ออริจิ้นเปิด “Neighbor Well” ปั้นฮับสุขภาพเชิงทะเล ภูเก็ต

ออริจิ้น รุกธุรกิจสุขภาพผ่านโครงการมิกซ์ยูสกว่า 4,000 ล้าน“Neighbor Well” เชิงทะเล ภูเก็ตทำเลศักยภาพสูง เชื่อมอสังหาฯ กับเมกะเทรนด์เวชศาสตร์ชะลอวัย
ท่ามกลางกระแสรุกธุรกิจใหม่ของ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าสู่บทบาท “Well-Being Lifetime Company” เปิดตัวโครงการมิกซ์ยูสใหม่ล่าสุด “ออริจิ้น ลากูน เชิงทะเล ภูเก็ต” มูลค่ารวมกว่า 4,000 ล้านบาท โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การพัฒนาโซน Wellness Community ภายใต้ชื่อ “Neighbor Well” พื้นที่ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร บนพื้นที่ศักยภาพ 14 ไร่ เพียง 250 เมตรจาก Boat Avenue
“ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่คือศูนย์กลางการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพ” ธนกร วุฒิพงษ์ รองประธานอาวุโส ORIGIN VERTICAL
โครงการนี้คือการผนึกกำลังระหว่าง ออริจิ้น เฮลท์แคร์ และ KMB Hospital โรงพยาบาลเฉพาะทางที่เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย เพื่อยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพพร้อมสร้างภูเก็ตให้กลายเป็น “Global Wellness Destination” ที่ตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและผู้พักอาศัยระยะยาว
- Neighbor Well เติมเต็มชีวิตรอบด้าน ในพื้นที่เดียว
- Neighbor Well เป็นมากกว่าศูนย์สุขภาพ แต่คือ “ชีวิตที่ออกแบบได้” ด้วยบริการแบบ One Stop Wellness ครอบคลุมตั้งแต่ ฟิตเนส คลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัย ฟื้นฟูสุขภาพจิต ไปจนถึงร้านอาหารเพื่อสุขภาพ พร้อมสภาพแวดล้อมเงียบสงบ เหมาะกับการฟื้นพลังชีวิตในแบบยั่งยืน
“เราใช้สุขภาพเป็นจุดตั้งต้น สร้างไลฟ์สไตล์ใหม่ให้ทั้งคนไทยและต่างชาติ”
การออกแบบโซนนี้ยังเชื่อมโยงเข้ากับ 2 โครงการที่อยู่อาศัยหลัก ได้แก่
- SO Lagoon Cherngtalay by Origin คอนโด Low-Rise 3 อาคาร 511 ยูนิต เริ่มต้น 3.19 ล้านบาท
- Balco Lagoon Cherngtalay Phuket พูลวิลล่าหรูราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 6 ไร่
- รวมถึงโซนโรงแรม Lifestyle Boutique Hotel ที่เน้นกิจกรรม Sport & Social ภายใต้แนวคิด “Well-Being But Make It Fun”
ภูเก็ตจุดตัดของเมกะเทรนด์อสังหาฯ – สุขภาพ – ท่องเที่ยว
หลังโควิด-19 คลี่คลาย ภูเก็ตกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนระดับบน ล่าสุดมีเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐ–เอกชนไหลเข้าสู่ภูเก็ตกว่า 1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะในกลุ่ม Branded Residences ที่เติบโตสูงถึง 80,000 ล้านบาทมากที่สุดในโลก
รายงานจาก C9 Hotelworks ยังชี้ว่าตลาด Wellness Tourism ไทยเติบโตสูงถึง 36% ทำให้การลงทุนในโครงการแบบ “อยู่อาศัย + สุขภาพ” กลายเป็น New S-Curve ที่ทรงพลัง ทั้งในแง่ผลตอบแทน และคุณภาพชีวิต
“Wellness ไม่ใช่ทางเลือก แต่คือทิศทางใหม่ของอสังหาฯ โลก”
“ออริจิ้น ลากูน เชิงทะเล ภูเก็ต” ไม่ใช่แค่การสร้างที่อยู่อาศัย แต่คือการ “ออกแบบอนาคตของเมือง” ด้วยโมเดล Mixed-Use ที่ผสานการอยู่อาศัย ไลฟ์สไตล์ และสุขภาพอย่างยั่งยืน เป็นตัวอย่างสำคัญของการนำอสังหาฯ ไปสู่เมกะเทรนด์แห่งโลกยุคใหม่
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
UTA เจรจาอีอีซีปรับสัญญาลดสเกลลงทุนขยายสนามบินอู่ตะเภาเฟส 1 เหลือ 3 ล้านคน

โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เจรจาปรับสัญญาลดสเกลการลงทุนเฟส 1 ยังไม่ได้ข้อสรุป UTA เสนอขอลดการรองรับผู้โดยสารเหลือ 3 ล้านคน ภายใต้เงื่อนไขให้สร้างไปก่อนไม่ต้องรอรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ความล่าช้าในการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ของบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด (ซี.พี.) ส่งผลกระทบต่อโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก ทำให้จนถึงวันนี้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ก็ยังไม่สามารถออก Notice to Proceed หรือ NTP ซึ่งเป็นเอกสารที่จะออกให้แก่ผู้รับเหมา เพื่อแจ้งให้ทราบถึงการเริ่มต้นโครงการก่อสร้างอย่างเป็นทางการให้กับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่นจำกัด (UTA)ได้ แม้จะผ่านมา 5 ปีแล้ว
ขณะนี้แม้ UTA ในฐานะผู้ได้รับสัมปทานในโครงการนี้ จะออกมาประกาศแล้วว่า จะไม่รอโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แต่การเจรจาระหว่าง UTA และอีอีซี ภายใต้เงื่อนไขให้ก่อสร้างไปก่อน โดยที่ยังไม่มีไฮสปีดเทรน 3 สนามบินก็ยังไม่ได้ข้อยุติ ทำให้ที่ผ่านมามีการเลื่อนออก NTP มาเป็นระยะ จากเดิมวางไว้ว่าจะเป็นวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา จนล่าสุดวางไว้เมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม 2568 ก็ยังไม่สามารถออก NTP ได้ ต้องขยายกำหนดออกไปอีก ทั้งๆตามสัญญากำหนดไว้ว่าหลังลงนามสัญญาจะต้องเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายใน 5 ปี
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีซีซี กล่าวว่า การเจรจากับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่นจำกัด (UTA) ผู้รับสัมปทานฯ ในเงื่อนไขให้ก่อสร้างไปก่อน บนสมมุติฐานที่ยังไม่มีรถไฟความเร็วสูงยังไม่จบ เนื่องจากติดปัญหาในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน) เบื้องต้นอีอีซีอยู่ระหว่างเจรจากับเอกชน เพื่อปรับสัญญา โดยให้ UTA สามารถเดินหน้าลงทุนต่อได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องแก้ไขสัญญาสัมปทาน เนื่องจากสัญญานี้สามารถแก้ไขข้อความในสัญญาเพิ่มเติมได้ โดยสิทธิประโยชน์ในการลงทุนโครงการฯยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ อีซีซี กล่าวว่า การเจรจากับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่นจำกัด (UTA) ผู้รับสัมปทานฯ ในเงื่อนไขให้ก่อสร้างไปก่อน บนสมมุติฐานที่ยังไม่มีรถไฟความเร็วสูงยังไม่จบ เนื่องจากติดปัญหาในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน) เบื้องต้นอีอีซีอยู่ระหว่างเจรจากับเอกชน เพื่อปรับสัญญา โดยให้ UTA สามารถเดินหน้าลงทุนต่อได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องแก้ไขสัญญาสัมปทาน เนื่องจากสัญญานี้สามารถแก้ไขข้อความในสัญญาเพิ่มเติมได้ โดยสิทธิประโยชน์ในการลงทุนโครงการฯยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ก่อนหน้านี้มีการเจรจาปรับแผนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก จาก 4 ระยะ เป็น 6 ระยะ แล้ว แต่เมื่อยังไม่มีรถไฟความเร็วสูง UTA จึงมีการเสนอที่จะปรับแผนการลงทุนในระยะที่ 1 ลงเพื่อให้เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสารในปัจจุบัน เช่น การก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร ในเฟส 1 ที่เจรจากำหนดที่ 6 ล้านคน ก็อาจจะเริ่มต้นที่ 3 ล้านคนก่อน ซึ่งจะทำให้ค่าบำรุงรักษาลดลงด้วย แล้วค่อยพัฒนาให้เต็มเฟสเมื่อมีรถไฟความเร็วสูงเข้ามา และเมื่อมีผู้โดยสารใช้บริการถึงระดับ 80% ของขีดความสามารถระยะแรก หรือมีจำนวน 2.4 ล้านคน จึงดำเนินการพัฒนาในระยะที่ 2 และเฟสต่อๆไป จนรองรับผู้โดยสาร 60 ล้านคนตามเป้าหมาย
ทั้งนี้เป็นข้อเสนอเพิ่มเติม ที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา เพราะหากไม่มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ผู้โดยสารก็จะไม่เป็นไปตามคาดหมาย ขณะที่การพัฒนาสนามบิน กรณีทำเล็กเกินไป ก็เป็นอีกปัจจัยที่อาจจะไม่ดึงดูดให้สายการบินและผู้โดยสารมาใช้บริการได้เช่นกัน จึงต้องคิดในหลายๆ มุม ซึ่งการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
ในส่วนของเอกชน มีการลงทุนหลายส่วน ไม่ใช่แค่อาคารผู้โดยสาร แต่ยังมีเมืองการบิน ที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีก เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศอีกแห่งของกรุงเทพอีกด้วย
ขณะที่แผนพัฒนาเมืองการบินอู่ตะเภา สกพอ.ได้เตรียมจัดสรรสิทธิประโยชน์การลงทุนในพื้นที่ให้กับ UTA รวมไปถึงผู้ประกอบการรายกิจการที่จะเข้ามาพัฒนาโครงการในพื้นที่เมืองการบิน เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ อาทิ สิทธิประโยชน์ด้านภาษีและอากร โดย สกพอ.กำหนดให้ผู้ประกอบการสามารถยื่นรับการพิจารณาสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 15 ปี และสิทธิได้รับลดหย่อยภาษีเงินได้นิติบุคคล ไม่เกิน 50% ของอัตราปกติสูงสุด 10 ปี
นอกจากนี้ยังได้สิทธิในการยกเว้น/ลดหย่อนจากการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร สิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับผู้ประกอบกิจการในเขตปลอดอากร คลังสินค้าทัณฑ์บน หรือเขตประกอบการเสรี รวมทั้งถึงสิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่อาศัยในราชอาณาจักร และสิทธิในการได้รับ Work Permit เป็นต้น
“สิทธิประโยชน์ด้านภาษีและส่งเสริมการลงทุนนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอกระทรวงการคลังออกกฎหมายเพื่อให้อีอีซีสามารถดำเนินการเรื่องเหล่านี้ได้ แต่เบื้องต้นทาง UTA สามารถไปโรดโชว์ดึงดูดนักลงทุนด้วยเงื่อนไขสิทธิประโยชน์เหล่านี้ และมายื่นเพื่อเตรียมขอรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้ ซึ่งอีอีซีจะพิจารณาเป็นแพ็คเกจภาพรวมในเมืองการบิน พร้อมทั้งพิจารณาเป็นรายกิจการที่อาจได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม”
นายจุฬา กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าในการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 2 หรือรันเวย์ 2 สนามบินอู่ตะเภา กองทัพเรือ (ทร.) ได้สรุปผลการประมูลคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 2 หรือ รันเวย์ 2 และทางขับ (แท็กซี่เวย์) ซึ่งดำเนินการโดย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ที่ผ่านมาได้ผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปและลงนามสัญญากับผู้รับจ้างก่อสร้างและที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างภายในเดือนกรกฏาคมนี้
ด้านนายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด หรือ UTA กล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ล่าสุด UTA เสนอไปยังอีอีซี ที่จะขอลดสเกลการลงทุนในเฟส 1 อยู่ที่ 3 ล้านคน เนื่องจากโครงการตอนนี้ยังไม่มีรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบินเชื่อมเข้ามา การลงทุนขยายสนามบินสุวรรณภูมิเต็มเฟส ผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งไม่สอดรับการขยายตัวของผู้โดยสารที่ทำไว้แต่แรก
ดังนั้นเราจึงต้องปรับการลงทุนให้เหมาะสม เพื่อรอผู้โดยสารให้ปรับตัวขึ้น โดยในเฟสแรกเรามองการลงทุนรับผู้โดยสารที่ 3 ล้านคนก่อน ซึ่งทางอีอีซีก็รับทราบแล้ว โดยเราคาดว่าน่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปีหน้าและจะทยอยก่อสร้างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นไปตามแผนสุดท้ายที่จะทำให้สนามบินอู่ตะเภารองรับผู้โดยสารได้ 60 ล้านคนภายใน 50 ปี รวมทั้งภายในสนามบินก็จะมีการสร้างอุโมงค์เพื่อรอรถไฟความเร็วสูงเข้ามาในสนามบินตามแผนด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 21ก.ค.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า ตามการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ แต่ยังมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าจากความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ กอปรกับความเสี่ยงการเมืองในไทย
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 21ก.ค.2568ที่ระดับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 32.35-32.42 บาทต่อดอลลาร์)
สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน ของปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อเงินบาทอย่าง เงินดอลลาร์ และราคาทองคำ ทั้งนี้ เงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง ตามการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) เดือนกรกฎาคม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 61.8 จุด ดีกว่าคาด
ส่วนอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ระยะ 1 ปี และ 5 ปี ข้างหน้า ก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.4% และ 3.6% ต่ำกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดลดความกังวลต่อแนวโน้มการเกิดภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง) ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงบ้าง
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ยังคงได้แรงหนุนจากการทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทยอยออกมาดีกว่าคาด และอัตราเงินเฟ้อ CPI ก็สูงกว่าคาด
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอติดตาม รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของประเทศเศรษฐกิจสำคัญ พร้อมรอลุ้น รายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และเตรียมรับมือความผันผวนจากความวุ่นวายการเมืองญี่ปุ่น
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing & Services PMIs) เดือนกรกฎาคม ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders)
รวมถึงข้อมูลตลาดบ้านสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน พร้อมกับรอติดตามสภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ขณะเดียวกัน ตลอดทั้งสัปดาห์ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง Alphabet และ Tesla เป็นต้น โดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้พอสมควร ซึ่งหากผู้เล่นในตลาดผิดหวังกับรายงานผลประกอบการก็อาจกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญการปรับฐานได้พอสมควร หลังล่าสุด ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่าง S&P500 ได้ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All-Time High)
ฝั่งยุโรป – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเรามองว่า ECB อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ไว้ที่ระดับ 2.00% ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
อนึ่ง บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า ECB ยังมีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกราว 1 ครั้ง สู่ระดับ 1.75% ในช่วงปลายปีนี้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของยูโรโซนและอังกฤษ ในเดือนกรกฎาคม ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของอังกฤษ เดือนมิถุนายน และดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (IFO Business Climate) ในเดือนกรกฎาคม เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนและอังกฤษ
▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นและทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึง อัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียว ในเดือนกรกฎาคม
พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินสถานการณ์การเมืองของญี่ปุ่น หลังรับรู้ผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก (Upper House Election) ซึ่งพรรครัฐบาลปัจจุบัน (LDP และ Komeito) ต่างตั้งเป้าที่จะได้ที่นั่ง 50 ที่นั่ง เป็นอย่างน้อย
จากการเลือกตั้งทั้งหมด 125 ที่นั่งในครั้งนี้ (วุฒิสภามีจำนวน 248 ที่นั่ง) เพื่อครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา จากจำนวนวุฒิสมาชิกที่อยู่ในวาระต่อไป 75 ที่นั่ง ของพรรครัฐบาล ซึ่งหากผลการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปตามคาดหวัง ก็อาจนำมาสู่ความวุ่นวายทางการเมืองญี่ปุ่น
อาทิ นายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba อาจจำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ หรือพรรครัฐบาลจำเป็นต้องหาพรรคพันธมิตรเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถครองเสียงข้างมาก
โดยความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองญี่ปุ่น และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐฯ อาจทำให้ BOJ ยังคงไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม เพื่อรอประเมินสถานการณ์ให้แน่ชัดก่อน
เราประเมินว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเมืองญี่ปุ่นในช่วงนี้ อาจเห็นแรงขายสินทรัพย์ญี่ปุ่น ทั้งหุ้น บอนด์ (โดยเฉพาะบอนด์ระยะยาว) และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) โดยเงินเยนญี่ปุ่นเสี่ยงอ่อนค่าทดสอบระดับ 150 เยนต่อดอลลาร์ ได้
▪ ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานยอดการค้าระหว่างประเทศ (Exports & Imports) เดือนมิถุนายน ที่อาจยังสามารถขยายตัวในเกิน +15%y/y จากอานิสงส์การเร่งนำเข้าสินค้าจากไทย ก่อนเผชิญมาตรการภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ และความต้องการสินค้าเทคโนโลยีของไทย ตามแนวโน้มการเติบโตของ Data Center
อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ จะกดดันให้ ยอดการส่งออกของไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามภาวะภาคการผลิตของไทย ผ่านรายงานดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index) และ
อัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization) ในเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นอีกข้อมูลที่ช่วยสะท้อนถึงผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทยได้
สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเริ่มมีกำลังมากขึ้น ทำให้โดยรวมเงินบาทยังไม่ได้อ่อนค่าตามที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า แม้ว่าเงินดอลลาร์จะทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องก็ตาม โดยเงินบาทยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า ตามการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทใกล้โซนแนวต้านในช่วงที่ผ่านมาได้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยปรับสถานะถือครอง ขณะเดียวกัน ความหวังการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ และแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ภายใต้การนำของผู้ว่าการธปท. ท่านใหม่ ยังได้หนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นและดึงดูดแรงซื้อหุ้นไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ดี เราขอคงมุมมองเดิมว่า ความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ กอปรกับความเสี่ยงการเมืองในประเทศไทย อาจกดดันให้เงินบาทยังมีความเสี่ยงอ่อนค่าลงบ้าง แต่เงินบาทจะอ่อนค่าได้มากน้อยเพียงใด จะขึ้นกับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ
โดยหากราคาทองคำยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะเห็นเงินบาทสามารถอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ จากการประเมินในเชิงเทคนิคัล เงินบาทมีโซนแนวต้านแรกแถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ (โซนแนวต้านถัดไป 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์) ส่วนโซนแนวรับจะอยู่แถว 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 32.10 บาทต่อดอลลาร์)
อนึ่ง เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับมาอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน (หรืออ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน)
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์อาจได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินเยนญี่ปุ่น ท่ามกลางความวุ่นวายการเมืองญี่ปุ่น หลังรับรู้ผลการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก (Upper House Election)
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.10-32.80 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่าค่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.40-32.42 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.40 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดในประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทปรับตัวอยู่ในกรอบแคบ ๆ แต่ขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยตาม Sentiment ของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่ ตลาดยังคงรอติดตามสถานการณ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับอีกหลายคู่ค้า
นอกจากนี้ แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วน โดยน่าจะได้รับอานิสงส์จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เช่น ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.30-32.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า (รวมถึงไทย) ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ และทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ไม่ธรรมดา! เปิดเงินรางวัล “บาส-เฟม” ซิวรองแชมป์ แบดมินตัน เจแปน โอเพ่น 2025

ต้องบอกว่าทำเต็มที่แล้วสำหรับ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่มืออันดับ 5 ของโลกชาวไทย ที่คว้าตำแหน่งรองแชมป์ แบดมินตัน เจแปน โอเพ่น 2025 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
โดยในรอบชิงชนะเลิศ คู่ผสมของไทย เป็นฝ่ายแพ้ให้กับ เจียง เจิ้นปัง และ เว่ย หย่า ซิน คู่มือวางอันดับ 2 ของโลกจากจีน ไป 1-2 เกม (19-21, 21-16 และ 15-21)

เงินรางวัล แบดมินตัน Japan Open 2025
ภายหลังจบทัวร์นาเมนต์ ฝ่ายจัดการแข่งขันได้เปิดเงินรางวัลปลอบใจที่คว้ารองแชมป์ ซึ่งจะรับเงินรางวัล 33,250 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1,100,000 บาท) ขณะที่ คู่ผสมจากจีน แชมป์รายการนี้จะรับไป 70,300 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,278,000 บาท)
สำหรับรายการต่อไปของนักแบดมินตันไทย จะเป็นการแข่งขันในรายการไชน่า โอเพ่น 2025 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 ระหว่างวันที่ 22-27 ก.ค.68 นี้ ที่เมืองฉางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ADHD ในผู้ใหญ่: รู้ทันผลกระทบ พร้อมเทคนิคจัดการสมาธิสั้นในวัยทำงาน

เมื่อพูดถึง ADHD (Attention-Deficit/Hyperactivity Disorder) หรือ โรคสมาธิสั้น หลายคนมักนึกถึงภาพเด็กที่ซน อยู่ไม่นิ่ง วอกแวกง่าย หรือไม่สามารถจดจ่อกับการเรียนได้ แต่แท้จริงแล้ว ADHD ไม่ใช่โรคที่จำกัดอยู่แค่ในวัยเด็ก ผู้ป่วยหลายคนยังคงมีอาการต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ และส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตการทำงาน การเข้าสังคม และความสัมพันธ์ส่วนตัว ซึ่งมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแค่ “นิสัยส่วนตัว” หรือ “ความไม่รับผิดชอบ”
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงอาการของ ADHD ในวัยทำงาน ผลกระทบที่เกิดขึ้น และวิธีจัดการเพื่อใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เช็ก ADHD ในวัยทำงาน อาการที่คุณอาจมองข้าม
อาการของ ADHD ในผู้ใหญ่จะแตกต่างจากในเด็กเล็ก ตรงที่อาการ hyperactivity (อยู่ไม่นิ่ง) อาจลดลงหรือไม่แสดงออกชัดเจนเท่า แต่จะไปเน้นหนักที่ปัญหาด้านสมาธิ การจัดการตนเอง และการควบคุมแรงกระตุ้น ซึ่งมักถูกตีความผิดไปเป็นอย่างอื่น
ปัญหาด้านสมาธิ:
- วอกแวกง่าย: ไม่สามารถจดจ่อกับงานเดียวได้นานๆ มักถูกรบกวนได้ง่ายจากสิ่งรอบข้าง หรือแม้แต่ความคิดของตัวเอง
- ทำงานผิดพลาดบ่อย: ทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เสมอ เพราะขาดความใส่ใจในรายละเอียด
- ลืมบ่อย/หาของไม่เจอ: ลืมงานที่ได้รับมอบหมาย ลืมนัดหมาย วางของผิดที่ หาสิ่งของที่จำเป็นในการทำงานไม่เจอ
- ผัดวันประกันพรุ่ง: เริ่มงานได้ยาก หรือชอบเลื่อนงานออกไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะงานที่ไม่น่าสนใจ
- ไม่สามารถทำงานให้เสร็จได้: เริ่มต้นหลายโปรเจกต์พร้อมกัน แต่ไม่สามารถทำอันไหนให้จบได้เลย
ปัญหาด้านการจัดการและการจัดระเบียบ:
- จัดลำดับความสำคัญของงานไม่ได้: ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน หรือคิดว่าทุกอย่างสำคัญเท่ากันหมด
- วางแผนไม่เป็นระบบ: ไม่สามารถวางแผนงานระยะยาว หรือแบ่งงานออกเป็นขั้นตอนย่อยๆ ได้ดี
- บริหารเวลาไม่ดี: ทำงานไม่ทันกำหนดส่ง หรือใช้เวลามากเกินไปกับงานที่ไม่สำคัญ
- โต๊ะทำงานรก/ไม่เป็นระเบียบ: สะท้อนถึงการจัดระเบียบความคิดที่ไม่ดี
ปัญหาด้านการควบคุมแรงกระตุ้น และการอยู่ไม่นิ่ง:
- พูดแทรกคนอื่น/ใจร้อน: ไม่สามารถรอคอยได้ พูดโพล่งออกไปโดยไม่คิด หรือแสดงปฏิกิริยาตอบโต้รุนแรงเกินเหตุ
- เปลี่ยนงานบ่อย: รู้สึกเบื่องานเดิมๆ ง่าย หรือตัดสินใจเปลี่ยนงานอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดี
- หุนหันพลันแล่นในการใช้เงิน: ตัดสินใจซื้อของที่ไม่จำเป็น หรือใช้จ่ายตามอารมณ์
- กระสับกระส่าย/ไม่อยู่นิ่ง: อาจไม่แสดงออกเป็นการวิ่งซน แต่จะเป็นการขยับตัวบ่อยๆ เขย่าขา ดีดนิ้ว หรือไม่สามารถนั่งนิ่งๆ ได้นาน
ผลกระทบของ ADHD ในวัยทำงาน
- ประสิทธิภาพการทำงานลดลง: ทำงานไม่ทันกำหนด งานผิดพลาดบ่อย ส่งผลต่อความก้าวหน้าในอาชีพ
- ปัญหาความสัมพันธ์: อาจมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า หรือคู่ครอง เนื่องจากปัญหาในการสื่อสาร การควบคุมอารมณ์ หรือการจัดการเวลา
- ความเครียดและวิตกกังวล: รู้สึกผิดกับตัวเอง วิตกกังวลเกี่ยวกับงาน หรืออาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า
- ความมั่นใจในตนเองต่ำ: รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสามารถ หรือไม่เก่งเท่าคนอื่น
การจัดการและใช้ชีวิตร่วมกับ ADHD ในวัยทำงาน
หากสงสัยว่าตัวเองมีอาการ ADHD หรือได้รับการวินิจฉัยแล้ว การจัดการที่เหมาะสมจะช่วยให้ใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- พบแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ: การวินิจฉัยที่ถูกต้องจากจิตแพทย์จะนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยาเพื่อช่วยปรับสมดุลสารสื่อประสาทในสมอง หรือการบำบัดทางจิตวิทยา
- จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม:
- ลดสิ่งรบกวน: หาที่ทำงานที่เงียบสงบ ปิดการแจ้งเตือนจากมือถือ/คอมพิวเตอร์
- จัดระเบียบ: ทำให้โต๊ะทำงานเป็นระเบียบ มีพื้นที่จัดเก็บของที่ชัดเจน เพื่อลดการหาของไม่เจอ
- ใช้เครื่องมือช่วยจัดระเบียบและวางแผน:
- จดทุกอย่าง: ใช้สมุดจด, แอปพลิเคชันจดบันทึก (เช่น Evernote, OneNote), หรือ To-do list (เช่น Todoist, Trello) เพื่อจดงาน, กำหนดเวลา, และสิ่งที่ต้องทำ
- ตั้งนาฬิกาเตือน: ใช้การตั้งเวลาเตือนสำหรับงานสำคัญ การประชุม หรือเมื่อต้องเปลี่ยนไปทำงานอื่น
- เทคนิค Pomodoro: ทำงาน 25 นาที พัก 5 นาที ช่วยให้โฟกัสได้ดีขึ้น
- แบ่งงานชิ้นใหญ่ให้เล็กลง: แทนที่จะมองงานทั้งหมด ให้แบ่งเป็นขั้นตอนย่อยๆ ที่จัดการได้ทีละขั้น เพื่อลดความรู้สึกท่วมท้นและเริ่มลงมือทำได้ง่ายขึ้น
- สร้างกิจวัตรประจำวัน: พยายามทำสิ่งต่างๆ ให้เป็นกิจวัตร เพื่อให้สมองจดจำและลดการต้องคิดตัดสินใจซ้ำๆ เช่น เวลาตื่นนอน เวลานอน เวลาทำงาน เวลาออกกำลังกาย
- ออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยลดความอยู่ไม่นิ่ง เพิ่มสมาธิ และลดความเครียด รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และนอนหลับให้เพียงพอ
- เรียนรู้ที่จะสื่อสาร: อธิบายอาการหรือความท้าทายที่คุณเจอให้กับหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน หรือคนใกล้ชิดที่เข้าใจ เพื่อให้พวกเขาเข้าใจและให้การสนับสนุนอย่างเหมาะสม
- ให้กำลังใจตัวเอง: การมี ADHD ไม่ใช่ข้อจำกัด แต่เป็นความท้าทายที่จัดการได้ เรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองและชื่นชมความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ
ADHD ในวัยทำงาน หรือวัยผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่ความผิดของคุณ การทำความเข้าใจอาการ การรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และการปรับใช้กลยุทธ์การจัดการที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ และประสบความสำเร็จในแบบฉบับของคุณเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เฮ! สนามบินสุวรรณภูมิยุคใหม่ ไม่มี “เทอร์มินัลตัดแปะ” ทอท.ยอมถอย ปรับแผนใหม่

ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ เฮ! สุวรรณภูมิยุคใหม่ ไม่มี “เทอร์มินัลตัดแปะ” ชมวันนี้ ทอท.ยอมถอย ปรับแผนใหม่เพื่ออนาคต
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิผ่านโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
หลังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ยาวนาน วันนี้ชัดเจนแล้วว่า “สุวรรณภูมิ” จะไม่มี “เทอร์มินัลตัดแปะ” ให้ต้องอับอายสายตาชาวโลกอีก! เพราะหากยังดันทุรัง สนามบินสุวรรณภูมิอาจพังทั้งระบบ!

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กำลังปรับแผนแม่บทพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิใหม่ทั้งระบบ เปลี่ยนแนวทางพัฒนาให้แข็งแรง มีทิศทางชัดเจน ไม่ตัดแปะ ไม่ตัดตอน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2557 ทอท.เคยเสนอแผนการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ทางทิศเหนือของสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ “ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion)” ซึ่งแม้จะมีเจตนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร แต่กลับถูกคัดค้านอย่างกว้างขวางและถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า “ตัดรูปมาแปะ ไม่ได้วางระบบ ไม่ตอบโจทย์สนามบินชั้นนำ!”
ด้วยเหตุนี้ ส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือจึงถูกคัดค้านจากผม (ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์) องค์กรวิชาชีพ 12 องค์กร และนักวิชาการที่เป็นห่วงว่าส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือจะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ นานาตามมา ทำให้เกิดผลเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อสนามบิน อีกทั้ง ยังมีเสียงทักท้วงจากคณะกรรมการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือสภาพัฒน์ถึง 2 ครั้ง ที่สำคัญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ
ทุกฝ่ายแสดงความกังวลว่า โครงการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานโดยรวมของสนามบินในอนาคต และแนะนำให้ขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออก-ตะวันตก และก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ทางทิศใต้ ใกล้ถนนบางนา-ตราด แทน
วันนี้ ทอท.ยอมถอย ปรับแผนใหม่เพื่ออนาคต
ถึงวันนี้ ทอท.ได้พิจารณาปรับแผนแม่บทให้สอดคล้องกับศักยภาพที่แท้จริง โดยมีแนวทางสำคัญ ได้แก่
1.ตั้งเป้าการรองรับผู้โดยสารที่ 120 ล้านคนต่อปี จากเดิมที่กำหนดไว้ 150 ล้านคนต่อปีซึ่งเกินความเป็นจริง
2. ขยายเทอร์มินัล 1 ด้านทิศตะวันออก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
3.เร่งก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ทางทิศใต้ ใกล้ถนนบางนา-ตราด
4. ยกเลิกอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 2 (SAT-2)
5. ขจัดจุดคอขวด ทั้งในกระบวนการเคลื่อนย้ายผู้โดยสารและสัมภาระ
6.นำเทคโนโลยีและระบบดิจิทัล เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการสนามบินอย่างเต็มรูปแบบ
จุดหมายต่อไป สนามบินระดับโลก!
การพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิในทิศทางใหม่นี้ มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการบิน (Hub) ของภูมิภาคเอเชีย โดยต้องอาศัยความร่วมมือระหว่าง ทอท. กับสายการบินไทยและสายการบินต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อ เสริมศักยภาพการเปลี่ยนเครื่องอย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ ต้องทำให้สายการบินต่างๆ เลือกสุวรรณภูมิเป็นฐานหลัก

นอกจากนี้ ทอท.ยังต้องพัฒนา คุณภาพการให้บริการ ให้ครอบคลุมทั้งความรวดเร็ว ความสะดวกสบาย ความสวยงามของอาคารผู้โดยสาร พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ
1.พื้นที่ร้านค้า ร้านอาหาร ที่มีความหลากหลายในปริมาณและราคาที่เหมาะสม
2. บรรยากาศที่ช่วยให้ผู้โดยสารใช้เวลาภายในสนามบินได้อย่างเพลิดเพลิน
3. การนำเสนอนวัตกรรมซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารตลอดเวลา
สุวรรณภูมิยุคใหม่…ไม่ไกลเกินฝัน
หาก ทอท.ดำเนินการตามแผนแม่บทใหม่นี้ได้จริง เชื่อว่าจะทำให้สุวรรณภูมิก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในสนามบินชั้นนำของโลก และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงในฐานะศูนย์กลางการบินของภูมิภาคในอนาคต
สุวรรณภูมิยุคใหม่ อยู่ที่การบริหารจัดการอย่างมีวิสัยทัศน์ของ ทอท. และความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
รวม คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับที่พักอาศัย ที่ควรรู้ไว้ ใช้ได้ในชีวิตจริง

หลายคนอาจจะลืมไปว่ายังมีคำศัพท์ที่ใกล้ตัวเราแต่มองข้ามไปหรือนึกไม่ถึง คือ คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับที่พักอาศัย เช่น บ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือที่อยู่อาศัยประเภทอื่น ๆ พร้อมคำแปล ความหมาย และตัวอย่างประโยคที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับผู้ที่กำลัง เรียนภาษาอังกฤษ และต้องการพัฒนาทักษะด้านคำศัพท์ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการคำศัพท์ไว้ใช้เมื่อต้องเช่าที่พัก ติดต่อกับชาวต่างชาติ หรือใช้ในการเดินทาง บทความนี้ออกแบบมาให้เข้าใจง่าย ใช้งานได้จริง สามารถนำคำศัพท์เหล่านี้ไปใช้ในการพูด ฟัง อ่าน เขียน ได้ทันที ช่วยเสริมความมั่นใจให้สื่อสารได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น
1) คำศัพท์เกี่ยวกับบ้าน (House)
เมื่อพูดถึงคำศัพท์เกี่ยวกับ “บ้าน” การ เรียนภาษาอังกฤษ ให้มีประสิทธิภาพควรเริ่มจากสิ่งรอบตัว และบ้านคือสถานที่ที่ทุกคนใช้ชีวิตอยู่เป็นประจำ คำศัพท์เหล่านี้ใช้บ่อยมาก และควรจำให้ขึ้นใจ เช่น
- House = บ้าน (ทั่วไป)
- Detached house = บ้านเดี่ยว
- Semi-detached house = บ้านแฝด
- Terraced house = บ้านแถว
- Bungalow = บ้านชั้นเดียว
- Cottage = บ้านชนบทเล็ก ๆ
- Roof = หลังคา
- Garage = โรงจอดรถ
- Fence = รั้ว
- Garden = สวน
- Living room = ห้องนั่งเล่น
- Dining room = ห้องรับประทานอาหาร
- Kitchen = ห้องครัว
- Bedroom = ห้องนอน
- Bathroom = ห้องน้ำ
ตัวอย่างประโยค:
“I live in a detached house with a big garden.”
(ฉันอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวที่มีสวนใหญ่)
การ เรียนภาษาอังกฤษ โดยเริ่มจากคำศัพท์ที่เกี่ยวกับบ้าน จะช่วยให้คุณนำไปใช้อธิบายที่อยู่อาศัยของตัวเองได้ทันทีในสถานการณ์จริง เช่น การแนะนำตัว หรือพูดคุยกับเพื่อนต่างชาติ คำศัพท์ในหมวดชีวิตประจำวันคือหมวดที่ควรเรียนเป็นอันดับต้น ๆ
2) คำศัพท์เกี่ยวกับคอนโด อพาร์ตเมนต์ (Condominium / Apartment)
ในยุคปัจจุบัน หลายคนเลือกอาศัยในคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์มากกว่าบ้าน การ เรียนภาษาอังกฤษ ในหมวดนี้จึงสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่หรือต่างประเทศ จึงขอยกตัวอย่างคำศัพท์เกี่ยวกับคอนโด อพาร์ตเมนต์ ดังนี้
- Condominium (Condo) = ห้องชุด
- Apartment = อพาร์ตเมนต์
- Studio = ห้องแบบสตูดิโอ
- Penthouse = ห้องชุดบนสุด
- Lobby = ล็อบบี้
- Elevator = ลิฟต์
- Balcony = ระเบียง
- Security guard = รปภ.
- Key card = บัตรผ่านประตู
- Maintenance fee = ค่าส่วนกลาง
- Lease / Rental agreement = สัญญาเช่า
- Landlord / Landlady = เจ้าของที่พัก
- Tenant = ผู้เช่า
ตัวอย่างประโยค:
“I just signed a one-year lease for a studio apartment downtown.”
(ฉันเพิ่งเซ็นสัญญาเช่าอพาร์ตเมนต์แบบสตูดิโอในเมืองเป็นเวลา 1 ปี)
สำหรับผู้ที่ เรียนภาษาอังกฤษไม่มีพื้นฐานเลย การเริ่มจาก คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับที่พักอาศัย เหล่านี้จะช่วยให้สามารถสื่อสารเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยได้อย่างเข้าใจง่าย โดยเฉพาะเมื่อจำเป็นต้องติดต่อกับเจ้าของที่พักหรือช่างซ่อม
3) คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับที่พักอาศัย อื่น ๆ
นอกจากบ้านและคอนโด ยังมีรูปแบบที่อยู่อาศัยอีกหลายประเภทที่ควรรู้ไว้ โดยเฉพาะหากคุณ เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อเดินทางหรือทำงานในต่างประเทศ ขอยกตัวอย่าง ดังนี้
- Dormitory (Dorm) = หอพัก
- Hostel = โฮสเทล (มักใช้ในการท่องเที่ยว)
- Motel = โรงแรมขนาดเล็กริมถนน
- Cabin = กระท่อมในป่า
- Trailer / Mobile home = บ้านเคลื่อนที่
- Shared house = บ้านเช่าร่วม
- Boarding house = บ้านพักพร้อมอาหาร
- Accommodation = ที่พัก (ทั่วไป)
- Tenant agreement = ข้อตกลงระหว่างผู้เช่ากับเจ้าของ
- Utilities = ค่าสาธารณูปโภค เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต
- Deposit = เงินมัดจำ
- Vacancy = ห้องว่าง
ตัวอย่างประโยค:
“I’m looking for affordable accommodation near the university.”
(ฉันกำลังมองหาที่พักราคาย่อมเยาใกล้มหาวิทยาลัย)
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
“ลูกตาล” ผลไม้เนื้อใสฉ่ำน้ำ พร้อมประโยชน์และโทษที่ควรรู้

ลูกตาลเป็นผลไม้พื้นบ้านที่กินแล้วสดชื่น แต่หลายคนอาจไม่รู้ว่ามีทั้งประโยชน์และโทษ มาดูข้อมูลน่ารู้และวิธีกินให้ปลอดภัยกัน
ลูกตาลคืออะไร
ลูกตาล คือผลของต้นตาลโตนด นิยมนำมารับประทานเป็นของหวานหรือกินสด เนื้อในมีลักษณะใสฉ่ำน้ำ รสชาติหวานนุ่มและมีฤทธิ์เย็น ช่วยดับกระหายได้ดีในหน้าร้อน
ประโยชน์ของลูกตาล
ช่วยคลายร้อนและเพิ่มความสดชื่น
ลูกตาลมีประโยชน์หลักคือช่วยดับกระหาย บรรเทาอาการร้อนในได้ดี
ให้พลังงานและแร่ธาตุ
ลูกตาลมีคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานกับร่างกาย รวมถึงแร่ธาตุ เช่น แคลเซียมและฟอสฟอรัสในปริมาณพอเหมาะ
มีไฟเบอร์ช่วยขับถ่าย
เนื้อลูกตาลมีใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น ลดอาการท้องผูกได้
โทษของลูกตาลหากกินมากเกินไป
แม้ลูกตาลประโยชน์ จะมีหลายอย่าง แต่หากกินมากไปอาจเกิดโทษได้เช่นกัน
ทำให้ท้องเสียได้
ฤทธิ์เย็นของลูกตาลหากกินมากเกินไปอาจระบายท้องแรง ทำให้ถ่ายเหลวหรือท้องเสีย
ระวังน้ำเชื่อมที่หวานจัด
ลูกตาลในของหวานมักแช่น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลมากไป หากกินบ่อยอาจได้พลังงานและน้ำตาลสูง ไม่เหมาะกับผู้ควบคุมน้ำหนักหรือต้องคุมระดับน้ำตาล
ภาวะท้องอืดในบางคน
คนธาตุอ่อนหรือระบบย่อยไม่ดี หากกินลูกตาลมากอาจท้องอืดง่าย เพราะใยอาหารและน้ำตาลธรรมชาติ
วิธีกินลูกตาลให้ได้ประโยชน์ ไม่เกิดโทษ
เลือกกินในปริมาณพอดี
แม้จะให้พลังงานและความสดชื่น แต่ลูกตาล 1 ผล ให้พลังงานประมาณ 20–40 kcal หากกินทีละหลายผล อาจได้รับน้ำตาลมากเกินไป เสี่ยงท้องเสียหรือกระทบระดับน้ำตาลในเลือดได้
เลี่ยงการเติมน้ำเชื่อมมากเกินไป
หากกินเป็นของหวาน ควรลดปริมาณน้ำเชื่อมหรือทำเองเพื่อควบคุมความหวานได้
เลือกกินลูกตาลสดใหม่
เลือกลูกตาลที่เนื้อใส ไม่หมักหรือค้างนาน เพื่อลดความเสี่ยงของเชื้อโรค
ลูกตาลมีประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายเมื่อกินอย่างพอดี แต่หากกินมากไปอาจเกิดโทษ เช่น ท้องเสียหรือได้พลังงานส่วนเกินได้ ควรกินผลที่สดใหม่ สะอาด และเลือกวิธีปรุงที่ไม่หวานจัดเพื่อสุขภาพที่ดี
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 21/07/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 51,350.00 | 51,450.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 3,319.00 | 50,316.04 | 52,250.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,987.10 | 45,284.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,655.20 | 40,252.83 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,493.55 | 22,642.22 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 1,161.65 | 17,610.61 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 3,439.38 | 52,141.00 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 21/07/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ![]() ไออาร์พีซี | พีที | ![]() ซัสโก้ | ![]() เพียว | ![]() พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 32.85 | 32.85 | 33.35 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 | 32.85 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 32.48 | 32.48 | 32.98 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 | 32.48 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 30.64 | 30.64 | 31.14 | 30.64 | 30.64 | – | 30.64 | 30.64 | 30.64 | 30.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 28.99 | 28.99 | – | – | – | – | – | – | – | 28.99 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 41.44 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 41.44 |
เบนซิน 95 | 41.14 | – | – | – | 49.81 | – | 41.64 | 41.29 | – | 41.14 |
ดีเซล | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 | 31.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.94 | 46.14 | 49.84 | 46.14 | 46.14 | – | – | – | – | 43.94 |
แก๊ส NGV | 18.55 | 18.55 | – | – | – | – | – | – | – | 18.55 |