“LIV-24” เครือแสนสิริ ชู “Smart Tech Solution” พลิกโลกอุตสาหกรรม ช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุน

LIV-24 เครือแสนสิริ เผย Smart Tech Solution ช่วยลดต้นทุนผู้ประกอบการได้ถึง 20%รุกหนักยกระดับอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต ซอฟต์พาวเวอร์ไทยเติบโตสูงมูลค่าธุรกิจทะยานสู่ 5 แสนล้านภายในปี 70 เป้าปี68 รายได้ 280 ล้านบาท ปี 71 สยายปีกเข้าตลาดหลักทรัพย์
ท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน กำลังซื้อในตลาดทุกภาคส่วนชะลอตัว แต่ในทางกลับกันได้มีธุรกิจที่มองเห็นช่องทางและโอกาส สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด นั่นคือ “เทคโนโลยีอัจฉริยะ” ที่นอกจากช่วยลดต้นทุนของดีเวลอปเปอร์ในหลากหลายธุรกิจแล้วยังเป็นตัวช่วยที่ดีในการเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับผู้ใช้อาคารอีกด้วย
บริษัท LIV-24 จำกัด โดยบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัดภายใต้บริษัทลูกในเครือแสนสิริ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี2562 ด้วยเป้าหมายในการนำ Smart Tech มาใช้เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการอยู่อาศัย ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะอย่าง AI CCTV Analytics, Visitor Management System (VMS) และ Internet of Things (IoT) ซึ่งจุดเด่นคือ Detect ข้อมูลได้แบบ Real Time เพื่อรายงานผลไปยังศูนย์ Command Centre ที่มีผู้เชี่ยวชาญดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
โดยเริ่มจากให้บริการเทคโนโลยีความปลอดภัยในโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งของแสนสิริ และโครงการที่พลัสฯ ดูแล และขยายสู่ลูกค้ากลุ่มอื่นๆ ต่อเนื่อง อาทิ โตโยต้าขอนแก่น, Asset Five, Pre Built, โรงเรียนสาธิตพัฒนา, สัมมากร, ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น ประสบการณ์การดูแลโครงการต่าง ๆ กว่า 180 โครงการ มูลค่าทรัพย์สินกว่า 300,000 ล้านบาท และด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ผสานความเชี่ยวชาญของทีมงานและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ที่ผ่านมา LIV-24 สามารถเข้าระงับเหตุได้รวดเร็วเฉลี่ยใน 5 นาที และมีเคสอันตรายถึงชีวิตและทรัพย์สินเป็น 0 เคส
นางสาวนิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลิฟ-24 จำกัด (LIV-24) ให้สัมภาษณ์ว่าหลังจากประสบความสำเร็จจากการให้บริการตลาดที่อยู่อาศัย ล่าสุดประกาศความสำเร็จขยายธุรกิจสู่ภาคอุตสาหกรรม
ดยเปิดตัว Smart Industrial Tech Solutions ที่ช่วยลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการได้ถึง 20% สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมแข่งขันในระดับนานาชาติ นำร่องอุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต โดยร่วมหารือสภาหอการค้าไทย พัฒนา Future Food Industry เมกะเทรนด์ในปัจจุบัน และมีโอกาสเติบโตสูง คาดว่ามูลค่าธุรกิจในปี 2570 จะทะลุ 5 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ยังขยายฐานธุรกิจเจาะกลุ่มเป้าหมายดูแลสินทรัพย์ NPA ของสถาบันการเงินที่อาจเสี่ยงถูกครอบครองปรปักษ์ รวมถึงธุรกิจในอนาคตอีกจำนวนมาก จากการพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง ภายใต้ทีมงานเพียง 50 คน โดยตั้งเป้าการเติบโตในแต่ละปี ทะยานแบบคูณสอง เมื่อเทียบแต่ละปีที่ผ่านมา โดยปี2568 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 280 ล้านบาท ปี 2569 รายได้ 500 ล้านบาท ปี 2570 รายได้ 1,000 ล้านบาท ปี2571 รายได้ 2,000 ล้านบาท และนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 2571
“ในวิกฤตเศรษฐกิจ ได้มองเห็นโอกาสที่จะเข้าไปเจาะภาคอุตสาหกรรม โรงงานที่มีในตลาดมากกว่า 5,000 แห่ง วัสดุอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยมากถึง 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะไปในทุกกลุ่มที่มีแหล่งอุตสาหกรรม”
สำหรับกลยุทธ์ LIV-24 ในปี 2568 มุ่งขยายบริการไปยังภาคอุตสาหกรรม หลังจากที่ได้ร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และสภาอุตสาหกรรมไทยในปีที่ผ่านมา LIV-24 ตั้งเป้าขยายการเติบโตต่อไปยังภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ในอนาคต พร้อมนำ Industrial Tech มาใช้ เพื่อตอบโจทย์แต่ละภาคอุตสาหกรรมโดยเฉพาะทั้งใหญ่ กลาง เล็ก เช่น ระบบป้องกันอัคคีภัย กล้องอัจฉริยะ ระบบบริหารจัดการเครื่องจักร ระบบขนส่ง และการจัดการพลังงานและนํ้าเสีย ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาที่เสียไปจากความเสียหาย เพิ่มความปลอดภัย
ลดต้นทุนพลังงาน และยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชุมชน พร้อมลดต้นทุนรวมได้ถึง 20% เพื่อการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต พร้อมผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตขึ้น จากการใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ามาช่วยผลักดันภาคอุตสาหกรรม
“LIV-24 เติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่องทุกปี โดยปีที่ผ่านมา ทำรายได้รวม 116.5 ล้านบาท เติบโตขึ้น 78% จากปี 2566 ที่มีรายได้ 65.4 ล้านบาท และปี 2568 นี้ ตั้งเป้ารายได้ 280 ล้านบาทโตขึ้นอีก 140%”
นอกจากนี้ LIV-24 ได้เข้าร่วมหารือสภาหอการค้าไทย ร่วมกับทีมอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต ภายใต้การนำของ ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ถึงการนำ Smart Tech มาใช้ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร วางเป้าหมายร่วมกันผลักดันอุตสาหกรรม “อาหารแห่งอนาคต (Future Food)” ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ในปัจจุบัน และมีความเติบโตสูง คาดว่ามูลค่าในปี 2570 จะทะลุ 500,000 ล้านบาท เพื่อให้อุตสาหกรรมอาหารไทย สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
สำหรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ ไว้วางใจ LIV -24 ได้แก่ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์, อุตสาหกรรมการบิน, อุตสาหกรรมเสื้อผ้า และอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BG และทำการติดตั้งระบบ AI CCTV Analytics ให้กับโรงงานของ BG ทั้งในพื้นที่สำนักงานและคลังเก็บสินค้า เพื่อยกระดับความปลอดภัยในพื้นที่
นอกจากนี้ยังมี Bangkok Aviation Fuel Services (BAFS) ดำเนินธุรกิจหลักเกี่ยวกับการให้บริการนํ้ามันเชื้อเพลิงอากาศยานอย่างครบวงจรในประเทศไทย LIV-24 เข้าไปติดตั้งระบบ “LIV-24 NEXUS” ซึ่งเป็น Smart CCTV System ให้กับโรงงานของ BAFS ธุรกิจเติมนํ้ามันอากาศยาน (Energy Logistic Provider) เป็นการวางโครงสร้างการทำงานของ CCTV แบบแยกส่วน (Distributed Smart Architecture) ยกระดับจากแนวคิดเดิมที่กล้องเสียเพียงจุดเดียวอาจกระทบระบบรักษาความปลอดภัยทั้งเครือข่าย ช่วยลดต้นทุนความเสียหายจากการซ่อมแซมได้ถึง 70% และลดระยะเวลาในการซ่อมแซมได้สูงสุดถึง 75% เมื่อเทียบกับระบบเดิม เป็นต้น
นี่คือเทคโนโลยีสุดล้ำที่มีบาทบาทสำคัญต่อธุรกิจ ชีวิตและทรัพย์สินทั้งปัจจุบันและโลกแห่งอนาคต
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ทู ดีเทล ดีเวลลอปเม้นท์รุกเจาะกลุ่มลักชัวรี่ หนีตลาดอสังหาฯชะลอ

ทู ดีเทล ดีเวลลอปเม้นท์สบช่องตลาดอสังหาริมทรัพย์ลักชัวรี่เติบโตต่อเนื่อง ดัน Detail Khao Tao, Hua Hin เจาะกลุ่มเป้าหมายระดับบน นักลงทุนไทยและต่างชาติ
บริษัท ทู ดีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการต่อยอดธุรกิจ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทมองเห็นช่องทางในการทำตลาดที่อยู่อาศัยในระดับลักชัวรี่ ที่มีแนวโน้มการเติบโตเมื่อเทียบกับตลาดระดับกลางและล่าง
ทั้งในแง่ของดีมานด์และซัพพลาย ทำให้ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคระดับบนที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด รวมถึงกลุ่มนักลงทุน ที่มองเห็นโอกาสของการลงทุนที่คุ้มค่าในอนาคต
โดยจากสถานการณ์ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกำลังซื้อในประเทศที่ถดถอย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางและล่าง

รวมถึงรายได้ของคนไทยที่โตไม่ทันกับราคาบ้านที่ปรับขึ้น 5-10% ประกอบกับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เข้มงวดขึ้น ที่ปัจจุบันมีอัตราสูงถึง 70% และยังคงเป็นตัวแปรที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อบ้านของคนไทย
ซึ่งบริษัทฯได้ดำเนินการผ่านการนำเสนอ Detail Khao Tao, Hua Hin พลูวิลล่า ระดับลักชัวรี่ หรือ บ้านพักตากอากาศ 2 ชั้น พร้อมอยู่อาศัย ทำเลที่ตั้งเขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวนจำกัด 11 ยูนิต เนื้อที่รวม 5.5 ไร่ โดยมีการออกแบบสไตล์โมเดิร์นให้ดูโปร่งและโล่ง เพื่อสร้างการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ความเป็นครอบครัวและส่วนตัว ซึ่งเหมาะกับการพักผ่อนตากอากาศ
สำหรับโครงการดังกล่าวจะมุ่งเน้นการเจาะเป้าหมายกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อพักอาศัยเป็นที่พักตากอากาศ หรือซื้อเพื่ออยู่อาศัย และต้องการอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ รวมถึงกลุ่มผู้ซื้อเพื่อการลงทุนในการปล่อยเช่า
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 18มิ.ย. “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”ที่ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่แนวต้านอาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วน ทยอยขายเงินดอลลาร์ ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.40-32.75 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 18มิ.ย.2568ที่ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.55 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อนได้
เพราะแม้ว่า เงินดอลลาร์จะทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง จากความต้องการถือครองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ทว่า ความกังวลดังกล่าวก็ยังพอช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของเงินบาทเข้าใกล้โซนแนวต้าน 32.60 บาทต่อดอลลาร์ อาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วน ทยอยขายเงินดอลลาร์ หรือปิดสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ที่เริ่มเปิดสถานะดังกล่าวกันมาบ้าง ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติมได้ หากบรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม กดดันให้ บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายสินทรัพย์ไทย
โดยเฉพาะหุ้น นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นแรงอีกครั้งของราคาน้ำมันดิบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ก็อาจเพิ่มแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท ผ่านโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับน้ำมันดิบได้
อย่างไรก็ตาม เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยเรากังวลว่า แม้เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25-4.50% ตามคาด แต่หากคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย
หรือ Dot Plot ใหม่ ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ก็อาจหนุนให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในทางกลับกัน หาก Dot Plot ใหม่ สะท้อนว่า เฟดอาจมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยได้มากกว่าที่ตลาดประเมินไว้
โดยเฉพาะในปีหน้า รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยในระยะยาว (Long-run Policy Rate) ก็อาจกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงต่อ พร้อมกับการอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์ได้
และที่สำคัญ เราขอเน้นย้ำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด เนื่องจากสถิติย้อนหลังตั้งแต่ปี 2022 (เพื่อให้ข้อมูลมากพอ จนมีนัยเชิงสถิติ) ชี้ว่า เงินบาท (USDTHB) อาจมีการแกว่งตัวในระดับ +/- 1SD ได้ราว +/-0.30% ในช่วง 30 นาที หลังตลาดรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด
การเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ อย่าง เงินบาทในช่วงระยะสั้นนี้ ยังคงสะท้อนถึงภาวะความผันผวนสูงเกินปกติของตลาดการเงิน ทำให้ เราคงเน้นย้ำความสำคัญของการใช้กลยุทธ์ในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะกลยุทธ์ Options และการพิจารณาใช้ Local Currency เนื่องจากบางสกุลเงิน อย่าง CNYTHB ก็มีความผันผวนที่ต่ำกว่า USDTHB อย่างเห็นได้ชัด
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.48-32.64 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์
ที่แม้จะเผชิญแรงกดดันจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ที่ออกมาแย่กว่าคาด อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนพฤษภาคม หดตัว -0.9%m/m และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนพฤษภาคม ก็หดตัว -0.2%m/m
ทว่าเงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้างจากความต้องการถือครองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) หลังผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า สหรัฐฯ อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล จนส่งผลให้สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงและลุกลามบานปลายได้
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ที่สามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 145 เยนต่อดอลลาร์ หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.50% พร้อมส่งสัญญาณไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย
ทั้งนี้ แรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท ก็ถูกชะลอด้วยการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) เข้าใกล้โซนแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หากสหรัฐฯ เข้ามามีส่วนร่วม
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง ท่ามกลางความกังวลว่า สหรัฐฯ อาจเข้าไปมีส่วนร่วมในการสู้รบระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล จนทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าวอาจทวีความรุนแรงมากขึ้นได้
นอกจากนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ออกมาแย่กว่าคาด ก็มีส่วนกดดันบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.84%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวลง -0.85% หลังผู้เล่นในตลาดกลับมากังวลสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางอีกครั้ง ท่ามกลางความเสี่ยงว่าสหรัฐฯ อาจเข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรป ยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงาน อาทิ Shell +1.3% ตามอานิสงส์การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ
ในส่วนตลาดบอนด์ บรรยากาศในตลาดการเงินที่พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยงอีกครั้ง ได้กดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.39% ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็เป็นไปอย่างจำกัด
เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟดที่จะถึงนี้ โดยเรามองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจมีความเสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นได้บ้างในระยะสั้น หาก Dot Plot ใหม่ของเฟด
สะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยลงในปีนี้ (และอาจรวมถึงในปีหน้า) จากที่เคยประเมินไว้ และน้อยกว่าที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ ทำให้ เราคงแนะนำให้ผู้เล่นในตลาดรอจังหวะทยอยเข้าซื้อสะสมบอนด์ระยะยาวสหรัฐฯ ในช่วงบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะในโซน >= 4.50%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น ได้หนุนความต้องการถือครองเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ก็พอได้แรงหนุนเพิ่มเติมตามการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) จากแนวโน้มการไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ทั้งนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ออกมาแย่กว่าคาดได้จำกัดการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 98.8 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.0-98.9 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ ความไม่แน่นอนของ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่พร้อมจะทวีความรุนแรงได้ทุกเมื่อ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) มีจังหวะรีบาวด์สูงขึ้น สู่โซน 3,400-3,420 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่การประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วง 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ของเช้าวันที่ 19 มิถุนายน โดยผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจและคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ Dot Plot ใหม่ของเฟด
