7 เช็กลิสต์ก่อนจ้างผู้รับเหมา สร้างบ้านในฝันไม่กลายเป็นฝันร้าย

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน แนะ 7 เช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจจ้างผู้รับเหมาป้องกันความเสี่ยง “ทิ้งงาน-ได้บ้านไม่มาตรฐาน” กลายเป็นฝันร้ายของคนอยากสร้างบ้านในฝัน
ในวันที่ผู้คนต่างไขว่คว้าหาบ้านในฝัน การเลือก “บริษัทรับสร้างบ้าน” ดูเหมือนจะเป็นเพียงอีกหนึ่งขั้นตอนในกระบวนการก่อสร้างชีวิต แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความเสี่ยงที่หลายคนมักมองข้าม ตั้งแต่บริษัทไร้มาตรฐาน ไปจนถึงผู้รับเหมาทิ้งงานกลางคัน ทิ้งไว้เพียงโครงเหล็กและความผิดหวัง
อนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ความเสียหายเหล่านี้ไม่เพียงสูญเงิน สูญเวลา หากแต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมทั้งระบบ “แต่ทุกอย่างป้องกันได้ หากผู้บริโภครู้เท่าทันและตรวจสอบให้รอบด้านก่อนจ้าง
ตลาดแข่งขันสูง แต่ความเสี่ยงก็สูงตาม
อนันต์กร อธิบายว่า ปัจจุบันตลาดรับสร้างบ้านไทยเต็มไปด้วยผู้ประกอบการหลากหลาย ตั้งแต่บริษัทใหญ่ระดับประเทศไปจนถึงผู้รับเหมารายย่อย แม้จะเป็นข้อดีที่เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค แต่ในอีกด้านก็ซ่อน “ความเสี่ยง” ไว้มากมาย หากผู้ว่าจ้างขาดข้อมูลหรือไม่ตรวจสอบอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ
“การสร้างบ้านคือการลงทุนครั้งใหญ่ในชีวิตของคนส่วนใหญ่ก่อนเลือกบริษัท ควรตรวจสอบระบบงาน สัญญา และผลงานที่ผ่านมาอย่ามองแค่ภาพลักษณ์หรือการโฆษณาเพียงอย่างเดียว”
7 เช็กลิสต์ สร้างความมั่นใจก่อนตัดสินใจจ้าง
เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ HBA แนะนำ “7 วิธีตรวจสอบก่อนว่าจ้าง” เพื่อสร้างเกราะคุ้มกันตั้งแต่ต้นทาง ได้แก่
1.ตรวจสอบสถานะนิติบุคคลและประวัติการดำเนินงาน ของบริษัท
2.ดูว่าเป็นสมาชิก HBA หรือไม่ เพื่อยืนยันว่าผ่านมาตรฐานตามเกณฑ์สมาคม
3.สัญญาต้องเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย โดยยึดตาม “ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา ปี 2569”
4.งวดงานต้องสัมพันธ์กับงวดเงิน จ่ายตามความคืบหน้างานจริงเท่านั้น
5.ชำระเงินกับนิติบุคคลโดยตรง เพื่อให้ตรวจสอบและมีหลักฐานได้
6.ตรวจผลงานจริงของบริษัท ขอชมบ้านตัวอย่างหรือสอบถามลูกค้าเก่า
7.เก็บหลักฐานทุกขั้นตอน ทั้งสัญญา ใบเสนอราคา ใบเสร็จ และภาพถ่ายหน้างาน
มองลึกกว่าหน้าตา ต้องเห็นระบบภายใน
อนันต์กร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผู้บริโภคจำนวนมากให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และการตลาด แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญยิ่งกว่านั้นคือ “ระบบบริหารจัดการงานก่อสร้าง ความรับผิดชอบ และความโปร่งใสของบริษัท” ซึ่งเป็นหัวใจของงานที่ได้มาตรฐาน
“บ้านที่ดีไม่ได้เกิดจากการเลือกแบบที่สวยแต่เกิดจากการเลือกบริษัทที่มีระบบมาตรฐานและความรับผิดชอบ”
นอกจากบทบาทในการแนะนำผู้บริโภคแล้ว สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านยังมุ่งยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความรู้ การพัฒนาเกณฑ์คุณภาพ และการส่งเสริมธรรมาภิบาลทางธุรกิจ เพื่อให้ตลาดรับสร้างบ้านไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็นธรรม และยั่งยืน เพราะในที่สุดแล้ว การสร้างบ้านไม่ใช่เพียงเรื่องของวัสดุหรือแบบแปลน หากแต่คือการสร้าง ‘ความมั่นใจ’ ที่จะอยู่ร่วมกับมันไปทั้งชีวิต
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
PARK11 คอมมูนิตี้มอลล์ในเรนวูด ปาร์ค แลนด์มาร์กกรุงเทพฯตอนเหนือ

โครงการ “PARK11” เตรียมเปิดตัวไตรมาสแรกปี 2569ชูแนวคิด “ชีวิตครบในที่เดียว” ผสานธรรมชาติ สังคม และเศรษฐกิจท้องถิ่น สู่การเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ
ย่างเข้าสู่ปลายปี 2568 ในพื้นที่โครงการ เรนวูด ปาร์ค (Reignwood Park) ท่ามกลางแมกไม้สีเขียว อาคารโครงสร้างขนาดใหญ่รูปทรงโค้งมนของ “PARK11” คอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ล่าสุด กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทีละน้อย จนถึงวันนี้งานก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 80% ครอบคลุมทั้งโครงสร้างหลัก งานระบบภายใน และการจัดภูมิทัศน์ โดยทีมผู้บริหารและวิศวกรได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเรียบร้อย เพื่อยืนยันความพร้อมก่อนเปิดให้บริการในไตรมาสแรกของปี 2569
จุดหมายใหม่ของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ
“เราต้องการให้ PARK11 เป็นมากกว่าพื้นที่ค้าปลีก แต่คือ ‘ศูนย์กลางการใช้ชีวิต’ ที่เชื่อมโยงผู้คน สร้างความสุข และเติมเต็มวิถีชีวิตของครอบครัว”
สจวร์ต เดลี่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เรนวูด โฮลดิ้ง จำกัด เผยว่า จากแนวคิดดังกล่าว PARK11 จึงถูกออกแบบให้รองรับทั้งผู้อยู่อาศัยภายในโครงการเรนวูด ปาร์ค และชุมชนรอบข้าง ตั้งแต่ปทุมธานีจนถึงกรุงเทพฯ ตอนเหนือ โดยรวบรวมร้านค้าและแบรนด์ชั้นนำหลากหลายสไตล์ ตั้งแต่ร้านอาหาร คาเฟ่ชื่อดัง ร้านกีฬาคุณภาพ ไปจนถึงบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงและกิจกรรมเพื่อสุขภาพ

ดีไซน์โปร่งโล่ง…ผสานธรรมชาติในทุกย่างก้าว
หัวใจสำคัญของ PARK11 คือ “การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ” พื้นที่เปิดโล่งสีเขียวและการออกแบบโปร่งสบายช่วยให้ผู้มาใช้บริการรู้สึกผ่อนคลาย แตกต่างจากภาพจำของคอมมูนิตี้มอลล์แบบเดิม ๆ ที่มักแน่นและเร่งรีบ ที่นี่จึงเป็นทั้ง “ที่พักใจ” และ “จุดนัดพบ” ของคนทุกวัย
สร้างสมดุล 3 มิติ เศรษฐกิจ – สังคม – สิ่งแวดล้อม
สจวร์ต มองว่า PARK11 ไม่ได้เป็นเพียงโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่คือการตอบโจทย์แนวโน้มใหม่ของเมืองไทย ที่ให้ความสำคัญกับ “คุณภาพชีวิตมากกว่าการค้า” ความสำเร็จของ PARK11 จะสะท้อนคุณค่าทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ที่นี่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน สร้างพื้นที่พบปะของครอบครัว และรักษาสมดุลของธรรมชาติไปพร้อมกัน
เมื่อเสร็จสมบูรณ์ในปี 2569 PARK11 จะไม่เพียงเป็นแหล่งช็อปปิ้งใหม่ของปทุมธานี หากแต่เป็น “พื้นที่ของชีวิต” ที่เติบโตไปพร้อมผู้คนรอบข้าง สะท้อนวิสัยทัศน์ใหม่ของการพัฒนาเมือง
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 27ต.ค. “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”ที่ระดับ 32.68 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทและเงินดอลลาร์เผชิญความเสี่ยง Two-way risk จับตาการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ อาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมได้ หากรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนออกมาสดใส ดีกว่าคาด หนุนให้ตลาดเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 27ต.ค.2568ที่ระดับ 32.68 บาทต่อดอลลาร์
“แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย”จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ณ ระดับ 32.76 บาทต่อดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์สัปดาห์ก่อนหน้า เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Down เข้าใกล้โซนแนวรับ 32.65 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.63-32.79 บาทต่อดอลลาร์) ตามจังหวะการทยอยอ่อนค่าลงบ้างของเงินดอลลาร์
ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการปรับตัวสูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) หลังผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด จากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนกันยายน ที่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้
อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังบรรยากาศในตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง นอกจากนี้ รายงานดัชนี S&P PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการของสหรัฐฯ ในเดือนตุลาคม ก็ปรับตัวสูงขึ้น ดีกว่าคาด หนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ พลิกกลับมารีบาวด์สูงขึ้นบ้าง กดดันให้ราคาทองคำย่อตัวลง กลับสู่ระดับใกล้เคียงก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินกลับมาอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) ท่ามกลางความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรรอลุ้น ผลการประชุมของบรรดาธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด, BOJ และ ECB พร้อมรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ของสหรัฐฯ
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ ผลการประชุม FOMC ของเฟด โดยบรรดานักวิเคราะห์ (และเรา) ผู้เล่นในตลาด ต่างประเมินว่า เฟดมีแนวโน้มลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 3.75-4.00% และอาจมีการส่งสัญญาณพร้อมทยอยยุติการปรับลดงบดุล (Quantitative Tightening) ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงต่อเนื่องของตลาดแรงงานสหรัฐฯ
ส่วนอัตราเงินเฟ้อแม้จะอยู่ในระดับสูง จากผลกระทบของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ทว่าก็มีแนวโน้มทยอยชะลอตัวลงกลับสู่เป้าหมายของเฟดได้ในอนาคต นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา พัฒนาการของความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน อาทิ หุ้นเทคฯ ใหญ่ ในกลุ่ม the Magnificent 7 (Meta, Microsoft, Alphabet, Amazon และ Apple) ซึ่งรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ ดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้อย่างมีนัยสำคัญ ยิ่งหากผลประกอบการออกมาน่าผิดหวังหรือคาดการณ์ผลประกอบการไม่ได้สอดคล้องกับสิ่งที่ตลาดคาดหวัง ก็อาจกดดันให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานหนักได้
▪ ฝั่งยุโรป – บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยบรรดานักวิเคราะห์และผู้เล่นในตลาดต่างเห็นพ้องกันว่า ECB อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Deposit Facility Rate) ไว้ที่ระดับ 2.00% ตามเดิม แต่อาจมีเน้นย้ำว่า ECB พร้อมปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ ถ้าจำเป็น นอกเหนือจากผลการประชุม ECB ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของยูโรโซน อย่าง อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 อัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนตุลาคม (รวมถึงอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ที่สำรวจโดย ECB) และดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (IFO Business Climate) เดือนตุลาคม
