้หรือไม่?)
  8. I’m lost. Help me please (ฉันหลงทาง ช่วยฉันด้วยนะ)
  9. Have a good trip. (เที่ยวให้สนุกนะ)
  10. Where’s the toilet? (ห้องน้ำอยู่ทางไหนหรือครับ/คะ?)

3. พูดคุยเรื่องสุขภาพทั่วไป กับคนรอบข้าง หรือเมื่อตัวเองเจ็บป่วยในต่างแดน

อาการเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งในกรณีที่เราต้องเดินทางไกลหรืออยู่ในต่างแดน การพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราจำเป็นต้องสื่อสารให้ได้ชัดเจนและคล่องแคล่วอยู่เสมอ

ยกตัวอย่างประโยคคำถามเช่น

  1. Are you alright? (คุณสบายดีหรือเปล่า?)
  2. What’s the matter? (เป็นอะไร?)
  3. What’s the matter with you? (เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณ?)
  4. What are your symptoms? (อาการของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?)
  5. Do you have a headache? (คุณปวดศีรษะไหม?)
  6. Do you have a fever/high temperature? (ตัวคุณร้อนหรือไข้ขึ้นหรือไม่?)
  7. How do you feel now? (ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไร?)
  8. How have you been keeping? (คุณเป็นอย่างไรบ้าง?) ใช้ถามเกี่ยวกับสุขภาพ
  9. Are you feeling any better? (คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?)
  10. How is everything with your health? (สุขภาพของคุณเป็นอย่างไรบ้าง?)

สำหรับคำตอบที่นิยมใช้โดยทั่วไป คือ

  • I’m fine. (ฉันสบายดี)
  • I feel sick. (ฉันรู้สึกป่วย)
  • Not so good. (ไม่ดีเลย)
  • Not very well. (ไม่ดีเลย)
  • I don’t feel well. (ฉันรู้สึกไม่ดี)
  • I’m sick. (ฉันป่วย)
  • I’m in bad shape. (ฉันรู้สึกแย่)

4. พูดคุยเรื่องอาหารในชีวิตประจำวัน (สั่งอาหาร – สอบถามเรื่องเมนู)

การสอบถามเกี่ยวกับเรื่องเมนูอาหารในประโยคภาษาอังกฤษ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ใครหลายคนปวดหัว เนื่องจากเมื่อถึงเวลาต้องใช้จริงมักจะนึกประโยคที่ต้องพูดในร้านอาหารไม่ออก ซึ่งประโยคดังต่อไปนี้สามารถช่วยคุณได้

ยกตัวอย่างประโยคการพูดคุยเรื่องอาหาร

  1. Do you have any tables available? (มีโต๊ะว่างไหมครับ/ค่ะ?)
  2. Can I make a reservation for 7 people at 8 p.m.? (ขอจองโต๊ะสำหรับ 7 คน ตอน 8 โมงค่ะ?)
  3. Can I see the menu please? (ขอดูเมนูด้วยครับ/ค่ะ?)
  4. What are your specials today? (เมนูพิเศษวันนี้มีอะไรบ้างครับ/คะ?)
  5. What do you recommend? (มีเมนูแนะนำไหมครับ/คะ?)
  6. How much is …? (อันนี้ราคาเท่าไหร่ …?)
  7. I would like to have … (ผม/ฉันขอ …)
  8. Excuse me. Can you please clean up the table? (ขอโทษครับ/ค่ะ ช่วยเช็ดโต๊ะให้หน่อยได้ไหมครับ/คะ?)
  9. Could I see the dessert menu? (ขอดูเมนูขนมหวานหน่อยได้ไหม?)
  10. I am a vegetarian. (ผม/ฉัน กินอาหารมังสวิรัติครับ/ค่ะ)
  11. This is delicious. (จานนี้อร่อยมาก)
  12. Excuse me, but I didn’t order this. (ขอโทษครับ/คะ ผม/ฉันไม่ได้สั่งอาหารจานนี้)
  13. Excuse me. Can I have a napkin please? (ขอโทษครับ/ค่ะ ขอกระดาษเช็ดปากหน่อยได้ไหมครับ/คะ?)
  14. Excuse me. Can I have sharing plates? (ขอโทษครับ/ค่ะ ขอจานแบ่งหน่อยได้ไหมครับ/คะ?)
  15. Take away please. (ช่วยห่อกลับบ้านได้ไหมครับ/คะ)
  16. Bill please? (เก็บเงินด้วยครับ/ค่ะ?)
  17. I’ll pay in cash. (ฉันจะจ่ายเงินสด)
  18. Pay separately. (จ่ายแยกกัน)
  19. Can we have the receipt please? (ขอใบเสร็จได้ไหมครับ/คะ?)

