สาระน่ารู้ประจำวันที่ 22 สิงหาคม 2568

สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรชงคลัง ดัน ‘Mortgage Insurance’ ช่วยคนเข้าถึงที่อยู่อาศัย

นับเป็นปรากฎการณ์ครั้งแรกในรอบหลายปี สำหรับการปรับลดลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งระบบของธนาคารพาณิชย์ ตามมติคณะกรรมการการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เหลือ 1.50%  โดยมีจุดประสงค์ เป็นมาตรการ กระต้นเศรษฐกิจ ช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงิน ทั้งภาคครัว เรือนและธุรกิจ มีผลตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2568 

ในทางตรงกันข้าม การพิจารณาปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารยังคงเข้มงวด รวมถึงการปฏิเสธสินเชื่อยังมีสูง เป็นเหตุให้  ผู้ประกอบการต้องนำโครงการหมุนเวียนกลับมาขายใหม่ ซํ้าเติมสต๊อกเดิมที่มีอยู่ในตลาด

แม้ว่าจะมีมาตรการรัฐสนับสนุน อย่างลดค่าธรรมเนียมการโอน จดจำนอง มาตรการผ่อนปรน LTV ของธปท. โดยขอรับการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยในทุกประเภทได้100% ก็ตาม แต่มองว่า มาตรการดังกล่าว ทรงตัวและเป็นไปในทิศทางที่เป็นลบ เมื่อเทียบความรุนแรงสถานการณ์เศรษฐกิจ

สะท้อนจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ลดลง นำมาซึ่งการเปิดตัวโครงการลดลงตามความต้องการตลาด นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่าผลสำรวจของสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ในไตรมาส 2 ปี2568  จากกลุ่มผู้ประกอบการ อสังหาริมทรัพย์กว่า 300 โครงการ 

พบว่าการปฏิเสธสินเชื่อยังมีสูง โดยภาพรวมค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 39.8% และค่าสูงสุดที่ 70% วงเงินกู้ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ค่าเฉลี่ย 48.2% ค่าสูงสุด 80.0% วงเงินกู้ที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3-7 ล้านบาท ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 38.1% ค่าสูงสุด 80.0% ราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 26.3% ค่าสูงสุด 50.0%

ทั้งนี้กลุ่มวงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาทมีอัตราถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงที่สุด ขณะที่ธนาคารที่มีอัตราปฏิเสธสินเชื่อสูงสุด เฉลี่ย 57.9% และปฏิเสธสินเชื่อตํ่าสุดอยู่ที่ 26.1%

ประกอบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์ อยู่ในภาวะตกตํ่าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 ไปจนถึง ไตรมาสแรกปี2568 มียอดโอนกรรมสิทธิ์ตํ่าสุดในรอบ 8 ปี สินเชื่อรายย่อยใหม่ลดลงเหลือเพียง 109,368 ล้านบาท (ลดลงจาก Q1/2567 ถึง -10.0%) และยอดคงค้างเริ่มหดตัว อัตราการปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 45% โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ ขายของออนไลน์ หรือผู้ไม่มีรายได้ประจํา แม้มีศักยภาพผ่อนชําระได้ ภาคเอกชนพยายามออกมาตรการช่วยเหลือ แต่ธนาคารยังไม่มั่นใจ

ดังนั้น จําเป็นต้องมีภาครัฐเข้ามาหนุนเสริม นอกจากมาตรการรัฐที่มีอยู่เดิมมองว่าแม้จะช่วยได้ไม่เต็มศักยภาพแต่ยังมีความจำเป็นโดยเฉพาะมาตรการลดค่าโอนและจดจำนอง  ซึ่งต้องมีมาตรการเสริมเพิ่มเติม

ล่าสุดเมื่อวันที่19 สิงหาคม 2568  สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เสนอแนวทาง มอตเกตอินชัวรัน  “Mortgage Insurance” (MI) หรือการคํ้าประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งคล้ายกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม บสย.เป็นองค์กรของรัฐบาลไทยที่มีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยการคํ้าประกันสินเชื่อให้กับ SMEs ที่ไม่มีหลักทรัพย์คํ้าประกันเพียงพอ

 เช่นเดียวกับ MI หากมีตัวกลาง โดยภาครัฐ เอกชน ร่วมมือกันซึ่งจะช่วยให้สถาบันการเงินมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น  โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นหนี้เสียตามมา เพราะมีหน่วยงานกลางให้การสนับสนุน ทั้งนี้จะช่วยเสริมโอกาสคนไทยมีบ้าน ขับเคลื่อนอสังหาริมทรัพย์ ฟื้นเศรษฐกิจชาติ

เพื่อให้ผู้มีศักยภาพในการผ่อนชำระแต่ขาดหลักฐานรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพอิสระ และผู้ประกอบอาชีพออนไลน์ สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่ชะลอตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566

 “ปัจจุบันประเทศไทยกําลังเผชิญกับความท้าทายเพดานหนี้ ครัวเรือนในระดับสูงต่อเนื่องหลายปี สะท้อนถึงภาระทางการเงิน ของประชาชนที่กระทบต่อความสามารถ ในการใช้จ่าย การลงทุน และการเขาถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย “MI” จึงถูกนําเสนอในฐานะ มาตรการเชิงนโยบายที่มุ่งลดภาระดอกเบี้ยของครัวเรือน เพิ่มสภาพคล่อง และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงสินเชื่อบ้านได้มากขึ้น มาตรการเหล่านี้ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ยังวางรากฐาน ให้ระบบสินเชื่อและตลาดที่อยู่อาศัยเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุน เศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวอย่างแข็งแรง”

 แนวทางที่เสนอ คือการจัดตั้งกลไกร่วมระหว่างรัฐ ธนาคาร บริษัทประกัน และผู้ประกอบการ คํ้าประกันลูกค้ารายย่อยที่อาจตกในเรื่อง Rating หรือ Scoring บางเรื่องทำให้สัดส่วน LTV ลดลง 10-20% หรือตามหลักเกณฑ์ ข้อตกลงที่องค์กรจะให้การคํ้าประกัน โดยให้รัฐร่วมอุดหนุนค่าเบี้ยคํ้าประกันบางส่วน และใช้พฤติกรรมการผ่อนชำระจริงเป็นเกณฑ์วัดความเสี่ยงแทนหลักฐานรายได้

โดยจุดเด่นของข้อเสนอ MI

1.เปิดโอกาสให้คนไทยมีบ้าน แม้ไม่มีสลิปเงินเดือน

2.ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในระบบสินเชื่อ

3.กระตุ้นยอดโอนกรรมสิทธิ์  ฟื้นอสังหาริมทรัพย์

และ4.ขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานรากสู่ระบบรวม

นายสุนทร สะท้อนความก้าวหน้าโครงการดังกล่าวว่าปัจจุบันสมาคมอยู่ระหว่างการจัดทำเอกสารนโยบาย (Policy Paper) และเตรียมนำเสนอต่อกระทรวงการคลัง   เพื่อผลักดันสู่การนำร่องในรูปแบบ Pilot Project ภายใน 2 เดือนข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม  โครงการคํ้าประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ MI เพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีเงินดาวน์ตํ่าหรือมีลักษณะรายได้ไม่สมํ่าเสมอ เสนอให้จัดทําระบบคํ้าประกันสินเชื่อ MI เพื่อแบ่งปันความเสี่ยงระหว่างสถาบันการเงินและผู้คํ้าประกันภายนอก (Third Party) โดยสถาบันการเงินยังคงปล่อยสินเชื่อใหผู้กู้ตามเกณฑ์ที่กําหนด

 ขณะที่ MI จะรับผิดชอบความเสียหายบางส่วนหากเกิดหนี้เสีย มาตรการนี้จะช่วยให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจมากขึ้นในการอนุมัติสินเชื่อแก่ผู้ที่มีศักยภาพผ่อนชําระ แต่ขาดหลักประกัน หรือเงินดาวน์เพียงพอ ส่งผลให้ประชาชนเขาถึงการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคอสังหา ริมทรัพย์ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินของประเทศ

“มอตเกตอินชัวรัน  ช่วยการปฏิเสธสินเชื่อลดลง  ที่ผ่านมา แบงก์รีเจ็กต์เรต 5% ต้องเรียกคุย แต่ตอนนี้ ปฏิเสธไปถึง 40-50%  โดย ผู้รับประโยชน์คือ ผู้ได้รับสินเชื่อ และผู้ประกอบการ กลุ่มตกสกอร์ กลุ่มเป้าหมายราคาบ้านไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งชนชั้นกลาง เดือดร้อนสูงสุดระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ขอให้ รับมอตเกตอินชัวรันคุม 20% ดอกเบี้ย ผ่อนแบบขั้นบันได ไม่มี ฮันนีมูน 3 ปี 3% และกระโดดไปที่ 7% เหมือนปัจจุบัน  โดยสมาคมฯเตรียมหารือสมาคมธนาคารไทยรูปแบบเหมือนบสย.ช่วยให้คนเข้าถึงสินเชื่อสูงขึ้น ตัวอย่างในอเมริกา ฮ่องกง ใช้กัน”

 นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอมาตรการภาครัฐปี2568  ขยายสิทธิการเช่าระยะยาว (ทรัพยอิงสิทธิ์) เดิมเช่าได้ ไม่เกิน 30 ปี โดยร่างแก้ไขเพิ่มเป็น 50 ปี ต่อสัญญาได้อีกครั้งไม่เกิน 50 ปี รวมสิทธิการเช่าได้สูงสุด 99 ปี (ต้องจดทะเบียนกับกรมที่ดิน) การถือครองห้องชุดของชาวต่างชาติ เดิมถือครองได้ ไม่เกิน 49% ของพื้นที่อาคาร ให้ขยายเป็น 75% ภายใต้เงื่อนไข จํากัดพื้นที่โครงการและพื้นที่นําร่อง สิทธิออกเสียงในนิติบุคคลอาคารชุดยังจํากัด ไม่เกิน 49%

รวมถึงมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมโอน-จํานอง (ด้านที่อยู่อาศัย)  คณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติเมื่อ 8 เม.ย. 2568 และประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา 22 เม.ย. 2568 ลดค่าจดทะเบียนโอนและจํานองเหลือ 0.01% (จากเดิมโอน 2% และจํานอง 1%)

เงื่อนไข ราคาซื้อขายและราคาประเมินทุนทรัพย์ไม่เกิน 7 ล้านบาท วงเงินจํานองไม่เกิน 7 ล้านบาท สําหรับ บุคคลธรรมดาสัญชาติไทย ใช้สิทธิได้ระหว่าง 22 เม.ย. 2568-30 มิ.ย. 2569  ที่ยังจำเป็นและมองว่าสัดส่วนราคาดังกล่าวมีความเหมาะสม  และล่าสุดมติ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ปรับลด อัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เหลือ 1.50%

จุดประสงค์เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ ช่วยลดภาระต้นทุนทางการเงิน ทั้งภาคครัวเรือนและธุรกิจ มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค. 2568 โดยนายสุนทรเสนอผู้ว่าฯธปท.คนใหม่ มองนโยบาย “ลึกและยาวนาน” อย่างการลดดอกเบี้ยให้ตํ่าลงไปจนกว่าเศรษฐกิจประเทศจะขยายตัวโตกว่า 3 %

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ตลาดเช่าพลิกฟื้น ผู้เช่าหันเลือกคอนโด “Fully Furnished” ไซส์กลาง

แผ่นดินไหวกระทบชั่วคราว แต่ตลาดเช่าคอนโดฟื้นตัวเร็ว แสดงสัญญาณปรับตัวแกร่ง โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เช่าที่หันมาให้ความสำคัญกับปัจจัยใหม่ๆ

ตลาดเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2568 กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อพฤติกรรมผู้เช่าเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยเน้นความสะดวกสบายและความคุ้มค่ามากกว่าการเป็นเจ้าของ ขณะที่เหตุการณ์แผ่นดินไหวต้นปีที่ผ่านมากระทบตลาดเช่าคอนโดเพียงชั่วคราว ก่อนฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ระบุว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศในไตรมาส 1 ปี 2568 มีจำนวน 65,276 หน่วย ลดลง 10.5% และมูลค่า 181,545 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความท้าทายในตลาดซื้อขาย

ในทางตรงกันข้าม ตลาดเช่ายังแสดงสัญญาณการปรับตัวที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เช่าที่หันมาให้ความสำคัญกับปัจจัยใหม่ๆ DDproperty แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เผยอินไซต์ช่วงครึ่งแรกของปี 2568 (มกราคม-มิถุนายน) พบการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เช่าอย่างชัดเจน โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกหาที่อยู่อาศัยแบบ “Fully Furnished” หรือพร้อมเข้าอยู่ ซึ่งตอบโจทย์ความสะดวกและความประหยัด

ซึ่งส่วนใหญ่เน้นมองหาที่พักขนาดกลาง 2 ห้องนอน และอยู่ชานเมืองใกล้แนวรถไฟฟ้า สะท้อนถึงการปรับเปลี่ยนความต้องการจากเดิมที่เน้นทำเลในใจกลางเมืองราคาแพง มาเป็นการหาสมดุลระหว่างความสะดวกและราคาที่เหมาะสม

ทำเลยังคงเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเมื่อต้องการซื้อ/เช่าที่อยู่อาศัย โดยทำเลที่อยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้าจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ เป็นการยืนยันเทรนด์การเช่าที่เน้น Transit-Oriented Development

แม้จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวช่วงต้นปี 2568 แต่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในตลาดที่อยู่อาศัยแนวดิ่งเพียงระยะสั้นเท่านั้น แม้ความต้องการซื้อคอนโดจะลดลง 31% ในเดือนเมษายน แต่ก็พลิกกลับมาเพิ่มขึ้น 5% ในเดือนพฤษภาคมได้

การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารสูงในประเทศไทย และการที่ความต้องการที่พักเช่าเป็นความจำเป็นพื้นฐานที่ไม่สามารถเลื่อนเวลาได้นาน

ประกอบกับ REIC ได้เปิดเผยว่าว่า มาตรการของรัฐบาลในการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราวของธนาคารแห่งประเทศไทย จะมีส่วนสนับสนุนให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2568

ข้อมูลจาก REIC ยังชี้ให้เห็นถึงปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ปี 2567 พบว่ามีหน่วยคอนโดมิเนียมเหลือขายสะสมกว่า 80,000 หน่วย ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงอย่างต่อเนื่อง

สถานการณ์นี้กลายเป็นโอกาสสำคัญของตลาดเช่า เมื่อเจ้าของโครงการและนักลงทุนที่ซื้อคอนโดมิเนียมไว้จำนวนมากกำลังหันมาปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้แทนการรอขาย ส่งผลให้ซัพพลายในตลาดเช่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของซัพพลายนี้ไม่ได้ทำให้ราคาเช่าลดลง แต่กลับทำให้ผู้เช่ามีทางเลือกมากขึ้น และสามารถต่อรองเงื่อนไขที่ดีกว่า เช่น การเช่าแบบ Fully Furnished ในราคาที่เหมาะสม

ทั้งนี้ อุปสงค์ในตลาดเช่าคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในทำเลศักยภาพอย่างใจกลางเมือง (CBD) และบริเวณใกล้เคียงรถไฟฟ้า ส่งผลให้ค่าเช่าในบางพื้นที่เริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้น

ข้อมูลจาก Global Property Guide ระบุว่า อัตราผลตอบแทนจากการเช่ารวม (Gross Rental Yield) ในกรุงเทพฯ ปี 2568 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 6.05% ซึ่งเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก 4.5% ในปี 2566 โดยอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นนี้เป็นสัญญาณบวกสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีคอนโดเหลือขายและพิจารณาเปลี่ยนกลยุทธ์จากการรอขายเป็นการปล่อยเช่าระยะยาว

ตลาดเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2568 กำลังเผชิญการปรับเปลี่ยนที่สำคัญ จากการที่ผู้เช่าเปลี่ยนพฤติกรรมเน้นความสะดวกและความคุ้มค่า พร้อมทั้งได้รับประโยชน์จากสต็อคคอนโดเหลือขายจำนวนมากที่หันมาปล่อยเช่า การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว และอัตราผลตอบแทนการเช่าที่เพิ่มขึ้นเป็น 6.05% ล้วนเป็นสัญญาณบวกที่แสดงถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของตลาดเช่าในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 22ส.ค. “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 32.67 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด เสี่ยงผันผวนกลับมาสูงขึ้น ควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 22ส.ค.2568 ที่ระดับ  32.67 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.62 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในงานสัมนา Jackson Hole Symposium (จะทยอยรับรู้ในช่วงราว 21.00 น. ของคืนวันศุกร์นี้ ตามเวลาประเทศไทย)

ทว่า ในช่วงราว 13.00 น. ที่ผู้เล่นในตลาดจะรับรู้รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของอังกฤษ เงินบาทก็อาจมีการเคลื่อนไหวในลักษณะ Two-way risk (พร้อมเคลื่อนไหวแข็งค่า หรือ อ่อนค่า) ขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)

ล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสเพียง 40% ที่ BOE จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 1 ครั้ง ในปีนี้ นอกจากนี้ ในช่วงระหว่างวัน เงินบาทก็อาจเสี่ยงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง หากบรรดานักลงทุนต่างชาติเดินหน้าทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม 

อนึ่ง เรามองว่า เงินบาทจะมีการเคลื่อนไหวพอสมควรและเสี่ยงผันผวน ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell โดยเรามองว่า ประธานเฟดอาจไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนนัก ต่อแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟด โดยเฉพาะในการประชุม FOMC เดือนกันยายน อย่างที่ผู้เล่นในตลาดกำลังคาดหวังอยู่

เนื่องจากประธานเฟดอาจมองว่า ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ของผลกระทบจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ ต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ ขณะที่เฟดอาจประเมินว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ แม้ยอดการจ้างงานในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จะชะลอตัวลงมากกว่าคาดก็ตาม ซึ่งมุมมองดังกล่าวของเฟด อาจสร้างความผิดหวังให้กับผู้เล่นในตลาดได้บ้าง

อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดมาบ้างแล้ว ทำให้เรามองว่า หากถ้อยแถลงของประธานเฟด ไม่ได้สะท้อนอย่างชัดเจนหรือทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดเชื่อ ว่า เฟดอาจคงดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนกันยายน

 เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อมากนัก และโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ 2 ครั้ง ก็น่าจะยังอยู่ในช่วง 85% ขึ้นไป (ลดลงเล็กน้อยจากล่าสุด 97%) ซึ่งจะไม่ได้กดดันราคาทองคำและเงินบาทมากนัก

โดยค่าเงินบาทก็อาจติดโซนแนวต้าน 32.70 บาทต่อดอลลาร์ หรืออาจยังแกว่งตัวแถวระดับ 32.65 บาทต่อดอลลาร์แต่หากถ้อยแถลงของประธานเฟด ทำให้ผู้เล่นในตลาดมั่นใจว่า เฟดจะยังไม่รีบลดดอกเบี้ย สะท้อนผ่านโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ที่อาจลดลงต่ำกว่าระดับ 80%

เรามองว่า เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อาจปรับตัวสูงขึ้นได้พอควร กดดันให้ราคาทองคำ (XAUUSD) เสี่ยงปรับตัวลงหลุดโซนแนวรับ 3,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เปิดโอกาสให้เงินบาทอ่อนค่าลดเข้าสู่โซน 32.70-32.80 บาทต่อดอลลาร์ หรืออ่อนค่าทะลุโซนดังกล่าวได้

 แต่เรามองว่า โอกาสเกิดกรณีนี้ มีไม่มากนัก เนื่องจาก ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นรายงานการจ้างงานสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม ก่อน ถึงจะปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดได้ในระดับดังกล่าว

และในกรณีที่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่า เฟดพร้อมจะเดินหน้าลดดอกเบี้ย จนทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมามั่นใจมากขึ้นว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 2-3 ครั้งในปีนี้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เสี่ยงปรับตัวลดลงอีกครั้ง หนุนให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้านระยะสั้น

ส่วนเงินบาทก็อาจพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นทดสอบหรือทะลุโซนแนวรับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก ซึ่งจะมีโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวรับถัดไป 

ทั้งนี้ หากประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following การอ่อนค่าอย่างชัดเจนของเงินบาททะลุโซน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ จะเพิ่มโอกาสที่เงินบาทกลับเข้าสู่แนวโน้มการอ่อนค่าลงอีกครั้ง

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.45-32.80 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อย ทดสอบโซนแนวต้าน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.59-32.68 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง ตามการทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดโดยบรรดาผู้เล่นในตลาด

จากรายงานดัชนี S&P PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ ในเดือนสิงหาคม และข้อมูลตลาดบ้าน อย่าง Existing Home Sales เดือนกรกฎาคม ที่ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดได้ประเมินโอกาสราว 97% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ในปีนี้ จากช่วงก่อนรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวที่เคยมองว่า มีโอกาสราว 10%-15% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปีนี้

อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยขายปรับสถานะถือครองและขายเงินดอลลาร์ออกมาบ้าง ตามการอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านของเงินบาท นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดบางส่วน (Susan Collins, Boston Fed and FOMC Voter)

ซึ่งเริ่มสะท้อนถึงโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม FOMC เดือนกันยายน นี้ ก็มีส่วนกดดันเงินดอลลาร์ อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอจับตา ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในงาน Jackson Hole Symposium ทำให้การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ก็เป็นไปอย่างจำกัด

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามการทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดก็มีส่วนกดดันบรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth

ส่วนรายงานผลประกอบการของบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ อย่าง Walmart -4.5% ที่ออกมาน่าผิดหวังและสะท้อนผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ก็มีส่วนกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่นกัน ทำให้ดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.4%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 เคลื่อนไหวผันผวนและปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง โดยแม้จะเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของบรรดาหุ้นกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม อาทิ LVMH -1.7%, Hermes -1.6%

ทว่าตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้างจากการรีบาวด์ขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหาร-การบิน ที่เผชิญแรงขายทำกำไรในช่วงก่อนหน้า และการปรับตัวขึ้นบ้างของหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบ

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ รายงานดัชนี S&P PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม ที่ออกมาดีกว่าคาด ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้น เหนือโซน 4.30% อีกครั้ง เข้าใกล้โซน 4.35%

ทว่าการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ถูกจำกัดโดยภาวะระมัดระวังตัวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ รวมถึงถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด Susan Collins (Boston Fed และ FOMC Voter) ที่ส่งสัญญาณพร้อมสนับสนุนการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม FOMC เดือนกันยายน หากตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่องชัดเจน

อนึ่ง เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ในระยะสั้น โดย เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ

ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้ เนื่องจากเราคงคาดการณ์ว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มทยอยปรับตัวลดลง ตามการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด (คาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยจนถึงระดับ 3.00-3.25%)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ตามรายงานดัชนี S&P PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ ล่าสุดที่ออกมาดีกว่าคาด

ทว่า การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ยังคงเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจาก ผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด ก่อนที่จะปรับมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอย่างมีนัยสำคัญต่อไป ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่โซน 98.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 98.2-98.7 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบรรยากาศในฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัว ทว่าการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดโดยบรรดาผู้เล่นในตลาด ซึ่งหนุนการปรับตัวขึ้นบ้างของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็มีส่วนกดดัน ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ทำให้โดยรวมราคาทองคำยังคงแกว่งตัวแถว 3,380-3,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในงานสัมนาวิชาการประจำปีของเฟด Jackson Hole Symposium ซึ่งจะรับรู้ในช่วงราว 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ส่วนในฝั่งอังกฤษ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนกรกฎาคม เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษและทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.64-32.66 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.45 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.62 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง เช่นเดียวกับสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้น (สอดคล้องกับ Probability ของการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนก.ย. ที่ปรับลดลงมาอยู่ที่ 75%)

หลังตัวเลข PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นสำหรับเดือนส.ค. และข้อมูลยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่คาด ประกอบกับน่าจะมีแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชั่นก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดในงานประชุมสัมมนาประจำปีของเฟดที่ Jackson Hold นอกจากนี้ สถานการณ์การเมืองในประเทศก็เป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางเงินบาทด้วยเช่นกัน 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.50-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัจจัยการเมืองในประเทศ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และถ้อยแถลงของประธานเฟด

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ไทย พบ อียิปต์ : สถิติก่อนเกม, ช่องถ่ายทอดสด วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025

วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เตรียมลงสนามนัดแรก พบกับ ทีมชาติอียิปต์ ในศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 หรือ FIVB Women’s World Championship 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 สิงหาคม – 7 กันยายน 2568

โดยมี 32 ทีมจากทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งประเทศไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ และแชมป์เก่าอย่าง เซอร์เบีย ก็เข้าร่วมชิงชัยด้วย

การแข่งขันแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม เพื่อหาทีมอันดับ 1 และ 2 ของกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป โดยกลุ่ม เอ ประกอบด้วย ไทย, เนเธอร์แลนด์, สวีเดน และ อียิปต์

โปรแกรมการแข่งขัน ไทย พบ อียิปต์ ถ่ายทอดสดช่องไหน

ทีมชาติไทย (อันดับ 21 ของโลก, 160.42 คะแนน) พบกับ ทีมชาติอียิปต์ (อันดับ 54 ของโลก, 54.62 คะแนน)

  • วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568
  • เวลา 20:30 น.
  • สถานที่: อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก กรุงเทพฯ
  • ถ่ายทอดสดทาง PPTV HD 36

สถิติการพบกัน

ทั้งสองทีมยังไม่เคยดวลกันมาก่อน ทำให้แมตช์นี้ถือเป็นการเจอกันครั้งแรกในประวัติศาสตร์การแข่งขันอย่างเป็นทางการ

สถิติ 5 นัดหลังสุด ทีมชาติไทย (VNL 2025)

  • 14 ก.ค. 25: ไทย แพ้ แคนาดา 2-3 เซต
  • 12 ก.ค. 25: ไทย แพ้ สาธารณรัฐโดมินิกัน 0-3 เซต
  • 11 ก.ค. 25: ไทย แพ้ เยอรมนี 0-3 เซต
  • 10 ก.ค. 25: ไทย แพ้ สหรัฐอเมริกา 1-3 เซต
  • 22 มิ.ย. 25: ไทย แพ้ บัลแกเรีย 2-3 เซต

สถิติ 5 นัดหลังสุด ทีมชาติอียิปต์ (แมตช์ทางการ)

  • 25 ส.ค. 23: อียิปต์ แพ้ เคนยา 0-3 เซต
  • 23 ส.ค. 23: อียิปต์ ชนะ รวันดา 3-0 เซต
  • 22 ส.ค. 23: อียิปต์ ชนะ ยูกันดา 3-0 เซต
  • 20 ส.ค. 23: อียิปต์ ชนะ บุรุนดี 3-0 เซต
  • 19 ส.ค. 23: อียิปต์ ชนะ ไนจีเรีย 3-0 เซต

ผลงานทีมชาติอียิปต์

ทีมชาติอียิปต์คว้ารองแชมป์ในศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์แอฟริกา 2023 ส่งผลให้ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2025 นับเป็นการลงเล่นในรายการนี้ครั้งที่ 4 ของพวกเขา

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ตื่นกลางดึก? ทำยังไงให้กลับไปนอนหลับได้

การตื่นขึ้นมากลางดึกเป็นเรื่องปกติ ร่างกายของเรามักเกิด “การตื่นสั้น ๆ” โดยไม่รู้ตัวได้ถึง 20 ครั้งต่อชั่วโมง ส่วนการตื่นที่เรารับรู้จริง ๆ ส่วนใหญ่จะเกิดประมาณคืนละ 2–3 ครั้ง แต่มีชาวอเมริกันถึง 1 ใน 5 ที่ประสบปัญหานอนไม่หลับต่อหลังจากตื่นกลางดึก ภาวะนี้เรียกว่า “โรคนอนไม่หลับแบบตื่นกลางดึก” (Sleep Maintenance Insomnia) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณภาพการนอนถดถอย

หลายคนเมื่อสะดุ้งตื่นกลางคืน มักเผลอมองนาฬิกา พลิกตัวไปมา หรือเปิดไฟดูทีวี ซึ่งแท้จริงแล้วมีวิธีที่ดีกว่าในการช่วยให้กลับไปนอนต่อได้ ดร.หลุยส์ เอฟ. บัวนาวเวอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจาก Johns Hopkins ได้แนะนำ 6 วิธีที่ช่วยให้คุณกลับสู่ห้วงนิทราได้ง่ายขึ้น

1. อย่ามองนาฬิกา

หันหน้าปัดนาฬิกาออกจากตัว และหลีกเลี่ยงการหยิบมือถือมาดูเวลา เพราะการนับนาทีที่เสียไปจะยิ่งเพิ่มความเครียดและทำให้นอนยากขึ้น นอกจากนี้ แสงสีฟ้า–เขียวจากหน้าจอมือถือ แท็บเล็ต หรือนาฬิกา ยังทำให้สมองตื่นตัวมากกว่าเดิม

2. จัดสภาพแวดล้อมให้สบาย

ลองเข้าห้องน้ำหากปวดปัสสาวะ ปรับห้องให้มืดและเย็นกำลังดี รวมถึงเช็กว่าที่นอน หมอน หรือผ้าห่มเหมาะสม ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป เพราะความสบายตัวคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณหลับได้อีกครั้ง

3. จัดการปัญหาสุขภาพ

หากคุณมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือปัญหาสุขภาพที่สร้างความไม่สบายตัวตอนกลางคืน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เช่น วิธีบรรเทาอาการปวด เพื่อช่วยให้การนอนราบรื่นขึ้น

4. ผ่อนคลายร่างกาย

ลองใช้วิธี Progressive Muscle Relaxation โดยค่อย ๆ เกร็งกล้ามเนื้อแต่ละส่วน เช่น แขน ขา ลำตัว หรือใบหน้า ประมาณ 5 วินาที แล้วปล่อยคลายออก หายใจช้า ๆ ลึก ๆ ระหว่างแต่ละรอบ เพื่อสร้างความผ่อนคลายทั่วร่างกาย

5. ลุกออกจากเตียงหากยังไม่ง่วง

หากผ่านไปประมาณ 20 นาทีแล้วยังนอนไม่หลับ ให้ลุกจากเตียงไปนั่งในห้องอื่น อ่านหนังสือเบา ๆ ด้วยไฟสลัว ฟังเพลงคลอ หรือหนังสือเสียงเพื่อเบี่ยงเบนความคิด อย่าทำงานหรือจัดการเรื่องเครียด เพราะจะยิ่งทำให้ตื่นเต็มตา ที่สำคัญ หลีกเลี่ยงการนอนอ่านหนังสือบนเตียง เพราะจะทำให้สมองเชื่อมโยงว่า “เตียงคือที่สำหรับตื่น” มากกว่า “ที่สำหรับนอน”

6. กลับสู่ตารางนอนปกติ

ในเช้าวันถัดมา ควรตื่นตามเวลาปกติ ไม่ควรนอนต่อ นอนกลางวัน หรือเข้านอนเร็วเกินไป แม้อาจรู้สึกเพลียเล็กน้อย แต่การรักษาวินัยการนอนจะช่วยสร้าง “ความหิวการนอน” (sleep drive) และทำให้คุณกลับมานอนหลับได้ลึกและต่อเนื่องในคืนถัดไป

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


คลื่นความถี่ คืออะไร สำคัญกับคุณอย่างไร?

หลังจากที่ประเทศไทยได้เปิดการประมูลคลื่นความถี่ทั้งหมด 4 คลื่นไปรอบล่าสุด ซึ่งจบที่การประมูลที่ 41.2 หมื่นล้านบาท! ทำให้หลายคนสงสัยว่า แล้วคลื่นเหล่านั้นจะไปทำอะไร ก่อนถึงเรื่องนั้น เราต้องทำความรู้จักว่า ทำไมคลื่นความถี่คืออะไรกันก่อน ซึ่ง Sanook Hitech จะมาเฉลยให้ฟัง

คลื่นความถี่คืออะไร

คลื่นความถี่มือถือ คือ ช่องสัญญาณวิทยุที่มองไม่เห็น ซึ่งถูกจัดสรรไว้เพื่อใช้ส่งข้อมูลหรือการโทรให้ได้ใช้งานในเฉพาะ หน้าที่หลักของมันคือเป็นเหมือน ถนนหรือเลนพิเศษ ที่ให้ข้อมูลต่างๆ เช่น เสียงการโทร, การเล่นเน็ต, การดูวิดีโอ, หรือการส่งข้อความ วิ่งไปมาระหว่างโทรศัพท์มือถือของเรากับเสาสัญญาณของผู้ให้บริการ (เช่น AIS, True, dtac)

ทำไมคลื่นความถี่ถึงสำคัญ?

หลังจากเรารู้ความหมายแล้ว เรามาดูถึงข้อสำคัญ โดยขอแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อหลักดังนี้

1. เป็นตัวกำหนด “การมีสัญญาณ” (Connectivity)

สิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้ามือถือของคุณไม่รองรับคลื่นความถี่ที่ผู้ให้บริการ (AIS, True, dtac) ปล่อยในพื้นที่นั้นๆ ก็จะเหมือนกับ คุณมีรถ แต่ไม่มีถนนให้วิ่ง ผลคือมือถือของคุณจะ “ไม่มีสัญญาณ” (No Service) ทันที ไม่สามารถโทรออก, รับสาย, หรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้เลย และเป็นสิ่งที่ผู้ใชหัวร้อนตามมา

2. เป็นตัวกำหนด “ความเร็วและคุณภาพ” ของสัญญาณ (Speed & Quality)

ถนนแต่ละประเภทมีความสามารถในการระบายรถต่างกัน คลื่นความถี่ก็เช่นกันครับ โดยจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ

  • คลื่นความถี่ต่ำ (Low-Band): เปรียบเหมือน “ถนนต่างจังหวัด”
    • ย่านความถี่: 700 MHz, 850 MHz, 900 MHz
    • คุณสมบัติ: เดินทางไปได้ไกลมาก, ทะลุทะลวงสิ่งกีดขวาง (เช่น อาคาร, กำแพง) ได้ดี ทำให้ ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้าง เหมาะสำหรับพื้นที่ชนบทห่างไกล
    • ข้อจำกัด: มีเลนน้อย (แบนด์วิธแคบ) ทำให้ ความเร็วไม่สูงมาก และรองรับปริมาณผู้ใช้งานหนาแน่นได้ไม่ดี
    • ถ้ามือถือคุณจับได้แค่คลื่นนี้: จะมีสัญญาณเต็ม แต่เน็ตอาจจะไม่เร็วปรู๊ดปร๊าด
  • คลื่นความถี่กลาง (Mid-Band): เปรียบเหมือน “ทางด่วนในเมือง”
    • ย่านความถี่: 1800 MHz, 2100 MHz, 2300 MHz, 2600 MHz
    • คุณสมบัติ: เป็นคลื่นที่ สมดุลที่สุด ระหว่างความเร็วและระยะทางครอบคลุม เป็นคลื่นหลักที่ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ใช้ในเขตเมืองและชุมชน เพื่อให้บริการ 4G/5G ความเร็วสูง
    • ถ้ามือถือคุณจับได้คลื่นนี้: คุณจะได้รับประสบการณ์อินเทอร์เน็ตที่เร็วและดี
  • คลื่นความถี่สูง (High-Band / mmWave): เปรียบเหมือน “ซูเปอร์ไฮเวย์ 10 เลน”
    • ย่านความถี่: 26 GHz (26000 MHz)
    • คุณสมบัติ: มีเลนเยอะมหาศาล (แบนด์วิธกว้างมาก) ทำให้ ความเร็วสูงเสียดฟ้า (ระดับ Gigabit) และรองรับคนได้เยอะมากโดยที่เน็ตไม่ช้า
    • ข้อจำกัด: เดินทางไปได้ไม่ไกล (ไม่กี่ร้อยเมตร) และทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางได้แย่มาก แค่เดินเข้าตึกสัญญาณก็อาจจะหายแล้ว เหมาะสำหรับพื้นที่ที่คนหนาแน่นมากๆ เช่น สนามกีฬา, ห้างสรรพสินค้า, สถานีรถไฟฟ้าใจกลางเมือง
    • ถ้ามือถือคุณจับได้คลื่นนี้: คุณจะได้สัมผัสความเร็ว 5G ที่แท้จริง

ดังนั้นคลื่นแต่ละแบบก็มีคความคำสัญที่แตกต่างกันไปแต่ทั้งหมดก็ออกแบบเพื่อให้อุปกรณ์สามารถใช้งานในการเข้าถึงบริการทั้งสาระ, ความบันเทิง รวมถึงเครื่องมือที่เดี๋ยวนี้ AI มีบทบาทมากขึ้นแล้วเช่นเดียวกัน ดังนั้นการที่ผู้ให้บริการมีคลื่นเยอะๆ จะทำให้ประสิทธิภาพสูงมากขึ้นนั่นเอง โดยจะออกมาในรูปแบบของเทคโนโลยีต่างๆ ที่ออกมาให้คุณใช้

แน่นอนว่าช่วงแรกอาจจะมีค่าบริการที่สูงไปหน่อยเท่านั้นเอง ก็ลองเลือกตามความเหมาะสมด้วย แม้เน็ตเร็วแต่ค่าใช้จ่ายอ่วมต่อเดือน ก็ไม่ไหวนะครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


Phrasal Verbs Give เรียนรู้กริยาวลีภาษาอังกฤษ น่ารู้!

Phrasal Verbs “Give”

“Give” เป็น Verb มีความหมายว่า “ให้” แล้วถ้าหาก give อยู่ใน Phrasal verb จะมีความหมายอย่างไรบ้าง? คำศัพท์มีหลายคำที่น่าสนใจ มาเรียนรู้ความหมายและตัวอย่าง Phrasal verbs Give กันเลยดีกว่า

Phrasal Verbs Give

Give away แปลว่า หักหลัง, เผยความลับ

  • Trust me! I didn’t give anything away about my company.
    เชื่อฉันเถอะ ฉันไม่เผยความลับอะไรก็ตามเกี่ยวกับบริษัทของฉันหรอก

Give back แปลว่า ให้คืน, ส่งคืน

  • Give me back my money!!
    คืนเงินฉันมาได้แล้วนะ!!
  • Give me back my book!
    เอาหนังสือของฉันคืนมา!

Give in แปลว่า ยินยอม, ส่งไปให้

  • My mom finally give in and let me go to the pool party with friends.
    สุดท้ายแล้วแม่ของฉันก็ยอมให้ฉันไปปาร์ตี้สระว่ายน้ำกับเพื่อน
  • I finally gave in and let him stay up to watch TV.
    ในที่สุดฉันก็ยอมปล่อยให้เขานอนดูทีวีต่อไป

Give forth แปลว่า ปล่อย (กลิ่น, เสียงหรืออื่นๆ) ออกไป

  • The chimney gave forth a cloud of grey smoke.
    ปล่องไฟได้ปล่อยควันสีเทาออกมา
  • The fields give forth an odor of spring.
    ทุ่งนามีกลิ่นของฤดูใบไม้ผลิ

Give off แปลว่า ส่งกลิ่น, ปล่อย

  • The fence has given off a smell of paint for a week.
    รั้วส่งกลิ่นเหม็นจากการทาสีมาเป็นอาทิตย์แล้ว
  • Many household products give off noxious fumes.
    ผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนหลายชนิดปล่อยควันพิษออกมา

Give out แปลว่า หมด, แจกจ่าย

  • Someone is giving a sample product out in front of school.
    มีคนกำลังแจกสินค้าตัวอย่างอยู่ที่หน้าโรงเรียน
  • I want to buy some water because it gave out.
    ฉันต้องการซื้อน้ำเพราะมันหมดแล้ว

Give over แปลว่า หยุดทำสิ่งไม่ดีหรือน่ารำคาญ

  • My sons were making a lot of noise so I told them to give over!.
    ลูกชายของฉันส่งเสียงดังมาก ดังนั้นฉันเลยบอกพวกเขาให้หยุดทำ!
  • I wish you lot would just give over!
    ฉันหวังว่าคุณจะยอมแพ้!

Give up แปลว่า ยอมแพ้, ล้มเลิก

  • My father has given up drinking alcohol a year ago.
    พ่อฉันเลิกดื่มแอลกอฮอล์มาได้เป็นปีแล้ว
  • They gave him up to the police.
    พวกเขามอบตัวกับตำรวจ

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


มันม่วงฟิลิปปินส์ หรือ อูเบ (Ube) ทำไมถึงกลายเป็นอาหารสุขภาพยอดฮิต

มันม่วงฟิลิปปินส์ หรือ อูเบ (Ube): ราชินีแห่งหัวมัน กับกระแสอาหารสุขภาพที่ต้องลอง

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายคนคงเคยเห็นเมนูขนมและเครื่องดื่มสีม่วงสวยงามตามคาเฟ่และร้านอาหารสุขภาพต่างๆ สีสันที่ดึงดูดใจนี้มาจาก มันม่วงฟิลิปปินส์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ อูเบ (Ube) ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่ส่วนผสมที่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังอัดแน่นด้วยคุณประโยชน์ทางสุขภาพ จนกลายเป็นหนึ่งในวัตถุดิบยอดฮิตระดับโลก

ทำความรู้จักมันม่วงฟิลิปปินส์ หรือ อูเบ (Ube)

อูเบ เป็นพืชตระกูลมันเทศที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศฟิลิปปินส์ มีลักษณะเป็นหัวคล้ายมันเทศทั่วไป แต่เนื้อด้านในมีสีม่วงสดใสจนถึงม่วงเข้ม ซึ่งเป็นสีจากธรรมชาติที่เกิดจากสาร แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) รสชาติของอูเบจะมีความหวานนุ่มนวลและมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ในประเทศฟิลิปปินส์ อูเบถูกนำมาใช้ในเมนูอาหารและขนมหวานมาอย่างยาวนาน เช่น ขนมปัง ไอศกรีม และฮาโล-ฮาโล (Halo-Halo) แต่เมื่อกระแสอาหารสุขภาพและอาหารมังสวิรัติเติบโตขึ้น อูเบก็ถูกยกระดับขึ้นเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่น่าสนใจ เพราะไม่เพียงแค่มีสีสันที่สวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์มากมาย

ประโยชน์ของมันม่วงฟิลิปปินส์: ซูเปอร์ฟู้ดเพื่อสุขภาพ

นอกเหนือจากความสวยงามและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว อูเบ ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อร่างกายที่ทำให้มันกลายเป็นวัตถุดิบยอดฮิตในวงการอาหารสุขภาพ

  • อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ: สีม่วงเข้มในอูเบมาจากสาร แอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหาย ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง และช่วยชะลอวัย
  • แหล่งของใยอาหารสูง: อูเบมีใยอาหารจำนวนมากที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ลดปัญหาท้องผูก และช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้
  • ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ใยอาหารในอูเบช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  • มีวิตามินและแร่ธาตุ: อูเบมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น วิตามินเอ, วิตามินซี, และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
  • ให้พลังงานและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน: อูเบเป็นแหล่งพลังงานที่ดีเยี่ยมสำหรับร่างกาย ให้พลังงานอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เหมาะสำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ต้องการพลังงานในระหว่างวัน

ด้วยคุณสมบัติที่ครบครันทั้งรสชาติ สีสัน และคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้ อูเบ ไม่ใช่แค่ส่วนผสมที่ช่วยให้ขนมดูดี แต่ยังเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทำให้มันสมกับฉายา “ราชินีแห่งหัวมัน” อย่างแท้จริง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 22/08/2568 

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a51,450.0051,550.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,326.0050,422.1652,350.00
ทองรูปพรรณ 90%2,993.4045,379.94n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,660.8040,337.73n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,496.7022,689.97n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,164.1017,647.76n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,446.6352,250.91n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 22/08/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.9532.9533.4532.9532.9532.9532.9532.9532.9532.95
แก๊สโซฮอล์ 9132.5832.5833.0832.5832.5832.5832.5832.5832.5832.58
แก๊สโซฮอล์ E2030.7430.7431.2430.7430.7430.7430.7430.7430.74
แก๊สโซฮอล์ E8528.6928.6928.69
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.1449.8449.8449.8441.14
เบนซิน 9541.2449.8141.7441.3941.24
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า