ทาวน์โฮมกลาง-ล่างทรุด เฟรเซอร์สรุกคอนโดหรูจับดีมานด์นิคมอารยะ

ตลาดทาวน์โฮม กลาง-ล่างทรุด เฟรเซอร์สเบนเข็มรุกคอนโดหรูปักหมุดหลังสวนดึงBranded Residenceแจ้งเกิดปี69พร้อมรุกจับดีมานด์นิคมอุตสาหกรรมอารยะ บางนา
ปี 2568 ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยซึมต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนทั้งในและต่างประเทศ โดยกลุ่มลูกค้ากลาง-ล่าง ซึ่งมีสัดส่วนถึง 40% ของตลาดรวม ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้จากการเข้มงวดของธนาคาร ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความยากลำบากในการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยเฉพาะทาวน์โฮมระดับกลาง-ล่าง
สมบูรณ์ วศินชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT กล่าวว่า โจทย์ยากในปีนี้ คือ กำลังซื้อที่หดตัวลงจะทำอย่างไรให้ฟื้นกลับขึ้นมาได้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศ แต่เชื่อว่าประเทศไทยยังมี “โอกาส” จากการเข้ามาลงทุนของต่างชาติเข้ามาสร้างโรงงานผลิตสินค้าทำให้เกิดการจ้างงาน โดยข้อมูลบีโอไอช่วงที่ผ่านมาระบุว่ามีการซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมสูงสุดในรอบ 10 ปี
“ลุ้นอีก 2-3 ปี ที่เศรษฐกิจไทยพลิกฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเฟรเซอร์ฯ เตรียมซื้อที่ดิน พัฒนาโครงการต่างๆ รองรับเศรษฐกิจฟื้นตัวในปี 2570″
พร้อมกันนี้ ได้ทุบ “อพาร์ตเมนท์ เมย์แฟร์” ย่านซอยหลังสวน ซึ่งกำลังยื่น EIA คาดใช้เวลา 1 ปี จะเปิดตัวคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์มูลค่า 8,000 ล้านบาท ราคาขาย 4-5 แสนบาทต่อตร.ม. อาจใช้แบรนเด็ดเรสซิเดนซ์ นอกจากนี้ยังมีที่ดินพัฒนาอีก 2-3 โครงการภายใต้แบรนด์ KLOS อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า มูลค่าโครงการ 1,000-2,000 ล้านบาท ราคาขาย 1 แสนกว่าบาทต่อตร.ม. คาดเปิดปี 2569
แผนดังกล่าวจะทำให้เฟรเซอร์ฯ มีพอร์ตคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น และมียอดขายจากคอนโดมิเนียมได้ปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท และถ้าเปิดตัวคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ออกมาได้ยอดขายเพิ่มขึ้น 3,000-5,000 ล้านบาท
สมบูรณ์ คาดว่าในปี 2570 สัดส่วนรายได้คอนโดมิเนียมขยับขึ้นมาที่ 10% สำหรับ 90% เป็นแนวราบ มีรายได้ 15,000-16,000 ล้านบาทจากปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ 11,200 ล้านบาท จากการเปิดตัว 6 โครงการใหม่ บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ นครราชสีมา และขอนแก่น มูลค่ารวม 9,803 ล้านบาท เป็นแนวราบ 5 โครงการ มูลค่ารวม 9,353 ล้านบาท ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดลักชัวรี The Grand, Grandio ไฮไลต์แบรนด์ใหม่ที่เปิดตัวไปแล้ว Gramour ทาวน์โฮมพรีเมียมแบรนด์ใหม่ Goldina และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ แบรนด์ KLOS ทำเลรามอินทรา-แฟชั่น

สำหรับภาพรวมธุรกิจที่อยู่อาศัยปี 2568 มีโครงการแนวราบรวม 79 โครงการ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ รวมมูลค่า 114,738 ล้านบาท พร้อมวางแผนขยายโครงการขนาดเล็กในเมืองมากขึ้นดึงดูดลูกค้าใหม่
ขณะที่ โครงการ อารยะ ดิ อีสเทิร์น เกตเวย์ เมืองอุตสาหกรรมและนวัตกรรมครบวงจรรูปแบบใหม่บนพื้นที่ 4,600 ไร่ ยังไม่มีการลงทุนที่อยู่อาศัย ต้องใช้เวลาพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทั้งโรงงานและคลังสินค้าต่างๆ เฟสแรก 2,000 ไร่ ใช้เวลา 3-5 ปี ที่จะเกิดแหล่งงานและมีความต้องการที่อยู่อาศัย เฟรเซอร์ฯ ก็จะเข้าไปพัฒนาโครงการระยะแรก กึ่งหอพักหรืออพาร์ตเมนท์มูลค่า 100-200 ล้านบาท พื้นที่ 5-10 ไร่
“อนาคตเมื่อในพื้นที่มี 100-200 โรงงาน คนงานเป็นหมื่นคน เกิดความเป็นเมือง ต้องมี ร้านค้า รีเทล เป็นคอมเมอร์เชียลโซน รวมทั้งที่อยู่อาศัย เป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม บ้านแฝด ภายใต้แบรนด์ Golden Town, GOLDINA ราคา 2-3 ล้านบาท และ 5-8 ล้านบาท บนพื้นที่เกือบ 200 ไร่ มูลค่าระดับหมื่นล้านบาท”
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้19มี.ค.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.64 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways เนื่องจากตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ และ BI
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 19มี.ค.2568ที่ระดับ 33.64 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.58 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด ทว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI)
โดยในส่วนของผลการประชุม BOJ นั้น หาก BOJ ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม อย่างที่ผู้เล่นในตลาดคาดหวังว่า BOJ มีโอกาสราว 30% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในปีนี้ ก็อาจกดดันให้ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทดสอบโซนแนวต้าน 150 เยนต่อดอลลาร์ (หรืออ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าว) ได้ไม่ยาก