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


ตื่นนอนแล้วเพลีย จัดไป 10 อาหารช่วยเติมพลัง สดชื่นได้ทั้งวัน

คุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องดื่มกาแฟหลายแก้วเพื่อประคองตัวเองในตอนเช้าหรือเปล่า? เครื่องดื่มชูกำลังได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของคุณแล้วหรือยัง? แล้วอาการอ่อนเพลียในช่วงบ่ายสี่โมงเย็นล่ะ ที่ทำให้คุณเริ่มมองหาขนมหวานและธัญพืชขัดสี? หากสิ่งเหล่านี้ตรงกับคุณ ลองพิจารณาทั้งคุณภาพและปริมาณการนอนหลับที่คุณได้รับ รวมถึงอาหารที่คุณเติมพลังให้ร่างกายในแต่ละวัน

การพึ่งพาอาหารแปรรูปที่มีน้ำตาลเติมแต่งเพื่อเพิ่มพลังงาน จะยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่ลงเท่านั้น อาหารธรรมชาติที่ไม่ผ่านการแปรรูปสามารถมอบพลังงานที่เราต้องการ เพื่อให้เรารู้สึกเบาสบายและมีพลังงาน… โดยไม่มีอาการอ่อนเพลียตามมา ผลไม้และผักสดตามฤดูกาล ถั่วและเมล็ดพืช รวมถึงอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ จะเติมเต็มร่างกายของเราด้วยสารอาหารที่ช่วยต่อต้านความเหนื่อยล้าและหล่อเลี้ยงเราตลอดทั้งวัน

10 อาหารช่วยเติมพลังหลังตื่นนอน

1. อะโวคาโด

อะโวคาโดเต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และไขมันดีที่ให้พลังงานแก่ร่างกายของเราได้นานหลายชั่วโมง อะโวคาโดมีไฟเบอร์สูง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะน้ำตาลในเลือดสูงแล้วต่ำอย่างรวดเร็ว ลองเติมอะโวคาโดลงในจานผลไม้ตอนเช้าของคุณ ปั่นรวมกับสมูทตี้เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม หรือทานคู่กับไข่คนและอะโวคาโดหั่นบาง ๆ เพื่อเพิ่มพลังงานพิเศษ

2.แตงโม

แม้แต่ภาวะขาดน้ำเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้คุณตื่นนอนมาแล้วรู้สึกไม่สดชื่นได้ การรับประทานอาหารที่มีปริมาณน้ำสูง (เช่น ผลไม้และผัก) เป็นสิ่งสำคัญ และแตงโมก็เป็นแหล่งที่ดีที่สุดแหล่งหนึ่งของเรา ผลไม้แสนอร่อยนี้มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด และมีกรดอะมิโน L-citrulline ซึ่งอาจช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ เริ่มต้นวันใหม่ของคุณด้วยแตงโมเต็มชามเพื่อเติมความชุ่มชื้นขั้นสุดยอดและรับพลังงานที่พลุ่งพล่าน

3.อัลมอนด์

อัลมอนด์เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง ไฟเบอร์ และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ดีต่อสุขภาพ อัลมอนด์อัดแน่นไปด้วยวิตามินบี ซึ่งช่วยให้ร่างกายของคุณเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน และอุดมไปด้วยแมกนีเซียม ซึ่งช่วยต่อสู้กับอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ เติมอัลมอนด์ลงในกราโนล่ามื้อเช้าของคุณ หรือหยิบกำมือหนึ่งเป็นอาหารว่างช่วงสาย

4.เคล

เคลเต็มไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อพลังงานของเรา เคลเป็นแหล่งธาตุเหล็กจากพืชที่ยอดเยี่ยม ซึ่งธาตุเหล็กจะนำพาออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อและเซลล์ของเรา ซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของเรา เคลยังเป็นแหล่งแคลเซียม โฟเลต และวิตามินบีที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ใส่ผักตระกูลกะหล่ำนี้ลงในน้ำผักสีเขียวหรือสมูทตี้ตอนเช้าของคุณ หรือเติมลงในไข่เจียว และข้ามกาแฟแก้วที่สองไปเลย

5.เกสรผึ้ง

เกสรผึ้งเป็นสุดยอดอาหารธรรมชาติที่สามารถเพิ่มพลังงานและความอดทนทางร่างกายได้อย่างมีนัยสำคัญ เกสรผึ้งมีวิตามินบี กรดอะมิโน และสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่ารูตินสูง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสนับสนุนหลอดเลือดที่แข็งแรง ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต และต่อสู้กับการอักเสบ เติมเกสรผึ้งเป็นท็อปปิ้งบนสมูทตี้โบวล์มื้อเช้าของคุณเพื่อเพิ่มพลังงานพิเศษ

6.กล้วย

กล้วยเป็นแหล่งพลังงานที่คุณพกพาไปได้ทุกที่ ผลไม้ที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียมนี้มีไฟเบอร์ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งช่วยชะลอการปล่อยน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด และเป็นแหล่งแมกนีเซียมและวิตามินบีที่ยอดเยี่ยม เติมกล้วยลงในพาร์เฟต์มะพร้าวมื้อเช้าของคุณ หรือหยิบกล้วยทั้งลูกเป็นอาหารว่างง่าย ๆ ในระหว่างเดินทาง

กล้วยสุกจะให้พลังงานที่พร้อมใช้ได้มากกว่าในรูปของน้ำตาล เมื่อเทียบกับกล้วยดิบ กล้วยสุกควรมีจุดด่างและสีเหลืองมากกว่าสีเขียว นั่นคือสัญญาณว่าแป้งได้เปลี่ยนเป็นน้ำตาลที่คุณสามารถย่อยและนำไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างเหมาะสม

7.ผักโขม

ผักโขมเป็นแหล่งวิตามินซี โฟเลต และธาตุเหล็กที่ยอดเยี่ยม ปริมาณวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ที่เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการผลิตพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับธาตุเหล็กที่ต่ำอาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียอย่างรุนแรงได้ ทานไข่คนคู่กับผักโขมผัดในมื้อเช้าของคุณ และบีบน้ำมะนาวเล็กน้อยเพื่อเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก

8.อินทผลัม

นอกจากรสชาติหวานอร่อยที่น่าทึ่งแล้ว อินทผลัมยังย่อยง่ายสำหรับร่างกายและให้พลังงานเพิ่มขึ้นทันที อินทผลัมเป็นแหล่งแคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และธาตุเหล็กที่ยอดเยี่ยม เติมอินทผลัมสับลงในจานผลไม้มื้อเช้าของคุณ ใส่สองสามลูกลงในสมูทตี้ของคุณเพื่อเพิ่มความหวาน หรือจิ้มลงในเนยอัลมอนด์เพื่อเป็นอาหารว่างแสนอร่อย

9.เมล็ดเจีย

เล็กแต่ทรงพลัง เมล็ดเหล่านี้เป็นแหล่งพลังงานที่ยอดเยี่ยม เมล็ดเจียดูดซับของเหลวและสามารถขยายตัวได้มากถึง 10 เท่าของขนาดในกระเพาะอาหารหลังจากย่อยแล้ว สิ่งนี้ช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น เมล็ดเจียอัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุ โปรตีน ไขมัน และไฟเบอร์ ลองทำพุดดิ้งเมล็ดเจีย หรือโรยเมล็ดเจียบนสมูทตี้แก้วต่อไปของคุณ

10.ไข่

ไข่หนึ่งฟองมีโปรตีนคุณภาพสูงและไขมันดี ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วจะทำให้เรารู้สึกอิ่มและให้พลังงานที่ยั่งยืนตลอดทั้งวัน ไข่เป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด รวมถึงธาตุเหล็ก โคลีน วิตามินดี และวิตามินบี 12 อย่าลืมกินไข่ทั้งฟองเสมอ! ไข่แดงเป็นส่วนที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด โดยมีวิตามินและแร่ธาตุส่วนใหญ่ของไข่ และโปรตีนรวมในปริมาณที่ดี หากคุณกังวลเรื่องคอเลสเตอรอล ไม่ต้องกังวล การวิจัยแสดงให้เห็นว่าคอเลสเตอรอลที่มาจากอาหารไม่มีความสัมพันธ์กับคอเลสเตอรอลในเลือด

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17/03/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a47,450.0047,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,074.0046,601.8448,350.00
ทองรูปพรรณ 90%2,766.6041,941.66n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,459.2037,281.47n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,383.0020,966.28n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,076.0016,312.16n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,185.0048,284.60n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17/03/2568



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.6534.6535.1534.6534.6534.6534.6534.6534.6534.65
แก๊สโซฮอล์ 9134.2834.2834.7834.2834.2834.2834.2834.2834.2834.28
แก๊สโซฮอล์ E2032.4432.4432.9432.4432.4432.4432.4432.4432.44
แก๊สโซฮอล์ E8530.7930.7930.79
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม43.2449.8449.8449.8443.24
เบนซิน 9542.9449.8143.4443.0942.94
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า