อสังหาฯขาลงแต่คลังสินค้าโต! เสนาฯ-มิตซูบิชิ รุกตลาดโลจิสติกส์

เมื่ออสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวจากวิกฤติโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจถดถอย “เสนาฯ” พลิกเกมสู่ธุรกิจโลจิสติกส์ ผนึกทุนญี่ปุ่นมิตซูบิชิ เปิดตัวคลังสินค้าบานา กม.23
ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมของตลาดอสังหาฯ ไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวจากบาดแผลเศรษฐกิจและวิกฤติโควิด-19 ที่ลากยาวมาตั้งแต่ต้นปี 2563 หนึ่งในผู้เล่นรายสำคัญ “เสนา ดีเวลลอปเม้นท์” กลับเลือกเดินเกมต่างไป ด้วยการมองหาตลาดใหม่ที่แข็งแรงกว่า และมีกำลังซื้อชัดเจนกว่าตลาดผู้บริโภครายย่อย (B2C)
กลยุทธ์ที่ว่านี้ไม่ใช่แค่ “ตั้งรับ” แต่เป็นการ “รุกเกมใหม่” ผ่านการร่วมทุนกับยักษ์ใหญ่ มิตซูบิชิ โลจิสติคส์ คอร์ปอเรชั่น จากญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ บริษัท SENA MLC 1 ด้วยงบลงทุน 600 ล้านบาท เพื่อพัฒนา “คลังสินค้าอัจฉริยะ” บนพื้นที่สีม่วง 25 ไร่ บางนา กม.23 จุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยง 3 โครงข่ายหลัก สนามบิน-ท่าเรือ-นิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่ EEC
“แนวคิดนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาอสังหาฯ วันนี้ แต่คิดมาก่อนหน้านี้แล้ว” เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าว
ตลาดขายซบ–เช่าโตแรง
ขณะที่ตลาดอสังหาฯ เพื่อขายยังเผชิญแรงกดดันจากการปฏิเสธสินเชื่อที่พุ่งสูงถึงกว่า 70%ขณะที่อัตราการเติบโตของอสังหาฯ เพื่ออุตสาหกรรมกลับสวนทาง ด้วยดีมานด์ที่เติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี ขณะที่ซัพพลายแม้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังรักษาอัตราการเช่าพื้นที่สูงถึง 90% ได้อย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็น “โอกาส”ที่เสนาฯ ตัดสินใจเข้าสู่ตลาด B2B อย่างเต็มตัว พร้อมวางรากฐานระยะยาวในธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มยั่งยืนกว่า
ไม่ใช่แค่คลังสินค้า แต่คือต้นแบบ
ความแตกต่างของ SENA MLC 1 ไม่ได้อยู่ที่ทำเลหรือเงินทุนเพียงอย่างเดียว แต่คือ “แนวคิดการออกแบบ” ตั้งแต่ต้นทาง โดยมุ่งเป้าให้เป็น Net Zero Warehouse แห่งแรก ๆ ของไทย ที่คำนึงถึงการใช้วัสดุก่อสร้างสะอาด การใช้พลังงานหมุนเวียน และการบริหารจัดการคาร์บอนฟุตพริ้นท์แบบครบวงจร
เสนาฯ นำองค์ความรู้จากโครงการที่อยู่อาศัยพลังงานเป็นศูนย์ (ZEH) และการพัฒนาอสังหาฯ Low Carbon มาปรับใช้กับโลจิสติกส์ ขยายขีดความสามารถของธุรกิจให้ครอบคลุมทั้งการอยู่อาศัยและการพาณิชย์อุตสาหกรรม
การประสบความสำเร็จของคลังสินค้าใจกลางเมืองอย่าง “สุขุมวิท 50” ซึ่งมีอัตราการเช่าเต็มเกือบตลอดเวลา เป็นบทพิสูจน์ว่าเสนาฯ ไม่ได้เพียงแค่ “ทดลองตลาด” แต่มีความเข้าใจจริงในพฤติกรรมของผู้เช่าและการบริหารสินทรัพย์ประเภทนี้
SENA MLC 1 จะเป็นโครงการต่อยอดบนสเกลที่ใหญ่ขึ้น พร้อมรองรับคลังสินค้าอุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ โดยมีกำหนดเริ่มก่อสร้างในปลายปี 2568 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ไตรมาส 3 ปี 2569 อัตราค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ย 165-215 บาท/ตรม./เดือน
เสนาฯ x มิตซูบิชิ โลจิสติคส์
เมื่อความชำนาญในด้านที่ดินและอสังหาฯ ของเสนา ผนวกกับความเชี่ยวชาญในการบริหารศูนย์กระจายสินค้าระดับโลกของมิตซูบิชิ โลจิสติคส์ ความร่วมมือนี้จึงเป็นมากกว่าการลงทุน แต่เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานทางโลจิสติกส์ใหม่ให้ประเทศ ในวันที่โลกเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและแข่งขันด้วยความเร็วของห่วงโซ่อุปทาน
“SENA MLC 1” คือจุดเริ่มต้นของคลังสินค้าอนาคต ที่อาจกลายเป็นต้นแบบแห่งการพัฒนาโลจิสติกส์ในไทยอย่างแท้จริง SENA MLC 1 ไม่ได้แค่สร้างคลังสินค้า แต่คือการสร้างรากฐานโลจิสติกส์แห่งอนาคต
อย่างไรก็ตามการขยายธุรกิจใหม่อย่างคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าครั้งนี้จะช่วยให้เสนาฯมีรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มขึ้น50% เท่ากับธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ภายใน 5 ปีต่อจากนี้ จากเดิมมีสัดส่วนอยู่ที่ 30%
