สาระน่ารู้ประจำวันที่ 18 สิงหาคม 2568

PROUD โชว์กำไร Q2/68 พุ่ง 117% ปักหมุดโตยั่งยืน ฝ่าอสังหาฯซบเซา

PROUD โชว์ศักยภาพไตรมาส 2/68 กวาดรายได้กว่า 2,081 ล้านบาท โต 191.7% จากยอดโอนโครงการสำคัญ หนุนกำไรสุทธิเพิ่ม 117%

บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2568 (เมษายน–มิถุนายน) เติบโตโดดเด่นท่ามกลางภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังเผชิญแรงกดดัน โดยมีรายได้รวม 2,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 1,367 ล้านบาท หรือ 191.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิพุ่ง 117.4% อยู่ที่ 25 ล้านบาท สะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริหารพอร์ตโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อได้อย่างแม่นยำ

นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตในไตรมาสนี้มาจากการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการสำคัญ 2 แห่ง ได้แก่ “นิว ดิสทริค อาร์ 9” (Nue District R9) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมทำเลพระราม 9 ที่ตอบรับกับความต้องการของคนเมืองและนักลงทุนอย่างล้นหลาม คิดเป็นสัดส่วน 73% ของรายได้ และ “เวหา หัวหิน” (VEHHA Hua Hin) โครงการไฮเอนด์ริมทะเลซึ่งมีจุดขายด้านดีไซน์และโลเคชัน คิดเป็นสัดส่วน 25% ส่วนที่เหลือมาจากโครงการ “นิว ครอส คูคต สเตชัน” (Nue Cross Khu Khot Station) ประมาณ 2%

ในภาพรวมครึ่งปีแรก 2568 บริษัททำรายได้รวม 3,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 111.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท การเติบโตดังกล่าวไม่เพียงเกิดจากการปิดยอดขายในโครงการที่สร้างเสร็จเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสำเร็จของโครงการ “รมย์ คอนแวนต์” (ROMM Convent) ที่แม้อยู่ระหว่างก่อสร้างแต่สามารถปิดการขายได้กว่า 80% แล้ว สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดต่อแบรนด์และคุณภาพของสินค้าที่นำเสนอ

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน PROUD มียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) รวม 7,709 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนและรับรู้รายได้ตั้งแต่ครึ่งหลังปีนี้ไปจนถึงปี 2569 แบ็คล็อกดังกล่าวถือเป็นฐานรายได้ที่แข็งแกร่ง ช่วยลดความผันผวนของรายได้ในช่วงที่ตลาดเผชิญความไม่แน่นอน และเปิดโอกาสให้บริษัทวางแผนลงทุนโครงการใหม่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

นายพสุกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้สภาพเศรษฐกิจและตลาดอสังหาฯ ยังเผชิญความท้าทาย ทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ บริษัทจะยังคงยึดแนวคิด “ALL IS WELL – เพื่อชีวิตดีที่ยั่งยืน” ในการพัฒนาโครงการ โดยมุ่งตอบสนอง เรียลดีมานด์ และกลุ่มลูกค้า Mid–High Segment ซึ่งมีความสามารถทางการเงินสูง พร้อมควบคุมต้นทุนการพัฒนาอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาการเติบโตอย่างมั่นคงและสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจในระยะยาว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ทำเลหลักที่ต่างชาติแห่ซื้อคอนโด ‘สีลม-สาทร -ชิดลม’ยืนหนึ่ง

เปิดแผนที่ทำเลคอนโด ที่ชาวต่างชาติแห่ซื้อในไทย ‘สีลม-สาทร -ชิดลม’ยืนหนึ่ง ครึ่งปีแรก 2568 ทะลุ 13,000 ล้านชี้พฤติกรรมซื้อเปลี่ยนจาก “หรูหรา” เป็น “คุ้มค่า”

แม้เศรษฐกิจโลกยังมีแรงสั่นสะเทือน แต่เงินจากต่างประเทศยังไหลเข้าตลาดอสังหาฯ ไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทำเลทองที่ยังคงดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

เมื่อคนต่างชาติ…กลายเป็น “เจ้าของห้องข้างๆ เรา”
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2568 โดยเฉพาะจากแรงซื้อของ “นักลงทุนต่างชาติ” ที่เพิ่มขึ้นทั้งในมูลค่าและสัดส่วน แม้จำนวนยูนิตจะลดลงจากปีก่อนหน้า

จากรายงานของ Agency for Real Estate Affairs (AREA) ระบุว่าช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ต่างชาติเข้ามาซื้อห้องชุดแล้วกว่า 2,321 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 13,876 ล้านบาท หรือ 33% ของมูลค่าตลาดห้องชุดทั้งหมด ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

แม้จำนวนยูนิตจะลดลงจากปี 2567 อยู่ที่ 12% แต่ในแง่ของ “น้ำหนักทางเศรษฐกิจ” กลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะ ต่างชาติซื้อเฉลี่ยต่อยูนิตสูงถึง 5.98 ล้านบาท

“หรูหรา” ไม่ใช่คำตอบเสมอไป

หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือถึงแม้จะคิดว่าต่างชาติต้องการห้องหรูแพงลิบลิ่ว แต่ข้อมูลกลับชี้ว่า 71% ของห้องที่ชาวต่างชาติซื้อมีราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท

โดยห้องชุดราคายอดนิยม ได้แก่

2.1-3 ล้านบาท: 720 ยูนิต (31%)

3-5 ล้านบาท: 546 ยูนิต (24%)

