พลิกโฉมที่ดินบางซื่อ รฟท.นำร่องแปลง E สร้างกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่

- รฟท. เตรียมพัฒนาที่ดินแปลง E บริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อก่อสร้างอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ แก้ปัญหาความแออัดของอาคารเดิม
- โครงการนี้เป็นแผนนำร่องในการพัฒนาที่ดินบางซื่อ โดยมอบหมายให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท (SRTA) เป็นผู้ดำเนินการ และได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2569 แล้ว
- อาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่มีวงเงิน 4,500 ล้านบาท เพื่อรองรับบุคลากรจากหลายหน่วยงานในสังกัด โดยพื้นที่ส่วนที่เหลือในแปลง E จะถูกพัฒนาเชิงพาณิชย์ต่อไป
ปัจจุบัน ‘อาคารกระทรวงคมนาคม’ ถนนราชดำเนินนอก มีอายุการใช้งานมากว่า 71 ปี จนมีปัญหาความแออัด อีกทั้งพื้นที่ทำงานที่จะต้องรองรับหน่วยงานภายใต้สำนักงานปลัดฯ ก็ไม่เพียงพอ ทำให้กระจายไปอยู่ในที่ต่าง ๆ กันถึง 5 แห่ง ทำให้การประสานการทำงานของกระทรวงคมนาคมไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ที่ผ่านมาได้พิจารณาที่จะปรับแบบมาใช้พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในบริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเดินทางด้วยระบบรางในอนาคต ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นที่ตั้งของอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ รองรับการทำงานของบุคลากรและเจ้าหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด หรือ SRTA ได้จัดทำแผนพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่รอบสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ในภาพรวมเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างการเตรียมเสนอต่อกระทรวงคมนาคม และ รฟท. พิจารณา เบื้องต้นจะนำร่องการพัฒนาแปลง E ซึ่งเป็นแปลงแรกที่เริ่มดำเนินการ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ที่ได้รับอนุมัติจัดสรรงบประมาณในปี 2569 แล้ว
ทั้งนี้ตามหลักการแล้ว รฟท. จะมอบหมายให้บริษัทเอสอาร์ทีฯ เช่าพื้นที่รฟท. ก่อนเริ่มพัฒนาตามแผนในปี 2569 โดยแปลง E จะแบ่งการก่อสร้างเป็นระยะ นอกจากนี้ยังมีโซนอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ตั้งกระทรวงคมนาคม เพื่อให้บริษัทเอสอาร์ทีฯ สามารถพัฒนาเชิงพาณิชย์ต่อไปได้
สำหรับการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีกลางฯ ที่ผ่านมา รฟท. ได้เปิดประมูลเช่าพื้นที่ภายในอาคารสถานีกลางฯ แล้ว โดยมีผู้ชนะการประมูล คือ กิจการร่วมลงทุน PGWR ประกอบด้วย บริษัท เปรม กรุ๊ป เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และบริษัท วราพัฒนาทรัพย์ จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิการใช้ประโยชน์พื้นที่เพื่อดำเนินกิจการเชิงพาณิชย์ รวมพื้นที่ 47,675 ตารางเมตร เป็นระยะเวลา 20 ปี ล่าสุด รฟท. ยังอยู่ระหว่างการรอการลงนามสัญญากับเอกชน
สำหรับพื้นที่แปลง E มีพื้นที่ 138 ไร่ มีแผนตั้งอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ วงเงิน 4,500 ล้านบาท ประกอบด้วย พื้นที่ทั้งหมด 115,196 ตารางเมตร แบ่งเป็น 1. พื้นที่ห้องทำงาน 12,505 ตารางเมตร เพื่อรองรับบุคลากรสำนักงานปลัดฯ สำนักงานรัฐมนตรี และหน่วยงานระดับกรมอีก 5 กรม จำนวนประมาณ 1,200 คน
2.พื้นที่ส่วนกลาง 45,897 ตารางเมตร 3.ห้องประชุม 8,915 ตารางเมตร 4.พื้นที่จอดรถ 47,842 ตารางเมตร ซึ่งพื้นที่ส่วนที่ 2-4 นี้ใช้ร่วมกันของบุคลากรใน 22 หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคมกว่า 80,000 คน
นายอนันต์ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.มีมติอนุมัติจ้างบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด หรือ SRTA บริหารสัญญาเช่าทรัพย์สิน รฟท.ระยะเวลา 3 ปี โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ซึ่งปัจจุบันมีสัญญาเช่าเดิม จำนวน 12,934 สัญญา (ทั้งแปลงเล็กและแปลงใหญ่) เพื่อทำหน้าที่ประสานงานผู้เช่าและติดตามการชำระหนี้ รวมทั้งออกใบแจ้งหนี้
ทั้งนี้ตามแผนคาดว่าจะลงนามในสัญญาจ้างภายในสัปดาห์นี้ โดยในระยะสั้นบริษัท เอสอาร์ทีฯ จะบริหารสัญญาเช่าเดิมที่มีผลผูกพันอยู่ ส่วนระยะยาว ทาง รฟท. จะมอบหมายให้บมจ.เอสอาร์ทีฯ เช่าก่อนนำไปให้เช่าช่วง (Sublease) แก่ผู้เช่าเดิมหรือรายใหม่ต่อไปสำหรับสัญญาเช่าที่สิ้นสุดลงแล้ว
ส่วนการพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าของรฟท.นั้น ที่ผ่านมาบอร์ด รฟท.ได้เห็นชอบแล้ว โดยมอบหมายให้ บริษัท เอสอาร์ทีฯ เช่าที่ดิน 10 แปลงใหญ่ ที่มีมูลค่าทรัพย์สินเกินกว่า 500 ล้านบาทขึ้นไปทั่วประเทศ นำมาบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ และสร้างรายได้ให้แก่ รฟท. ซึ่งบริษัท เอสอาร์ทีฯ จะพัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าขนาดใหญ่ที่ยังไม่เคยมีสัญญาเช่ามาก่อน คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนที่เป็นในรูปของค่าเช่า พร้อมการปรับปรุงสิ่งปลูกสร้างใหม่ มูลค่ารวมมากกว่า 100,000 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 30 ปี
สำหรับที่ดินของ รฟท. แปลงใหญ่ทั่วประเทศ จำนวน 10 แปลง ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สิน (ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง) ตามราคาประเมินธนารักษ์ รวมกว่า 27,500 ล้านบาท ได้แก่ 1. พื้นที่บางซื่อ แปลง E1 (ที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่) ขนาดพื้นที่ประมาณ 21 ไร่ 0 งาน 33.6 ตรว. 2. บริเวณสามเหลี่ยมย่านพหลโยธิน (เซ็นทรัลลาดพร้าว) ขนาดพื้นที่รวม (ตามขอบเขตใช้ประโยชน์จริง) ประมาณ 46 ไร่ 2 งาน 73.31 ตรว.