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ ในเดือนพฤษภาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่ล่าสุด
ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า BOE อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้อีกราว 2 ครั้ง ครั้งละ 25bps ในปีนี้ นอกจากนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB)
และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการประชุมธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ 5.50% หรือไม่
นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า อย่าง จีน รวมถึงสถานการณ์ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง อย่าง การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าไปที่ระดับประมาณ 32.60-32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ อีกครั้งในช่วงเช้าวันนี้ (9.37 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.57 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงเช่นเดียวกับภาพรวมของสกุลเงินเอเชีย ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีแรงหนุนต่อเนื่องท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดที่ลากยาวต่อเนื่องระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ประกอบกับตลาดอยู่ระหว่างรอติดตามสัญญาณดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ และ dot plot ใหม่จากการประชุมเฟดในคืนนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.50-32.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ข้อมูลการส่งออกเดือนพ.ค. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ สัญญาณดอกเบี้ยและ dot plot ของเฟด ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สถานการณ์ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ประเด็นการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า รวมถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. ของอังกฤษและยูโรโซน และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ประกาศรายชื่อ 14 วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เกมพบ ญี่ปุ่น ศึก VNL 2025

การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง เนชั่นส์ลีก 2025 (VNL 2025) สัปดาห์สอง กลุ่ม 5 ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ระหว่างวันที่ 18 – 22 มิถุนายน 2568
โดย “ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” เตรียมจะลงสนามเกมแรก ในสัปดาห์สอง พบกับ ญี่ปุ่น ทีมอันดับ 5 ของโลก ที่ฟอร์มสดชนะรวด 4 นัด ไม่เสียเซตให้กับคู่แข่งเลย
ก่อนเกม เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้ตัดสินใจประกาศรายชื่อ 14 ผู้เล่นชุดที่จะลงทำการแข่งขันในวันนี้ออกมาเป็นที่เรียบร้อย
รายชื่อ 14 นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เกมพบ ทีมชาติญี่ปุ่น
เซตเตอร์
พรพรรณ เกิดปราชญ์, ณัฏฐณิชา ใจแสน
หัวเสา
อัจฉราพร คงยศ, ชัชชุอร โมกศรี, ดลพร สินโพธิ์, วริศรา ศรีทาเลิศ, ศศิภาพร จันทวิสูตร
บอลเร็ว
ทัดดาว นึกแจ้ง, หัตถยา บำรุงสุข, วิมลรัตน์ ทะนะพันธุ์
บีหลัง
พิมพิชยา ก๊กรัมย์, ธนัชชา สุขสด
ตัวรับอิสระ
ปิยะนุช แป้นน้อย, กัลยรัตน์ คำวงษ์
สำหรับ ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย จะลงเล่นเกมแรก ในสัปดาห์สอง พบกับ ญี่ปุ่น ในวันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568 เวลา 16.00 น. แฟนๆ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง VBTV
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เปิด 5 สัญญาณ “ดื้ออินซูลิน” ปล่อยไว้เสี่ยง เบาหวาน ไขมัน ความดัน

เปิด 5 สัญญาณ “ดื้ออินซูลิน” ปล่อยไว้เสี่ยงโรคเบาหวาน ไขมัน ความดัน มีอะไรบ้าง “หมอเจด” ไขคำตอบอาการ และ สาเหตุ
วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568 “หมอเจด” หรือ นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอเจด ว่า ถ้าพูดถึงอินซูมลิน หลายคนเข้าใจว่า “ดื้ออินซูลิน” คือ เรื่องของคนเป็นเบาหวานเท่านั้นแต่ความจริงคือ จุดเริ่มต้นของโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน ไขมันพุ่ง และโรคหลอดเลือดหัวใจอีกสารพัด
ใครมีอาการต่อไปนี้ซัก 2 – 3 ข้อขึ้นไปก็เป็นไปได้สูงมากว่า “ร่างกายเริ่มดื้อต่ออินซูลิน” แล้วมาดูกันเลยว่า 5 สัญญาณที่น่าสังเกตมีอะไรบ้าง
1. น้ำหนักขึ้นง่าย ไขมันลงพุง
ใครเคยเป็นบ้าง? ไม่ได้กินเยอะขึ้น แต่ทำไมกางเกงมันแน่นขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะตรง “พุง” ที่เริ่มแน่น แข็ง และล้นออกมาชัด
สาเหตุหลักเลยคือ “อินซูลิน” ที่สูงอยู่ตลอดเวลาพออินซูลินเยอะ มันจะไปกระตุ้นให้ร่างกายสะสมพลังงานในรูป “ไขมัน” และจุดที่ไขมันพอกได้ง่ายที่สุดก็คือ “รอบอวัยวะภายในช่องท้อง” กลายเป็นพุงนั่นเอง
ซึ่งคนที่มี “Visceral fat” หรือ ไขมันในช่องท้องมาก มักมีภาวะดื้ออินซูลินแบบเรื้อรังและยังเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน และไขมันพอกตับ อีกด้วย
2. หิวบ่อย อยากของหวาน กินข้าวแล้วอยากของหวานอีก
ภาวะอินซูลินดื้อทำให้กลูโคสไม่สามารถเข้าเซลล์ได้เต็มที่ถึงเราจะกินอาหารเข้าไปแล้ว แต่พลังงานมันเข้าไม่ถึงเซลล์ ทำให้ร่างกายเลยสั่งให้ “หิวอีก”
ผลคือ
- อยากกินของหวาน ของมัน
- หิวถี่ขึ้นทุก 2 – 3 ชั่วโมง
- บางคนกินแล้ว “ง่วง“ เพราะน้ำตาลในเลือดแกว่ง
นี่คือวงจรอุบาทว์ของ “หิว-กิน-อินซูลินพุ่ง-หิวใหม่” วนไม่จบและยิ่งกินหวานเท่าไหร่ ร่างกายยิ่งดื้ออินซูลินมากขึ้นเท่านั้น ใครมีอาการแบบนี้บ่อย ๆ ควรลองลดของหวาน แป้งขัดขาว แล้วเช็กพฤติกรรมด้วย
3. เหนื่อยง่าย เพลียเรื้อรัง แม้นอนพอ
คนที่มีภาวะดื้ออินซูลิน มักจะรู้สึก “ไม่มีแรง” หรือ “เหนื่อยง่าย” แม้ว่าจะนอนครบ 7 – 8 ชั่วโมง หรือไม่ได้ทำงานหนักก็ตาม
เพราะอะไร? เพราะแม้ร่างกายจะมีพลังงาน จากอาหารแต่น้ำตาลเข้าเซลล์ไม่สะดวก เซลล์ไม่ได้รับพลังงาน เราจึงรู้สึก “อ่อนล้าเรื้อรัง”
บางคนบอกว่ารู้สึกสมองเบลอ มึน ๆ คิดงานไม่ออก แถมอารมณ์ก็แกว่งง่าย ทั้งหมดนี้สัมพันธ์กับน้ำตาลในเลือดที่ไม่เสถียร จากอินซูลินที่ไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ
4. ผิวคล้ำตรงคอ รักแร้ ข้อพับ ขัดยังไงก็ไม่หาย
อันนี้เป็นอาการเฉพาะที่หลายคนไม่รู้ว่าเกี่ยวกับ “อินซูลิน” ที่เรารู้จักว่าคอคาร์บอนนั่นแหละชื่อทางการแพทย์คือ Acanthosis Nigricans
ลักษณะคือ
- ผิวคล้ำ เหนียวขึ้นเล็กน้อย
- มักเกิดบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ ข้อพับ
- บางคนเข้าใจผิดว่า “ขี้ไคล” แล้วพยายามขัด แต่ก็ไม่หาย
กลไกคือ อินซูลินในเลือดสูงเรื้อรัง ไปกระตุ้นการแบ่งเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวบริเวณนั้นหนาขึ้น คล้ำขึ้น พบได้บ่อยในคนที่มี BMI สูง, อ้วนลงพุง หรือเด็กที่กินหวานจัด
5. ตรวจสุขภาพแล้วเจอ ไขมันพอกตับ ไขมันในเลือดสูง ความดันสูง
ใครเคยตรวจสุขภาพแล้วหมอบอกว่า “ค่าตับขึ้น” หรือ “มีไขมันพอกตับ” หลายคนตกใจ แต่ไม่รู้ว่า “อินซูลิน” ก็มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง
กลไกคือ
- อินซูลินที่สูงเรื้อรังจะกระตุ้นให้ ตับเก็บไขมันไว้มากขึ้น
- เกิดภาวะ ไขมันพอกตับ (NAFLD) ซึ่งเป็นอาการเงียบ ๆ ที่อันตราย
แถมคนที่อินซูลินดื้อยังมีแนวโน้มไขมัน Triglyceride สูง, HDL ต่ำ และความดันขึ้นด้วย เพราะอินซูลินมีผลต่อระบบหลอดเลือดและไขมันในร่างกาย
ถ้ามีทั้งไขมันพอกตับ + ไขมันในเลือดสูง + ความดันสูง ต้องสงสัยภาวะดื้ออินซูลินไว้เลย
แล้วเราจะทำยังไง? ถ้ารู้ว่าตัวเองอาจกำลังอินซูลินดื้อ
เริ่มจากเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ ก่อน ดังนี้
- ลดน้ำตาล ของหวาน แป้งขัดขาว
- เพิ่มผัก โปรตีนดี และไขมันดีในมื้ออาหาร
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเดินเร็ว + เวทเบา ๆ
- นอนให้พอ (อย่างน้อย 6.5–8 ชม./คืน)
- ลดความเครียด เพราะคอร์ติซอลก็ทำให้ดื้ออินซูลินได้
ถ้าจะให้ดี แนะนำให้ตรวจ Fasting insulin + HOMA-IR ควบคู่กับ FBS, HbA1c ด้วยเพื่อดูแนวโน้มภาวะดื้ออินซูลินแบบแม่นยำ
สรุปอีกทีแบบเข้าใจง่ายๆ
ภาวะดื้ออินซูลินอาจไม่ได้ทำให้เรารู้ตัวทันที แต่มันส่งผลต่อระบบเผาผลาญ, น้ำหนัก, อารมณ์, ผิวหนัง และสุขภาพตับหัวใจของเราแบบเงียบ ๆ รู้เร็ว = ปรับก่อน = ป้องกันเบาหวานและโรคเรื้อรังได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
คำศัพท์ระหว่าง British vs American ที่ต้องรู้!

หลายคนอาจจะเคยได้ยินภาษาอังกฤษที่แตกออกเป็นสไตล์ British vs American แล้วอาจมีข้อสงสัยว่า มันต่างกันแค่ไหนนะ แต่ที่เราสามารถเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือคำศัพท์! มีทั้งที่สะกดคล้ายกันและไม่เหมือนกัน แถมอ่านไม่เหมือนกันอีกด้วย ดังนั้นเรามาลองเปรียบเทียบคำศัพท์ British และ American ว่า คุณเห็นคำไหนกันมาบ้างและคำไหนที่ต้องรู้!
British vs American มีคำศัพท์ที่ต่างกันมากน้อยแค่ไหน หน้าตาเหมือนกันไหม
จริง ๆ แล้วภาษาอังกฤษทั้งสองแบบมีความแตกต่างทางสำเนียงและหลักไวยากรณ์ แต่อย่างที่เราได้เห็นกันว่า สิ่งที่เราสามารถเห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคือคำศัพท์นั่นเอง บางคำก็สะกดคล้ายกัน แต่บางคำก็สะกดไม่เหมือนกันเลย แต่มีความหมายเหมือนกันทั้งคู่ บางทีเราอาจสังเกตได้จากตัวสะกดลงท้ายอย่าง colour (British) vs color (American) = สี หรือ analyse (British) vs. analyze (American) = วิเคราะห์ บางครั้งก็สะกดเหมือนกันแต่อ่านไม่เหมือนกัน เช่น water = น้ำ British จะออกเสียง โว้-เถอะ แต่ American จะพูดว่า ว้อ- เด่อร ฟังมาจนถึงตรงนี้แล้วอาจดูยากใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าได้ฝึกพูดบ่อย ๆ ก็จะคุ้นเคยไปเอง เรามาดูกันดีกว่าว่าคำศัพท์ระหว่าง British และ American จะเป็นอย่างไร พร้อมประโยคที่นำไปใช้ได้ มาดูกันเลย
ตัวอย่างคำศัพท์พร้อมประโยค
American | British | ความหมาย |
Mad | Angry | โกรธ, โมโห |
He must be mad / angry that she spent all that money on a fur coat.เขาต้องโกรธแน่ ๆ ที่หล่อนใช้เงินทั้งหมดไปกับเสื้อโค้ตเฟอร์แค่ตัวเดียว | ||
Anyplace | Anywhere | ที่ไหนก็ได้, ที่ไหนก็ตาม |
I can’t find my keys anyplace / anywhere.ฉันหากุญแจของฉันที่ไหนก็ไม่เจอเลย | ||
Cookie | Biscuit | ขนมอบกรอบ |
My mom baked cookies / biscuits for me.แม่ของฉันอบขนมอบกรอบให้ฉันด้วยล่ะ | ||
Bill | Bank Note | เงิน, ธนบัตร |
They withdrew £20,000 in small bills / banknotes.พวกเขาแลกเงินจำนวน 20,000 ปอนด์เป็นแบงค์ย่อย | ||
French Fries | Chips | มันฝรั่งทอด |
Millions of hamburgers and French fries / chips are eaten every year.มีการกินแฮมเบอร์เกอร์และเฟรนช์ฟรายส์หลายล้านชิ้นทุก ๆ ปี | ||
Movie | Film | ภาพยนตร์ |
Comedy and animation are my favorite types of movie / film.แนวตลกและแอนิเมชั่นเป็นหนังโปรดของฉันเลยล่ะ | ||
Vacation | Holiday | วันหยุด |
Her neighbors are going to Scotland for their vacation / holidays.เพื่อนบ้านของเธอกำลังเดินทางไปสกอตแลนด์ในวันหยุดของพวกเขา | ||
Elevator | Lift | ลิฟต์โดยสาร |
We need to take the elevator / lift to the eleventh floor.เราต้องขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นสิบเอ็ด | ||
Baggage | Luggage | กระเป๋าเดินทาง |
I think I should buy a new baggage / luggage for the next trip.ฉันคิดว่า ฉันควรซื้อกระเป๋าเดินทางใหม่สำหรับทริปหน้าละล่ะ | ||
Underwear | Pants | กางเกงชั้นใน |
Are you in front of the door? I’m in my underwear / pants.เธออยู่หน้าประตูแล้วหรอ ฉันยังใส่กางเกงชั้นในอยู่เลย | ||
Store | Shop | ร้านขายของ |
Here is the large store / shop where you can buy many different types of goods.นี่คือร้านค้าขนาดใหญ่ที่คุณสามารถซื้อสินค้าได้หลากหลายประเภท | ||
Candy | Sweets | ขนมหวาน |
You will gain weight if you eat to many candy / sweets.เธอจะน้ำหนักขึ้นนะ หากเธอกินขนมหวานมากเกินไป | ||
Closet | Wardrobe | ตู้เสื้อผ้า |
Her closet / wardrobe is full of stylish clothes and bags for any occasion.ตู้เสื้อผ้าของเธอเต็มไปด้วยเสื้อผ้าและกระเป๋าที่ดูดีมีสไตล์เหมาะกับทุกโอกาส | ||
Schedule | Time-table | ตารางเวลา, กำหนดการ |
As we are too busy, we need to draw up a new schedule / time-table.เนื่องจากพวกเรายุ่งกันมากเกินไป เราจำเป็นต้องจัดทำกำหนดการ/ตารางเวลาใหม่ | ||
Faucet | Tab | ก๊อกน้ำ |
Don’t forget to turn the faucet / tab off when you’re finished washing hands.อย่าลืมปิดก๊อกน้ำ เมื่อคุณล้างมือเสร็จแล้ว | ||
Semester | Term | ภาคการศึกษา |
This semester / term is over now. When will get our grades?เทอมนี้ก็จบแล้ว เมื่อไหร่เกรดพวกเราจะออก |
ใช้แบบไหนถึงจะถูก?
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เราใช้ โดยส่วนใหญ่เราจะคุ้นเคยกับ American English กันเสียมากกว่าในประเทศไทย เนื่องจากมีการเผยแพร่ภาษาอังกฤษแบบอเมริกันขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง และทางสหรัฐอเมริกาต้องการที่จะขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจในทางการทหารและเทคโนโลยี พร้อมกับการล่มสลายของจักรวรรดิอังกฤษ ดังนั้น American English จึงเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างและผู้คนก็เลือกใช้ภาษาอังกฤษสไตล์นี้ ณ เวลานั้น ทางที่ดีในบริบทต่าง ๆ เราควรเลือกใช้ American English หรือ British อย่างเดียวไปเลย เพื่อไม่ให้ต่างชาติสับสน โดยเฉพาะงานเขียนหรือการนำเสนองานที่ต้องใช้ความเป็นทางการ จึงควรเลือกใช้แบบเดียวเท่านั้น แต่หากคุณเป็นผู้เริ่มใช้ภาษาอังกฤษและไม่มีคลังคำศัพท์มากนักและพูดคุยแบบไม่ทางการ สามารถใช้ได้ทั้งสองแบบได้เลย แต่ทาง British จะค่อนข้างพูดและออกเสียงยากกว่าสักหน่อย เพราะพวกเขาต้องการอนุรักษ์ภาษาของตัวเองไว้สืบต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
‘ซีเมนส์ – อินวิเดีย’ ดึงพลัง ‘AI’ พลิกโฉมอุตสาหกรรม ‘การผลิต’

- ซีเมนส์ และ อินวิเดีย จะร่วมกันนำ AI สำหรับภาคอุตสาหกรรม (Industrial AI) มาสู่ผู้ผลิตทั่วโลก
- ปลดล็อกศักยภาพโรงงานการผลิตแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI
- พลิกโฉมพื้นที่การผลิตในโรงงาน
- เชื่อมต่อ NVIDIA AI และการประมวลผลแบบเร่งความเร็ว (Accelerated Computing) ของเอ็นวิเดีย เข้ากับแพลตฟอร์มและผลิตภัณฑ์ Siemens Xcelerator
“ซีเมนส์” ผนึกกำลัง “อินวิเดีย” ประกาศขยายความร่วมมือนำ AI สำหรับภาคอุตสาหกรรม “Industrial AI” และเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับยุคหน้ามาใช้เพิ่มศักยภาพกระบวนการผลิต ปูทางปลดล็อกโรงงานการผลิตแห่งอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI
เจนเซ่น หวง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ อินวิเดีย กล่าวว่า ผู้ผลิตยุคใหม่กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพการผลิต
อีกทั้งยังต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วให้ทันต่อความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความร่วมมือนี้จะนำ NVIDIA AI และ Accelerated Computing มาสู่องค์กรชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสสำหรับคลื่นเทคโนโลยีใหม่ของ AI ในภาคอุตสาหกรรม”
ด้าน โรแลนด์ บุช ซีอีโอ ซีเมนส์ กล่าวว่า AI กำลังพลิกโฉมภาคการผลิตและโครงสร้างพื้นฐานในระดับฐานราก ช่วงสามปีที่ผ่านมาทั้งสองบริษัททำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อผสานโมเดล AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูงเข้ากับชุดข้อมูลและความรู้เฉพาะทางในภาคอุตสาหกรรม
โดย ซีเมนส์ และ อินวิเดีย ได้เสริมศักยภาพให้แก่บริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรม ให้สามารถปลดล็อกศักยภาพของ AI ในระดับที่ขยายผลได้ในโลกจริง
เสริมศักยภาพการใช้ ‘AI’ ภาคการผลิต
สำหรับการผสานเทคโนโลยีของ ซีเมนส์ และ อินวิเดีย จะเสริมศักยภาพให้บริษัทในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ได้อย่างครอบคลุม
ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการปฏิบัติงาน ช่วยให้บริษัทสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและความร่วมมือระหว่างทีมงาน
หากมองย้อนไปถึงความร่วมมือเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลหรือดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในภาคอุตสาหกรรมในปี 2565 ซีเมนส์ และ อินวิเดีย ได้ประกาศความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนเมตาเวิร์สภาคอุตสาหกรรม หรือ Industrial Metaverse โดยเชื่อมต่อเทคโนโลยีจากพอร์ตโฟลิโอของ Siemens Xcelerator เข้ากับแพลตฟอร์ม NVIDIA Omniverse™
การผสานความเชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์และระบบอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรมของซีเมนส์เข้ากับเทคโนโลยี AI และการประมวลผลแบบเร่งความเร็วที่ล้ำสมัยของอินวิเดีย จะช่วยเสริมศักยภาพ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการและผลผลิต
ขณะเดียวกัน ช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนผ่านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ และความร่วมมือนี้ได้ขยายขอบเขตไปสู่การทำงานร่วมกันในด้าน Generative AI, Industrial AI และ Robotics
เมื่อต้นปีนี้ซีเมนส์ได้สานต่อความร่วมมือโดยนำเทคโนโลยีของ อินวิเดีย เข้ามารวมไว้ในแพลตฟอร์ม Siemens Xcelerator โดยเปิดตัว Teamcenter Digital Reality Viewer ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการแสดงผลในระบบการจัดการวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Lifecycle Management – PLM)
โดยนำความสามารถในการเรนเดอร์แบบ Ray-Tracing เทคนิคที่ใช้ในคอมพิวเตอร์กราฟิกเพื่อสร้างภาพที่สมจริงแบบเรียลไทม์มารวมไว้ใน Teamcenter ซึ่งบริษัทต่างๆ จะสามารถจำลองภาพและโต้ตอบผ่านโมเดลการจำลอง Digital Twins ของผลิตภัณฑ์ที่มีความสมจริงทั้งในด้านภาพและฟิสิกส์อย่างไร้รอยต่อ ช่วยให้การสามารถตัดสินใจรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น
ความสามารถนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย HD Hyundai หนึ่งในบริษัทต่อเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลกจำลองภาพเรือรุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจนและแอมโมเนีย
โดยจำลองการจัดการชิ้นส่วนหลายล้านชิ้นได้แบบเรียลไทม์ ช่วยลดระยะเวลาในการออกแบบที่ใช้เวลาหลายวันให้เหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมงด้วย Generative AI
เปิดมิติใหม่ ‘ภาคการผลิต’
ซีเมนส์ และ อินวิเดีย กำลังร่วมกันพลิกโฉมการดำเนินงานของโรงงานอุตสาหกรรม ด้วยไลน์ผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์อุตสาหกรรมรุ่นใหม่จากซีเมนส์ ซึ่งผ่านการรับรองสำหรับใช้งานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของอินวิเดียเพื่อสนับสนุนการประมวลผลทางอุตสาหกรรมด้วย AI ประสิทธิภาพสูง ในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อน ฝุ่น และแรงสั่นสะเทือน
อีกทั้งยังสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง คอมพิวเตอร์เหล่านี้สามารถตอบสนองภารกิจอัตโนมัติที่ซับซ้อนในภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่หุ่นยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพและการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ พร้อมเพิ่มความเร็วในการประมวลผล AI ได้สูงสุดถึง 25 เท่า
ขณะที่ ระบบ AI Agents ขั้นสูงจะทำงานได้อย่างไร้รอยต่อในพอร์ตโฟลิโอ Siemens Industrial Copilot โดยสามารถดำเนินกระบวนการที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องอาศัยการควบคุมจากมนุษย์ Siemens’ Industrial Copilot for Operations นำ Generative AI มาใช้ในพื้นที่การผลิต และจะได้รับการปรับแต่งให้สามารถทำงานบนระบบภายในองค์กร (on-premises)
โดยใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก NVIDIA RTX PRO™ 6000 Blackwell Server Edition ทั้งนี้ Siemens Operations Copilot ยังผสานการทำงานกับไมโครเซอร์วิส NVIDIA NeMo™ และ NVIDIA AI Blueprint สำหรับการค้นหาและสรุปข้อมูลจากวิดีโอ เพื่อให้การช่วยเหลือผ่าน AI แบบเรียลไทม์สำหรับการปฏิบัติงานในโรงงาน และช่วยลดเวลาการบำรุงรักษาเชิงรับ (Reactive Maintenance) ได้ถึง 30%
นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ผลิตสามารถมองเห็นระบบอุตสาหกรรมได้ครบวงจร 360 องศาและเสริมความแข็งแกร่งให้การดำเนินการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซีเมนส์ยังร่วมมือกับอินวิเดียในการพัฒนาแนวทางใหม่สำหรับความมั่นคงปลอดภัยของเทคโนโลยีปฏิบัติการ (Operational Technology) ด้วยการผสาน NVIDIA BlueField® DPU โดยใช้ประสิทธิภาพของการประมวลผลแบบเร่งความเร็วเพื่อผลักดันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
เชื่อว่าการขยายความร่วมมือระหว่างซีเมนส์และอินวิเดียครั้งนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของนวัตกรรมในภาคการผลิตอุตสาหกรรม ทำให้การผลักดันการนำโซลูชัน AI ไปใช้งานในพื้นที่ผลิต รวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ผัก 1 ชนิด มีโปรตีนสูงพอๆ กับนม คนไทยอาจไม่คุ้นชื่อ แต่หาซื้อได้ไม่ยาก

ผัก 1 ชนิด มีโปรตีนสูงพอ ๆ กับนม คนไทยอาจไม่คุ้นชื่อ แต่ประโยชน์เกินคาด เผยจุดเด่นที่หลายคนอาจยังไม่รู้
โปรตีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ และเอนไซม์ต่าง ๆ ในร่างกาย หากร่างกายขาดโปรตีนจะส่งผลต่อการทำงานโดยรวม ดังนั้นการได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอในแต่ละวันจึงเป็นเรื่องจำเป็น
นอกจากเนื้อสัตว์แล้ว หลายคนก็มักเลือกดื่มนมเพื่อเสริมโปรตีน แต่ความจริงแล้ว ยังมี “ผัก” อีกชนิดที่ให้โปรตีนสูงไม่แพ้นม แถมดีต่อสุขภาพหลายด้าน และยังไม่ค่อยมีคนรู้จักหรือบริโภคกันมากนัก นั่นคือ “อาร์ติโชค”
จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอาหาร กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA) พบว่า ในนม 100 กรัม มีโปรตีน 3.4 กรัม ส่วนอาร์ติโชค 100 กรัม ก็ให้โปรตีนใกล้เคียงกันถึง 3.3 กรัมเลยทีเดียว
อาร์ติโชคเป็นพืชล้มลุกอายุหลายปี มีลักษณะเป็นต้นมีใบแหลม มีถิ่นกำเนิดจากยุโรปตอนใต้ และเคยถูกปลูกไว้ใช้เป็นอาหารตั้งแต่สมัยกรีกและโรมันโบราณ
ส่วนประเทศไทย อาร์ติโชคปลูกได้ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นและสูงจากระดับน้ำทะเลมาก เช่น ดอยสูงภาคเหนือ โดยหาซื้อได้ตามร้านอาหารสุขภาพ ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ รวมถึงโครงการหลวง
โดยส่วนที่นิยมนำมารับประทานคือส่วนดอก ประกอบด้วยฐานดอก เส้นใยนุ่ม และกลีบเลี้ยงด้านนอกที่มีโคนกลีบสีขาวนุ่ม ซึ่งสามารถกินได้
ปัจจุบัน อาร์ติโชคไม่ได้เป็นแค่พืชผักเพื่อบริโภคเท่านั้น แต่ยังถูกนำมาใช้เป็นสมุนไพรเพื่อสุขภาพอีกด้วย

อาร์ติโชคต่อสุขภาพแค่ไหน?
