สาระน่ารู้ประจำวันที่ 20 สิงหาคม 2568

SCX ผนึก IHG ปั้นโรงแรมพรีเมียม ‘โวโค กรุงเทพฯ สยาม’ มูลค่า 2.2 พันล้าน

SC Asset ต่อยอดพอร์ตธุรกิจรายได้ประจำ ส่ง SCX Corporation ผนึกพลัง IHG ปั้น “โวโค กรุงเทพฯ สยาม” ดีเดย์ ปี 2572 ปักหมุดแลนด์มาร์กโรงแรมพรีเมียมแห่งใหม่ใจกลางกรุง

ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัวและความเสี่ยงรอบด้าน รายได้ทางเดียวไม่เพียงพอสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างการเติบโต ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวว่า เอสซี แอสเสท มุ่งขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Property) หรือกลุ่ม Engine 2 มากขึ้น

ภายใต้เป้าหมายภายในปี 2572 สัดส่วนของกำไรจากอสังหาฯ สร้างรายได้ประจำจะมีมากกว่า 20% พร้อมขยายธุรกิจโรงแรมให้มีจำนวนห้องพักมากกว่า 2,000 ห้องพัก

ล่าสุด ได้ส่งบริษัทในเครือ SCX Corporation ลงนามความร่วมมือกับ “IHG Hotels & Resorts” เพื่อพัฒนาโรงแรม “โวโค กรุงเทพฯ สยาม” (voco Bangkok Siam) มูลค่า 2,200 ล้านบาท

นับเป็นโรงแรมแห่งที่ 4 ในพอร์ตฟอลิโอของบริษัท บนทำเลใจกลางกรุงเทพฯ ตรงข้ามศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมให้บริการปี 2572 

การจับมือกับพันธมิตรที่มีศักยภาพระดับโลก IHG ในแบรนด์พรีเมียม voco ซึ่งเป็นแบรนด์พรีเมียมที่เติบโตเร็วที่สุดในเครือที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และความใส่ใจในทุกรายละเอียด มาส่งมอบประสบการณ์การเข้าพักที่ยอดเยี่ยมให้นักท่องเที่ยว

ตอกย้ำวิสัยทัศน์การลงทุนระยะยาวของ เอสซี แอสเสท ในการขยายอีโคซิสเต็มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำร่วมกับพันธมิตรกลุ่ม Hospitality ระดับโลก โดย IHG มีเครือข่ายระดับโลก และฐานสมาชิก One Rewards ที่แข็งแกร่ง จะช่วยยกระดับคุณภาพและการเข้าถึงลูกค้าทั่วโลก เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดระดับพรีเมียมได้อย่างมีนัยสำคัญ รองรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก

“เราอยากให้นักท่องเที่ยวมีประสบการณ์ที่ประทับใจ อยากกลับมาเที่ยวประเทศไทยอีก การเลือกทำเลสยามสแควร์ มีความสะดวกอย่างโดดเด่น ใกล้บีทีเอส เป็นจุดศูนย์กลางของเมือง ผู้เข้าพักสามารถเดินจากโรงแรมถึงห้างสรรพสินค้า 8 แห่ง ในรัศมี 1.5 กิโลเมตร เช่น สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ เอ็มบีเค”

วิเวก บัลลา กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี IHG Hotels & Resorts  กล่าวว่า ไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของ IHG ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยว การเดินทางเพื่อธุรกิจ และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน 

“โวโค กรุงเทพฯ สยาม ขนาด 350 ห้องพัก จะเป็นหนึ่งในโรงแรมเรือธงของแบรนด์ voco ในภูมิภาค เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กใหม่ของกรุงเทพฯ เติมเต็มประสบการณ์ใหม่ให้กับนักเดินทางทั่วโลก”

ปัจจุบัน IHG มีโรงแรมในประเทศไทยมากกว่า 40 แห่ง ครอบคลุม 9 แบรนด์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมระดับรางวัล ในกลุ่ม Luxury Lifestyle และ Mainstream

โรงแรมแห่งใหม่นี้ เป็นการพัฒนาแบรนด์โวโค แห่งที่ 2 ในไทย เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโรงแรมแบรนด์โวโค ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก ปัจจุบันเปิดบริการแล้วกว่า 100 แห่งใน 25 ประเทศ และอีกกว่า 95 แห่งอยู่ระหว่างการพัฒนา

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ฝ่าวิกฤตซ้อน! ธุรกิจรับสร้างบ้านหวั่นสั่นคลอนขาดแรงงาน

ความขัดแย้งชายแดนส่งผลแรงงานกัมพูชากลับประเทศ กระทบธุรกิจรับสร้างบ้านใช้แรงงานกัมพูชาถึง 30% นายกสมาคมเผยต้องหาทางรอดแรงงานทดแทน

ตลาดรับสร้างบ้านไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ซับซ้อน โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของอุตสาหกรรม ทั้งแรงงานไร้ฝีมือที่เผชิญภาวะวิกฤตจากสถานการณ์ความขัดแย้ง และแรงงานฝีมือที่ต้องอาศัยการยกระดับคุณภาพจากภายใน ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและระยะเวลาในการก่อสร้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ในขณะที่เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยลบและฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจรับสร้างบ้านก็ยังคงอยู่ในภาวะที่เหนื่อยและท้าทายอย่างยิ่ง แม้สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) จะคาดการณ์ว่าตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 จะพลิกฟื้นจากภาวะติดลบได้ แต่ปัจจัยสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้เลยคือ “วิกฤตแรงงาน” ที่ส่งแรงกระเพื่อมต่อรากฐานของธุรกิจอย่างเงียบๆ และต่อเนื่อง

นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจว่า แรงงานต่างด้าวในภาคก่อสร้างของไทยมีสัดส่วนหลัก 3 ชาติ ได้แก่ แรงงานเมียนมาคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60% รองลงมาคือแรงงานกัมพูชา 30% และแรงงานลาว 10%

จากสัดส่วนดังกล่าวทำให้เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา และทำให้แรงงานตัดสินใจเดินทางกลับประเทศอย่างกะทันหัน จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้น แต่คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้จะไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากบริษัทรับสร้างบ้านแต่ละแห่งต่างมีวิธีรับมือโดยปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเสมอ

ทั้งนี้ การขาดหายไปของแรงงานกัมพูชาถึง 30% ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านต้องเร่งหาทางออกอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่พบการใช้แรงงานกลุ่มนี้เป็นจำนวนมากกว่าภูมิภาคอื่นๆ ผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะแรกคือ ทำให้เกิดความล่าช้าในงานก่อสร้างในบางส่วนของโครงการ และอาจส่งผลให้ต้องยืดระยะเวลาในการโอนบ้านออกไปบ้าง แต่ด้วยการปรับตัวอย่างรวดเร็วของภาคธุรกิจ สถานการณ์จึงเริ่มกลับมาดีขึ้นได้ในที่สุด

เมื่อถูกถามถึงวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว นายอนันต์กรชี้ว่า วิธีการแรกคือการสร้างความเข้าใจกับช่างและแรงงานถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาแรงงานชาติอื่นเข้ามาทดแทนเพื่อเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการดึงแรงงานไทยให้เข้ามามีส่วนร่วมในภาคการก่อสร้างมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน

นอกจากปัญหาแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศแล้ว ก่อนหน้านี้ในครึ่งปีแรกวงการรับสร้างบ้านได้เผชิญเผชิญกับปัญหาอีกประการหนึ่ง นั่นคือปัญหา “แรงงานฝีมือขาดแคลน” โดยเฉพาะแรงงานฝีมือที่ได้รับการฝึกอบรมมาโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและบริษัทรับสร้างบ้านแต่ละแห่งก็ยังคงดำเนินการฝึกอบรมเพื่อสร้างแรงงานฝีมือของตนเองมาโดยตลอด

แม้นายอนันต์กรจะกล่าวว่า โดยพื้นฐานแล้วแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่มีฝีมือใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่สร้างความแตกต่างและเป็นจุดแข็งของแต่ละบริษัทรับสร้างบ้านคือ “วิธีการฝึกฝนและควบคุมจัดการแรงงาน” ซึ่งหมายความว่าบริษัทที่มีกระบวนการฝึกอบรมที่ดีกว่า จะสามารถยกระดับฝีมือแรงงานให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพสูงกว่าคู่แข่ง ปัญหานี้จึงเป็นโจทย์ที่แต่ละบริษัทต้องเร่งแก้ไขด้วยตัวเอง

สำหรับประเด็นเรื่องค่าแรง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในต้นทุนการก่อสร้าง นายอนันต์กรกล่าวว่า ค่าแรงในธุรกิจรับสร้างบ้านของบริษัทใหญ่ๆ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของต้นทุนทั้งหมด และโดยปกติแล้วค่าจ้างแรงงานของบริษัทเหล่านี้จะสูงกว่าค่าแรงขั้นตํ่าทั่วไปอยู่แล้ว เช่น ค่าแรงขั้นตํ่าทั่วไปอยู่ที่ 300-350 บาท แต่ค่าจ้างจริงอาจเกิน 350 บาทไปแล้ว ดังนั้น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นตํ่าจึงไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนค่าบ้านมากนัก

อย่างไรก็ตาม แม้ต้นทุนด้านค่าแรงจะไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาบ้านสูงขึ้น แต่ปัจจัยเรื่องต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่ปรับขึ้น และการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาด ต่างหากที่เป็นแรงกดดันให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนมหาศาล ในภาวะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่สูงมากนักผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องตรึงราคาไว้ เพราะหากปรับราคาขึ้นในทันที อาจส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไป

โดยภาพรวมแล้ว แม้การเดินทางกลับประเทศของแรงงานกัมพูชาจะส่งผลกระทบในระยะสั้น แต่ปัญหาขาดแคลนแรงงานยังคงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ธุรกิจรับสร้างบ้านต้องเร่งหาทางออกอย่างยั่งยืน โดยสมาคมฯคาดกว่าปัญหานี้จะยังคงไม่รุนแรงขึ้น

ทั้งนี้ การสร้างมาตรการเพื่อรองรับการขาดแคลนแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ และการยกระดับฝีมือแรงงานไทยเพื่อเป็นกำลังสำคัญในอนาคต การปรับตัวในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ธุรกิจรอดพ้นจากวิกฤต แต่ยังเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมในระยะยาวด้วย ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าในห้วงเวลาที่ตลาดรับสร้างบ้านกำลังมองหาโอกาสในการฟื้นตัว

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 20ส.ค.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 32.60 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอ่อนค่าจำกัดอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐ และสถานการณ์การเมืองไทย

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 20ส.ค.2568 ที่ระดับ  32.60 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.50 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่าเงินบาทจะทยอยอ่อนค่าลงบ้างในช่วงคืนที่ผ่านมา แต่เรายังคงประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม

ทั้งรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ รวมถึงไฮไลท์สำคัญ อย่าง ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ทำให้การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด

นอกจากนี้ เรามองว่า การปรับตัวลดลงของราคาทองคำในช่วงนี้ ยังคงเห็นแรงซื้อ Buy on Dip จากผู้เล่นในตลาดอยู่ ซึ่งล่าสุด ราคาทองคำได้ย่อตัวลงสู่โซนแนวรับ ทำให้ในระยะสั้นก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นบ้าง

 หรืออย่างน้อยการปรับตัวลดลงต่อชัดเจนนั้น จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ตลาดกลับมาเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยไม่ถึง 2 ครั้ง ถึงจะทำให้ราคาทองคำ (XAUUSD) เสี่ยงปรับตัวลดลงต่อ สู่โซนแนวรับถัดไปในช่วง 3,250 ดอลลาร์ต่อออนซ์

หากตลาดยังไม่ได้รับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาท (USDTHB) ก็อาจติดอยู่แถวโซนแนวต้านแรก 32.65 บาทต่อดอลลาร์ โดยจะมีโซน 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านถัดไป

ทั้งนี้ หากประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาสู่แนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ในทางกลับกัน หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้าง ก็อาจพอมีโซนแนวรับในช่วง 32.30 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับแรก โดยมีโซน 32.10 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับสำคัญถัดไป 

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.45-32.70 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลง เข้าใกล้โซนแนวต้านถัดไปในช่วง 32.65 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.47-32.61 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ตามรายงานข้อมูลตลาดบ้านของสหรัฐฯ อย่าง ยอด Housing Starts เดือนกรกฎาคม ที่ปรับตัวขึ้น +5.2%m/m ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายทำกำไรบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ที่ปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ จะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง

ทว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ยังคงกดดันให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ย่อตัวลงเข้าใกล้โซน 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มแรงกดดันต่อเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมาเช่นกัน

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ตามแรงขายทำกำไรบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ซึ่งปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงที่ผ่านมา อาทิ Nvidia -3.50% ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟดในงาน Jackson Hole Symposium และ

รอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองหุ้นสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ส่งผลให้โดยรวม ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -1.46% ส่วน S&P500 ปิดตลาด -0.58%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.69% หลังการเจรจาระหว่างผู้นำยูเครนกับผู้นำสหรัฐฯ ล่าสุด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมีความหวังว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจพอมีแนวทางที่จะยุติลงได้

อย่างไรก็ดี ความหวังดังกล่าวก็กดดันให้ บรรดาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหาร-การบิน ต่างเผชิญแรงขายทำกำไร อาทิ Rheinmetall -4.9%, BAE Systems -3.9% ทั้งนี้ โดยรวมตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม รวมถึงกลุ่มยานยนต์

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ แม้รายงานข้อมูลตลาดบ้านสหรัฐฯ ล่าสุดจะออกมาดีกว่าคาด ทว่าบรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยังคงคาดหวังว่า เฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนกันยายน (มีโอกาสราว 20% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้) ก็มีส่วนกดดันให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลดลง สู่โซน 4.30% อีกครั้ง

อย่างไรก็ดี เราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวสูงขึ้นต่อได้บ้าง หากตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด หรือบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้

อาทิ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด ซึ่งอาจไม่ได้ส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยเฉพาะการประชุม FOMC ในเดือนกันยายน อย่างชัดเจน ตามที่ตลาดกำลังคาดหวัง

ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้ เนื่องจากเราคงคาดการณ์ว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวลดลง ตามการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด (คาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยจนถึงระดับ 3.00-3.25%)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯ กอปรกับรายงานข้อมูลตลาดบ้านล่าสุดของสหรัฐฯ ก็ออกมาดีกว่าคาด

ทว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ยังคงค่อยเป็นค่อยไป หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานเฟด ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้น สู่ระดับ 98.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.9-98.4 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบรรยากาศในตลาดการเงินสหรับฯ จะอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ทว่าการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ปรับตัวลดลงเข้าใกล้โซนแนวรับระยะสั้นแถว 3,350-3,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยยังคงเห็นแรงซื้อทองคำ Buy on Dip จากบรรดาผู้เล่นในตลาดอยู่ ซึ่งช่วยพยุงให้ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลดลงหนัก  

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานการประชุม FOMC ล่าสุด (FOMC Meeting Minutes) รวมถึงถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น  รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนกรกฎาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของ BOE ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า BOE มีโอกาสราว 51% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 25bps 1 ครั้ง ในปีนี้

และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) และธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) พร้อมกับจับตาการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกหนี้ชั้นดี (Loan Prime Rate) จากทางธนาคารกลางจีน (PBOC)

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกของสหรัฐฯ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ค่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.58-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.17 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.51 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทอ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกและทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังแกว่งตัวเป็นกรอบ เนื่องจากตลาดยังคงรอสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากประธานเฟดในงานสัมมนาประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.45-32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก การประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของธนาคารกลางจีน รวมถึงรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 29-30 ก.ค. 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย พ่ายจีน 0-3 เซต อุ่นเครื่องก่อนชิงแชมป์โลก 2025

ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย อุ่นเครื่องกระชับมิตรพ่ายจีน 0-3 เซต ฉลอง 50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน ที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ก่อนเตรียมลุยศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 เปิดสนาม 22 ส.ค. นี้

การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิง กระชับมิตร เนื่องในวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน   ที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก เมื่อวันอังคารที่ 19 ส.ค.68 ที่ผ่านมา ระหว่างทีมไทย พบกับ จีน 

