สาระน่ารู้ประจำวันที่ 27 มีนาคม 2568

กลุ่มทุนลุยปักหมุดคอนโดหรูลุมพินีไพร์มแอเรียมาแรง!

กลุ่มทุนปักหมุดคอนโดหรูย่านลุมพินีชิง ซิตี้ เรียลตี้ร่วมทุนสไวร์ ผุด 2 อาคารสูง 52 ชั้น156 ยูนิตสูง 71 ชั้น 239 ยูนิต เฟรเซอร์สผุดBranded Residencesขาย 4แสนบาทต่อตร.ม.

หลังจากปี 2560 -2561 ที่ผ่านมาแทบ”ไม่มี”โครงการคอนโดระดับลักชัวรีเปิดตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาต่อเนื่อง รวมไปถึงการหายไปของกำลังซื้อคนจีนที่เป็นกำลังซื้อหลักในตลาดคอนโด ทว่าในปี2568นี้จะเริ่มมีการเปิดตัวโครงการคอนระดับลักชัวรี ,ซูเปอร์ลักชัวรี และอัลตราลักชัวรีออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเกิดจากซัพลาย”ลดลง” ทำให้กลุ่มทุนไทย-เทศตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการในทำเลทอง อย่าง สวนลุมพินี ถือเป็น “Prime Area” แห่งหนึ่งในกรุงเทพ ที่มีโรงแรมระดับ 5-6 ดาวรวมถึงอาคารสำนักงานจำนวนมาก เพื่อรองรับดีมานด์ที่มีกำลังซื้อสูงทั้งคนไทยและต่างชาติ

สุรเชษฐ กองชีพ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย  กล่าวว่า  สวนลุมพินี ถือเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นที่สุดของการพัฒนาโครงการอสังหาฯที่มีความพร้อม ทำให้มีโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังพัฒนา และที่เปิดให้บริการไปแล้วจำนวนมากที่สุดคิดป็นมูลค่าการพัฒนามากกว่า แสนล้าน! เฉพาะโครงการ “วันแบงค็อก”มีมูลค่าเกินแสนล้านบาทและยังมีโครงการขนาดกลาง เล็ก และขนาดใหญ่อีกหลายโครงการที่อยู่ในพื้นที่นี้ อีกทั้งโครงการต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่

ที่ดินส่วนใหญ่ในพื้นที่นี้เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ซึ่งจำกัดการพัฒนาในลักษณะของการเช่าซื้อระยะยาว(Leasehold )เป็นหลัก การที่โครงการในพื้นที่มีความหลากหลายทั้งในด้านประเภทและกลุ่มทุน ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ หรือคอนโดมิเนียม ล้วนเป็นการสะท้อนถึงศักยภาพของย่านนี้ได้เป็นอย่างดีทำให้มีผู้ประกอบการอสังหาฯไทยและต่างชาติร่วมทุนพัฒนาโครงการคอนระดับลักชัวรี ,ซูเปอร์ลักชัวรี และอัลตราลักชัวรีออกมา

ในขณะที่ราคาที่ดินในพื้นที่นี้จะราคาแพง ล่าสุดที่มีการซื้อขายไปถึง 3.9 ล้านบาทต่อตารางวา ซึ่งเป็นการยืนยันให้เห็นถึงความต้องการและความน่าสนใจของนักลงทุน ท่ามกลางความท้าทาย กลุ่มของผู้ประกอบการที่เข้ามาพัฒนาโครงการอสังหาฯในพื้นที่นี้มีหลากหลายมาก ถ้านับตั้งแต่ 30 กว่าปีก่อนหน้านี้ถึงปัจจุบันก็มีไม่น้อยแล้วเช่นกัน ทั้งผู้ประกอบการไทย และโครงการที่เป็นการร่วมทุนของผู้ประกอบการไทยกับผู้ประกอบการต่างชาติ ซึ่งโครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการไทย 

“โครงการต่างๆ เหล่านี้อาจจะสร้างเสร็จและเปิดให้บริการทั้งโครงการหรือบางส่วนไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางโครงการหรือที่ดินอีกบางแปลงที่รอการพัฒนารวมไปถึงอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโครงการที่เป็นการร่วมทุนระหว่างผู้ประกอบการไทยและต่างชาติ ซึ่งบางโครงการมีมูลค่าในการพัฒนาไม่น้อย และสร้างการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มศักยภาพให้กับพื้นที่รอบสวนลุมพินีอีกมาก”

ยกอย่าง เช่น  โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ส่วนต่อขยาย บนที่ดินขนาดประมาณ 23 ไร่ที่เคยเป็นสถานทูตอังกฤษมาก่อน โครงการนี้เป็นการร่วมทุนกันระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลกับบริษัท เอชเคแอล (ไทย ดีเวลลอปเม้นท์) จำกัดบริษัทในกลุ่มฮ่องกงแลนด์ เฉพาะค่าที่ดินประมาณ 19,000 ล้านบาท รวมทั้งโครงการไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท พื้นที่อาคารเกือบ 600,000 ตารางเมตร โดยมีทั้งส่วนที่เป็นโรงแรม พื้นที่ค้าปลีก และที่อยู่อาศัย โดยคาดว่าเสร็จปี 2572  

โครงการวันซิตี้ เซ็นเตอร์ โครงการอาคารสำนักงานที่เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) กับมิตซูบิชิ เอสเตทจากญี่ปุ่น บนที่ดินเช่าระยะยาวจากกลุ่มธนิยะ เป็นอาคารสำนักงานเกรด A ที่มีพื้นที่เช่ารวมประมาณ 61,000 ตารางเมตรติดกับสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต มูลค่าโครงการ 8,800 ล้านบาท

โครงการดิเอ็มบาสซี ไวร์เลส โครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนระหว่างบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กับกลุ่มฮ่องกงแลนด์ ราคาขายเริ่มต้นที่ประมาณ 290,000 บาทต่อตารางเมตรหรือประมาณ 18 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าลงทุน 10,990 ล้านบาท

และโครงการคอนโดระดับอัลตราลักชัวรี ของ ซิตี้ ไดนามิค ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง ซิตี้ เรียลตี้  และ สไวร์ พร็อพเพอร์ตี้ส์  จากกลุ่มทุนฮ่องกง  จำนวน 2 อาคารเป็นอาคารสูง 52 ชั้น จำนวน 156 ยูนิต และอาคารสูง 71 ชั้น จำนวน 239 ยูนิต ที่มองเห็นวิวสวนลุมพินีและสวนเบญจกิติ   เป็นต้น 

ในแง่ของการอยู่อาศัยเรียกได้ว่า ทำเลดังกล่าวตอบโจทย์การอยู่อาศัยเนื่องจากมีสถาบันการศึกษาหลากหลายทั้งไทยและนานาชาติ โรงพยาบาลโรงแรมหลายระดับตั้งแต่โรงแรมขนาดเล็กไปจนถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว อีกทั้งยังมีเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ระดับ 3 – 5 ดาว ที่สำคัญแตกต่างจากทำเลอื่นคือมีสถานทูตของประเทศใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลียส่งผล ให้มีดีมานด์จากชาวต่างชาติเลือกทำเลนี้เป็นที่พักอาศัยระยะยาว นอกจากนี้ทำเลดังกล่าวยังมีคอมมูนิตี้มอลล์ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร หรือภัตตาคารนานาชาติจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม พื้นที่รอบๆ สวนลุมพินีไม่เพียงแต่เป็นที่ที่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากมาย แต่ยังเป็นศูนย์กลางการเจริญเติบโตแห่งอนาคตที่สร้าง”โอกาส”แก่นักลงทุนทั้งหลายได้สร้างผลตอบแทนอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ความต้องการที่ดินสูงขึ้นส่งผลให้ราคาขายให้ทะยานขึ้นเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยมีโอกาสสูงว่าจะสูงถึง 4 ล้านบาทต่อตารางวาอย่างแน่นอน! 

สอดคล้องกับสืบพงษ์ เกียรติวิศาลชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษท สยามสินธร จำกัด  กล่าวว่าในระยะ 10 ปี พบว่าที่ดินในย่านศูนย์กลางธุรกิจ ทำเลเพลินจิต วิทยุ หลังสวน พระราม4 ราชประสงค์ ขยับขึ้นมา 400%   โดยเฉพาะโซนหลังสวนเป็นที่ดินที่แพงที่สุดแต่การพัฒนาส่วนใหญ่เป็น”นิว ดีเวลลอปเมนท์” สวนทางวิธีคิดของการพัฒนาเพราะที่ดินแพงจะพัฒนายาก แต่กลายเป็นว่ามีโครงการใหม่ขึ้นตลอดเวลาเพราะว่าศักยภาพโตเร็วกว่าราคาที่ดิน ทำให้เกิดความคุ้มทุนที่จะทุบสร้างใหม่

ล่าสุด สมบูรณ์ วศินชัชวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT เผยว่า   ได้ทุบ “อพาร์ตเมนต์ เมย์แฟร์” ย่านซอยหลังสวนเพื่อจะเปิดตัวคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์มูลค่า 8,000 ล้านบาท ราคาขาย 4-5 แสนบาทต่อตร.ม. อาจใช้แบรนเด็ดเรสซิเดนซ์ ซึ่งกำลังยื่น EIA คาดใช้เวลา 1 ปี  

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


วัดใจแบงก์ปล่อยกู้ คอนโดแชมป์จบมหกรรมบ้านฯยอดซื้อ1.2หมื่นล้าน

สมาคมบ้านฯ ลุ้น วัดใจแบงก์ปล่อยกู้ แม้ยอดซื้อขายทะลุ1.2หมื่นล้าน คอนโดฯแชมป์ หลังจบมหกรรมบ้านฯ   เทียบงานมหกรรมปลายปี67 ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูงกว่า40 % ยอดซื้อขายกว่า6,000ล้านในงาน เหลือ กว่า3,000ล้าน

ท่ามกลางพายุเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซาอย่างหนัก จากกำลังซื้อหายไปจากตลาด ขณะเดียวกันสถาบันการเงินเข้มงวดสินเชื่อ เป็นเหตุให้ต้องนำที่อยู่อาศันหมุนเวียนกลับมาขายใหม่ซึ่งกลายเป็นต้นทุนและในยามที่ไม่มีมาตรการรัฐ ที่เป็นยาแรงออกมากู้วิกฤตในทันที แน่นอนว่า ผู้ประกอบการต้องช่วยเหลือตนเอง จัดกิจกรรมทางการตลาดลดแลกแจกแถมล่อใจดึงยอดขาย

ที่น่าจับตางานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 ที่ 3สมาคมฯ จัดขึ้น ได้แก่ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ผนึกกำลังจัด “Thailand’s Number One Real Estate Expo” ล่าสุดมียอดขาย ทะลุ 12,000 ล้านบาท พร้อมกระแสขอสินเชื่อ คึกคักตอกย้ำ ความต้องการที่อยู่อาศัย และศักยภาพตลาดอสังหาฯ ไทยที่ยังแข็งแกร่งเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

นายกฯสมาคมบ้าน ลุ้นแบงก์ปล่อยกู้ 

นายสุนทรสถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรเปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ยอมรับว่าตลอดที่อยู่อาศัยหดตัวมาตรการรัฐ ยังมาไม่ถึงในช่วงวันจัดงานมหกรรมฯ  3สมาคม ฯ

ได้เสนอขอมาตรการเร่งด่วนต่อรัฐไปทั้งลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองรวมถึงการผ่อนคลายLTV ให้ทันไตรมาสแรกหรือ ภายในงานมหกรรม ฯ เนื่องจากมีบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ต้องแสดงผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์เพื่อปิดไตรมาสแรก แต่ปรากฎว่ามาตรการมาไม่ทัน

ทางออกของ ผู้ประกอบการ ที่ นำโครงการมาแสดงในงานต่างใช้กลุยุทธ์ ฟรีค่าโอนเป็นหลัก ส่วนค่าจดจำนอง ให้ผู้ซื้อเป็นผู้จ่าย แต่หลายโครงการอาจออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดขึ้นอยู่ที่เทคนิค

โดยปีนี้ยอดขายค่อนข้างดีเกินคาด กว่า12,000 ล้านบาท เพียง4วัน (20-23มีนาคม68) ถือว่ามากถึงกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่46ซึ่งจัดขึ้นช่วงปลายปีที่ผ่านมา ที่มียอดขายในงานกว่า 6,000ล้านบาท แต่ยอดปฎิเสธสินเชื่อ กว่า40 % เหลือประมาณกว่า3,000ล้านบาท ครั้งนี้ก็เช่นกัน ต้องลุ้นสถาบันการเงินว่าจะปฏิเสธสินเชื่อมากน้อยแค่ไหนแม้ว่าในงานจะมีสถาบันการเงินมาให้คำแนะนำ

อย่างไรก็ตามมุมสะท้อนของ ดร.ดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต รองเลขาธิการสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และประธานคณะกรรมการจัดงาน เปิดเผยว่า “ปีนี้มหกรรมบ้านและคอนโดทำลายทุกสถิติ ยอดเข้าชมพุ่งทะลุเป้า ตลาดคึกคักเกินคาด

โดยเริ่มต้นด้วยยอดลงทะเบียนล่วงหน้าทะลุ 10,000 คน ก่อนเปิดงาน ซึ่งเทียบเท่ากับการจัดงานช่วงปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลอด 4 วันของการจัดงาน ยอดผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นถึง 30% สะท้อนความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย

คอนโดฯ ยังครองแชมป์ บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์มาแรง

คอนโดมิเนียมยังคงเป็นประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในงานนี้ คิดเป็น 60% ของยอดขายทั้งหมด รองลงมาคือ บ้านเดี่ยว 25% ทาวน์เฮ้าส์ 10%  และอีก 5% เป็นบ้านแฝด อาคารพาณิชย์ และอสังหาฯ ประเภทอื่น ๆ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ยังคงให้ความสำคัญกับทำเลที่เดินทางสะดวกและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

เจาะพฤติกรรมผู้ซื้อ สะท้อนเทรนด์อสังหาฯ ยุคใหม่

การกระจายตัวของผู้เข้าชมงานบ่งชี้ถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ขยายตัวครอบคลุมทุกช่วงวัย โดยกลุ่มอายุ 30 – 45 ปี เป็นสัดส่วนหลักถึง 40% ตามมาด้วยกลุ่ม 25 -30 ปี 30% , 45 – 50 ปี 20%, และ 50  ปีขึ้นไป 5 -10% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการบ้านและคอนโดมิเนียมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มอายุ

ปัจจัยความสำเร็จ ดันยอดจองพุ่งทะลุเป้า

เบื้องหลังความสำเร็จของงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47 ไม่ได้มาจากเพียงแค่ดีมานด์ในตลาด แต่ยังได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ทั้ง มาตรการ LTV และนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ ตลอดจนโปรโมชั่นพิเศษจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ร่วมงาน

ทำให้เกิดยอดจองทะลุ 12,000 ล้านบาท โดยมาจากผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก ที่มาร่วมออกบูธในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 47  และคาดว่าหลังจบงาน จะมียอดขายและยอดโอนเพิ่มเติมไม่ต่ำกว่าสองเท่า

การจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดไม่ได้เป็นเพียงแค่งานแสดงที่อยู่อาศัย แต่เป็นเวทีสำคัญที่ช่วยให้คนไทยมีบ้านในฝัน และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เดินหน้าอย่างมั่นคง ดร.ดลพิวัฒน์ กล่าว

จับตาตลาดอสังหาฯ ปลายปี 2568 โอกาสและความท้าทาย

แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี 2568 ยังคงเผชิญปัจจัยท้าทายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนก่อสร้างและราคาวัสดุที่เพิ่มสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทำให้ดีเวลลอปเปอร์ต้องปรับตัวและสร้างจุดขายใหม่ ๆ ให้โดดเด่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป

โดยแผนจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48 จะจัดขึ้นปลายปีนี้ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 30 ต.ค. – วันอาทิตย์ที่  2 พ.ย. 2568 ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โดยมี สมาคมอาคารชุดไทย เป็นผู้รับหน้าที่ประธานคณะกรรมการจัดงานและคาดว่าน่าจะคึกคักมากขึ้นเนื่องจากมีมาตรการทั้งลดค่าโอนจดจำนองและผ่อนLTVมาครบ  

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 27 มี.ค. “อ่อนค่าลง เล็กน้อย” ที่ระดับ 34.01 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าเพิ่มเติม จากแรงขายสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติ ในช่วงที่บรรยากาศในตลาดปิดรับความเสี่ยง แต่ราคาทองคำอาจช่วยชะลอการอ่อนค่าได้บ้าง

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 27มี.ค.2568 ที่ระดับ  34.01 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง เล็กน้อย”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  33.95 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลงแบบค่อยเป็นค่อยไป

หรืออาจกล่าวได้ว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในลักษณะ Sideways Up โดยล่าสุด เงินดอลลาร์ได้ทยอยแข็งค่าขึ้น จากทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่

และความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งหากประเมินด้วยปัจจัยเชิงเทคนิคัลและกลยุทธ์ Trend-Following การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ที่ส่งผลให้ ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นทะลุโซน 104.4-104.5 จุด อย่างชัดเจน ได้สะท้อนว่า ดัชนี DXY อาจกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง หรือ เงินดอลลาร์มีโอกาสทยอยแข็งค่าขึ้นต่อได้ 

อย่างไรก็ดี แม้ว่า เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ทว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเงินบาท อย่าง ราคาทองคำ ก็อาจพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้ หากราคาทองคำสามารถทยอยปรับตัวขึ้น

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ในลักษณะ Sideways Up (แกว่งตัวในกรอบ 33.93-34.03 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์

ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ หลังมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมจะประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ในวันที่ 2 เมษายน นี้

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่ออกมาดีกว่าคาด อาทิ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) เดือนกุมภาพันธ์ ที่ขยายตัว +0.9% จากเดือนก่อนหน้า

สวนทางกับคาดการณ์ของตลาดที่ประเมินว่าจะ หดตัวกว่า -1.1% ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็ถูกชะลอแถวโซนแนวต้าน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาด

อีกทั้งราคาทองคำ (XAUUSD) ก็สามารถทยอยรีบาวด์สูงขึ้นได้บ้าง จากความต้องการถือทองคำ หลังตลาดการเงินเผชิญความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ชัดเจน ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ กดดันราคาหุ้นกลุ่มยานยนต์ อาทิ Tesla -5.6%

นอกจากนี้ บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ก็เผชิญแรงขายอีกครั้ง นำโดย Nvidia -5.7% ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ดิ่งลง -2.04% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.12%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวลง -0.7% ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มยานยนต์ต่างปรับตัวลงหนัก อาทิ Ferrari -3.7%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากการปรับตัวลงของบรรดาหุ้นเทคฯ เช่นเดียวกันกับฝั่งสหรัฐฯ อาทิ SAP -3.3% และ ASML -2.6%

ในส่วนตลาดบอนด์ แม้ว่ารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่วนใหญ่จะออกมาดีกว่าคาด ทว่า บรรยากาศปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ได้จำกัดการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทำให้โดยรวมบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 4.34%

ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ระยะยาวของสหรัฐฯ ยังมีความน่าสนใจอยู่ ตราบใดที่เฟดยังมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้อย่างน้อยตาม Dot Plot ล่าสุด ทำให้เราแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดสามารถรอจังหวะทยอยเข้าซื้อสะสมบอนด์ระยะยาว ในช่วงที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นได้ (เน้นรอ Buy on Dip)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ทยอยแข็งค่าขึ้น ตอบรับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด รวมถึงความกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ ซึ่งภาพดังกล่าวได้กดดันให้บรรดาสกุลเงินหลัก

โดยเฉพาะ เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นสู่โซน 104.6 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.1-104.7 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ การทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย. 2025) ย่อตัวลงบ้าง ทว่า ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ทำให้โดยรวมราคาทองคำยังสามารถแกว่งตัวแถวโซน 3,050-3,060 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 54% ที่จะลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง หรือ 75bps ในปีนี้ 

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยเฉพาะประธาน ECB Christine Lagarde หลังเศรษฐกิจยุโรปเผชิญปัจจัยเสี่ยงมากขึ้น

หากรัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าจากฝั่งยุโรป โดยเฉพาะรถยนต์ ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ระบุว่าเตรียมจะประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ในวันที่ 2 เมษายน นี้

และในฝั่งเอเชีย ช่วงราว 6.30 น. ตามเวลาประเทศไทย ของเช้าวันที่ 28 มีนาคม นี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ก็จะทำให้บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างยังมีความหวังว่า BOJ จะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้อีกอย่างน้อย 1 ครั้ง ในปีนี้

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“บัว กมลวรรณ” ปราบมือสูงกว่าลิ่ว 16 คนเทนนิสไอทีเอฟเวิลด์ทัวร์

“บัว” กมลวรรณ ยอดเพ็ชร เค้นฟอร์มเก่งปราบมือสูงกว่าอย่าง มาทิลเด มาริอานี จากอิตาลี 2-0 เซต ผ่านเข้ารอบ 16 คน เทนนิสนานาชาติ ไอทีเอฟเวิลด์ทัวร์

การแข่งขันเทนนิสนานาชาติ สัปดาห์ที่ 3 W15 รายการ ไอทีเอฟ วีเมนส์ เวิลด์ เทนนิส ทัวร์ (2) ชิงเงินรางวัลรวม 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 511,650 บาท และ M15 รายการ ไอทีเอฟ เมนส์ เวิลด์ เทนนิส ทัวร์ (3) ชิงเงินรางวัลรวม 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวม 2 รายการอยู่ที่ 1.02 ล้านบาท ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เมื่อ 26 มี.ค.68 เป็นการแข่งขันรอบแรกวันที่สอง

“บัว” กมลวรรณ ยอดเพ็ชร ดาวรุ่งไทย วัย 17 ปี ใช้สิทธิ์การเป็นนักเทนนิสมือท็อป 100 เยาวชนโลก เข้าร่วมการแข่งขันในประเภทหญิงเดี่ยว โดยรอบแรก (32 คน) กมลวรรณ มือ 71 เยาวชนโลก และมือ 1,319 ของโลก พบกับ มาทิลเด มาริอานี นักเทนนิสจากอิตาลี วัย 23 ปี มือ 705 ของโลก

ผลการแข่งขัน ปรากฏว่า กมลวรรณ ซึ่งพกความมั่นใจลงสนามสู้กับนักเทนนิสที่เหนือกว่าด้วยอันดับโลก สามารถเอาชนะได้ภายใน 2 เซต ด้วยสกอร์ 6-1 และ 7-5 กมลวรรณ ผ่านเข้ารอบสอง หรือ 16 คนสุดท้าย ไปพบกับ รินโกะ มัตสึดะ มือวาง 5 และมือ 595 ของโลก จากญี่ปุ่น ที่รอบแรกชนะ ชอย ออนยู มือ 817 ของโลก จากเกาหลีใต้ 2-0 เซต 6-3, 6-1

ด้านชายเดี่ยว รอบแรก (32 คน) “แมงปอ” ภวิชญ์ สอนหลักทรัพย์ หนุ่มไทย มือ 835 ของโลก ต้องออกแรงหวดชนิดหืดจับ ก่อนดวลไทเบรกเอาชนะ มาร์คัส มาลาซัค นักเทนนิสจากเยอรมนี มือ 1,423 ของโลก ที่เข้ามาจากรอบคัดเลือก ในการเล่นเซตที่สามไปอย่างสุดมัน สรุป ภวิชญ์ ชนะ 2-1 เซต 6-2, 4-6 และ 7-6 ไทเบรก 8-6 ผ่านเข้ารอบสอง ไปพบกับ อเล็กซานเดอร์ โลบานอฟ นักเทนนิส มือ 935 ของโลก

ส่วนผลการแข่งขันของนักเทนนิสไทยรายอื่นๆ มีดังนี้ ชายเดี่ยว รอบแรก ยุทธนา เจริญผล แพ้ อี แจมุน (เกาหลีใต้) 2-6, 2-6, กฤติน โกยกุล แพ้ พัก อึยซอง (เกาหลีใต้) 2-6, 1-6, เครดิต ไชยรินทร์ แพ้ ดาเนียล คาซิเม 3-6, 4-6, คงทรัพย์ คงคา แพ้ ชินทาโร่ อิมาอิ (4-ญี่ปุ่น) 4-6, 1-6, ธนเพชร ฉันทะ แพ้ โดมินิค ปาลัน (6-เช็ก) 1-4 Ret.(เจ็บไหล่ขวา), หญิงเดี่ยว รอบแรก อัญชิสา ฉันทะ ชนะ มารีน โซสตัก (7-ฝรั่งเศส) 6-1, 6-2, ลัลดา กำหอม แพ้ อีวา มารี เดอวิญญส์ (สิงคโปร์) 4-6, 3-6

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


มะเร็งลำไส้ใหญ่-ไส้ตรง ภัยเงียบคร่าชีวิตคนไทยปีละ 5.4 พันคน

สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ เผยมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงพบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย อันดับ 3 ในเพศหญิง เสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 15 คน ปีละกว่า 5.4 พันคน

24 มีนาคม 2568 นายแพทย์สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ในประเทศไทยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงพบมากเป็นอันดับ 1 ในเพศชายและอันดับ 3 ในเพศหญิง (สถิติสถาบันมะเร็งแห่งชาติ) และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องอัตราเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 15 คน (ปีละ 5,476 คน) ผู้ป่วยใหม่ เฉลี่ยวันละ 44 คน ปีละ 15,939 คน

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง เกิดจากอายุที่มากขึ้นพฤติกรรมการบริโภคอาหารและการดำเนินชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงประวัติพันธุกรรมในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ยิ่งเพิ่มโอกาสให้มีความเสี่ยงสูงขึ้น

เรืออากาศเอกนายแพทย์สมชาย ธนะสิทธิชัย ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า โดยทั่วไปโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงมีอุบัติการณ์เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป

ปัจจัยสำคัญ คือ การรับประทานโดยเฉพาะอาหารกลุ่มเนื้อแดง ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมูที่ผ่านการแปรรูปหรือปรุงด้วยความร้อนสูงเป็นเวลานาน ปิ้งย่างจนไหม้เกรียม อาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลที่ปรุงแต่งมากเกินไป การไม่ออกกำลังกายขาดการเคลื่อนไหวที่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ รวมถึงผู้มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงหรือโรคทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ FAP (FAMILIAL ADENOMATOUS POLYPOSIS)

โรคนี้ทำให้มีการเกิดติ่งเนื้อจำนวนมากในลำไส้ ถ้าไม่รักษาจะพัฒนากลายเป็นมะเร็ง, LYNCH SYNDROME เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งหลายชนิด รวมถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่, MUTYH-ASSOCIATED POLYPOSIS (MAP) เป็นอีกหนึ่งความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ทำให้มีการเกิดติ่งเนื้อในลำไส้ ดังนั้น ผู้ที่มีประวัติความผิดปกติทางพันธุกรรมในครอบครัวควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาความเสี่ยงเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

นายแพทย์กิตินัทธ์ ทิมอุดม นายแพทย์ชำนาญการด้านศัลยกรรมมะเร็งระบบทางเดินอาหารและตับ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ระยะเริ่มต้นมักไม่พบอาการที่ชัดเจน แต่เมื่อโรคลุกลาม อาจมีอาการ เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ท้องผูกสลับท้องเสีย การมีเลือดหรือมีมูกปนมาในอุจจาระ ปวดท้อง น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น

วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับระยะของโรค ได้แก่ การผ่าตัดเพื่อนำเนื้องอกมะเร็งออกทั้งหมด รวมถึงต่อมน้ำเหลือง, การรักษาด้วยเคมีบำบัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่หลังการผ่าตัด หรือเพื่อลดขนาดเนื้องอกก่อนผ่าตัดและรักษาโรคในระยะแพร่กระจาย, การรักษาด้วยรังสีเพื่อลดขนาดของเนื้องอกก่อนผ่าตัดหรือลดการเป็นกลับซ้ำหลังผ่าตัด

ดังนั้น การเข้ารับการตรวจประเมินเพื่อค้นหาความเสี่ยงจึงเป็นวิธีการที่สามารถป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงได้ แนะนำให้เริ่มตรวจเมื่ออายุ 50 ปี โดยการตรวจหาเม็ดเลือดแดงแฝงในอุจจาระ (FECAL IMMUNOCHEMICAL TEST : FIT) สามารถตรวจได้ว่า มีเลือดออกในทางเดินอาหารหรือไม่

การตรวจด้วยวิธีนี้เป็นประจำจะช่วยลดการเสียชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่(COLONOSCOPY) เป็นวิธีการตรวจคัดกรองที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้เห็นภาพภายในลำไส้ใหญ่ทั้งหมดและสามารถเก็บชิ้นเนื้อที่สงสัยส่งตรวจทางพยาธิวิทยาได้ 

วิธีการป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง 

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ 
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 
  • หลีกเลี่ยงอาหารเนื้อแดงแปรรูป ปิ้งย่างจนไหม้เกรียม 
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • งดสูบบุหรี่ 
  • ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน 

การทำสุขภาพให้แข็งแรงจะช่วยให้ห่างไกลทั้งจากโรคร้ายนี้และโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่น ๆ มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงเป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาได้หากตรวจพบเจอแต่เนิ่น ๆ ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความผิดปกติทางพันธุกรรมมีความสำคัญในการบริหารจัดการความเสี่ยง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและเข้ารับการตรวจสุขภาพเพื่อคัดกรองค้นหาความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์เด็ด! สร้างภาพด้วย GPT-4o ใน ChatGPT

OpenAI เปิดตัว “Images in ChatGPT” ใช้ GPT-4o สร้างภาพในแชต รองรับทุกแพ็กเกจ ปรับปรุงความแม่นยำ จับคู่สี-รูปร่างได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน

OpenAI กำลังผสานความสามารถในการสร้างภาพเข้ากับ ChatGPT โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้ภายใต้ฟีเจอร์ที่เรียกว่า “Images in ChatGPT” ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างภาพโดยใช้ GPT-4o ได้โดยตรงภายใน ChatGPT

ในการเปิดตัวครั้งแรกนี้ ฟีเจอร์ดังกล่าวจะเน้นไปที่การสร้างภาพเท่านั้น และจะเปิดให้ใช้งานในทุกระดับการสมัครสมาชิก ได้แก่ ChatGPT Plus, Pro, Team และ Free 

ทายา คริสเตียนสัน (Taya Christianson) โฆษกของ OpenAI กล่าวว่าขีดจำกัดการใช้งานของผู้ใช้ฟรีจะเหมือนกับ DALL-E อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัด และเสริมว่าขีดจำกัดเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของผู้ใช้ ก่อนหน้านี้ ตามข้อมูลจาก ChatGPT FAQ ผู้ใช้แบบฟรีสามารถสร้างภาพได้ สามภาพต่อวันโดยใช้ DALL·E 3

สำหรับอนาคตของ DALL-E นั้น คริสเตียนสัน กล่าวว่า “แฟน ๆ ยังคงสามารถเข้าถึงได้ผ่าน GPT แบบกำหนดเอง”

กาเบรียล โกห์ (Gabriel Goh) หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ OpenAI กล่าวว่า “โมเดลนี้เป็นก้าวกระโดดเหนือกว่ารุ่นก่อน ๆ” พร้อมเสริมว่าทีมได้นำพื้นฐานของ GPT-4o ซึ่งเป็น “Omnimodal” หรือโมเดลที่สามารถสร้างข้อมูลได้ทุกประเภท เช่น ข้อความ ภาพ เสียง และวิดีโอ มาใช้พัฒนาฟีเจอร์นี้

หนึ่งในจุดเด่นของ GPT-4o ที่ โกห์ กล่าวถึงคือ “Binding” หรือความสามารถในการรักษาความสัมพันธ์ที่ถูกต้องระหว่างคุณลักษณะและวัตถุ ตัวอย่างเช่น โมเดลที่มีปัญหาด้าน Binding อาจได้รับคำสั่งให้สร้างรูปดาวสีน้ำเงินและสามเหลี่ยมสีแดง แต่กลับสร้างรูปดาวสีแดงและไม่มีสามเหลี่ยม ซึ่งเป็นปัญหาทั่วไปใน AI สร้างภาพ

อย่างไรก็ตาม GPT-4o สามารถจับคู่ลักษณะและวัตถุได้อย่างแม่นยำถึง 15-20 ชิ้น โดยไม่มีความสับสน ซึ่งถือเป็นพัฒนาการสำคัญในด้านความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของการสร้างภาพด้วย AI

ผู้ใช้จะสังเกตได้ถึง การพัฒนาในการเรนเดอร์ข้อความ ซึ่งช่วยให้ AI สร้างข้อความที่ต่อเนื่องและไม่มีข้อผิดพลาดบนภาพได้ง่ายขึ้น (ในเครื่องมือเดิม ข้อความมักผิดเพี้ยนได้ง่าย) 

กาเบรียล โกห์ กล่าวต่อไปว่าการทำให้ AI แสดงข้อความได้อย่างถูกต้องเป็นความท้าทายสำคัญ หากชื่อเรื่องหรือองค์ประกอบข้อความมีคำผิด อาจทำให้ภาพทั้งหมดใช้งานไม่ได้

“นี่เป็นกระบวนการที่ต้องปรับปรุงซ้ำไปมาหลายเดือนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี” โกห์กล่าว

แม้ว่ายังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ตอนนี้คุณภาพของข้อความที่สร้างขึ้นอยู่ในระดับที่ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง โดยข้อผิดพลาดส่วนใหญ่จะเกิดกับข้อความที่มีขนาดเล็กมาก 

“เราใช้เวลาหลายเดือนในการปรับแต่งรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จนออกมาดีขึ้น”

ระบบนี้ใช้ แนวทางแบบ Autoregressive ซึ่งสร้างภาพทีละส่วนจากซ้ายไปขวา และจากบนลงล่าง คล้ายกับการเขียนข้อความ แตกต่างจากเทคนิค Diffusion Model ที่เครื่องมือสร้างภาพส่วนใหญ่อย่าง DALL-E ใช้ ซึ่งจะสร้างภาพทั้งหมดพร้อมกัน

โกห์คาดว่า ความแตกต่างทางเทคนิคนี้อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ Images in ChatGPT มีความแม่นยำในการเรนเดอร์ข้อความและจับคู่คุณลักษณะต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ยุค New normal กับประโยคภาษาอังกฤษที่ควรรู้ในการ ประชุมออนไลน์

ในยุค New normal นี้ หลาย ๆ คนอาจเคยหรือกำลัง Work Form Home ซึ่งเป็นการทำงานที่บ้าน แม้จะไม่ได้เข้าไปทำงานที่สำนักงานหรืออยู่คนละสถานที่ แต่สิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือ การ ประชุมออนไลน์ ผ่านโปรแกรมต่าง ๆ เช่น Zoom, Webex, Line เป็นต้น สำหรับบริษัทต่างชาติหรือการประชุมกับลูกค้าหรือผู้เกี่ยวข้องชาวต่างชาติ ย่อมต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ซึ่งใครที่ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้เป็นอย่างดี นอกจากจะทำให้งานผ่านไปอย่างราบรื่นแล้ว ยังมีผลต่อความก้าวหน้าในการทำงานอีกด้วย วันนี้เราจะมาแนะนำประโยคภาษาอังกฤษที่ควรรู้ในการ ประชุมออนไลน์ ในหัวข้อที่ต้องใช้บ่อย ๆ กัน

1. ผู้จัดหรือดำเนินการ ประชุมออนไลน์ เป็นผู้แนะนำสมาชิก

เช่น Hi, I am Tom from ABC company. I am calling in with Judy, Ann, John and Andrew. We also have Beccy; Managing Director, Josefa; Engineer and Lui, Marketing manager calling in from DEF company. Can everyone hear me?

รวมทั้งมีการกำหนดระเบียบวิธีการประชุม เพื่อให้การดำเนินการประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น ยกตัวอย่างกรณีต้องการซักถามระหว่างการประชุม เช่น If you have any difficulties/questions during this meeting today, let us know with the raised hand reaction or you can type your comments/idea/responses in the chat.

หรือการแสดงความเข้าใจ-เห็นด้วย เช่น Please use the thumbs-up reaction for understanding or agreement.

2. การแนะนำตัว ใช้ในกรณีแนะนำสมาชิกใหม่ ลูกค้าใหม่ ทีมงานใหม่

โดยบอกชื่อ หน้าที่/ตำแหน่ง และหน่วยงาน และอื่น ๆ ที่ต้องการสื่อสาร (หากเป็นการประชุมที่ไม่เป็นทางการมาก) หรืออาจจบด้วยการแสดงความรู้สึกในทางบวก เช่น Hello everyone, my name is Judy, and I am marketing manager of ABC company. It is a pleasure to join and meet you all today.

3. เมื่อไม่ได้ยินเสียงผู้อื่นหรือได้ยินไม่ชัด ต้องการให้พูดซ้ำ

มีความเป็นไปได้ในระหว่างการประชุม เราอาจได้ยินไม่ชัดเจน ฟังไม่ทัน หรือไม่ได้ยินเสียงของผู้ร่วมประชุม อาจพูดว่า We did not follow that, could you speak more slowly หรือ can you repeat that, please? หรือ The sound quality is not very good, I cannot hear Judy. Can anyone else hear Judy?

เมื่อต้องการให้ผู้พูด พูดเสียงดังขึ้น ใช้ว่า Sorry, my hearing is bad. Could you speak more loudly please?

เมื่อผู้พูดลืมเปิดไมค์ ใช้ว่า We cannot hear you. You are muted, Ann. Could you unmute/turn on your microphone?

เมื่อให้ผู้พูดปิดไมค์ ใช้ว่า There is some background noises. Can you put yourself on mute when you are not speaking?

เมื่อให้ทุกคนเช็กไมค์และลำโพง ใช้ว่า Could you check your speaker volume is loud enough?

เมื่อต้องการเช็กว่าผู้อื่นได้ยินเสียงคุณหรือไม่ ใช้ว่า Can you hear me?

4. เมื่อขอให้ผู้เข้าร่วมประชุมเปิดกล้อง

ใช้ว่า Please turn on your camera.

แต่หากผู้เข้าร่วมประชุมไม่สะดวกเปิดกล้อง หรือกล้องไม่สามารถใช้การได้ ให้ตอบว่า Sorry, my camera is not working.

5. การเริ่มต้น ประชุมออนไลน์ อาจใช้ประโยคต่าง ๆ

เช่น Right, let’s kick off หรือ let’s start with the first item on the agenda.

หรือการเริ่มนำเสนองาน ซึ่งต้องมีการแชร์หน้าจอ จะใช้ประโยคที่ว่า I am going to share my screen with you. Please give me a moment. Can everyone see my screen?

และเมื่อต้องการบอกผู้อื่นว่า ได้แชร์ผิดหน้าจอ ให้พูดว่า I think you are sharing the wrong screen.

6. กรณีต้องการขัดจังหวะผู้พูด มีข้อสงสัย

หรือไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้พูด จึงควรแนะนำตัวก่อน และถามโดยใช้ประโยคเหล่านี้ เช่น I am Judy, who speaks? หรือ I am sorry, can I jump in here for a second?

หรือกรณีเกิดปัญหาทางเทคนิค เช่น อุปกรณ์ไม่ทำงาน ไม่ได้ยินเสียง สัญญาณไม่ดีหรือขาดหาย หลุดจากวงสนทนา ผู้เกิดปัญหาสามารถพูดว่า Sorry, I am having a connection issue. I think there is a lag.

หรือถามถึงผู้อื่นที่หายไป เช่น Did we lose Tom? Are you there, Tom? We lost you for a minute there.

หรือหากมีเสียงรบกวน ใช้ว่า We need to go on mute for a second. ส่วนผู้แก้สถานการณ์อาจพูดว่า Sorry, my computer is running slow. Please wait a moment for trying to sort the problem out.

และเมื่อแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว ให้พูดว่า Yes, it is fine and you are back again now. Thank you for your patience.

ส่วนกรณีต้องการขัดจังหวะเพื่อถามข้อสงสัย ให้พูดว่า I apologize for interrupting but may I ask a question?