3. บริเวณย่านพหลโยธิน (ตลาดซันเดย์) (มิกซ์ จตุจักร) ขนาดพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ 2 งาน 31.9 ตรว. 4. โรงแรมที่บริเวณย่านมักกะสัน ซอยเพชรบุรี 31 (ซอยจารุรัตน์) ขนาดพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ 3 งาน 34 ตรว. 5. บริเวณย่านพหลโยธิน (แปลงหัวมุม อตก.) ขนาดพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ 0 งาน 84.3 ตรว. 6. บริเวณสถานีศิลาอาสน์ ขนาดพื้นที่ประมาณ 257 ไร่ 0 งาน 73.3 ตรว.
7. สนามกอล์ฟหัวหิน และโรงแรมกอล์ฟอินหัวหิน ขนาดพื้นที่ประมาณ 558 ไร่ 2 งาน 60.2 ตรว.8. บริเวณสถานีหาดใหญ่ แปลง B ขนาดพื้นที่ประมาณ 13 ไร่ 2 งาน 49 ตรว. 9. บริเวณสถานีแม่น้ำ ขนาดพื้นที่ประมาณ 220 ไร่ 3 งาน 41 ตรว. 10. บริเวณแนวเส้นทางสายบางซื่อ – คลองตัน (พื้นที่ RCA โครงการ 3–4–5) ขนาดพื้นที่ประมาณ 80 ไร่ 0 งาน 66 ตรว.
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เปิดพฤติกรรมคนซื้อบ้าน ทำเลดี-ราคาคุ้ม ยังเป็นจุดตัดสิน

“ทำเลคุ้มค่า-ราคาจับต้องได้” กลายเป็นเงื่อนไขสำคัญของการตัดสินใจซื้อบ้านในปี 68 ขณะที่ดีมานด์จำนวนมากยังคงรอจังหวะเหมาะสมและมาตรการจากรัฐมาหนุนกำลังซื้อ
ท่ามกลางบรรยากาศเศรษฐกิจที่ยังเต็มไปด้วยแรงเสียดทาน ทั้งค่าครองชีพสูง หนี้ครัวเรือนที่ไม่ลดลง และความไม่แน่นอนของรายได้ คนไทยจำนวนมากยังไม่ละเป้าหมาย “อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง” เพียงแต่รูปแบบการค้นหาและเกณฑ์การตัดสินใจชัดเจนขึ้นกว่าเดิมโดยเฉพาะด้านทำเลและราคา” ที่กลายเป็นสองตัวแปรใหญ่สุดในปี 2568 จากผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคของ DDproperty ซึ่งสะท้อนว่าความต้องการบ้านไม่เคยหาย เพียงแต่กำลังซื้อกำลังหาจังหวะเหมาะสมในการขยับตัวอีกครั้ง
ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เผยว่าช่วง 9 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ ดูซบเซาจากจำนวนการโอนลดลง ในขณะเดียวกัน DDproperty เผยถึงการค้นหาที่อยู่อาศัยเพิ่มสูงขึ้น โดยกรุงเทพฯ มีการเข้าชมเพื่อ “หาบ้านซื้อ” เพิ่มถึงกว่า 20% เมื่อเทียบปีก่อน เป็นสัญญาณว่าคนจำนวนมากกำลังรอ “ดีลที่ใช่” และมักผูกอยู่กับปัจจัยด้านราคาและการเดินทางเป็นหลัก
ผลสำรวจชี้ชัดว่า กว่า 80% ของผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านยังมองหาบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนความจริงที่ว่า แม้บางครัวเรือนมีศักยภาพมากขึ้น แต่สภาวะเศรษฐกิจรอบตัวบังคับให้ต้องเลือกโครงการที่ตอบโจทย์ “คุ้มค่า” มากขึ้น ทั้งในแง่ราคาเริ่มต้น ค่างวดที่ไม่บานปลาย รวมถึงศักยภาพทำเลที่ช่วยประหยัดเวลาเดินทางหรือมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ
ไม่เพียงเท่านั้น คนวัยทำงาน และกลุ่มที่กำลังสร้างครอบครัวใหม่เป็นตัวแปรสำคัญของตลาด เพราะมากถึง 42% วางแผนย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ภายในหนึ่งปี โดยกว่า 60% ตั้งใจซื้อบ้านของตัวเองทันที หากสถานการณ์การเงินเอื้ออำนวย กลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับ “ทำเลที่เชื่อมต่อแหล่งงานได้ง่าย” เป็นอันดับแรก รองลงมาคือราคาที่สอดรับรายได้จริง เพื่อไม่ให้ภาระหนี้กระทบสภาพคล่องในชีวิตประจำวัน
ความท้าทายสำคัญคืออัตราปฏิเสธสินเชื่อที่ยังเกาะระดับ 39-40% ส่งผลให้หลายครอบครัวแม้มีความพร้อมเบื้องต้น ยังต้องเลื่อนแผนซื้อบ้านออกไปก่อน ขณะที่บางส่วนปรับลดราคาเป้าหมาย เพื่อให้ผ่านเกณฑ์สินเชื่อได้ง่ายขึ้น การประเมินกำลังจ่ายจึงถูกให้ความสำคัญเป็นจุดเริ่มต้น ของการหาบ้าน
อีกหนึ่งสัญญาณที่สะท้อนพฤติกรรมคนไทยยุคใหม่คือ การเติบโตของกลุ่ม “Generation Rent” หรือกลุ่มที่เลือกเช่าเพื่อรักษาสภาพคล่อง เพราะมองว่าราคาบ้านยังสูงเกินกำลังในบางทำเล โดยกว่า 23% ของผู้เช่าระบุว่า “ยังไม่พร้อมซื้อเพราะราคาบ้านแพง” อย่างไรก็ตาม ผู้เช่าส่วนใหญ่กว่า 57% ยังตั้งเป้าว่าจะซื้อบ้านใน 1-2 ปีข้างหน้า หากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นและมาตรการรัฐช่วยลดภาระได้จริง
ในขณะที่หลายคนกังวลเรื่องเศรษฐกิจ ผลสำรวจของ DDproperty พบว่า กว่า 76% ของผู้บริโภคยังรู้สึกพึงพอใจกับตลาดอสังหาฯ ปัจจุบัน เพราะผู้ประกอบการแข่งขันกันแรงขึ้น ทั้งโปรโมชั่นและราคาต่อรอง รวมถึงมาตรการภาครัฐที่ทยอยออกมา เช่น ค่าธรรมเนียมโอนที่ลดลง และจุดยืนของรัฐที่พยายามหาทางลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน ทำให้คนที่มีศักยภาพเริ่มมองเห็น “โอกาสเข้าตลาด” ในปีหน้า
ท้ายที่สุด ภาพรวมตลาดในปี 2568 อาจไม่ได้โตแบบก้าวกระโดดนัก แต่พฤติกรรมคนหาบ้านกำลังชัดเจนขึ้นมากกว่าเดิม โดยผู้บริโภคต้องการทำเลดี เดินทางสะดวก อยู่ในราคาเอื้อมถึง โดยมีความมั่นใจมากขึ้นหากสถาบันการเงินและภาครัฐช่วยลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดลงได้ นี่คือจุดสมดุลใหม่ของตลาดอสังหาฯ ไทย ที่กำลังเคลื่อนตัวไปสู่ยุคที่ “ราคาคุ้ม-ทำเลตอบโจทย์” อาจเป็นเครื่องชี้วัดความสำเร็จของโครงการที่กำลังเปิดในปีข้างหน้าอย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17ธ.ค.”แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”ที่ระดับ 31.47 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นได้เริ่มชะลอตัวลงบ้าง หลังธปท.ส่งสัญญาณพร้อมเข้ามาดูแลค่าเงินบาท รวมถึงตลาดบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรก่อนปรับสถานะถือครองอีกครั้ง หลังรับรู้ผลการประชุม กนง. ในวันนี้