แปลว่า ต่างชาติก็กำลังเข้ามาแข่งขันในตลาดเดียวกับคนไทย
ขณะที่หลายประเทศในอาเซียน เช่น มาเลเซีย หรืออินโดนีเซีย มีการตั้ง “เพดานขั้นต่ำ” สำหรับการซื้อคอนโดโดยต่างชาติ เช่น 10-15 ล้านบาท ไทยยังไม่มีมาตรการลักษณะนี้

ทำเลทองที่ต่างชาติ “ปักหมุด”

เมื่อแยกตามพื้นที่ จะพบว่า 4 ทำเลหลักที่ต่างชาติแห่ซื้อห้องชุด ได้แก่

1. ใจกลางเมือง   ‘สีลม-สาทร -ชิดลม’

จำนวนยูนิต 825 ยูนิต (36%)มูลค่า 8,159 ล้านบาท (59%)ราคาขายเฉลี่ย 9.89 ล้านบาทเหตุผล ใกล้ CBD, สิ่งอำนวยความสะดวกครบ, เหมาะทั้งอยู่เองและลงทุนปล่อยเช่า

2. รัชดาภิเษก – ลาดพร้าว

จำนวนยูนิต 725 ยูนิต (31%)มูลค่า 3,043 ล้านบาท (22%)ราคาขายเฉลี่ย 4.2 ล้านบาทเหตุผล ใกล้สถานทูต รถไฟฟ้าใต้ดิน คุ้มราคา

3. อ่อนนุช – สุวรรณภูมิ

จำนวนยูนิต 245 ยูนิต (11%)มูลค่า 1,095 ล้านบาท (8%)ราคาขายเฉลี่ย 4.47 ล้านบาทเหตุผล เดินทางสะดวกสู่สนามบิน ใกล้เมือง

4. บางนา – เทพารักษ์

จำนวนยูนิต 232 ยูนิต (10%)มูลค่า 622 ล้านบาท (5%)ราคาขายเฉลี่ย 2.68 ล้านบาทเหตุผล ราคาถูก ใกล้โครงการพัฒนาใหญ่

ต่างชาติกับเพดาน “49%” 

ตามกฎหมายไทย ต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ในคอนโดได้ สูงสุดไม่เกิน 49% ของพื้นที่อาคารทั้งหมด ยกเว้นใน EEC ที่เปิดให้ถือได้ 100%  แต่ในความเป็นจริง“ยังไม่มีโครงการใดที่ต่างชาติเข้ามาซื้อจนถึงเพดาน 49%”

ซึ่งสะท้อนว่า ยังมีช่องว่างให้ตลาดต่างชาติเข้ามาได้อีกมาก
พร้อมเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายว่า หากรัฐต้องการดึงเงินลงทุนจากต่างชาติ ควร “เก็บภาษีเฉพาะจากต่างชาติ” เพื่อใช้พัฒนาประเทศ

แม้ภาพรวมทั้งปี 2568 จำนวนยูนิตและมูลค่าการซื้อโดยต่างชาติจะลดลงจากปี 2567 แต่ “สัดส่วน” ต่อทั้งตลาดกลับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ต่างชาติกำลังกลายเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอสังหาฯ ไทย และกำหนดแนวโน้มใหม่ทั้งในแง่ราคา ทำเล และพฤติกรรมการซื้อ

ถ้าไทยไม่ปรับนโยบายให้สมดุล ก็อาจถึงวันที่คนไทยต้องเช่าห้องอยู่ในเมืองของตัวเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 18ส.ค. “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”ที่ระดับ 32.48 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังมี 3ปัจจัย”มุมมองดอกเบี้ยเฟด ค่าเงินหยวนและราคาทองคำ”ส่งผลต่อทิศทางการเคลื่อนไหวแข็งค่า/อ่อนค่า

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 18ส.ค.2568ที่ระดับ  32.48 บาทต่อดอลลาร์
“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ  32.43 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อยในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 32.41-32.51 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจะมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการรีบาวด์ขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์

ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงของราคาทองคำ หลังรายงานอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) ระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (เป็นส่วนหนึ่งของรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค U of Michigan Consumer Sentiment) ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าที่ตลาดประเมินไว้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง

โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสราว 17% ที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ และให้โอกาสราว 82% ที่เฟดจะเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ในปี 2026

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็เป็นไปอย่างจำกัด หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน อีกทั้ง ราคาทองคำก็เริ่มรีบาวด์ขึ้นบ้าง ในช่วงเปิดทำการช่วงเช้าของตลาดการเงินฝั่งเอเชีย 

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง หลังรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ออกมาสูงกว่าคาด

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น พร้อมรอติดตาม ถ้อยแถลงของประธานเฟด ในงาน Jackson Hole Symposium

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ งานสัมนาวิชาการประจำปีของเฟด (Jackson Hole Symposium) ซึ่งจะมีธีมเกี่ยวกับตลาดแรงงาน “Labor Markets in Transition: Demographics, Productivity, and Macroeconomic Policy.” โดยผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell รวมถึงบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในระยะข้างหน้า หลังรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ล่าสุด ที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ราว 2-3 ครั้ง ในปีนี้ ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนสิงหาคม รวมถึง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของบรรดาผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟดได้ โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 20% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ และมีโอกาสราว 87% ที่เดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง ในปีหน้า

▪ ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ในเดือนสิงหาคม ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนกรกฎาคม รวมถึงถ้อยแถลงของผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ BOE ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า BOE มีโอกาสราว 58% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 25bps 1 ครั้ง ในปีนี้