7. ผู้ดำเนินรายการ อาจแจ้งผู้เข้าร่วมประชุม

กรณีมีข้อสงสัยอื่น ๆ นอกเหนือจากประเด็นหรือวัตถุประสงค์การประชุมว่าให้สามารถพูดคุยกันในตอนท้ายประชุม เช่น If you have any other questions outside of the agenda, please save those until the end.

8. การสรุปและขอบคุณผู้เข้าร่วมประชุม

เช่น Finally, we made a lot of progress today. Thank you all for joining today. Have a great day.

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


เพิ่มน้ำหนักแบบสุขภาพดี กับ 6 อาหารแคลอรีสูง อิ่มอร่อย พลังงานแน่น

บางคนอาจคิดว่าการเพิ่มน้ำหนักต้องกินแต่อาหารแคลอรี่สูง แบบไม่คำนึงถึงสุขภาพ แต่จริง ๆ แล้วการเพิ่มน้ำหนักที่ดี ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ต้องเลือกกินอาหารที่ไม่เพียงแต่มีแคลอรี่สูงเท่านั้น แต่ยังต้องเต็มไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกายด้วยค่ะ และวันนี้เราก็มี 6 อาหารแคลอรี่สูงที่ไม่เพียงแค่ทำให้คุณอิ่มอร่อย แต่ยังช่วยเพิ่มพลังงานและบำรุงร่างกายให้แข็งแรง มาแนะนำกัน

6 อาหารแคลอรีสูง อิ่มอร่อย พลังงานแน่น

1.ข้าวบาร์เลย์

ข้าวบาร์เลย์ เป็นธัญพืชที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและไฟเบอร์สูง ซึ่งให้พลังงานที่ยาวนาน ข้าวบาร์เลย์มีแคลอรี่สูงและสามารถทานแทนข้าวขาวได้ในมื้ออาหาร นอกจากนี้ ยังมีสารอาหารสำคัญที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงสุขภาพทางเดินอาหารและการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

2.มันเทศ

มันเทศเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ดีและมีไฟเบอร์สูง ซึ่งทำให้ช่วยเพิ่มพลังงานได้ดี พร้อมมีวิตามิน A, C และสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกาย มันเทศมีแคลอรี่สูงและทานง่าย ไม่ว่าจะต้ม ปิ้ง หรืออบ แนะนำให้ทานในมื้อหลัก เพื่อช่วยเพิ่มน้ำหนักได้อย่างสุขภาพดี

3.ขนมปังโฮลวีท

ขนมปังโฮลวีท เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและไฟเบอร์ ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มแคลอรี่ให้กับร่างกายได้อย่างยั่งยืน  แทนที่จะเลือกทานขนมปังขาว ขนมปังโฮลวีทเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในการเพิ่มน้ำหนัก เพราะไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงาน แต่ยังช่วยในกระบวนการย่อยอาหารที่ดีขึ้นอีกด้วย

4.เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน

เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น เนื้อไก่, เนื้อปลา หรือเนื้อหมูส่วนที่ไม่ติดมัน เป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญในการสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แถมยังมีไขมันต่ำกว่าการทานเนื้อสัตว์ส่วนอื่น ๆ ที่ติดมัน การทานโปรตีนจากเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ช่วยเพิ่มแคลอรี่และสร้างกล้ามเนื้อได้ดี โดยไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มจากไขมันส่วนเกิน

5.ชีส

ชีสเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่ดีมาก พร้อมการมีไขมันสูง จึงเป็นแหล่งพลังงานที่ดี สำหรับคนที่อยากเพิ่มน้ำหนัก  สาว ๆ ที่ชอบทานอาหารที่มีรสชาติอร่อยและแคลอรี่สูง สามารถเลือกชีสเป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารได้เลย โดยชีสจะมีหลากหลายชนิด ทั้งที่ใช้ทำซอสสำหรับพาสต้าหรือชีสสลัด เป็นทางเลือกที่ไม่ซ้ำซากและยังเพิ่มรสชาติให้อาหารอีกด้วย

6.กล้วย

กล้วยเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่สูง อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยเพิ่มพลังงานในร่างกาย เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มน้ำหนัก เพราะกล้วยมีน้ำตาลธรรมชาติที่ให้พลังงานทันที และไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป นอกจากนี้ กล้วยยังมีโพแทสเซียมที่ช่วยควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ และบำรุงการทำงานของหัวใจ

การเพิ่มน้ำหนักอย่างสุขภาพดี ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ หากคุณผู้หญิงเลือกรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย นอกจากจะช่วยเพิ่มน้ำหนักแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพดีขึ้นอีกด้วย อย่าลืมกินอาหารที่หลากหลายและครบ 5 หมู่ พร้อมกับการออกกำลังกายเสริมสร้างกล้ามเนื้อ จะช่วยให้คุณได้เพิ่มน้ำหนักและมีรูปร่างที่ดูดีและแข็งแรงด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/03/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a48,550.0048,650.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,145.0047,678.2049,450.00
ทองรูปพรรณ 90%2,830.5042,910.38n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,516.0038,142.56n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,415.0021,451.40n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,101.0016,691.16n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,259.0049,406.44n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/03/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.6534.6535.1534.6534.6534.6534.6534.6534.6534.65
แก๊สโซฮอล์ 9134.2834.2834.7834.2834.2834.2834.2834.2834.2834.28
แก๊สโซฮอล์ E2032.4432.4432.9432.4432.4432.4432.4432.4432.44
แก๊สโซฮอล์ E8530.7930.7930.79
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม43.2449.8449.8449.8443.24
เบนซิน 9542.9449.8143.4443.0942.94
ดีเซล32.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.9432.94
ดีเซลพรีเมี่ยม44.9447.1449.8447.1447.1444.94
แก๊ส NGV17.9017.9017.90


About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า