▪ ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งผู้เล่นในตลาดมองว่า BOJ มีโอกาสเพียง 11% ที่จะขึ้นดอกเบี้ย 25bps ในการประชุมครั้งนี้ ทว่า ผู้เล่นในตลาดมองว่า BOJ ยังมีโอกาสราว 48% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง 25bps ในปีนี้ และมองว่า ในปี 2026 BOJ ก็มีแนวโน้มทยอยเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างน้อย 1 ครั้ง หลังอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นก็ยังอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจญี่ปุ่นก็อาจพอได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังภายใต้นายกฯ Sanae Takaichi
ทั้งนี้ บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า BOJ อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง สู่ระดับ 0.75% ในปีนี้ และเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ในปี 2026 สู่ระดับ 1.00% โดยแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ ดังกล่าวก็จะมีส่วนช่วยหนุนการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) สู่ระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์ ได้ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า จากการประเมินของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของญี่ปุ่นในเดือนกันยายน อาทิ ยอดค้าปลีก (Retail Sales), ยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) และอัตราการว่างงาน
ส่วนในฝั่งจีน ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจจีน ผ่าน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรมและภาคการบริการ (Manufacturing & Non-Manufacturing PMIs) ในเดือนตุลาคม
▪ ฝั่งไทย – บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ยอดการค้าระหว่างประเทศของไทยอาจเผชิญผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ มากขึ้น หลังหมดอานิสงส์จากการเร่งนำเข้าสินค้าไทย (Front-Loading) ในช่วงก่อนหน้า โดยยอดการส่งออก (Exports) อาจขยายตัวเพียง +7%y/y ขณะที่ยอดการนำเข้า (Imports) จะโตราว +10%y/y
ทั้งนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนล่าสุด หากทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจกดดันการค้าโลกและส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย
สำหรับ แนวโน้มเงินบาท เราประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจชะลอลงบ้าง โดยยังคงเห็นโซนแนวต้านของเงินบาท (USDTHB) ในช่วง 32.85 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านสำคัญถัดไป 33.00 บาทต่อดอลลาร์) หลังราคาทองคำยังพอมีจังหวะทยอยรีบาวด์สูงขึ้นจากโซนแนวรับ ขณะเดียวกัน บรรดานักลงทุนต่างชาติได้ทยอยซื้อสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี เรายังคงประเมินว่า เงินบาท (และเงินดอลลาร์) เผชิญความเสี่ยง Two-way risk โดยต้องจับตาการเคลื่อนไหวของราคาทองคำอย่างใกล้ชิด หลังในช่วงนี้ เงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวสอดคล้องกับราคาทองคำมากขึ้น ซึ่งราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง โดยราคาทองคำอาจเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมได้ หากรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนออกมาสดใส ดีกว่าคาด หนุนให้ตลาดเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง
ทว่า หากรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด กดดันให้ตลาดปิดรับความเสี่ยง ก็อาจช่วยให้ราคาทองคำทยอยปรับตัวสูงขึ้นได้เช่นกัน
หากอ้างอิงกลยุทธ์ Trend-Following เรามองว่า เงินบาทจะยังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า จนกว่า เงินบาทจะพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน
มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 32.40-33.00 บาท/ดอลลาร์
ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.60-32.85 บาท/ดอลลาร์
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ต้านไม่ไหว! “บาส-เฟม” พ่าย “คู่ผสมจีน” ชวดแชมป์ขนไก่ เฟรนช์ โอเพ่น 2025

การแข่งขันแบดมินตัน โยเน็กซ์ เฟรนช์ โอเพ่น 2025 รายการระดับเวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 750 ที่เมืองแรนส์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2568
ประเภทคู่ผสม รอบชิงชนะเลิศ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่มืออันดับ 4 ของโลก พบกับ เฝิง หยางเจ๋อ กับ หวง ตงปิง คู่มือ 2 ของโลกจากจีน
เกมแรก คู่ผสมของไทย เริ่มต้นได้ดีกว่าเป็นฝ่ายออกนำ 11-8 อย่างไรก็ตาม คู่ของจีน แก้เกมก่อนกลับมาสู้ได้สูสีเสมอกัน 20-20 จนเกมยืดเยื้อต้องไปตัดสินกันที่การดิวซ์ก่อนที่จะเป็น เฝิง หยางเจ๋อ กับ หวง ตงปิง เอาชนะไปได้ 27-25 ขึ้นนำ 1-0 เกม
เกมสอง คู่ผสมจีน เล่นด้วยความมั่นใจออกนำห่าง 11-5 ก่อนคุมจังหวะไล่ตบทำแต้มฉีกหนีไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งเก็บชัยไปได้ 21-12 ทำให้เอาชนะไปได้ 2-0 เกม หยิบแชมป์ไปครอง
ขณะที่ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน ทำได้ดีที่สุดด้วยตำแหน่งรองแชมป์ เฟรนช์ โอเพ่น 2025
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
สัญญาณเตือน “ข้อเข่าเสื่อม” ที่ใครๆ ก็เป็นได้

สัญญาณเตือน “ข้อเข่าเสื่อม” ที่ใครๆ ก็เป็นได้ : Tricks for Life
โรคข้อเข่าเสื่อม (Knee Osteoarthritis) ไม่ได้เกิดแค่ในกลุ่มผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ยังพบได้ในคนวัยทำงานที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การนั่งอยู่กับที่นาน ๆ ใช้งานข้อเข่าหนัก หรือการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูง
ปัจจัยที่ทำให้ “ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น” ในปัจจุบัน มาจากหลายสาเหตุ เช่น กิจกรรมที่มีแรงกระแทกสูง (Impact Activity) โดยเฉพาะในกลุ่มนักกีฬา หรือผู้ที่ออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่อเข่า เช่น วิ่ง กระโดด ซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน, อุบัติเหตุที่กระทบข้อโดยตรง เช่น กระดูกหักเข้าไปในข้อ หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ผิวข้อที่ไม่เรียบจะสึกหรอและเสื่อมสภาพเร็ว และการใช้งานเข่าซ้ำ ๆ ในท่าเดิม โดยเฉพาะในผู้ที่นั่งงอเข่านาน ๆ เช่น นั่งยอง พับเพียบ หรือนั่งพื้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบของลูกสะบ้า พบได้มากในผู้หญิงวัย 40 ปีขึ้นไป
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ข้อเสื่อมหรือแค่อักเสบต่างกันอย่างไร อาการปวดเข่าไม่ได้หมายความว่าจะเป็น “ข้อเข่าเสื่อม” เสมอไป ผู้ป่วยจำนวนมากมีอาการแค่ “ปวดบางท่า” เช่น เวลาลุกจากเก้าอี้ หรือเดินขึ้นบันไดแล้วเจ็บเข่า แบบนี้อาจเป็นเพียง การอักเสบของเส้นเอ็นหรือผิวข้อ ซึ่งยังไม่ถือว่าเป็นข้อเสื่อม
แต่หากเป็น “ข้อเสื่อม” จะมีลักษณะเฉพาะ เช่น ผิวข้อเริ่มไม่เรียบ เวลาขยับจะมีเสียง กึ๊ก ๆ เหมือนกระดาษทราย, น้ำหล่อเลี้ยงข้อมีคุณภาพลดลง ข้อขยับไม่ลื่น, มีการเสียดสีเรื้อรัง จนทำให้เกิดอาการอักเสบและบวมได้, ในรายที่เป็นมาก กระดูกจะ ทรุด ขาโก่ง เดินไม่ตรง และคุณภาพชีวิตลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในผู้ที่มี ภาวะกระดูกพรุน หรือขาดแคลเซียมและวิตามินดี ร่วมด้วย จะยิ่งทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
สัญญาณเตือน “ข้อเข่าเสื่อม” ที่ควรพบแพทย์ คือ หากมีอาการปวดเข่าเป็น ๆ หาย ๆ โดยไม่มีอาการบวม หรือมีแค่เสียงในข้อ อาจเริ่มดูแลตนเองก่อนก็ได้ เช่น กายภาพบำบัดหรือปรับพฤติกรรม แต่หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 เดือน หรือมีอาการ ปวดบวมชัดเจน เดินลำบาก ขาโก่ง
นั่นคือสัญญาณว่าควรพบแพทย์ทันที เพราะการวินิจฉัยที่แม่นยำควรประกอบด้วย การ X-ray ท่าลงน้ำหนัก เพื่อดูโครงสร้างแนวกระดูก และช่องว่างในข้อ และทำ MRI ควบคู่ ในกรณีสงสัยว่ามีหมอนรองกระดูกฉีกขาด หรือเส้นเอ็นภายในข้อมีปัญหา
ความเสื่อมของผิวข้อกระดูกอ่อนนั้น แบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ ระดับ 1–2 ที่สามารถรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด มักพบในระยะแรกของข้อเข่าเสื่อม ยังพอสามารถ “ถนอมข้อ” เอาไว้ได้ด้วยการรักษาแบบไม่ผ่าตัด เช่น กายภาพบำบัด ปรับพฤติกรรม หลีกเลี่ยงท่าทางที่กระทบต่อเข่า และออกกำลังกายที่เหมาะสม เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เพื่อลดแรงกดที่ข้อ พร้อมกับการรักษาภาวะกระดูกพรุน หรือการทานยาบำรุงข้อในบางราย

อีกวิธีที่นิยมคือการฉีด Hyaluronic Acid (น้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียม) ซึ่งช่วยเพิ่มความลื่นของข้อ และลดการเสียดสี นอกจากนี้ยังมีการฉีด PRP (Platelet-Rich Plasma) โดยใช้เกล็ดเลือดของผู้ป่วยเอง เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวข้อ
ระดับ 3–4 รักษาโดยการเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ในระดับนี้ ข้อเริ่มสึกมากขึ้นจนบางจุดแทบไม่เหลือผิวข้อให้ใช้งาน การ “เปลี่ยนข้อ” อาจเริ่มมีความจำเป็น แต่อาจไม่ต้องเปลี่ยนทั้งหมดเสมอไป ถ้าเสียหายเพียงบางส่วน เช่น ด้านในของข้อ ยังพอรักษาได้ด้วยการเปลี่ยนแค่บางส่วน หรือที่เรียกว่า Partial Knee Replacement ซึ่งมีข้อดีคือ แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และมักนอนโรงพยาบาลเพียงคืนเดียวก็กลับบ้านได้
แต่ถ้าข้อเสื่อมในหลายด้าน หรือ “ขาโก่งมาก” จากกระดูกทรุดตัวจนแนวขาผิดเพี้ยน ก็อาจจำเป็นต้อง “เปลี่ยนข้อเข่าทั้งหมด” หรือ Total Knee Replacement ซึ่งในปัจจุบันแผลผ่าตัดเล็กลงมาก ต่างจากสมัยก่อน และด้วยเทคโนโลยีใหม่ เช่น “หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด” ก็ยิ่งช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีขึ้น
แม้จะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม แต่หากตรวจพบเร็ว และเริ่มรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่แรก จะสามารถหลีกเลี่ยงการผ่าตัดใหญ่ได้ และชะลอการเสื่อมไม่ให้ลุกลามไปยังข้ออื่น เช่น ข้อเท้า หรือแม้แต่กระดูกสันหลัง
ขอบคุณ : โรงพยาบาลเอส สไปน์ แอนด์ จอยท์ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘เซลล์ฟอร์ซ’ ชู ‘Agentic Enterprise’ สร้างมิติใหม่การทำงานยุค AI

“เซลล์ฟอร์ซ” เปิดวิสัยทัศน์ “Agentic Enterprise” หนุนองค์กรยุคใหม่ขับเคลื่อนด้วย AI ล่าสุดเปิดตัว Agentforce 360 แพลตฟอร์มแรกของโลกเพื่อการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI
เซลล์ฟอร์ซ (Salesforce) ผู้ให้บริการด้านระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เผยว่า ก้าวสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของวงการ ด้วยการกำเนิดของ “Agentic Enterprise” หรือองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่ช่วยยกระดับศักยภาพของมนุษย์ให้สูงขึ้น
โดย Agentic Enterprise คือรูปแบบการทำงานยุคใหม่ที่นำ AI มาเสริมศักยภาพบุคลากร แทนการใช้ AI เข้ามาทดแทนพนักงาน ในระบบนี้ ทุกทีมสามารถดำเนินงานได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มโอกาสทางธุรกิจและการขาย พร้อมให้บริการลูกค้าได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ทั้งนี้พนักงานทุกคนจะมี AI เป็นผู้ช่วยที่ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นและตัดสินใจได้ชาญฉลาดมากขึ้น องค์กรจะก้าวสู่ยุคใหม่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น การเชื่อมต่อกับลูกค้าที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด
มาร์ค เบนิออฟ ซีอีโอ เซลล์ฟอร์ซ เผยว่า กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของ Agentic Enterprise หรือองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่ง AI จะช่วยยกระดับศักยภาพของมนุษย์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ล่าสุด ยังได้เปิดตัว Agentforce 360 แพลตฟอร์มแห่งแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อผสานการทำงานระหว่างมนุษย์และ AI agent บนระบบที่มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานทุกระดับ ยกระดับคุณภาพการให้บริการลูกค้าในทุกขั้นตอนการติดต่อ และเพิ่มความคล่องตัวและความชาญฉลาดในการดำเนินธุรกิจสู่ระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน
นอกจากนี้ Salesforce ยังเป็นองค์กรแรกที่ทดลองใช้เทคโนโลยีของตนเอง (Customer Zero) ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI อัตโนมัติสามารถเกิดขึ้นได้จริงในปัจจุบัน
Agentforce 360 จะเข้ามาเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์ AI agent และข้อมูลต่างๆ บนแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือแพลตฟอร์มเดียว ช่วยให้พนักงานทุกคนและทุกบริษัทสามารถบรรลุผลสำเร็จได้มากกว่าที่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้
ด้วยแนวทางการทำงานแบบผสมผสานที่เป็นเอกลักษณ์นี้จะช่วยให้องค์กรสามารถใช้งาน AI Agent ที่อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและมีการกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ
ขณะเดียวกัน สามารถทำงานข้ามทีมและกระบวนการต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ประสานงานโดยตรงระหว่างบุคลากรและ AI Agent ผ่านแพลตฟอร์ม Slack และใช้ประโยชน์จากระบบและโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่มีอยู่เดิมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ด้วยระบบนิเวศแบบเปิด พันธมิตรทางธุรกิจสามารถต่อยอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาโซลูชันและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม
ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com
คำทรงพลัง ใช้เขียน Resume ภาษาอังกฤษ ได้งานชัวร์

เรซูเม่ (Resume)
เรซูเม่ (Resume) คือ ประวัติส่วนบุคคล แบบย่อ เพื่อให้คนอื่นได้รู้จักคุณแบบคร่าวๆ ในเวลาอันรวดเร็ว เรซูเม่ถือเป็นเอกสารสำคัญชนิดหนึ่ง ประกอบการสมัครงาน โดย Resume เปรียบเสมือนการโฆษณาตัวเอง ในเรื่องประสบการณ์ ทักษะ คุณสมบัติ ความสามารถ “โดยเน้นถึงความสำเร็จ อธิบายให้เห็นถึงความสำเร็จที่เราจะทำให้กับบริษัทได้ ไม่ใช่แค่ทำอะไร” จะทำให้คุณดูโดดเด่น มัดใจทั้ง HR และ ผู้ว่าจ้าง
คำศัพท์สุดสตรองในการเขียนเรซูเม่
10 คำศัพท์ทรงพลัง ที่ควรใช้ใน Resume พร้อมตัวอย่างประโยค
• Initiate (v.) ริเริ่ม
Initiate good conceptual ideas with practical applications.
ริเริ่มไอเดียที่ดีพร้อมการใช้งานจริง
• Create (v.) สร้าง, จัดทำ
Create flexible plans to meet changing opportunities.
สร้างแผนที่ยืดหยุดสำหรับโอกาสที่มีการเปลี่ยนแปลง
• Monitor (v.) ดูแลความเรียบร้อย
Accurately monitor performance against objectives.
ดูแลตรวจสอบการปฏิบัติงานตามวัตถุประสงค์
อย่างแม่นยำ
• Evaluate (v.) ประเมินผล
Carefully evaluate alternative risks.
ประเมินความเสี่ยงในทางเลือกอย่างระมัดระวัง
• Achieve (v.) ความสำเร็จ
Achieve consistently high results.
บรรลุผลลัพธ์ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
• Collaborate (v.) ให้ความร่วมมือ
Collaborate with marketing team to develop new products.
ร่วมมือกับทีมการตลาดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
• Assist (v.) ช่วยเหลือ
Assist subordinates in reaching new levels of skills, knowledge and attitudes
ช่วยผู้ใต้บังคับบัญชาในการเข้าถึงทักษะ ความรู้ และทัศนคติที่ดีขึ้น
• Mentor (v.) ให้คำแนะนำ
Mentored employees on sales strategy.
ให้คำแนะนำพนักงานด้านกลยุทธ์การขาย
• Motivate (v.) สร้างแรงจูงใจ
Strongly motivated to achieve higher expectations.
มีแรงจูงใจอย่างมากที่จะทำให้ได้ตามความคาดหวังที่สูงขึ้น
• Responsible for (v.) มีหน้าที่รับผิดชอบ
Responsible for meeting monthly sales goals.
รับผิดชอบเป้าหมายยอดขายประจำเดือน
คำกริยาภาษาอังกฤษ เพื่อทำให้เรซูเม่ของคุณโดดเด่น
Action verbs to showcase accomplishments:
• Achieved
• Amplified
• Attained
• Capitalized
• Chaired
• Consolidated
• Deciphered
• Decreased
• Discerned
• Drove
• Enacted
• Endeavored
• Established
• Exceeded
• Founded
• Pioneered
• Outperformed
• Overhauled
• Sharpened
• Shattered
• Sparked
• Spearheaded
• Steered
• Stimulated
• Streamlined
• Strengthened
• Supervised
• Surpassed
Action verbs to explain responsibilities:
• Accelerated
• Accomplished
• Analyzed
• Assembled
• Built
• Charted
• Created
• Constructed
• Coordinated
• Delivered
• Developed
• Executed
• Expanded
• Facilitated
• Finalized
• Forged
• Guided
• Handled
• Headed
• Improved
• Increased
• Initiated
• Implemented
• Instituted
• Operated
• Organized
• Produced
• Reached
• Simplified
• Volunteered
Action verbs to express communication skills:
• Briefed
• Campaigned
• Collaborated
• Composed
• Conveyed
• Convinced
• Documented
• Enlivened
• Instructed
• Performed
• Presented
• Promoted
• Spoke
• Trained
Action verbs for sales experience:
• Acquired
• Boosted
• Captured
• Conserved
• Converted
• Earned
• Gained
• Generated
• Maximized
• Negotiated
• Outpaced
• Won
• Yielded
Action verbs for creative experience:
• Authored
• Brainstormed
• Communicated
• Conceptualized
• Curated
• Customized
• Derived
• Designed
• Diagramed
• Drafted
• Edited
• Illustrated
• Imagined
• Influenced
• Inspired
• Intensified
• Modeled
• Proofread
• Published
• Redesigned
• Researched
• Strategized
• Storyboarded
• Translated
• Transformed
• Visualized
• Wrote
Action verbs for leadership and management:
• Advised
• Aligned
• Arranged
• Augmented
• Centralized
• Championed
• Cultivated
• Differentiated
• Directed
• Empowered
• Enabled
• Endorsed
• Enforced
• Ensured
• Forecasted
• Formalized
• Formed
• Fostered
• Furthered
• Hired
• Identified
• Implemented
• Integrated
• Leveraged
• Mentored
• Merged
• Motivated
• Orchestrated
• Optimized
• Predicted
• Reconciled
• Reduced
• Refocused
• Renovated
• Reorganized
• Replaced
• Resolved
• Restructured
• Revitalized
• Shaped
• Supervised
• Sustained
• Trained
AdvisedAction verbs for technical experience:
• Advanced
• Architected
• Automated
• Coded
• Deployed
• Detected
• Devised
• Diagnosed
• Discovered
• Engineered
• Enhanced
• Expedited
• Formulated
• Installed
• Launched
• Modified
• Networked
• Planned
• Programmed
• Remodeled
• Rewrote
• Refined
• Tested
• Troubleshoot
• Updated
• Upgraded
Action verbs for experience with finance:
• Audited
• Calculated
• Classified
• Collected
• Equalized
• Evaluated
• Dispensed
• Halted
• Investigated
• Lowered
• Maintained
• Minimized
• Recognized
• Secured
ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com
มะม่วงหาว มะนาวโห่ มีสรรพคุณทางยามากถึง 50 ประการ

ถ้าจะพูดถึงผลไม้ในบ้านเราที่ให้สรรพคุณทางยาก็มีอยู่หลากหลายชนิด แต่มีอยู่ชนิดหนึ่งที่ชื่อเรียกนั้นสะดุดหูซะเหลือเกินว่า “มะม่วงหาว มะนาวโห่” หลายคนที่เคยได้ยินชื่อนี้ก็ยังสงสัย สรุปแล้วมันเป็นมะม่วง หรือเป็นมะนาว แล้วทำไมต้องทั้งหาวและร้องโห่ แต่ในความเป็นจริงแล้วผลไม้ชนิดนี้ไม่ได้เป็นทั้งมะม่วงและมะนาวอย่างที่จินตนาการกัน ซึ่งที่มาของชื่อนั้นก็ถูกตั้งโดยนักวิชาการส่งเสริมการเกษตร โดยบอกเพิ่มอีกว่าที่ตั้งชื่อนี้ก็เพื่อให้คล้องกับชื่อผลไม้ในวรรณคดี เรื่อง นางสิบสอง ตอน พระรถเมรี ที่ความตอนหนึ่งของเรื่องได้พูดถึงผลไม้สดที่มีรสชาติเปรี้ยวจัด ขนาดว่าทำให้คนที่ง่วงนอนอยู่รู้สึกกระชุ่มกระชวยและตื่นตัวขึ้นมาในทันควัน
มะม่วงหาว มะนาวโห่ นับว่าเป็นผลไม้ยอดนิยมที่ถูกจับตามองในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า “มะม่วงไม่รู้หาว มะนาวไม่รู้โห่” ซึ่งถ้าเรียกสั้นๆ ก็น่าจะเข้าปากมากกว่า ผลไม้ชนิดนี้ได้รับความสนใจจากผู้ที่รักสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะในวงการแพทย์ก็ได้วิจัยออกมาพบว่ามีสรรพคุณทางยามากถึง 50 ประการ ครั้นจะนำไปใช้รักษาโรค หรือรับประทานควบคู่กับยาแผนปัจจุบันก็จะได้ผลที่ดียิ่งขึ้น
คุณสมบัติที่สำคัญของ “มะม่วงหาว มะนาวโห่”
ก็เห็นจะเป็นเรื่องของการ ป้องกันมะเร็ง เพราะภายในผลไม้ชนิดนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงโลหิต ชะลอการแก่ก่อนวัย ป้องกันโรคหัวใจ ขยายหลอดเลือด รักษาปอด รวมไปถึงอาการถุงลมโป่งพองก็ช่วยบรรเทาให้ดีขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจว่าทำไมผลไม้ที่มีชื่อแปลกหูถึงได้รับความนิยม ขนาดว่าต้องควานหาซื้อมารับประทาน ตลอดจนหามาปลูกไว้เป็นไม้ประดับภายในบริเวณบ้านอีกด้วย
จากผู้ที่นิยมสมุนไพรให้ความรู้กับเราเพิ่มเติมมาว่า “มะม่วงหาว มะนาวโห่” นั้นสามารถใช้ประโยชน์ได้จากทุกส่วนของลำต้น อีกทั้ง ก็ยังมีส่วนน้อยที่จะรู้ว่าจริงๆ แล้ว มะม่วงหาว มะนาวโห่ นั้นเป็นคนละต้น หรือเป็นพืชคนละชนิด คนละสายพันธุ์กัน โดย ‘มะม่วงหาว’ ก็คือ มะม่วงหิมพานต์ ส่วน ‘มะนาวโห่’ ก็คือ หนามแดง ซึ่งพืชทั้งสองชนิดนี้ก็มีสรรพคุณเพียบและช่วยบำรุงร่างกายได้ดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว เพื่อให้ความกระจ่างเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น เราก็มีข้อมูลจาก องค์กรสวนพฤกษาศาสตร์ มาอธิบายขยายความแตกต่างของพืชทั้ง 2 ชนิดนี้…

มะม่วงหาว
“มะม่วงหาว” หรือชื่อเรียกจริงๆ คือ “มะม่วงหิมพานต์” เป็นไม้ต้นขนาดกลางที่สามารถสูงได้ถึง 10 เมตร มีใบเป็นสีเขียวเข้ม ออกดอกเป็นช่อหลวมๆ สีแดงอมม่วง หรือสีครีม มีกลิ่นหอมออกเอียนๆ โดยที่แต่ละดอกจะมี 5 กลีบ เมื่อดอกแก่ ฐานรองดอกก็จะขยายใหญ่ขึ้นมีลักษณะคล้ายกับชมพู่ยาวประมาณ 6 – 7 เมตร มีสีเหลืองอมชมพู หากว่าแก่จัดก็จะมีกลิ่นหอม มีเมล็ด 1 เมล็ดติดอยู่ที่ส่วนปลายเป็นสีน้ำตาลอมเทา มีเปลือกแข็งหุ้ม เรียกว่า ‘เม็ดมะม่วงหิมพานต์’
สรรพคุณทางยา ของ มะม่วงหาว
- ผล : ช่วยฆ่าเชื้อ แก้โรคลักปิดลักเปิด พอกดับพิษ อีกทั้งยังช่วยขับปัสสาวะ
- เมล็ด : ช่วยแก้อาการเนื้อหนังชาในโรคเรื้อน แก้ตาปลา แก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน แก้เนื้องอก บำรุงกระดูก บำรุงไขข้อ บำรุงเส้นเอ็น บำรุงผิวหนัง ไปจนกระทั่งถึงช่วยในการบำรุงกำลัง
- เปลือก : ช่วยในเรื่องการขับน้ำเหลืองเสีย แก้บิด แก้กามโรค แก้อาการท้องเสีย แก้ปวดฟัน ฟอกดับพิษ อีกทั้งยังสามารถนำเมล็ดไปทำเป็นยาอมเพื่อรักษาแผลในปากได้อีกด้วย
- ยอดอ่อน : ใช้รักษาโรคริดสีดวงทวาร
- ยาง : ใช้แก้อาการเลือดออกตามไรฟัน ช่วยทำลายตาปลา โดยให้ยางเข้าไปเป็นตัวช่วยกัดทำลายเนื้อด้านในที่เป็นปุ่มโต รักษาแผลเนื้องอก รักษาหูด รักษากลาก โรคเท้าช้าง
- น้ำมัน : ใช้ฆ่าเชื้อ เป็นยาชา ใช้รักษาโรคเรื้อน กัดหูด แก้ตาปลา แก้บาดแผลที่เน่าเปื่อย
50 สรรพคุณทางยา ของ มะม่วงหาว
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในเรื่องชะลอวัยและลดริ้วรอย (ผล)
- ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง (แก่น)
- แก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า (เนื้อไม้)
- เพิ่มความกระชุ่มกระชวยให้กับร่างกาย (ผล)
- ช่วยให้เจริญอาหาร (ราก)
- มีส่วนช่วยในการลดความอ้วน (ผล)
- ช่วยขยายหลอดเลือดและป้องกันการเกิดโรคหัวใจ (ผล)
- มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง (ผล)
- มีส่วนในการรักษาโรคเบาหวาน เนื่องจากมีธาตุเหล็ก (ผล)
- มีส่วนช่วยในการรักษาโรคโลหิตจาง (ผล)
- ช่วยรักษาโรคปอด (ผล)
- ช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งพองที่เกิดจากการสูบบุหรี่ (ผล)
- ช่วยรักษาโรคไต (ผล)
- บรรเทาอาการโรคตับ อาทิ โรคตับแข็ง (ผล)
- ช่วยรักษาโรคเกาต์ (ผล)
- ช่วยรักษาและบรรเทาอาการโรคไทรอยด์ (ผล)
- ช่วยป้องกันโรคไหลตาย (ผล)
- ในประเทศบังคลาเทศนิยมใช้ใบในการรักษาโรคลมชัก (ใบ)
- มีส่วนช่วยบรรเทาอาการโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ชาตามมือตามเท้า (ผล)
- ช่วยบำรุงกำลัง (เนื้อไม้)
- ช่วยบำรุงธาตุ (ราก , แก่น , เนื้อไม้)
- ช่วยบำรุงไขมันในร่างกาย (แก่น , เนื้อไม้)
- รักษาไข้ รวมถึงไข้มาลาเลีย (ราก , ใบ)
- ช่วยดับพิษร้อน (ราก)
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้ (ผล)
- ช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ (ผล)
- ช่วยขับเสมหะ (ผล)
- มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการปวดศีรษะ ไมเกรน (ผล)
- บรรเทาอาการเจ็บคอ เจ็บในปาก (ใบ)
- แก้อาการปวดหู (ใบ)
- ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเลือดออกตามไรฟัน ทั้งยังช่วยสมานแผลที่เกิดในช่องปาก (ผล)
- ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร (ราก)
- แก้อาการท้องเสีย (ใบ)
- ช่วยรักษาโรคบิด (ใบ)
- ช่วยขับปัสสาวะ (ผล)
- ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร (ยอดอ่อน)
- ช่วยขับพยาธิ (ราก)
- ช่วยรักษาโรคเท้าช้าง (น้ำยาง)
- ช่วยฆ่าเชื้อ (ผล)
- ช่วยในการสมานแผล (ผล , ยาง)
- ใช้รักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง (เปลือกต้น)
- ช่วยแก้อาการคัน (ราก)
- ในประเทศอินเดียนิยมใช้รากเพื่อรักษาแผลที่เกิดจากเบาหวาน (ราก)
- แก้กลากเกลื้อน (เมล็ด , น้ำยาง)
- แก้อาการเนื้อหนังชาในโรคเรื้อน (เมล็ด)
- ช่วยรักษาแผลเนื้องอก (น้ำยาง)
- ช่วยรักษาหูด (น้ำยาง)
- ช่วยทำลายตาปลาและช่วยกัดทำลายเนื้อด้านในที่เป็นปุ่มโต (น้ำยาง)
- ใช้พอกดับผิษ (ผล)
- ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อตามข้อ (ผล)
มะนาวโห่
“มะนาวโห่” หรือชื่อเรียกจริงๆ คือ “หนามแดง“ เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย หรืออาจเรียกว่าเป็นไม้ต้นขนาดเล็กก็ได้ มีความสูงเพียง 5 เมตร มียางสีขาว ออกใบเดี่ยว ออกดอกเป็นช่อยาว มีกลีบดอกสีขาว หรือสีชมพู ออกผลเป็นรูปไข่สีแดงชมพู หรือดำ
สรรพคุณทางยา ของ มะนาวโห่
- ผล : ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน
- ใบ : ช่วยแก้อาการเจ็บคอ เจ็บในปาก แก้ท้องเสีย อาการปวดแก้วหู หรือแม้แต่แก้ไข้ก็ทำได้
- แก่น : ช่วยบำรุงธาตุ บำรุงไขมันในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง
- เนื้อไม้ : ช่วยบำรุงธาตุ แก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงกำลัง ทั้งยังช่วยบำรุงไขมันในร่างกายได้อีกด้วย
- ราก : ใช้แก้อาการคัน บำรุงธาตุ ช่วยขับพยาธิ ทำให้เจริญอาหาร ดับพิษร้อน ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร ใช้แก้ไข้ได้อีกด้วย
หากมองย้อนกลับไป การที่ “มะม่วงหาว มะนาวโห่” กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยเฉพาะบรรดาคนที่รักสุขภาพ น่าจะหมายถึงผลของ “มะนาวโห่“ หรือผลของ “หนามแดง” เสียมากกว่า เพราะมีการปลูกกันอย่างแพร่หลายในทุกพื้นที่ จากการสอบถามพบว่ามะนาวโห่เป็นพืชที่ดูแลง่าย ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน อีกทั้งในแต่ละระยะของการออกผลก็จะให้สีที่แตกต่างกัน บางบ้านก็ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับด้วย ส่วนการนำผลมารับประทานก็จะต้องเป็นผลที่มีสีดำ จะให้รสชาติอมเปรี้ยว อมหวาน กินแล้วสดชื่น กระชุ่มกระชวย แถมยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com
ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 27/10/2568
| ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
|---|---|---|---|
| ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 63,000.00 | 63,100.00 |
| ทองรูปพรรณ 96.5% | 4,073.00 | 61,746.68 | 63,900.00 |
| ทองรูปพรรณ 90% | 3,665.70 | 55,572.01 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 80% | 3,258.40 | 49,397.34 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 50% | 1,832.85 | 27,786.01 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 40% | 1,425.55 | 21,611.34 | n/a |
| ทองรูปพรรณ 99.99% | 4,220.73 | 63,986.27 | n/a |
ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 27/10/2568
ปตท. | บางจาก | เชลล์ | คาลเท็กซ์ | ไออาร์พีซี | พีที | ซัสโก้ | เพียว | พรุ่งนี้ | |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| แก๊สโซฮอล์ 95 | 31.85 | 31.85 | 32.35 | 31.85 | 31.85 | 31.85 | 31.85 | 31.85 | 31.85 |
| แก๊สโซฮอล์ 91 | 31.48 | 31.48 | 31.98 | 31.48 | 31.48 | 31.48 | 31.48 | 31.48 | 31.48 |
| แก๊สโซฮอล์ E20 | 29.64 | 29.64 | 30.14 | 29.64 | – | 29.64 | 29.64 | 29.64 | 29.64 |
| แก๊สโซฮอล์ E85 | 27.59 | 27.59 | – | – | – | – | – | – | 27.59 |
| แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม | 40.04 | 49.54 | 49.84 | – | – | – | – | – | 40.04 |
| เบนซิน 95 | 40.14 | – | – | 49.51 | – | 40.64 | 40.29 | – | 40.14 |
| ดีเซล | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 | 30.94 |
| ดีเซลพรีเมี่ยม | 43.44 | 45.64 | 49.84 | 45.64 | – | – | – | – | 43.44 |
| แก๊ส NGV | 18.55 | 18.55 | – | – | – | – | – | – | 18.55 |