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซน ในเดือนสิงหาคม และติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ด้วยเช่นกัน เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ ECB โดยผู้เล่นในตลาดยังคงมองว่า ECB มีโอกาสราว 43% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 25bps 1 ครั้ง ในช่วงปลายปีนี้

▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นและทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ เดือนสิงหาคม อัตราเงินเฟ้อ CPI และยอดการส่งออก-นำเข้า ในเดือนกรกฎาคม โดยล่าสุด บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOJ มีโอกาสราว 69% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps อีก 1 ครั้ง ในปีนี้ ส่วนในฝั่งธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) นั้น บรรดานักวิเคราะห์ประเมินว่า BI อาจเลือกที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 5.25%

ขณะที่ ทางฝั่งธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) นักวิเคราะห์มองว่า RBNZ อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม 25bps สู่ระดับ 3.00% ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ยังเคลื่อนไหวภายในกรอบเป้าหมายของ RBNZ

▪ ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 รวมถึง รายงานยอดการค้าระหว่างประเทศ (Exports & Imports) เดือนกรกฎาคม ซึ่งอาจเริ่มสะท้อนผลกระทบของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่ชัดเจนขึ้น

สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way risk (เคลื่อนไหวได้ทั้งด้านอ่อนค่าและแข็งค่า) ตามการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด บรรดาผู้เล่นในตลาดได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ของเฟดในปีนี้ มาพอสมควร (โอกาสเพียง 19%) ทำให้ในระยะสั้น ตลาดอาจไม่ได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปอีกมากนัก จนกว่าจะรับรู้ รายงานข้อมูลการจ้างงานเดือนสิงหาคม ซึ่งจะรับรู้ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน
นอกจากนี้ ในส่วนของ positioning นั้น ผู้เล่นในตลาดก็ได้ปรับลดสถานะ Net Short USD (มองเงินดอลลาร์อ่อนค่า) ลงมาพอสมควร จนเรียกได้ว่า เกือบจะ Flat/Neutral positions ทำให้เงินดอลลาร์ก็พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง ตามการรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม อนึ่ง ไฮไลท์สำคัญ อย่าง ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในงานสัมนาวิชาการประจำปีของเฟด (Jackson Hole Symposium) ก็อาจไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ทำให้เราประเมินว่า หากผู้เล่นในตลาดต่างผิดหวังกับถ้อยแถลงของประธานเฟด ก็อาจปรับลดโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้

รวมถึงโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนลงบ้าง ทำให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้น กดดันราคาทองคำและเงินบาท ทว่า การอ่อนค่าของเงินบาท (USDTHB) ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ หากเงินบาทมีการอ่อนค่าลงเข้าใกล้โซนแนวต้าน

นอกเหนือจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด เรายังคงมองว่า การเคลื่อนไหวของทั้งเงินหยวนจีน (CNY) และราคาทองคำ จะเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเงินบาทพอสมควร เนื่องจากในช่วงนี้ ทั้งสองสินทรัพย์ได้เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทมาก

อนึ่ง เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน (หรืออ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน)

ส่วนเงินดอลลาร์นั้น เราคงมองว่า เงินดอลลาร์ยังคงเผชิญ Two-Way risk (เคลื่อนไหวได้สองทิศทาง) ขึ้นกับการปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดของผู้เล่นในตลาด หลังรับรู้รายงายข้อมูลเศรษฐกิจและการส่งสัญญาณต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดจากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะประธานเฟด

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.00-32.75 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.35-32.55 บาท/ดอลลาร์ 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.44-32.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.50 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที 32.43 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบในช่วงก่อนการประกาศตัวเลขจีดีพีไทยประจำไตรมาส 2/2568 (ตลาดคาดที่ 2.5% YoY) ขณะที่ แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วน เนื่องจากตลาดประเมินว่า ยังมีความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงมากกว่า 25 bps. ในการประชุมเดือนก.ย. นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังคงรอติดตามสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐฯ ของประธานเฟดจากที่ประชุมสัมมนาประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ในสัปดาห์นี้

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.35-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงตัวเลขดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค. ของสหรัฐฯ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ดวลกันยาว 5 เซต! “สาวไทย” พ่าย โครเอเชีย ศึกวอลเลย์บอล ชิงแชมป์โลก ยู-21 ปี

การแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก รุ่นอายุต่ำกว่า 21 ปี รอบจัดอันดับ 11-12 ที่เมืองซูราบายา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2568

“ทัพนักตบลูกยางสาวไทย” ที่ต้องยุติเส้นทางตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ต้องลงมาเล่นในรอบจัดอันดับ พบกับ โครเอเชีย ที่ก็อกหักมาเช่นกัน

โดยเกมนี้ ทีมสาวไทย เป็นฝ่ายออกนำก่อน 25-20 ขึ้นนำ 1-0 เซต จากนั้น “สาวโครแอต” ไม่ยอมพลิกเกมแซง 2-1 ด้วยการเอาชนะไปไปได้ด้วยสกอร์ 25-21 ทั้งสองเซต

อย่างไรก็ตาม เซตสี่ “สาวไทย” แก้เกมกลับมาเอาชนะไปได้ 25-16 ทำให้สถานการณ์กลับมาเสมอกัน 2-2 เซต ต้องไปตัดสินกันในเซตที่ห้า

เซตตัดสิน รูปเกมสุดสูสีต่างฝ่ายต่างทำแต้มใส่กัน ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น โครเอเชีย ที่ทำได้แน่นอนกว่าเอาชนะไปได้ 15-12 คว้าชัยไป 3-2 เซต คว้าอันดับ 11 ของรายการ ขณะที่ “สาวไทย” จบทัวร์นาเมนต์ด้วยอันดับ 12 ถือว่าดีกว่าเมื่อปี 2023 ที่จบอันดับ 15 ของรายการ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Shockwave Therapy คืออะไร? รักษาโรคอะไร? เหมาะกับใครบ้าง?

การรักษาด้วยคลื่นกระแทก หรือ ช็อกเวฟ (Shockwave) เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงที่มีพลังงานมาก ส่งตรงเข้าไปยังบริเวณที่มีอาการปวดหรืออักเสบ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ลดการอักเสบ และเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ทำให้การซ่อมแซมตัวเองของร่างกายเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

Shockwave บำบัด: คืออะไรและรักษาโรคอะไรได้บ้าง?

Shockwave Therapy หรือการบำบัดด้วยคลื่นกระแทก ทำงานโดยการส่งคลื่นเสียงพลังงานสูงไปยังบริเวณที่ปวด เช่น กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หรือกระดูก คลื่นเหล่านี้จะไปกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตในบริเวณดังกล่าว ทำให้เกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ นำสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อที่เสียหายได้ดีขึ้น และยังช่วยสลายหินปูนที่สะสมอยู่ตามข้อต่อและเอ็น ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดเรื้อรังบางชนิด

โรคที่สามารถรักษาได้ด้วย Shockwave

การรักษาด้วย Shockwave Therapy ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดและรักษาโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับระบบโครงสร้างร่างกาย ดังนี้:

  • เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ (Plantar Fasciitis): อาการปวดส้นเท้าที่พบบ่อยในผู้ที่ยืนหรือเดินเป็นเวลานาน
  • ปวดไหล่จากหินปูนเกาะที่เอ็น (Calcific Tendinitis): ภาวะที่มีการสะสมของแคลเซียมที่เอ็นรอบข้อไหล่
  • เอ็นข้อศอกอักเสบ (Tennis Elbow / Golfer’s Elbow): อาการปวดข้อศอกที่เกิดจากการใช้งานแขนซ้ำๆ
  • ปวดสะโพก (Greater Trochanteric Pain Syndrome): อาการปวดบริเวณด้านข้างของสะโพก
  • อาการปวดหลังส่วนล่าง (Lower Back Pain): อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังที่ไม่ได้เกิดจากภาวะกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท
  • การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นจากการเล่นกีฬา: ช่วยฟื้นฟูและลดอาการปวดได้อย่างรวดเร็ว
  • ภาวะกระดูกไม่ติด (Non-union Fractures): ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกในบริเวณที่กระดูกหักแต่ไม่เชื่อมต่อกัน

ผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วย Shockwave

  • ผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรังจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
  • ผู้ที่รักษาด้วยวิธีอื่นมาแล้ว เช่น การนวด กายภาพบำบัด หรือการใช้ยา แต่ไม่เห็นผล
  • นักกีฬาที่ต้องการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอย่างรวดเร็ว

ผู้ที่ไม่ควรเข้ารับการรักษา

การรักษาด้วย Shockwave ไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีภาวะดังต่อไปนี้:

  • สตรีมีครรภ์
  • ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งหรือมีเนื้องอก
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อในบริเวณที่จะรักษา
  • เด็กที่อยู่ในช่วงวัยเจริญเติบโต

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


140 คำศัพท์ภาษาอังกฤษธุรกิจ ใช้ทำงานจริง!

ภาษาอังกฤษในการทำงาน

ปัจจุบันในการทำงานมีความจำเป็นต้องใช้ภาษามากขึ้น เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาสำคัญที่ได้กลายเป็นภาษาธุรกิจไปแล้ว เราจึงจำเป็นจะต้องมีทักษะภาษาอังกฤษรอบด้าน เพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพการงาน สถาบัน เอ็ด ดู เฟิร์สท์ จึงรวม 140 คำศัพท์ภาษาอังกฤษธุรกิจ ที่จำเป็นในการทำงาน รับรองว่าในการทำงานของคุณต้องเจอคำศัพท์เหล่านี้แน่นอน

รายการ คำศัพท์ภาษาอังกฤษธุรกิจ

รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่สำคัญทางธุรกิจ Business เพื่อจะให้คุณเข้าใจความหมาย

Advantage (แอดวาน’ ทิจฺ) ความได้เปรียบ, ข้อได้เปรียบ, ข้อดี

  • One advantage of working at home is the low travel expense.
    ข้อดีหนึ่งของการทำงานที่บ้านคือค่าเดินทางต่ำ

Advertise (แอด’ เวอไทซ) โฆษณา, ประกาศ

  • The company paid millions of dollars to advertise its new product on TV.
    บริษัทจ่ายเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์ใหม่บนทีวี

Advice (แอดไวสฺ’) คำแนะนำ, ข้อคิดเห็น, ความเห็น

  • All you have to do is follow his advice.
    สิ่งที่คุณต้องทำคือทำตามคำแนะนำของเขา

Agenda (อะเจน’ ดะ) กำหนดการ, ระเบียบวาระ

  • Here are the proposed agenda items for the meeting on August 6
    ต่อไปนี้เป็นระเบียบวาระการประชุมในวันที่ 6สิงหาคม

Authorization (ออเธอริเซเชิน) การให้อำนาจ,การอนุญาต

  • We got his authorization for the project.
    เราได้รับการอนุมิตโปรเจคจากเขา

Bill (บิล) ใบเสร็จ

  • After the meal I asked for the bill.
    หลังอาหารผมขอบิลด้วยครับ

Brand (แบรนดฺ) ผลิตภัณฑ์

  • I’m sorry, but that brand of cigarettes is out of stock.
    ขอโทษครับ แต่บุหรี่ยี่ห้อนั้นหมดสต็อกแล้ว

Budget (บัด’เจท) งบประมาณ

  • I reviewed the budget, and decided to cut costs.
    ฉันตรวจสอบงบประมาณและตัดสินใจลดค่าใช้จ่าย

Capital (แคพ’พิเทิล) เงินทุน

  • Capital, land and labor are the three key factors of production.
    ทุน ที่ดิน และแรงงานเป็นปัจจัยสำคัญสามประการของการผลิต

Change (เชนจฺ) แลกเปลี่ยน

  • Where can I change some money?
    ฉันจะแลกเงินได้ที่ไหน?

Commission (คะมิช’เชิน) ค่านายหน้า, ค่าคอมมิชชั่น

  • We charge a commission of 3%.
    เราคิดค่าคอมมิชชั่น 3%

Competition (คอมพิทิช’เชิน) การแข่งขัน

  • Competition is very keen in the car industry.
    อุตสาหกรรมรถยนต์มีการแข่งขันกันมากขึ้น

Competitor (คัมเพท’ทิเทอะ) คู่แข่ง

  • Mark and Peter are head to head competitors in the car rental business.
    Mark และ Peter เป็นคู่แข่งกันในธุรกิจให้เช่ารถยนต์

Costs (คอสทฺ) ต้นทุน, ค่าใช้จ่าย

  • A wise businessman knows how to clamp down on costs.
    นักธุรกิจที่ฉลาดรู้วิธีลดต้นทุน

Creditor (เครด’ดิทเทอะ) เจ้าหนี้

  • The company is currently unable to pay its creditors.
    ปัจจุบันบริษัทไม่สามารถชำระเงินให้เจ้าหนี้ได้

Customer (คัส’เทิมเมอะ) ลูกค้า

  • He’s with a customer at the moment.
    ขณะนี้เขาอยู่กับลูกค้า

Deadline (เดดไลน์) กำหนดเวลาสุดท้ายที่ต้องทำให้เสร็จ

  • I worked all night so to meet the deadline.
    ฉันทำงานทั้งคืนเพื่อให้เสร็จตามกำหนด

Debt (เดบทฺ) หนี้สิน

  • He applied the money to the payment of debts.
    เขานำเงินไปชำระหนี้

Debtor (เดบ’เทอะ) ลูกหนี้

  • When a client is issued with a bill, the amount on the bill should be entered as debtors in the firm’s accounts.
    เมื่อลูกค้าออกบิล, จำนวนเงินในใบเรียกเก็บเงินควรป้อนเป็นลูกหนี้ในบัญชีของบริษัท

Decision (ดิซิส’เชิน) การตัดสินใจ

  • Everything depends upon your decision.
    ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ

Decrease (ดีครีส’) ลดลง

  • A valuable object decreases in value if it is damaged.
    ของมีค่าจะมีมูลค่าลดลงหากได้รับความเสียหาย

Deficit (เดฟ’ฟิซิท) ขาดดุล, การขาดทุน

  • A budget deficit will occur because of a revenue shortfall.
    การขาดดุลงบประมาณจะเกิดขึ้น เมื่อขาดรายได้

Delivery (ดิลิฟ’เวอรี) การส่ง,การนำส่ง

  • Delivery is not included in the price.
    ราคานี้ไม่รวมค่าขนส่งนะคะ

Department (ดิพาร์ท’เมินทฺ) แผนก

  • Please submit your claim for travelling expenses to the accounts department.
    กรุณายื่นคำร้องค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปที่แผนกบัญชีค่ะ

Difference (ดิฟ’เฟอเรินซฺ) ความแตกต่าง, ข้อแตกต่าง

  • Can you see the difference?
    คุณเห็นความแตกต่างหรือไม่ครับ?

Disadvantage (ดิสอัดแวน’ทิจฺ) ความเสียเปรียบ, ข้อเสียเปรียบ

  • Reflect on advantages and disadvantages before you make up your mind.
    ทบทวนข้อดีข้อเสียก่อนที่คุณจะตัดสินใจ

Discount (ดิส’เคาทฺ) ลดราคา, ลดส่วน

  • Can you give me a discount?
    คุณให้ส่วนลดฉันหน่อยได้ไหมคะ?

Distribution (ดิสทริบิว’เชิน) การแจก, การแบ่งสรร

  • The goods have been sitting in a warehouse for months because a strike has prevented distribution.
    สินค้าถูกเก็บไว้ในโกดังเป็นเวลาหลายเดือนเนื่องจากการประท้วงทำให้ไม่สามารถแจกจ่ายได้

Drop (ดรอพ) ทิ้ง, ตกหล่น, ตกต่ำลง

  • We had to drop our prices because of the recession.
    เราต้องลดราคาลงเพราะภาวะถดถอย

Employ (เอมพลอย’) ว่าจ้าง

  • They’ve employed her for a six-month trial period.
    พวกเขาจ้างเธอมาทดลองงานหกเดือน

Employee (เอมพลอยอี’) ลูกจ้าง

  • If any employee needs to take time off, s/he should contact the Personnel Department.
    หากพนักงานคนใดจำเป็นต้องหยุดงาน ควรติดต่อฝ่ายบุคคล

Employer (เอ็มพลอย-เออะ) นายจ้าง

  • I’m very lucky – I love my job and Robert really is the ideal employer.ฉันโชคดีมาก ฉันรักงานของฉัน และ Robert เป็นนายจ้างในอุดมคติจริงๆ

Encourage (เอนเคอ’ริจฺ) ให้กำลังใจ

  • They’ve always encouraged me in everything I’ve wanted to do.
    พวกเขาให้กำลังใจฉันเสมอในทุกสิ่งที่ฉันอยากทำ

Environment (เอนไว’เรินเมินทฺ) ภาวะสิ่งแวดล้อม

  • We won’t invest in any company that pollutes the environment.
    เราจะไม่ลงทุนกับบริษัทที่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม

Equipment (อีควิพ’เมินทฺ) อุปกรณ์, เครื่องมือ

  • I’m certain we can deliver the laboratory equipment by August 15.
    ฉันแน่ใจว่าเราสามารถส่งมอบอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการได้ภายในวันที่ 15 สิงหาคม

Establish (อีสแทบ’ลิช) สร้าง, ก่อตั้ง

  • John established his business 40 years ago.
    John ก่อตั้งธุรกิจเมื่อ 40 ปีที่แล้ว

Estimate (เอส’ทิเมท) การประมาณ,ประเมิน

  • We should be able to estimate how many customers we will have each month.
    เราควรจะสามารถประมาณจำนวนของลูกค้าได้ในแต่ละเดือน

Exchange (อิคซฺเชนจฺ’) แลกเปลี่ยน

  • She proposes an exchange of contracts at two o’clock.
    เธอเสนอให้เปลี่ยนสัญญาตอนบ่ายสองโมง

Experience (อิคซฺเพีย’เรียนซฺ) ประสบการณ์

  • Do you have any experience of working with kids?
    คุณมีประสบการณ์การทำงานกับเด็ก ๆ บ้างไหมคะ?

Explanation (เอคซฺพลเน’เชิน) การอธิบาย,การชี้แจง

  • Do you have anything to add to his explanation?
    คุณมีอะไรเพิ่มเติมในคำอธิบายของเขาหรือไม่?

Extend (อิคซฺเทนดฺ’) ขยายออก, ยืดออก

  • His company is extending its business.
    บริษัทของเขากำลังขยายธุรกิจ

Facilities (ฟะซิล’ลิที) สิ่งอำนวยความสะดวก

  • Any member can make use of these facilities.
    สมาชิกทุกคนสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ได้

Factory (แฟค’ทะรี) โรงงาน

  • She felt tired of working in the factory.
    เธอรู้สึกเหนื่อยกับการทำงานในโรงงาน

Feedback (ฟีดแบก) การตอบกลับ

  • Have you had any feedback from customers about the new product?
    คุณมีคำติชมจากลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่หรือไม่?

Fund (ฟันดฺ) เงินทุน,ทุน

  • The company has agreed to fund my trip to Australia.
    บริษัทได้ตกลงที่จะให้ทุนกับฉันในการเดินทางไปออสเตรเลีย

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


ดีเดย์แล้ว! บังคับใช้ Liveness Detection กสทช.คุมเข้มลงทะเบียนซิมทั่วประเทศ

  • กสทช. ประกาศบังคับใช้เทคโนโลยี Liveness Detection สำหรับการลงทะเบียนซิมการ์ดทั่วประเทศ โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
  • มาตรการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการสวมรอยยืนยันตัวตน ลดปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ การฉ้อโกง และการเปิดบัญชีม้า
  • เทคโนโลยี Liveness Detection เป็นการตรวจสอบว่าเป็นบุคคลจริงแบบเรียลไทม์ ไม่ใช่ภาพถ่ายหรือวิดีโอ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้รัดกุมกว่าวิธีการเดิม
  • ข้อบังคับใหม่นี้ครอบคลุมทั้งผู้ลงทะเบียนซิมการ์ดรายใหม่ทุกเครือข่าย และผู้ใช้บริการเดิมที่เปลี่ยนซิมแต่ใช้หมายเลขเดิม
  • การยืนยันตัวตนด้วยวิธีใหม่นี้สามารถทำได้ผ่านแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ศูนย์บริการ และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมยกระดับมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและป้องกันการสวมรอยลงทะเบียนซิมการ์ด ด้วยการบังคับใช้ เทคโนโลยี Liveness Detection ตรวจสอบตัวตนแบบเรียลไทม์ เริ่มมีผลพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการ กสทช. เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวครอบคลุมทั้งผู้ใช้บริการรายใหม่ทุกเครือข่าย (ทั้งเติมเงินและรายเดือน) และผู้ใช้เดิมที่เปลี่ยนซิมแต่ใช้หมายเลขเดิม โดยระบบใหม่นี้จะช่วยป้องกันการสวมรอย ลดการฉ้อโกงและการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

เทคโนโลยี Liveness Detection คืออะไร

เทคโนโลยีนี้สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ยืนยันตัวตนเป็นบุคคลจริง ไม่ใช่ภาพถ่าย วิดีโอ หรือหน้ากาก 3 มิติ โดยระบบจะให้ผู้ใช้ทำท่าทาง เช่น กระพริบตา หรือหยุดนิ่งต่อหน้ากล้อง คล้ายกับการยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชันธนาคาร ซึ่งเข้มงวดกว่าวิธีเดิมที่เพียงแค่ถ่ายภาพใบหน้าก็สามารถลงทะเบียนได้ ปิดช่องโหว่มิจฉาชีพที่นำภาพหรือวิดีโอบุคคลอื่นมาสวมรอย

โดยผู้ใช้บริการสามารถทำการลงทะเบียนได้ทั้งผ่านแอปของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ศูนย์บริการ ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย และร้านค้าย่อยทั่วประเทศ โดยผู้ให้บริการมีหน้าที่จัดเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยสูงสุด ภายใต้ข้อกำหนดของ กสทช. และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

เอกสารที่ต้องใช้ในการลงทะเบียน

• บุคคลสัญชาติไทย: บัตรประชาชนตัวจริง

• บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย: หนังสือเดินทาง (Passport) ตัวจริง

• นิติบุคคล: หนังสือรับรองนิติบุคคล และเอกสารแสดงตนของผู้มีอำนาจ

พล.ต.อ.ณัฐธร ย้ำว่า กสทช.ให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้บริโภคและความมั่นคงปลอดภัยของระบบโทรคมนาคม มาตรการนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากอาชญากรรมไซเบอร์ที่อาศัยหมายเลขโทรศัพท์เป็นเครื่องมือ เช่น การเปิดบัญชีม้า การปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือการส่งลิงก์หลอกลวงผ่าน SMS

เสริมเกราะคุ้มครองอุตฯโทรคม-สังคมดิจิทัล

นอกจากเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานซิมแล้ว กสทช.ยังเตรียมเดินหน้าประสานงานกับผู้ให้บริการมือถือเพื่อพัฒนาระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติแบบเรียลไทม์ เช่น การใช้ซิมจำนวนมากผิดปกติ หรือการลงทะเบียนซ้ำซ้อนในเวลาสั้น ๆ เพื่อป้องกันการนำซิมไปใช้ทำธุรกรรมผิดกฎหมาย

มาตรการนี้ไม่เพียงช่วยป้องกันการสวมรอย แต่ยังเป็นการยกระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย สู่สังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ

ทั้งนี้ การบังคับใช้ Liveness Detection ครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทยในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยด้านดิจิทัล และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการโทรคมนาคมในยุคที่ภัยไซเบอร์มีแนวโน้มทวีความซับซ้อนมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“หน่อไม้” อาหารแสลง หรือคิดไปเอง?

“หน่อไม้” มักอยู่ในรายชื่ออาหารที่ผู้หลักผู้ใหญ่มักไม่แนะนำให้ลูกหลานรับประทาน รวมถึงตัวเองด้วย ด้วยความเชื่อว่า หน่อไม้อันตราย เป็นอาหารแสลง ก่อให้เกิดโรคอันตราย เป็นแผลก็จะยิ่งทำให้แผลแย่ลง โดยเฉพาะหลังผ่าตัด รวมถึงยังเป็นสาเหตุของโรคอันตรายอย่าง “โรคมะเร็ง” อีกด้วย

แต่อันที่จริงแล้ว ความเชื่อเหล่านี้ เป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน ?

หน่อไม้ เป็นหน่ออ่อนของไผ่ที่แตกจากเหง้าใต้ดินมีลักษณะสีเหลืองอ่อน รสสัมผัสกรุบกรอบ ราคาย่อมเยา สามารถนำมาปรุงอาหารได้อย่างหลากหลาย ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด และยังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ไม่ใช่เพียงในประเทศไทยเท่านั้น

หน่อไม้ อันตรายจริงหรือ?

หน่อไม้ มีทั้งประโยชน์ และโทษ หากเลือกกินอย่างเหมาะสม ก็สามารถให้ประโยชน์ต่อร่างกายได้ แต่หากินหน่อไม้ไม่ถูกวิธี ไม่มีความระมัดระวังในการกิน ก็อาจเป็นโทษต่อร่างกายได้จริงๆ

หน่อไม้ที่เราบริโภคกัน มีอยู่หลายประเภท

หน่อไม้ดิบ

นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่า หน่อไม้ดิบหรือหน่อไม้ที่ยังปรุงไม่สุก อาจได้รับพิษจากสารไซยาไนด์ ซึ่งมีอยู่ในหน่อไม้ตามธรรมชาติ และทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย หากเข้าสู่ร่างกายในปริมาณน้อย สามารถขับออกทางปัสสาวะได้ แต่ถ้าได้รับในปริมาณมาก สารไซยาไนด์จะจับตัวกับสารในเม็ดเลือดแดง (hemoglobin) แทนที่ออกซิเจนทำให้เกิดอาการขาดออกซิเจน หมดสติและอาจทำให้เสียชีวิตได้

ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการบริโภคหน่อไม้ดิบ นายมงคล เจนจิตติกุล ผู้อำนวยการสำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กล่าวว่า การบริโภคหน่อไม้ที่ต้มสุกจะทำให้ผู้บริโภคปลอดภัยจากการได้รับสารไซยาไนด์ แต่หากอุณหภูมิและระยะเวลาในการต้มไม่เหมาะสมก็ไม่สามารถลดปริมาณสารชนิดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคก่อนที่จะนำหน่อไม้ไปบริโภคควรปรุงให้สุก ด้วยการต้มหน่อไม้ในน้ำเดือดนานอย่างน้อย 10 นาที ซึ่งสามารถลดปริมาณสารไซยาไนด์ลงได้ถึงร้อยละ 90.5

หน่อไม้ดอง

หน่อไม้เป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่นิยมนำมาหมักดองเพื่อการเก็บรักษาอาหารเอาไว้ให้ได้นานยิ่งขึ้น โดยมักทำการดองเอาไว้ในปิ๊บเป็นเวลาหลายเดือน หากขั้นตอนการหมักดองไม่สะอาดเพียงพอ จะเกิดเป็นเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum เจริญเติบโตอยู่ในหน่อไม้ที่อยู่ในปี๊บ หากทำมาปรุงอาหารด้วยความร้อนที่ไม่เพียงพอ อาจได้รับเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย อาเจียน ท้องเสีย หากสารพิษโบทูลินเริ่มซึมจากระบบทางเดินอาหาร เข้าสู่กระแสเลือดและระบบประสาท อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อหนังตา ลูกตา ใบหน้า การพูดการกลืนผิดปกติ กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง หายใจไม่ออก และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

นอกจากนี้ หน่อไม้ที่สะอาด และปรุงสุกด้วยความร้อน ปลอดภัยในการบริโภคก็จริง แต่ยังมีคนบางประเภทที่ไม่ควรบริโภคหน่อไม้มากจนเกินไป ได้แก่ 

  1. ผู้ป่วยโรคเกาต์ เพราะหน่อไม้มีสารพิวรินสูง อาจจะทำให้กรดยูริกที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเกาต์สูงขึ้น
  2. ผู้ป่วยโรคไต ไม่ควรรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกมากเกินไป (เช่น หน่อไม้) เพราะอาจมีปัญหาในการขับกรดยูริกส่วนเกินออกไปร่างกายไม่ได

หน่อไม้ ปลอดภัยกว่าที่คิด

แม้ว่าจะมีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ไม่ควรบริโภคหน่อไม้ แต่ในคนที่มีสุขภาพปกติดี รวมถึงผู้ป่วยเหล่านี้ สามารถรับประทานหน่อไม้ได้

  1. ผู้ป่วยเบาหวาน หน่อไม้ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดแต่อย่างใด
  2. ผู้ป่วยโรคตับ ไม่ว่าจะเป็นไวรัสตับอักเสบ หรือตับแข็ง ก็สามารถรับประทานหน่อไม้ได้ ไม่มีผลกระทบต่ออาการของโรค
  3. ผู้หญิงที่มีประจำเดือน มีระดูขาว หน่อไม้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเกิดระดูขาวในผู้หญิงแต่อย่างใด
  4. ผู้ที่มีแผล หลังผ่าคลอด หลังผ่าตัด หน่อไม้ไม่ได้มีส่วนทำให้แผลอักเสบ หายช้า หรือติดเชื้อใดๆ เช่นกัน
  5. หน่อไม้ ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งแต่อย่างใด (ยกเว้น หน่อไม้ฝรั่ง ที่สารแอสพาราจีน (Asparagine ) ซึ่งมีอยู่ในหน่อไม้ฝรั่งและอาหารอีกหลายชนิด เป็นตัวการที่ช่วยให้เซลล์มะเร็งเต้านมแพร่กระจายและเจริญเติบโตลุกลามไปทั่วร่างกายได้มากยิ่งขึ้น)

ข้อมูลทางโภชนาการของหน่อไม้

คุณค่าทางสารอาหารของหน่อไม้ ปริมาณ 100 กรัม

  • แคลอรี (kcal) 27
  • ไขมันทั้งหมด 0.3 g
  • ไขมันอิ่มตัว 0.1 g
  • ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 0.1 g
  • กรดไขมันไม่อิ่มตัวมีพันธะคู่เดี่ยว 0 g
  • คอเลสเตอรอล 0 mg
  • โซเดียม 4 mg
  • โพแทสเซียม 533 mg
  • คาร์โบไฮเดรต 5 g
  • เส้นใยอาหาร 2.2 g
  • น้ำตาล 3 g
  • โปรตีน 2.6 g
  • วิตามินเอ 20 IU
  • วิตามินซี 4 mg
  • แคลเซียม 13 mg
  • เหล็ก 0.5 mg
  • วิตามินดี 0 IU
  • วิตามินบี 6 0.2 mg
  • วิตามินบี 12 0 µg
  • แมกนีเซียม 3 mg

ประโยชน์ของหน่อไม้

หน่อไม้มีกากใยอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ ลดความเสี่ยงอาการท้องผูก นอกจากนี้ยังมีแคลอรี่ต่ำ จึงสามารถรับประทานได้ และเหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังมีโปรตีน โพแทสเซียม วิตามินเอ และแคลเซียมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ควรตระหนักว่า หน่อไม้ที่กินแล้วมีประโยชน์ ต้องเป็นหน่อไม้ปรุงสุก หน่อไม้ดอง (ที่สะอาด) มีคุณค่าทางสารอาหารต่ำกว่า แต่ไม่ได้มีอันตรายต่อร่างกายมากอย่างที่กลัวกัน และไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรรับประทานหน่อไม้มากเกินไป ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และเลือกรับประทานอาหารอย่างหลากหลายจะดีกว่า

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 18/08/2568 

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,300.0051,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,316.0050,270.5652,200.00
ทองรูปพรรณ 90%2,984.4045,243.50n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,652.8040,216.45n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,492.2022,621.75n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,160.6017,594.70n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,436.2752,093.85n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 18/08/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.5532.5533.0532.5532.5532.5532.5532.5532.5532.55
แก๊สโซฮอล์ 9132.1832.1832.6832.1832.1832.1832.1832.1832.1832.18
แก๊สโซฮอล์ E2030.3430.3430.8430.3430.3430.3430.3430.3430.34
แก๊สโซฮอล์ E8528.6928.6928.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.1449.8449.8449.8441.14
เบนซิน 9540.8449.8141.3440.9940.84
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า