สาระน่ารู้ประจำวันที่ 24 มกราคม 2568

ซื้อ-เช่าที่อยู่อาศัยเรียลดีมานด์เน้นคุ้มค่าเช่าไม่เกิน1.5หมื่น/เดือน

ส่องพฤติกรรม‘ซื้อ’ที่อยู่อาศัยเรียลดีมานด์เน้นคุ้มค่าราคาประหยัด ตกแต่งพร้อมอยู่ กลุ่มคน’เช่า’ราคาไม่เกิน1.5หมื่น/เดือน ทำเลใกล้รถไฟฟ้าสะท้อนวิกฤติทางการเงินต้องการลดภาระทางการเงินและความเสี่ยงจากการกู้ซื้อบ้านในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังปรับตัวสูงขึ้น

การมองหาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค (Real Demand) แต่สภาพเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางการเงินทำให้ผู้คนต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบมากขึ้น! โดยเฉพาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทุกวันนี้ต้องมีความเข้าใจในกลยุทธ์การลงทุนและการจัดการทางการเงินที่ฉลาดเพื่อให้คุ้มค่าที่สุด

ข้อมูลจาก ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า ผู้ซื้อบ้าน/คอนโดมิเนียม ส่วนใหญ่ในปี 2567 เลือกที่อยู่อาศัยที่มี 2 ห้องนอน เป็นอันดับแรก! ซึ่งเป็นขนาดที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวขนาดเล็กที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและพื้นที่ใช้สอยที่ชัดเจน การเลือกที่อยู่อาศัยในกลุ่มนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีความต้องการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น เช่นเดียวกับความสนใจในโครงการที่ตกแต่งพร้อมอยู่ (Fully Furnished) ได้รับความนิยมมากขึ้นถึง 64% เพราะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการตกแต่ง สามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันที ช่วยลดภาระทางการเงินและสะดวกสบายในการจัดการชีวิตประจำวันได้มากขึ้น

การเลือกที่อยู่อาศัยในช่วงราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงการมองหาบ้านในทำเลชานเมืองที่มีความ “คุ้มค่า” ในการลงทุนมากขึ้นจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าไปยังพื้นที่ที่ราคาบ้านยังคงอยู่ในระดับที่จับต้องได้ ทำให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่มีราคาย่อมเยาและไม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินที่หนักเกินไป

ระดับราคาที่อยู่อาศัยที่ชาวไทยสนใจซื้อมากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่
•    อันดับ 1 ระดับราคา 1,000,000 – 2,000,000 บาท 
•    อันดับ 2 ระดับราคา 500,000 – 1,500,000 บาท 
•    อันดับ 3 ระดับราคา 500,000 – 2,000,000 บาท
 

สำหรับการ “เช่า” พบว่า  4 ใน 5 ของผู้เช่ามองหาที่อยู่อาศัยตกแต่งพร้อมอยู่ และพร้อมจ่ายค่าเช่าไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องการลดภาระทางการเงินและความเสี่ยงจากการกู้ซื้อบ้านในช่วงที่ดอกเบี้ยกำลังปรับตัวสูงขึ้น ผู้เช่าจำนวนมากจึงหันมาเลือกเช่าที่อยู่อาศัยทำเลใกล้รถไฟฟ้าเพื่อสะดวกในการเดินทาง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่สำคัญไม่ต้องแบกรับภาระหนี้ระยะยาว

ระดับราคาที่อยู่อาศัยที่ชาวไทยสนใจเช่ามากที่สุดในรอบปี 2567 ได้แก่
•    อันดับ 1 ระดับค่าเช่า 8,000 – 15,000 บาท/เดือน
•    อันดับ 2 ระดับค่าเช่า 10,000 – 15,000 บาท/เดือน 
•    อันดับ 3 ระดับค่าเช่า 6,000 – 8,000 บาท/เดือน

การเลือกเช่าที่อยู่อาศัยในช่วงราคา 8,000-15,000 บาทต่อเดือน จึงเป็น “ตัวเลือก” ที่เหมาะสมในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งยังให้ความสะดวกในการย้ายที่อยู่อาศัยหากมีความจำเป็น โดยเฉพาะกรณีที่ต้องการเปลี่ยนทำเลหรือสถานที่ทำงานที่ใกล้ขึ้น นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอยู่อาศัยของคนไทยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองใหญ่เสมอไป แต่เลือกทำเลที่สะดวกในการเดินทางและราคาเอื้อมถึง

ทั้งตลาดซื้อและเช่า สะท้อนตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคไม่เพียงเลือกจากความชอบส่วนตัว แต่ยังคำนึงถึงสถานะทางการเงิน ความสะดวกในการใช้ชีวิต และ “ลดความเสี่ยง” ในระยะยาว จากการเลือกซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาในทำเลที่เข้าถึงง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชน ข้อได้เปรียบนี้ตอบโจทย์กลุ่มเรียลดีมานด์และบ่งชี้ทิศทางการลงทุนของอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ศุภาลัย ลุยเปิดโครงการมิกซ์โปรดักส์“ป่าคลอก”หนึ่งในทำเลทองภูเก็ต

“ศุภาลัย” เดินหน้าเปิดโครงการมิกซ์โปรดักส์ ภายใต้โครงการ “ศุภาลัย ไพร์ด อนุสาวรีย์ฯ-ป่าคลอก”ภูเก็ตรองรองดีมานด์ของตลาดบ้านขยายตัวและตอบโจทย์ครอบครัวรุ่นใหม่

การก้าวเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตของ ศุภาลัย ถือเป็นการตอบสนองอย่างตรงจุดต่อดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นของตลาดบ้านแนวราบในภูเก็ต โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ที่มองหาที่อยู่อาศัยที่ให้ความสะดวกสบายและใกล้ชิดธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็สามารถเดินทางได้สะดวก

โครงการใหม่ล่าสุดของศุภาลัยในภูเก็ต “ศุภาลัย ไพร์ด อนุสาวรีย์ฯ-ป่าคลอก” มูลค่า 2,253 ล้านบาท ถือเป็นการขยายการลงทุนในทำเลที่มีศักยภาพสูง และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำเล “ป่าคลอก” ถือเป็นทำเลที่น่าสนใจเนื่องจากตั้งอยู่ระหว่างสนามบินภูเก็ตและตัวเมืองภูเก็ต ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยสามารถเดินทางไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปสนามบิน หรือการไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ในภูเก็ต ทำเลแห่งนี้จึงไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย แต่ยังเป็นทำเลที่เหมาะแก่การลงทุนในระยะยาว

โดยศุภาลัย ได้เลือกใช้กลยุทธ์ “มิกซ์โปรดักส์” ที่นำเสนอหลากหลายรูปแบบบ้านในโครงการเดียว ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นในสไตล์ทรอปิคอลโมเดิร์น บ้านเดี่ยวชั้นเดียว หรือแม้แต่บ้านแฝดและทาวน์โฮม ซึ่งตอบโจทย์ทั้งผู้ที่ต้องการบ้านที่มีฟังก์ชันครบครันและพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง และผู้ที่มองหาบ้านในสไตล์รีสอร์ทที่เหมาะกับการผ่อนคลาย โดยทุกแบบบ้านได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มีพื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่าและรองรับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย

อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการคือการผสมผสานเทคโนโลยีทันสมัย เช่น Solar Rooftop ที่ช่วยประหยัดพลังงาน และ ระบบ Home Automation ที่ทำให้การอยู่อาศัยสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งการเตรียมพื้นที่รองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการยกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มความยั่งยืนให้กับโครงการ

นอกจากนี้ โครงการยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความบันเทิงและการออกกำลังกาย เช่น สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, และสนามเด็กเล่น รวมไปถึงระบบความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยกล้อง CCTV และระบบอ่านป้ายทะเบียนรถ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในทุกการเคลื่อนไหวที่สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านฟังก์ชันการใช้งานและความต้องการของตลาดได้ครอบคลุมทุกมิติ ล่าสุดจัดงาน Grand Opening ระหว่างวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ 

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 24ม.ค. “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 33.99 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจแกว่งตัวในลักษณะ Sideways เสี่ยงผันผวนสูงขึ้นในช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุม BOJ วันนี้ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนเริ่มปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์และเงินเยน

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้24ม.ค.2568 ที่ระดับ  33.99 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้น

หรืออย่างน้อยก็อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways เมื่อประเมินตามกลยุทธ์ Trend Following ตราบใดที่เงินบาทไม่ได้กลับมาอ่อนค่าลงชัดเจน เหนือโซน 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์

ส่วนในช่วงระหว่างวันนี้ เรามองว่า เงินบาทก็อาจแกว่งตัวในลักษณะ Sideways ในช่วงก่อนตลาดรับรู้ผลการประชุม BOJ และถ้อยแถลงของผู้ว่าฯ BOJ โดยเงินบาทเสี่ยงผันผวนสูงขึ้น ในช่วงตลาดทยอยรับรู้ผลการประชุม BOJ

โดยเรามองว่า หากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด หรือ ขึ้นดอกเบี้ย แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า พร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ ก็อาจกดดันให้เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) กลับมาอ่อนค่าลงทดสอบโซน 158 เยนต่อดอลลาร์ ได้อีกครั้ง และในกรณี ดังกล่าว สัญญาณจากกลยุทธ์ Trend-Following จะสะท้อนว่า เงินเยนญี่ปุ่นเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้

ทว่า หาก BOJ ขึ้นดอกเบี้ยตามคาด อีกทั้งยังส่งสัญญาณชัดเจน พร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ ก็อาจช่วยหนุนเงินเยนญี่ปุ่น ได้ ซึ่งต้องจับตาว่า

เงินเยนญี่ปุ่นจะสามารถแข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 155 เยนต่อดอลลาร์ แถวเส้นค่าเฉลี่ย EMA-50 วัน ได้หรือไม่ เพราะการแข็งค่าดังกล่าว อาจเปิดโอกาสให้เงินเยนญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นต่อ ทดสอบโซนแนวรับ EMA-200 วัน หรือแถว 152-153 เยนต่อดอลลาร์

การเคลื่อนไหวผันผวนของเงินเยนญี่ปุ่นดังกล่าว ก็จะส่งผลกระทบต่อทิศทางของเงินดอลลาร์ รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมเงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) ซึ่งจะส่งผลต่อเงินบาทได้เช่นกัน

นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก

โดยเฉพาะในส่วนของดัชนี PMI ฝั่งสหรัฐฯ ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 21.45 น. ตามเวลาประเทศไทย เนื่องจากรายงานดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.80-34.15 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.92-34.06 บาทต่อดอลลาร์)

โดยเงินบาทมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้โซน 33.90 บาทต่อดอลลาร์ ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเรียกร้องให้บรรดาธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในการกล่าวสุนทรพจน์ในงาน World Economic Forum

 ซึ่งแม้อาจจะไม่ได้มีการกล่าวถึงเฟดโดยตรง แต่ก็อาจสะท้อนว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงต้องการให้เฟดเดินหน้าลดดอกเบี้ย เหมือนที่เคยกดดันเฟดในช่วงรัฐบาล Trump 1.0

โดยสุนทรพจน์ดังกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ที่ออกมาแย่กว่าคาด ได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ เป็น 62%

นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าตามการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ตามจังหวะการปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงไม่สามารถแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลุดโซน 33.90 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอทยอยเพิ่มสถานะ Long USD ในจังหวะเงินดอลลาร์ย่อตัวลง เพื่อรับมือความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0

อีกทั้งผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็เริ่มปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์และเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก่อนรับรู้ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้ด้วยเช่นกัน ส่งผลให้เงินเยนญี่ปุ่นพลิกกลับมาอ่อนค่าลงเหนือโซน 156 เยนต่อดอลลาร์ อีกครั้ง 

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง หนุนโดยสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้บรรดาธนาคารกลางเดินหน้าลดดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังได้ย้ำว่าสหรัฐฯ มีความต้องการใช้พลังงานที่สูงขึ้นอย่างมาก เพื่อรองรับการเติบโตของ AI ทำให้บรรดาหุ้นกลุ่มผู้ผลิตพลังงานต่างปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.53%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.44% หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความต้องการให้บรรดาธนาคารกลางเดินหน้าลดดอกเบี้ย ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวฝั่งยุโรปก็ปรับตัวลงบ้าง ตามบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ส่งผลดีต่อบรรดาหุ้นสไตล์ Growth

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มการเงิน ท่ามกลางความหวังว่า ผลประกอบการของกลุ่มการเงินจะออกมาสดใส ทว่าการปรับตัวลงของหุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง ASML -4.4% หลังบรรดานักวิเคราะห์ทยอยปรับลดเป้าราคาของ ASML ลง ได้จำกัดการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรป

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์นั้น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แม้จะมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความต้องการให้บรรดาธนาคารกลางเดินหน้าลดดอกเบี้ย ทว่าบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ได้จำกัดการปรับตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้โดยรวมบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ แกว่งตัวแถวระดับ 4.64%

อนึ่ง เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนสูง ขึ้นกับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งต้องติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

และการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 20 อย่างใกล้ชิด ทำให้เราคงคำแนะนำเดิมว่า ผู้เล่นในตลาดก็สามารถทยอยซื้อบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นได้ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip และไม่ไล่ราคาซื้อ เพื่อ Risk-Reward ที่น่าสนใจ)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ในลักษณะ Sideways Down หลังสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้บรรดาธนาคารกลางลดดอกเบี้ย และรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเพิ่มโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้

ทั้งนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนบ้าง ตามแรงซื้อ Buy on Dip ของผู้เล่นในตลาดบางส่วน และการปรับสถานะถือครองเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก่อนรับรู้ผลการประชุม BOJ ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ย่อตัวลงสู่โซน 108.1 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 107.9-108.4 จุด)

 ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะการปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้หนุนให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2025) ทยอยรีบาวด์ขึ้น สู่โซน 2,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง ทว่า การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดและบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่า BOJ มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมกราคมนี้ 25bps สู่ระดับ 0.50%

(เรามองว่า BOJ อาจคงดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% แต่ส่งสัญญาณชัดเจน พร้อมปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า BOJ อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างน้อย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (S&P Manufacturing & Services PMIs) ในเดือนมกราคม ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้จากข้อมูลฝั่งญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ

และนอกเหนือจากผลการประชุม BOJ รวมถึงรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 อย่างใกล้ชิด พร้อมรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.93-33.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.45 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.02 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทแข็งค่ากลับมาเคลื่อนไหวในฝั่งที่แข็งกว่ากว่าแนว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องตามทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ มีความเห็นในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม World Economic Forum (WEF) ให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ (เพิ่มขึ้น 6,000 ราย ไปที่ 223,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดคาดที่ 219,000 ราย)

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.80-34.05 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามจะยังอยู่ที่สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายการค้าจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ

ผลการประชุม BOJ สถานการณ์เงินทุนต่างชาติ ทิศทางค่าเงินหยวน ตัวเลขดัชนี PMI ขั้นต้นเดือนม.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ และสหรัฐฯ รวมถึงตัวเลข ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. ของสหรัฐฯ
 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


สุดปัง! “มิ้งค์ สระบุรี” พลิกนรกเฉือนสาวจีน ผงาดแชมป์สนุกเกอร์อาชีพโลกหญิง

“มิ้งค์ สระบุรี” นักสอยคิวหญิงมือ 1 ของโลกชาวไทย พลิกสถานการณ์จากตามหลัง 1-3 เฟรม กลับมาคว้าชัยเหนือแชมป์โลกหญิงคนล่าสุดอย่าง ไป่ ยู่ หลู มือ 4 ของโลกหญิงจากจีนไปอย่างระทึก 4-3 เฟรม คว้าแชมป์ไปครอง

 การแข่งขันสนุกเกอร์อาชีพโลกหญิงของเวิลด์วีเมนสนุกเกอร์ (WWS) รายการดับเบิลยูเอสเอฟวีเมนสนุกเกอร์แชมเปี้ยนชิพ 2025 ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก ที่ราดิสสันบลูรีสอร์ท เมืองไซเดีย ประเทศโมร็อกโก ระหว่างวันที่ 18-23 ม.ค. 68  โดยเมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 ม.ค. 2568 เป็นการแข่งขันวันสุดท้าย และเป็นการดวลคิวในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง “มิ้งค์ สระบุรี” ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย จอมคิวสาวไทย ดีกรีอันดับ 1 ของโลกหญิง และอดีตแชมป์โลกหญิงเมื่อปี 2022 พบกับ ไป่ ยู่ หลู มือ 4 ของโลกหญิงจากจีน ดีกรีแชมป์โลกหญิงคนล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว

 การพบกันในครั้งนี้ นับว่าเป็นการเจอกันที่ถูกที่ถูกเวลา เนื่องจากต่างฝ่ายต่างกำลังอยู่ในช่วงท็อปฟอร์มด้วยกันทั้งคู่  ออกสตาร์ทขึ้นมา ไป่ เป็นฝ่ายออกคิวได้ไหลลื่นกว่า จนขึ้นนำไปก่อน 2-0 เฟรม แม้เฟรมที่ 3 มิ้งค์ จะไล่มาเป็น 1-2 แต่ในเฟรมที่ 4 จอมคิวสาวจากแดนมังกรสามารถเอาชนะไปได้อีก จนขึ้นแท่นนำถึง 3-1 เฟรม ต้องการอีกเฟรมเดียวก็จะคว้าแชมป์

หลังจากนั้น ณัชชารัตน์ ที่สถานการณ์หลังพิงฝา เปลี่ยนวิธีการแทง โดยเน้นรัดกุมมากขึ้น ก่อนจะได้ผล เมื่อค่อยๆชนะมาทีละเฟรม จนไล่มาตีเสมอ 3-3 เฟรมเท่ากันอย่างเหลือเชื่อ ต้องไปชี้ชะตาวัดแชมป์กันในเฟรมที่ 7 ซึ่งเป็นเฟรมตัดสิน

  เฟรมที่ 7 ต่างฝ่ายต่างแทงกันแบบระมัดระวัง แต่ท้ายที่สุดเป็น ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย ที่แทงได้นิ่งกว่า ก่อนจะพลิกสถานการณ์เอาชนะไปในที่สุด 4-3 เฟรม (30-96,43-75, 54-12, 24-88, 98-4, 69-35 และ 57-32) คว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ คว้าเงินรางวัล 3,500 ปอนด์(ราวๆ 147,000 บาท) ด้าน ไป่ ยู่ หลู คว้ารองแชมป์ รับเงิน 1,800 ปอนด์(ประมาณ 76,000 บาท)เป็นรางวัลปลอบใจ

 สำหรับสนุกเกอร์อาชีพโลกหญิงทัวร์นาเมนต์ต่อไปของเวิลด์วีเวนส์สนุกเกอร์ (WWS)คือรายการเบลเจียนวีเมนโอเพ่น ระหว่างวันที่ 7-9 ก.พ. 2568 ที่เมืองบรูจส์ ประเทศเบลเยียม

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


“เบาหวานเปียก” กับ “เบาหวานแห้ง” คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร

โรคเบาหวานมีหลายประเภท ซึ่งสามารถจำแนกได้จากสาเหตุและอาการที่ปรากฏ การแบ่งโรคเบาหวานออกเป็น “เบาหวานแห้ง” และ “เบาหวานเปียก” นั้นเป็นการจำแนกตามลักษณะของแผลที่เกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้ว จะนิยามโรคทั้งสองชนิดได้ดังนี้

เบาหวานเปียก และเบาหวานแห้ง คืออะไร

เบาหวานเปียกคืออะไร

เบาหวานเปียก คือโรคเบาหวานชนิดเรื้อรังที่สร้างความกังวลมากกว่าเบาหวานชนิดอื่น เนื่องจากผู้ป่วยมักมีบาดแผลเรื้อรังที่ไม่ยอมสมาน แผลเหล่านี้ดูเปียกชื้นและมีแนวโน้มที่จะลุกลามใหญ่ขึ้น ทำให้การรักษาเป็นไปอย่างยากลำบาก

เบาหวานแห้งคืออะไร

เบาหวานแห้ง คือ โรคเบาหวานชนิดหนึ่งที่เป็นเรื้อรัง โดยลักษณะเด่นคือ แผลที่เกิดขึ้นมักจะแห้งได้เอง แต่ความจริงแล้ว เบาหวานแห้งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงของโรคเบาหวาน โดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นโรคที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินได้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคสไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีดูแลตัวเองของผู้ป่วยเบาหวานเปียก เบาหวานแห้ง

แนวทางการดูแลผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผล

  1. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการรับประทานยาหรือฉีดอินซูลิน
  2. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม:
    • การรับประทานอาหาร: เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และน้ำตาล
    • การออกกำลังกาย: ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
    • การพักผ่อน: พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
  3. ดูแลแผล:
    • รักษาความสะอาด: ทำความสะอาดแผลอย่างสม่ำเสมอ
    • ทำให้แผลแห้ง: ป้องกันไม่ให้แผลเปียกชื้น
    • ป้องกันการเกิดแผลซ้ำ: ระวังไม่ให้เกิดบาดแผลใหม่
  4. พบแพทย์เป็นประจำ:
    • ตรวจสุขภาพ: ตรวจสุขภาพตามนัดหมายเพื่อติดตามภาวะแทรกซ้อน
    • ปรึกษาปัญหา: หากมีอาการผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์
    • ปรับยา: ปรับปริมาณยาหรืออินซูลินให้เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์
  5. สังเกตอาการตนเอง:
    • บันทึกอาการ: จดบันทึกอาการที่เกิดขึ้น เช่น ขนาดของแผล การเปลี่ยนแปลงของแผล
    • ปรึกษาแพทย์: หากพบความผิดปกติให้รีบปรึกษาแพทย์

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


เปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ ปลอดภัยจริง หรือ เป็นคำเชื่อผิดๆ

หลายคนคงเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่า “ควรเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ” เช่น ทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน เพื่อป้องกันการถูกแฮ็ก แต่รู้หรือไม่ว่า ความเชื่อนี้กำลังจะกลายเป็นอดีตไปแล้ว!

ปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์หลายท่าน รวมถึง NIST (สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา) ได้ออกมาบอกว่า การเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ อาจไม่ได้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยอย่างที่คิด และอาจทำให้ความปลอดภัยลดลงด้วยซ้ำ

สาเหตุที่ไม่ควรเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ

  • สมองคนเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้จำรหัสผ่านจำนวนมาก: ยิ่งต้องเปลี่ยนบ่อยๆ คนเรามักจะเลือกใช้รหัสผ่านที่ง่ายต่อการจดจำ เช่น ใช้คำศัพท์ง่ายๆ หรือเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจากรหัสผ่านเดิม ซึ่งทำให้แฮ็กเกอร์เดาได้ไม่ยาก
  • เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์: แทนที่จะใช้เวลาไปกับการทำงานหรือกิจกรรมอื่นๆ กลับต้องมาคอยเปลี่ยนรหัสผ่านอยู่เป็นประจำ

แล้วเราควรเปลี่ยนรหัสผ่านเมื่อไหร่?

  • เมื่อคิดว่ารหัสผ่านอาจรั่วไหล: เช่น เว็บไซต์ที่คุณใช้บริการถูกแฮ็ก หรือคุณเผลอไปกรอกรหัสผ่านในเว็บไซต์ปลอม
  • เมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นกับบัญชี: เช่น มีการเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์หรือสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในบัญชีโดยที่คุณไม่ได้เป็นคนทำ
  • NIST แนะนำว่า ไม่จำเป็นต้องกำหนดระยะเวลาตายตัวในการเปลี่ยนรหัสผ่าน แต่ควรเปลี่ยนเมื่อมีความเสี่ยง หรือเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น

เคล็ดลับสร้างรหัสผ่านให้ปลอดภัย

นอกจากเรื่องที่เราควรรู้ว่าจะต้องเปลี่ยน Password เมื่อไหร่ เราก็ควรจะต้องรู้ว่า การตั้งรหัสผ่านต้องมีเคล็ตลับอะไรบ้าง โดยเรามีคำตอบดังนี้

  • ใช้รหัสผ่านที่ยาวและซับซ้อน: ผสมผสานตัวอักษรพิมพ์ใหญ่-เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษ ยิ่งยาวและซับซ้อนยิ่งเดายาก
  • ใช้รหัสผ่านที่แตกต่างกันในแต่ละบัญชี: อย่าใช้รหัสผ่านเดียวกันกับทุกบัญชี เพื่อป้องกันไม่ให้แฮ็กเกอร์เข้าถึงบัญชีอื่นๆ หากบัญชีใดบัญชีหนึ่งถูกแฮ็ก
  • เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น (2FA): เพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ ด้วยการใช้รหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (OTP) หรือการยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน

โดยสรุปแล้ว การเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ อาจไม่ใช่คำตอบของการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์อีกต่อไป สิ่งสำคัญคือ การสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง ใช้รหัสผ่านที่แตกต่างกันในแต่ละบัญชี และเปิดใช้งาน 2FA เพื่อป้องกันบัญชีของคุณจากการถูกแฮ็ก จำไว้ว่า “คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ” เสมอ!

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


รู้จัก Verb ให้มากขึ้น กริยาในภาษาอังกฤษมีกี่ประเภท นำไปใช้ให้เป๊ะ ดูโปรขึ้น

การเรียนรู้เกี่ยวกับ การใช้ Verb หรือ “กริยา” เป็นสิ่งสำคัญในภาษาอังกฤษ เนื่องจากกริยาคือส่วนสำคัญที่ช่วยให้เราสื่อสารและสร้างประโยคที่สมบูรณ์ได้ กริยาในภาษาอังกฤษมีบทบาทในการแสดงการกระทำ, สถานะ, หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประโยค ซึ่งกริยาจะช่วยบ่งบอกว่าอะไรเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นอย่างไร ในภาษาอังกฤษ กริยาสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ซึ่งสามารถนำไปใช้ให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ได้ โดยแต่ละประเภทจะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไป เช่น การใช้ในรูปแบบที่แสดงการกระทำ, การแสดงสถานะ, หรือแม้แต่การแสดงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ การทำความเข้าใจในประเภทต่างๆ ของกริยาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อช่วยให้การใช้ภาษาอังกฤษเป็นไปอย่างถูกต้องและชัดเจน เรามาดูกันว่า กริยาในภาษาอังกฤษมีประเภทหลักๆ อะไรบ้าง และจะนำไปใช้ให้ถูกต้องได้อย่างไร พร้อมแสดงตัวอย่าง

Verb หรือ กริยาคืออะไร ทำไมถึงต้องใช้ให้ถูกต้อง

Verb หรือ กริยา คือ คำที่แสดงการกระทำ (action), สถานะ (state), หรือเหตุการณ์ (event) ในประโยค เช่น “run” (วิ่ง), “eat” (กิน), “is” (เป็น/อยู่), หรือ “seem” (ดูเหมือน) กริยามีบทบาทสำคัญในการบอกว่าอะไรเกิดขึ้น หรือใครทำอะไรในประโยคนั้นๆ กริยาจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของประโยค เพราะช่วยให้การสื่อสารมีความหมายที่ชัดเจนและสมบูรณ์ เหตุผลที่ต้องใช้ให้ถูกต้อง ได้แก่ 1) การสื่อสารที่ชัดเจน: การเลือกใช้กริยาให้ถูกต้องทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อได้ง่ายขึ้น ถ้าใช้กริยาไม่เหมาะสมหรือผิดรูปแบบ อาจทำให้เกิดความสับสนหรือไม่เข้าใจข้อความที่ต้องการจะสื่อ 2) การสร้างประโยคที่สมบูรณ์: กริยาเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการสร้างประโยคที่สมบูรณ์ หากไม่มีการใช้กริยาที่ถูกต้อง ประโยคนั้นจะไม่สามารถสื่อความหมายได้ครบถ้วน เช่น “I (verb) the book.” ถ้าไม่ใช้กริยาในที่นี้ ก็จะทำให้ประโยคขาดความหมาย 3) การใช้รูปแบบต่างๆ ของกริยา: กริยามีหลายรูปแบบ เช่น กริยารูปปัจจุบัน (Present), อดีต (Past), และ อนาคต (Future) รวมถึงการใช้รูปแบบต่างๆ เช่น กริยาแท้ (Main Verb), กริยาช่วย (Auxiliary Verb) ซึ่งการใช้รูปแบบที่ถูกต้องตามบริบทจะช่วยให้ประโยคมีความหมายถูกต้องและเหมาะสม 4) การใช้กริยาในลักษณะต่างๆ: บางครั้งกริยาอาจมีหลายความหมายและใช้ในบริบทที่ต่างกัน การเลือกใช้กริยาในบริบทที่ถูกต้อง เช่น กริยาที่แสดงการกระทำหรือสถานะ (เช่น “She is happy” หรือ “She runs every day”) จะทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

Verb มีกี่ประเภท

Verb หรือ กริยา ในภาษาอังกฤษสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ตามลักษณะการใช้งานและการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบต่างๆ ซึ่งแบ่งได้หลักๆ ดังนี้

  1. Finite and Non-finite Verbs: กริยาแท้ และกริยาไม่แท้ 1) Finite Verbs (กริยาแท้)
    กริยาที่มีการผันตามประธานและแสดงเวลา (Tense) เช่น ปัจจุบัน อดีต หรืออนาคต กริยาเหล่านี้จะเปลี่ยนรูปตามประธานและสามารถใช้เป็นกริยาหลักในประโยคได้ 2) Non-finite Verbs (กริยาไม่แท้)
    กริยาที่ไม่ผันตามประธานและไม่แสดงเวลา กริยาไม่แท้มักใช้ร่วมกับกริยาอื่นในประโยค โดยทั่วไปจะเป็น infinitives (รูปกริยาพื้นฐาน), gerunds (กริยาที่เป็นคำนาม), หรือ past participles (รูปกริยาช่วย)
  2. Action Verb: คำกริยาแสดงอาการ กริยาที่แสดงการกระทำ หรือการดำเนินการบางอย่างในประโยค Action verbs สามารถแบ่งออกเป็น Transitive Verbs (กริยาที่ต้องการกรรม) และ Intransitive Verbs (กริยาที่ไม่ต้องการกรรม)
  3. Linking Verb: กริยาเชื่อม กริยาที่ใช้เชื่อมประธานกับคำคุณศัพท์ (Adjective) หรือคำนาม (Noun) เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน กริยาเชื่อมมักแสดงสถานะหรือคุณลักษณะของประธาน กริยาเชื่อมที่พบบ่อย ได้แก่ be (am, is, are, was, were), seemappearbecomefeeltastelooksound เป็นต้น
  4. Auxiliary Verb: คำกริยาช่วย กริยาช่วยคือกริยาที่ใช้ร่วมกับกริยาแท้เพื่อสร้างรูปประโยคในรูปแบบต่างๆ เช่น การสร้างประโยคคำถามหรือประโยคปฏิเสธ
  5. Modal Verb: คำกริยาช่วย กริยาช่วยประเภทนี้ใช้เพื่อแสดงความสามารถ, ความจำเป็น,
    การอนุญาต, หรือคำแนะนำในประโยค Modal verbs จะไม่เปลี่ยนรูปตามประธานและมักจะตามด้วยกริยาในรูปพื้นฐาน กริยาช่วยประเภทนี้ ได้แก่ can, could, will, would, may, might, must, shall, should, ought to เป็นต้น

วิธีการนำไปใช้ให้ถูกต้องและตัวอย่างประโยค

การใช้ Verb (กริยา) ในภาษาอังกฤษให้ถูกต้องนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างชัดเจนและไม่สับสน ซึ่งการใช้กริยาที่ถูกต้องจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การผันกริยาตามประธาน, การใช้รูปกริยาในแต่ละสถานการณ์, และการเลือกประเภทของกริยาที่เหมาะสมในประโยค

  1. Finite and Non-finite Verbs: กริยาแท้ และกริยาไม่แท้
  • Finite Verbs (กริยาแท้): กริยาที่ผันตามประธานและเวลาของประโยค เช่น presentpast หรือ future tense.
  • ตัวอย่างประโยค:
    • She plays tennis. (เล่น = กริยาแท้ในรูปปัจจุบัน)
    • They worked hard yesterday. (ทำงาน = กริยาแท้ในรูปอดีต)
  • Non-finite Verbs (กริยาไม่แท้): กริยาที่ไม่มีการผันตามประธานหรือเวลา โดยใช้ในรูป infinitivegerund, หรือ participle.
  • ตัวอย่างประโยค:
    • She loves to swim. (to swim = infinitive)
    • He enjoys reading books. (reading = gerund)
    • The man walking in the park is my friend. (walking = present participle)
  1. Action Verb: คำกริยาแสดงอาการ
  • Action Verbs คือกริยาที่แสดงการกระทำหรืออาการบางอย่าง เช่น run, eat, write, sing.
  • ตัวอย่างประโยค:
    • She runs every morning. (วิ่ง)
    • They eat dinner at 7 PM. (กิน)
    • He is writing a letter. (เขียน)
    • The children are playing outside. (เล่น)
  1. Linking Verb: กริยาเชื่อม
  • Linking Verbs คือกริยาที่ใช้เชื่อมประธานกับคำที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน เช่น am, is, are, was, were, seem, become.
  • ตัวอย่างประโยค:
    • The cake is delicious. (is = เชื่อมประธาน “cake” กับ “delicious”)
    • He seems tired. (seems = เชื่อมประธาน “he” กับ “tired”)
    • The sky was clear. (was = เชื่อมประธาน “sky” กับ “clear”)
  1. Auxiliary Verb: คำกริยาช่วย
  • Auxiliary Verbs คือกริยาที่ช่วยในการสร้าง tense (เวลา), voice (รูปแบบการกระทำ) หรือ mood (อารมณ์) ของประโยค เช่น be, have, do.
  • ตัวอย่างประโยค:
    • She is reading a book. (is = กริยาช่วยในรูป continuous tense)
    • They have finished their homework. (have = กริยาช่วยในรูป perfect tense)
    • I do not understand. (do = กริยาช่วยในประโยคปฏิเสธ)
  1. Modal Verb: คำกริยาช่วย
  • Modal Verbs คือกริยาที่แสดงความสามารถ, การอนุญาต, การขออนุญาต, การบังคับ หรือความคาดหวัง เช่น can, could, may, might, must, should, will, would.
  • ตัวอย่างประโยค:
    • She can swim very fast. (can = ความสามารถ)
    • You must finish your homework. (must = คำบังคับ)
    • I should study for the test. (should = คำแนะนำ)
    • It may rain tomorrow. (may = ความเป็นไปได้)
    • Would you like some coffee? (would = การเสนอ)

           การใช้ให้ถูกต้อง

  1. Finite Verbs: ใช้กริยาแท้ที่ผันตามประธานและเวลาในประโยคที่มีการเปลี่ยนแปลงตาม tense เช่น She plays, They worked.
  2. Non-finite Verbs: ใช้กริยาไม่แท้ในรูป infinitive, gerund, หรือ participle เมื่อไม่ต้องการผันกริยาตามประธาน เช่น She wants to leave, I enjoy swimming, The man walking is my brother.
  3. Action Verbs: ใช้กับประโยคที่แสดงการกระทำหรืออาการที่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ เช่น He eats dinner, They run every morning.
  4. Linking Verbs: ใช้เชื่อมประธานกับคำที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประธาน เช่น She is happy, The weather seems nice today.
  5. Auxiliary Verbs: ใช้กับประโยคที่ต้องการสร้าง tense, voice หรือ mood เช่น They are playing, She has finished her work, I do not know.
  6. Modal Verbs: ใช้เพื่อแสดงความสามารถ, การอนุญาต, ความคาดหวัง หรือคำแนะนำ เช่น You should study, She can dance, We must leave now.

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


5 ผักออกซาเลตต่ำ กินแล้วดี ลดเกิดนิ่วในไต เพิ่มการดูดซึมแคลเซียม

ผู้ให้บริการด้านสุขภาพมักแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีออกซาเลตต่ำ เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยหลายชนิด โดยเฉพาะนิ่วในไต อย่างไรก็ตามผลการวิจัยล่าสุดตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการรับประทานอาหารที่มีออกซาเลตต่ำเพื่อป้องกันนิ่วในไตและโรคอื่นๆ บทความนี้จะเจาะลึกไปยังอาหารที่มีออกซาเลตต่ำ รวมถึงหลักการทำงาน วิธีการปฏิบัติตาม และประโยชน์ในการป้องกันนิ่วในไต

ออกซาเลตคืออะไร

ออกซาเลตเกิดขึ้นจากการย่อยอาหารบางประเภท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากพืช เพื่อลดการเกิดนิ่วแคลเซียมออกซาเลต ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพียงพอและจำกัดปริมาณออกซาเลต เมื่อมีแคลเซียมจากอาหารเพียงพอ แคลเซียมจะจับกับออกซาเลต ทำให้ดูดซึมได้น้อยลง การเพิ่มขึ้นของออกซาเลตในปัสสาวะจากการดูดซึมที่เพิ่มขึ้นอาจกระตุ้นให้เกิดนิ่วได้

ผักออกซาเลตต่ำมีอะไรบ้าง

  • ตำลึง
  • กวางตุ้ง
  • คะน้า
  • ถั่วพลู
  • ใบบัวบก

ผักออกซาเลตสูงมีอะไรบ้าง

  • งา
  • ป่วยเล้ง
  • ผักโขม
  • ถั่วลิสง
  • หน่อไม้
  • ผักชีฝรั่ง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 24/01/2568

ชนิดความบริสุทธิ์ของทองราคาขาย/บาทราคารับซื้อ/บาทราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5%44,350.0044,250.00n/a
ทองรูปพรรณ 96.5%44,850.0043,448.562,866.00
ทองรูปพรรณ 99.99%n/a45,025.202,970.00
ทองรูปพรรณ 90%n/a39,103.702,579.40
ทองรูปพรรณ 80%n/a34,758.852,292.80
ทองรูปพรรณ 50%n/a19,556.401,290.00
ทองรูปพรรณ 40%n/a15,205.481,003.00

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/01/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9535.7535.7536.2535.7535.7535.7535.7535.7535.7535.75
แก๊สโซฮอล์ 9135.3835.3835.8835.3835.3835.3835.3835.3835.3835.38
แก๊สโซฮอล์ E2033.5433.5434.0433.5433.5433.5433.5433.5433.54
แก๊สโซฮอล์ E8532.5932.5932.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม44.3449.8449.8449.8444.34
เบนซิน 9544.0449.8144.5444.1944.04
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า