สาระน่ารู้ประจำวันที่ 20 มีนาคม 2568

จับสัญญาณอสังหาฯภาคเหนือ‘ทรงตัว’ หวังดีมานด์ต่างชาติพยุงตลาด

ปี 2568 อสังหาฯภาคเหนือ‘ทรงตัว’ ท่ามกลางความท้าทายจากรายได้ลดลง หนี้ครัวเรือนสูงสถาบันการเงินเข้มการปล่อยสินเชื่อมธุรกิจอสังหาหวังดีมานด์ต่างชาติพยุงตลาด

ณวรา สกุล ณ มรรคา ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ กล่าวว่า สินเชื่อที่ให้พรีไฟแนนซ์(Pre finance) ในภาคเหนือติดลบถึง 2.2% โดยเฉพาะเชียงใหม่ติดลบ 3.5% ในปีที่ผ่านมา สะท้อนการลดลงของการพัฒนาโครงการใหม่ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่พยุงตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้บ้าง หนึ่งในนั้นคืออุปสงค์จาก “ต่างชาติ” โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่ยังมีชาวต่างชาติและกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนที่มีความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่

“แม้มองไปข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่ความคาดหวังยังคงอยู่ที่ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคที่อาจช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นในบางพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่อย่างเชียงใหม่ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการกำลังเติบโต ส่งผลให้เศรษฐกิจท้องถิ่นได้รับการกระตุ้นในระดับหนึ่ง”

ภาพรวมปี 2568 ตลาด “ทรงตัว” จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ไม่ลดลง กำลังซื้อคนในประเทศไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มรายได้น้อยและอาชีพอิสระ  และขยายไปยังกลุ่มอาชีพประจำเพิ่มขึ้นทำให้ความระมัดระวังในการให้สินเชื่อทั้ง Pre finance และ Post finance ของสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น

ส่วนปัจจัยสนับสนุน มีอุปสงค์จากต่างชาติโดยเฉพาะเชียงใหม่ ทั้งในกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบระดับกลาง-บน เข้ามาช่วยพยุงตลาด 

“Mortgage Loan ภาคเหนือ ปี 2567 ภาพรวมมูลค่าติดลบ 10% ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ติดลบถึง 17.7% ราคา 3-7 ล้านบาท ติบลบ 4% ราคามากกว่า 7 ล้านบาท เติบโต 5.4% ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดใหญ่อย่างเชียงใหม่ บางพื้นที่ดีกว่าค่าเฉลี่ย บางพื้นที่แย่กว่าค่าเฉลี่ย”

อย่างไรก็ดี แนวโน้มไตรมาส 1 ปี 2568 คาดปรับดีขึ้นจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อได้ มีการเพิ่มเที่ยวบิน ผลผลิตอุตสาหกรรมเพื่อส่งออกฟื้นตัว ตามความต้องการของคู่ค้าในหมวดอาหารแปรรูปและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนการบริโภคคาดทรงตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจและภาคบริการ

“3 ประเด็นที่ต้องติดตาม คือ ความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควัน การฟื้นตัวของอุปสงค์ และนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดไม่ว่าเป็นเรื่องการปลดล็อกมาตรการแอลทีวี ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา”

ทางด้าน ปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ ปี 2568 ฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งยังคงเผชิญความท้าทายมากมายจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน 

ที่ผ่านมาภาคการท่องเที่ยวและบริการฟื้นตัวไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร ขยายตัวมากขึ้น ส่วนภาคอุตสาหกรรมเติบโตจากการแปรรูปสินค้าทางการเกษตร การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐจำนวนมาก ไม่ว่าถนน สนามบิน และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตการท่องเที่ยวและการค้า

“มีความท้าทายจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก ปัญหาฝุ่น PM2.5 กำลังซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบจะเป็นโลคัลดีมานด์ต่ำกว่า 3 ล้านบาท บ้านเดี่ยวบ้านแฝด หดตัวต่อเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยสูง ต้นทุนพัฒนาโครงการสูงขึ้น”

ส่วนลูกค้าคอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนในพื้นที่ เป็นคนต่างจังหวัด นักลงทุน และชาวต่างชาติ สนใจคอนโดมิเนียมราคาสูงกว่า 3 ล้านบาท โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมปรับตัวดีขึ้น ส่วนประเด็นการปล่อยเช่าคอนโดรายวันในเชียงใหม่ที่ผ่าน Airbnb นั้น ถือว่า ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.โรงแรม ในฐานะผู้ประกอบการได้เตือนไปยังผู้เช่าและนิติบุคคลอาคารชุดให้เข้มงวด 

หากพิจารณาปัญหาอุปสรรคในการทำตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ ได้แก่ ข้อจำกัดด้านกฎหมายและนโยบายภาครัฐ ทำให้พัฒนาโครงการขนาดใหญ่ไม่ได้ ปัญหามลพิษทางอากาศ PM2.5 ทำให้ดีมานด์ชะลอตัว ตลาดคอนโดมิเนียมเริ่มอิ่มตัว มีซัพลายเหลือขายจำนวนมาก และราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกับค่าแรงงาน วัสดุก่อสร้าง

“ดีมานด์ในประเทศที่ลดลงจำเป็นพึ่งพากำลังซื้อจากต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มรีไทร์ และ Expat”

ชินะ สุทธาธนโชติ  นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงราย กล่าวว่า 3 เดือนแรกนี้สภาพตลาดซึมกว่าเดิม เนื่องจากภาครัฐยังไม่มีมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้้น อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านสั่งสร้างกลับได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้าอาจมีที่ดินหรืองบประมาณในการสร้าง และจ้างผู้รับเหมาสร้างเพราะถูกกว่าบ้านสร้างเสร็จพร้อมขาย รวมทั้งโครงการบ้านทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม 8-9 ยูนิตต่อ 1 โครงการเพื่อลดต้นทุน ส่วนโครงการบ้านจัดสรรใหญ่ยังไม่มีแผนเปิดโครงการ “ชะลอ” ไปก่อน ขณะที่คอนโดมิเนียมไม่มีซัพพลายใหม่ออกมา

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


The White Lotusกระตุ้นดีมานด์ซื้อคอนโด-วิลล่า’เกาะสมุย’ พุ่ง

ซีรีส์ “The White Lotus” ซีซั่น 3 ที่ Lisa แสดงได้ทำให้ “เกาะสมุย” จุดหมายปลายทางที่น่าสนใจซื้อคอนโด-วิลล่าสำหรับนักลงทุนและผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยหรูติดชายหาด

ปี 2567 เกาะสมุยมีนักท่องเที่ยวรวม 3,766,209 คน ประกอบด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2,120,457 คน นักท่องเที่ยวไทย 1,645,752 คน ปี 2568 คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นเสริมสร้างความน่าสนใจของเกาะสมุยในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก 

ภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการแผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย กล่าวว่า ปีที่ผ่านมา “สมุย” เริ่มร้อนแรง จากกลุ่มทุนเข้าไปพัฒนาโครงการพูลวิลล่าแบบ Branded Residence จำนวน 4 ยูนิต ที่มีราคาขายมากกว่า 100 ล้านบาท ปรากฏว่ามียอดขายที่ดีมาก 

เกาะสมุยได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากจะได้รับการโปรโมตผ่านการเป็นโลเคชั่นหลักในซีรีส์ The White Lotus ที่แสดงถึงความหรูหราและความงามของเกาะสมุยแล้วยังเป็นผลจากการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากยุโรป ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง “เกาะสมุย”ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวระดับสูงจากทั่วโลกต่างใฝ่ฝันจะมาเยือน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่นี้เติบโตก้าวกระโดด

ปี 2568 คาดว่าเกาะสมุยจะมีอุปทานของคอนโดมิเนียมใหม่กว่า 600 ยูนิต และบ้านพักตากอากาศอีกกว่า 80 หลัง ที่พร้อมเปิดขาย เป็นการยกระดับความสามารถในการรองรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวยุโรปที่มีความสนใจสูง 

“สมุยกลายเป็นทำเลที่นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์หรูไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรในช่วง 50,000-70,000 บาท ซึ่งมีอัตราการขายที่สูง สามารถปิดการขายได้ภายในเวลาไม่นาน”

ทั้งนี้ “หาดละไม” ถือเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการขายสูงสุดในตลาดบ้านพักตากอากาศในเกาะสมุยที่ 79.82% สะท้อนความนิยมของผู้ซื้อชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจากยุโรป ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง

ขณะที่ ตลาดบ้านพักตากอากาศเติบโตอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่หาดแม่น้ำ หาดเฉวง-บ่อผุด และหาดละไม เป็นทำเลที่มีความต้องการสูงจากนักลงทุนในและต่างประเทศ  ปี 2567 มีการเปิดตัวบ้านพักตากอากาศใหม่ 12 โครงการ คาดปี 2568 จะมีการเปิดตัวมากกว่า 80 ยูนิต

การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เกาะสมุยยังคงมีแนวโน้มที่ดี จากต่างชาติที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนชาวยุโรป รัสเซีย อิสราเอล และจีน มากกว่า 85% ของดีมานด์ทั้งหมด ผู้ซื้อชาวไทยมีสัดส่วน 10-15% ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากกรุงเทพฯ และเจ้าของธุรกิจ อนาคตของ

ตลาดอสังหาริมทรัพย์เกาะสมุยมีดีมานด์ที่แข็งแกร่งและขยายตัวต่อเนื่องทั้งบ้านพักตากอากาศและคอนโดมิเนียมระดับหรู ทำให้เกาะสมุยเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนาและนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่มองหาโอกาสในการเติบโตและผลตอบแทนจากการลงทุน

ภัทรชัย ระบุว่า นักลงทุนควรเลือกทำเลที่มีความต้องการสูง เช่น หาดเฉวง หาดละไม และบ่อผุด ขณะที่การพัฒนาโครงการควรให้ความสำคัญกับคุณภาพการก่อสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกระดับสูงจะดึงดูดผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะตลาดต่างชาติ

“เกาะสมุยเป็นหนึ่งในทำเลที่น่าลงทุนที่สุดในไทย ด้วยราคาที่แข่งขันได้และการเติบโตที่ไม่หยุดยั้งทั้งการท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์”

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้20 มี.ค. “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”ที่ระดับ 33.57 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจชะลอการแข็งค่า หรือแกว่งตัวในกรอบ Sideways ใกล้โซนแนวรับ หากราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง ในช่วงนี้ผู้นำเข้าทยอยรอซื้อเงินดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 20มี.ค.2568 ที่ระดับ  33.57 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.64 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น เหนือความคาดหมายของเราบ้าง เพราะแม้ว่า เฟดจะคงคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) ไม่ต่างจากการประชุมก่อนหน้า

 อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่าน ที่เปลี่ยนใจมาเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 1 ครั้ง หรือ คงดอกเบี้ย เมื่อเทียบจาก Dot Plot เดือนธันวาคมปีก่อน ทำให้ Dot Plot โดยรวมมีความ “Hawkish” มากขึ้น

แต่การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ของเฟด ที่ดูจะสะท้อนความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญ ภาวะ “Stagflation” มากขึ้น ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า สุดท้าย เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ถึง 3 ครั้ง ในปีนี้ มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot กดดันให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลง ขณะเดียวกันก็หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่

อย่างไรก็ดี เรามองว่า ราคาทองคำก็ยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ เพิ่มเติม ทำให้ในระยะสั้น การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอ “ขาย” มากกว่าจะรอ “ซื้อ” ทำให้ ราคาทองคำยังเสี่ยงที่จะย่อตัวลงได้บ้าง

เราประเมินว่า หากราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง ก็อาจชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท อีกทั้ง ในช่วงนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาด อย่างฝั่งผู้นำเข้าก็ทยอยรอซื้อเงินดอลลาร์ แถวโซนแนวรับเงินบาทในช่วง 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ เรามองว่า เงินบาท (USDTHB) ก็อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ใกล้โซนแนวรับดังกล่าวไปก่อนได้

ทั้งนี้ ในช่วงระหว่างวันเงินบาทก็อาจได้แรงหนุนอยู่บ้าง หากบรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย โดยเฉพาะหุ้นไทยเพิ่มเติม ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม

แต่เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงนี้ ก็อาจทำให้บรรดานักลงทุนต่างชาติทยอยขายทำกำไรสถานะถือครองบอนด์ โดยเฉพาะบอนด์ระยะสั้นได้ ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง

โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.70 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 33.56-33.69 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ในช่วงก่อนตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด ซึ่งผู้เล่นในตลาดได้ปรับลดโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ เหลือราว 20%

ทว่า เงินบาทก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่ได้หนุนให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ หลังเฟดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.25-4.50% ตามคาด และแม้ว่า คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ใหม่ของเฟด จะยังคงสะท้อนว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้ง ในปีนี้

และอีก 2 ครั้ง ในปีหน้า จบที่ระดับสูงกว่า 3.00% เล็กน้อย (Longer-run) ไม่ต่างจาก Dot Plot ในการประชุมเดือนธันวาคมปีก่อน แต่เฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจ โดยมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจขยายตัว +1.7% ลดลงจากการประเมินครั้งก่อน (+2.1%) พร้อมปรับคาดการณ์อัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อ PCE สูงขึ้นเป็น 4.4% และ 2.7% ตามลำดับ (คาดการณ์ก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 4.3% และ 2.5%) ซึ่งการปรับคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่ดังกล่าวของเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง) ส่งผลให้บรรดาผู้เล่นในตลาดกลับมาปรับเพิ่มโอกาสเฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ เป็น 64%

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Tesla +4.7%, Alphabet +2.0% ที่ได้อานิสงส์จากการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผลการประชุม FOMC ของเฟดล่าสุด ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังคงประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 64% ที่จะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้ ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq รีบาวด์ขึ้น +1.41% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +1.08%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.19% หนุนโดยความหวังว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจเดินหน้าทยอยลดดอกเบี้ยได้อีกราว 2 ครั้ง ในปีนี้ จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของยูโรโซนล่าสุดที่ออกมาต่ำกว่าคาด

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามการรีบาวด์ขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ทว่าการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรปก็ถูกจำกัดลงบ้าง ตามแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหารที่ปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงก่อนหน้า 

ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่า เฟดจะคงดอกเบี้ยตามคาด อีกทั้ง Dot Plot ใหม่ก็ยังคงสะท้อนแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด 2 ครั้งในปีนี้ และอีก 2 ครั้ง ในปีหน้า ไม่ต่างจาก Dot Plot เดิม แต่การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจของเฟดที่ดูจะมีความเสี่ยงลักษณะ “Stagflation” (เศรษฐกิจชะลอลง แต่อัตราเงินเฟ้อยังสูงอยู่) มากขึ้น

ทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ เป็น 64% จากราว 20% ในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุมเฟด กดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างและแกว่งตัวแถวโซน 4.23%

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงบ้าง แม้ว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นในช่วงก่อนรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด แต่การปรับมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่มั่นใจมากขึ้นว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้งในปีนี้ หลังรับรู้ผลการประชุม FOMC ได้กดดันให้ เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้างสู่โซน 103.3 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 103.3-103.8 จุด)

 ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่า บรรยากาศในตลาดการเงินโดยรวมจะกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น แต่จังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังตลาดรับรู้ผลการประชุม FOMC ของเฟด ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025) สามารถทยอยปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ สู่โซน 3,060 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ ก่อนที่จะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งเราประเมินว่า BOE อาจมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.50% ไปก่อน

ทว่าในปีนี้ BOE ก็ยังมีแนวโน้มทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ราว 2-3 ครั้ง ตามแนวโน้มการชะลอลงของอัตราเงินเฟ้อและภาพรวมเศรษฐกิจที่อาจชะลอลงจากผลกระทบของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ 

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) รวมถึงรายงานดัชนีภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ อาทิ ดัชนีภาคการผลิตโดยเฟดสาขา Philadelphia เป็นต้น

และในฝั่งเอเชีย บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของญี่ปุ่น ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงราว 6.30 น. ของเช้าวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทย เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOJ ยังมีโอกาสราว 32% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.58 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.64 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับสกุลเงินอื่น ๆ ในเอเชียท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ และการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25-4.50% ตามที่ตลาดคาด

พร้อมกับปรับลดประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2568 ลงมา ที่ระดับ 1.7% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2.1% (แม้จะส่งสัญญาณผ่าน dot plot ว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งเหมือนกับเมื่อเดือนธ.ค. 2567 ที่ผ่านมา) นอกจากนี้ การปรับสูงขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก ก็น่าจะยังเป็นปัจจัยบวกของเงินบาทด้วยเช่นกัน 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.50-33.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การตอบรับของตลาดต่อผลการประชุมเฟด ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ประเด็นเกี่ยวกับสงครามการค้าของสหรัฐฯ และ

คู่ค้าสำคัญ สถานการณ์เงินหยวน หลัง PBOC คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR ไว้ที่ระดับเดิม ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ.
 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“เม ศุภนิดา” พลิกเฮเหนือ สาวบัลแกเรีย ทะลุรอบสองแบดมินตัน สวิส โอเพ่น

“เม” ศุภนิดา เกตุทอง มือ 8 ของโลก ต้องลุ้นเหนื่อยถึง 3 เกม ก่อนที่จะปาดหน้าแซงคว้าชัยเหนือ คาโลยานา นาลบัลโตวา มือ 65 ของโลกจากบัลแกเรีย 2-1 เกม ผ่านเข้ารอบสองแบดมินตัน โยเน็กซ์ สวิส โอเพ่น 2025 ไปได้สำเร็จ

การแข่งขันแบดมินตันรายการ โยเน็กซ์ สวิส โอเพ่น 2025 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 300 ชิงเงินรางวัลรวม 240,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8,160,000 บาท ที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อคืนวันพุธที่ 19 มี.ค.68 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบแรก

ประเภทหญิงเดี่ยว รอบแรก “เม” ศุภนิดา เกตุทอง มือวางอันดับ 2 ของรายการ มืออันดับ 8 ของโลก พบกับ คาโลยานา นาลบัลโตวา มืออันดับ 65 ของโลกจากบัลแกเรีย

เกมนี้ เม ศุภนิดา ต้องออกแรงถึง 3 เกม ก่อนที่พลิกแซงเอาชนะไปแบบหวุดหวิด 2-1 เกม 19-21, 21-11 และ 21-18 “เม” ศุภนิดา ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ โก๊ะ จินเว่ย มืออันดับ 47 ของโลกจากมาเลเซีย 

ประเภทคู่ผสม รอบแรก “โอโม่” พรรคพล ธีระรัตน์สกุล กับ “จ๋อมแจ๋ม” ผไทมาส เหมือนวงศ์ คู่มืออันดับ 21 ของโลก เอาชนะ อายุช อการ์วัล กับ ชรูตี มิชรา คู่มืออันดับ 106 ของโลกจากอินเดีย  ไปแบบขาดลอย 2-0 เกม 21-18 และ 21-9   “โอโม่” พรรคพล กับ “จ๋อมแจ๋ม” ผไทมาส ผ่านเข้ารอบสองไปพบกับ เจียง เจิ้งบัง กับ หวง ดองปิง คู่มือวางอันดับ 5 ของรายการ คู่มืออันดับ 178 ของโลกจากจีน 

ประเภทชายเดี่ยว รอบแรก “กัน” กันตภณ หวังเจริญ มืออันดับ 40 ของโลก แพ้ให้กับ หลี่ ชิเฟิง มือวางอันดับ 6 ของรายการ มืออันดับ 6 ของโลกจากจีน 0-2 เกม 13-21 , 10-21 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


เฝ้าระวัง โรคหลอดเลือดสมอง คนไทยตายสูงกว่า 39,086 คน รองแค่มะเร็ง

กระทรวงสาธารณสุข เตือนเฝ้าระวัง “โรคหลอดเลือดสมอง” รายงานข้อมูลผู้ป่วย คนไทยตายสะสมสูงกว่า 39,086 คน โรคนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เป็นรองแค่มะเร็ง

กระทรวงสาธารณสุข เตือนเฝ้าระวัง “โรคหลอดเลือดสมอง” รายงานข้อมูลผู้ป่วย คนไทยตายสะสมสูงกว่า 39,086 คน โรคนี้เป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เป็นรองแค่มะเร็ง

วันนี้ (20 มีนาคม 2568) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข รายงานข้อมูล ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ปี 2567 ของระบบรายงานฐานข้อมูลสุขภาพ (HDC) พบว่า โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนไทยสูงเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็ง

พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสะสม 358,062 คน และเสียชีวิต 39,086 คน ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ป่วยและเสียชีวิตสูงสุด โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่น ในปี 2563 – 2565 พบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองรายใหม่กว่า 2,000 คนต่อปี

นายคารม กล่าวว่า รัฐบาล โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้มุ่งสร้างศักยภาพชุมชนเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพ ด้วยแนวทาง “ป้องกันดีกว่ารักษา” เพื่อลดภาระด้านสาธารณสุข และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว จากความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคีเครือข่าย

ซึ่งจากการดำเนินโครงการ “ชุมชนลดเสี่ยง ห่างไกลโรคหลอดเลือดสมอง บ้านกุดโง้ง หมู่ 3” ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา มุ่งเน้นพลังชุมชนขับเคลื่อนสุขภาวะด้วยองค์ความรู้ สร้างการมีส่วนร่วม และพัฒนากลไกที่ยั่งยืนเพื่อป้องกันโรค NCDs โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) 

ส่งผลให้กลุ่มผู้ป่วยในชุมชนบ้านกุดโง้งสามารถควบคุมค่าความดันโลหิตเพิ่มขึ้นจาก 16 คน เพิ่มเป็น 36 คน สะท้อนผลลัพธ์เชิงประจักษ์ภายใน 90 วัน

สำหรับปัจจัยที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จมี 5 ประเด็น คือ 

1.สำรวจข้อมูลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง 

2.ส่งเสริมให้ประชาชนปรับพฤติกรรมสุขภาพ 

3.อบรมให้ความรู้ 

4.สร้างพันธสัญญา 90 วันเพื่อสุขภาพดี ลดการบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม เพิ่มการมีกิจกรรมทางกาย และลดปัจจัยเสี่ยงอย่างบุหรี่และสุรา ผ่าน “ข้อตกลงร่วมของชุมชน” เช่น ทุกครัวเรือนปลูกผักกินเอง กิจกรรมออกกำลังกายประจำสัปดาห์ งานบุญปลอดเหล้า 

5.เฝ้าระวังประเมินพฤติกรรมสุขภาพ ซึ่งเป็นการสร้างวัฒนธรรมสุขภาพที่ดีให้กับชุมชนในระยะยาว

“รัฐบาล มุ่งพัฒนาศักยภาพภาคีให้ได้เรียนรู้แนวทางการกระจายโอกาสการสร้างเสริมสุขภาพ ให้เกิดผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพและปัจจัยสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน เกิดการรวมกลุ่มในชุมชนที่เข้มแข็ง รวมถึงข้อตกลงของชุมชน เพื่อลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง มุ่งเป้าสร้างการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และยกระดับเป็นชุมชนต้นแบบต่อไป” นายคารม กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ทำความรู้จัก อาคาร SAT-1 สนามบินสุวรรณภูมิ สวยที่สุดในโลก

ทำความรู้จักอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ อาคาร SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สนามบินสวยที่สุดในโลก โดยมีสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น

วันนี้ (วันที่ 20 มีนาคม 2568) ในหลวง-พระราชินี เสด็จพระราชดำเนินเปิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ อาคาร SAT-1 เราจะพาไปทำความรู้จัก อาคาร SAT-1

อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) เป็นโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 วงเงินลงทุนประมาณ 39,760 ล้านบาท

ล่าสุดอาคาร SAT-1 (Midfield Satellite 1:) หรืออาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 คว้ารางวัล Prix Versailles 2024
สนามบินที่สวยที่สุดในโลก หมวดหมู่ สนามบิน สาขาสถาปัตยกรรมดีเด่นด้านรูปลักษณ์อาคาร (Exterior)

อาคาร SAT-1 สนามบินสุวรรณภูมิได้ถ่ายทอดความวิจิตรของเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ไทยตั้งแต่ก้าวแรกที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศ ด้วยการนำจุดแข็งทางวัฒนธรรมมาออกแบบการตกแต่งภายในอาคารเป็นแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมและศิลปะ

สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้กลมกลืนไปกับโครงสร้างอาคารที่ทันสมัยครอบคลุมทั้งประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิต รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะเปิดให้บริการพร้อมๆ กันอย่างระบบขนส่งผู้โดยสาร APM รถไฟฟ้าไร้คนขับครั้งแรกในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

อาคาร SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น เป็นอาคารสูง 4 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น มีพื้นที่ 216,000 ตารางเมตร มีประตูทางออกเชื่อมต่อกับหลุมจอดประชิดอาคาร (Contact Gate) จำนวน 28 หลุมจอด ถือว่ามีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม อัตลักษณ์ การออกแบบ การสร้างประสบการณ์ให้ผู้โดยสาร

รวมทั้งให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทางวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการถ่ายทอดความวิจิตรของเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ไทย สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศ

นอกจากนี้ ทอท. ยังได้มีการออกแบบที่สวยงาม โดยนำจุดแข็งทางวัฒนธรรมมานำเสนอ ประกอบกับการตกแต่งภายในอาคารเป็นแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมและศิลปะที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้กลมกลืนไปกับโครงสร้างอาคารที่ทันสมัย ครอบคลุมทั้งประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ และวิถีชีวิต

โดยมีผลงานการตกแต่งประติมากรรมชิ้นเอกเป็นช้างคชสาร ตั้งอยู่บริเวณโถงกลางของชั้น 3 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาออก

ขณะเดียวกัน ภายในชั้น 3 ของอาคารฯ ได้รับการออกแบบให้เป็นสวนตกแต่งด้วยสัตว์หิมพานต์ ตามคติความเชื่อไทยแต่โบราณ อาทิ กินนร กินรี เหมราช และหงส์สา ส่วนชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาเข้า ได้ออกแบบเป็นสวนสัญจรที่จัดแสดงงานภูมิทัศน์ผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรมของไทย เช่น หุ่นละครเล็ก หนังใหญ่ หัวโขน และว่าวไทย เป็นต้น

ในส่วนปลายอาคารทั้ง 2 ด้าน คือ ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ติดตั้งสุวรรณบุษบก และรัตนบุษบก ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธปฏิมา ปางมารวิชัย และปางเปิดโลก โดยถอดแบบมาจากวัดผาซ่อนแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อสถานที่

ขณะที่ ห้องน้ำได้เสนออัตลักษณ์อันงดงามของแต่ละภาค มีภาพจิตรกรรม 4 ภาคของไทย ไปจนถึงประเพณีวัฒนธรรมของไทยมาใช้ออกแบบรูปลักษณ์ภายใน อีกทั้ง สุขภัณฑ์ทั้งหมด ยังใช้ระบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยในการประหยัดน้ำอีกด้วย

อาคาร SAT-1  แต่ละชั้นมีอะไรบ้าง

  • ชั้น B2 (ใต้ดิน)  

เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสาร APM Station จากอาคารหลักสู่อาคาร SAT-1

  • ชั้น B1 (ใต้ดิน)

เป็นชั้นลำเลียงกระเป๋าและสัมภาระ

  • ชั้น GF

เป็นชั้นลานจอดเครื่องบิน (Apron Level) และเป็นชั้นที่มีโถงพักคอย, ,มีพื้นที่จัดสวน, จุดจอดรถบัสรับ-ส่ง และสำนักงานของเจ้าหน้าที่

  • ชั้น 2

 เป็นชั้นผู้โดยสารขาเข้า (Arrival Level) มีบริการโถงพักคอย, ร้านค้าต่างๆ, ห้องละหมาด, ห้องปฐมพยาบาล และพื้นที่จัดสวน เป็นต้น

  • ชั้น 3

เป็นชั้นผู้โดยสารขาออก (Departure Level) มีบริการพื้นที่นั่งพักคอย, ร้านค้าปลอดภาษี และร้านค้าอื่นๆ เป็นต้น

  • ชั้น 4

เป็นชั้นบริการผู้โดยสารพิเศษ (CIP Lounges Level) หรือ Commercial Important Person ผู้โดยสารที่มีความสำคัญทางธุรกิจการค้า จะมีบริการในส่วนร้านค้า, ร้านอาหารและภัตตาคาร, ห้องละหมาด, ห้องเด็กเล่น และจุดชมวิว Sky Lounges

6 สนามบินที่สวยที่สุดในโลก 2024

สำหรับ 6 สนามบินที่เว็บไซต์ www.prix-versailles.com ได้ประกาศ 6 สนามบินที่สวยที่สุดในโลกประจำปี 2567 ได้แก่

  • อาคาร SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย
  • อาคารผู้โดยสาร E ท่าอากาศยานนานาชาติโลแกน (Logan International Airport) ประเทศสหรัฐอเมริกา
  • อาคารผู้โดยสารที่ 2 ท่าอากาศยานชางงี (Changi Airport) ประเทศสิงคโปร์
  • ท่าอากาศยานนานาชาติซายิด (Zayed International Airport) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
  • ท่าอากาศยานนานาชาติเฟลิเป้ แองเจเลส (Felipe Ángeles International Airport) ประเทศเม็กซิโก
  • ท่าอากาศยานนานาชาติแคนซัสซิตี้ (Kansas City International Airport) ประเทศสหรัฐอเมริกา

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“เต้าหู้” กับความเสี่ยง ผลกระทบด้านสุขภาพ ที่ควรใส่ใจก่อนทาน

เต้าหู้ อาหารที่อยู่คู่ครัวคนไทยและชาวเอเชียมานานนับศตวรรษ ด้วยรสชาติที่อ่อนโยน เนื้อสัมผัสที่หลากหลาย และคุณค่าทางโภชนาการสูง ทำให้เต้าหู้กลายเป็นอาหารยอดนิยมสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเต้าหู้จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพที่หลายคนอาจยังไม่รู้

“เต้าหู้” กับความเสี่ยง ผลกระทบด้านสุขภาพ

การกินเต้าหู้และอาหารจากถั่วเหลืองอื่นๆ ทุกวันโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย อย่างไรก็ตาม คุณอาจต้องควบคุมปริมาณการบริโภค หากคุณมี

  • เนื้องอกในเต้านม: เนื่องจากเต้าหู้มีผลกระทบต่อฮอร์โมนอย่างอ่อน บางแพทย์จึงแนะนำให้ผู้ที่มีเนื้องอกในเต้านมที่ไวต่อฮอร์โมนเอสโตรเจนจำกัดการบริโภคถั่วเหลือง
  • ปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์: ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังแนะนำให้ผู้ที่มีการทำงานของต่อมไทรอยด์ไม่ดีหลีกเลี่ยงเต้าหู้ เนื่องจากมีสารกอยโตรเจน (goitrogen)

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก EFSA สรุปว่าถั่วเหลืองและไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลืองไม่ก่อให้เกิดความกังวลต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ หรือมะเร็งเต้านมหรือมดลูก

อาหารจากถั่วเหลืองและไอโซฟลาโวนจากถั่วเหลืองไม่น่าจะส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในผู้ชาย ไม่ว่าพวกเขาจะกินถั่วเหลืองในปริมาณเท่าใดก็ตาม

มีการศึกษาเพียงไม่กี่ชิ้นที่ตรวจสอบผลกระทบระยะยาวของถั่วเหลืองในเด็ก อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่มีอยู่ ปริมาณถั่วเหลืองที่เด็กกินดูเหมือนจะไม่ส่งผลเสียต่อฮอร์โมนของพวกเขา และดูเหมือนจะไม่ส่งผลต่อพัฒนาการในช่วงวัยแรกรุ่น

ตรงกันข้าม งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าการกินถั่วเหลืองในช่วงวัยเด็กหรือวัยรุ่นอาจป้องกันมะเร็งเต้านมในวัยผู้ใหญ่ได้ แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมก็ตาม

ยิ่งไปกว่านั้น การทบทวนหลักฐานล่าสุดในปี 2018 ไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างนมผงสำหรับทารกจากถั่วเหลืองกับความผิดปกติของการพัฒนาใดๆ

อย่างไรก็ตาม การศึกษาในปี 2016 ชิ้นหนึ่งชี้ให้เห็นว่าเด็กผู้หญิงที่ได้รับนมผงจากถั่วเหลืองในช่วง 9 เดือนแรกของชีวิต อาจมีการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ช่องคลอดและความแตกต่างในวิธีการเปิดหรือปิดยีน เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับนมผงจากนมวัว ยังไม่ชัดเจนว่าความแตกต่างเหล่านี้มีผลกระทบระยะยาวหรือไม่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม

หากคุณมีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับปริมาณเต้าหู้ในอาหารของคุณ ให้ปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/03/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a48,450.0048,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,138.0047,572.0849,350.00
ทองรูปพรรณ 90%2,824.2042,814.87n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,510.4038,057.66n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,412.0021,405.92n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,098.0016,645.68n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,252.0049,300.32n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/03/2568



ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.6534.6535.1534.6534.6534.6534.6534.6534.6534.65
แก๊สโซฮอล์ 9134.2834.2834.7834.2834.2834.2834.2834.2834.2834.28
แก๊สโซฮอล์ E2032.4432.4432.9432.4432.4432.4432.4432.4432.44
แก๊สโซฮอล์ E8530.7930.7930.79
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม43.2449.8449.8449.8443.24
เบนซิน 9542.9449.8143.4443.0942.94
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า