สาระน่ารู้ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2568

เอสซี กางยุทธศาสตร์ ‘3B’ ฝ่าวิกฤติอสังหาไร้สัญญาณฟื้น

ตลาดที่อยู่อาศัยยังไม่พ้นมรสุม เอสซีประเมินครึ่งปีหลังการแข่งขันรุนแรง ผู้ประกอบการเร่งระบายสต็อก-รักษาสภาพคล่อง ขณะเดียวกันชูยุทธศาสตร์ ‘3B’รับมือวิกฤติ

ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน ขณะที่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง แน่นอนว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังไม่พ้นมรสุม ต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะครึ่งปีหลังที่ยังไร้สัญญาณฟื้น

“นี่คือครั้งแรกในรอบ 30 ปี ที่เศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง และซัพพลายล้นตลาด เกิดขึ้นพร้อมกัน” 

ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฉายภาพต่อว่า  ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเปราะบาง จากแรงกดดันทางเศรษฐกิจ การเมืองในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้น ทำให้การเปิดโครงการใหม่ เป็นเรื่องท้าทายยิ่งขึ้นกว่าในช่วงวิกฤติโควิด-19 เสียอีก

ทั้งนี้ เอสซี แอสเสท วางแนวทางหลักพาธุรกิจฝ่าวิกฤติ และสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันในตลาดที่มีความไม่แน่นอนสูง ผ่าน “3B Strategy” ประกอบด้วย Believe ความเชื่อมั่นในแบรนด์ Buffer การบริหารความมั่นคงทางการเงินและ Blend การผสมผสานธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยง

4 ความเสี่ยงสำคัญครึ่งปีหลัง

แม้จะมีแผนรับมืออย่างรัดกุม แต่ตลาดยังต้องจับตา “4 ความเสี่ยงหลัก” ได้แก่ ภาคท่องเที่ยวชะลอตัว งบประมาณแผ่นดินล่าช้า จากปัญหาการเมือง ราคาน้ำมันพุ่ง ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น และกำแพงภาษี Tariff (ภาษีนำเข้า) ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและภาพรวมเศรษฐกิจ

ดังนั้น ในช่วงที่ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ ผู้ประกอบการต้องเน้น “รักษาสภาพคล่อง” เป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีฐานการเงินไม่แข็งแรงอาจต้องชะลอการลงทุน ขณะที่กลุ่มแข็งแกร่งอาจใช้โอกาสนี้กระจายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจใหม่เพื่อลดความเสี่ยงระยะยาว

“การประคองธุรกิจให้อยู่รอด ไม่ใช่แค่ขายของได้ แต่ต้องมีกระแสเงินสดที่ดีพอรองรับความไม่แน่นอนในระยะยาว”

ครึ่งหลังลุย 8 โครงการใหม่หมื่นล้าน

ในครึ่งปีหลัง เอสซี แอสเสท ยังคงเดินหน้าเปิดตัว 8 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 17,000 ล้านบาท รองรับดีมานด์ที่ยังแข็งแรงในบางเซกเมนต์ โดยมุ่งเจาะทำเลศักยภาพ ทั้งในกรุงเทพฯ ชั้นในและชานเมือง อาทิ โครงการ “Cobe” ลาดพร้าว-สุทธิสาร โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด ติวานนท์-ดอนเมือง โครงการเวนิว ฟอร์ม บางนา-ศรีวารี โครงการซันเล เรสซิเดนเซส

“แม้ภาพรวมตลาดจะซบเซา แต่เซกเมนต์บน โดยเฉพาะบ้านระดับ 20 ล้านบาทขึ้นไป ยังคงเป็นดาวรุ่ง ของ เอสซี แอสเสท ด้วยยอดขาย 5,204 ล้านบาท หรือกว่า 68% ของยอดขายบ้านแนวราบทั้งหมดในครึ่งแรกของปี 2568”

 กลุ่มโครงการเรือธง เช่น แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขสวัสดิ์-พระราม 3 โครงการแมทเทอร์ งามวงศ์วาน และเรฟเฟอเรนซ์ สาทร-วงเวียนใหญ่ เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนยอดพรีเซลรวม 9,613 ล้านบาท เติบโต 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

เร่งเครื่องธุรกิจสร้างรายได้ระยะยาว

อย่างไรก็ดี ภายใต้ “เครื่องยนต์ตัวที่สอง” (Engine 2) เอสซี แอสเสท เร่งลงทุนในธุรกิจเชิงพาณิชย์ เช่น คลังสินค้าให้เช่า พื้นที่สะสมรวม 150,000 ตร.ม. พร้อมตั้งเป้าอัตราเช่า 100% ภายในสิ้นปี โดยมีลูกค้าหลัก คือ กลุ่มโลจิสติกส์ (45%) และธุรกิจการผลิต (25%) ด้านธุรกิจโรงแรม ยังเดินหน้าต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดโรงแรมใหม่ย่านราชวัตร และเตรียมเปิดอีก 2 แห่ง ได้แก่ KROMO Bangkok ภายใต้แบรนด์ Curio Collection by Hilton เดอะ สแตนดาร์ด พัทยา นาจอมเทียน ริมชายหาด