ตามรายงานจากนิตยสาร Health อาร์ติโชคขนาดกลางเพียงหนึ่งดอก สามารถให้กรดโฟเลตและวิตามินเคได้เกือบ 20% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน และยังให้วิตามินซี แมกนีเซียม แมงกานีส และโพแทสเซียมอีกประมาณ 10% ของความต้องการในแต่ละวัน
สารอาหารเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม เช่น:
- โฟเลต (Folate): ช่วยในการสร้าง DNA และการแบ่งเซลล์
- วิตามินเค (Vitamin K): ส่งเสริมการแข็งตัวของเลือดและช่วยในการสร้างกระดูก
- วิตามินซี (Vitamin C): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- แมกนีเซียม (Magnesium): จำเป็นต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบประสาท และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิต
- แมงกานีส (Manganese): ช่วยสร้างคอลลาเจน และดูแลสุขภาพกระดูก
- โพแทสเซียม (Potassium): สนับสนุนการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ และการควบคุมความดันโลหิต
นอกจากนี้ อาร์ติโชคยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสื่อมและความเสียหายก่อนวัยอันควรอีกด้วย
มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากที่ชี้ให้เห็นว่า อาร์ติโชคอาจมีประโยชน์ในการป้องกันโรคต่าง ๆ ได้
นิตยสาร Health อ้างอิงผลการศึกษาหนึ่งซึ่งพบว่า อาร์ติโชคสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้
ขณะเดียวกัน งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Phytotherapy Research ยังพบว่า อาร์ติโชคมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูสุขภาพของตับ โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นโรคไขมันพอกตับ ซึ่งสามารถลดระดับเอนไซม์ตับ ลดคอเลสเตอรอลรวม คอเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ได้
นอกจากนี้ จากข้อมูลของนิตยสาร Health อาร์ติโชคยังเป็นแหล่งของพรีไบโอติกอย่างอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นอาหารของจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ช่วยส่งเสริมระบบย่อยอาหาร เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และอาจส่งผลดีต่ออารมณ์อีกด้วย

วิธีเลือกอาร์ติโชค
เวลาซื้ออาร์ติโชค ควรเลือกดอกที่จับแล้วรู้สึกแน่น หนักมือ กลีบใบแนบชิดกันสนิท มองดูสดใหม่
เคล็ดลับเล็ก ๆ ในการเช็กความสดคือ ใช้มือลูบเบา ๆ ที่กลีบใบ หากได้ยินเสียง “แกรก ๆ” แสดงว่าอาร์ติโชคนั้นยังสดอยู่ — ข้อมูลจากนิตยสาร Health
วิธีเตรียมอาร์ติโชคก่อนปรุง
วางดอกอาร์ติโชคที่ล้างสะอาดแล้วในแนวนอนบนเขียง จากนั้นตัดส่วนปลายดอกออกประมาณ 3–4 เซนติเมตร แล้วตัดโคนก้านทิ้ง
นำอาร์ติโชคที่ตัดแต่งเสร็จใส่ในชาม และบีบน้ำมะนาวสดลงไปเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ดำ จากนั้นจึงเลือกวิธีปรุงตามต้องการ
วิธีปรุงอาร์ติโชค
อาร์ติโชคสามารถนำไปต้ม ทอด ผัด นึ่ง หรืออบได้ แต่ในบรรดาวิธีทั้งหมด การต้มและการนึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ช่วยคงคุณค่าสารอาหารไว้ได้ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/06/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 52,200.00 | 52,300.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,374.00 | 51,149.84 | 53,100.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 3,036.60 | 46,034.86 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,699.20 | 40,919.87 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,518.30 | 23,017.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,180.90 | 17,902.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,496.37 | 53,004.97 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/06/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.95 | 32.95 | 33.45 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 | 32.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.58 | 32.58 | 33.08 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 | 32.58 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.74 | 30.74 | 31.24 | 30.74 | 30.74 | – | 30.74 | 30.74 | 30.74 | 30.74 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 29.09 | 29.09 | – | – | – | – | – | – | – | 29.09 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.54 | 49.24 | 49.84 | 49.24 | – | – | – | – | – | 41.54 |
เบนซิน 95 | 41.24 | – | – | – | 49.21 | – | 41.74 | 41.39 | – | 41.24 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |