3 บิ๊กอสังหาฯ SIRI – AP-SC ติด โผบริษัทยอดนิยม คนรุ่นใหม่ อยากทำงานมากที่สุด
3 บิ๊กอสังหาฯ SIRI -AP-SC ตามลำดับ ติด โผบริษัทยอดนิยมคนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วยมากที่สุด WorkVenture 2025สะท้อนผลสำรวจ “Top 50 Companies in Thailand 2025” แสนสิริติดอันดับ 20 เอพี ไทยแลนด์ อันดับ 23 ตามด้วย เอสซี แอสเสท อันดับที่ 30
ปัจจุบัน บริษัทชั้นนำของไทย โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ต่างปรับกลยุทธ์ รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งการให้ความสำคัญต่อความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การปรับตัวให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัล การสร้างแบรนด์ แม่เหล็กดึงดูดความสนใจของคนทุกกลุ่มวัย อีกทั้ง การสร้างวัฒนธรรมองค์กร พัฒนาคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ ร่วมผลักดันองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าร่วมกัน
อย่างไรก็ตาม มี3 บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ของไทย ประสบความสำเร็จและครองใจคนรุ่นใหม่ต้องการร่วมงานด้วยมากที่สุด ได้แก่ บริษัทแสนสิริ จำกัด(มหาชน) หรือ SIRI ตามด้วย บมจ. เอพี ไทยแลนด์หรือ AP และ บมจ.เอสซี แอสเสท หรือSC นอกเหนือไปจาก บริษัทชั้นนำอย่าง Google, SCG, PTT, และ SCBX
ทั้งนี้จากการสำรวจ“Top 50 Companies in Thailand 2025” ของ WorkVenture (เวิร์คเวนเจอร์) ในปี 2025 จัดอันดับบริษัทที่คนรุ่นใหม่ (22-35 ปี) อยากทำงานด้วยมากที่สุด แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มสำคัญที่บริษัทในประเทศไทยต้องเผชิญการแข่งขัน ผลิตคนรุ่นใหม่ไว้ในองค์กร เชื่ขอมโยงกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
โดย บมจ.แสนสิริ อยู่อันดับที่20 ชี้ให้เห็นถึงการเน้นเรื่องความยั่งยืนและการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนที่แข็งแกร่ง แสนสิริ เป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีการลงทุนในด้านการสร้างโครงการที่มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาโครงการที่รองรับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล
นอกจากการพัฒนาโครงการที่มีความยั่งยืนแล้ว แสนสิริ ยังให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์การทำงานที่มีคุณค่า โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาองค์กร และมีการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการทำงานอย่างเต็มที่ การที่บริษัทมีภาพลักษณ์ขององค์กรที่ใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทำให้ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีส่วนร่วมในองค์กรที่มุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงทางบวก
ขณะ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ รั้ง อันดับที่ 23 สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีและการสร้างแบรนด์ที่สามารถเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ AP Thailand มุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ผ่านการใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างและการออกแบบบ้านที่เชื่อมต่อกับโลกดิจิทัล รวมถึงการสร้างพื้นที่ออนไลน์ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลโครงการได้สะดวกและรวดเร็ว
ตามด้วย บมจ. เอสซี แอสเสท สะท้อนถึงความสำเร็จในการปรับตัวให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัล และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีคุณค่าในการพัฒนาคนรุ่นใหม่อย่างมีนัยสำคัญ เอสซี แอสเสท ไม่เพียงแต่สนใจการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ยังมีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการยกระดับการพัฒนาองค์กรด้วย
บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์การทำงานที่หลากหลายและมีความยืดหยุ่น ซึ่งตรงกับความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความบาลานซ์ในชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว นอกจากนี้เอสซี แอสเสทยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการที่เน้นการใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติและสังคม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องความยั่งยืน
จากการสำรวจนี้ จะเห็นได้ว่า เอพี ไทยแลนด์, เอสซี แอสเสท, และ แสนสิริ ต่างก็มีการสร้างความแตกต่างในด้านการใช้เทคโนโลยีและการสร้างแบรนด์ที่ตอบโจทย์การทำงานในโลกยุคดิจิทัลและสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลง ความสำคัญของการใช้ AI, การปรับตัวตามเทรนด์ดิจิทัล, และการมุ่งเน้นสังคมและความยั่งยืน น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตและการดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้ร่วมงาน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ทำเลบางนาฮอต คลังสินค้า-โรงงานเช่าบูม SCX Logistics ปล่อยเช่าเกลี้ยง 100%
ทำเลบางนาฮอต คลังสินค้า-โรงงานให้เช่าบูม SCX Corporation โชว์ฟอร์มแกร่ง! SCX Logistics บางนา กม.23 ปล่อยเช่าเกลี้ยง 100%ทันทีที่เปิดตัว
“บางนา-ตราด” ทำเลศักยภาพหนึ่งในถนนสายเศรษฐกิจสำคัญ ศูนย์กลางการคมนาคม ขนส่ง โซนตะวันออกของกรุงเทพมหานครและภาคตะวันออกของไทย ปัจจุบัน มีการขยายตัวทั้งคลังสินค้า โรงงานเพื่อเช่ารวมถึงที่อยู่อาศัย เป็นจำนวนมาก
SCX Corporation Co., Ltd. บริษัทเรือธงธุรกิจใหม่ในเครือ SC Asset ที่ขับเคลื่อนธุรกิจ Engine2 หรือ Recurring Income (ธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ) โชว์ฟอร์มสุดแกร่งกับโครงการแรก SCX Logistics Bangna Km.23 ปล่อยเช่าคลังสินค้าหมดเกลี้ยง 100% ทันทีที่เปิดตัว โดยโครงการนี้เป็นคลังสินค้าและโรงงานมาตรฐานสูงแบบพร้อมใช้ให้เช่า (Ready-Built) ตั้งอยู่ในโซนอุตสาหกรรม (Purple Zone) ในทำเลศักยภาพย่านบางนา
นายรชฎ นันทขว้าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO ) SCX Corporation Co., Ltd. กล่าวว่า SCX Logistics Bangna Km.23 ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม ซึ่งพื้นที่อาคารทั้งหมดถูกเช่าเต็ม 100% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะโครงการที่ 2 ของ SCX Logistics ในทำเลศักยภาพย่านบางนา โดย SCX พร้อมมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า
เพื่อสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) อย่างแข็งแกร่ง รับกระแสการเติบโตของโรงงานและอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย พร้อมตั้งเป้าหมายทะยานสู่การพัฒนาพื้นที่คลังสินค้าและโรงงานให้เช่ารวมกว่า 1 ล้านตารางเมตร เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเสริมสร้างความมั่นคงในการเติบโตระยะยาว
SCX Logistics Bangna Km.23 มีพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้น 16,740 ตารางเมตร ก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2567 และเริ่มทยอยส่งมอบอาคารให้ผู้เช่าตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ซึ่งมีทั้งผู้เช่ากลุ่มโรงงานจากจีนและกลุ่มคลังสินค้าจากบริษัทชั้นนำในประเทศไทย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้27ม.ค.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย” ที่ระดับ 33.69 บาทต่อดอลลาร์
ค่าเงินบาทเสี่ยงเผชิญความผันผวน Two-Way Volatility ขึ้นกับผลการประชุมเฟดและ ECB รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 กรอบในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.75 บาท/ดอลลาร์
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 27ม.ค.2568 ที่ระดับ 33.69 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 33.62 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.54-33.70 บาทต่อดอลลาร์)
โดยมีจังหวะแข็งค่าขึ้นเร็วตามการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังรายงานดัชนี S&P Global PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม นั้นออกมาผสมผสาน โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.1 จุด ดีกว่าคาด
ทว่า ดัชนี PMI ภาคการบริการกลับปรับตัวลดลงสู่ระดับ 52.8 จุด แย่กว่าคาดไปมาก นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกนเดือนมกราคม (U of Michigan Consumer Sentiment) ก็ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 71.1 จุด แย่กว่าคาดเช่นกัน
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทก็เริ่มชะลอลงบ้าง และเงินบาททยอยพลิกกลับมาอ่อนค่าลง หลังเงินดอลลาร์รีบาวด์ขึ้นบ้าง ส่วนราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามแรงขายทำกำไรของผู้เล่นในตลาด
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องมากกว่าที่เราประเมินไว้ หนุนโดยการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดทยอยคลายกังวลแนวโน้มการดำเนินโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำและแรงซื้อสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้ผลการประชุมเฟดและธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 และรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อย่าง อัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) โดยเราคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25%-4.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ หลังจากที่เฟดได้ส่งสัญญาณชะลอการลดดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้งเรามองว่า เฟดอาจรอจับตาการดำเนินนโยบายต่างๆ
โดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดยังคงไม่เชื่อว่าเฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ ตามที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด
(เรายังคงมุมมองเดิมว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง หรือ 75bps) ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น อัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนธันวาคม รวมถึงอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024
นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะ หุ้นเทคฯ ใหญ่ อย่าง กลุ่ม The Magnificent 7 (Tesla, Meta, Microsoft แลt Apple)
ฝั่งยุโรป – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเรามองว่า แนวโน้มการชะลอลงต่อเนื่องของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน ท่ามกลางความเสี่ยงด้านลบต่อเศรษฐกิจ หากรัฐบาล Trump 2.0 เดินหน้านโยบายกีดกันทางการค้า จะทำให้ ECB ตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) 25bps สู่ระดับ 2.75%
ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของประธาน ECB ในช่วง Press Conference อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของ ECB ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างมองว่า ECB จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง อีก 3 ครั้ง
หรือ 75bps สู่ระดับ 2.00% ในปีนี้ ส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจ จะอยู่ที่ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (IFO Business Climate) อัตราการเติบโตเศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาสที่ 4 รวมถึง อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) ที่สำรวจโดย ECB
▪ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (Official Manufacturing & Services PMIs) เดือนมกราคม
ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียว ในเดือนมกราคม รวมถึง ยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) ในเดือนธันวาคม เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นและทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
▪ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลการดำเนินงานของบรรดาบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม แนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump โดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้า สำหรับ แนวโน้มเงินบาท นั้น หากประเมินจากกลยุทธ์ Trend-Following เรามองว่า เงินบาทยังมีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้น
หรือ อย่างน้อยแกว่งตัว Sideways ตราบใดที่ เงินบาทไม่ได้กลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องจนทะลุโซนแนวต้าน 34.10-34.20 บาทต่อดอลลาร์ อย่างชัดเจน ทว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง และเสี่ยงเผชิญความผันผวนลักษณะ Two-Way Volatility ซึ่งต้องจับตาผลการประชุมเฟดและECB รวมถึงการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาอาจชะลอลงบ้าง ทำให้ เงินบาทอาจแกว่งตัว Sideways ไปก่อน
อย่างไรก็ดี เงินบาทเสี่ยงเผชิญความผันผวน Two-Way Volatility ขึ้นกับผลการประชุมเฟดและ ECB รวมถึงแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0 ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทยังมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้น หรือ อย่างน้อยแกว่งตัว Sideways ตราบใดที่เงินบาท (USDTHB) ยังไม่สามารถอ่อนค่าเหนือโซน 34.10-34.20 บาทต่อดอลลาร์ อย่างชัดเจน
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์เสี่ยงผันผวนในลักษณะ Two-Way Volatility โดยเงินดอลลาร์อาจรีบาวด์แข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากเฟดส่งสัญญาณชัดเจนไม่รีบลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Trump 2.0
ทว่า ต้องจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) อย่างใกล้ชิด โดยเงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงได้ ตามการรีบาวด์แข็งค่าขึ้นของเงินยูโร (EUR) ในกรณีที่ ECB ลดดอกเบี้ยตามคาด แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
หรือ ECB “เซอร์ไพรส์” ตลาดด้วยการคงดอกเบี้ย อนึ่ง เงินดอลลาร์อาจเผชิญแรงกดดันต่อได้ หากผู้เล่นในตลาดยังคงลดความกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0
อีกทั้งบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะหุ้นเทคฯ ใหญ่ The Magnificent 7
เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.20-34.05 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.50-33.75 บาท/ดอลลาร์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.68-33.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ 33.65 บาทต่อดอลลาร์ฯ
โดยเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยตามจังหวะการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ขณะที่แรงขายเงินดอลลาร์ฯ ชะลอลงบางส่วน เนื่องจากตลาดกลับมารอติดตามผลการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ (28-29 ม.ค.) และท่าทีเพิ่มเติมจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.50-33.75 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สัญญาณเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สถานการณ์เงินทุนต่างชาติและค่าเงินหยวน
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศที่สำคัญประกอบด้วย ดัชนี PMI เดือนม.ค. ของจีน และยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค. ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมเฟด (28-29 ม.ค.) และการประชุม ECB (30 ม.ค.) ในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
วิว กุลวุฒิ ปราบ คริสตี้ คาบ้าน ผงาดครองแชมป์ อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส 2025
“วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ชายเดี่ยวมือ 5 ของโลก งัดฟอร์มเก่งออกมาอย่างเฉียบขาด สยบเสียงเจ้าถิ่น ด้วยการปราบ โจนาธาน คริสตี้ มืออันดับ 3 ของโลกจากอินโดนีเซียไปแบบสนุก 2-1 เกม คว้าแชมป์แรกของปีนี้ได้สำเร็จในศึกอินโดนีเซีย มาสเตอร์ส 2025
การแข่งขันแบดมินตันรายการ ไดฮัทสุ อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส 2025 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 500 ชิงเงินรางวัลรวม 475,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 16,150,000 บาท ที่อิสโตร่า เสนายัน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ม.ค.68 ที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ
ด้าน ประเภทชายเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มือวางอันดับ 4 ของรายการ มืออันดับ 5 ของโลก ไปพบกับ โจนาธาน คริสตี้ มือวางอันดับ 3 ของรายการ มืออันดับ 3 ของโลกจากอินโดนีเซีย
เกมแรก วิว กุลวุฒิ เปิดเกมได้อย่างยอดเยี่ยมกว่านำก่อน 6-2 จากนั้นเกมกลับมาเป็นของ คริสตี้ ที่เล่นเกมเร็วใส่ วิว กุลวุฒิ และทำแต้มรัวๆ นำห่างถึง 17-11 แม้ วิว กุลวุฒิ จะเร่งเกมในช่วงปลายเกมแต่คริสตี้ ก็ยังเล่นได้นิ่งกว่าปิดเกมแรกไปได้ที่ 21-17
เกมสอง วิว กุลวุฒิ ยังเริ่มเกมได้ดีกว่าและบุกตบตรงได้เฉียบขาดนำ 8-6 แล้ว วิว กุลวุฒิ มานำในครึ่งเกมที่ 11-7 เกมเป็นของ วิว กุลวุฒิ เดินหน้าบุกได้ยอดเยี่ยมปิดเกมนี้ไปได้ที่ 21-17
เกมตัดสิน วิว กุลวุฒิ กลับมาเล่นเกมรับที่ตัวเองถนัด และทำแต้มได้ดีกว่านำ 11-6 หลังจากนั้นเกมออกมาสนุกโดยผลัดกันทำแต้มกันอย่างดุเดือด ก่อนที่จะเป็น วิว กุลวุฒิ จะมาปิดแมตช์เอาชนะไปได้ที่ 21-18 ทำให้เอาชนะไปได้ 2-1 เกม
วิว กุลวุฒิ คว้าแชมป์อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส 2025 และเป็นการคว้าแชมป์แรกของปีนี้ได้สำเร็จ พร้อมรับเงินรางวัลไปทั้งสิ้น 35,625 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,211,250 บาท ส่วน โจนาธาน คริสตี้ รองแชมป์รับเงินรางวัล 18,050 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 613,700 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th
เช็กอัลไซเมอร์ รู้ล่วงหน้า 10 ปี! เป็นแล้วอาจ “ติดเตียง ติดเชื้อ ติดหนี้”
รายการ Tuck Talk สัปดาห์นี้พบกับ “นพ.ฐานุตร์ ถมังรักษ์สัตว์ หรือ ด็อกเตอร์ไมค์ หมอสมอง” เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมองที่มาแชร์ความรู้เรื่องการ เช็กอัลไซเมอร์รู้ล่วงหน้า 10 ปี! หลงลืม หลงผิด 2 อาการที่รู้ไวไหวตัวทัน ยืดเวลารักษาความจำก่อนติดเตียง โรคความดันต้นเหตุหลักของอัลไซเมอร์ พร้อมรู้วิธีดูแลผู้สูงวัยให้ห่างไกลการหลงลืม
สมองเสื่อมกับโรคอัลไซเมอร์ ถือว่าเป็นโรคเดียวกันเปล่า ?
หมอฐานุตร์ : ถ้าเปรียบเทียบง่าย ๆ นะครับ สมองเสื่อมคือมะม่วง อัลไซเมอร์คือเขียวเสวย มะม่วงทั้งหมดคือสมองเสื่อมแต่โรคอัลไซเมอร์ คือส่วน ๆ หนึ่งของสมองเสื่อม คำว่าสมองเสื่อมคืออาการ ไม่ใช่ชื่อโรค แต่ว่าในกลุ่มอาการสมองเสื่อม ก็จะมีหลาย ๆ โรคแยกออกมาและ 80 กว่าเปอร์เซ็นต์คือโรคอัลไซเมอร์ ที่เหลือ เช่น เนื้องอกในสมอง ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลง หรือว่าขาดวิตามินบี12 ในร่างกาย หรือว่าเป็นโรคติดเชื้อซิฟิลิสในสมอง หรือแม้กระทั่งติดเชื้อ HIV ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้ เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนเราเป็นไข้ แต่คำว่าไข้ไม่ใช่ชื่อโรคครับ ชื่อโรคของไข้ เช่น เป็นมาลาเรียไหม เป็นไข้เลือดออกไหม โควิดหรือเปล่า หรือเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง คำว่าสมองเสื่อมมันเป็นเพียงแค่ชื่ออาการ แต่ว่ากลุ่มอาการสมองเสื่อมก็จะมีอาการเช่น หลงลืม พฤติกรรมผิดปกติ มีเห็นภาพหลอน บางคนไม่หลับไม่นอน มีหูแว่ว บางคนถึงขั้นมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม เช่น เดิมไปปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ได้ วันดีคืนร้ายเกิดไปเข้าสังคมแล้วมีความผิดปกติ จนเพื่อนสังเกตได้ว่าไม่เหมือนเดิม เช่น เป็นคนชอบร้องเพลง แต่วันนี้ดูนิ่ง ๆ หรือว่ายังไม่ถึงคิวตัวเองร้อง ไปแย่งไมค์คนอื่นร้องทั้งที่ตัวเองก็เป็นอาจารย์อาวุโสอะไรอย่างงี้ ไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ตัวเองได้ อันนี้ก็เป็นกลุ่มอาการของสมองเสื่อมได้เหมือนกัน
ซึ่งที่พูดมานี้ ไม่ได้บอกว่าเป็นอัลไซเมอร์ แต่เป็นโรคเกี่ยวกับสมอง ?
หมอฐานุตร์ : ใช่ เป็นภาวะสมองเสื่อม
มีหลายคนพออายุมากขึ้น บางจะคุยโทรศัพท์เตรียมไว้แล้วว่าจะพูดเรื่องนี้ พอโทรไปกลับนึกไม่ออก อาการเหล่านี้มันพอจะบอกอะไรได้บ้าง ?
หมอฐานุตร์ : เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ถ้าเป็นสมองเสื่อมไหม อัลไซเมอร์หรือเปล่า ให้ลองสังเกตอย่างนี้ครับ ให้ทุกคนดูว่าตัวเองเป็นคนขี้ลืมหรือหลงลืม ขี้ลืมมักจะเกิดกับวัยทำงานมีสิ่งหลายอย่างต้องจำและต้องทำ อะไรที่ไม่สำคัญเราก็ลบออก เพราะสมองคนเราก็เหมือนคอมพิวเตอร์ที่มีแรมจำกัดจำนวนหนึ่ง เช่น สมมติว่าเรากำลังนั่งทำงานอยู่ น้องสาวเดินมาบอกพี่อย่าลืมจ่ายค่าโทรศัพท์นะแล้วเราก็นั่งทำงานต่อ จนสุดท้ายเราก็ลืมจ่ายค่าโทรศัพท์ เพราะเราโฟกัสคอมพิวเตอร์ อันนี้ถือว่าขี้ลืม แต่หลงลืมคือลืมทั้งเหตุการณ์ทั้งสิ่งแวดล้อมที่เคยทำอยู่นั้น แล้วกลับไปนั่งคิดต่อจำไม่ได้สักอย่าง ผมยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น สมมติว่าคุณพ่อตอนเช้าตื่นมาทานข้าวกับครอบครัว มีลูกชายมีหลานสาวมีภรรยานั่งกินด้วย แล้วก็ดูทีวีตอนเช้า อาจจะดูข่าวช่องหนึ่งอยู่ ก็นั่งหัวเราะเฮฮากัน แล้วพอถึงเที่ยงปุ๊ป ลูกชายถามพ่อเมื่อเช้ากินอะไร พ่อตอบกินแล้วหรอ กินอะไร ละเมื่อเช้าพ่อนั่งตรงไหน ยังไง ดูอะไร จำไม่ได้ อันนี้แปลว่าลืมทั้งเหตุการณ์
สมมติว่า 1-2 อาทิตย์จำไม่ได้ เพราะมันมีเรื่องตั้งเยอะแยะ ?
หมอฐานุตร์ : แต่เราจะสามารถ Re Call ได้ คุ้น ๆ อย่างงั้นอย่างงี้ อันนี้คือขี้ลืม ยกตัวอย่างเช่น เรามานั่งทำงานในออฟฟิศ รถเราก็จอดที่ออฟฟิศนั่นแหละ ทักทายคนนั้นคนนี้ วางกุญแจตรงไหนไม่รู้ พอจะกลับบ้าน ไปถึงรถแล้วหากุญแจไม่เจอ ก็กลับมาออฟฟิศหาไม่เจอ พยายามคิด ว่าทำอะไรก่อน ละอ๋อ ฉันไปห้องนี้ก่อน ไปหาละเจอว่ากุญแจอยู่ตรงนั้น อันนี้เรียกว่าขี้ลืม เป็นกลุ่มคนที่มีงานหลายอย่างต้องทำ อะไรไม่สำคัญก็ไม่จำ แก้ง่าย ๆ คือจำไม่ได้ก็จด
อาการของคนที่เป็นอัลไซเมอร์มีกี่ระยะ แล้วแต่ละระยะมันบอกอะไรได้บ้าง ?
หมอฐานุตร์ : ผมเล่าประวัติศาสตร์ก่อน อัลไซแมอร์ทำไมถึงต้องตั้งชื่อว่าเป็นอัลไซเมอร์ เป็นชื่อคุณหมอท่านหนึ่งครับ ช่วงปี 1906 ท่านเป็นจิตแพทย์ มีความสนใจในเรื่องของจิตประสาททั้งหลาย และสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเซลล์สมองด้วย เวลามีผู้ป่วยเสียชีวิต ขอญาติเอามาผ่าศึกษา จนกระทั่งตีพิมพ์ผู้ป่วยหญิงคนหนึ่ง อายุประมาณ 45 มีอาการประสาทวุ่นวาย เห็นภาพหลอน ความจำก็ไม่ดี คุณหมอขอญาติเอาไว้ว่าถ้าเธอเสียชีวิต ขอเอาสมองมาผ่าพิสูจน์ จนไปเจอคราบในสมองกับเส้นใยบางอย่างผิดปกติ เขาก็บรรยายในที่ประชุมจิตแพทย์ทั่วเยอรมัน ผ่านไป 4-5 ปี ทูตเยอรมันก็เรียกโรคที่เจอแบบนี้ว่า โรคอัลไซเมอร์ จะสังเกตุว่าไม่ได้แปลว่าจะเป็นผู้สูงวัย ผู้ป่วยรายแรกที่คุณหมออัลไซเมอร์ได้บรรยายไว้ ก็อายุเพียงแค่ 45 ปีที่เริ่มมีอาการ หลังจากนั้นก็จากไปตอนอายุ 50 ปี รุ่นหลังก็ไปทำการศึกษาเพิ่มเติมว่า ตัวที่เป็นคราบ กับเส้นใยที่ผิดปกติ มันเกิดจากสารพิษบางอย่าง
จะมีคราบทุกคนไหม ?
หมอฐานุตร์ : ไม่ทุกคน จะมีเฉพาะคนที่เป็นโรคนี้ คราบอันนี้ปัจจุบันเราเรียกว่า อะไมลอยด์เบต้า อีกตัวหนึ่งคือชื่อ โปรตีนทาว (tau)
พวกนี้มันเกิดขึ้นมาได้ไงคะหมอ ?
หมอฐานุตร์ : ปัจจุบันคราบอันนี้ยังไม่ทราบว่ามาจากไหน แต่เราเชื่อว่ามาจากโรคประจำตัวบางอย่างที่เราดูแลไม่ดี เช่น ความดัน ไชมันโลหิตสูง สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ สารเคมีต่าง ๆ อาหารการกิน คือมันหลาย ๆ อย่างร่วมกัน ก็เกิดสารพิษอันนั้นค่อย ๆ เยอะขึ้น แต่ก็มักจะเกิดกับกลุ่มคนที่ไม่ค่อยดูแลสุขภาพ แต่บุคคลที่ดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายบ่อย ๆ สารพิษนี้มันจะค่อยๆย่อยสลายของมันไปเองได้ อันนั้นคือต้นเหตุที่แท้จริงของโรคอัลเมอร์ ซึ่งกระบวนการการเกิดสารพิษอันนี้เกิดมาล่วงหน้า 10-20 ปี ก่อนจะมีอาการ แล้วระยะของโรคมันมีหลายระยะมาก ทางการแพทย์ เอาแบบง่าย ๆ สำหรับประชาชน มี 3 ระยะ หนึ่งคือระยะหลงลืม ลืมอะไรที่พึ่งทำไปเมื่อสักครู่นี้หรือระยะสั้น ๆ ไม่เกินวันก็ลืมแล้ว เมื่อกี้นี้พูดอะไรไป ลืมแล้ว
แล้วบางคนที่พูดเรื่องอดีต จำเรื่องอดีตได้ล่ะ ?
หมอฐานุตร์ : อันนั้นก็คือเป็นอัลไซเมอร์ครับ เพราะว่าที่ขำไม่พูดเรื่องปัจจุบันเพราะจำไม่ได้ เขาก็จะไปรื้อฟื้นอดีต โดยเฉพาะเรื่องที่อาจจะไม่ค่อยดี นี่ก็เป็นอาการหนึ่งของคนใกล้เป็นอัลไซเมอร์ ซึ่งระยะแรก ๆ จะเรียกว่าหลงลืม ณ ตรงนี้ยาก หรือว่าคนดูแลคงจะคิดว่า คงแก่ตามวัย ซึ่งมันเลยทำให้ ระยะนี้เลยเวลาผ่านไป เลยจุดที่ควรจะต้องรักษาไป
หมอจะบอกว่าให้สังเกตระยะตรงนี้ให้ดี ?
หมอฐานุตร์ : ถูกต้อง แต่คนที่จะหลงลืมทุกคนจะเป็นอัลไซเมอร์ไหม ไม่ มันจะมีระยะก่อนที่จะเป็นอัลไซเมอร์ ก็คือมีอาการหลงลืม แต่ยังเข้าสังคมได้โดยปกติ เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง แต่ลืมทั้งเหตุการณ์ แต่ว่าเข้าสังคมได้ แต่เพียงแค่หลงลืมนิด ๆ หน่อย ๆ มักจะเกิดในวัย 60-70 แต่อย่าลืมว่าคนไข้คนแรกของคุณหมอคืออายุ 45 ซึ่งมันควรจะมีเหตุการร์บางอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องเช่น พันธุกรรม นอกจากอาการหลงลืมในระยะแรก ๆ อาจจะมีอาการที่เราพยายามค้นหา เช่น คุณแม่ทำอาหารรสชาติเปลี่ยน เพราะลืมว่าต้องปรุงอาหารด้วยอะไรก่อน หรือว่า ต้มน้ำต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไว้ หม้อไหม้ไปสามหม้อ เพราะว่าลืม หรือลืมล็อคประตูบ้านบ่อย ๆ อันนี้ก็เป็นสัญญาณเตือนเหมือนกัน แต่ว่ากลับกัน ถ้าสมมติต้มน้ำไว้ แต่พอถามทำไมไม่ไปปิด กลับตอบว่า ไม่ได้ต้มไว้ นี่คือลืมทั้งเหตุการณ์ อันนี้เรียกว่าหลงลืม อาการเริ่มต้นอัลไซเมอร์
แล้วระยะต่อไปหลังจากที่เราหลงลืมแล้ว เป็นยังไง ?
หมอฐานุตร์ : สองคือ หลงผิด หลงลืมเนี่ยจะกินระยะเวลา 1-3 ปี จากนั้นจะเข้าสู่อาการหลงผิด แปลว่า เข้าใจผิดเป็นถูก หรือเข้าใจถูกเป็นผิด เช่น เข้าใจว่าสามีมีคนใหม่ เข้าใจว่าภรรยามีชู้ หรือเข้าใจว่าคนในบ้านคือผู้ร้าย หรือในบางคนจะมีพฤติกรรมผิดปกติ โดยที่สารพิษอะไมลอยด์เบต้าค่อย ๆ กระจายไปจากสมองส่วนความจำกระจายไปสมองส่วนทักษะ สมองส่วนการคิดเหตุคิดผล การยับยั้งชั่งใจก็จะแย่ลงด้วย นอกจากจะหลงผิดก็จะมีพฤติกรรมที่แปลก ๆ เช่น ผู้ชายหลายคนอาจจะไปจับก้นสาว แท้จริงแล้วมันคือระยะของโรคอัลไซเมอร์ นอกจากจะมีอาการเหล่านี้แล้ว หลงลืมก็จะเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเขาอาจจะเริ่มไปส่องกระจกแล้วจำตัวแองไม่ได้ เพราะว่าในความคิดของเขา เขาก็จะรู้สึกว่าอายุเขาไม่ใช่ ณ ตอนนี้ สมมติว่าเวลาตรวจคนไข้ แล้วถามว่าอายุเท่าไหร่แล้ว จริง ๆ คืออายุ 70 แต่บอกหมอว่าปีนี้ 60 แล้ว แปลว่าหลัง 60 จำไม่ได้แล้ว 10 ปีหลังนี่จำไม่ได้แล้ว ตรงระยะ 2 จะกินเวลา 3-5 ปปี ญาติจะเริ่มไม่ไหว เพราะคนไข้ส่วนหนึ่งก็จะวุ่นวาย ไม่หลับไม่นอน เห็นภาพหลอน ส่วนมากก็จะเห็นแบบว่าเด็กเล็ก ๆ วิ่งไปมา ตอนตีสอง วิ่ทะลุกำแพงไปห้องนู้นห้องนี้ หรือเห็นบุพการีที่ตายไปแล้วมาหา แต่ว่าเขาไม่รู้ว่ามันคือภาพสมมติ หลายคนก็จะกลัว แม่คุยคนเดียว ไม่หลับไม่นอน
ถ้าไม่รักษาเลยเข้าสู่ระยะที่สาม ?
หมอฐานุตร์ : ความจริงคือแม้รักษามันก็จะเข้าสู่ระยะที่สามเมื่อถึงจุดหนึ่ง แต่คุณภาพชีวิตจะดีขึ้น
ดีขึ้นยังไง ?
หมอฐานุตร์ : สมมติว่าระยะโรค 1-10 ปี ระยะที่สามคือติดเตียง หลงลืม หลงผิดด ติดเตียง ระยะติดเตียงคือปีที่ 8-10 พอถึงระยะท้าย ๆ แล้ว เขาก็จะไม่ด่าใคร ไม่มีแรงจะด่า สารพิษอะไมลอยด์เบต้า กับทาวโปรตีน ก็จะกระจายไปเรื่อย ๆ คือมันค่อย ๆ แย่ลง จากเดินได้กลายเป็นคลาน จากกินได้เองกลายเป็นต้องป้อน จากป้อนเริ่มกลืนไม่ได้ เริ่มกลืนไม่ได้ ก็ต้องใส่สายยางในจมูก แล้วก็ติดเตียง หลังจากติดเตียงก็จะเจออีก 4 อย่าง ติดเตียง ติดเชื้อ โดดเดี่ยว ลูกหลานติดหนี้แล้วก็จากไป ติดเชื้อคืออะไร คนที่ติดเตียงเนี่ย เชื้อโรคเริ่มชอบ เริ่มมีก้นเป็นแผล ติดเชื้อที่ก้น ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ สำลักอาหารเข้าปอด ปอดติดเชื้อ สุดท้ายก็ติดเชื้อกระแสโลหิต ตรงจุดนี้ก็ต้องเข้า ICU ลูกหลานเยี่ยมไม่ได้ แล้วก็โดดเดี่ยวใน ICU
มีไหมที่จะไปก่อนระยะสุดท้าย เขาทนอะไรไม่ไหวเขาถึงไป ?
หมอฐานุตร์ : มีครับ ส่วนหนึ่งคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์มันจะมีซึมเศร้าแฝงอยู่ เพราะว่าคนรอบข้างไม่เข้าใจ บางทีก็ไม่เข้าใจแบบ เมื่อกี้เพิ่งบอกไปถามอีกแล้ว กำลังใจในการดูแลเค้ามันจะน้อยลงเรื่อย ๆ ซึ่งตรงนี้พอครอบครัวไม่รู้ว่าอาการของโรคเป็นแบบนี้ ก็จะเริ่มมีการต่อว่ากัน ก็เริ่มเกิดซึมเศร้า จนไปถึงฆ่าตัวตายก็มีเยอะแยะ
ขอย้อนกลับไปที่สาเหตุของการเกิดอัลไซเมอร์ หมอคิดว่ามันเกิดจากอะไร ?
หมอฐานุตร์ : พันธุกรรมส่วนหนึ่งแต่ไม่เยอะ
บางคนบอกว่าคนที่ไม่ทำงานใช้สมองเลย เช่น อาจจะเป็นแม่บ้านพ่อบ้านเฉย ๆ ไม่ได้คิดเลข ก็ทำให้สมองเป็นอัลไซเมอร์ได้ จริงไหม ?
หมอฐานุตร์ : ถือว่าเป็นความโชคร้ายที่มีโอกาสเกิดขึ้นในสถิติของทั่วโลก ในประเทศไทยเนี่ยพบว่าประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของทั่วโลกของผู้สูงวัยจะเป็นอัลไซเมอร์ ในปัจจุบันสังคมประเทศไทยเป็นสังคมสูงวัย ตามสถิติที่ได้รับฟังมา ก็ประมาณ 7-8 ล้านคน ดังนั้น 10 เปอร์เซ็นต์ก็แปลว่าประมาณ 8 แสน ที่มีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์ อันนี้ข้อมูลเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน แปลว่า ณ ปัจจุบันนี้อาจจะเพิ่มมาเป็นล้านคนแล้วก็ได้ ทุกหนึ่งครอบครัวต้องมีหนึ่งคนโดยประมาณ
อายุน้อยเป็นไหม ?
หมอฐานุตร์ : โอกาสน้อยมาก เขาอาจจะสมองเสื่อมจากเหตุการณ์อื่น ที่ไม่ได้เรียกอัลไซเมอร์ เช่น อุบัติเหตุแข่งกีฬา ทำให้เส้นใยความจำมันตัดขาด บางคนอาจจะเป็นชั่วคราวหรือถาวร
เคมีบำบัดมีผลข้างเคียงที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโลกอัลไซเมอร์ไหม ?
หมอฐานุตร์ : เคมีบำบัดมีผลข้างเคียง แต่ถ้ากับอัลไซเมอร์นี่น้อยมาก อาจจะเป็นเรื่องไขกระดูก ติดเชื้อ อะไรนู่นนี่นั่น แต่ถ้าเกี่ยวกับอัลไซเมอร์โอกาสน้อยมาก
ปัจจุบันมีเจาะเลือดเพื่อดูมะเร็ง ส่วนอัลไซเมอร์ดูได้ไหม ?
หมอฐานุตร์ : ปัจจุบันมี พึ่งมีเทสนี้ในเมืองไทยมาไม่ถึงปี พวกสารอะไมลอยด์เบต้าเราสามารถเช็กได้ล่วงหน้าก่อนจะมีอาการ 10-20 ปี สมมติว่าคนที่วัย 30 40 กลัวว่าจะเป็นแต่ไม่มีอาการอะไรเลย โอกาสถูกต้อง 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นช่วงที่สมองกำลังจะผลิตสารพิษตัวนี้ แต่มันโผล่มาในเลือดเขาก็เอาเลือดไปวิเคราะห์ได้
พี่อายุเยอะแล้ว ไม่ใช่ 30 40 พี่สามารถเช็กได้ไหม ?
หมอฐานุตร์ : เช็กได้ก่อนมีอาการ 10 – 20 ปี โอกาสถูกต้อง 80 เปอร์เซ็นต์
สมมติมันมีอาการแล้ว มันมีแนวโน้มอาจจะถึงระยะหนึ่งอยู่ มันจะรู้ไหม ?
หมอฐานุตร์ : รู้ครับ แต่ว่ามันเป็นสถิติ มันไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่โอกาสถูกเกิน 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเมื่อไหร่เป็นอัลไซเมอร์ไปแล้ว เจาะเลือดมักจะไม่เห็นแล้ว เพราะมันกลายเป็นคราบไปแล้ว แต่คำถามคือ ถ้าเราเจาะแล้ว สมมติอายุประมาณ 30 40 ปี ไปเจาะแล้วเกิดบอกว่า โอกกาสใช่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ โอกาสเป็นตอนอายุ 60 แล้วเราจะทำอย่างไรต่อ ระยะที่มันจะไม่เป็นคราบในสมองเนี่ย เราเปลี่ยนแปลงได้ ดูแลตัวเอง ออกกำลังกาย รักษาความดัน เลิกเหล้า เลิกบุหรี่
ความดันมีผลเหรอคะ ?
หมอฐานุตร์ : คือโรคอะไรที่ทำให้เกิดหลอดเลือดในสมองไม่ดีทั้งหมด ส่งผลเรื่องอัลไซเมอร์ทั้งหมด
บางคนที่เป็นความดัน แล้วต้องกินยา การกินยามันไม่ได้เป็นการหลอกตัวเองเหรอ ?
หมอฐานุตร์ : ไม่หลอกครับ เพราะว่าการกินยาก็เพื่อให้ลดความดัน เพราะว่าความดันที่สูง ๆ ลองนึกสภาพหลอดเลือดคนเราก็เหมือนสายยาง ถ้าเราเปิดด้วยแรงดันน้ำเยอะ ๆ วันนึงมันก็ปลิ มันก็รั่ว หลอดเลือดคนเราเช่นเดียวกัน ถ้ามันอยู่ภายใต้แรงดันเยอะ ๆ แรงดันที่มันกระทบหลอดเลือด เมื่อวันนึงหลอดเลือดเริ่มปริ เริ่มแตก ไปอยู่ตำแหน่งความจำ เป็นต้นเหตุอันหนึ่งทำให้อัลไซเมอร์ในอนาคตได้ ควรรีบรักษาให้ความดันอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ เพราะถ้ามันสูงหลอดเลือดเราจะปลิแตกตีบง่าย กระบวนการที่มันเกิดร่องรอยผิดปกติในสมองมันเกิดตลอดเวลา แต่บังเอิญไปเกิดในตำแหน่งที่ยังไม่เกิดอาการกับเรา ถ้าเราดูแลตัวเองได้ดีเรื่องความดัน โอกาสที่เกิดมันก็จะน้อยลง แต่จริง ๆ เรื่องความดัน กินยาแล้วหยุดได้ไหม มันก็มีใช้วิธีการธรรมชาติเยอะแยะมากมาย บางคนก็ใข้กลุ่มอาหาร อย่างพวกผักใบเขียว ผลไม้กลุ่มแบอร์รี่ ธัญพืช เป็นอาหารที่ช่วยเกี่ยวกับเรื่องของหลอดเลือด ปลาที่มีโอเมก้า3ปริมาณสูง เช่น พวกปลาแซลมอน ปลาทู เรียกว่า DASH Diet มันก็จะไปสอดคล้องกับ Mediterranean Diet มันก็จะไปรวมกับ DASH Diet มันจะเพิ่มขึ้นมา ก็คือน้ำมันมะกอกกกับไวน์แดง แต่ไวน์แดงต้องกินปริมาณวันละไม่ถึงแก้ว ถ้าเทียบแก้วไวน์ ก็หนึ่งในสี่ แต่ว่าจริง ๆ แล้ว ที่เราไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องไวน์ เพราะว่าบ้านเราอ้างว่าเขาบอกกินแล้วชีวิตจะดี ก็กินไปเรื่อย ๆ ต้องกินเป็นปริมาณที่เหมาะสม เพราะว่า เหล้าเบียร์ก็จะไปทำให้สมองส่วนหนึ่งความจำยิ่งเสื่อมอีก ถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสมมันจะเป็นผลดี
มาถึงคำถามสำคัญ แล้วถ้าเป็นอัลไซเมอร์มันจะรักษาได้ไหม ?
หมอฐานุตร์ : อัลไซเมอร์ในปัจจุบันยังรักษาไม่หายขาด ระยะเวลาดำเนินโรค คือ 5-10 ปี แปลว่ายังไงก็ตามเราเห็นอนาคตอยู่แล้วที่ 10 ปีติดเตียง แต่ว่าเริ่มรักษาตั้งแต่ระยะแรกจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต วันแรกที่เริ่มมีอาการผ่านไปจะ 10 ปีอาการจะแย่ลงเลยแบบดิ่ง แต่ถ้าเมื่อไหร่มีการรักษามันจะเพิ่มคุณภาพชีวิตแบบค่อย ๆ แย่ ไม่รุงรัง ไม่ค่อยวุ่นวาย
คนที่หลงลืมมาก ๆ กลับบ้านไม่ถูกเรามีวิธีช่วยเขายังไง ?
หมอฐานุตร์ : ผมเล่าประสบการณ์ตรงก่อน วันหนึ่งผมอยู่เวรที่โรงพยาบาล มีผู้ป่วยชาวต่างชาติคนหนึ่งมาแข่งมอเตอร์ไซต์ที่จังหวัดเชียงราย แล้วเขาก็รถล้ม กู้ภัยก็นำส่งมา เขามาคนเดียว กู้ภัยบอกว่าเห็นเขานอนอยู่บนถนน ตามตัวไม่มีอะไรเลยแต่เราไปเห็นสิ่งที่เรียกว่าริชแบรนด์ ข้างหลังเขาสลักชื่อยาด้วยว่ากินยาอะไรอยู่ ง่ายเลยครับ คนไข้คนนี้น่าจะแข่งเยอะ แล้วก็ชักกำเริบ ก็เลยได้ไอเดีย ก็เลยแนะนำผู้ป่วยหลายคน ถ้าเธอไม่รู้จะทำยังไงกลัวพ่อหายนะ เธอสลักริชแบรนด์ไว้หลาย ๆ อัน สลักว่าพ่อชื่ออะไร ผู้ดูแลชื่ออะไร เบอร์โทรอะไรพ่อเป็นโรคอะไรเอาไว้หลังริสแบรนด์ เสิร์ชในโซเชียลมีทำหลายเจ้าเลยไม่แพงหรือว่ามีมูลนิธิบางอันรับทำริสแบรนด์ให้ฟรี มี QR Code เสร็จสับรู้เลยว่าเป็นใคร ญาติชื่ออะไรแล้วมีญาติผู้ป่วยหลายคนริสแบรนด์ทำแล้วพ่อดึงทิ้งก็มีโอกาส ไม่รู้เรื่องก็ดึงทิ้งหมดรำคาญนี่ หมอเสื้อทุกตัวของพ่อผมสลักไว้หมดเลยด้านหลัง สกรีนเสื้อเลยครับเสื้อยืดที่พ่อใส่นี่สกรีนเลยครับว่าใครพบเห็นคนผู้นี้เป็นโรคอันนี้ อันนี้ ขอกรุณาติดต่อเบอร์นี้ เพราะไม่ว่าพ่อจะใส่เสื้ออันไหนก็มีสกรีนหมด
โรคอัลไซเมอร์มีตัวยาใหม่ ๆ ที่สามารถใช้รักษาให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมีไหม ?
หมอฐานุตร์ : จริง ๆ การรักษาโรคนี้ มีด้วยกันอยู่หลายอย่างมีทั้งการไม่ใช้ยากับการใช้ยา ยาในกลุ่มเก่า ๆ ที่ปัจจุบันเราใช้นี่ก็มีอยู่ เช่น ยากินช่วยชะลอความเสท่อมสภาพของสมองได้ ชะลอได้แต่สุดท้ายจบเหมือนกันคือติดเตียง แต่ชะลอแปลว่าเพิ่มคุณภาพชีวิต เพิ่มความสุขให้ครอบครัวมีเวลาให้รักษา มีเวลาให้คิดวิเคราะห์อีกหลาย ๆ อย่างว่าจะวางแผนชีวิตยังไงในอนาคตเป็น 7-8 ปีก่อนที่จะติดเตียง แต่ถ้าไม่มีการรักษาใด ๆ เกิดขึ้นสามสี่ปีอาจจะเริ่มติดเตียงละ แต่ในปัจจุบันนี้ต่างประเทศเขามีงานวิจัยใหม่ ๆ เรียกยาพุ่งเป้าหรือบางคนเรียกยามุ่งเป้า แล้วแต่ใครจะเรียกเราเคยได้ยินในการรักษามะเร็งหรือมุ่งเข้าไปที่จุดมะเร็งเลย แต่โรคอัลไซเมอร์ก็เหมือนกันคือยาตัวนี้ไปดักเอาสารพิษอะไมลอยด์เบต้าออกมาเลยจากสมองฉีดเดือนละหนึ่งเข็มไปเรื่อย ๆ
มีแล้วใช่ไหมคะ ?
หมอฐานุตร์ : มีแล้วแต่ปัจจุบันยาตัวนี้ยังไม่เข้าเมืองไทย แต่ในงานวิจัยก็ระบุว่าคนที่ใช้ยาตัวนี้คุณภาพชีวิตดีขึ้นจริง แล้วก็ตัวอะไมลอยด์สารพิษ มันลดลงจริงในสมองแต่เมื่อไหร่หยุดฉีดก็กลับมาใหม่ นั่นแปลว่ามันต้องใช้ไปเรื่อย ๆ
ฉีดทีคงแพงน่าดูเลย ?
หมอฐานุตร์ : มหาโหด ตอนนี้ยายังไม่เข้าเมืองไทย เท่าที่ผมได้ข่าว ต่อปีน่าจะเกินเจ็ดหลัก สมมติว่าถ้าเขาชะลอการติดเตียง สมมติเขาควรติดเตียงตั้งแต่ห้าปีหลังมีอาการไปติดเตียงที่แปดปี ไอ้สามปีนั้นสมมติเขาเป็นเจ้าสัวหาเงินได้เดือนละร้อยล้านมันก็คุ้ม แต่ในอนาคตถ้าเขามีการพัฒนายาที่มากขึ้น ราคายาอาจจะถูกลงก็ได้ มีหลายบริษัทที่ทำมาแข่งกันราคาก็อาจจะค่อย ๆ ดีขึ้น ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นยุคเราหรือเปล่านะพี่ตั๊ก
วิธีอื่นที่ไม่ใช้ยา มีวิธีไหนบ้าง ?
หมอฐานุตร์ : อันนี้เป็นเรื่องเด็ดเลยครับที่ทุกคนจะต้องทราบ เป็นวิธีที่คุณทำเองที่บ้านได้ เป้าหมายคือให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตประจำวันได้และเข้าสังคมได้ใกล้เคียงปกติ อันดับแรกจะต้องส่งเสริมการรับรู้ให้เขาดีขึ้นก่อน การรับรู้คืออะไรบ้างก็อย่างเช่นสายตา สมมติว่ามีแบบต้อกระจกมองไม่เห็นก็จะไปรับรู้อะไรเพิ่มเติมไม่ได้นี่ก็ต้องไปทำเรื่องดวงตาให้ดี อันต่อไปคือหู ถ้าหูตึงจะมาช่วยเรื่องอะไรก็ไม่ได้ก็ไปรักษาเรื่องหู หรือโรคทางกายบางอย่างที่เป็นอุปสรรคในการดูแลที่บ้าน เช่น เข่าก็เริ่มไม่ดีกันไปรักษาเข่าให้ดี ทั้งหูทั้งตาทั้งโครงสร้างร่างกายอาจจะต้องดูแลให้ดี ที่สำคัญครับผู้ดูแลซึ่งอาจจะไม่ใช่ญาติก็ได้
อันนี้ต้องมีความรู้ระดับหนึ่งว่าเราต้องมีความอดทน ต้องมีความเคารพในผู้ป่วย แม้เขาจะเป็นโรคพูด ๆ ไปแล้วก็ลืมแต่นั่นคือเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่เราคนหนึ่ง ที่ต้องให้ความเคารพเขาในศักดิ์ศรีและคุณค่าในความเป็นมนุษย์ของเขา ซึ่งอันนี้ที่ต้องเล่าให้ผู้ดูแลฟังก่อนอาจจะไม่ใช่ญาติก็ได้ เวลาผ่านไปสองปีสามปีสี่ปีโรคมันอาจจะรุนแรงขึ้น เขาอาจจะต้องใช้ความอดทนมากขึ้น ซึ่งพอบอกไว้ก่อนเขาจะได้เริ่มเตรียมใจแล้วส่วนหนึ่ง อันนี้คืออันดับแรก จากนั้นเราก็ต้องปรับสิ่งแวดล้อมในบ้านให้เหมาะสม
เช่น คุณพ่ออยู่ชั้นสองต้องเดินขึ้นบันได ก็ลงมาอยู่ชั้นล่างหรืออะไรแบบนี้ก็ต้องปรับสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย ห้องน้ำถ้าลื่น ๆ ก็ต้องหาวิธีให้ไม่ลื่น เปลี่ยนพื้นเปลี่ยนอะไรก็ทำไป ทำบ้านให้สะอาดสะอ้านไม่รกรุงรัง อันนี้คือปรับสิ่งแวดล้อมในบ้านจากนั้นวิธีการที่ไม่ใช้ยานะครับมี 3 อย่าง หนึ่งก็คือเพิ่มการรับรู้ สองจัดการอารมณ์ สามเรื่องพฤติกรรม อันที่รับรู้นะครับเราต้องทำอยู่ 4 อย่างง่าย ๆ เลยนะครับ อันแรกเขาเรียกว่าเรียลลิตี้ออเรนเตชั่น พูดสภาพความเป็นจริงให้ฟังทุกวัน ให้เขาดูทีวี ให้อ่านหนังสือพิมพ์ ดูปฏิทินทุกวัน ก็คือให้รู้ว่าวันนี้วันอะไรเขาอยู่ที่ไหน เหตุการณ์บ้านเมืองเป็นยังไง ให้เขารู้เหตุการณ์ปัจจุบันว่ามันคืออะไรยังไงวันไหน อันที่สองก็คือว่าเรื่องความจำให้เสริมความจำบ่อย ๆ เช่นอาจจะเล่นไพ่ เพราะผู้สูงวัยชอบเล่นไพ่ เล่นเกม เล่นทายเพลงกัน ทางเพลงว่าเนื้อร้องเพลงนี้ชื่อเพลงอะไร เกมอื่น ๆ ฝึกเมมโมรี่แต่อันนี้ต้องไม่เวอร์เกินไป คืออย่าตะบี้ตะบันต้องอย่างนี้ ๆ คนไข้จะเครียด อันที่สามก็คือเรื่องของสกิลทักษะ เช่น ไปฝึกทำอาหารกันแต่อย่าไปเครียดมากว่าต้องทำให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ท่าเต้นรำ อันนี้คือเป็นสกิลในชีวิตประจำวัน ต่อมาอันที่สี่ก็คือเรื่องของการใช้ AI หรือคอมพิวเตอร์มาช่วยให้เล่นเกมบางอย่าง เช่น เล่นเกม ควบคุมเกม โดยใช้ทักษะมือมันมีขายอยู่แล้วอะไรก็ได้ฝึกสมอง จับผิดภาพ เป็นการรักษาแบบไม่ใช้ยาอันนี้อันที่หนึ่งเขาเรียกว่าการรับรู้ อันต่อมาอันที่สองเรียกว่าการควบคุมด้านอารมณ์ อารมณ์นี่ง่ายมากเราเห็นทุกคนทำอยู่แล้วแต่เราไม่รู้อันนี้เรียกว่าอะไร เขาเรียกว่าการทำรีมินิซีน รีคืออีกครั้งหนึ่ง มินิคือเล็ก ๆ ซีนคือฉาก เบื้องหลัง ภาษาง่าย ๆ คือรำลึกความหลังที่เขามีความสุข เช่น เอารูปสมัยเขาแต่งงานมาให้ดู พ่อเล่าให้หน่อยว่าในนี้มีใครบ้าง เขาก็จะฝึกคิด อ๋อเรื่องเมื่อห้าสิบปีที่แล้ว คิดๆๆ พอเริ่มคิดมันมีสารเคมีสมองหลั่งออกมา มันมีความจำหลั่งออกมามันก็ช่วยได้ การกระตุ้นแบบนี้ทำให้เขารู้สึกมีความสุข เป็นความสุขเล็ก ๆ ณ เวลานั้นมินิซีน อาจจะพ่อช่วยเล่าตอนพ่อจีบแฟนคนแรกให้เราฟังหน่อย ผิดหรือถูกไม่รู้ให้เล่ามา หรือว่าให้เล่าตอนจีบแม่ให้ฟังหน่อย แล้วก็อันที่สามคือพฤติกรรมการควบคุมพฤติกรรมที่อาจจะรุงรังวุ่นวายถ้าเขามีพฤติกรรมแบบนั้นเยอะ อันนี้เราก็ทำการหลีกเลี่ยงความสนใจ เช่นสมมติเขาเคบมีรุงรังอยากออกจากบ้านไปหาใครไม่รู้ เราก็ให้เขาออกกำลังกายบ่อย ๆ ให้ทำอย่างอื่นแทนทำบ่อย ๆ ทุกวัน ๆ จนเขาลืมว่าจะออกนอกบ้านไปเลย
เพราะฉะนั้นก็ต้องมีความอดทนด้วยมีใจที่จะต้องดูแล ?
หมอฐานุตร์ : ถูกต้อง และสุดท้ายคือ Caregiver หรือคนดูแลจะต้องมีเวลาให้ตัวเอง จะต้องดูแลตัวเองให้สุขภาพแข็งแรง จิตใจจะต้องดีถ้าไม่ใช่ญาติหรือญาติหลายคนจะต้องผลัดเวรกัน ให้คนนี้ไปพักบ้าง ให้ไปพักผ่อนสบายจิตใจ
มันเครียดใช่ไหมเลี้ยงผู้ป่วยที่เป็นอัลไซเมอร์ ?
หมอฐานุตร์ : ถูกครับ เครียดเพราะผู้ป่วยเหล่านี้ เมื่อวันหนึ่งก็ต้องจากไปสภาพที่อาจจะโดดเดี่ยว อาจจะติดเตียง แต่เวลาเราเลี้ยงลูก ผู้ป่วยอัลไซเมอร์นี่แหละลูกเราแต่เรารู้แล้วในอนาคตจะโตขึ้น แต่ผู้ป่วยอัลไซเมอร์นี่รู้อยู่แล้วไม่โตขึ้น ค่อย ๆ แย่ลง ๆ อันนี้คนดูแลก็จะเริ่มท้อแท้ บางคนก็ซึมเศร้าไปพร้อม ๆ กับผู้ป่วยก็มีที่สำคัญครับเรื่องสุดท้ายที่จะไม่ใช่เรื่องของการดูแลละแต่เป็นเรื่องของประเด็นด้านกฎหมาย ในแง่ที่เป็นหมอเจ้าของไข้รักษาโรคนี้ พบบ่อย ๆ ว่าวันดีคืนร้ายมีหมายศาลมาแล้ว เชิญไปขึ้นศาล บอกว่าคุณหมอช่วยผู้พิพากษาหน่อยว่าขณะที่พ่อไปเซ็นชื่อยกที่ให้คนนั้นมีสติสัมปชัญญะไหม ถูกซึ่งอันนี้อาจจะเป็นประเด็นที่หลายคนไม่ทันคิด แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหมอบอกแล้วว่ามีผู้ป่วยอัลไซเมอร์ในบ้านประเด็นแรก ๆ ที่ต้องคุยกันในครอบครัวคือเมื่อพ่อไม่รู้เรื่องแล้ว จะจัดแบ่งสมบัติกันอย่างไร ตั้งแต่ระยะแรกที่พ่อยังรู้เรื่อง อาจจะเซ็นด้วยวิธีไหนหรือว่าปรึกษาสำนักงานอัยการมีบริการอยู่ไม่เสียเงิน แต่ถ้ามีเงินหน่อยก็ไปสำนักงานทนายความหรือว่าถ้าตกลงกันไม่ได้ก็คราวนี้แหละให้ผู้พิพากษาช่วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
DeepSeek จีนเขย่า OpenAI ทุบสถิติ AI ต้นทุนต่ำสุด สะเทือนซิลิคอนแวลลีย์
DeepSeek จีนเขย่า OpenAI ทุบสถิติ AI ต้นทุนต่ำสุด สะเทือนซิลิคอนแวลลีย์
เปิดศึก AI จีน-สหรัฐฯ! DeepSeek สตาร์ทอัพจีนพลิกเกมด้วยโมเดลฟรี แม้โดนแบนชิป ยังท้าชนยักษ์ใหญ่ OpenAI ด้วยต้นทุนต่ำกว่า 90% จนสร้างความตื่นตระหนกในวงการเทคโนโลยีสหรัฐ
Global Times ซึ่งเป็นสื่อในเครือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รายงานว่า DeepSeek สตาร์ทอัพเทคโนโลยีจากเมืองหางโจวกำลังสร้างความตื่นตระหนกในวงการ AI สหรัฐฯ ด้วยแนวทางโอเพ่นซอร์สและโมเดลต้นทุนต่ำ ท่ามกลางข้อจำกัดด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่เข้มงวดจากรัฐบาลสหรัฐฯ
นิตยสาร Nature รายงานเมื่อ 3 วันหลังการเปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ DeepSeek-R1 เมื่อวันที่ 20 มกราคม ว่า “โมเดล AI ราคาถูกแบบเปิดของจีน DeepSeek สร้างความตื่นเต้นให้นักวิทยาศาสตร์” โดยมีประสิทธิภาพในงานด้านเคมี คณิตศาสตร์ และการเขียนโค้ดเทียบเท่า o1 ของ OpenAI
Jim Fan ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัยของ NVIDIA กล่าวบน X ว่า DeepSeek กำลังรักษาภารกิจดั้งเดิมของ OpenAI ให้คงอยู่ – การวิจัยขั้นสูงที่เปิดกว้างอย่างแท้จริงซึ่งให้อำนาจแก่ทุกคน สอดคล้องกับ Tian Feng อดีตคณบดีสถาบันวิจัยอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ของ SenseTime ที่ระบุว่าโมเดล V3 ของ DeepSeek ใช้ต้นทุนการฝึกฝนเพียงประมาณหนึ่งในสิบของที่ Meta ลงทุน
ตามโพสต์นิรนามบน Teamblind ฟอรั่มสำหรับพนักงาน Big Tech ที่ได้รับการยืนยัน แผนก AI ของ Meta “อยู่ในโหมดตื่นตระหนก” ด้าน Mark Zuckerberg โพสต์บน Facebook ตามรายงานของ The Decoder ว่า Meta มีเป้าหมายพัฒนาผู้ช่วย AI ที่จะให้บริการผู้คนมากกว่าพันล้านคนในปี 2568
Li Baiyang รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยหนานจิงระบุว่า แนวทางเทคโนโลยีของ DeepSeek ท้าทายการครอบงำและผูกขาดเทคโนโลยี AI ของสหรัฐฯ พิสูจน์ให้เห็นว่าข้อจำกัดด้านชิปไม่มีประสิทธิผล ขณะที่ New York Times วิเคราะห์ว่าหากเทคโนโลยีโอเพ่นซอร์สที่ดีที่สุดมาจากจีน นักพัฒนาสหรัฐฯ จะสร้างระบบของพวกเขาบนเทคโนโลยีเหล่านั้น และในระยะยาว จีนอาจก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในนวัตกรรม AI ระดับโลก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า 500 พันล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ และบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำสามแห่งจะร่วมกันตั้งบริษัท Stargate เพื่อขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ตามรายงานของ CNN อย่างไรก็ตาม Li Baiyang มองว่าการแข่งขันที่ดีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับท่าทีของสหรัฐฯ และยังมีพื้นที่สำหรับความร่วมมือที่สำคัญ โดยเฉพาะในด้านการกำกับดูแล AI
DeepSeek แจ้งกับ Global Times ว่าไม่สามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ในตอนนี้ และแนะนำให้อ้างอิงรายงานทางเทคนิค พร้อมประกาศว่า “ไม่มีส่วนร่วมในโครงการความร่วมมือภายนอก และไม่ให้บริการติดตั้งแบบส่วนตัวและบริการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง” โดยจะมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาโมเดลที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
Passive Voice โครงสร้างประโยคและหลักการใช้ ง่ายกว่าที่คิด
Passive Voice คือรูปแบบของประโยคที่เน้น ผู้ถูกกระทำ แทนการเน้น ผู้กระทำ ซึ่งตรงข้ามกับ Active Voice โดย Passive Voice เหมาะสำหรับการเขียนแบบทางการ รายงาน การเขียนวิชาการ หรือสถานการณ์ที่ผู้กระทำไม่สำคัญ
หลักการใช้ Passive Voice ใน 12 Tense
Passive Voice มีการเปลี่ยนแปลงตามโครงสร้างของ Tense ที่ใช้ หลักสำคัญคือการใช้ Verb to be ให้ตรงกับ Tense และเติม Past Participle (V3) ของกริยาหลัก
วิธีเปลี่ยนประโยคจาก Active Voice เป็น Passive Voice
- ย้าย Object ของ Active Voice มาเป็น Subject ใน Passive Voice
- ใช้ Verb to be ตาม Tense ของ Active Voice
- เปลี่ยนกริยาหลักเป็นรูป Past Participle (V3)
- หากต้องการระบุผู้กระทำ ให้เติม by + ผู้กระทำ
โครงสร้างประโยค Passive Voice ทั้ง 12 Tense
- Present Tenses
1.1 Present Simple Tense ใช้เมื่อเราต้องการเน้น “ผู้ถูกกระทำ” หรือ “สิ่งที่เกิดขึ้น” มากกว่าเน้น “ผู้กระทำ”
โครงสร้าง Subject + is/am/are + V3
ตัวอย่าง Active: He writes a letter.
Passive: A letter is written by him.
1.2 Present Continuous Tense ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึง “การกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน” โดยเน้น “ผู้ถูกกระทำ” มากกว่าผู้กระทำ
โครงสร้าง Subject + is/am/are + being + V3
ตัวอย่าง Active: They are repairing the car.
Passive: The car is being repaired by them.
1.3 Present Perfect Tense ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึง “การกระทำที่เสร็จสิ้นลงแล้วในอดีต” และยังคงมีผลกระทบหรือความสำคัญในปัจจุบัน โดยเน้น “ผู้ถูกกระทำ” มากกว่า “ผู้กระทำ”
โครงสร้าง Subject + has/have + been + V3
ตัวอย่าง Active: She has finished the report.
Passive: The report has been finished by her.
1.4 Present Perfect Continuous Tense การใช้งานในภาษาอังกฤษพบการใช้ passive voice ใน Tense นี้ไม่บ่อยนัก ใช้ในกรณีที่เน้นการกระทำที่ “กำลังดำเนินอยู่ต่อเนื่องในอดีตจนถึงปัจจุบัน” และผู้ถูกกระทำเป็นจุดสำคัญ
โครงสร้าง Subject + have/has + been + being + V3
ตัวอย่าง Active: They have been repairing the road for hours.
Passive: The road has been being repaired for hours.
- Past Tenses
2.1 Past Simple Tense ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึง “การกระทำในอดีต” โดยเน้น “ผู้ถูกกระทำ” แทนที่จะเน้น “ผู้กระทำ” เหมาะสำหรับการสื่อสารในกรณีที่ผู้กระทำไม่สำคัญหรือไม่ทราบว่าเป็นใคร
โครงสร้าง Subject + was/were + V3
ตัวอย่าง Active: My mom cooked the meal.
Passive: The meal was cooked by my mom.
2.2 Past Continuous Tense ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึง “การกระทำที่กำลังเกิดขึ้นในอดีต” โดยเน้น “ผู้ถูกกระทำ” มากกว่าผู้กระทำ
โครงสร้าง Subject + was/were + being + V3
ตัวอย่าง Active: We were painting the house.
Passive: The house was being painted by us.
2.3 Past Perfect Tense ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึง “การกระทำที่เสร็จสิ้นแล้วในอดีต” โดยเน้นที่ “ผู้ถูกกระทำ” มากกว่าผู้กระทำ เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการสื่อว่าเหตุการณ์หนึ่งเสร็จสิ้นก่อนอีกเหตุการณ์ในอดีต
โครงสร้าง Subject + had + been + V3
ตัวอย่าง Active: She had completed the assignment.
Passive: The assignment had been completed by her.
2.4 Past Perfect Continuous Tense เป็นรูปแบบที่ค่อนข้างหายากและไม่ค่อยใช้บ่อยในภาษาอังกฤษ ใช้ในบางกรณีเมื่อเราต้องการเน้น “ผู้ถูกกระทำ” ในการกระทำที่ “กำลังดำเนินอยู่ต่อเนื่องในอดีต” และผลของการกระทำนั้นมีความสำคัญในบางบริบท
โครงสร้าง Subject + had + been + being + V3
ตัวอย่าง Active: We had been studying the reports for a week.
Passive: The reports had been being studied for a week.
- Future Tenses
3.1 Future Simple Tense ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึง การกระทำที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเน้นที่ผู้ถูกกระ ทำมากกว่าผู้กระทำ การใช้ Passive Voice ใน Tense นี้มักจะใช้ในกรณีที่ผู้กระทำไม่สำคัญหรือไม่ต้องการระบุว่าใครจะทำการกระทำนั้น
โครงสร้าง Subject + will + be + V3
ตัวอย่าง Active: He will deliver the package.
Passive: The package will be delivered by him.
3.2 Future Continuous Tense ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึง การกระทำที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ในลักษณะที่ เน้นผู้ถูกกระทำ มากกว่าผู้กระทำ โดยปกติแล้วการใช้ Passive Voice ใน Future Continuous Tense ไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนักในภาษาอังกฤษ แต่ก็สามารถใช้ได้ในบางสถานการณ์ที่เหมาะสม เช่น เมื่อเราต้องการเน้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคตที่ดำเนินอยู่ต่อเนื่องและผู้กระทำไม่สำคัญหรือไม่ต้องการระบุ
โครงสร้าง Subject + will be + being + V3
ตัวอย่าง Active: They will be cleaning the office all day tomorrow.
Passive: The office will be being cleaned all day tomorrow.
3.3 Future Perfect Tense ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึงการกระทำที่เสร็จสิ้นแล้วในอนาคต โดยเน้นที่ ผู้ถูกกระทำ มากกว่าผู้กระทำ ในรูปแบบนี้ เราจะใช้เพื่อเน้นผลลัพธ์หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเวลาที่กำหนดในอนาคต และไม่จำเป็นต้องระบุว่าใครจะเป็นผู้ทำการกระทำนั้น
โครงสร้าง Subject + will have + been + V3
ตัวอย่าง Active: She will have cleaned the room.
Passive: The room will have been cleaned by her.
3.4 Future Perfect Continuous Tense ใช้เมื่อเราต้องการพูดถึง การกระทำที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตและจะดำเนินต่อเนื่องจนเสร็จสิ้น โดยเน้นที่ ผู้ถูกกระทำ มากกว่าผู้กระทำ และในกรณีที่ต้องการเน้นผลลัพธ์ หรือระยะเวลาของการกระทำนั้นที่ยังดำเนินอยู่ในอนาคต แต่จะเสร็จสิ้นก่อนเวลาหนึ่งที่กำหนด
โครงสร้าง Subject + will have + been + being + V3
ตัวอย่าง Active: We will have been discussing the proposal for hours before the decision is made.
Passive: The proposal will have been being discussed for hours before the decision is made.
การเรียนรู้ Passive Voice กับ 12 Tense ช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสารในภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะในการเขียนงานที่เป็นทางการหรือเน้นผู้ถูกกระทำ การฝึกใช้อย่างถูกต้องและเข้าใจบริบท จะช่วยให้เราสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Active vs Passive Voice ในรูปประโยคแบบไทย ๆ
มีหลักการใช้รูปประโยคในภาษาอังกฤษอยู่เรื่องหนึ่งที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษต้องเรียนรู้ ก็คือ Active Voice และ Passive Voice ซึ่งก็คือประโยคที่มีประธานเป็นผู้กระทำ และประโยคที่มีประธานเป็นผู้ถูกกระทำนั่นเอง Passive Voice เป็นประโยคที่เราเจอได้บ่อย เมื่อเราเข้าใจโครงสร้างประโยคก็ทำให้สามารถฟังหรืออ่านได้เข้าใจ เวลาเลือกใช้คำพูดหรือเขียนก็เขียนได้อย่างถูกต้องตามไวยากรณ์
ในภาษาไทยความแตกต่างของประโยคทั้งสองก็มีเพียงเรื่องที่ประธานอยู่นำหน้าเป็นผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำ และเพิ่มคำว่า “ถูก” ลงไป ส่วนกริยาและคำต่อท้ายอื่น ใช้เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำหรือผู้ถูกกระทำ เช่น
Active Voice: แม่ตีฉัน
Passive Voice: ฉันถูกแม่ตี
หรือ Active Voice: สุนัขกัดน้องของฉันเมื่อวานนี้
Passive Voice: น้องของฉันถูกสุนัขกัดเมื่อวานนี้
Active Voice ประโยคที่มีประธานเป็นผู้กระทำ
ประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำ ในภาษาอังกฤษ คือ Active Voice เป็นประโยคที่เราพบได้ทั่วไป
รูปประโยค Active Voice : ประธาน (subject) + กริยา (verb) + กรรม (object)
My mother hit me.
A dog bit my brother yesterday.
Passive Voice ประโยคที่มีประธานเป็นผู้ถูกกระทำ
ประโยคที่มีประธานเป็นผู้ถูกกระทำ ในภาษาอังกฤษคือ Passive Voice เป็นประโยคที่เราก็พบได้ทั่วไปเช่นกัน บางคนพอเห็นประโยค Passive Voice ก็เกิดความสับสน เพราะรูปประโยคอธิบายด้วย Tense ใดไม่ได้เลย
รูปประโยค Passive Voice : ประธาน (Object) + V. to be + กริยา (verb) ช่อง 3 + by + กรรม (subject)
ประธานของ Passive Voice คือ ผู้ถูกกระทำ (หรือกรรมในประโยค Active Voice)
กรรมของ Passive Voice คือ ผู้กระทำ (หรือประธานในประโยค Active Voice)
ส่วนรูปกริยาในประโยค Passive Voice : Verb to be + V ช่อง 3
ก่อนจะไปดูหลักการเปลี่ยนประโยค Active เป็น Passive Voice ลองดูตัวอย่างของประโยคกันก่อน
I am hit by my mother.
My brother was bitten by a dog yesterday.
วิธีเปลี่ยนรูปประโยคจาก Active Voice เป็น Passive Voice
ก่อนเราจะสามารถใช้ Passive Voice ได้คล่องแคล่ว ทั้งฟัง พูด อ่าน หรือเขียน เราควรเข้าใจที่มาของการเปลี่ยนประโยค Passive มาจาก Active ก่อนว่ามีหลักการเปลี่ยนอย่างไรบ้าง ถ้าเราเข้าใจโครงสร้างประโยคร่วมกับการใช้ Tense ต่าง ๆ อย่างดีแล้ว ก็จะพูด แต่งหรือใช้ประโยค Passive ได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์
- สลับประธานและกรรม
- ใช้ Verb to be มาช่วย โดยดู Tense ของประโยค ว่า จะใช้ is/am/are หรือ was were หรือ has/have been แล้วเลือกใช้ให้ตรงกับประธาน (กรรมที่สลับมาเป็นประธาน)
- กรณีประโยคมี Verb to be อยู่แล้ว เช่น ประโยคใน Continuous Tense ให้คง Verb to be นั้นไว้ แล้วนำ be/being/been เข้ามาใช้ แทนความเป็น Verb to be ในประโยค Passive
- Verb แท้ในประโยค ไม่ว่าจะอยู่ใน Tense ไหน ให้เปลี่ยนเป็น Verb ช่อง 3
- กรณีมีประธาน ที่สลับมาเป็นกรรมใน Passive ให้อยู่ท้ายประโยค ตามหลังคำว่า “by”
เรามาลองเปลี่ยนประโยคกันดู ดังนี้
Yuval Noah Harari wrote Sapiens, a brief history of humankind.
เป็น
Sapiens, a brief history of humankind was written by Yuval Noah Harari.
อธิบายขั้นตอน
- สลับประธาน Yuval Noah Harari ไปเป็นกรรม ตามหลัง byในประโยค Passive
- สลับกรรม Sapiens, a brief history of humankind มาเป็นประธานในประโยค Passive
- สังเกต Verb แท้ wrote แสดงว่าเป็น Past tense ในประโยค passive ต้องนำ Verb to be คือ was/were มา และ เลือก was เพราะประธาน Sapiens เป็นเอกพจน์
- เปลี่ยน Verb แท้ wrote เป็น Verb ช่อง 3 คือ written
Passive Voice ควรใช้เมื่อไหร่ กรณีไหนบ้าง
ประโยคใจความทั่วไปส่วนใหญ่เราใช้เป็น Active Voice ประธานเป็นผู้กระทำเป็นประจำอยู่แล้ว ทีนี้มีคำถามว่าแล้วเมื่อไหร่ล่ะที่เราควรใช้ Passive Voice
- เน้นผู้ถูกกระทำ / เน้นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำ
เช่น Most students in the class were punished except him.
ประโยคนี้ต้องการเน้นว่านักเรียนเกือบทั้งห้องที่ถูกลงโทษ หรือ
My bag was imported from Europe.
ประโยคนี้ต้องการเน้นไปที่ตัวกระเป๋าว่าถูกนำเข้ามาจากยุโรป
- ไม่ได้เน้นผู้กระทำว่าเป็นใคร
เช่น My car has already been repaired.
ประโยคนี้ไม่ได้เน้นว่าใครเป็นผู้ซ่อมรถ แต่เน้นว่ารถซ่อมเสร็จแล้ว หรือ
This bridge was built in 1975.
ประโยคนี้ไม่ได้เน้นว่าใครเป็นผู้สร้างสะพาน แต่เน้นว่าสะพานนี้สร้างในปี 1975
- ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้กระทำ
เช่น He was attacked in the dark.
ประโยคนี้ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ร้าย หรือ
My wallet has been stolen for three days.
ประโยคนี้ไม่ทราบว่าใครเป็นคนขโมยกระเป๋าสตางค์ไป
ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com
10 อันดับผักใบเขียวให้แคลเซียมจัดเต็ม เสริมกระดูกแข็งแรง
แคลเซียมเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย มีส่วนช่วยในการจัดสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และช่วยการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ผักใบเขียวเป็นพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะแคลเซียม ในผักใบเขียว 100 กรัม จะให้แคลเซียมแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของผักใบเขียวและวิธีการปรุงอาหาร
จากผลการวิจัยพบว่าผักใบเขียวที่มีแคลเซียมสูงที่สุด 10 อันดับ ได้แก่
1.ใบมะกรูด 1,672 มิลลิกรัม
2.ใบชะพลู 600 มิลลิกรัม
3.ผักแพว 580 มิลลิกรัม
4.ใบยอ 470 มิลลิกรัม
5.มะขามฝักอ่อน 420 มิลลิกรัม
6.ยอดแค 400 มิลลิกรัม
7.ผักกระเฉด 390 มิลลิกรัม
8.ใบแมงลัก , ยอดสะเดา , ผักโขม 350 มิลลิกรัม
ผักใบเขียวที่มีแคลเซียมสูงเหล่านี้ สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น แกงส้ม แกงจืด ยำ ต้มยำ น้ำพริก เป็นต้น นอกจากผักใบเขียวแล้ว ยังมีอาหารอื่นๆ ที่ให้แคลเซียมสูง เช่น นม ผลิตภัณฑ์จากนม เต้าหู้ ปลาตัวเล็ก ถั่ว งา เป็นต้น การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงเป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/01/2568
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 43,950.00 | 44,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 2,847.00 | 43,160.52 | 44,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 2,562.30 | 38,844.47 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 2,277.60 | 34,528.42 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 1,281.00 | 19,419.96 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 996.00 | 15,099.36 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 2,950.00 | 44,722.00 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/01/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | เอสโซ่ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 35.75 | 35.75 | 36.25 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 | 35.75 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 35.38 | 35.38 | 35.88 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 | 35.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 33.54 | 33.54 | 34.04 | 33.54 | 33.54 | – | 33.54 | 33.54 | 33.54 | 33.54 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 32.59 | 32.59 | – | – | – | – | – | – | – | 32.59 |
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 44.34 | 49.84 | 49.84 | 49.84 | – | – | – | – | – | 44.34 |
เบนซิน 95 | 44.04 | – | – | – | 49.81 | – | 44.54 | 44.19 | – | 44.04 |
ดีเซล | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 | 32.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 44.94 | 47.14 | 49.84 | 47.14 | 47.14 | – | – | – | – | 44.94 |
แก๊ส NGV | 17.90 | 17.90 | – | – | – | – | – | – | – | 17.90 |