ส่วนในฝั่งของการประชุม BI นั้น ในเชิงสถิติรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา เราพบว่า เงินบาท (USDTHB) อาจผันผวน +0.16%/-0.11% ในช่วง 30 นาที หลังตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BI ได้ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ก็มีโอกาสที่ BI อาจลดดอกเบี้ยเซอร์ไพรส์ตลาด ส่งผลให้เงินอินโดนีเซียรูเปียะห์ (IDR) อาจอ่อนค่าลงบ้าง จนส่งผลกระทบต่อสกุลเงินฝั่งเอเชีย อย่างเงินบาทได้ ตามข้อมูลสถิติในอดีต
ส่วนในช่วงราว 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ของเช้าวันพฤหัสฯ เราขอเน้นย้ำว่าควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา ชี้ว่า เงินบาท (USDTHB) อาจแกว่งตัว +/-0.30% ในช่วง 30 นาที หลังทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟดได้
โดยเรามองว่า ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ คาดการณ์เศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยนโยบายใหม่ ซึ่งอาจส่งผลให้บรรดาผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้พอสมควร จากล่าสุดที่ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 35% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ และอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีหน้า
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.80 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด)
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 33.56-33.65 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ส่วนใหญ่ ออกมาดีกว่าคาด อาทิ ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนกุมภาพันธ์ ที่โต +0.7% จากเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์ก็แข็งค่าได้ไม่นาน หลังสภา Bundestag ของเยอรมนี ได้อนุมัติการปฏิรูปกฎเกณฑ์การกู้เงิน (Debt Brake) ของรัฐบาล ตามที่ตลาดคาดหวัง หนุนให้เงินยูโร (EUR) แข็งค่าขึ้นบ้างเข้าใกล้ระดับ 1.095 ดอลลาร์ต่อยูโร
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง ตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่แถวโซน 3,030 ดอลลาร์ต่อออนซ์
บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่างระมัดระวังตัวมากขึ้น และเลือกที่จะทยอยขายหุ้นออกมาบ้าง ก่อนที่จะรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟดในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นเทคฯ ใหญ่
อย่าง Tesla -5.3% หลังนักวิเคราะห์ต่างปรับลดคำแนะนำการลงทุนและปรับลดเป้าหมายราคาลง ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.71% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.07%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.61% หลังสภา Bundestag ของเยอรมนี ได้อนมุติการปฏิรูปกฎเกณฑ์การกู้เงินของรัฐบาลตามที่ผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวัง นอกจากนี้ บรรยากาศในตลาดการเงินยุโรปยังได้แรงหนุนจากความหวังว่า การเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนมีแนวโน้มดำเนินต่อไปได้และนำไปสู่การยุติสงครามได้ในที่สุด หลังผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำรัสเซียได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์ในช่วงคืนที่ผ่านมา
ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมจะออกมาดีกว่าคาด อีกทั้งบรรดาผู้เล่นในตลาดก็ทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด (ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมอง เฟดมีโอกาส 35% ที่จะลดดอกเบี้ยราว 3 ครั้ง ในปีนี้) แต่บรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ได้กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างและแกว่งตัวแถวโซน 4.29%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ทว่า เงินดอลลาร์ก็อ่อนค่าลงบ้าง ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) รับข่าว สภา Bundestag ของเยอรมนี อนุมัติการปฏิรูปกฎเกณฑ์การกู้เงินของรัฐบาล ตามที่ตลาดคาดหวัง
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้างจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 103.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.2-103.6 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดการเงินสหรัฐฯ กอปรกับจังหวะปรับตัวลงบ้างของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025) สามารถทยอยปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ได้ ทว่า แรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด ยังคงจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำไว้แถวโซน 3,030-3,040 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI)
โดยในส่วนของ BOJ เราคาดว่า BOJ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% เพื่อรอติดตามแนวโน้มของการต่อรองค่าจ้างและผลกระทบของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่น ทว่า BOJ อาจย้ำจุดยืน
พร้อมทยอยเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยตามความเหมาะสมของสภาวะเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับเป้าหมายของ BOJ ส่วนทาง BI นั้น แม้ว่าบรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า BI อาจคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 5.75%
ทว่า มีโอกาสที่ BI อาจเซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการลดดอกเบี้ย 25bps หลังภาพรวมเศรษฐกิจอินโดนีเซียส่งสัญญาณชะลอตัวลงมากขึ้น ขณะที่ความกังวลต่อเสถียรภาพของค่าเงินอินโดนีเซียรูเปียะห์ (IDR) อาจลดลงไปบ้าง หลังเงินดอลลาร์ได้ทยอยอ่อนค่าลง
ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับนโยบายการเงิน ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างคาดว่า ECB อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้อีกราว 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้
และในฝั่งสหรัฐฯ ไฮไลท์สำคัญที่ควรติดตามอย่างยิ่งจะอยู่ที่ ผลการประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วง 01.00 น. ตามเวลาประเทศไทยของเช้าวันพฤหัสฯ
โดยเราประเมินว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25-4.50% เพื่อรอประเมินผลกระทบจากการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 ให้แน่ชัด โดยเฉพาะในส่วนของนโยบายกีดกันทางการค้าที่มีความไม่แน่นอนอยู่สูง
ทั้งนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานคาดการณ์เศรษฐกิจ (Summary of Economic Projections) และคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ใหม่ โดยเราประเมินว่า เฟดอาจคงคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจส่วนใหญ่ แต่อาจปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ PCE ในปีนี้ ได้บ้าง
ขณะที่ Dot Plot ใหม่อาจยังคงไม่ต่างจากการประชุมเดือนธันวาคมปีก่อน ที่สะท้อนว่า เฟดจะทยอยลดดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยอาจลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง ในปีนี้ และเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่ออีก 2 ครั้ง ในปีหน้า ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะยาว (Longer run) อาจสูงกว่าระดับ 3.00% เล็กน้อย
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.60-33.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.26 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทอ่อนค่ากลับมาตามจังหวะการย่อตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก หลังจากที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ประกอบกับเงินดอลลาร์ฯ มีปัจจัยบวก (จากตัวเลขตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด) เข้ามาช่วยชะลอแรงก่อนผลการประชุม FOMC ในคืนนี้
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.50-33.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ประเด็นเกี่ยวกับสงครามการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้าสำคัญ ผลการประชุม BOJ และผลการประชุมเฟดในคืนนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“พิ้งค์-จิว” นำทัพแบดมินตันไทยสู้ศึกโตโยต้า อินเตอร์ ซีรีส์ ที่ภูเก็ต

นักแบดมินตันทั่วโลก 25 ชาติ พร้อมเข้าร่วมการแข่งขันแบดมินตันรายการ “โตโยต้า ภูเก็ต อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ 2025” ในวันที่ 1-6 เม.ย.68 นี้ ที่อาคารยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่ง (สะพานหิน) จ.ภูเก็ต ด้านนักแบดมินตันไทย น้องพิ้งค์ พิชฌามลณ์ นำทัพ
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล , รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตัน แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กล่าวว่า “ในช่วงเดือนเมษายนนี้ จะมีการแข่งขันแบดมินตันในประเทศไทยในระดับนานาชาติ รายการ “โตโยต้า ภูเก็ต อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ 2025” ชิงเงินรางวัลรวม 5,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 170,000 บาท ระหว่างวันที่ 1-6 เมษายน 2568 ที่อาคารยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่ง (สะพานหิน) จ.ภูเก็ต”
“การแข่งขันแบดมินตันรายการนี้ ได้รับความร่วมมือจาก สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ , จังหวัดภูเก็ต , การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดภูเก็ต , สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดภูเก็ต , ชมรมแบดมินตันจังหวัดภูเก็ต จะมีนักแบดมินตันทั่วโลกจาก 25 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน และเป็นการเปิดโอกาสให้นักกีฬาแบดมินตันคลื่นลูกใหม่และดาวรุ่งของไทยได้มีโอกาส ประชันฝีมือกับนักกีฬาจากต่างชาติที่จะเดินทางมาเข้าร่วมแข่งขัน เพื่อเก็บคะแนนสะสมอันดับโลก (BWF World Ranking) ให้มีอันดับโลกที่ดีขึ้น เพิ่มโอกาสลงเล่นในระดับเวิลด์ทัวร์ต่อไป อีกทั้ง ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตไปในตัวอีกด้วย”
“นอกจากนี้ มีนักแบดมินตันดีกรีระดับโลก อาทิ คิม กีจุง กับ คิม ซารัง อดีตเหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก 2 สมัย , แชมป์เอเชียในปี 2012 และรองแชมป์ปริ๊นเซส สิริวัณณวรี ไทยแลนด์ มาสเตอร์ส 2016 จากเกาหลีใต้ รวมไปถึง ออม ฮเยวอน อดีตเหรียญเงินชิงแชมป์โลกหญิงคู่ และ เหรียญทองแดง ในประเภทคู่ผสม ก็เข้าร่วมการแข่งขัน และมาร่วมสร้างสีสันให้กับแฟนแบดมินตันชาวไทยถึงสนาม”
“ส่วนนักแบดมินตันไทย นำโดย “จิว” ลลินรัศฐ์ ไชยวรรณ , “พิ้งค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ , “สอง” ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข อดีตมือเก๋าทีมชาติไทย , “มินนี่” ธมลวรรณ นิธิอิทธิไกร , “รวงข้าว” ญาตาวีมินทร์ เกตุเกลี้ยง , “ภีม” ภรัณยู ขาวสำอางค์ , “ปุ้น ธนดล พันธ์พานิช , มิกซ์” รัชพล มรรคศศิธร , “หว่าหวา” นัทธมน ไล้สวน”
“จึงขอเชิญชวนแฟนๆ กีฬาแบดมินตันร่วมเข้าชมเชียร์ ให้กำลังใจนักกีฬาแบดมินตันไทย ในศึก “โตโยต้า ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ 2025” ติดขอบสนาม ได้ในวันที่ 1-6 เมษายน นี้ที่อาคารยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่ง (สะพานหิน) จ.ภูเก็ต” คุณหญิงปัทมากล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
เช็ก! สัญญาณผิวบอกโรคกับ 7 อาการผิดปกติที่คุณอาจไม่เคยสังเกตมาก่อน

การดูแลผิวไม่ใช่แค่เรื่องความงามเท่านั้นนะคะ แต่ยังเป็นการบอกสถานะสุขภาพภายในร่างกายของเราได้อีกด้วย! บางครั้งสาว ๆ อาจจะมัวแต่ใส่ใจเรื่องการทาครีมบำรุงหรือการขัดผิว จนลืมไปว่าผิวของเราเองนี่แหละ ที่สามารถบอกอาการผิดปกติจากโรคบางอย่างได้ แล้วคุณผู้หญิงรู้ไหมว่าบางครั้งอาการเหล่านี้ อาจไม่ได้มาพร้อมกับอาการเจ็บปวดหรือรู้สึกผิดปกติในร่างกาย? วันนี้เราจึงมี 7 สัญญาณจากผิวที่คุณอาจไม่เคยสังเกตมาก่อน พร้อมเป็นอาการเตือนจากร่างกายถึงโรคบางชนิดที่ต้องระวังด้วย
7 สัญญาณผิวที่คุณอาจไม่เคยสังเกตมาก่อน
1.ผิวดำคล้ำขึ้นโดยไม่มีเหตุผล
ถ้าคุณสังเกตเห็นว่าผิวเริ่มคล้ำขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ไม่ได้ไปเที่ยวทะเลหรือโดนแดดจัด คุณอาจต้องให้ความสนใจหน่อยนะคะ เพราะผิวที่คล้ำขึ้นนี้อาจเกิดจากการทานยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันหรืออาจเป็นสัญญาณของโรคของต่อมหมวกไตที่ทำงานผิดปกติ การที่ผิวเกิดการเปลี่ยนสีโดยไม่ทราบสาเหตุ สามารถบ่งบอกถึงปัญหาภายในร่างกายที่ควรได้รับการตรวจสอบจากแพทย์อย่างละเอียด
2.ผิวเหลืองขึ้น
ถ้าผิวของคุณเริ่มเหลืองขึ้น แสดงว่าอาจมีปัญหากับตับหรือทางเดินน้ำดี เช่น การอุดตันของท่อน้ำดีหรือภาวะตับอักเสบ (ดีซ่าน) นอกจากนี้ ยังอาจเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ตาขาวที่เริ่มเหลืองด้วย อุจจาระอาจจะซีดลง ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม ควรไปพบแพทย์ทันที ถ้าเป็นการกินผลไม้ที่มีสีเหลืองอย่างมะละกอหรือฟักทองในปริมาณมาก ๆ ก็อาจทำให้ผิวเหลืองได้ แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ ถ้าหยุดกินแล้วผิวจะค่อย ๆ กลับมาเป็นปกติ
3.ผิวแห้งและลอกเป็นขุย
ผิวที่แห้งมากจนลอกเป็นขุยหรือมีอาการคันรุนแรง อาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังบางประเภท เช่น โรคสะเก็ดเงินหรือโรคภูมิแพ้ผิวหนัง โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแห้งหรือเย็นกว่าปกติ หากผิวคุณเริ่มลอกและมีอาการคันร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไป
4.ผื่นแดงไม่หาย
ผื่นแดงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่หายไป อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ หรือการมีปฏิกิริยาทางภูมิแพ้ที่ต้องรักษา เช่น โรคหัด โรคสุกใส หรือโรคผิวหนังอักเสบ หากผื่นแดงนั้นมีอาการเจ็บหรือคันร่วมด้วย ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักาอย่างถูกต้อง
5.รอยคล้ำใต้ตา
รอยคล้ำใต้ตาไม่ได้แปลว่าคุณผู้หญิงจะนอนดึกเพียงอย่างเดียว แต่บางครั้งอาจเป็นสัญญาณของภาวะขาดสารอาหารหรือการทำงานของไตที่ผิดปกติ ในกรณีที่มีรอยคล้ำใต้ตาที่มีสีคล้ำลงมากกว่าปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กสุขภาพ
6.ผิวหน้ามีสิวขึ้นบ่อย ๆ
หากสิวเริ่มขึ้นบ่อย ๆ ในบริเวณที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เช่น บริเวณกรอบหน้า คาง หรือแก้ม ซึ่งช่วงเวลานั้นไม่ใช่ช่วงที่ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างการเป็นประจำเดือน อาจจะบ่งบอกถึงความผิดปกติในร่างกาย เช่น โรคเกี่ยวกับฮอร์โมน หรือแม้กระทั่งความเครียดที่ส่งผลกระทบต่อผิวหน้า
7.ผิวหนังเปลี่ยนเป็นปื้นแข็ง
การที่ผิวหนังมีการเปลี่ยนแปลงเป็นปื้นแข็งหรือมีลักษณะหนาขึ้น โดยเฉพาะหากเริ่มลุกลามหรือขยายตัวขึ้น อาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง เช่น โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรัง หรือแม้แต่โรคมะเร็งผิวหนังบางชนิด
ผิวหนังของเราเป็นอวัยวะที่สามารถบอกสัญญาณความผิดปกติจากภายในได้อย่างชัดเจน อย่ามองข้ามการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้น เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที ถ้าคุณผู้หญิงสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ควรไปปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง จึงอย่าลืมดูแลผิวของสาว ๆ ด้วยนะคะเพื่อสุขภาพที่ดีทั้งภายในและภายนอก
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เปิด 5 อาชีพมาแรงแห่งยุคดิจิทัล “Data Science-AI” ติดโผ

มหิดลวิทยานุสรณ์ เปิดมุมมองอาชีพยุคดิจิทัล พร้อมแนะแนว 5 สาขามาแรง Data Science – AI ติดโผ ขณะที่ วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิศวะ บริหาร-การเงิน เป็นอาชีพที่ตลาดแรงงานต้องการ
นางสาวพิริยา “ครูพัชร” ยังรอต ครูแนะแนวของโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ เปิดเผยถึงสาขาอาชีพที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันว่า ประกอบด้วยวิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science), วิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) และ AI, วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering), บริหารธุรกิจ (Business Management) ออนไลน์และธุรกิจยุคใหม่ รวมถึงการเงินการลงทุน (Finance & Investment)
“ในการเลือกเส้นทางอาชีพของนักเรียนในปัจจุบันควรมองให้ลึกไปกว่ากระแสของตลาดเพียง ด้วยการสำรวจความสนใจ ความถนัด และความสามารถของตนเอง เพราะอาชีพที่มาแรงอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน กุญแจสำคัญของความสำเร็จคือการไม่หยุดเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ”
ทุกอาชีพมีโอกาสประสบความสำเร็จ หากเริ่มต้นจากความชอบและมุ่งพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ไม่ได้สอนเพียงแค่ ‘เรียนไปทำไม’ แต่เน้นที่ ‘เรียนเพื่อทำอะไร’ โดยมุ่งสร้างนักเรียนที่มีเป้าหมายชัดเจน ผ่านแกนหลัก 3 ประการ ได้แก่ การเข้าถึงความรู้ การเรียนรู้ด้วยตัวเอง คิดวิเคราะห์ และต่อยอดองค์ความรู้ การทำงานร่วมกับผู้อื่น ฝึกทักษะการทำงานเป็นทีมและการบริหารจัดการคน ความสามารถในการครองใจคนยังคงเป็นทักษะสำคัญ และการเรียนรู้ด้วยตัวเองไม่มีสิ้นสุด สร้างโอกาสจากทุกสถานการณ์และมองเห็นอนาคต
การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้นักเรียนวางแผนชีวิตได้อย่างมีทิศทางและมั่นใจในการก้าวสู่อนาคต ทั้งหมดล้วนเป็นซอฟท์สกีล ที่เป็นบันไดก้าวสู่ความสำเร็จในทุกสายอาชีพ
ศิษย์เก่าแบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จในสายงานแข่งขันสูง
นายแพทย์ชเนษฎ์ ศรีสุโข ผู้ก่อตั้ง มาลิคลินิก สีลมซอย 3 ศิษย์เก่าโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพเปิดเผยว่าแม้จะไม่ได้เลือกสิ่งที่รัก แต่จงรักในสิ่งที่เลือก เพราะความสำเร็จขึ้นอยู่กับการนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์และตอบโจทย์ผู้คน เมื่อเราสร้างคุณค่าและช่วยเหลือผู้อื่นก่อน ผลลัพธ์ที่ดี รวมถึงความสำเร็จย่อมจะตามมา
“หมอกล้าเลือกเส้นทางการแพทย์และสร้างธุรกิจในอุตสาหกรรมความงามที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยจากเทรนด์ดูแลสุขภาพของคนรุ่นใหม่และสังคมผู้สูงอายุที่ต้องการคงความอ่อนเยาว์ อาชีพแพทย์ความงาม จึงเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงาม”
“การมีความรักในอาชีพเป็นสิ่งสำคัญ จะนำมาซึ่งทักษะสำคัญเช่น ความอดทน ความพยายาม และการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง การมองอุปสรรคเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองและธุรกิจ และการสร้างเครือข่ายช่วยให้สามารถต่อยอด แลกเปลี่ยนความรู้ และขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เมื่อรวมกับการมีแบบอย่างที่ดีจะนำพาไปสู่ความสำเร็จในอาชีพ ทุกอาชีพแม้ไม่ใช่อาชีพดาวรุ่งก็สามารถประสบความสำเร็จได้ หากเรามองประโยชน์ที่สามารถสร้างให้กับผู้อื่นก่อน การทำงานด้วยความจริงใจจะนำมาซึ่งผลตอบแทนและความสำเร็จในที่สุด” หมอกล้ากล่าวย้ำ
ด้านนายบรรพต ธนาเพิ่มสุข ศิษย์เก่าโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และอินฟลูเอนเซอร์ด้านการลงทุนและเจ้าของช่อง “ถามอีก กับอิก” ผู้พลิกโฉมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สู่โลกการเงินและการลงทุน กล่าวว่า “แม้จะมี AI หรือเทคโนโลยีล้ำสมัยแค่ไหน มนุษย์ยังคงต้องการคำแนะนำจากมนุษย์ด้วยกัน เพราะเรื่องเงินเป็นเรื่องของความไว้วางใจ ซึ่งเทคโนโลยีไม่สามารถทดแทนได้”
อาชีพที่ปรึกษาทางการเงินมาแรงและเป็นหนึ่งในอาชีพที่ตลาดมีความต้องการสูง เนื่องจากคนไทยและองค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับการบริหารการเงินมากขึ้น ทั้งจากภาวะเงินเฟ้อ ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น และโครงสร้างครอบครัวที่เปลี่ยนไป ทำให้คนไทยต้องวางแผนการเงิน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงาน และผู้สูงวัยที่ต้องการวางแผนเกษียณ เส้นทางอาชีพของที่ปรึกษาทางการเงิน นับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองหางานที่มีอิสระและผลตอบแทนสูง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
8 ทริคพรีเซนต์งานภาษาอังกฤษให้ปัง มัดใจคนฟังแบบอยู่หมัด!

จัดเรียงข้อมูลที่ควรจำไว้ใช้เสมอ
เรียกว่าเป็นหลักการพรีเซนต์สากลเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณพรีเซนต์เป็นภาษาอังกฤษด้วยแล้ว อาจจทำให้หลายคนไม่มั่นใจ ตื่นเต้นเกินเหตุ กลายเป็นว่าตอนพรีเซนต์จริงพูดวกไปวนมา ดังนั้นการจัดเรียงข้อมูลจึงสำคัญมากๆ
การจัดเรียงข้อมูลที่ดี ไม่ใช่การยัดเนื้อหาทุกอย่างลงบนสไลด์ แต่เป็นการสร้างจุดสำคัญๆ เพื่อเรียงลำดับการนำเสนอ ว่า ใจความสำคัญในสไลด์นั่นๆ จะหมายถึงอะไร และในสไลด์ต่อไปเราจะพูดเรื่องอะไรบ้าง แล้วค่อยๆ อธิบายหัวข้อนั้นๆ แทน
หัดใช้ Presentation Aids
Presentation Aids นั้นแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ตัวช่วยในการนำเสนอ” ซึ่งเราจะนิยมใช้ PowerPoint หรือว่า Prezi กันเป็นส่วนใหญ่ แต่เราจะต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะว่าเจ้าพวกนี้มันเป็นเพียงตัวช่วยของเราเท่านั้น เราควรจะเป็นจุดเด่นที่สุดของการนำเสนอ นั่นคือเราควรจะเตรียมตัวมาให้พร้อม และใช้สายตามองคนดูมากกว่าที่จะมองสไลด์นะ
อย่างที่เราได้พูดไปในข้อที่แล้ว ในสไลด์อาจจะใส่หัวข้อหลักๆ ประเด็นสำคัญเอาไว้ช่วยเตือนความจำเราระหว่างพรีเซนต์มากกว่า
มีสคริปต์ไว้ไม่เสียหาย
ข้อมูลที่ใช้พรีเซนต์อาจจะเยอะ ในบางครั้งคนเราอาจจะจดจำได้ไม่หมด โดยเฉพาะเมื่อพรีเซนต์ด้วยภาษาอังกฤษ อาการตื่นเต้น ประหม่า อาจจะทำให้คุณหลงลืมข้อมูล คำศัพท์ได้ ดังนั้นการมีสคริปต์ถือไว้ติดตัวจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วย และทางเลือกที่ดีมากๆ โดยเฉพาะการนำเสนอที่มากกว่า 5 นาที ขึ้นไป
การมีสคริปต์ที่ดีนั้น ไม่ควรจะก้มหน้าก้มตาอ่าน วิธีที่ดีที่สุดคือเขียนเฉพาะคีย์เวิร์ดที่เราเห็นแล้วนึกได้ทันทีว่าเราจะพูดเกี่ยวกับอะไร เช่น อาจจะเขียนแค่ชื่อหัวข้อเอาไว้เพื่อกันลืม หรือ โน้ตคำศัพท์ยากๆ ศัพท์เฉพาะที่ลืมบ่อยๆ ระหว่างการพูดเอาไว้ เป็นต้น
ส่วนขนาดของสตริปต์ ที่แนะนำนั้น ควรมีขนาดประมาณนามบัตร เพราะถ้าหากใหญ่เกินไปเราจะดูไม่เป็นมืออาชีพ แต่ในกรณีที่ต้องพรีเซนต์นานๆ มีข้อมูลเยอะเกินกว่าจะอัดลงไปในแผ่นเดียวก็แนะนำว่าเราสามารถใช้หลายแผ่น ซ้อนๆ กันไว้ได้
สำคัญคืออย่าก้มหน้าอ่าน พยายามใช้เป็นแค่เครื่องมือเตือนความจำ เตือนประเด็นหลักๆ ศัพท์ที่ชอบลืมตอนพรีเซนต์ก็พอนะ
แนะนำตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
เตรียมตัว เตรียมกาย เตรียมสคริปต์มาพร้อมที่จะพรีเซนต์แล้ว ขั้นแรกของการพรีเซนต์ให้ดี ให้ปัง คือ การแนะนำตัวให้น่าฟัง เพราะนี่คืออีกหนึ่งเสน่ห์และความสำคัญที่ผู้นำเสนอ ที่เราไม่ไม่ควรจะมองข้าม ซึ่งนอกจากแนะนำตัวแล้ว เราก็ควรจะกล่าวทักทายและพูดถึงหัวข้อที่เราจะนำเสนอสักนิด โดยคุณอาจจะเริ่มต้นจากประโยคทักทายง่ายๆ
ตัวอย่าง
Good morning, I am…..(ชื่อ)…..,
Hello everyone, …..(ชื่อ)….. is my name.
Hello there, you can call me…..(ชื่อ)…..
Nice to meet you here. I’m…..(ชื่อ)….. .
On behalf of ….(ชื่อบริษัท)…..Company. I would like to welcome you here today. My name is …..(ชื่อ-นามสกุล)….. and I am …..(ตำแหน่งงาน)….. .
(ในนามของบริษัท…. ดิฉัน/กระผม มีความยินดีต้องรับท่านผู้มีเกียรติทุกท่านในวันนี้ ดิฉัน/กระผม ..ชื่อ.. ตำแหน่ง…)
Good morning/afternoon/evening ladies and gentlemen. My name is …..(ชื่อ-นามสกุล)…. .(สวัสดีท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย ดิฉัน/กระผม……)
และใช้ผสมกับตัวอย่างประโยคด้านล่างนี้ เพื่อเริ่มต้นการพรีเซนต์ เปิดประเด้น หรือเปิดหัวข้อที่คุณต้องการจะพรีเซนต์ได้เลย
ตัวอย่างประโยค
Today I am here to talk to you about….. (วันนี้ ดิฉัน/ผม จะพูดเกี่ยวกับ…..)
As you all know, today I am going to talk to you about….. (อย่างที่ทุกคนทราบกันดี วันนี้ดิฉัน/ผมจะพูดถึงเรื่อง…..)
I would like to take this opportunity to talk to you about… (ดิฉัน/ผม ขอถือโอกาสนี้พูดเกี่ยวกับเรื่อง…..)
I am delighted to be here today to tell you about….. (ดิฉัน/ผม รู้สึกยินดีที่มาในวันนี้เพื่อที่จะพูดให้ท่านทั้งหลายฟังเกี่ยวกับ…..)
Today I would like to outline….. (วันนี้ดิฉัน/ผม อยากจะพูดถึงภาพคร่าวๆในเรื่อง…..)
หมั่นใช้ Signal Words และบอกผู้ฟังเสมอเมื่อเปลี่ยนหัวข้อ
หลังจากที่เราบอกคร่าวๆ แล้วว่าเราจะพูดเกี่ยวกับอะไร สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเราต้องบอกคนฟังทุกครั้งว่าเรากำลังจะเริ่มกันที่หัวข้อไหน หากจบหัวข้อนี้แล้วจะต้องเปลี่ยนหัวข้อก็ต้องโดยใช้ Signal Words หรือ Signal Sentences บอกผู้ฟังเสมอ เพื่อให้ผู้ฟังตามทัน และเข้าใจสิ่งที่เราจะพรีเซนต์
โดยคุณอาจจะใช้ประโยคเหล่านี้ในการเริ่มต้นหัวข้อ หรือเปลี่ยนหัวข้อ
ตัวอย่างประโยค
I’m going to start with…(ชื่อหัวข้อแรก)… (เราจะไปเริ่มกันที่หัวข้อ… กันก่อน นะครับ/นะคะ)
I’ve finished the first part and moving to the next one… (ตอนนี้เราจบส่วนแรกกันแล้ว และต่อไปจะเริ่มกันต่อที่หัวข้อ … )
Let’s go to the next point. (เอาล่ะ ไปหัวข้อต่อไปกันดีกว่า)
Now, we are moving to the new topic. (ตอนนี้เรากำลังจะเริ่มกันที่หัวข้อใหม่)
Here is the new topic. (นี่คือหัวข้อใหม่)
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ อ้อ! ถ้าหากเรามีพรีเซนต์ที่มากกว่าหนึ่งคนและเรากำลังจะต้องส่งต่อการนำเสนอนี้ให้เพื่อนของเรา เราก็ควรจะบอกคนฟังด้วยประโยคเหล่านี้
I’ve done my part and I will pass it on to Ms./Mrs./Mr./… (นี่ก็ได้จบส่วนของ ผม/ดิฉันแล้ว ต่อไปจะเป็นส่วนของคุณ … นะครับ/นะคะ)
Ms./Mrs./Mr./… is going to take you to the next topic. (คุณ… จะเป็นคนมาพาคุณไปยังหัวข้อใหม่ นะครับ/นะคะ)
The next topic will be spoken by Ms./Mrs./Mr./… (หัวข้อต่อไป คุณ… จะเป็นผู้มาอธิบายนะครับ/นะคะ)
สรุปอีกครั้งให้ผู้ฟังเสมอ
สุดท้ายของการพรีดซนต์ สิ่งที่เราไม่ควรลืมเลยก็คือการสรุปนั่นเอง สรุปนี้มีความสำคัญมากๆ เพราะจะทำให้คนฟังจำได้ทุกหัวข้อว่าเราพูดเรื่องอะไรไปบ้างแล้ว นอกจากนี้คนส่วนใหญ่นั้นจะจำส่วนสุดท้ายกันได้มากที่สุด
To sum up… (สรุปคือ…)
So to summarise the main points of my talk… (สรุปประเด็นใหญ่ๆที่ดิฉัน/ผมพูดคือ…..)
Just a quick recap of my main points… (สรุปอย่างสั้นๆเกี่ยวกับประเด็นใหญ่ๆที่ดิฉัน/ผมพูดคือ….)
การสรุปที่ดีต้องกระชับ สั้น ได้ใจความ หรือเป็นการเรียงพูดถึงหัวข้อหลักๆ พร้อมส่วนเสริมอธิบายเพียงเล็กน้อยก็ได้ และหลังจากสรุปการพรีเซนต์แล้ว ถ้าจะปิดการพรีเซนต์ คุณอาจจะปิดท้ายด้วยประโยคว่า
That brings the presentation to the end. Thank you for your attention. (การนำเสนอจบแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่ตั้งใจฟังกัน นะคะ/นะครับ)
Thank you all for listening, it was a pleasure being here today. (ขอขอบคุณที่ทุกท่านตั้งใจฟัง รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มาในวันนี้ ค่ะ/ครับ)
อย่าลืมเปิดโอกาส และอนุญาตให้ผู้ฟังถาม
นอกเหนือจากการกล่าวปิด กล่าวสรุปแล้ว อย่าลืมทิ้งค้างให้ผู้ฟังเกิดความงงอยู่เพียงฝ่ายเดียว หลักการพรีเซนต์ที่ดีคุณควรเปิดโอกาสให้ผู้ฟังได้ถามด้วย เพื่อจะได้อธิบายในส่วนที่ผู้ฟังไม่เข้าใจ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน โดยคุณอาจจะใช้ประโยคต่อไปนี้ก็ได้เมื่อจบการพรีเซนต์แล้ว
ตัวอย่างประโยค
Feel free to interrupt me if there’s anything you don’t understand. (คุณสามารถถามได้เสมอ ถ้าเกิดไม่เข้าใจตรงไหนระหว่างการบรรยาย นะคะ/นะครับ)
If you don’t mind, we’ll leave questions till the end. (หากคุณไม่ว่าอะไร เราขอตอบคำถามต่างๆ ในตอนท้าย นะครับ/นะคะ)
If anyone has any questions, I’ll be pleased to answer them. (หากใครมีคำถามอะไร ถามได้เลย นะคะ/นะครับ ยินดีตอบ ค่ะ/ครับ)
Does have anyone have any questions? (มีใครมีคำถามไหม ครับ/คะ?)
I will be happy to answer your questions now (ดิฉัน/ผม มีความยินดีที่จะตอบคำถามของพวกท่านในตอนนี้)
If you have any questions, please don’t hesitate to ask (ถ้ามีคำถาม กรุณาอย่าลังเลที่จะถาม นะครับ/นะคะ)
If you have any further questions, I will be happy to talk to you at the end. (ถ้ามีคำถามเพิ่มเติม ดิฉันยินดีที่จะพูดคุยกับทุกท่านหลังจากนี้ ครับ/ค่ะ)
ขอบคุณข้อมูลจาก wallstreetenglish.in.th
ประโยชน์ของมะยงชิด-มะปรางหวาน ผลไม้หน้าร้อน รสชาติสดชื่น

อากาศร้อนๆ อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกทรมาน แต่ขอให้รู้ไว้ว่าหน้าร้อนของไทยเป็นช่วงที่ดีต่อการได้ลิ้มชิมรสผลไม้หน้าร้อนมากมายหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือมะปรางหวาน และมะยงชิด ที่แค่มองก็น้ำลายสอแล้ว ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานชนิดนี้มีดีมากกว่ารสชาติอันสดชื่น ชนิดที่รู้แล้วจะต้องรีบวิ่งไปซื้อมาทานกันด่วนๆ เลยล่ะ
ประโยชน์ของมะยงชิด-มะปรางหวาน
- มีวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงฟันให้แข็งแรง และป้องกันโรคเลือดอออกตามไรฟัน ป้องกันหวัดได้เป็นอย่างดี
- มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา ให้มองเห็นภาพชัดขึ้น และมองภาพในที่มืดได้ดียิ่งขึ้น
- มีแคลเซียม และฟอสฟอรัส ที่ช่วยบำรุงกระดูก และฟันให้แข็งแรง
- มีเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงผิว ลดความเสื่อมของเซลล์ในดวงตา ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อกระจก เพิ่มระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
วิธีเลือกซื้อมะยงชิด-มะปรางหวาน
มะปรางหวาน และ มะยงชิด แม้ว่าจะมีสารอาหารที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายคล้ายกัน และรูปร่างภายนอก รวมไปถึงรสชาติก็ใกล้เคียงกัน แต่อันที่จริงแล้วเป็นผลไม้คนละชนิด
มะปรางหวาน จะมีผลที่รูปร่างคล้ายไข่นกพิราบ ผลสุกมีผิวสีส้ม มีสีเขียวที่ขั้วเล็กน้อย ส่วนมะยงชิดจะมีลักษณะของผลที่เรียวกว่ามะปรางหวานเล็กน้อย และจะมีรสชาติออกไปทางหวานมากกว่าเปรี้ยว
หากจะเลือกมะปรางหวาน และมะยงชิดให้มีรสชาติอร่อย ควรเลือกผลที่มีสีส้มบ่งบอกถึงความสุกราว 80% ถ้าผลสุกมากเกินไปเนื้อจะเละ ไม่แน่น และถ้าผิวมีสีเขียวมากเกินไป ก็จะเปรี้ยวมากกว่าหวาน และอาจมีรสฝาดจางๆ ได้
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 19/03/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 48,150.00 | 48,250.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,119.00 | 47,284.04 | 49,050.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,807.10 | 42,555.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,495.20 | 37,827.23 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,404.00 | 21,284.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,092.00 | 16,554.72 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,232.00 | 48,997.12 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 19/03/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 34.65 | 34.65 | 35.15 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 | 34.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 34.28 | 34.28 | 34.78 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 | 34.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 32.44 | 32.44 | 32.94 | 32.44 | 32.44 | – | 32.44 | 32.44 | 32.44 | 32.44 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 30.79 | 30.79 | – | – | – | – | – | – | – | 30.79 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 43.24 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 43.24 |
เบนซิน 95 | 42.94 | – | – | – | 49.81 | – | 43.44 | 43.09 | – | 42.94 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |