เมกะเทรนด์อสังหาฯ Longevity Economy เปิดโจทย์ดีมานด์บ้านวัยเกษียณ

Longevity Economy” กลายเป็นแรงขับเคลื่อนใหม่ของตลาดอสังหาฯ เมื่อไทยก้าวสู่สังคมสูงวัย DDproperty ชี้ผู้บริโภคเน้นคุณภาพชีวิต สุขภาพ และความปลอดภัยเป็นหัวใจหลัก
ประเทศไทยกำลังเผชิญการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างประชากรครั้งสำคัญ หลังจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ โดยข้อมูลจากการสำรวจประชากรสูงอายุปี 2567 ระบุว่า ประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปมีสัดส่วนมากกว่า 20% ของทั้งประเทศ และมีแนวโน้มก้าวสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอดภายในทศวรรษหน้า
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่เพียงกระทบเชิงสังคม แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อทิศทางเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ผ่านการขยายตัวของ “Longevity Economy” ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกำลังซื้อของกลุ่มประชากรที่มีอายุยืนยาวและต้องการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ข้อมูลการศึกษาด้านเศรษฐกิจสูงวัยสะท้อนว่า มูลค่าการใช้จ่ายของกลุ่มผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และกลายเป็นตลาดที่ไม่อาจมองข้าม
DDproperty แพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย ระบุว่า ผู้บริโภคยุคใหม่เริ่มมองการวางแผนชีวิตหลังเกษียณเป็นเรื่องใกล้ตัว โดยเกือบ 9 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสำรวจยอมรับว่าเริ่มคิดถึงอนาคตหลังเกษียณแล้ว เป้าหมายหลักไม่ใช่เพียงการมีที่อยู่อาศัย แต่คือการมีเงินออมดูแลสุขภาพ อิสรภาพทางการเงิน และการใช้ชีวิตอย่างปลอดหนี้
ในด้านทำเล กรุงเทพฯ ยังคงเป็นเมืองอันดับต้น ๆ ที่ผู้บริโภคเลือกเป็นพื้นที่ใช้ชีวิตหลังเกษียณ จากความพร้อมด้านสาธารณูปโภค ระบบขนส่ง และสถานพยาบาล ขณะที่หัวเมืองใหญ่และจังหวัดท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ชลบุรี นนทบุรี และภูเก็ต เริ่มได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ด้านผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปรับกลยุทธ์รองรับดีมานด์ระยะยาว โดยหันมาออกแบบโครงการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยทุกช่วงวัย ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ Nursing Home และ Residential เพื่อการดูแลสุขภาพ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนการปรับตัวของตลาดให้สอดคล้องกับโครงสร้างประชากรใหม่
สำหรับแนวคิดการเลือกที่อยู่อาศัยในยุค Longevity Economy DDproperty มองว่า ไม่ได้จำกัดอยู่ที่รูปแบบบ้านหรือคอนโดมิเนียม แต่ต้องคำนึงถึงการออกแบบเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว ผ่าน Universal Design การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่รองรับสรีระ ทำเลใกล้สถานพยาบาล พื้นที่สีเขียวที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายใจ
รวมถึงการนำเทคโนโลยี Smart Home มาเสริมความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวัoนอกจากนี้ การออกแบบพื้นที่ที่เอื้อต่อกิจกรรมร่วมกันของครอบครัวยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญ เพื่อช่วยลดความโดดเดี่ยวของผู้สูงอายุและสร้างคุณภาพชีวิตที่สมดุลทั้งร่างกายและจิตใจ
โดยภาพรวม ตลาดที่อยู่อาศัยภายใต้บริบท Longevity Economy ไม่ได้เติบโตจาก “อายุที่ยืนยาวขึ้น” เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในระยะยาว ซึ่งกำลังกลายเป็นเมกะเทรนด์ที่กำหนดทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในอนาคตอย่างชัดเจน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กูรู อสังหาฯมองปัจจัยบวก กนง. ลดดอกเบี้ยนโยบายลงดีกว่าไม่มีตัวช่วย

- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจาก 1.50% เหลือ 1.25% เพื่อช่วยให้ภาวะการเงินผ่อนคลายขึ้น
- ผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มองว่าการลดดอกเบี้ยเป็นปัจจัยบวก ที่จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยให้กับประชาชนและผู้พัฒนาโครงการ
- แม้สถาบันการเงินจะยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ แต่มองว่ามาตรการดังกล่าวดีกว่าไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์เลย
จากกรณี คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเอกฉันท์ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.50% มาอยู่ที่ 1.25% เพื่อให้ภาวะการเงินผ่อนคลายภายใต้เศรษฐกิจที่จะชะลอลงชัดเจนและมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
อีกทั้ง ยังเป็นการบรรเทาภาระหนี้กลุ่มเปราะบางและเสริมประสิทธิผลของมาตรการทางการเงิน มองไปข้างหน้า กนง. พร้อมปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่อาจเปลี่ยนแปลง โดยคำนึงถึงเสถียรภาพระบบการเงินระยะยาว และ Policy space ที่มีจำกัด ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และภาวะการเงิน
SCB EIC มองว่าการสื่อสารของ กนง. ในครั้งนี้ต่างจากการสื่อสารในครั้งก่อน ๆ หลายประเด็น ได้แก่
1) กนง. มองเศรษฐกิจชะลอตัวลง “ชัดเจน” ในปีหน้า โดยเน้นสื่อสารปัจจัยลบ และความเสี่ยงเศรษฐกิจในระยะข้างหน้ามากกว่าการสื่อสารถึงตัวเลขเศรษฐกิจและการส่งออกที่ออกมาค่อนข้างดีในช่วงที่ผ่านมา และเปิดเผยมุมมองต่อเศรษฐกิจปี 2027 เพิ่มเติมด้วยว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นแต่จะยังขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพ ซึ่งเป็นการสื่อสารให้ภาพเศรษฐกิจไปข้างหน้าที่ค่อนข้างระมัดระวัง โดยประเมินว่าเศรษฐกิจปี 2027 จะขยายตัวได้เพียง 2.3%YOY
2) กนง. จะติดตามความเสี่ยงภาวะเงินฝืดอย่าง “ใกล้ชิด” โดยเริ่มสื่อสารถึงแรงกดดันด้านอุปสงค์ในประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการสื่อสารเพิ่มเติมจากการประชุมรอบก่อน ๆ ที่เน้นประเด็นว่าความเสี่ยงเงินฝืดมีน้อย โดยไม่ได้มีการกล่าวถึงปัจจัยด้านอุปสงค์มากนัก แต่ในรอบนี้เริ่มพูดถึงปัจจัยด้านอุปสงค์ที่มีบทบาทประคองเงินเฟ้อทั่วไปได้น้อยลง
3) กนง. กังวลบาทแข็งค่านำสกุลเงินภูมิภาค พร้อมพิจารณามาตรการลดแรงกดดันบาทแข็ง ซึ่งโดยปกติแล้ว กนง. มักไม่กล่าวถึงมาตรการดูแลเงินบาทใน Statement
โดยรวม Statement ในครั้งนี้ให้ท่าทีผ่อนคลาย (Dovish tone) มากกว่าการสื่อสารครั้งก่อน ๆ และให้น้ำหนักกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจ และการตึงตัวของภาวะการเงินชัดเจนมากขึ้น
มุมสะท้อนของ นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเปิดเผย”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า กรณีกนง.ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง เป็นปัจจัยบวกและแม้ว่าสถาบันการเงินจะเข้มงวดสินเชื่อแต่มองว่าจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยประชาชนและผู้ประกอบการลงได้บ้าง
เช่นเดียวกับนายประเสร็จ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทยมองว่ากนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายถือเป็นปัจจัยบวกของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งดีกว่าไม่มีมาตรการอะไรออกมา
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้24ธ.ค.“ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”ที่ระดับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจมีแรงกดดันจากราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น “เร็ว แรง” ในระยะสั้น จากความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หลังผู้เล่นในตลาดจะเลือกไล่ราคาซื้อทองคำ
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้24ธ.ค.2568 ที่ระดับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์“ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”
จากระดับปิดของวันที่ผ่านมา
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) จะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนถึง ตลอดช่วงไตรมาสแรกของปี 2026 หลังโมเมนตัมการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทนั้นยังมีกำลังอยู่
แม้ว่าในวันก่อนหน้านั้น ทางการไทยจะมีการแถลงข่าวพร้อมออกมาตรการเพื่อลดทอนผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท และพร้อมเข้าดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทผันผวนผิดปกติ ซึ่งเราประเมินว่า ตราบใดที่ราคาทองคำยังคงได้แรงหนุนและปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ก็อาจยังคงช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินบาทต่อได้
โดยเฉพาะหากแรงหนุนดังกล่าว มาจากจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ เว้นเสียแต่ว่า ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะปิดรับความเสี่ยงชัดเจน (ไม่ควรเป็นประเด็นมาจากฟองสบู่หุ้น AI ที่มักจะกดดันให้ เงินดอลลาร์ย่อตัวลง เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ อ่อนไหวกับประเด็นดังกล่าวสูง) ซึ่งอาจหนุนให้เงินดอลลาร์ทรงตัวหรือแข็งค่าขึ้น
ขณะเดียวกัน เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่า จากแรงขายหุ้นไทยจากบรรดานักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติมได้ ทำให้เงินบาทจะได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำไม่มากนัก
อนึ่ง หากราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น “เร็ว แรง” ในระยะสั้น ก็อาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ จากความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หลังผู้เล่นในตลาดจะเลือกไล่ราคาซื้อทองคำ หรือ Fear of Missing Out Buy (FOMO Buy)
จากการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะยังอยู่ในแนวโน้มการแข็งค่าขึ้น จนกว่าจะสามารถพลิกกลับมาอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 31.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน (เราจะปรับมุมมองต่อแนวโน้มเงินบาทใหม่ หากเงินบาทอ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 30 สัปดาห์ หรือโซน 32.30 บาทต่อดอลลาร์)
อย่างไรก็ตาม เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนในช่วงปลายปี เนื่องจากปริมาณการทำธุรกรรมที่เบาบางลง อาจทำให้ค่าเงินบาทเสี่ยงเผชิญ Two-Way Risk พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง หากมีโฟลว์ธุรกรรมด้านใดด้านหนึ่งที่มีขนาดใหญ่พอสมควร เข้ามากกระทบ
อนึ่ง เราขอเน้นย้ำว่า การจะเห็นเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงได้อย่างต่อเนื่องนั้น จะต้องเห็น 1. การปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดที่ชัดเจน ซึ่งต้องอาศัยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งและดีกว่าคาดมาก 2. การปรับตัวลดลงต่อเนื่องของราคาทองคำ หรือ ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงการพักฐานใหม่ นอกจากนี้ หากราคาทองคำเร่งตัวสูงขึ้น ก็สามารถกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้เช่นกัน ผ่านโฟลว์ธุรกรรมไล่ราคาซื้อทองคำ หรือ Fear of Missing Out Buying Flows (FOMO Buy) และ 3. ปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งควรจะต้องเห็นความเสี่ยงที่รุนแรงต่อปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจ เช่น การท่องเที่ยว การส่งออก หรือปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ นักลงทุนต่างชาติแห่เทขายสินทรัพย์ไทย เช่น วิกฤตการเมือง (เรามองว่า ถ้าเป็นเพียงความวุ่นวายการเมืองอาจไม่ได้กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างมีนัยสำคัญได้)
เราประเมินว่า ความผันผวนของเงินบาทเสี่ยงที่จะสูงขึ้นและอย่างน้อยก็อยู่ในระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ผ่านมา ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลักต่างๆ ประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาทั้งสถานการณ์ Government Shutdown (ที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงต้นปี 2026) และการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าโดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ทำให้เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.00–31.20 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน แถวโซนแนวรับ 31.10 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 31.09-31.17 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวที่ไร้ทิศทางเช่นกันของทั้งเงินดอลลาร์และราคาทองคำ (XAUUSD) โดยแม้ว่าเงินดอลลาร์จะมีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง หลังรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 จะออกมา +4.3% จากไตรมาสก่อนหน้า เมื่อเทียบเป็นรายปี ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้เพียง +3.3% ทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมของเฟดลงบ้าง
โดยเฉพาะในปี 2026
ทว่า รายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ของสหรัฐฯ หลังจากนั้น ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด อาทิ ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนตุลาคม ที่หดตัว -0.1%m/m ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conference Board Consumer Confidence) เดือนธันวาคม ก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 89.1 จุด
กอปรกับ บรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ก็ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ลดทอนความน่าสนใจในการถือครองเงินดอลลาร์ ส่งผลให้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาย่อตัวลงบ้าง และแกว่งตัวในระดับไม่ต่างกับช่วงก่อนรับรู้รายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจังหวะการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ดังกล่าวก็มีส่วนช่วยหนุนให้ ราคาทองคำรีบาวด์สูงขึ้นบ้างและกลับมาแกว่งตัวเหนือโซน 4,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้
บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor นำโดย Nvidia +3.0% ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นๆ ปรับตัวผสมผสาน ส่งผลให้โดยรวมดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.46% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.57%
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น +0.34% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งของ Novo Nordisk +9.2% หลัง FDA สหรัฐฯ ได้อนุมัติการจำหน่ายยาลดน้ำหนักแบบเม็ด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่
สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบรรดาแร่โลหะ รวมถึง การรีบาวด์ขึ้นบ้างของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor ทว่า ตลาดหุ้นยุโรปก็เผชิญแรงกดดันบ้าง จากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ Hermes -1.2% และ L’ Oreal -1.1%
ในส่วนตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจนแถวโซน 4.16% แม้จะมีจังหวะปรับตัวสูงขึ้นทดสอบโซน 4.20% จากรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งออกมาดีกว่าคาด ทว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็ย่อตัวลงบ้าง จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ออกมาแย่กว่าคาด
รวมถึงการส่งสัญญาณของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ย้ำว่า ประธานเฟดคนใหม่ต้องพร้อมปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง อนึ่ง เราคงประเมินว่า ว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงเป็น 1. แนวโน้มดอกเบี้ยของเฟด (ซึ่งจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ) 2. แนวโน้มฐานะการคลังของรัฐบาลสหรัฐฯ และ
3. บรรยากาศในตลาดการเงิน โดยเรายังคงแนะนำให้ ผู้เล่นในตลาดรอจังหวะทยอยเข้าซื้อ (Buy on Dip) บอนด์ระยะยาว เน้นในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเท่านั้น
อาทิ ระดับบอนด์ยีลด์เกิน 4.20% ก็จะเป็นระดับที่มีความน่าสนใจ และสามารถทยอยเข้าซื้อได้ แต่หากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงเพิ่มเติม จนต่ำกว่าระดับ 4.00% เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดยังไม่ควรไล่ราคาซื้อเพิ่มเติม เพื่อรอจังหวะให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นบ้าง ถึงจะคุ้มค่ากับความเสี่ยง หรือมี Risk-Reward ที่เหมาะสม
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways แม้จะได้แรงหนุนในช่วงแรกจากรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ซึ่งออกมาดีกว่าคาด ทว่า เงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมาย่อตัวลงบ้าง ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินสหรัฐฯและรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ออกมาแย่กว่าคาด ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ย่อตัวลงสู่โซน 97.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.8-98.2 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ แม้จะเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ในช่วงแรก ทว่า ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ. 2026) ก็สามารถรีบาวด์สูงขึ้น
ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ แถว 4,540 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามจังหวะการย่อตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดยังคงมั่นใจต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ออกมาแย่กว่าคาด และการส่งสัญญาณของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ย้ำว่า ประธานเฟดคนใหม่ต้องพร้อมลดดอกเบี้ย
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ รวมถึง รายงานยอดสต็อกน้ำมันดิบจากทาง EIA ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นได้บ้าง
ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม รายงานยอดการส่งออกและนำเข้า (Exports and Imports) เดือนพฤศจิกายน
และนอกเหนือจากประเด็นดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามพัฒนาการของสงครามรัสเซีย-ยูเครน หลังการเจรจาเพื่อยุติสงครามมีความคืบหน้ามากขึ้น รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับเวเนซุเอลา และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 31.10 ไปแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 4 ปีครึ่งครั้งใหม่ (นับตั้งแต่ 14 มิ.ย. 2564) ที่ระดับ 31.06 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.48 น.) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 31.12 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ทั้งนี้ เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแข็งค่า โดยน่าจะยังได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่ Sentiment ของเงินดอลลาร์ฯ ถูกกดดันต่อเนื่อง เพราะแม้ว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2568 ของสหรัฐฯ ที่ออกมาเมื่อวานนี้ จะขยายตัวดีกว่าที่คาดที่ 4.3% ต่อปี แต่ก็เป็นตัวเลขที่ผ่านไปแล้ว และตลาดยังคงมองว่า มีโอกาสที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่า 1 ครั้งในปีหน้า
นอกจากนี้ สกุลเงินเอเชียในภาพรวมก็มีทิศทางแข็งค่าสอดคล้องกับเงินเยนที่ทยอยแข็งค่ากลับมา (หลังจากที่ทางการญี่ปุ่นเตือนถึงการเข้าดูแลเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเงินเยนซึ่งอ่อนค่าลงมากและรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา)
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 31.00-31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก ประเด็นความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
สรุปเหรียญ ซีเกมส์ 2025 นับเฉพาะกีฬาสากลที่มีแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์เท่านั้น

ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 SEA Games 2025 ที่ประเทศไทย รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ช่วงระหว่างวันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2568
โดย “ทัพนักกีฬาไทย” สามารถครองเจ้าเหรียญทอง คว้าไปได้ทั้งหมด 233 เหรียญทอง 154 เหรียญเงิน 112 เหรียญทองแดง รวม 499 เหรียญ ถือเป็นผลงานที่ไม่ธรรมดา
ล่าสุด SEASIA สื่อดังในภูมิภาคอาเซียน ได้ทำการนับจำนวนเหรียญเฉพาะกีฬาสากลที่มีแข่งเฉพาะในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ซึ่ง ทีมไทย ก็ยังคงเป็นเบอร์ 1 ของภูมิภาค ด้วยจำนวน 141 เหรียญทอง 90 เหรียญเงิน และ 84 เหรียญทองแดง
ขณะที่อันดับ 2 ก็ยังเป็น อินโดนีเซีย ที่คว้า 63 เหรียญทอง และอันดับ 3 เวียดนาม ที่ทำได้ 59 เหรียญทอง จากกีฬาสากลที่มีการแข่งขันในระดับโลก (โอลิมปิกเกมส์)
พร้อมกันนี้สื่อเจ้าดังยังได้ชื่นชมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ของประเทศไทย ว่าถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทางเจ้าภาพให้ความสำคัญกับกีฬาสากลมากกว่าที่จะเพิ่มกีฬาท้องถิ่น ถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีสำหรับนักกีฬาเพื่อเข้าแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2026 และ โอลิมปิก 2028

สรุปเหรียญซีเกมส์ 2025 นับเฉพาะกีฬาสากลที่ถูกบรรจุในโอลิมปิกเกมส์
อันดับ 1 : ไทย 141 เหรียญทอง 90 เหรียญเงิน 84 เหรียญทองแดง รวม 315 เหรียญ
อันดับ 2 : อินโดนีเซีย 63 เหรียญทอง 70 เหรียญเงิน 76 เหรียญทองแดง รวม 209 เหรียญ
อันดับ 3 : เวียดนาม 59 เหรียญทอง 58 เหรียญเงิน 68 เหรียญทองแดง รวม 185 เหรียญ
อันดับ 4 : สิงคโปร์ 46 เหรียญทอง 48 เหรียญเงิน 49 เหรียญทองแดง รวม 143 เหรียญ
อันดับ 5 : ฟิลิปปินส์ 37 เหรียญทอง 52 เหรียญเงิน 90 เหรียญทองแดง รวม 179 เหรียญ
อันดับ 6 : มาเลเซีย 31 เหรียญทอง 42 เหรียญเงิน 65 เหรียญทองแดง รวม 138 เหรียญ
อันดับ 7 : เมียนมา 0 เหรียญทอง 8 เหรียญเงิน 22 เหรียญทองแดง รวม 30 เหรียญ
อันดับ 8 : ลาว 0 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง รวม 10 เหรียญ
อันดับ 9 : ติมอร์ เลสเต 0 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 6 เหรียญทองแดง รวม 7 เหรียญ
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
เช็ก 3 สัญญาณ “ภาวะหมดไฟ” ภัยเงียบวัยทำงานในยุคใหม่ พร้อมวิธีแก้เครียด

- องค์การอนามัยโลก (WHO) เผย 3 สัญญาณเตือนภาวะหมดไฟ ได้แก่ รู้สึกเหนื่อยล้าหมดพลัง มีทัศนคติเชิงลบต่องาน และประสิทธิภาพการทำงานลดลง
- ภาวะหมดไฟเป็นผลมาจากความเครียดเรื้อรังในการทำงานยุคใหม่ ที่มีความกดดันสูงและเส้นแบ่งระหว่างเวลางานกับเวลาส่วนตัวไม่ชัดเจน
- แนวทางป้องกันและแก้ไขคือการลดความเครียด จำกัดชั่วโมงทำงาน พักผ่อนให้เพียงพอ หากิจกรรมผ่อนคลาย และปรึกษาจิตแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น
โรงพยาบาลวิมุต ร่วมกับ ALive Powered by AIA แอปพลิเคชันดูแลสุขภาพกาย ใจ และการเงิน เปิดเวทีเสวนาStress Less, Happy More เจาะลึกปมปัญหาพร้อมแนะนำวิธีรับมือความเครียดอย่างถูกวิธี เพราะเมื่อเกิดความเครียดเรื้อรังจากการทำงานจะเปรียบเสมือนภัยเงียบ ที่คอยกัดกินสุขภาพกายและใจ และหากปล่อยทิ้งไว้อาจลุกลามสู่ “ภาวะหมดไฟ”ทำลายทั้งชีวิตส่วนตัวและการงาน
พญ.เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ รพ.วิมุต พร้อมด้วย “เขื่อน” ภัทรดนัย และ “มิกซ์” เฉลิมศรี ได้ร่วมแชร์เคล็ดลับการดูแลใจ ให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างแฮปปี้อีกครั้ง ด้วยการรู้ทันความเครียดของคนวัยทำงาน ทำไม “งานยุคใหม่” ทำให้ป่วยใจได้
โดยการทำงานสมัยใหม่เต็มไปด้วยความซับซ้อนและแรงกดดันที่มากขึ้น เทคโนโลยีที่เคยช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นกลับกลายเป็นกับดักที่ทำให้ต้อง “ออนไลน์ตลอดเวลา” จนเส้นแบ่งระหว่างเวลางานกับเวลาส่วนตัวลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้หลายคนแบกความเครียดกลับบ้านโดยไม่รู้ตัว เมื่อร่างกายเผชิญความกดดันจะเข้าสู่โหมด Fight or Flight Response (สู้หรือหนี) พร้อมหลั่งฮอร์โมนความเครียดอย่าง Adrenaline และ Cortisol ออกมาเพื่อเตรียมรับมือ
หากสิ่งนี้เกิดขึ้นชั่วคราวก็คงไม่เป็นไรแต่เมื่อไหร่ที่ภาวะนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง เป็นเดือนหรือปี ร่างกายของเราก็ไม่ต่างอะไรกับเครื่องยนต์ที่ติดอยู่ตลอดโดยไม่ได้พัก จนสุดท้ายจะส่งผลเสียรุนแรงต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดอาการสมองล้า คิดช้าลงตัดสินใจไม่ได้ อารมณ์เปราะบาง หงุดหงิดง่าย ไปจนถึงอาการทางกาย เช่น ปวดหัวไมเกรน นอนไม่หลับ และปวดเมื่อยเรื้อรัง
พญ.เพ็ญชาญา กล่าวว่า ถ้าปล่อยให้ร่างกายแบกรับความเครียดซ้ำ ๆ และไม่ดูแลให้ดีอาจนำไปสู่ ‘ภาวะหมดไฟ’ (Burnout) ได้ ซึ่งในอนาคตโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้บอกสัญญาณเตือนไว้ 3 ข้อ คือ
- ความรู้สึกหมดพลังหรือเหนื่อยล้าเรื้อรังแบบที่นอนพักเท่าไหร่ก็ไม่หาย
- ทัศนคติที่เปลี่ยนไปในทางลบ รู้สึกห่างเหินจากงาน มองเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าด้วยความรู้สึกด้านชา
- ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ความมั่นใจหดหาย เกิดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง
หากใครที่เริ่มมีสัญญาณเหล่านี้ แนะนำให้มาปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีดูแลใจร่วมกัน โดยเฉพาะกลุ่ม Perfectionist หรือคนที่คิดว่าทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ เพราะมักจะแบกความคาดหวังไว้เกินลิมิตจนเครียดสะสมไม่รู้ตัว
ดังนั้น การป้องกันภาวะหมดไฟให้ได้ผลดีที่สุดเริ่มจากการลดความเครียดและหันมาใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้น จำกัดชั่วโมงทำงานไม่ให้นานเกินไป และต้องให้ความสำคัญกับการพักผ่อนให้เพียงพอ โดยพยายามหาวิธีผ่อนความเครียดที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง อาจจะเป็นการออกกำลังกาย ทำสิ่งที่ชอบและผ่อนคลายในแบบของตนเอง หรือการพูดคุยระบายความรู้สึกกับคนที่ไว้ใจ ถ้าลองปรับเปลี่ยนแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็อย่าปล่อยไว้ ควรปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อหาแนวทางรักษาสุขภาพใจไปด้วยกัน
ด้าน “เขื่อน” ภัทรดนัย ศิลปินและนักจิตวิทยาและ “มิกซ์” Badmixy กล่าวว่า ศิลปินเป็นหนึ่งในอาชีพทีาต้องรับมือกับความกดดันสูงในทุกวัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง เวลาเครียดก็จัดการให้จบที่ตัวเอง ไม่ปล่อยให้อารมณ์นั้นควบคุมจนไปทำตัวไม่น่ารักหรือระบายกับคนอื่น โดยต้องซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง เครียดก็ยอมรับว่าเครียด ไม่เก็บกดไว้ข้างในจนสะสม แล้วหาวิธีผ่อนคลายในแบบที่ตัวเองชอบ
อย่างไรก็ตาม ความเหนื่อยและความเครียดเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ และสามารถผ่อนคลายได้ด้ววกาากอดตัวเอง อนุญาตให้ตัวเองได้พัก และหากวันไหนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วจริง ๆ ควรปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อเริ่มดูแลรักษาใจให้กลับมาแข็งแรงและมีความสุขได้อีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
50 คำอวยพรวันคริสต์มาส ภาษาอังกฤษ 2025-2026 สั้นๆ ยาวๆ ความหมายดี

คําอวยพรคริสต์มาสภาษาอังกฤษ 2025 สั้นๆ
- Many blessings and wishes to you.
ส่งคำอวยพรและความปรารถนามากมายมาให้คุณ
- Many Christmas hugs and kisses.
ส่งกอดและจูบให้คุณในวันคริสต์มาสนี้
- May Santa bring you all the best presents.
ขอให้ซานต้านำของขวัญที่ดีที่สุดมาให้คุณ
- Merry Christmas! And best wishes for 2026.
สุขสันต์วันคริสต์มาส! และส่งความปรารถนาดีให้คุณในปี 2569
- Season’s Greetings!
ส่งคำทักทายและความสุขของเทศกาลนี้มาให้!
- Have a magical Holiday season!
ขอให้มีเทศกาลวันหยุดที่แสนวิเศษ!
- Eat. Drink. Be Merry.
กิน. ดื่ม. มีความสุขมากๆ
- May you have the best Christmas.
ขอให้คุณมีคริสต์มาสที่ดีที่สุด
- Wish you the best festive season ever.
ขอให้คุณมีเทศกาลที่ดีที่สุดตลอดกาล
- Have a wonderful Merry Christmas!
สุขสันต์วันคริสต์มาส!
- Merry Christmas!
สุขสันต์วันคริสต์มาส!
- Happy Holidays!
สุขสันต์วันหยุดยาว!
- Merry Christmas & Happy New Year!
สุขสันต์วันคริสต์มาสและสวัสดีปีใหม่!
- Warm wishes for a Merry Christmas.
ขอส่งความปรารถนาดีสำหรับวันคริสต์มาสที่อบอุ่น
- Wishing you a wonderful Christmas!
ขอให้คุณมีวันคริสต์มาสที่ยอดเยี่ยม!
- May your Christmas be joyful.
ขอให้คริสต์มาสของคุณเปี่ยมไปด้วยความสุข
- Wishing you lots of love and joy.
ขอให้คุณได้รับความรักและความสุขมากมาย
- Have a holly, jolly Christmas!
ขอให้คริสต์มาสนี้สุดเบิกบาน!
- May your holidays sparkle with joy!
ขอให้วันหยุดของคุณเปล่งประกายด้วยความสุข!
- Cheers to a festive Christmas!
ชนแก้วให้คริสต์มาสที่รื่นเริง!
คำอวยพรวันคริสต์มาส พร้อมคำแปล ความหมายดี
- Wishing you a Merry Christmas and everlasting joy in your life.
ขอให้มีความสุขในวันคริสต์มาส และมีความสุขมากๆ ในทุกๆ วันของชีวิต
- Merry Christmas and good tidings too.
สุขสันต์วันคริสต์มาส ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามานะ
- Christmas season is coming, Have the best Christmas ever.
เทศกาลคริสต์มาสใกล้เข้ามาแล้ว ขอให้เป็นคริสต์มาสที่ดีที่สุดตลอดไปเลยนะ
- Have a wonderful Christmas!
ขอให้เป็นคริสต์มาสที่แสนวิเศษ!
- Wishing you a wonderful Christmas filled with memories you’ll always treasure. Merry Xmas wishes to you!
ขอให้คริสต์มาสนี้เป็นคริสต์มาสที่แสนวิเศษ เต็มไปด้วยความทรงจำที่คุณจะเก็บมันเอาไว้อย่างดี สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ
- May your wish list come true. Merry Xmas!
ขอให้สิ่งที่คุณหวังนั้นเป็นจริงนะ สุขสันต์วันคริสต์มาส!
- There are many gifts under the Christmas tree, but the best one is you!
มีของขวัญตั้งมากมายใต้ต้นคริสต์มาส แต่ของขวัญที่ดีที่สุดก็คือเธอ
- You are special, you are unique. May your Christmas be also as special and unique as you are! Merry Christmas!
เธอเป็นคนพิเศษ เธอไม่เหมือนใคร ขอให้คริสต์มาสปีนี้พิเศษแบบไม่เหมือนใครอย่างที่เธอเป็นนะ สุขสันต์วันคริสต์มาสจ้า
- May beautiful moments and happy memories surround you with joy this Christmas.
ขอให้คุณมีช่วงเวลาที่สวยงาม โอบล้อมไปด้วยความทรงจำที่แสนสุขในคริสต์มาสนี้นะ
- Merry Christmas – wishing you good friends and happy memories.
สุขสันต์วันคริสต์มาส ขอให้คุณได้พบกับเพื่อนดีๆ และมีความทรงจำที่ดี
- May your Christmas be filled with favorite things and laughter! Have a wonderful Christmas!
ขอให้คริสต์มาสนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่คุณชื่นชอบและเสียงหัวเราะ ขอให้เป็นคริสต์มาสที่แสนวิเศษนะ
- Wishing you a Christmas, filled with fun and party. Have a wonderful Christmas!
ขอให้คริสต์มาสนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนานและปาร์ตี้ ขอให้เป็นเทศกาลคริสต์มาสที่แสนวิเศษนะ!
- Merry Christmas. Hope Santa gives you what you wish for.
สุขสันต์วันคริสต์มาส ไม่ว่าคุณจะอยากได้อะไร ก็ขอให้ซานตาคลอสมอบให้หมดเลยนะ
- May the magic of Christmas fill your heart all year long.
ขอให้เวทมนตร์แห่งวันคริสต์มาสอยู่กับคุณไปตลอดทั้งปีเลย
- May this Christmas bring you all the love and luck in the world! Merry Christmas and a Happy New Year!
ขอให้คริสมาสต์นำพาความรักและความโชคดีมาหาคุณนะ สุขสันต์วันคริสมาสต์และสวัสดีปีใหม่
- May you be blessed with a safe and happy Christmas. Lots of love.
ขอให้เป็นคริสมาสต์ที่ปลอดภัยและมีความสุขมากๆ นะ รักมากจ้า
- May your Christmas be filled with lots of happiness, peace and love… and lots of presents!
ขอให้คริสมาสต์ของคุณเต็มไปด้วยความสุข ความสงบและความรัก อ้อ แล้วก็เต็มไปด้วยของขวัญด้วยน้าา
- I hope your Christmas is merry and bright, and I hope your New Year is 365 days of pure bliss.
ขอให้คริสต์มาสของคุณมีแต่ความสุขและสดใสและขอให้ปีใหม่ของคุณก็ไปด้วยความสุขตลอดทั้ง 365 วันเลยนะ
- Ho! Ho! Ho! It’s Christmas time! Have a wonderful Christmas and a very happy New Year.
โฮ่ ! โฮ่ ! โฮ่ ! วันคริสต์มาสแล้วจ้า ขอให้เป็นวันคริสต์มาสที่แสนวิเศษและมีความสุขมากๆ ในวันปีใหม่นะ
- Wishing you nothing but the best this holiday season.
ขอให้คุณได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุดในเทศกาลวันหยุดนี้
- Wishing you a season that’s merry and bright!
ขอให้คริสต์มาสนี้เป็นเทศกาลที่ร่าเริงสดใสที่สุดสำหรับคุณนะ!
- I hope Santa is good to you this year!
ฉันหวังว่าซานต้าจะใจดีกับคุณในปีนี้!
- Sending you the very warm wish of Christmas love!
ขอส่งคำอวยพรอันแสนอบอุ่นในวันคริสต์มาสให้กับคุณ!
- Merry Christmas! And best wishes for 2026.
สุขสันต์วันคริสต์มาส! และขอให้มีแต่สิ่งดีๆ ในปี 2026
- May your Christmas shine brightly with joy and goodwill!
ขอให้คริสต์มาสของคุณเปล่งประกายด้วยความสุขและความปรารถนาดี!
- Merry Christmas, Hope this blessed holiday opens up the path of your glory!
สุขสันต์วันคริสต์มาส หวังว่าวันหยุดที่มีความสุขนี้จะเปิดเส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์ของคุณ!
- May God shower your life with unlimited blessings. Merry Xmas!
ขอพระเจ้าประทานพรให้ชีวิตคุณอย่างไม่จำกัด สุขสันต์วันคริสต์มาส!
- May this holiday season wrap you in warmth and joy!
ขอให้คุณโอบล้อมไปด้วยความอบอุ่นและความสุขตลอดเทศกาลวันหยุดนี้!ล
- May Santa shower you with everything you ever wished for. Merry Christmas!
ขอให้ซานต้าบันดาลทุกสิ่งที่คุณต้องการให้คุณนะ สุขสันต์วันคริสต์มาส!
ขอบคุณข้อมูลจาก women.trueid.net
อังกฤษสั่งปิดช่องโหว่ไซเบอร์ด่วน! หลังข้อมูลวีซ่าถูกฉก

- รัฐบาลอังกฤษยืนยันการรั่วไหลของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขอวีซ่า และได้ดำเนินการปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างรวดเร็วแล้ว
- การสอบสวนกำลังดำเนินอยู่เพื่อหาผู้รับผิดชอบ โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับจีนอาจอยู่เบื้องหลัง แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ
- ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าเป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้อาจเป็นการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองในระยะยาวโดยรัฐ มากกว่าการสร้างความเสียหายในทันที ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
คริส ไบรอันท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า ของอังกฤษ ยืนยันเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านการให้สัมภาษณ์กับรายการ BBC Breakfast โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วทันทีที่ตรวจพบปัญหา “การสอบสวนกำลังดำเนินอยู่”
ไบรอันท์กล่าว พร้อมเสริมว่าช่องโหว่ด้านความปลอดภัยได้รับการ “ปิดลงอย่างรวดเร็ว” แม้จะมีการสงสัยว่ากลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับประเทศจีนอาจอยู่เบื้องหลัง
แต่ไบรอันท์ย้ำว่าขณะนี้พนักงานสอบสวนยัง “ไม่ทราบแน่ชัด” ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ
ระบบที่ถูกเจาะข้อมูลในครั้งนี้เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขอวีซ่า แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ายังไม่มีข้อบ่งชี้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นกับบุคคลในทันที แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์กล่าวว่า ไม่ควรประมาทต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออาจมีตัวแสดงระดับรัฐ (Nation-State Actor) เข้ามาเกี่ยวข้อง
แอนนา คอลลาร์ด นักรณรงค์ด้านความตระหนักด้านความปลอดภัยจาก KnowBe4 เตือนว่าผลกระทบมักขยายวงกว้างเกินกว่าความเสียหายในตอนเริ่มต้น
“แม้รัฐบาลจะระบุว่าความเสี่ยงต่ำ แต่เหตุการณ์เช่นนี้มีความสำคัญมาก เมื่อผู้ก่อเหตุระดับรัฐถูกสงสัย เป้าหมายมักเป็นการหาข่าวกรองระยะยาวมากกว่าการสร้างความเสียหายทันที สิ่งนี้ทำให้ความโปร่งใส การตรวจสอบที่เข้มงวด และการสื่อสารที่รวดเร็วเป็นเรื่องสำคัญ”
ทางด้าน คริส ฮอว์ก นักรณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคจาก Pixel Privacy ให้ความเห็นว่าการรั่วไหลของข้อมูลรัฐบาลมักเผยให้เห็นจุดอ่อนด้านความปลอดภัยพื้นฐาน โดยระบุว่าเหตุการณ์นี้สะท้อนว่าระบบของรัฐอาจไม่ได้รับการตั้งค่าอย่างเหมาะสม หรือไม่ได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ว่าปัญหาอาจเกิดจากระบบของบุคคลที่สาม ซึ่งการเจาะระบบรัฐบาลสามารถนำไปสู่การรวบรวมข้อมูลข่าวกรองเพิ่มเติม หรือการโจมตีเป้าหมายที่เป็นข้าราชการและพลเมืองได้
นาธาน เว็บบ์ ที่ปรึกษาหลักจาก Acumen Cyber ตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะเป็นข้อมูลอัตลักษณ์ที่ไม่สมบูรณ์ก็มีมูลค่าสูง เนื่องจากสามารถนำไปเชื่อมโยงกับข้อมูลรั่วไหลจากแหล่งอื่น เพื่อสร้างเครื่องมือในการโจมตีบุคคลเป้าหมายได้อย่างแนบเนียนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮกเกอร์ระดับรัฐที่มีความซับซ้อน
เดรย์ อากา ผู้จัดการอาวุโสด้านปฏิบัติการความปลอดภัยจาก Huntress มองว่านี่อาจเป็นการดำเนินการจารกรรมเพื่อสร้างโปรไฟล์ข่าวกรอง หรือทำความเข้าใจการพิจารณานโยบายภายในรัฐบาล ซึ่งความเสี่ยงที่แท้จริงไม่ใช่ความเสียหายทางการเงินของประชาชน แต่คือการกัดกร่อนความมั่นคงของชาติและการทูตในระยะยาว
แดน พาเนซาร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้จาก Certes ทิ้งท้ายว่าความเร็วในการปิดช่องโหว่ไม่ใช่เครื่องวัดความสำเร็จเพียงอย่างเดียว เนื่องจากข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนอาจถูกคัดลอกไปตั้งนานแล้วก่อนที่จะมีการตรวจพบ
ในขณะที่การสอบสวนยังคงดำเนินต่อไป เหตุการณ์นี้ยิ่งย้ำเตือนว่าระบบของรัฐบาลยังคงเป็นเป้าหมายหลัก และการรักษาความเชื่อมั่นของประชาชนขึ้นอยู่กับการป้องกันที่เข้มแข็ง การสื่อสารที่ชัดเจน และความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กินทั้งเปลือกยิ่งดี! 5 ผลไม้ที่มีประโยชน์ซ่อนอยู่ แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้!

เรามักจะปอกเปลือกก่อนกินผลไม้โดยอัตโนมัติ แต่ความจริงแล้วเปลือกของผลไม้บางชนิดมีสารอาหารสูงกว่าส่วนเนื้อเสียอีก — ถ้าเลือกผลสะอาดและล้างให้ดี แนะนำให้กินทั้งเปลือกเพื่อรับคุณประโยชน์เต็มๆ
ทำไมต้องกินทั้งเปลือก?
ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการอย่าง Sun Yukuo (จากไต้หวัน) ระบุว่า หลายผลไม้มีสารสำคัญอยู่หนาแน่นที่เปลือกหรือใกล้ผิว การกินทั้งเปลือกช่วยให้เราได้สารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหาร และวิตามินมากขึ้น ทั้งนี้ต้องเลือกผลไม้ที่มีแหล่งที่มาเชื่อถือได้และล้างให้สะอาดก่อนเสมอ
5 ผลไม้ใกล้ตัวที่กินทั้งเปลือกได้และดีต่อสุขภาพ
1. แตงโม — อย่าทิ้งส่วนขาวของเปลือก
หลายคนคิดว่าเปลือกแตงโมทิ้งได้ แต่ส่วนเนื้อขาวตรงเปลือกอุดมด้วย citrulline ซึ่งในร่างกายจะเปลี่ยนเป็น arginine ช่วยบำรุงหัวใจ การไหลเวียนเลือด และระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนขาวของแตงโมยังช่วยลดความดัน ลดการอักเสบ ป้องกันนิ่วในไต และด้วยใยอาหารสูงจึงช่วยเรื่องการควบคุมน้ำหนัก วิธีใช้คือปั่นสมูทตี้ผสมเนื้อแดงหรือนำไปปรุงเป็นจานต่างๆ
2. องุ่น — เปลือกคือแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ
เปลือกองุ่น โดยเฉพาะองุ่นสีเข้ม มีปริมาณ polyphenol, anthocyanin, resveratrol และ flavonoids สูงกว่าส่วนเนื้อมาก สารเหล่านี้ช่วยป้องกันโรคหัวใจ เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี ลดความเสี่ยงมะเร็ง และชะลอวัย นอกจากนี้เปลือกองุ่นยังให้ธาตุเหล็ก เพกติน และเส้นใยที่ช่วยระบบย่อยและผิวพรรณ การกินองุ่นทั้งลูกหลังล้างสะอาดจึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ได้ประโยชน์เต็มๆ
3. แอปเปิ้ล — ไม่ปอกคือได้ใยอาหารครึ่งหนึ่ง
เปลือกแอปเปิ้ลมีใยอาหารคิดเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งลูก และยังอุดมด้วยวิตามิน C, A, โพแทสเซียม รวมถึงวิตามิน K ที่มากกว่าส่วนเนื้อถึง 4 เท่า สารอย่าง quercetin, polyphenol และ anthocyanin ในเปลือกช่วยปกป้องปอด ลดการเสื่อมของสมอง ป้องกันโรคหัวใจและมะเร็ง ดังนั้นการปอกเปลือกทิ้งอาจทำให้เสียคุณค่าทางโภชนาการถึงหนึ่งในสาม แต่ต้องระวังแอปเปิ้ลที่เคลือบแว็กซ์หรือมีสารตกค้าง — เลือกแบบออร์แกนิกหรือที่เชื่อถือได้
4. กีวี — เปลือกมีประโยชน์มากกว่าที่คิด
แม้เปลือกกีวีจะมีขนเล็ก ๆ แต่หากล้างให้สะอาดและขัดขนบางส่วนออก เปลือกจะให้ flavonoids, วิตามิน C และใยอาหารสูงกว่าเนื้อ ผลการศึกษาพบว่าใยอาหารในเปลือกมากกว่าเนื้อถึง 2 เท่า และสารต้านอนุมูลอิสระในเปลือกสูงกว่าถึง 3 เท่า เปลือกกีวียังช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียบางชนิดและมีแร่ธาตุอย่างแคลเซียมแมกนีเซียมที่ช่วยให้หลับดีขึ้น
5. ลูกแพร์ — เปลือกที่หลายคนมองข้าม
แม้ผิวลูกแพร์จะหยาบ แต่เปลือกอุดมด้วยใยอาหารทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ช่วยระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก และลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ เปลือกลูกแพร์ยังมีวิตามิน C, K และทองแดง รวมถึง quercetin ที่ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคทางระบบประสาท ลดอาการภูมิแพ้และหอบหืด เลือกผลที่สะอาด ไม่เคลือบสาร และล้างให้ดีแล้วกินทั้งเปลือกได้
ข้อควรระวังเมื่อจะกินผลไม้ทั้งเปลือก
- เลือกผลไม้ที่สะอาดและมีแหล่งที่มา — หากเป็นไปได้เลือกผลไม้ออร์แกนิกหรือจากแหล่งที่เชื่อถือได้
- ล้างให้สะอาด — ใช้น้ำไหลและขัดผิวเบา ๆ เพื่อกำจัดฝุ่นและสารตกค้าง
- หลีกเลี่ยงผลที่ช้ำหรือเคลือบแว็กซ์ — เปลือกที่มีแว็กซ์หรือเคมีอาจทำให้สารตกค้างมากขึ้น
- ถ้ามีข้อสงสัย ให้ปอกหรือกรีดเพื่อเอาส่วนที่ไม่สะอาดออก — ความปลอดภัยต้องมาก่อน
สรุป
การกินผลไม้ทั้งเปลือกเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้ได้รับสารอาหาร วิตามิน และใยอาหารมากขึ้น แต่วิธีนี้เหมาะกับผลไม้ที่สะอาดและไม่มีสารเคลือบ ใครอยากเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้มื้อผลไม้ ลองเลือกแตงโม องุ่น แอปเปิ้ล กีวี หรือลูกแพร์ที่สะอาด แล้วเริ่มจากการล้างให้ดี — แล้วลุยให้เต็มที่!
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 24/12/2568
| ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
|---|---|---|---|
| ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 66,000.00 | 66,100.00 |
| ทองรูปพรรณ 96.5% | 4,266.00 | 64,672.56 | 66,900.00 |
| ทองรูปพรรณ 90% | 3,839.40 | 58,205.30 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 80% | 3,412.80 | 51,738.05 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 50% | 1,919.70 | 29,102.65 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 40% | 1,493.10 | 22,635.40 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 99.99% | 4,420.73 | 67,018.27 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 24/12/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| แก๊สโซฮอล์ 95 | 31.35 | 31.35 | 31.85 | 31.35 | 31.35 | 31.35 | 31.35 | 31.35 | 31.35 |
| แก๊สโซฮอล์ 91 | 30.98 | 30.98 | 31.28 | 30.98 | 30.98 | 30.98 | 30.98 | 30.98 | 30.98 |
| แก๊สโซฮอล์ E20 | 29.14 | 29.14 | 29.44 | 29.14 | – | 29.14 | 29.14 | 29.14 | 29.14 |
| แก๊สโซฮอล์ E85 | 27.09 | 27.09 | – | – | – | – | – | – | 27.09 |
| แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 40.04 | 49.54 | 49.84 | – | – | – | – | – | 40.04 |
| เบนซิน 95 | 39.64 | – | – | 49.51 | – | 40.14 | 39.79 | – | 39.64 |
| ดีเซล | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 | 30.44 |
| ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.44 | 45.64 | 49.84 | 45.64 | – | – | – | – | 43.44 |
| แก๊ส NGV | 18.55 | 18.55 | – | – | – | – | – | – | 18.55 |