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้17ธ.ค.2568 ที่ระดับ 31.47 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดของวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.51 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงมั่นใจว่า เงินบาท (USDTHB) ยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น และมีโอกาสที่จะแข็งค่ามากกว่าระดับ สิ้นปีแถว 31.85+/-0.25 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราคาดการณ์ไว้ในรายงานบทวิเคราะห์ Global FX Outlook 2026 ได้ (สามารถอ่านได้ใน LineOA
หรือขอรับบทวิเคราะห์ฉบับบเต็มจากทาง Sales ของ Krungthai Global Markets) โดยจากการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนกว่าจะสามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าทะลุโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน (เราจะปรับมุมมองต่อแนวโน้มเงินบาทใหม่ หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์ หรือโซน 32.50 บาทต่อดอลลาร์)
อย่างไรก็ดี โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้เริ่มชะลอตัวลงบ้าง ท่ามกลางการส่งสัญญาณพร้อมเข้ามาดูแลค่าเงินบาทจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงการแสดงความกังวลต่อแนวโน้มการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทจากทางรัฐบาล ซึ่งภาพดังกล่าวอาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจเลือกทยอยขายทำกำไรสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่าขึ้น)
โดยเฉพาะในวันนี้ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองอีกครั้ง หลังรับรู้ผลการประชุม กนง. ของไทย ในช่วง 14.00 น.
เราขอเน้นย้ำว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลในอดีต พบว่า เงินบาทแทบไม่ได้อ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญ ในรอบการทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ผ่านมา โดยมีเพียงการลดดอกเบี้ยครั้งแรก ที่เซอร์ไพรส์ทั้งนักวิเคราะห์และผู้เล่นในตลาด ถึงจะสามารถกดดันให้เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้พอสมควร
ดังนั้น ในการประชุม กนง. วันนี้ เรามองว่า เงินบาทจะเสี่ยงอ่อนค่าลงได้ หาก กนง. ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้ กนง. มีมติลดดอกเบี้ยตามคาด และส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อประคองเศรษฐกิจไทย
แต่หาก กนง. ลดดอกเบี้ยตามคาด แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในอนาคตที่ชัดเจน และไม่ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดก็อาจยังคงประเมินว่า กนง. อาจพอลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้บ้างถึงระดับ 1.00%
ทำให้ อาจเห็นโฟลว์ซื้อบอนด์ระยะยาวของไทย จากฝั่งนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งภาพดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยหนุนเงินบาทได้
ในทางกลับกัน หาก กนง. คงดอกเบี้ย เซอร์ไพรส์ตลาด และส่งสัญญาณที่ชัดเจน ว่า การลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคตจะเกิดขึ้นได้ยาก
ยกเว้นเศรษฐกิจไทยจะเผชิญความเสี่ยงด้านลบที่รุนแรง เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของไทย ทำให้บรรดาผู้เล่นต่างชาติ (รวมถึงผู้เล่นในไทย) อาจทยอยขายทำกำไรบอนด์ระยะยาว
และโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรบอนด์ระยะยาวจากบรรดานักลงทุนต่างชาติดังกล่าว ก็อาจพอกดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลงได้บ้าง
ทว่า หาก กนง. คงดอกเบี้ย แต่ไม่ได้ปิดโอกาสการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคตที่ชัดเจนเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังคงเชื่อว่า กนง. จะสามารถลดดอกเบี้ยต่อได้ในอนาคต (จนกว่าจะเห็นการคงดอกเบี้ยอีก 1-2 การประชุมข้างหน้า ผู้เล่นในตลาดถึงจะเลิกเชื่อว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม)
ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็อาจรอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวของไทย หากบอนด์ยีลด์มีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งหากมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาจริง ก็อาจยิ่งหนุนให้เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นได้
เราประเมินว่า ความผันผวนของเงินบาทเสี่ยงที่จะสูงขึ้นและอย่างน้อยก็อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลักต่างๆ ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตา
ทั้งสถานการณ์ Government Shutdown (ที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026) และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าโดยศาลสูงสุด (Supreme Court)
ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.40-31.60 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down ทดสอบโซน 31.40 บาทต่อดอลลาร์ ตามที่เราประเมินไว้ในวันก่อนหน้า (แกว่งตัวในกรอบ 31.39-31.53 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยจังหวะการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ตอบรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง อย่างแน่นอนในปีหน้า มากกว่าที่เฟดระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ออกมาแย่กว่าคาด
ทั้ง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และดัชนี PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้าง ท่ามกลางภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาด
ขณะเดียวกัน ฝั่งตลาดหุ้นยุโรปก็ปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มแรงกดดันให้เงินยูโร (EUR) ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็เริ่มชะลอการแข็งค่า หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันศุกร์นี้
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว โดยเฉพาะหลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของทั้งหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่ม Healthcare ทว่าก็พอได้แรงหนุนบ้างจากการรีบาวด์ขึ้นของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor หลังบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง ส่งผลโดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.24% แต่ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.23%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวลง -0.47% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหารและการบิน หลังการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังมีความคืบหน้า ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลแนวโน้มอุปทานน้ำมันตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น หากสงครามยุติลงได้ในที่สุด
ในส่วนตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างสู่ระดับ 4.15% หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่นั้นออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด นอกจากนี้ บรรยากาศระมัดระวังตัวของตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็ยังคงกดดันบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้บ้าง เราประเมินว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเป็น
1. แนวโน้มดอกเบี้ยของเฟด (ซึ่งจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ)
2. แนวโน้มฐานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ และ
3. บรรยากาศในตลาดการเงิน โดยเรายังคงแนะนำให้ ผู้เล่นในตลาดรอจังหวะทยอยเข้าซื้อ (Buy on Dip) บอนด์ระยะยาว เน้นในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเท่านั้น
อาทิ ระดับบอนด์ยีลด์เกิน 4.20% ก็จะเป็นระดับที่มีความน่าสนใจ และสามารถทยอยเข้าซื้อได้
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน แม้จะมีจังหวะอ่อนค่าลง หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยอีกราว 2 ครั้ง ของเฟดในปีหน้า ทว่า เงินดอลลาร์ก็ทยอยรีบาวด์สูงขึ้น จากภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาดและการอ่อนค่าลงของบรรดาสกุลเงินหลัก
โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) ที่เผชิญแรงกดดันจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินยุโรป ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 98.2 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.9-98.3 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แย่กว่าคาด รวมถึงภาวะระมัดระวังตัวของผู้เล่นในตลาดได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2026) ทยอยปรับตัวสูงขึ้น ก่อนที่จะย่อตัวลงเล็กน้อยตามแรงขายทำกำไรและจังหวะรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ แต่ยังสามารถแกว่งตัวเหนือโซน 4,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทย โดยเราประเมินว่า กนง. อาจพิจารณา ลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps สู่ระดับ 1.25% เพื่อประคองการฟื้นตัวเศรษฐกิจท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน พร้อมทั้งช่วยบรรเทาภาระหนี้ให้กับครัวเรือนกลุ่มเปราะบางและภาคธุรกิจ SMEs
ส่วนทางฝั่งเอเชีย บรรดานักวิเคราะห์รวมถึงเรา ต่างมองว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) อาจพิจารณาคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.75% ก่อน จากความกังวลเสถียรภาพค่าเงินรูเปียะห์ (IDR) ที่ยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทว่า BI ยังมีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้บ้างในปีหน้า เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ทางฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ และดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (IFO Business Climate)
และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังการเจรจาเพื่อยุติสงครามมีความคืบหน้ามากขึ้น และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ยังร้อนแรงอยู่
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
โปรแกรมกีฬาซีเกมส์ 2025 ประจำวันที่ 17 ธ.ค. 68 ถ่ายทอดสดช่องไหนบ้าง?

การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 SEA Games 2025 ที่ประเทศไทย จะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ช่วงระหว่างวันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2568 เช็กโปรแกรมแข่งขันวันที่ 17 ธันวาคม 2568
โดยทัวร์นาเมนต์นี้จะมีการถ่ายทอดสดทาง PPTV 36, ไทยรัฐทีวี 32, ONE 31, T Sports 7, NBT สลับหมุนเวียนกันถ่าย และ TrueVisions NOW จะรับหน้าที่ถ่ายทอดสดตลอดทั้งวัน
โปรแกรมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2025 วันพุธที่ 17 ธันวาคม 2568
เซปักตะกร้อ
(ศูนย์กีฬาเทศบาลนครปฐม)
ตะกร้อ 4 คน ประเภทหญิง
09.00 น. ไทย พบ อินโดนีเซีย (ถ่ายทอดสด PPTV HD36 และ TrueVisions NOW)
16.00 น. ไทย พบ มาเลเซีย (ถ่ายทอดสด TrueVisions NOW)
ตะกร้อ 4 คน ประเภทชาย
10.00 น. ไทย พบ อินโดนีเซีย (ถ่ายทอดสด PPTV HD36 และ TrueVisions NOW)
19.00 น. ไทย พบ ติมอร์ เลสเต (ถ่ายทอดสด TrueVisions NOW)