รายชื่อผู้เล่น 6 คนแรก ประกอบไปด้วย “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ , “แนน” ทัดดาว นึกแจ้ง , “ออมสิน” ศศิภาพร จันทวิสูตร , “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี , “ไก่” วิมลรัตน์ ทานะพันธุ์ , “บีม” พิมพิชยา ก๊กรัมย์ และ “แป้น” ปิยะนุช แป้นน้อย (ตัวรับอิสระ) 

เซตแรก ทั้งสองฝั่ง ผลัดกันทำแต้มได้อย่างสนุก และผลัดกันขึ้นนำก่อนที่จะเป็นจีน เป็นฝ่ายทำแต้มในช่วงท้ายเซตก่อนที่จะเอาชนะไปได้ที่ 25-22 

เซตสอง ทีมไทย ออกสตาร์ตได้สวยหรูทำแต้มขึ้นนำได้ และรักษาช่องว่างคะแนนได้ จนกระทั่งกลางเซต จีน กลับมาเล่นด้วยอาศัยความสูงใหญ่ตบจากหัวเสา และ 3 เมตร แซงขึ้่นนำ 17-15 แล้วเป็นจีน ที่ยังเล่นได้เหนือกว่าเอาชนะไปได้อีกที่  25-22 

เซตสาม จีนเปิดเซตได้ดีกว่า เล่นบอลตบที่เด็ดขาดกว่านำ 4-2 จากนั้นจีน เป็นฝ่ายควบคุมเกมและทำแต้มได้ดีกว่า มาปิดแมตช์เอาชนะไปได้ที่ 25-18 ทำให้เอาชนะไปได้ 3-0 เซต 

สำหรับโปรแกรมของทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย จะลงแข่งขันในศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 (FIVB Volleyball Women’s World Championship) ซึ่งทีมสาวไทยอยู่ใน กลุ่มเอ ร่วมกับ อียิปต์, สวีเดน และเนเธอร์แลนด์ โดย 2 ทีมแรกของกลุ่มจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

📅 โปรแกรมรอบแรก ที่ อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก กรุงเทพฯ

22 ส.ค. 68 ไทย พบ อียิปต์ เวลา 20.30 น.

24 ส.ค. 68 ไทย พบ สวีเดน เวลา 20.30 น.

26 ส.ค. 68 ไทย พบ เนเธอร์แลนด์ เวลา 20.30 น.

แฟนวอลเลย์บอลสามารถเชียร์ติดขอบสนาม หรือรับชมถ่ายทอดสดทาง PPTV HD และ AIS PLAY 

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


‘โรคลีเจียนแนร์’ ภัยเงียบจากระบบท่อน้ำ -แอร์ปรับอากาศ

กรมควบคุมโรค เตือนภัย ‘โรคลีเจียนแนร์’ อาการปอดอักเสบรุนแรงจากแบคทีเรียแฝงตัวในระบบน้ำ-แอร์โรงแรม หลังพบผู้ป่วยสะสม 44 ราย เสียชีวิต 1 ราย เผยปี 68 แนวโน้มเพิ่มขึ้น

19 สิงหาคม 2568 แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรคและนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมแถลงข่าวในหัวข้อ สิงหามั่นใจ รู้เท่าทันโรคและภัยสุขภาพ เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคลีเจียนแนร์ซึ่งเป็นโรคปอดอักเสบชนิดรุนแรงว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 

จากข้อมูลปี 2568 มีรายงานพบผู้ป่วย 44 ราย เสียชีวิต 1 ราย อายุระหว่าง 4 – 88 ปี เป็นผู้ป่วยที่ได้รับรายงานจากต่างประเทศ 33 ราย และรายงานจากในประเทศไทย 11 ราย จำแนกเป็น ชาวต่างชาติ 35 ราย ชาวไทย 9 ราย 

ทั้งนี้ โรคลีเจียนแนร์ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Legionella spp. พบในแหล่งน้ำ เช่น ระบบปรับอากาศ หัวฝักบัว อ่างน้ำ หอผึ่งเย็น ระบบท่อ หรือถังเก็บน้ำ ติดต่อผ่านการสูดละอองน้ำหรือไอน้ำที่มีเชื้อเข้าสู่ปอด ไม่ติดต่อจากคนสู่คน

นอกจากนี้สถานการณ์โรคลีเจียนแนร์ในนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม -12 สิงหาคม 2568 ผู้ป่วยสะสม จำนวน 34 ราย เสียชีวิต จำนวน 1 ราย แนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ 2567

อาการมักเริ่มภายใน 2 – 10 วัน หลังจากสัมผัสเชื้อโดยจะมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ไอ มักเป็นไอแห้งแต่อาจมีเสมหะ หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร อาจมีอาการระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย สับสนหรือมึนงงโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ กลุ่มเสี่ยงที่มีความรุนแรงมากขึ้นหากติดเชื้อ คือ ผู้สูงอายุ ผู้สูบบุหรี่ ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง ผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิ 

แนะประชาชนหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยว พักแรมให้สังเกตอาการ 10 วัน หากมีอาการดังกล่าว ให้รีบไปพบแพทย์ 

คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบกิจการที่พัก ควรบำรุงรักษาระบบน้ำและระบบปรับอากาศให้สะอาด ควบคุมอุณหภูมิน้ำให้ได้มาตรฐาน ทั้งในระบบและที่ปลายท่อ โดยน้ำร้อนอุณหภูมิควรอยู่ที่ 50 – 60 องศาเซลเซียส น้ำเย็นควรรักษาอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส มีการติดตั้งและตรวจสอบระบบฆ่าเชื้อด้วยการใช้คลอรีนและอาจใช้ร่วมกับโอโซนหรือรังสียูวี (UV) ในระบบน้ำหมุนเวียน มีการเฝ้าระวังและตรวจสอบเชื้อในสิ่งแวดล้อมส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการสม่ำเสมอ เปิดใช้น้ำทุกจุดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งถ้าไม่มีผู้ใช้งาน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


AI ทะยานแตะ 4.8 ล้านล้านดอลลาร์ UN เตือนประเทศยากจนกำลังถูกทิ้ง

UN เตือนอนาคต AI มูลค่า 4.8 ล้านล้านดอลลาร์ กระจุกไม่กี่ชาติ เสี่ยงขยายความเหลื่อมล้ำ แนะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน-กำกับดูแลร่วมกัน

รายงาน Technology and Innovation Report 2025 ของ การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เตือนว่า แม้ AI จะเป็นเครื่องมือทรงพลังเพื่อความก้าวหน้า แต่ไม่ได้หมายความว่าจะ “ครอบคลุม” โดยอัตโนมัติ ทุกประเทศจำเป็นต้องเร่งดำเนินการ ตั้งแต่ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล สร้างขีดความสามารถ ไปจนถึงพัฒนาระบบกำกับดูแล เพื่อใช้ AI ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน

เรเบกา กรินสแปน เลขาธิการ UNCTAD ย้ำว่า ต้องทำให้ “ประชาชน” เป็นศูนย์กลางของการพัฒนา AI พร้อมเรียกร้องให้ความร่วมมือระดับนานาชาติแข็งแกร่งขึ้น เพื่อร่วมกันสร้าง “กรอบการทำงานด้าน AI ระดับโลก”

ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาล แต่ยังไม่ทั่วถึง

  • แม้ AI จะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล แต่โครงสร้างพื้นฐานและความเชี่ยวชาญด้าน AI ยังคงกระจุกอยู่เพียงไม่กี่ประเทศ
  • มีเพียง 100 บริษัท ส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ และจีน ที่คิดเป็น 40% ของการใช้จ่าย R&D ภาคธุรกิจทั่วโลก
  • ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง Apple, Nvidia และ Microsoft ต่างมีมูลค่าตลาดรายละประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับ GDP ของทวีปแอฟริกาทั้งทวีป
  • การครองตลาดทั้งในระดับประเทศและองค์กร อาจทำให้ช่องว่างทางเทคโนโลยีกว้างขึ้น เสี่ยงทำให้หลายประเทศกำลังพัฒนา พลาดโอกาสจากประโยชน์ของ AI

AI กำลังเปลี่ยนแปลงตลาดแรงงาน

AI มีศักยภาพกระทบ มากถึง 40% ของงานทั่วโลก แม้จะเพิ่มผลิตภาพ แต่ก็ก่อความกังวลเรื่อง การแทนที่แรงงาน ผลประโยชน์จากระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI มักเอื้อประโยชน์ต่อทุนมากกว่าแรงงาน อาจขยายความเหลื่อมล้ำ และลดความได้เปรียบจากแรงงานราคาถูกในประเทศกำลังพัฒนา

แต่ AI ไม่ได้หมายถึงการลดงานเพียงอย่างเดียว ยังสามารถ สร้างอุตสาหกรรมใหม่ และเสริมพลังให้แรงงาน ได้ การลงทุนใน การ reskill, upskill และปรับตัวแรงงาน จึงเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อให้ AI ช่วยสร้างงานมากกว่าทำลายงาน

ข้อมูลจาก UNCTAD ชี้ว่า

  • แรงงานใน ประเทศพัฒนาแล้ว เผชิญความเสี่ยง 33%
  • เศรษฐกิจเกิดใหม่ 24%
  • ประเทศรายได้น้อย 18%

AI หัวใจของนโยบายอุตสาหกรรมยุคใหม่

AI กำลังนิยามโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ทำให้ เทคโนโลยี นวัตกรรม และบริการที่ใช้ความรู้เข้มข้น กลายเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ แต่ละชาติจำเป็นต้องลงทุนใน 3 ปัจจัยหลัก: โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล และทักษะ เพื่อวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับความต้องการทางสังคมเศรษฐกิจ

UNCTAD พร้อมสนับสนุนการประเมินจุดแข็งและออกแบบนโยบายเพื่อสร้างระบบนวัตกรรมที่ยืดหยุ่นสำหรับประเทศกำลังพัฒนา

กำกับดูแล AI ต้องครอบคลุมทุกชาติ

แม้ AI จะกำหนดอนาคตเศรษฐกิจโลก แต่ยังมี 118 ประเทศ โดยเฉพาะใน Global South ที่ไม่ถูกนับรวมในเวทีหลักของการกำกับดูแล AI ขณะที่กฎระเบียบและกรอบจริยธรรมกำลังถูกออกแบบ จำเป็นที่ประเทศกำลังพัฒนาจะต้อง มีที่นั่งบนโต๊ะเจรจา เพื่อให้ AI ไม่ได้รับใช้เพียงผลประโยชน์ของไม่กี่ประเทศ แต่ขับเคลื่อนความก้าวหน้าร่วมกัน

แผนปฏิบัติการเพื่อการพัฒนา AI อย่างทั่วถึง

  • รายงาน UNCTAD เสนอแผนพัฒนา AI อย่างครอบคลุม ได้แก่
  • พันธสัญญาอุตสาหกรรม: พัฒนากลไกเปิดเผยข้อมูลสาธารณะคล้าย ESG เพื่อความรับผิดชอบและความโปร่งใส
  • โครงสร้างพื้นฐานร่วม: จัดตั้งศูนย์ AI ระดับโลกเพื่อเข้าถึงทรัพยากรอย่างเท่าเทียม
  • นวัตกรรมเปิด: ผลักดัน open data และ open source เพื่อกระจายองค์ความรู้และทรัพยากรให้ทั่วถึง
  • การสร้างศักยภาพ: แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และทรัพยากร โดยเฉพาะผ่านความร่วมมือแบบ South-South เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนามีขีดความสามารถใช้ประโยชน์จาก AI

ถึงเวลาต้องลงมือ

AI สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนความก้าวหน้า นวัตกรรม และความมั่งคั่งร่วมกัน แต่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประเทศต่างๆ ร่วมกันกำหนดทิศทาง โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี การลงทุนเชิงกลยุทธ์ การกำกับดูแลอย่างครอบคลุม และความร่วมมือระหว่างประเทศ คือหัวใจที่จะทำให้ AI สร้างประโยชน์ให้กับทุกคน แทนที่จะขยายความเหลื่อมล้ำเดิม

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


62 คำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อแสดงอารมณ์

คำศัพท์เพื่อแสดงอารมณ์ในภาษาอังกฤษที่สำคัญมาก ในการสื่อสารบางครั้งคุณอาจจะรู้สึกลำบากมากในการแสดงอารมณ์ของตัวเอง ดังนั้น การสื่อสารด้วยอารมณ์ก็มีความสำคัญมาก ระบบ คำศัพท์ อารมณ์ ภาษาอังกฤษ ซึ่งได้รวบรวมและแบ่งปันโดย ELSA Speak จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการสื่อสารของตนเอง

 62 คำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อแสดงอารมณ์ที่คุณต้องจำไว้

คำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อแสดงอารมณ์เชิงบวก

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Amused/ə’mju:zd/สนุก
Delighted/dɪˈlaɪtɪd/มีความสุข
Ecstatic/ɪkˈstætɪk/มีความสุขมาก
Enthusiastic/ɪnθju:zi’æstɪk/ความกระตือรือร้น
Excited/ɪkˈsaɪtɪd/ความสนใจ
Great/ɡreɪt/ยอดเยี่ยม
Happy/’hæpi/มีความสุข
Intrigued/ɪnˈtriːɡd/อยากรู้
Keen/kiːn/อย่างจริงจัง
Nonplussed/ˌnɒnˈplʌst/ประหลาดใจมากที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
Overwhelmed /ˌoʊvərˈwelmd/ล้นหลาม
Over the moon/ˈoʊvər ðə muːn /มีความสุขมาก
Overjoyed/ˌoʊvərˈdʒɔɪd/สนใจเป็นอย่างยิ่ง
Positive/ˈpɑːzətɪv/มองโลกในแง่ที่ดี
Relaxed/ rɪˈlækst /สบายตัว
Seething/ siːðɪŋ /โกรธมากแต่ซ่อนเร้น
Surprised/sə’praɪzd/ประหลาดใจ
Terrific /təˈrɪfɪk/ยอดเยี่ยม
Wonderful/ˈwʌndərfl/ยอดเยี่ยม

คำศัพท์ภาษาอังกฤษเพื่อแสดงอารมณ์เชิงลบ

Angry/’æŋgri/โมโห
Anxious/ˈæŋkʃəs/กังวล
Annoyed/əˈnɔɪd/รำคาญ
Appalled/əˈpɔːld/ตกใจมาก
Apprehensive/ ˌæprɪˈhensɪv/ค่อนข้างกังวล
Arrogant/’ærəgənt/หยิ่ง
Ashamed/ əˈʃeɪmd /อาย
Bored/bɔ:d/เบื่อ ภาษาอังกฤษ
Confident/ˈkɑːnfɪdənt/มั่นใจ
Confused/kən’fju:zd/งุ่มงาม
Cross/ krɔːs /รำคาญ
Depressed/ dɪˈprest /เสียใจมาก
Disappointed/ˌdɪsəˈpɔɪntɪd/ผิดหวัง
Emotional/ɪˈmoʊʃənl/ทางอารมณ์ได้ง่าย
Embarrassed/ɪmˈbærəst/อายนิดหน่อย
Frightened /ˈfraɪtnd/กลัว
Frustrated/frʌ’streɪtɪd/ สิ้นหวัง
Furious /ˈfjʊriəs/โมโห
Horrified/’hɒrɪfaɪ/กลัว
Hurt /hɜ:t/ความเจ็บที่มาจากใครบางคนหรือบางสิ่ง

อารมณ์ ภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับความรู้สึกที่แตกต่างกัน

Irritated/ ˈɪrɪteɪtɪd /อึดอัด
Jealous/ ˈdʒeləs /อิจฉา
Let down/ let daʊn /ที่ผิดหวัง
Malicious/mə’lɪʃəs/ความชั่วร้าย
Negative/ ˈneɡətɪv /เชิงลบ มองโลกในแง่ที่ไม่ดี
Reluctant/ rɪˈlʌktənt / อย่างไม่เต็มใจ
Sad/sæd/เศร้า
Scared/ skerd/กลัว
Stressed/ strest /ความเครียด
Suspicious/ səˈspɪʃəs /สงสัย 
Terrible/ ˈterəbl /ป่วยหรือไม่สบายใจ
Terrified/ ˈterɪfaɪd /กลัวมาก
Tense/ tens / ความเครียด
Thoughtful/’θɔ:tfl/การไตร่ตรอง
Tired/’taɪɘd/เหนื่อย
Upset/ ʌpˈset /โกรธหรือไม่มีความสุข
Unhappy / ʌnˈhæpi/เศร้า
Victimised/ ˈvɪktɪmaɪz /รู้สึกว่าคุณตกเป็นเหยื่อของใครบางคนหรือบางสิ่ง
Worried/’wʌrid/ กังวล

คำถามและคำตอบที่ใช้คำศัพท์เกี่ยวกับ อารมณ์ ภาษาอังกฤษ

ในการสื่อสารเมื่อเรารู้ว่าอารมณ์ของคนอื่นเป็นยังไงนั้นจะช่วยให้เรามีทิศทางเฉพาะและช่วยให้เรื่องที่เราจะสื่อสารมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ต่อไปนี้ คือตัวอย่างคำถามและคำตอบเกี่ยวกับcที่เราได้ใช้ในทุกกรณี

ตัวอย่างคำถาม

คำถามความหมาย
How are you feeling today? วันนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง
How are you feeling? คุณรู้สึกอย่างไร
How do you feel?คุณรู้สึกอย่างไร
Are you + คุณศัพท์หรือคุณรู้สึกมั่นใจหรือไม่
Do you feel bored?คุณรู้สึกเบื่อหรือไม่

ตัวอย่างคำตอบ

คำตอบตัวอย่าง
I feel + คุณศัพท์I feel unhappy.(ฉันรู้สึกเศร้า)
I am + คุณศัพท์I’m terrified. (ฉันรู้สึกกลัวมาก)
I get + คุณศัพท์I get overjoyed. (ฉันกำลังมีความสนใจมาก)
I’m feeling + คุณศัพท์I’m feeling nonplussed. (ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก)
S(บุคคลที่สาม) + looks + คุณศัพท์He looks worried. (เขากังวลอยู่)

สังเคราะห์วลีอารมณ์ภาษาอังกฤษทั่วไป

นอกจากการใช้คำศัพท์ อารมณ์ ภาษาอังกฤษ คุณยังสามารถใช้วลีอารมณ์ภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อทำให้การสื่อสารของคุณน่าดึงดูดยิ่งขึ้น

Be in black mood: โมโหได้ง่าย อารมณ์กระวนกระวายใจ

ตัวอย่าง:

My father is in black mood. Don’t piss him off.

(อารมณ์ของพ่อไม่ดี อย่าทำไห้พ่อโกรธ)

  • Be petrified of: กลัวจนตาย

ตัวอย่าง:

When his hild fell and hurt herself, he was petrified.

(เขากลัวจนตายเมื่อลูกของเขาตกและเจ็บ)

  • To bite someone’s head off: โกรธและว่าใครบางคน

ตัวอย่าง:

It’s not my fault the computer broke down, but she just had to bite my head off.

(ฉันไม่ทำอะไรที่ทำให้คอมพิวเตอร์ของเขาพังแต่เขายังว่าฉันตลอด)

  • To puzzle over: พยายามค้นหาบางสิ่งบางอย่างในเวลายาว

ตัวอย่าง:
He’s still puzzled over the strange phone at midnight.
(เขายังพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับโทรที่แปลกตอนเที่ยงคืน)

  • Be ambivalent about: ขัดแย้งกับบางสิ่งอยู่เสมอ

ตัวอย่าง:
Linda was ambivalent about taking the offer to move to Vietnam.

(ลินดาไม่รู้ว่าเธอควรยอมรับคำเสนอที่จะย้ายกลับไปเวียดนามหรือไม่)

  • Be puzzled over: ความคิด ความสับสน

ตัวอย่าง:

Lan looks puzzled over something these days, I wonder what’s on her mind.

(วันนี้ลานดูเหมือนจะกังวล ฉันสงสัยว่ามีอะไรรบกวนเขาหรือเปล่า)

  • Be in black mood: โมโหที่ง่ายกับใครบางคน

ตัวอย่าง:

Don’t keep walking around me! I’m in a black mood today.

(อย่าเดินรอบตัวฉันอีก วันนี้ฉันอึดอัดมาก)

เรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่แสดงอารมณ์ด้วยรูปภาพ

เพราะคำศัพท์ภาษาอังกฤษมีปริมาณค่อนข้างมาก ดังนั้นการจดจำคำศัพท์อารมณ์ภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม เมื่อเรียนและจดจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษตามหัวข้ออารมณ์ด้วยรูปภาพ และเสียงจะทำให้คุณมีความสนใจมากขึ้นและจำได้นานขึ้น ตามการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สมองมนุษย์มีความสามารถรับเสียงและภาพได้เร็วกว่าการเรียนรู้ตัวอักษร

เรียนอารมณ์ภาษาอังกฤษด้วยรูปภาพ

สรุปว่าคุณควรฟังและเรียนรู้การออกเสียงของเจ้าของภาษา หลังจากนั้นลองจินตนาการหรือหาภาพประกอบ นอกจากนั้น คุณเพียงแค่เรียนรู้ผ่านแอปฯเรื่องราวและรูปภาพหรือการ์ตูนเรื่องต่าง ๆแพราะวิธีการเรียนแบบนี้จะช่วยให้คุณจำได้นานและไม่เบื่อค่ะ

แบบฝึกหัด คำศัพท์ อารมณ์ ภาษาอังกฤษ

  • บทที่ 1: เลือกคำศัพท์ที่เหมาะสมเพื่อเติมในช่องว่าง

Shocked, Interested, Surprised, Depressed, Disappointed.

1. My job makes me _____________.

2. Are you ____________ in buying a car? I’m trying to sell mine.

3. Everybody was ____________ that he passed the examination.

4. I was  _____________ with the film. I expected to be much better.

5. We were very ___________ when we heard the news.

  • บทที่ 2: ค้นหาคำที่มีความเครียดแตกต่างจากคำอื่น

1. A. darkness        B. warmth         C. market        D. remark

2. A. begin             B. comfort         C. apply           D. suggest

3. A. direct             B. idea              C. suppose       D. figure

4. A. revise            B. amount         C. village          D. desire

5. A. standard        B. happen         C. handsome    D. destroy

6. A. scholarship    B. negative       C. develop        D. purposeful

7. A. ability             B. acceptable    C. education      D. hilarious

8. A. document      B. comedian      C. perspective      D. location

9. A. provide          B. product         C. promote            D. profess

10. A. different         B. regular         C. achieving           D. property

คำตอบ

บทที่ 1:

1. Depressed 2. Interested 3. Surprised 4. Disappointed 5. Shocked

บทที่ 2:

1.D ; 2.B ; 3.D ; 4.C ; 5.D ; 6.C ; 7.C ; 8.A ; 9.B ; 10.C

ขอบคุณข้อมูลจาก th.elsaspeak.com


ผักกินดิบที่ได้ประโยชน์ มากกว่ากินแบบสุก แถมกินง่าย สุขภาพดี

ผักเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างไรก็ตาม ผักบางชนิดอาจสูญเสียคุณค่าทางโภชนาการบางส่วนเมื่อปรุงสุก ดังนั้นจึงควรรับประทานแบบดิบเพื่อประโยชน์สูงสุด

1.บรอกโคลี ผักวิตามินซีสูงที่มีประโยชน์มากอีกชนิดหนึ่ง นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเช่นสารซัลโฟราเฟนที่ช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็ง ดังนั้นหากเรานำบรอกโคลีไปผ่านความร้อนนานๆ จะทำให้เสียคุณค่าทางอาหารนี้ไปได้ จึงแนะนำให้ทานบรอกโคลีแบบสดๆ หรือผ่านความร้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

2.ซุกกินี มีลักษณะคล้ายแตงกวาญี่ปุ่น อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระทั้งวิตามินเอ วิตามินซี แมงกานีส แมกนีเซียม ฯลฯ ถ้านำซุกกินีไปผ่านความร้อนจะทำให้คุณค่าเหล่านี้หายไป ดังนั้นจึงแนะนำให้ทานซุกกินีแบบสด ซึ่งสามารถนำไปทำยำ หรือทานเล่นก็ได้

3.พริกหวานหรือพริกหยวก พริกทั้งสองชนิดนี้ที่เรามักพบในอาหารจานหลักและชามสลัด มีประโยชน์มากมาย พริกหวานสีแดงเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซีสูงมาก สูงกว่าผลไม้รสเปรี้ยวบางชนิดเสียอีก การกินพริกหวานแบบสดช่วยให้ได้สารอาหารและวิตามินครบครัน เมนูง่ายๆ ที่ทำทานได้คือสลัดผักเพิ่มพริกหวานสีแดง เขียว เหลือง หรือจะเอามาดิปกับมายองเนสหรือครีมรสเปรี้ยวก็อร่อย

4.หอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่อุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์มากมาย แต่หากปรุงสุกมากเกินไปคุณค่าจะลดลง ฉะนั้นการกินดิบจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า วิธีกินหอมหัวใหญ่แบบสดๆ ให้อร่อยคือหั่นเป็นชิ้นบางๆ แล้วใส่ในจานสลัด หรือจะใส่ในยำหรือไก่ทอดซอสครีมหัวหอมก็ได้

5.บีทรูท เป็นผักที่มีสีชมพูเข้ม เนื้อกรอบ อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและโฟเลตสูง จึงช่วยบำรุงเลือดได้เป็นอย่างดี การปรุงบีทรูทด้วยความร้อนจัดจะทำให้สารสำคัญสลายตัวไป 25% ดังนั้นจึงควรกินบีทรูทสดๆ เมนูที่น่าสนใจจากบีทรูท ได้แก่ สลัดผัก/ผลไม้ใส่บีทรูทหั่นเต๋าหรือขูดฝอย ช่วยให้ได้เนื้อสัมผัสกรุบๆ หรือจะใส่ในน้ำปั่นผลไม้หรือสมูทตี้ก็ได้

6.กระเทียม พืชพันธุ์ที่คนไทยคุ้นเคยกับรสชาติเผ็ดร้อนและกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนั้นกระเทียมยังมีประโยชน์หลายด้านทั้งลดความดันโลหิต กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ หากนำกระเทียมไปผ่านความร้อนจะทำให้เสียคุณค่าอาหารเหล่านี้ไปได้

เคล็ดลับกินผักดิบให้ได้ประโยชน์สูงสุด

  • ล้างสะอาดก่อนทุกครั้ง
  • หั่นหรือฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารง่ายขึ้น
  • กินผักสดทันทีหลังเตรียม จะลดการสูญเสียวิตามิน
  • บางผักสามารถ ผสมผักสุกและดิบ เพื่อให้ได้สารอาหารหลากหลาย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 20/08/2568 

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,100.0051,200.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,303.0050,073.4852,000.00
ทองรูปพรรณ 90%2,972.7045,066.13n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,642.4040,058.78n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,486.3522,533.07n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,156.0517,525.72n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,422.8051,889.65n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 20/08/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.5532.5533.0532.5532.5532.5532.5532.5532.5532.55
แก๊สโซฮอล์ 9132.1832.1832.6832.1832.1832.1832.1832.1832.1832.18
แก๊สโซฮอล์ E2030.3430.3430.8430.3430.3430.3430.3430.3430.34
แก๊สโซฮอล์ E8528.6928.6928.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.1449.8449.8449.8441.14
เบนซิน 9540.8449.8141.3440.9940.84
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55



About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า