“เอสซี ยังคงบริหารความมั่นคงทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถออกหุ้นกู้มูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ในปี 2568 ได้ครบตามแผน สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อแผนธุรกิจระยะยาว”

นอกจากนี้ บริษัทยังมีพันธมิตรต่างชาติที่แข็งแกร่ง เช่น โตเกียว ทาเทโมโนะ, ไดวะ เฮ้าส์ กรุ๊ป และ นิชิเทตสึ ซึ่งร่วมทุนในโครงการพัฒนาแนวราบ คอนโดมิเนียม โรงแรม และโลจิสติกส์รวมกว่า 10 โครงการ

ในโลกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เอสซี แอสเสท กำลังเดินเกมอย่างระมัดระวังแต่มั่นคง! ภายใต้กลยุทธ์ที่ยึด “ความยืดหยุ่น” เป็นหัวใจหลัก ท่ามกลางพายุเศรษฐกิจที่ยังไม่มีทีท่าจะสงบลงง่ายๆ

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ธนาสิริ เปิดแบรนด์ “Homesmile” บุกตลาดต่อเติมบ้านครบวงจร

ธนาสิริ เดินเกมรุกธุรกิจบริการต่อยอดจากอสังหาฯต่อเติมบ้านครบวงจร ชูประสบการณ์กว่า 40 ปี สร้างความมั่นใจ ตั้งเป้ารายได้ปีแรก 45 ล้านบาท

การเปิดตัว “Homesmile by Thana” ของบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ไม่ใช่เพียงการเพิ่มไลน์ธุรกิจ แต่สะท้อนการขยับบทบาทจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สู่ “ผู้ให้บริการไลฟ์สไตล์ที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร” โดยใช้ประสบการณ์กว่า 40 ปีในตลาดบ้านจัดสรรเป็นจุดแข็งหลัก

“เรามองว่าความสุขของการอยู่อาศัยไม่ควรหยุดแค่ตอนซื้อบ้าน” สุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

 สะท้อนมุมมองของธุรกิจที่มองลึกไปถึง ‘ประสบการณ์หลังการขาย’ โดย Homesmile ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์เจ้าของบ้านยุคใหม่ที่มองหาการต่อเติม ตกแต่ง หรือรีโนเวท โดยไม่ต้องเสี่ยงกับช่างไร้มาตรฐานหรือการรับประกันที่หายไป

จุดแข็งของ Homesmile

  • มาตรฐานเดียวกับบ้านในโครงการ: ลูกค้าจะได้รับงานต่อเติมที่เทียบเท่างานก่อสร้างบ้านใหม่
  • การควบคุมโดยวิศวกรมืออาชีพ: เน้นความปลอดภัย แข็งแรง ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม
  • บริการหลากหลาย: ครอบคลุมทั้งการต่อเติม ตกแต่งภายใน และรีโนเวทพื้นที่
  • รับประกันต่อเนื่อง: ความอุ่นใจที่หาได้ยากในตลาดรับเหมาทั่วไป

Homesmile ไม่ได้จำกัดเพียงเจ้าของบ้านในโครงการธนาสิริ แต่ยังเปิดกว้างสำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการบริการที่มีมาตรฐานและเชื่อถือได้ โดยมีเป้าหมายรายได้ปีแรกที่ 45 ล้านบาท

“เรามั่นใจว่า Homesmile by Thana จะเข้ามาเติมเต็มความสุขให้กับการอยู่อาศัยของลูกค้าทุกคน เพราะเราเชื่อว่า Homesmile by Thana คือ ‘ความสุขที่ต่อเติมได้’”

ท่ามกลางการแข่งขันในตลาดอสังหาฯ การแตกไลน์ธุรกิจบริการต่อเติมและตกแต่งบ้านอาจกลายเป็นแต้มต่อสำคัญ ที่ทำให้ธนาสิริสร้างรายได้จากฐานลูกค้าเดิม และขยายไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้อย่างยั่งยืน

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 23ก.ค.“แข็งค่าขึ้น”ที่ระดับ 32.17 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าขึ้น ตามแนวโน้มการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ นักลงทุนต่างชาติทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นไทย

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 23ก.ค.2568 ที่ระดับ  32.17 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.29 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เงินบาทยังคงได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าขึ้น ตามแนวโน้มการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ อีกทั้ง ในช่วงนี้ บรรดานักลงทุนต่างชาติก็ทยอยกลับเข้าซื้อหุ้นไทย

อย่างไรก็ดี เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาท แม้จะยังมีโมเมนตัมอยู่บ้าง ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด โดยในส่วนของราคาทองคำนั้น เรามองว่า หากบรรดาประเทศคู่ค้าต่างๆ ทยอยบรรลุข้อตกลงการค้า ลดระดับอัตราภาษีนำเข้าลงจากที่ทางการสหรัฐฯ ได้ขู่ไว้ ก็อาจทำให้ บรรดาผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ได้

ขณะเดียวกัน หากรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ออกมาสดใส โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ ก็น่าจะยิ่งทำให้บรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งควรจะกดดันราคาทองคำให้ย่อตัวลง

โดยเฉพาะในจังหวะที่ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้าน อย่างไรก็ดี เรายอมรับว่า ในภาพดังกล่าว ราคาทองคำก็อาจพอได้แรงหนุนบ้าง หรือไม่ได้ปรับตัวลดลงหนัก หากเงินดอลลาร์ย่อตัวลงหรือแกว่งตัว Sideways (จนกว่าตลาดจะปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดอย่างชัดเจน)

ทั้งนี้ จากการคำนวณของเราล่าสุด พบว่า เงินบาทมีความอ่อนไหว (Beta) กับการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำอยู่ราว 0.3 ทำให้ หากราคาทองคำมีการย่อตัวลงมาทดสอบโซนแนวรับอีกครั้ง ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง

นอกเหนือจากปัจจัยข้างต้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจยังพอได้แรงหนุนอยู่ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงทยอยออกมาสดใส รวมถึง รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด และหนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

นอกจากนี้ เรามองว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดบางส่วน โดยเฉพาะฝั่งผู้นำเข้า อาจรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์บ้าง หากเงินบาทแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับ 32.10 บาทต่อดอลลาร์ หรือแข็งค่าทะลุโซนดังกล่าว และจากการประเมินค่าเงินบาทในเชิง Valuation โดยใช้ทั้ง โมเดล REER และ BEER ของเรา

พบว่า เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมาพอสมควรในระดับมากกว่า +1.0 SD ซึ่งมักจะสะท้อนว่า เงินบาทยังมีความเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงมาได้บ้าง หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทควรจะเป็นไปอย่างจำกัด และมีโอกาสที่เงินบาทเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงได้บ้างจากระดับปัจจุบัน ในช่วงระยะสั้นนี้

เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.10-32.30 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ยังคงทยอยแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เข้าใกล้โซนแนวรับ 32.10 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.15-32.31 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่เผชิญแรงกดดันจากจังหวะการปรับตัวลดลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ

(ใกล้ถึงกำหนดเส้นตาย 1 สิงหาคม ที่สหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษีนำเข้ารอบใหม่ที่ได้ประกาศไป หากไม่มีการบรรลุข้อตกลงการค้ากับบรรดาประเทศคู่ค้า) นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม ในช่วงเช้าของตลาดการเงินฝั่งเอเชีย หลังเงินเยนญี่ปุ่น (JPY)

ทยอยแข็งค่าขึ้น เข้าใกล้โซน 146 เยนต่อดอลลาร์ ตอบรับข่าวสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น ลดอัตราภาษีนำเข้าเหลือ 15% จาก 25% ซึ่งภาพดังกล่าวยังหนุนให้ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มความคาดหวังการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในปีนี้ บ้าง

โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมอง BOJ มีโอกาส 75% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในปีนี้ (ในการประชุมปลายปี) และนอกเหนือจากการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ เงินบาทยังได้อานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) สอดคล้องกับจังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเข้าใกล้โซนแนวต้าน 3,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์

บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่กล้าเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้นผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับบรรดาประเทศคู่ค้า และรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะ หุ้นเทคฯ ใหญ่ ทำให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.06% 

างฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.41% กดดันโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนฝั่งยุโรปส่วนใหญ่ที่ออกมาน่าผิดหวัง นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า สหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป (EU) อาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ก่อนกำหนด 1 สิงหาคม และอาจนำไปสู่การใช้มาตรการตอบโต้จากฝั่งสหภาพยุโรป ซึ่งอาจกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปได้

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างทยอยเข้าซื้อบอนด์ระยะยาวเพิ่มเติม ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ แม้ว่าโดยรวมบรรดาผู้เล่นในตลาดจะยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดอย่างมีนัยสำคัญก็ตาม ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงบ้าง สู่ระดับ 4.36%

ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ หลัง Risk-Reward มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงโซน 4.50% ขึ้นไป สำหรับบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

โดยจังหวะการทยอยเข้าซื้อดังกล่าวอาจกลับมาอีกครั้ง ในช่วงสัปดาห์ต้นเดือนสิงหาคมที่ตลาดจะรับรู้ แนวโน้มการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลง สอดคล้องกับจังหวะปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังถูกกดดันเพิ่มเติม จากการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) โดยเฉพาะในช่วงเช้าของตลาดการเงินเอเชีย ตอบรับข่าวสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น บรรลุข้อตกลงการค้า ลดอัตราภาษีนำเข้าเหลือ 15% จาก 25% ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลงสู่ระดับ 97.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.3-97.9 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลดลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กอปรกับความต้องการถือทองคำ ในช่วงตลาดเผชิญความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. 2025) สามารถปรับตัวสูงขึ้น สู่โซน 3,440-3,450 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลตลาดบ้านสหรัฐฯ ทั้งยอดการยืนขอสินเชื่อบ้าน (Mortgage Applications) และยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) ในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดน้ำมัน ก็จะรอลุ้น รายงานยอดสต็อกน้ำมันคงคลังสหรัฐฯ โดย EIA

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนกรกฎาคม

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ อย่าง Alphabet และ Tesla ซึ่งรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.18-32.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.00 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.31 บาทต่อดอลลาร์ฯ

ทั้งนี้ เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ ๆ ระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 9 เดือนครึ่งที่ 32.16 บาทต่อดอลลาร์ฯ ที่ทำไว้ช่วงตลาดต่างประเทศเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับไปยืนเหนือแนว 3,400 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์อีกครั้ง

ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ที่อ่อนค่าลงตามการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า นอกจากนี้ตลาดยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า ก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. ด้วยเช่นกัน

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.00-32.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า (รวมไทย) ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก  และตัวเลขยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. ของสหรัฐฯ 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โดนไล่จี้มาแล้ว! “วิว กุลวุฒิ” ยังรั้งมือ 1 โลก หลัง BWF ประกาศอันดับโลกใหม่

ยังครองมือ 1 ของโลก เป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันสำหรับ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันขวัญใจชาวไทย จากการประกาศอันดับโลกใหม่ของ สหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

โดย นักตบลูกขนไก่หนุ่มวัย 24 ปี เก็บเพิ่มได้เพียงแค่ 2,660 คะแนน หลังตกรอบแรกในการแข่งขัน แบดมินตันรายการ เจแปน โอเพ่น 2025 ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อสัปดาห์ก่อน

ทำให้สถานการณ์ไม่สู้ดีนักหลัง ฉี ยู่ฉี อดีตมือ 1 โลกชาวจีน ที่คว้าแชมป์ เจแปน โอเพ่น 2025 เก็บเพิ่ม 11,000 คะแนน ขยับขึ้นมารั้งเบอร์ 2 โลก ด้วยการมีแต้มรวม 94,817 คะแนน พร้อมทั้งทำแต้มไล่กดดันทันที

อันดับโลกของ สหพันธ์แบดมินตันโลก (BWF) ประเภทชายเดี่ยว

1. กุลวุฒิ วิทิตศานต์ (ไทย) 97,179 คะแนน
2. ฉี ยู่ฉี (จีน) 94,817 คะแนน
3. แอนเดอร์ส แอนทอนเซ่น (เดนมาร์ก) 92,253 คะแนน
4. โจนาธาน คริสตี้ (อินโดนีเซีย) 80,614 คะแนน
5. หลี่ ชื่อเฟิง (จีน) 79,678 คะแนน
6. โจว เทียน เฉิน (ไต้หวัน) 74,669 คะแนน
7. โคได นาราโอกะ (ญี่ปุ่น) 71,554 คะแนน
8. วิคเตอร์ อเซลเซ่น (เดนมาร์ก) 69,440 คะแนน
9. อเล็กซ์ ลาเนียร์ (ฝรั่งเศส) 67,821 คะแนน
10. โลห์ เคียนยิว (สิงคโปร์) 66,719 คะแนน

สำหรับ วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เดินหน้าหยิบแชมป์ในปีนี้ได้ถึง 4 รายการ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส 2025, แชมป์ เอเชีย แชมเปี้ยนชิพ 2025, แชมป์ ไทยแลนด์ โอเพ่น 2025 และ สิงคโปร์ โอเพ่น 2025

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เฟนทานิล ทำไมอันตราย? ทำไมสหรัฐฯ ถึงถึงกับแบน

เฟนทานิล: ยาอันตรายที่ถูกเรียกว่า “ยาแห่งความตาย”

เฟนทานิล (Fentanyl) เป็นยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ (opioid) ที่มีฤทธิ์แรงกว่ามอร์ฟีนถึง 50-100 เท่า โดยปกติแล้วถูกใช้ในทางการแพทย์เพื่อระงับอาการปวดอย่างรุนแรง เช่น ในผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายหรือภายหลังผ่าตัดใหญ่

อย่างไรก็ตาม เฟนทานิลกลายเป็น ยาอันตราย เมื่อถูกนำมาใช้ในทางที่ผิด เพราะแค่ปริมาณเล็กน้อยเพียงไม่กี่มิลลิกรัมก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้ทันที โดยเฉพาะหากถูกผสมในยาเสพติดชนิดอื่นอย่างเฮโรอีน ยาบ้า หรือแม้แต่ยานอนหลับ

โทษและการออกฤทธิ์ของเฟนทานิลออกฤทธิ์รุนแรงและรวดเร็ว

เฟนทานิลออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้รู้สึกเคลิ้ม ง่วง ซึม และลดการหายใจอย่างรุนแรง หากใช้เกินขนาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ หยุดหายใจเฉียบพลันและเสียชีวิต ภายในเวลาไม่กี่นาที

ติดง่ายและถอนยาได้ยาก

เฟนทานิลมีฤทธิ์เสพติดสูง ผู้ใช้เพียงไม่กี่ครั้งสามารถเกิดอาการพึ่งพา (dependence) และลงเอยด้วยการเสพซ้ำเรื่อยๆ จนควบคุมตนเองไม่ได้ อาการถอนยาจากเฟนทานิลมักรุนแรง เช่น เหงื่อออก ตัวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ อาเจียน และอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง

โรคซอมบี้: ภาพสะท้อนของวิกฤตเฟนทานิลในอเมริกาทำไมจึงเรียกว่า “โรคซอมบี้”?

ผู้ใช้เฟนทานิลจำนวนมากมีอาการซึม เหม่อลอย เดินเซราวกับซอมบี้ ทำให้เกิดคำว่า “Zombie drug” หรือ “โรคซอมบี้” โดยเฉพาะเมื่อเฟนทานิลถูกผสมกับ ไซลาซีน (Xylazine) ซึ่งเป็นยาสัตว์ที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงจนไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้

ในเมืองอย่างฟิลาเดลเฟีย ลอสแอนเจลิส หรือซานฟรานซิสโก มีการรายงานผู้ใช้ยาเสพติดเดินเซเหมือน “ศพเดินได้” อยู่กลางถนนเป็นจำนวนมาก เป็นภาพที่สะท้อนความวิกฤตของปัญหายาเสพติดในสหรัฐฯ

ความร้ายแรงและผลกระทบต่อสังคมเสียชีวิตเฉลี่ยวันละเกือบ 200 คนในสหรัฐฯ

จากข้อมูลของ CDC (Centers for Disease Control and Prevention) เผยว่าในปี 2023 มีชาวอเมริกันเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดมากกว่า 70,000 ราย ซึ่งกว่า 70% เป็นการใช้เฟนทานิลและสารกลุ่มโอปิออยด์สังเคราะห์อื่นๆ

ปัญหาทางสังคมที่ลุกลาม

การแพร่ระบาดของเฟนทานิลทำให้เกิดปัญหาสังคมอย่างกว้างขวาง เช่น

  • การไร้ที่อยู่อาศัยของผู้ติดยา
  • การเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมในพื้นที่เสี่ยง
  • ภาระทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สูงขึ้น
  • ความยากลำบากในการบำบัดผู้ติดยา

ทำไมสหรัฐฯ ถึงแบนเฟนทานิลอย่างเข้มงวด?

1. ความเสี่ยงสูงต่อชีวิต

เฟนทานิลสามารถคร่าชีวิตคนได้แม้เพียงสัมผัสผิวหนัง หรือสูดดมในปริมาณที่น้อยมาก รัฐบาลสหรัฐฯ จึงพยายาม จำกัดการผลิตและควบคุมการนำเข้า อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีนและเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งผลิตรายใหญ่

2. อาชญากรรมข้ามชาติ

แก๊งค้ายาเสพติดใช้เฟนทานิลผสมกับยาเสพติดชนิดอื่นเพื่อเพิ่มกำไร แต่กลับทำให้ผู้บริโภคเสียชีวิตจำนวนมาก เป็นปัญหาความมั่นคงระดับประเทศที่ต้องจัดการทั้งด้านกฎหมายและความร่วมมือระหว่างประเทศ

สรุป: เฟนทานิล อันตรายร้ายแรงกว่ายาเสพติดชนิดใด

เฟนทานิลไม่ใช่เพียงแค่ยาอันตราย แต่คือ “ตัวการคร่าชีวิตเงียบ” ที่กลายเป็นปัญหาทางสังคมขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา การแบนเฟนทานิลไม่ใช่เพราะความกลัวแบบไร้เหตุผล แต่เพราะความจริงที่ว่ามันคือ “สารเสพติดที่ร้ายแรงที่สุดในยุคปัจจุบัน” ที่กำลังคุกคามความมั่นคงของชาติ และส่งผลกระทบลึกถึงรากของสังคม

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ไขความหมาย ชื่อตำแหน่งงานภาษาอังกฤษ ใช้ได้ทั้งสมัครงานและติดต่อธุรกิจ

บทความนี้จะพาคุณไปไขความหมายของ ชื่อตำแหน่งงานภาษาอังกฤษ ที่มักพบในการสมัครงานและการติดต่อธุรกิจ ทั้งในระดับบริหารและระดับผู้ปฏิบัติงาน พร้อมแนะนำคำศัพท์และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหน้าที่และบทบาทของตำแหน่งเหล่านั้น เพื่อให้การ เรียนภาษาอังกฤษ มีความชัดเจนมากขึ้น พร้อมเพิ่มความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนเรซูเม่ สัมภาษณ์งาน หรือสื่อสารกับคู่ค้าในระดับมืออาชีพ พร้อมแนะแนวทางการ เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ สำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐาน เพื่อให้คุณก้าวสู่เส้นทางอาชีพในยุคสากลอย่างมั่นใจ

1) ตำแหน่งงานภาษาอังกฤษที่พบบ่อยตอนสมัครงาน / ติดต่อธุรกิจของระดับบริหาร

ในโลกธุรกิจสากล การเข้าใจตำแหน่งงานในระดับบริหารเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องเขียนเรซูเม่ หรือสื่อสารกับองค์กรต่างประเทศ การ เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อเข้าใจชื่อเรียกตำแหน่งต่าง ๆ จะช่วยให้คุณมั่นใจมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างดังนี้

  • Chief Executive Officer (CEO) – ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

CEO คือตำแหน่งสูงสุดในองค์กร เป็นผู้กำหนดทิศทาง กลยุทธ์ และตัดสินใจในเรื่องสำคัญ CEO ต้องมีวิสัยทัศน์กว้าง และทักษะการสื่อสารดีเยี่ยม ประโยคตัวอย่างเช่น: Our CEO will join the meeting at 10 a.m.”

  • Chief Operating Officer (COO) – ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ

COO ดูแลการดำเนินงานในองค์กรให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ หากคุณสนใจงานด้านนี้ การ เรียนภาษาอังกฤษ เพื่อเข้าใจคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจะช่วยให้คุณได้เปรียบ

  • Chief Financial Officer (CFO) – ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน

รับผิดชอบเรื่องการวางแผนการเงิน วิเคราะห์งบประมาณ และรายงานผลต่อ CEO และคณะกรรมการบริหาร

  • Managing Director (MD) – กรรมการผู้จัดการ

ตำแหน่งนี้คล้ายกับ CEO ในบางองค์กร โดยดูแลภาพรวมทั้งหมดของกิจการ การเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้จากการ เรียนภาษาอังกฤษ จะช่วยให้คุณติดต่อธุรกิจระหว่างประเทศได้อย่างมืออาชีพ

  • Human Resources Director – ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล

ดูแลด้านการบริหารคน พัฒนาบุคลากร และวางแผนกลยุทธ์ด้าน HR ถ้าคุณต้องเขียนอีเมลถึงตำแหน่งนี้ การเข้าใจคำย่อและศัพท์ธุรกิจจากการ เรียนภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งที่ควรฝึกฝน

หากคุณเป็นผู้เริ่มต้น เรียนภาษาอังกฤษไม่มีพื้นฐานเลย การทำความเข้าใจกับ ชื่อตำแหน่งงานภาษาอังกฤษ เหล่านี้ตั้งแต่ต้นจะช่วยเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับการอ่านข่าวและบทความธุรกิจ และเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคตด้วย

2) ชื่อตำแหน่งงานภาษาอังกฤษ ที่พบบ่อยตอนสมัครงาน / ติดต่อธุรกิจของระดับผู้ปฏิบัติงาน

ตำแหน่งงานในระดับผู้ปฏิบัติงานก็มีความหลากหลายไม่น้อย หากคุณต้องการสมัครงานหรือส่งอีเมลหาฝ่ายต่าง ๆ ในบริษัท การเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานจากการ เรียนภาษาอังกฤษ เป็นประโยชน์มาก

  • Administrative Assistant – เลขานุการ/เจ้าหน้าที่ธุรการ

ทำหน้าที่จัดการงานเอกสาร การนัดหมาย และประสานงานภายในองค์กร ตัวอย่างประโยคที่ใช้ได้คือ: “I will ask our administrative assistant to schedule the meeting.”

  • Sales Representative – ตัวแทนฝ่ายขาย

รับผิดชอบนำเสนอสินค้าและบริการของบริษัท การ เรียนภาษาอังกฤษ จะช่วยให้คุณเข้าใจบทสนทนาในงานขายมากขึ้น

  • Customer Service Officer – เจ้าหน้าที่บริการลูกค้า

ทำหน้าที่ตอบคำถาม แก้ปัญหา และให้ข้อมูลลูกค้า สำหรับตำแหน่งนี้การใช้ภาษาอังกฤษที่สุภาพและชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญมาก

  • Marketing Executive – เจ้าหน้าที่การตลาด

วางแผนกิจกรรมการตลาด ทำโฆษณา และสื่อสารกับลูกค้า หากคุณ เรียนภาษาอังกฤษ จนเข้าใจคำศัพท์ในสายงานนี้ ก็จะช่วยให้งานราบรื่นขึ้น

  • IT Support – เจ้าหน้าที่สนับสนุนด้านไอที

ให้ความช่วยเหลือเรื่องระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีภายในองค์กร ทักษะด้านภาษาจะช่วยให้คุณอธิบายปัญหาหรือแนวทางแก้ไขได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากองค์กรใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก

การเข้าใจชื่อเรียกตำแหน่งเหล่านี้ ไม่เพียงช่วยในการหางาน แต่ยังช่วยให้คุณเขียนอีเมลและสื่อสารกับคนในองค์กรได้ถูกต้อง หากคุณกำลัง เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง คุณสามารถนำคำศัพท์เหล่านี้มาฝึกฝนด้วยการเขียนประโยคหรือบทสนทนา

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ต้องการเริ่มสมัครงานในองค์กรนานาชาติ หรือเช็กความถูกต้องเมื่อจำเป็นต้องติดต่อกับบริษัทต่างประเทศ การรู้จักและเข้าใจ ชื่อตำแหน่งงานภาษาอังกฤษ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญมาก ซึ่งสามารถฝึกได้ผ่านการ เรียนภาษาอังกฤษ อย่างต่อเนื่อง

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


Gemini Deep Think คว้าเหรียญทองการแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับโลก

Gemini Deep Think ของ Google DeepMind คว้าเหรียญทองในคณิตศาสตร์โอลิมปิกนานาชาติ ก้าวกระโดดของ AI สู่การแก้ปัญหาเชิงเหตุผลระดับสูง
Google DeepMind ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในวงการปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยการพัฒนาโมเดล Gemini Deep Think ที่สามารถทำคะแนนได้ในระดับเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกคณิตศาสตร์นานาชาติ (IMO) ประจำปี 2025 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ AI สามารถบรรลุผลลัพธ์ในระดับนี้ในเวทีการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกระดับโลก

Gemini Deep Think‘ สามารถแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ได้ถึง 5 ข้อจากทั้งหมด 6 ข้อของการแข่งขันในปีนี้ ทำคะแนนได้ 35 คะแนนจาก 42 คะแนน ซึ่งเทียบเท่ากับการได้รับเหรียญทองที่มีเกียรติ

Gemini Deep Think เป็นเวอร์ชันขั้นสูงของโมเดล Gemini ที่ออกแบบมาเพื่อการให้เหตุผลขั้นสูง โดยสามารถแก้โจทย์คณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนโดยใช้ภาษาอังกฤษธรรมชาติ แทนที่จะพึ่งพาภาษาเชิงสัญลักษณ์หรือการคำนวณที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่ช่วยให้ AI สามารถเข้าใจและแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเวลาที่กำหนดของการแข่งขัน

Google DeepMind ระบุว่า ความสำเร็จนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนา AI ที่สามารถช่วยขยายขอบเขตของความรู้ทางคณิตศาสตร์ โดยในอนาคตการผสมผสานระหว่างการใช้ภาษาธรรมชาติและการพิสูจน์เชิงวิทยาศาสตร์ที่เข้มงวดจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนงานวิจัยและการพัฒนาความรู้ในวงการวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

การพัฒนาครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความสามารถของ AI ที่สามารถประมวลผลและให้คำตอบในเชิงคณิตศาสตร์อย่างแม่นยำ และอาจช่วยยกระดับการศึกษาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในระดับโลกในอนาคต

แม้ว่า OpenAI จะไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้ประเมินโมเดลของตนเองกับโจทย์เดียวกัน และพบว่ามีความสามารถในระดับเดียวกันกับ Gemini Deep Think ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในวงการ AI เพื่อพัฒนาโมเดลที่สามารถให้เหตุผลและแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การที่ AI สามารถทำคะแนนได้ในระดับเหรียญทองในการแข่งขัน IMO ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการเข้าใจและแก้ปัญหาที่ต้องใช้การให้เหตุผลขั้นสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาเครื่องมือใหม่ ๆ ที่ช่วยนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ในการค้นพบและแก้ปัญหาที่ซับซ้อนในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


รู้จักใบหูเสือ ผักสมุนไพรพื้นบ้าน ต้านหวัด ลดอักเสบ ปลูกง่าย กินง่าย

ใบหูเสือ” หรือที่บางคนอาจเรียกว่า “หูเสือ” หรือ “ผักหูเสือ” เป็นสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดที่คนไทยรู้จักกันดีในครัว โดยเฉพาะทางภาคใต้ และภาคกลางตอนล่าง กลิ่นแรง ๆ ฉุน ๆ แบบมินต์ผสมพริกไทยของมัน ไม่ได้แค่เพิ่มความหอมให้อาหาร แต่ยังมีคุณค่าทางยาอีกมากมายที่หลายคนมองข้ามไป 

“ใบหูเสือ” สมุนไพรพื้นบ้านที่แม้จะดูธรรมดา แต่ซ่อนพลังไว้เพียบ ทั้งช่วยขับลม บรรเทาหวัด ลดอักเสบ แถมยังปลูกง่าย กินง่าย และไม่ต้องพึ่งสารเคมีเลย

ใบหูเสือคืออะไร?

ใบหูเสือ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Plectranthus amboinicus หรือ Coleus amboinicus) เป็นพืชล้มลุกในวงศ์เดียวกับกะเพราและโหระพา มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของเอเชียและแอฟริกา ลักษณะเด่นคือใบหนา อวบน้ำ มีขนนุ่ม กลิ่นหอมฉุนเฉพาะตัวแบบสมุนไพร บางคนว่าเหมือนกลิ่นออริกาโนแบบไทย ๆ ลำต้น ค่อนข้างอวบ อวบน้ำ มักทอดเลื้อยหรือตั้งเป็นพุ่มเตี้ยๆ

ด้วยกลิ่นที่หอมฉุนและรสชาติเผ็ดร้อนเล็กน้อย ทำให้ใบหูเสือนิยมนำมาเป็นผักแกล้มกับอาหารรสจัด เช่น ลาบ น้ำตก หรือใส่ในเมนูต่างๆ เพื่อเพิ่มความหอมและดับกลิ่นคาว

ประโยชน์ของใบหูเสือ

  • แก้หวัด คัดจมูก: นี่คือสรรพคุณที่โดดเด่นและเป็นที่รู้จักกันดี! น้ำมันหอมระเหยในใบหูเสือ มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการหวัดคัดจมูก ทำให้หายใจโล่งขึ้นได้ดีมาก เพียงแค่ขยี้ใบแล้วดม หรือนำมาตำพอกบริเวณกระหม่อมหรือหน้าผาก ก็ช่วยได้แล้ว
  • ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ: ใบหูเสือมีรสเผ็ดร้อน ช่วยกระตุ้นการขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ ลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
  • แก้ไอ เจ็บคอ: มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรัง เจ็บคอ และลดเสมหะได้ นิยมนำใบมาต้มน้ำดื่ม หรือนำไปสับกับหมูทำเป็นแกงจืด
  • แก้ปวดหู หูน้ำหนวก: ในตำราแพทย์พื้นบ้านบางแห่ง ใช้น้ำคั้นจากใบสดมาหยอดหูเพื่อแก้ปวดหู แก้ฝีในหู หรือหูน้ำหนวกได้ (ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้วิธีนี้)
  • ต้านอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบ: งานวิจัยสมัยใหม่บางส่วนเริ่มพบว่า ใบหูเสือมีสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้
  • บำรุงร่างกาย เจริญอาหาร: เชื่อว่าช่วยบำรุงร่างกายโดยรวม ทำให้เจริญอาหารมากขึ้น
  • ดับกลิ่นปาก ป้องกันฟันผุ: การเคี้ยวใบหูเสือสดๆ สามารถช่วยดับกลิ่นปากและมีส่วนช่วยป้องกันฟันผุได้

ข้อควรระวังของใบหูเสือ

  • สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร: ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานใบหูเสือ หรือผลิตภัณฑ์จากใบหูเสือในปริมาณมาก 
  • ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว: หากคุณมีโรคประจำตัวใดๆ หรือกำลังรับประทานยาอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน การใช้ใบหูเสือเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ เนื่องจากอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด หรือส่งผลต่อสภาวะโรคได้
  • ปริมาณการบริโภค: การบริโภคในปริมาณที่ใช้เป็นผักแกล้มทั่วไปมักไม่เป็นปัญหา แต่หากต้องการใช้เพื่อการรักษาโรค ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดปริมาณที่เหมาะสม

สรุป: ใบหูเสือ สมุนไพรคู่บ้านที่ไม่ควรมองข้าม!

ใบหูเสือ เป็นผักพื้นบ้านที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมฉุนอันเป็นเอกลักษณ์ และคุณประโยชน์ทางยาที่ไม่ธรรมดา ทั้งช่วยแก้หวัด ขับลม แก้ไอ และอีกหลายสรรพคุณ ทำให้มันเป็นสมุนไพรประจำบ้านที่ควรมีติดครัวไว้ ใครยังไม่เคยลองทาน ลองทานดูนะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 23/07/2568 

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a52,000.0052,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,361.0050,952.7652,900.00
ทองรูปพรรณ 90%3,024.9045,857.48n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,688.8040,762.21n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,512.4522,928.74n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,176.3517,833.47n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,482.9052,800.76n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 23/07/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9532.8532.8533.3532.8532.8532.8532.8532.8532.8532.85
แก๊สโซฮอล์ 9132.4832.4832.9832.4832.4832.4832.4832.4832.4832.48
แก๊สโซฮอล์ E2030.6430.6431.1430.6430.6430.6430.6430.6430.64
แก๊สโซฮอล์ E8528.9928.9928.99
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม41.4449.8449.8449.8441.44
เบนซิน 9541.1449.8141.6441.2941.14
ดีเซล31.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.9431.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.9446.1449.8446.1446.1443.94
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า