เทนนิส
(ศูนย์ฝึกเทนนิสแห่งชาติ เมืองทอง)
09.55 น. ประเภทชายเดี่ยว รอบรองฯ (ถ่ายทอดสด T Sports 7 และ TrueVisions NOW)
เทเบิลเทนนิส
(เวสต์เกต ฮอลล์, เซ็นทรัล เวสต์เกต)
10.00 น. ประเภทคู่ รอบรองฯ (ถ่ายทอดสด PPTV 36 และ TrueVisions NOW)
เรือใบ
(โอเชียน มารินา ยอชต์ คลับ จังหวัดชลบุรี)
12:00 น. SSL 47 ทีมผสม รอบ 3 (ถ่ายทอดสด PPTV 36 และ TrueVisions NOW)
ยกน้ำหนัก
(โรงเรียนกีฬาชลบุรี)
12.55 น. ประเภทหญิง รอบชิงฯ (ถ่ายทอดสด ไทยรัฐทีวี 32 และ TrueVisions NOW)
มวยไทย
(เวทีลุมพินี รามอินทรา)
13.00 น. มวยไทย ไหว้ครู รอบชิงฯ (ถ่ายทอดสด NBT และ TrueVisions NOW)
มวยสากล
(อาคารเฉลิมราชสุดากีฬาสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
14.00 น. รอบรองชนะเลิศ (ถ่ายทอดสด TrueVisions NOW)
ฟุตบอลหญิง รอบชิงทองแดง
(ชลบุรี สเตเดียม)
15.30 น. ไทย พบ อินโดนีเซีย (ถ่ายทอดสด NBT และ TrueVisions NOW)
ฟันดาบ
(แฟชั่นไอส์แลนด์)
17.00 น. รอบชิงชนะเลิศ (ถ่ายทอดสด TrueVisions NOW)
สนุกเกอร์
(ธันเดอร์โดม)
18.00 น. สนุกเกอร์ หญิงเดี่ยว รอบชิงฯ (ถ่ายทอดสด T Sports 7 และ TrueVisions NOW)
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ผู้ป่วยโรคไตชายแดนไทย–กัมพูชา สปสช. ย้ำ ‘ล้างไต-ฟอกเลือด’ ไม่ต้องจ่ายเอง

- สปสช. ยืนยันผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา สามารถรับบริการล้างไตและฟอกเลือดได้ฟรีตามสิทธิการรักษาทุกประเภท
- ผู้ป่วยที่ประสบปัญหาในการเดินทางหรือต้องอพยพ ไม่ควรหยุดการรักษาเอง และให้รีบติดต่อหน่วยงานตามสิทธิเพื่อขอความช่วยเหลือในการประสานงาน
- มีระบบรองรับการส่งต่อน้ำยาล้างไตไปยังศูนย์อพยพ และการส่งตัวผู้ป่วยไปฟอกเลือดที่โรงพยาบาลอื่นในกรณีฉุกเฉิน
- ผู้ป่วยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ตามสิทธิของตนเอง เช่น สิทธิบัตรทองโทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 0
16 ธันวาคม 2568 พญ.ลลิตยา กองคำ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สปสช.ให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องของการรักษาผู้ป่วยโรคไต โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่การเดินทางหรือการเข้ารับบริการที่เดิมทำได้ยาก โดยได้ร่วมกับกรมการแพทย์ โรงพยาบาลในพื้นที่ พร้อมด้วยสมาคมเพื่อนโรคไตในการจัดระบบดูแลอย่างต่อเนื่อง พร้อมย้ำว่า “ขอให้ผู้ป่วยอย่าหยุดฟอกไตเอง” และหากมีอุปสรรคให้รีบติดต่อหน่วยงานตามสิทธิ เพื่อเร่งประสานบริการให้ทันตามนัด
ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ทุกสิทธิการรักษา ไม่ว่าจะเป็น บัตรทอง / ประกันสังคม / ข้าราชการและครอบครัว ยังได้รับการดูแลต่อเนื่อง รวมถึงกรณีที่ต้องมีการจัดส่งน้ำยาล้างไตหรือรับบริการฟอกเลือด โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามสิทธิ
พญ.ลลิตยา กล่าวเพิ่มเติมว่า หากมีความจำเป็นต้องอพยพ โรงพยาบาลจะช่วยประสานการส่งต่อเพื่อให้ผู้ป่วยไปฟอกไตยังโรงพยาบาลอื่นในพื้นที่ได้โดยเร็วและในกรณีผู้ป่วยไม่มีน้ำยาล้างไตเนื่องจากการอพยพขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อพยพทันที เพื่อเร่งประสานการช่วยเหลือ
สปสช.จะประสาน บริษัทไปรษณีย์ ดิสทริบิวชั่น เพื่อจัดส่งน้ำยาล้างไตไปที่ศูนย์อพยพต่อไปโดยสามารถสอบถามไปที่สายด่วน สปสช. 1330 กด 0 ได้
กรณีไปฟอกเลือดที่เดิมไม่ได้ให้ติดต่อทันที
สิทธิบัตรทอง:
- โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 0
สิทธิประกันสังคม:
- ติดต่อโรงพยาบาลตามสิทธิ หรือสำนักงานประกันสังคม
สิทธิข้าราชการและครอบครัว:
- ติดต่อโรงพยาบาลตามสิทธิ หรือหน่วยงานต้นสังกัด
ข้อมูลที่ควรเตรียมเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่
1. ชื่อ–สกุล
2. สิทธิการรักษา
3. ปัญหา/ผลกระทบที่ได้รับจากเหตุการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา
4. วันนัดฟอกครั้งถัดไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
60 คำคมครอบครัว ภาษาอังกฤษ ความหมายดี แคปชั่นครอบครัวซึ้งๆ

คำคมครอบครัว แคปชั่นครอบครัว ภาษาอังกฤษ
- Family time is quality time.
ช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่สุดคือช่วงเวลาที่ได้ใช้กับครอบครัว
- Family is not an important thing. It’s everything.
ครอบครัวไม่ใช่แค่สิ่งสำคัญ มันคือทุกสิ่งทุกอย่าง
- In time of test, family is best.
ในช่วงเวลาของการทดสอบ ครอบครัวคือสิ่งที่ดีที่สุด
- A happy family is but an earlier heaven.
การมีครอบครัวที่มีความสุขก็เหมือนการได้อยู่บนสวรรค์ก่อนใครล่ะ
- Where there is family, there is love.
ที่ใดมีครอบครัว ที่นั่นมีความรัก
- Family is the heart of a home.
ครอบครัวคือหัวใจของบ้าน
- There’s no comfort like family.
ไม่มีความสะดวกสบายไหนดีเหมือนครอบครัวอีกแล้ว
- Happiness is seeing your family happy.
ความสุขคือการเห็นครอบครัวมีความสุข
- Home sweet home.
บ้านที่แสนอบอุ่น
- Love starts with family.
ความรักเริ่มจากครอบครัว
- A hug from family lasts a lifetime.
อ้อมกอดจากครอบครัวจะคงอยู่ชั่วชีวิต
- The love of family is like no other.
ความรักของครอบครัวไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน
- There is no love greater than the love shared within a family.
ไม่มีความรักใดยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักที่มีร่วมกันภายในครอบครัว
- No one knows you better than your family does.
ไม่มีใครรู้จักคุณดีไปกว่าครอบครัวของคุณ
- The river of love in families flows deep.
สายธารแห่งความรักในครอบครัวไหลลึก
- The love of family can never be shattered.
ความรักของครอบครัวไม่มีวันพังทลาย
- Happiness is made at home.
ความสุขเกิดขึ้นได้ที่บ้าน
- Love, chaos, and hugs make our family complete.
ความรัก ความวุ่นวาย และการกอดทำให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์
- No other success can compensate for failure in the home.
ไม่มีความสำเร็จอื่นใดที่สามารถชดเชยความล้มเหลวในบ้านได้
- Family makes a house a home.
ครอบครัวทำให้บ้านเป็นบ้าน
- Your little family is the best team you’ll ever have.
ครอบครัวเล็กๆ ของคุณคือทีมที่ดีที่สุดที่คุณเคยมีมา
- A family doesn’t need to be perfect. It just needs to be united.
ครอบครัวไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แค่มีความเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้นก็พอ
- Family… where life begins and love never ends.
ครอบครัว…ที่ซึ่งชีวิตเริ่มต้นและความรักไม่มีวันสิ้นสุด
- Family. A little bit of crazy, a little bit of loud and a whole lot of love.
ครอบครัว ที่ที่มีความบ้านิดหน่อย เสียงดังนิดหน่อย และความรักมากมาย
- Life is better with family.
ชีวิตจะดีขึ้นเมื่ออยู่กับครอบครัว
- Family might know all your flaws, but they choose to love you anyway.
ครอบครัวอาจรู้ข้อบกพร่องทั้งหมดของคุณ แต่พวกเขาเลือกที่จะรักคุณอยู่ดี
- Love starts with family.
ความรักเริ่มจากครอบครัว
- Love your family as you love yourself.
รักครอบครัวให้เหมือนรักตัวเอง
- People come and go in your life. But family always stays.
ผู้คนเข้ามาในชีวิตของคุณแล้วก็ไป แต่ครอบครัวจะยังคงอยู่เสมอ
- No one knows you better than your family.
ไม่มีใครรู้จักคุณดีไปกว่าครอบครัวของคุณ
- Time spent with family is worth every second.
เวลาที่ได้ใช้กับครอบครัวมีค่าทุกวินาที
- Memories made together last a lifetime.
ความทรงจำที่ทำร่วมกันจะคงอยู่ไปชั่วชีวิต
- Together is a wonderful place to be.
การได้อยู่ด้วยกันเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
- When two families become one, choose a seat, not a side.
เมื่อสองครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกัน จงเลือกที่นั่ง ไม่ใช่เลือกข้าง
- All you need is the love of your family.
สิ่งที่คุณต้องมีคือความรักของครอบครัว
- Blood doesn’t make a family — love does.
สายเลือดไม่ได้สร้างครอบครัว ความรักต่างหาก
- Family makes it all possible.
ครอบครัวทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้
- Blood is thicker than water.
เลือดข้นกว่าน้ำ
- The older you get, the more important family is.
ยิ่งคุณอายุมากขึ้น ครอบครัวก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้น
- Family love knows no boundaries.
ความรักในครอบครัวไม่มีขอบเขต
แคปชั่นครอบครัว สั้นๆ สำหรับลงรูปครอบครัว
- Rooted and grounded in love.
หยั่งรากลึกในความรัก
- Home sweet home.
บ้านที่แสนอบอุ่น
- There’s no other place I’d rather be.
ไม่มีที่อื่นที่ฉันอยากจะอยู่ นอกจากที่นี่
- Home is people. Not a place.
บ้านคือคน ไม่ใช่สถานที่
- Home is where the heart is.
บ้านคือที่ที่หัวใจอยู่
- Keep the real ones close.
เก็บตัวจริงไว้ใกล้ๆ ครอบครัวไงจะใครล่ะ
- The best things in life aren’t things.
สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไม่ใช่สิ่งของ แต่คือครอบครัวนี่ล่ะ
- Happiness is homemade.
ความสุขของฉันเป็นแบบโฮมเมด
- Time spent together creates memories.
เวลาที่ใช้ร่วมกัน ช่วยสร้างความทรงจำ
- A family is there for each other- Always!
ครอบครัวอยู่เคียงข้างกันเสมอ!
- Collect moments, not things.
จงสะสมประสบการณ์หรือความทรงจำกับคนที่คุณรัก ไม่ใช่สิ่งของ
- Connected with a bond of belonging.
เราเกี่ยวพันกันด้วยความผูกพัน
- Small moments. Big memories.
ช่วงเวลาเล็กๆ แต่เป็นความทรงจำที่ยิ่งใหญ่
- Family makes a house a home.
ครอบครัวทำให้บ้านเป็นบ้าน
- A hug from family lasts a lifetime.
อ้อมกอดจากครอบครัวคงอยู่ชั่วชีวิต
- The heart of our home.
หัวใจของบ้านเรา
- Happiness is homemade.
ความสุขคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเองได้
- Time spent together creates memories.
เวลาที่ใช้ร่วมกันสร้างความทรงจำดีๆ มากมาย
- Family time is quality time.
เวลาของครอบครัวเป็นเวลาที่มีคุณภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก women.trueid.net
เช็คความพร้อมดาวเทียม THEOS-2A เตรียมยิงขึ้นอวกาศต้นปี 69

- ดาวเทียม THEOS-2A มีกำหนดส่งขึ้นสู่วงโคจรในช่วงต้นปี 2569 จากฐานปล่อยจรวดในประเทศอินเดีย
- เป็นดาวเทียมมาตรฐาน Industrial Grade ดวงแรกที่วิศวกรชาวไทยกว่า 20 คนมีส่วนร่วมในการออกแบบและพัฒนา เพื่อยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมอวกาศของประเทศ
- เป็นดาวเทียมสำรวจโลกขนาดเล็ก (SmallSat) น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ติดตั้งกล้องถ่ายภาพความละเอียดสูง 1 เมตร และระบบรับสัญญาณเรือ (AIS) และเครื่องบิน (ADS-B)
- ดาวเทียมได้ผ่านกระบวนการทดสอบที่จำเป็นทั้งหมด ณ ศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติในไทย และถูกส่งไปประกอบเข้ากับจรวดเพื่อเตรียมปล่อยแล้ว
ในช่วงต้นปี 2569 ประเทศไทยจะนำส่งดาวเทียม THEOS-2A ดาวเทียมที่วิศวกรชาวไทยมีส่วนสำคัญในการออกแบบและพัฒนา เพื่อสนับสนุนข้อมูลให้ประเทศไทยจากห้วงอวกาศ และยกระดับความพร้อมของอุตสาหกรรมประเทศในองค์รวม
ดาวเทียม THEOS-2A เป็นดาวเทียมสำรวจโลกความละเอียดสูงดวงที่สามของไทย ต่อจากดาวเทียม THEOS-1 และดาวเทียม THEOS-2 จากการพัฒนาของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมกับบริษัท Surrey Satellite Technology Ltd. ประเทศสหราชอาณาจักร
GISTDA มีแผนนำส่งดาวเทียมดวงนี้ขึ้นสู่วงโคจรแบบ Sun-Synchronous Orbit ที่ความสูงประมาณ 550 กิโลเมตรจากพื้นโลก โดยดาวเทียม THEOS-2A เป็นดาวเทียมประเภท SmallSat มีน้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ซึ่งวิศวกรดาวเทียมชาวไทยกว่า 20 คน ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเพย์โหลดต่าง ๆ ตั้งแต่กระบวนการร่างแบบ พัฒนา ทดสอบ ตลอดจนถึงการประกอบเข้ากับตัวดาวเทียม
เพย์โหลดที่ถูกติดตั้งไว้ ประกอบด้วยกล้องถ่ายภาพโลกความละเอียดสูง 1 เมตรต่อพิกเซล ที่มีศักยภาพในการบันทึกภาพอย่างต่อเนื่อง และถ่ายภาพทั้งในช่วงภาพขาวดำและภาพถ่ายสี รวมถึงมีกล้องถ่ายภาพดาวเทียม อุปกรณ์วัดสนามแม่เหล็กโลก อุปกรณ์วัดความเข้มของแสงอาทิตย์ และอุปกรณ์สัญญาณจีพีเอส กล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหวแบบ Full HD ระบบรับสัญญาณเรือ (AIS) และเครื่องบิน (ADS-B) เพื่อสนับสนุนภารกิจต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลจากดาวเทียม
นอกจากนี้ดาวเทียม THEOS-2A ยังเป็นดาวเทียมที่มีมาตรฐานระดับ Industrial Grade ดวงแรกของไทย ที่วิศวกรดาวเทียมชาวไทยได้มีส่วนร่วมในกระบวนการออกแบบ และพัฒนาด้านต่าง ๆ กับบริษัทที่มีประสบการณ์ในการสร้างดาวเทียม ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอนการนำส่งขึ้นสู่วงโคจร นับเป็นองค์ความรู้ที่ล้ำค่า เพื่อนำมาถ่ายทอด และยกระดับศักยภาพบุคลากรไทย ตลอดจนผู้ประกอบการ บริษัทด้านอวกาศของไทย ให้มีความพร้อมในการพัฒนาดาวเทียมเป็นของตนเอง
ดาวเทียม THEOS-2A ได้ผ่านกระบวนการทดสอบรูปแบบต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการนำส่งขึ้นสู่วงโคจร ทั้งการสั่นสะเทือนระหว่างขึ้นบิน การทดสอบคุณสมบัติของมวลดาวเทียม ตลอดจนความทนทานต่อความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่แปรผันอย่างสุดขั้วในห้วงอวกาศ ณ ศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติ หรือ AIT หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรมอวกาศของไทย ที่มีมาตรฐานสูง มีอุปกรณ์ครบครัน ทันสมัย พร้อมให้บริการทั้งดาวเทียมของไทยและต่างประเทศ ตั้งอยู่ที่อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
ในตอนนี้ ดาวเทียม THEOS-2A ได้ถูกส่งไปประกอบเข้ากับจรวด PSLV เพื่อเตรียมส่งขึ้นสู่อวกาศจากฐานปล่อยที่ศูนย์อวกาศสาธิต ธาวัน เมืองศรีหริโคตา ประเทศอินเดีย ในช่วงต้นปี 2569 เป็นของขวัญปีใหม่ และเป็นความภูมิใจของประเทศไทย ที่มีดาวเทียมจากผลงานและศักยภาพชาวไทย ประจำการอยู่ในวงโคจรรอบโลก พร้อมทำงานร่วมกับดาวเทียม THEOS-1 และดาวเทียม THEOS-2 อย่างแข็งขัน เพื่อสนับสนุนข้อมูลจากห้วงอวกาศ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้งานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ องค์ความรู้จากการพัฒนาดาวเทียม THEOS-2A ยังถูกนำไปใช้ในการพัฒนาดาวเทียม THEOS-3 ดาวเทียมสำรวจโลกคุณภาพสูงดวงถัดไปของประเทศไทยเช่นเดียวกับมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับบุคลากรภายในประเทศ เพื่อยกระดับขีดความสามารถคนไทย ให้พร้อมในการออกแบบและพัฒนาดาวเทียมที่มีประสิทธิภาพ ผ่านมาตรฐานระดับสูง และต่อยอดการนำองค์ความรู้จากห้วงอวกาศ มาใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อีกเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
7 ชาสมุนไพร “ปิดสวิตช์สมอง” ดื่มก่อนนอน 30 นาที หลับสบาย ไม่ตื่นกลางดึก

7 ชนิดของชาหลับสบาย ช่วยหลับลึก หลับดีมีคุณภาพ รากฐานของสุขภาพที่ดี
การนอนหลับที่มีคุณภาพ คือ รากฐานของสุขภาพที่ดี ผิวพรรณที่สดใส และอารมณ์ที่มั่นคง หากคุณกำลังมองหาวิธีธรรมชาติที่จะช่วยให้จิตใจสงบและหลับได้ง่ายขึ้น ชาสมุนไพรคือคำตอบค่ะ ดังนั้นลองมาดูกันว่า 7 ชนิดของชาที่จะช่วยปิดสวิตช์ความวุ่นวายในสมองก่อนนอน จะมีอะไรกันบ้างค่ะ
ชา 7 ชนิดที่ช่วยเรื่องการนอนหลับ
1.ชาคาโมมายล์
ชาคาโมมายล์เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นชาแห่งการผ่อนคลาย สารสำคัญคือ Apigenin ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ออกฤทธิ์เบา ๆ ต่อตัวรับ GABA ในสมอง ตัวรับนี้มีหน้าที่ช่วยให้จิตใจสงบและลดความวิตกกังวล การจิบชาคาโมมายล์อุ่น 30 นาทีก่อนนอน จะช่วยคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ และช่วยให้คุณผู้หญิงเข้าสู่สภาวะหลับลึกและมีคุณภาพได้อย่างอ่อนโยน
2.ชาเลมอนบาล์ม
ชาเลมอนบาล์มเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมคล้ายมะนาว มีประสิทธิภาพในการช่วยคลายความเครียดสะสมและลดอาการกระวนกระวาย สารประกอบในเลมอนบาล์มช่วยเพิ่มการทำงานของตัวรับ GABA เช่นเดียวกับคาโมมายล์ แต่เน้นไปที่การลดอาการตื่นตระหนกและความคิดที่ฟุ้งซ่าน สาว ๆ ที่มักมีความคิดวิ่งวนอยู่ในหัวจนนอนไม่หลับ การดื่มชาเลมอนบาล์มจะช่วยให้จิตใจสงบลงและพร้อมสำหรับการพักผ่อนค่ะ
3.ชา Passionflower
ชา Passionflower เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ได้รับการศึกษาว่ามีส่วนช่วยในการเพิ่มระดับ GABA ในสมอง แต่มีความโดดเด่นในการช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลที่เกี่ยวข้องกับความเครียดเรื้อรัง หากคุณผู้หญิงมีความรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่สงบก่อนนอน ชา Passionflower จะช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดพักผ่อนได้ดีขึ้น และช่วยให้หลับได้นานขึ้นโดยไม่ตื่นกลางดึก
4.ชา Valerian Root
ชาจากราก Valerian มีชื่อเสียงในฐานะยานอนหลับจากธรรมชาติ มีกลิ่นเฉพาะตัวที่ค่อนข้างแรง แต่ประสิทธิภาพสูงในการช่วยให้หลับลึก สารออกฤทธิ์ใน Valerian Root ช่วยให้หลับง่ายขึ้นและลดระยะเวลาของอาการนอนไม่หลับ สาว ๆ ที่ต้องการการสนับสนุนที่หนักแน่นกว่าชาคาโมมายล์ สามารถเลือกชา Valerian Root มาดื่ม 30 นาทีก่อนนอน เพื่อให้ได้การพักผ่อนที่มีคุณภาพและฟื้นฟูร่างกายอย่างเต็มที่
5.ชา Lavender
ชาลาเวนเดอร์ทำงานผ่านประสาทสัมผัสในการรับกลิ่น โดยกลิ่นหอมอโรมาติกของลาเวนเดอร์ มีผลโดยตรงต่อระบบลิมบิกในสมอง ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมอารมณ์และความทรงจำ การจิบชาลาเวนเดอร์อุ่น ๆ พร้อมสูดดมกลิ่นหอมจะช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจและความดันโลหิต ทำให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย คุณผู้หญิงจะรู้สึกสงบและสบายตัว ช่วยลดความตึงเครียดที่สะสมมาตลอดวันได้ดีมาก
6.ชา Magnolia
ชาที่ทำจากเปลือก Magnolia มีสาร Honokiol และ Magnolol ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย การลดระดับคอร์ติซอลในช่วงค่ำคืน มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการนอนหลับลึก การดื่มชา Magnolia Bark จะช่วยให้สาว ๆ ที่มีความเครียดสูง สามารถลดระดับความตื่นตัวของสมองและร่างกายได้ ทำให้หลับได้ง่ายขึ้นและไม่ตื่นกลางดึกจากความเครียดสะสม
7.ชานมร้อนขมิ้นชัน
แม้จะไม่ใช่ชาสมุนไพรโดยตรง แต่นมร้อนผสมขมิ้นชันหรือ Golden Milk ก็เป็นเครื่องดื่มก่อนนอนที่ทรงพลัง นมอุ่นมีกรดอะมิโน Tryptophan ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการสร้าง Melatonin ที่ช่วยในการนอนหลับ และขมิ้นชันมีสาร Curcumin ที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย การผสมผสานนี้ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย อบอุ่น และพร้อมเข้าสู่การพักผ่อนอย่างเต็มที่
ลงทุนกับการนอนจะให้ผลตอบแทนเป็นความสวยและความสุข การเลือกชาสมุนไพรที่ปราศจากคาเฟอีนและมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการ จะช่วยให้คุณผู้หญิงเข้าสู่การหลับลึกได้อย่างง่ายดาย ลองจิบชาเหล่านี้ 30 นาทีก่อนนอน เพื่อสัมผัสความแตกต่างของการพักผ่อนที่มีคุณภาพนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 17/12/2568
| ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
|---|---|---|---|
| ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 64,100.00 | 64,200.00 |
| ทองรูปพรรณ 96.5% | 4,144.00 | 62,823.04 | 65,000.00 |
| ทองรูปพรรณ 90% | 3,729.60 | 56,540.74 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 80% | 3,315.20 | 50,258.43 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 50% | 1,864.80 | 28,270.37 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 40% | 1,450.40 | 21,988.06 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 99.99% | 4,294.30 | 65,101.59 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 17/12/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| แก๊สโซฮอล์ 95 | 31.85 | 31.85 | 32.35 | 31.85 | 31.85 | 31.85 | 31.85 | 31.85 | 31.85 |
| แก๊สโซฮอล์ 91 | 31.48 | 31.48 | 31.78 | 31.48 | 31.48 | 31.48 | 31.48 | 31.48 | 31.48 |
| แก๊สโซฮอล์ E20 | 29.64 | 29.64 | 29.94 | 29.64 | – | 29.64 | 29.64 | 29.64 | 29.64 |
| แก๊สโซฮอล์ E85 | 27.59 | 27.59 | – | – | – | – | – | – | 27.59 |
| แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 40.04 | 49.54 | 49.84 | – | – | – | – | – | 40.04 |
| เบนซิน 95 | 40.14 | – | – | 49.51 | – | 40.64 | 40.29 | – | 40.14 |
| ดีเซล | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 |
| ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.44 | 45.64 | 49.84 | 45.64 | – | – | – | – | 43.44 |
| แก๊ส NGV | 18.55 | 18.55 | – | – | – | – | – | – | 18.55 |