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
เสนา ผนึกมิตซูบิชิ โลจิสติคส์ ผุด“SENA MLC 1” คลังสินค้าบางนา กม.23

บนเส้นทางการเติบโตของ “โลจิสติกส์ไทย” ที่เร่งตัวตามแรงส่งของอีอีซี (EEC) อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญที่ถูกวางลงบนกระดาน คือการผนึกกำลังระหว่าง “บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)” กับยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น “มิตซูบิชิ โลจิสติคส์ คอร์ปอเรชั่น” ภายใต้โครงการร่วมทุนที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในชื่อ “SENA MLC 1” คลังสินค้าอัจฉริยะยุคใหม่ในทำเลศักยภาพ บางนา กม.23
จุดเริ่มต้นของความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์นี้ ไม่ได้เกิดจากเพียงโอกาสทางธุรกิจ แต่คือการ “แลกเปลี่ยนจุดแข็ง” ระหว่างผู้เชี่ยวชาญอสังหาฯ เมืองไทยกับพันธมิตรระดับโลกด้านโลจิสติกส์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มิตซูบิชิ โลจิสติคส์ ลงทุนโดยตรงในประเทศไทยผ่านการร่วมทุนกับภาคเอกชนไทย
“เราเชื่อว่า เมื่อผสานจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน จะเกิดพลังขับเคลื่อนใหม่ที่ยกระดับตลาดโลจิสติกส์ไทยได้อย่างแท้จริง” ฮิเดชิกะ ไซโตะ ประธาน Mitsubishi Logistics Corporation กล่าวถึงวิสัยทัศน์เบื้องหลังความร่วมมือ
จุดเปลี่ยนที่ “บางนา กม.23”
ทำเลทองที่ถูกเลือก ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นโหนดของโครงสร้างพื้นฐาน แต่เพราะบางนา กม.23 คือประตูบานสำคัญสู่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จุดยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมทั้ง “สนามบิน–ท่าเรือ–นิคมอุตสาหกรรม” ได้ครบวงจรในรัศมีเดียว
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจระบุว่า ปี 2025 พื้นที่คลังสินค้าที่มีสัญญาเช่าในไทยจะขยายตัวกว่า 9.3% ซึ่งการเติบโตครั้งนี้จะถูกเร่งด้วยแรงผลักจากอีคอมเมิร์ซ การลงทุนจากต่างชาติ และเทคโนโลยีอัตโนมัติที่ทำให้ “Smart Warehouse” กลายเป็นมาตรฐานใหม่
โปรเจกต์ SENA MLC 1 ไม่ได้ตั้งเป้าเพียงการให้เช่าพื้นที่เก็บของ หากแต่เป็นการ “ออกแบบคลังสินค้าแห่งอนาคต” ที่ใช้แนวคิด Net Zero Warehouse/Factory มาตั้งแต่ต้นทาง ทั้งด้านวัสดุก่อสร้าง เทคโนโลยีพลังงานสะอาด และระบบคาร์บอนฟุตพริ้นท์ครบวงจร
เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการเสนา ชี้ว่า เสนานำประสบการณ์ด้านโครงการที่อยู่อาศัยพลังงานเป็นศูนย์ (ZEH) และแนวคิด Low Carbon มาต่อยอดสู่คลังสินค้าระดับอุตสาหกรรม เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์ ESG และยั่งยืนในระยะยาว การร่วมทุนครั้งนี้เกิดขึ้นผ่าน บริษัท เสนา เมโทรบ็อกซ์ จำกัด ซึ่งจะเป็นหน่วยธุรกิจใหม่ของกลุ่มเสนาในการรุกตลาดโลจิสติกส์เต็มตัว โดยต่อยอดจากความสำเร็จของ “คลังสินค้าใจกลางเมือง” อย่างโครงการสุขุมวิท 50 ที่มีอัตราการเช่า (OCC Rate) สูงต่อเนื่อง
เมื่อทุน–เทคโนโลยี–ทำเล มาบรรจบ
การผสานระหว่างความเข้าใจเชิงลึกของเสนาในเรื่องที่ดินและพัฒนาอสังหาฯ กับความเชี่ยวชาญของมิตซูบิชิ โลจิสติคส์ในด้านการออกแบบและบริหารศูนย์กระจายสินค้า ถือเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างลงตัว โดยเฉพาะในบริบทที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคโลจิสติกส์อัจฉริยะ
โครงการ SENA MLC 1 จึงไม่ใช่แค่ก้าวใหม่ของเสนา แต่คือ “ต้นแบบแห่งอนาคต” ที่อาจกลายเป็นแม่แบบการพัฒนาโลจิสติกส์ของไทยในยุคเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และเมื่อทุกกลยุทธ์ถูกวางบนพื้นฐานของ “การพัฒนาที่ยั่งยืน” ความร่วมมือครั้งนี้จึงมากกว่าการสร้างคลัง หากแต่คือการวางรากฐานระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแรงและยั่งยืนให้กับประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 21พ.ค.“แข็งค่าขึ้น” ที่ระดับ 32.88 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากแรงหนุนทั้งราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นราว +2% ความกังวลเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่เงินดอลลาร์ไม่ได้อ่อนค่าลงมาก
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 21พ.ค.2568ที่ระดับ 32.88 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 33.07 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น เหนือความคาดหมายไปพอสมควร
โดยปัจจัยสำคัญที่หนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทยังคงเป็นการปรับตัวขึ้นแรงราว +2% ของราคาทองคำ ที่ได้แรงหนุนจากทั้งประเด็นความกังวลเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและรัสเซีย-ยูเครน
ขณะที่เงินดอลลาร์นั้นไม่ได้อ่อนค่าลงไปมาก (ดัชนีเงินดอลลาร์ DXY ย่อตัวลงราว -0.3%) ซึ่งเรามองว่า ประเด็นความเสี่ยงดังกล่าวที่หนุนราคาทองคำในช่วงนี้นั้น จะยังคงอยู่ อย่างน้อยภายในช่วง 1 สัปดาห์นี้ ทำให้ราคาทองคำอาจยังมีโอกาสทยอยปรับตัวสูงขึ้นได้บ้าง และ
ในเชิงเทคนิคัล ราคาทองคำ (XAUUSD) ก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน 3,325-3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ซึ่งหากประเมินจากความอ่อนไหว (Sensitivity, Beta) ของเงินบาทกับราคาทองคำ ราว 0.3-0.5 อาจพอประเมินได้ว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์ ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ดี เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจเป็นไปอย่างจำกัดได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยซื้อเงินดอลลาร์ หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ
โดยเฉพาะในช่วงโซน 32.50-32.60 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจเห็นผู้เล่นในตลาดทยอยเพิ่มสถานะ Long USDTHB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ได้ หากเงินบาทไม่ได้สามารถแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับดังกล่าวได้ชัดเจน นอกจากนี้ โฟลว์ธุรกรรมจ่ายเงินปันผลให้กับบรรดานักลงทุนต่างชาติก็ยังคงมีอยู่ในช่วงนี้
ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังเสี่ยงเผชิญ Two-Way Volatility ขึ้นกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ โดยหากราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลดลง ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้แนวโน้มราคาทองคำควรเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.75-33.00 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น ทะลุโซนแนวรับสำคัญ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.85-33.09 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง
ตามความกังวลเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงที่บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนฯ พรรครีพับลิกันกำลังเตรียมร่าง “Fiscal Bill” ใหม่ ซึ่งอาจรวมนโยบายลดหย่อนภาษี (ขยายเวลา Tax Cuts and Jobs Act)
โดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ยังคงหนุนให้ ราคาทองคำ (XAUUSD) ทยอยปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้โซน 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน
รวมถึงความเสี่ยงที่อิสราเอลอาจโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่านจากรายงานข่าวของ CNN และความไม่แน่นอนของการเจรจาสันติภาพรัสเซีย-ยูเครน ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นราคาทองคำ
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวมากขึ้น หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอความชัดเจนของร่าง “Fiscal Bill” จากฝั่งพรรครีพับลิกัน ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อเสถียนภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้
ทำให้ผู้เล่นในตลาดเลือกที่จะเดินหน้าขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ อาทิ Alphabet -1.5%, Amazon -1.0% ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.39%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นราว +0.73% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ออกมาสดใส นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่ม Utilities โดยเฉพาะหุ้นธีมพลังงานลม หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกคำสั่งระงับการใช้งานโครงการพลังงานลมนอกชายฝั่งแถบนิวยอร์ก
ในส่วนตลาดบอนด์ ความกังวลต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงที่พรรครีพับลิกันกำลังร่าง “Fiscal Bill” นั้น ได้ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีจังหวะปรับตัวขึ้นทะลุโซน 4.50% อีกครั้ง
ทว่า ผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวอยู่ ทำให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้างและแกว่งตัวแถวระดับ 4.49% ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในระดับปัจจุบันถือว่ามีความน่าสนใจอยู่
แม้ว่าในระยะสั้นอาจเผชิญแรงกดดันจากประเด็นงบประมาณและเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเราคงแนะนำว่า ควรรอจังหวะทยอยเข้าซื้อสะสมบอนด์ระยะยาวสหรัฐฯ ได้ (เน้น Buy on Dip) โดยเฉพาะในช่วงโซนสูงกว่า 4.50%
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์พลิกกลับมาอ่อนค่าลง ท่ามกลางแรงกดดันจากความกังวลต่อประเด็นเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ขณะเดียวกันบรรดาสกุลเงินหลัก อย่างเงินยูโร (EUR) ก็ได้แรงหนุนจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นยุโรป
ซึ่งส่วนทางกับภาวะระมัดระวังตัวในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงสู่โซน 99.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.9-100.5 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ บรรยากาศระมัดระวังตัวของตลาดการเงินสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางและรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงร้อนแรงอยู่ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. 2025) พุ่งขึ้น +2%
สู่ระดับ 3,329 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเลือกทยอยขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของอังกฤษ ในเดือนเมษายน เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ล่าสุด ซึ่งอาจส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการปรับนโยบายการเงินในอนาคตของ ECB ได้
ส่วนในฝั่งเอเชีย บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบาย 25bps สู่ระดับ 5.50% ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงรับมือผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด พร้อมจับตาความคืบหน้าของการร่าง “Fiscal Bill” ของพรรครีพับลิกัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้
และนอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น ผู้เล่นในตลาดจะติดตามการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงพัฒนาการของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
7 โรคฮิตมากับฝนที่คุณผู้ชายควรระวัง รู้ไว้! เลี่ยงความเสี่ยงได้ทัน

คุณผู้ชายหลาย ๆ คน อาจมองข้ามเรื่องสุขภาพในช่วงฤดูฝน เราจึงจะขอเตือนภัยถึง 7 โรคหน้าฝนในผู้ชาย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณได้โดยไม่รู้ตัว การทำความเข้าใจกับโรคเหล่านี้ อาการเบื้องต้น และวิธีการป้องกัน จะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมรับมือและลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วย ที่อาจทำให้ต้องเสียเวลาพักรักษาตัวไปอีกนาน
โรคหน้าฝนในผู้ชาย
1.ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
เมื่อฝนตก อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันและอ่อนแอลง ส่งผลให้ไวรัสไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่โจมตีได้ง่าย อาการที่พบบ่อย คือ มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตามตัว การพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย จะช่วยลดความเสี่ยงได้
2.ไข้เลือดออก
ฤดูฝนเป็นช่วงที่ยุงลายแพร่พันธุ์ได้ดี ทำให้ความเสี่ยงของโรคไข้เลือดออกสูงขึ้น อาการเด่น ๆ คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว มีจุดแดง ๆ ตามผิวหนัง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ การป้องกันที่ดีที่สุด คือ การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เช่น การปิดฝาภาชนะใส่น้ำ และการใช้ยากันยุง เป็นต้น
3.โรคฉี่หนู
ในช่วงฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมขังตามที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อเลปโตสไปราที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ เช่น หนู หากผิวหนังที่มีบาดแผลสัมผัสกับน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ อาจทำให้ติดเชื้อได้ อาการที่พบ คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง ตาแดง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ และหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำท่วมขัง หากจำเป็นควรสวมรองเท้าบูทกันน้ำ
4.โรคทางเดินอาหาร
ความชื้นในอากาศและน้ำฝนที่อาจปนเปื้อน ทำให้เชื้อแบคทีเรียและไวรัสเจริญเติบโตได้ดี การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ไม่สะอาดอาจทำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ท้องร่วง อาเจียน และปวดท้อง จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่และดื่มน้ำสะอาดเสมอ
5.โรคผิวหนังจากเชื้อรา
ความอับชื้นจากเสื้อผ้าที่เปียกฝน หรือการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ชื้นเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดโรคผิวหนังจากเชื้อรา เช่น กลาก เกลื้อน น้ำกัดเท้า มีอาการคัน ผื่นแดง หรือมีขุย ควรดูแลความสะอาดของร่างกายให้แห้งอยู่เสมอ พร้อมเปลี่ยนเสื้อผ้าและถุงเท้าที่เปียกชื้นทันที
6.โรคตาแดง
โรคตาแดงมักระบาดในช่วงฤดูฝน เนื่องจากเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายได้ง่ายในสภาพอากาศชื้น อาการที่พบคือ ตาแดง เคืองตา มีขี้ตาสีขาวหรือสีเหลือง อาจมีอาการบวมที่เปลือกตา หลีกเลี่ยงการขยี้ตา และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์
7.โรคปอดบวม
หากไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอย่างโรคปอดบวมได้ อาการที่น่าสงสัย คือ มีไข้สูง ไอมาก หายใจหอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
การเตรียมตัวและป้องกันตัวเองจากโรคภัยต่าง ๆ ในช่วงฤดูฝนเป็นสิ่งสำคัญ คุณผู้ชายควรใส่ใจดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาด และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ หากมีอาการผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อสุขภาพที่ดีตลอดฤดูฝน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฤดูกาล 2024-25 ประจำวันที่ 21 พ.ค. 68

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024-25 กลับมาแข่งขันกันอีกครั้งตามโปรแกรมนัดที่ 37 ระหว่างวันศุกร์ที่ 16 – วันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568
โดยหลังจากแข่งขันกันไปครบทุกคู่ในสัปดาห์นี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่แม้จะสะดุดแพ้เป็นนัดที่ 4 ของฤดูกาล นำเป็นจ่าฝูงด้วยการมี 83 คะแนน การันตีแชมป์ไปแล้ว
ขณะที่ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตาราง ด้วยการมี 68 คะแนน ทำให้การลุ้นแย่งสิทธิ์ลุยฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลหน้า ต้องไปตัดสินกันในนัดสุดท้ายของฤดูกาล

สรุปตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกอังกฤษล่าสุด
อันดับที่ 1 : ลิเวอร์พูล ชนะ 25 เสมอ 8 แพ้ 4 นัด 83 คะแนน ประตูได้ +45
อันดับที่ 2 : อาร์เซนอล ชนะ 19 เสมอ 14 แพ้ 4 นัด 71 คะแนน ประตูได้ +34
อันดับที่ 3 : แมนฯ ซิตี้ ชนะ 20 เสมอ 8 แพ้ 9 นัด 68 คะแนน ประตูได้ +26
อันดับที่ 4 : นิวคาสเซิล ชนะ 20 เสมอ 6 แพ้ 11 นัด 66 คะแนน ประตูได้ +22
อันดับที่ 5 : เชลซี ชนะ 19 เสมอ 9 แพ้ 9 นัด 66 คะแนน ประตูได้ +20
อันดับที่ 6 : แอสตัน วิลลา ชนะ 19 เสมอ 9 แพ้ 9 นัด 66 คะแนน ประตูได้ +9
อันดับที่ 7 : ฟอเรสต์ ชนะ 19 เสมอ 8 แพ้ 10 นัด 65 คะแนน ประตูได้ +13
อันดับที่ 8 : ไบร์ทตันฯ ชนะ 15 เสมอ 13 แพ้ 9 นัด 58 คะแนน ประตูได้ +4
อันดับที่ 9 : เบรนท์ฟอร์ด ชนะ 16 เสมอ 7 แพ้ 14 นัด 55 คะแนน ประตูได้ +9
อันดับที่ 10 : ฟูแล่ม ชนะ 15 เสมอ 9 แพ้ 13 นัด 54 คะแนน ประตูได้ +2
อันดับที่ 16 : แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 10 เสมอ 9 แพ้ 18 นัด 39 คะแนน ประตูได้ -12
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ฝนที่ไม่ใช่เพียงแค่ฝน กับคำเรียกฝนแบบต่างๆในภาษาญี่ปุ่น

ฝนในฤดูใบไม้ผลิ

- 春雨:はるさめ (ฮารุซาเมะ) ฝนที่ตกตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงปลายฤดูใบไม้ผลิในเดือนมีนาคม
- 紅雨:こうう (โคอุ) ฝนที่ตกในฤดูใบไม้ผลิโดยเฉพาะเมื่อดอกไม้บาน
- 菜種梅雨:なたねつゆ (นาตะเนะสึยุ) ฝนตกเบา ๆ ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนเมื่อดอกเรพซีดบาน
- 発火雨:はっかう (ฮักคะอุ) ฝนที่ตกเบาๆ เงียบๆในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง
- 卯の花腐し:うのはなくたし (อุโนะฮานะคุตะชิ)
- 五月雨:さみだれ (ซะมิดาเระ) ฝนตกชุกในเดือนพฤษภาคม
- 梅雨:つゆ (สึยุ) ฤดูฝนที่มีฝนตกยาวนานที่สุดของปี เป็นสัญญาณการเปลี่ยนสู่ฤดูร้อน
- 走り梅雨:はしりつゆ (ฮาชิริสึยุ) ฝนที่ตกต่อเนื่องก่อนเข้าสู่ฤดูฝน
- 暴れ梅雨:あばれつゆ (อาบะเระสึยุ):ฝนตกหนักในช่วงปลายฤดูฝน
- 送り梅雨:おくりつゆ (โอคุริสึยุ):ฝนตกพร้อมฟ้าร้องที่ตกในตอนท้ายของฤดูฝน เป็นสัญญาณของการสิ้นสุดฤดูฝนในไม่ช้า
- 返り梅雨:かえりつゆ (คาเอะริสึยุ):ฝนที่กลับมาตกอีกครั้งหลังจากฤดูฝนผ่านไปแล้ว
- 空梅雨:からつゆ (คาระสึยุ):ฤดูฝนมีฝนตกเล็กน้อย ทั้งแล้งและทั้งมีฝน
- 緑雨 (โรคุอุ):ฝนที่ตกบนความเขียวชะอุ่มของต้นไม้ใบหญ้า
- 麦雨 (บาคุอุ):เป็นอีกชื่อหนึ่งของฤดูฝนตอนที่ข้าวสาลีเติบโต
- 小糠雨:こぬかあめ (โคนุกะอาเมะ):มีฝนเล็กน้อยและเบาบางมาก หมายถึงฝนที่ตกในฤดูใบไม้ผลิ
ฝนในฤดูร้อน

- 白雨:はくう (ฮาคุอุ):สายฝนสีขาวที่ตกในฤดูร้อน
- 洗車雨:せんしゃう (เซนชาอุ):ฝนที่ตกในวันที่ 6 กรกฎาคมของปฏิทินจันทรคติ วันก่อนวันทานาบาตะเปรียบได้กับน้ำที่ใช้ล้างรถเข็นวัวที่ฮิโกโบชิใช้เมื่อพบกับโอริฮิเมะ
- 酒涙雨:さいるいう (ไซรุยอุ):ฝนที่ตกในทานาบาตะ ว่ากันว่าเป็นน้ำตาที่หลั่งออกมาโดยโอริฮิเมะและฮิโกโบชิซึ่งไม่สามารถพบกันได้
- 夕立:ゆうだち (ยูดาจิ):อากาศร้อนสะสมบนท้องฟ้าทำให้เกิดฝนตกหนักและฟ้าผ่าในเวลาสั้นๆ ฤดูร้อนที่มีฝนตกหนักอาจเรียกว่าพายุฤดูร้อน
- 神立:かんだち (คันดาจิ):หมายถึงฤดูฝนและพายุฝนฟ้าคะนองที่เทพเจ้าสร้างขึ้น
ฝนในฤดูใบไม้ร่วง

- 秋雨:あきさめ (อาคิซาเมะ):ฝนในฤดูใบไม้ร่วงที่เริ่มปรากฏขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
- 冷雨:れいう (เรอุ):ฝนปลายฤดูใบไม้ร่วงมีอากาศหนาวเย็นและหนาวจัด
- 白驟雨:はくしゅうう (ฮาคุชูอุ):ฤดูใบไม้ร่วงมีฝนตกต่อเนื่องและตกหนัก ฝนซึ่งมีเม็ดฝนขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก
- 秋黴雨:あきついり (อาคิสึอิริ):เป็นฝนในฤดูใบไม้ร่วงที่ยาวนานซึ่งยังคงตกอย่างต่อเนื่องเหมือนฤดูฝน
- 伊勢清めの雨:いせのきよめのあめ (อิเซะโนะคิโยเมะโนะอาเมะ):ฝนที่ตกหลังวันที่ 17 กันยายนตามปฏิทินจันทรคติพิธีกรรมการจัดงานเทศกาลมิยานากะของชินโต
- 霧雨:きりさめ (คิริซาเมะ):ฝนตกปรอยๆเหมือนหมอก ตามอุตุนิยมวิทยาฝนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 มม. หรือน้อยกว่า
- 秋湿り:あきしめり (อาคิชิเมะริ):ฝนตกชุกในฤดูใบไม้ร่วง
- 秋霖:しゅうりん (ชูริน):ฝนที่ตกต่อเนื่องยาวนานในฤดูใบไม้ร่วง แม้ว่าฝนจะตกเหมือนกัน แต่ก็มีชื่อเรียกต่างๆ
ฝนในฤดูหนาว

- 時雨:しぐれ (ชิกุเระ):ฝนที่ตกๆหยุดๆตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว
- 朝時雨:あさしぐれ (อาสะชิกุเระ):ฝนที่ตกๆหยุดๆในตอนเช้า
- 北時雨:きたしぐれ (คิตะชิกุเระ):ฝนที่มาพร้อมกับลมเหนือ
- 北山時雨:きたやましぐれ (คิตะยามะชิกุเระ):ฝนของคิตายามะในเกียวโต
- 山茶花時雨:さざんかしぐれ (สะซังคะชิกุเระ):ฝนที่ตกช่วงดอกสะซังคะบาน
- 横時雨:よこしぐれ (โยโกะชิกุเระ):ฝนที่ตกเอียงไปด้านข้าง
- 村時雨:むらしぐれ (มุระชิกุเระ):ฝนตกอย่างหนักและหยุดไปอย่างรวดเร็ว
- 月時雨:つきしぐれ (สึคิชิกุเระ):ฝนทีตกท่ามกลางแสงจันทร์
- 冬時雨:ふゆしぐれ (ฟุยุชิกุเระ):ฝนที่ตกปลายฤดูหนาว
- 片時雨:かたしぐれ (คะตะชิกุเระ):ฝนตกๆหยุดๆในขณะที่มีแดดจัด
- 氷雨:ひさめ (ฮิสะเมะ):ฝนที่เยือกแข็งก่อนที่จะกลายเป็นลูกเห็บหรือหิมะ
- 凍雨:とうう (โทอุ):ฝนที่เย็นยะเยือก
- 寒九の雨 (คันคุโนะอาเมะ):ฝนตกวันที่ 9 หลังจากเข้าสู่ฤดูหนาว
- 寒の雨 (คันโนะอาเมะ):ฝนตกเบา ตกหนัก ในช่วงที่อากาศหนาว
- 鬼洗い :おにあらい (โอนิอาไร):มีฝนตกในวันส่งท้ายปีเก่า
ขอบคุณข้อมูลจาก we-xpats.com
จับตา ‘AI Agent’ วิถีใหม่ พลิกโฉมวงการพัฒนา ‘ซอฟต์แวร์’

- วันนี้โลกได้ก้าวสู่ยุคของ AI agent อย่างเต็มตัวแล้ว
- AI Agent กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานของนักพัฒนาซอฟต์แวร์
- ในอนาคตจะได้เห็นโลกที่มี AI agent จำนวนมากทำงานช่วยเหลือมนุษย์แบบอัตโนมัติ
วันนี้โลกได้ก้าวสู่ยุคของ AI agent อย่างเต็มตัวแล้ว เป็นผลมาจากความสามารถที่ก้าวล้ำขึ้นอย่างมาก ทั้งในด้านการใช้เหตุผลและความทรงจำ
แฟรงค์ เอ็กซ์ ชอว์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร ไมโครซอฟต์ แสดงทัศนะ พร้อมวิเคราะห์ว่า ได้เห็นว่าโมเดล AI ต่างๆ มีความอัจฉริยะทำงานได้ตอบโจทย์มากขึ้น มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และนำเสนอวิธีการแก้ปัญหาในรูปแบบใหม่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ การที่กลุ่มนักพัฒนากว่า 15 ล้านคนที่ได้ใช้ GitHub Copilot เป็นตัวช่วยในการเขียนโค้ด โดยมีฟีเจอร์อย่าง Agent Mode และ Code Review เข้ามาลดความซับซ้อนในการเขียน ตรวจสอบ แก้ไขปัญหา และนำโค้ดไปใช้งานจริงในโซลูชันต่างๆ
ขณะเดียวกัน ลูกค้าหลายแสนรายทั่วโลกเลือกใช้ Microsoft 365 Copilot เป็นผู้ช่วยในการค้นคว้าหาข้อมูล ระดมความคิด และสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์ พบด้วยว่า องค์กรกว่า 230,000 แห่ง รวมถึง 90% ของบริษัทระดับ Fortune 500 ยังได้นำ Copilot Studio มาพัฒนา AI agent และระบบอัตโนมัติมากมายด้วยตนเอง
พลิกโฉมวงจรพัฒนา ‘ซอฟต์แวร์’
ไมโครซอฟท์ มองว่า นักพัฒนาเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ กว่า 50 ปีจนถึงปัจจุบันได้เห็นผลงานและแนวคิดที่น่าตื่นเต้นมากมาย จากนักพัฒนาที่กำลังขับเคลื่อนโลกดิจิทัลให้ก้าวสู่ยุคต่อไปด้วยผลงานสร้างสรรค์ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI หรือการผสานระบบต่างๆ เข้ากับคลาวด์อย่างไร้รอยต่อ
ในอนาคตคาดการณ์ว่าจะได้เห็นโลกที่มี AI agent จำนวนมากทำงานช่วยเหลือมนุษย์แบบอัตโนมัติ ทั้งในระดับส่วนบุคคล องค์กร ทีม หรือแม้แต่แบบครบวงจร ครอบคลุมระบบงานตั้งแต่ต้นจนจบ
นั่นหมายความว่าโลกออนไลน์ของเราจะกลายเป็น “Open Agentic Web” ที่เปิดกว้างให้ AI agent สามารถลงมือตัดสินใจหรือทำงานต่างๆ ได้ในฐานะตัวแทนของมนุษย์หรือองค์กรต่างๆ
ปัจจุบัน AI กำลังเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานกับโค้ด ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ดใหม่ ปรับใช้โค้ดที่สมบูรณ์แล้ว หรือแก้ไขและบำรุงรักษาโค้ดที่มีอยู่เดิม
นักพัฒนาในยุคนี้นำ AI มาช่วยให้พวกเขามีสมาธิทำงานกับโจทย์ที่อยู่ตรงหน้าได้ยาวนานขึ้น และมุ่งความสนใจไปยังงานที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น
ปูทางอนาคตโลกเทคโนโลยี
ล่าสุด “ไมโครซอฟท์” ประกาศเปิดตัวนวัตกรรม AI ทั้งในระดับแพลตฟอร์ม ผลิตภัณฑ์ และโครงสร้างพื้นฐาน ในงาน Microsoft Build 2025 งานใหญ่ประจำปีสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์
เมื่อวงจรของการพัฒนาซอฟต์แวร์กำลังเปลี่ยนแปลงไปด้วยบทบาทของ AI บริษัทจึงได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ สำหรับแพลตฟอร์มอย่าง GitHub, Azure AI Foundry และวินโดว์ส ที่ช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้เร็วขึ้น วางเป้าหมายให้สูงขึ้น และพัฒนาโซลูชันที่รองรับการเติบโตได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก
ปีนี้ไมโครซอฟท์เน้นย้ำพลังการเปลี่ยนแปลงของเอเจนต์ปัญญาประดิษฐ์ และนำเสนอเครื่องมือและแพลตฟอร์มใหม่อันล้ำสมัยเพื่อกำหนดอนาคตของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าของเครื่องมือเขียนโค้ด หรือวิสัยทัศน์ของเว็บเอเจนต์แบบเปิด มีเรื่องราวมากมายที่น่าสนใจ
ภายใต้มุมมองว่าเอเจนต์ AI เป็นหัวใจสำคัญและเอเจนต์เหล่านี้ขับเคลื่อนด้วยความสามารถและพัฒนาการด้านตรรกะและความจำ กำลังปฏิวัติวิธีแก้ปัญหา
ไมโครซอฟท์มองเห็นโลกอนาคตที่เอเจนต์เหล่านี้ดำเนินงานได้อย่างราบรื่นในทุกบริบท ไม่ว่าจะเป็นส่วนบุคคล องค์กร หรือธุรกิจ แนวคิดนี้เรียกว่าเว็บเอเจนต์แบบเปิด ซึ่งเป็นยุคใหม่ที่เอเจนต์ AI จะทำงานและตัดสินใจแทนผู้ใช้และองค์กร
สำหรับในอนาคตยังคงมุ่งขับเคลื่อนมาตรฐานเปิดเพื่อรองรับอนาคตของเอเจนต์ AI ขณะเดียวกันทำให้เอเจนต์ AI นำไปใช้ได้อย่างปลอดภัยและขยายขนาดได้ตอบโจทย์ธุรกิจ
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
หญ้าหวาน คืออะไร ดีกับสุขภาพจริงไหม สรรพคุณ โทษ และข้อควรระวังที่ควรรู้

หญ้าหวาน สารให้ความหวานจากธรรมชาติ โดยไม่เพิ่มพลังงานและไม่กระทบระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือเป็นเบาหวาน โดยมีทั้งประโยชน์และข้อควรระวัง รู้ไว้ก่อนใช้เพื่อลดความเสี่ยงและได้สุขภาพที่ดีกว่าเดิม
หญ้าหวานคืออะไร และทำไมถึงนิยมใช้
หญ้าหวาน (Stevia) เป็นพืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ สารสกัดจากใบมีความหวานกว่าน้ำตาลหลายเท่า แต่ไม่ให้พลังงานจึงเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพ ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
สรรพคุณหญ้าหวาน
หญ้าหวาน เป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ไม่ให้พลังงาน จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำตาล ควบคุมน้ำหนัก และดูแลสุขภาพ โดยมีจุดเด่นสำคัญดังนี้
- ให้ความหวานแทนน้ำตาลโดยไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด
- เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และมะเร็งตับอ่อน
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์
- ใช้ได้ทั้งในอาหาร เครื่องดื่ม ยาสีฟัน และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ
- ไม่ถูกดูดซึมในระบบย่อยอาหาร และไม่ก่อให้เกิดฟันผุ
ข้อควรระวังในการใช้หญ้าหวาน
แม้ว่าหญ้าหวานจะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังที่ควรให้ความสำคัญ ดังนี้
- อย่าใช้เกินปริมาณที่แนะนำ FAO/WHO แนะนำให้บริโภค Steviol glycosides ไม่เกิน 4 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว
- ระวังอาการแพ้ ผู้ที่แพ้พืชตระกูลเดียวกับทานตะวัน เช่น ดอกดาวเรือง หรือเบญจมาศ อาจเกิดอาการแพ้เมื่อใช้หญ้าหวาน
- ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำควรระมัดระวัง เนื่องจากผลิตภัณฑ์จากหญ้าหวานให้ความหวานโดยไม่ให้พลังงาน อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดและความดันโลหิตลดต่ำลงยิ่งกว่าเดิม ซึ่งอาจนำไปสู่อาการเวียนศีรษะ หน้ามืด หรืออันตรายต่อร่างกายได้
- หญ้าหวานไม่ช่วยลดอาการติดหวาน แม้หญ้าหวานจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าน้ำตาล แต่ยังคงให้รสหวาน และอาจทำให้ยังคงติดรสชาติหวานอยู่ หากต้องการลดปริมาณน้ำตาลจริงๆ ควรลดความหวาน จะส่งผลดีในระยะยาว
- หญ้าหวาน คือ สมุนไพร ควรบริโภคอย่างพอเหมาะ แม้เป็นธรรมชาติแต่การบริโภคเกินความพอดีอาจส่งผลต่อร่างกาย สมุนไพรทุกชนิดหากรับมากเกินไปอาจสะสมหรือเกิดผลข้างเคียงได้
เลือกผลิตภัณฑ์หญ้าหวานอย่างไรให้ปลอดภัย
- ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย.
- อ่านฉลากส่วนประกอบอย่างละเอียด หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารให้ความหวานสังเคราะห์อื่นผสม
- หลีกเลี่ยงสินค้าที่ไม่มีแหล่งผลิตชัดเจน หรือไม่มีการทดสอบคุณภาพ
สรุปหญ้าหวานดีต่อสุขภาพ แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธี
หญ้าหวาน เป็นสารให้ความหวานที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำตาล แต่การใช้ในปริมาณที่พอดี ติดตามข้อควรระวัง และค่อยๆ ลดรสชาติหวานไปด้วยจะเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพระยะยาว ควรใช้ควบคู่กับการปรับพฤติกรรมการกิน เพื่อให้ได้ประโยชน์และปลอดภัยอย่างแท้จริง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/05/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 51,100.00 | 51,200.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,310.00 | 50,179.60 | 52,000.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,979.00 | 45,161.64 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,648.00 | 40,143.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,490.00 | 22,580.82 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,159.00 | 17,562.86 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,430.00 | 51,999.59 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/05/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.85 | 32.85 | 33.35 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.48 | 32.48 | 32.98 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.64 | 30.64 | 31.14 | 30.64 | 30.64 | – | 30.64 | 30.64 | 30.64 | 30.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 28.99 | 28.99 | – | – | – | – | – | – | – | 28.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.44 | 48.84 | 49.84 | 48.84 | – | – | – | – | – | 41.44 |
เบนซิน 95 | 41.14 | – | – | – | 48.81 | – | 41.64 | 41.29 | – | 41.14 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |