สาระน่ารู้ประจำวันที่ 31 มีนาคม 2568

เสนาฯผนึกฮันคิวฮันชินเดินหน้า 3 มาตรการฟื้นความเชื่อมั่น

เสนาฯผนึกฮันคิว ฮันชิน ดึงโนฮาว์พันธมิตรญี่ปุ่นในฐานะผู้เชี่ยวชาญความเสี่ยงจากภัยแผ่นดินไหว เดินหน้า 3 มาตรการช่วยเหลือฟื้นความเชื่อมั่นลูกบ้าน

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เสนายึดมั่นในการพัฒนาโครงการเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและมุ่งเน้นความปลอดภัยสูงสุดในทุกโครงการมาโดยตลอด โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบอาคารให้สามารถรองรับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการพัฒนาโครงสร้างให้สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนที่สูงเกินมาตรฐานสากล รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งในการรับมือกับภัยพิบัติประเภทอื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

 จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา บริษัทได้จัดทีมวิศวกรลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบโครงสร้างอาคารสูงทุกโครงการอย่างเร่งด่วน โดยกระบวนการตรวจสอบแล้วเสร็จภายในเวลา 23.00 น. ของวันเดียวกัน ซึ่งเสนาให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของลูกบ้านทุกโครงการ ภายใต้มาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูโครงการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว

เสนาได้นำแนวทางการรับมือภัยพิบัติตามแนวคิด Geo fit+ ของบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรของเสนา มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อให้การรับมือครั้งนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยแผนดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 เฟส ดังนี้

1.การตรวจสอบและสื่อสารเชิงรุกเพื่อสร้างความมั่นใจ
– ทีมผู้บริหารและวิศวกรของเสนา ลงพื้นที่ร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับใบอนุญาตพิเศษ (Licensed Experts) เพื่อตรวจสอบโครงสร้างอาคารและประเมินความปลอดภัยของโครงการ
– เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งข้อมูลอัปเดตผ่าน Social Media, Website และ Line OA เพื่อให้ลูกบ้านได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว
– เปิดช่องทาง Hotline และ Line OA เพื่อให้ลูกบ้านสามารถแจ้งปัญหาฉุกเฉินได้อย่างสะดวกและทันที

2. การแก้ไขและให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน
– ทีมนิติบุคคลจากเซ็นเอกซ์ (SenX Property Management) พร้อมให้ความช่วยเหลือลูกบ้านที่ได้รับผลกระทบ ทั้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่มีทรัพย์สินเสียหาย โดยดำเนินการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและทั่วถึง
– ดำเนินการซ่อมแซมและฟื้นฟูโครงการ โดยตรวจสอบความเสียหายอย่างละเอียด และร่วมมือกับพันธมิตรของเสนา เช่น ผู้รับเหมาและบริษัทประกัน เพื่อให้การฟื้นฟูดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

3.การเตรียมความพร้อมระยะยาวเพื่ออนาคตที่ปลอดภัย  
– ตรวจสอบและพัฒนาการออกแบบโครงการให้สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนและภัยพิบัติได้สูงเกินระดับมาตรฐานสากลให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นคงของอาคารและความปลอดภัยของลูกบ้านในระยะยาว
– ปรับปรุง ระบบบริหารจัดการภายใน (Workflow) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อรองรับเหตุฉุกเฉินและเพิ่มขีดความสามารถในการให้ความช่วยเหลือลูกบ้าน
– สนับสนุนการจัดอบรมด้านการรับมือภัยพิบัติ ให้กับลูกบ้าน ชุมชน และพนักงานของเสนา เพื่อสร้างความตระหนักรู้และเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย

นอกจากนี้ เสนายังให้การสนับสนุนและช่วยเหลือชุมชนโดยรอบ โดยจัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงให้ความรู้ด้านการรับมือภัยพิบัติผ่านกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเสริมสร้างความพร้อมของทุกภาคส่วนและสร้างความมั่นใจให้กับลูกบ้านและสังคม เสนายังคงยืนหยัดในการให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของลูกบ้าน และเพื่อให้ทุกท่านมั่นใจในการอยู่อาศัยภายใต้การดูแลของเรา

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


แสนสิริ ระดมพาร์ตเนอร์เฉพาะทาง –ทีมวิศวกรดูแลความปลอดภัยลูกบ้านทุกโครงการ  

แสนสิริ  ระดมพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อความมั่นใจสูงสุด แสนสิริ ดูแลคุณไม่สิ้นสุด ดูแลลูกบ้านทุกโครงการอย่างใกล้ชิด พร้อมตั้งจุดรับแจ้งเรื่องเคลมประกันให้กับลูกบ้านที่ห้องชุดได้รับความเสียหาย

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ครั้งรุนแรง โดยมีศูนย์กลางจากประเทศเมียนมา และกระทบมายังประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง  ล่าสุด  ทีมผู้บริหารบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยพลัส พร็อพเพอร์ตี้

ร่วมด้วยทีมงานเฉพาะกิจผนึกกำลังกับพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำเข้าไปที่โครงการต่างๆ โดยร่วมกับนิติบุคคลโครงการตรวจสอบในจุดสำคัญคือโครงสร้างอาคาร ระบบอาคาร ลิฟต์โดยสาร สาธารณูปโภค

และได้มีตั้งจุดรับแจ้งเรื่องเคลมประกันให้กับลูกบ้านที่ห้องชุดได้รับความเสียหายไว้ด้วยเช่นกัน ขอให้ลูกบ้านติดตามประกาศจากทางนิติบุคคลประจำโครงการในกำหนดการต่างๆ ต่อไป

โดยขอให้ความมั่นใจว่าทุกโครงการของแสนสิริได้รับการออกแบบและก่อสร้างให้มีความแข็งแรงและปลอดภัยตามข้อกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวด ได้แก่ ข้อบังคับอาคารตามกฎกระทรวงปี2550 ว่าด้วยการกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน และความคงทนของอาคาร,มาตรฐานการออกแบบอาคารต้านทานการสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว

ที่ถูกกำหนดโดยสภาวิศวกร, มาตรฐานกรมโยธาธิการและผังเมือง 1301/1302ซึ่งเป็นมาตรฐานการออกแบบโครงสร้างอาคารระดับสูงของประเทศไทยความปลอดภัย และความสบายใจในการพักอาศัยของลูกบ้านและผู้อยู่อาศัยในโครงการต่างๆของแสนสิริเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราพร้อมทุ่มเททรัพยากรและความเชี่ยวชาญทั้งหมดเพื่อดูแลในทุกสถานการณ์

“ด้วยทีมงานคุณภาพและพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมดูแลลูกบ้านอย่างเต็มกำลังและจะทยอยเข้าไปดูแลทุกโครงการเพื่อความมั่นใจและสบายใจอย่างครอบคลุมที่สุดเหตุการณ์อันไม่คาดฝันครั้งนี้ นับเป็นบทเรียนสำคัญและเป็นบทพิสูจน์ของการร่วมแรงร่วมใจของหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนแสนสิริขอส่งต่อความห่วงใยไปยังเพื่อนๆ ทุกคน เราจะสู้ไปด้วยกัน”

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 31มี.ค.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 34.01 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 31มี.ค.“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” ที่ระดับ 34.01 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจพอได้แรงหนุนจากราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อ หรือแกว่งตัว Sideways ส่วนเงินดอลลาร์อาจรีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้าง แต่อาจเผชิญแรงกดดันหากผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 31มี.ค. ที่ระดับ  34.01 บาทต่อดอลลาร์“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ  33.99 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่านับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.89-34.04 บาทต่อดอลลาร์)

โดยในช่วงแรก เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ตามการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ สะท้อนผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 57 จุด แย่กว่าที่ตลาดคาด

ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ (Inflation Expectations) ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ในรายงานเดียวกันนั้น ก็ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 5.0% และ 4.1% ตามลำดับ

นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (New All-Time High)

หลังผู้เล่นในตลาดต่างกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่อาจมีการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) และมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆ ในเร็วนี้

ทั้งนี้ เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงบ้าง ในช่วงเช้าตรู่ของวันจันทร์ จากความกังวลแนวโน้มนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ จากผลกระทบของเหตุแผ่นดินไหวในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา

สัปดาห์ที่ผ่านมา การอ่อนค่าของเงินบาทยังเป็นไปอย่างจำกัด แม้จะเผชิญแรงกดดันจากความกังวลนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ แต่เงินบาทก็พอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ

สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่า ควรจับตารายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ รวมถึงรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ จากฝั่งสหรัฐฯ และจีน พร้อมจับตา การประกาศมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ

มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก

▪ ฝั่งสหรัฐฯ – ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อาทิ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) อัตราการเติบโตของค่าจ้าง (Average Hourly Earnings) รวมถึงยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (Job Openings)

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (ISM Manufacturing & Services PMIs) พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด

โดยเฉพาะประธานเฟด และที่สำคัญ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตาม การประกาศมาตรการภาษีนำเข้าตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆ ซึ่งจะมีการทยอยประกาศมาตรการดังกล่าวในช่วงวันที่ 2 เมษายน เป็นต้นไป 

▪ฝั่งยุโรป – บรรดาผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของทั้งธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ผ่านรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของยูโรโซน ในเดือนมีนาคม

พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE และ ECB เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดคาดว่า ECB มีโอกาส 40% ที่จะลดดอกเบี้ย ได้อีกราว 3 ครั้ง ในปีนี้ และมองว่า BOE อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ย เพิ่มเติมราว 2 ครั้ง ในปีนี้

ฝั่งเอเชีย – ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ ของทางการจีน ที่จะเน้นบริษัทขนาดกลาง-ใหญ่ รวมถึงรัฐวิสาหกิจ และดัชนี Caixin PMI ที่เน้นบริษัทขนาดเล็ก-กลาง

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น จากรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) เดือนกุมภาพันธ์

พร้อมรอติดตามผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Tankan Survey) โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยเฉพาะในส่วนของมุมมองภาคธุรกิจต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจกระทบต่อการตัดสินใจปรับนโยบายการเงินของ BOJ ได้

ฝั่งไทย – ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการแถลงร่วมภาคเศรษฐกิจจริงและระบบทางการเงิน จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยเฉพาะในส่วนของมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือต่างๆ จากธนาคารแห่งประเทศไทย

โดยล่าสุด หลังเกิดเหตุ ทางสถาบันการเงินได้ทยอยออกมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย อาทิ ลดค่างวดและลดดอกเบี้ย เป็นต้น ในส่วนของรายงานข้อมูลเศรษฐกิจนั้น

ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ผ่านรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิต ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ (Business Sentiment) และอัตราเงินเฟ้อ CPI ในเดือนมีนาคม สำหรับ แนวโน้มเงินบาท นั้น เราประเมินว่า เงินบาทเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลง ท่ามกลางปัจจัยกดดัน

ทั้ง ความกังวลแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และความกังวลผลกระทบจากแผ่นดินไหวต่อเศรษฐกิจ (ซึ่งเรามองว่า ไม่สูงนัก แต่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาดในระยะสั้นได้)

นอกจากนี้ เราจะมั่นใจมากขึ้นว่า เงินบาทจะกลับเข้าสู่แนวโน้มการอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากเงินบาทสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 34.00 บาทต่อดอลลาร์ ได้ชัดเจน เมื่อประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทอาจถูกชะลอลงได้บ้าง ตราบใดที่ราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัว Sideways

โดยเงินบาทยังมีโซนแนวต้านสำคัญแถว 34.00 บาทต่อดอลลาร์ (แนวต้านถัดไป 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่โซนแนวรับสำคัญจะอยู่ในช่วง 33.50-33.60 บาทต่อดอลลาร์ (แนวรับถัดไป 33.30 บาทต่อดอลลาร์)

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เงินบาทยังคงเสี่ยงทยอยอ่อนค่าลง ท่ามกลางปัจจัยกดดัน โดยเฉพาะแนวโน้มการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และความเชื่อมั่นของผู้เล่นในตลาดหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งอาจกระทบต่อฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติในระยะสั้นได้ ทว่า เงินบาทอาจพอได้แรงหนุน ตราบใดที่ราคาทองคำยังสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ หรือแกว่งตัว Sideways

ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่า เงินดอลลาร์อาจรีบาวด์แข็งค่าขึ้นบ้าง หากทางการสหรัฐฯ เดินหน้านโยบายกีดกันทางการค้า ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศไว้ ทว่าเงินดอลลาร์อาจเผชิญแรงกดดันได้ หากผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ

เราคงคำแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรเลือกใช้เครื่องมือในการปิดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเงินบาท รวมถึงสกุลเงินอื่นๆ ที่สูงขึ้นกว่าช่วงอดีตที่ผ่านมาพอสมควร โดยผู้เล่นในตลาดอาจเลือกใช้เครื่องมือเพิ่มเติม อาทิ Options หรือ Local Currency ควบคู่ไปกับการปิดความเสี่ยงผ่านการทำสัญญา Forward

มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 33.70-34.50 บาท/ดอลลาร์

ส่วนกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.85-34.10 บาท/ดอลลาร์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


“พิ้งค์ พิชฌามลณ์” พ่ายมือวางญี่ปุ่น คว้ารองแชมป์แบดเวียดนาม อินเตอร์ฯ 2025

พิ้งค์ พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ นักแบดมินตันหญิงไทย มืออันดับ 89 ของโลก สู้เต็มที่ก่อนพ่าย มานานิ ไซสุ มือวาง 2 จากญี่ปุ่น 0-2 เกม คว้ารองแชมป์รายการ โยเน็กซ์ ซันไรส์ เวียดนาม อินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ 2025 พร้อมรับเงินรางวัลกว่า 28,000 บาท

“พิ้งค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ นักแบดมินตันหญิงดาวรุ่งทีมชาติไทย มืออันดับ 89 ของโลก พยายามอย่างเต็มที่ในรอบชิงชนะเลิศ ก่อนพ่ายให้กับ มานานิ ไซสุ มือวางอันดับ 2 ของรายการ และมือ 42 ของโลกจากญี่ปุ่น ไป 0-2 เกม คว้ารองแชมป์แบดมินตันระดับนานาชาติ รายการ โยเน็กซ์ ซันไรส์ เวียดนาม อินเตอร์เนชั่นแนล ชาเลนจ์ 2025 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

การแข่งขันจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม 2568 โดยมีเงินรางวัลรวม 17,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 595,000 บาท) ในประเภทหญิงเดี่ยว รอบชิงชนะเลิศ พิชฌามลณ์ พยายามยื้อเกมอย่างสุดความสามารถ แต่ มานานิ ไซสุ โชว์ฟอร์มแน่นอนกว่า บีบเกมเร็วตลอดทั้งแมตช์ ทำให้สาวไทยต้านไม่ไหว แพ้ไป 0-2 เกม 11-21, 9-21

พิชฌามลณ์ คว้ารองแชมป์พร้อมรับเงินรางวัล 840 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 28,560 บาท ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานที่น่าชื่นชมในเวทีระดับอินเตอร์ฯ

สำหรับรายการต่อไป “พิ้งค์” จะลงแข่งขันในรายการ โตโยต้า ภูเก็ต อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรี่ส์ 2025 ชิงเงินรางวัลรวม 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 170,000 บาท) ระหว่างวันที่ 1-6 เมษายน 2568 ณ โรงยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่ง ศูนย์กีฬาสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


สัญญาณเตือน “เอ็นหัวไหล่ฉีกขาด”

Tricks for Life : สัญญาณเตือน “เอ็นหัวไหล่ฉีกขาด”

“เอ็นหัวไหล่ฉีกขาด” (Rotator Cuff Tear) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนที่ใช้งานหัวไหล่อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา ผู้ที่ต้องทำงานยกของหนัก หรือผู้สูงอายุที่มีกล้ามเนื้อและเอ็นอ่อนแอลงตามวัย หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุ

ปัญหานี้สามารถส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิต อาการเอ็นหัวไหล่ฉีกขาด จะทำให้ปวดไหล่เวลานอนโดยเฉพาะตอนนอนตะแคงทับ, ปวดไหล่เวลายกแขนขึ้นหรือลงในบางท่า, อ่อนแรงในขณะยกหรือหมุนหัวไหล่ และเสียงเสียดสีในขณะขยับบางท่าของไหล่

สาเหตุ “เอ็นหัวไหล่ฉีกขาด” เกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานไหล่ที่มากเกินไป คือ การใช้ไหล่ทำงานซ้ำ ๆ เช่น ยกของหนัก หรือเล่นกีฬาที่ต้องใช้แขนมาก เช่น เทนนิส ว่ายน้ำ แบดมินตัน, อาการบาดเจ็บ เช่น การล้ม การสะดุด หรือการเคลื่อนไหวที่ผิดท่าจนอาจทำให้เอ็นหัวไหล่ฉีกขาดทันที

ความเสื่อมตามวัย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เอ็นหัวไหล่อาจเสื่อมสภาพ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการฉีกขาดเพิ่มขึ้น และโครงสร้างร่างกาย ความผิดปกติในโครงสร้างข้อไหล่อาจทำให้เอ็นเกิดการเสียดสีจนเสียหาย

การวินิจฉัยเริ่มต้นด้วยการตรวจร่างกาย เพื่อประเมินอาการเจ็บปวดและความผิดปกติ การทำ MRI เพื่อให้ได้ภาพรายละเอียดของโครงสร้างในบริเวณไหล่อย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ การรักษาเอ็นหัวไหล่ฉีกขาดจะขึ้นอยู่กับอาการและระดับความรุนแรง

โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบได้แก่ 1. ระยะอักเสบหรือฉีกขาดบางส่วน แพทย์จะให้รับประทานยาร่วมกับการทำกายภาพบำบัด รวมถึงการฉีดสเตียรอยด์หรือยาต้านอักเสบ 2. ระยะฉีกขาดรุนแรงหรือฉีกขาดทั้งหมด แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดด้วยการส่องกล้องเพื่อซ่อมแซมเส้นเอ็น

แต่ในผู้ป่วยที่มีเส้นเอ็นขาดขนาดใหญ่ หลังเย็บซ่อมเส้นเอ็น อาจมีโอกาสฉีกขาดซ้ำได้ ปัจจุบันจึงมีวิธีการต่างๆมากมายเพื่อลดโอกาสในการฉีกขาดซ้ำ การใช้ Biologic collagen patch มาช่วยเสริมความแข็งแรงในการเย็บซ่อมเส้นเอ็น สามารถกระตุ้นให้เกิดการสมานเส้นเอ็นกับกระดูกได้ดีขึ้น

หลังจากการผ่าตัดเอ็นไหล่ฉีก ขั้นตอนการฟื้นฟูเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้งานได้เต็มที่ โดยทั่วไปจะแบ่งการฟื้นฟูเป็น 3 ระยะดังนี้ 1.ระยะพักฟื้นเริ่มต้น 1-6 สัปดาห์แรก ในช่วงนี้ต้องให้ไหล่อยู่ในสลิงเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวที่อาจทำให้แผลฉีกขาดอีก หลีกเลี่ยงการใช้งานหนัก อาจจะขยับเบา ๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น การหมุนข้อมือ หรือการยืดกล้ามเนื้อเบื้องต้น

2.ระยะฟื้นฟูกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหว 6-12 สัปดาห์ เมื่อแผลเริ่มสมานดีแล้ว ให้เริ่มกายภาพบำบัดฝึกการเคลื่อนไหวไหล่แบบเบา ๆ และเพิ่มการยืดหยุ่นของข้อไหล่ รวมถึงการเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบ ๆ ไหล่เพื่อให้มั่นคงขึ้น 3.ระยะฟื้นตัวเต็มที่ 3-6 เดือน เน้นการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความคล่องตัว โดยระยะเวลาฟื้นตัวทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการฉีกขาด ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนในการกลับมาใช้ชีวิตปกติ

“เอ็นหัวไหล่ฉีก” เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพกล้ามเนื้อหัวไหล่และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยง หากคุณมีอาการเจ็บปวดหรือข้อไหล่ติดแข็ง ควรรีบมาพบแพทย์ เพราะถ้าหากปล่อยไว้อาจทำให้อาการปวดเรื้อรังและเส้นเอ็นบาดเจ็บมากขึ้น กลายเป็นความทรมานที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ม.มหิดล คิดค้น เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด

  • เซนเซอร์ตรวจวัดอาคาร “เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด” ผลงานร่วมกันระหว่าง มหาวิทยาลัยมหิดล และ กรมอุตุวิทยา 
  • เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้ลดความสับสน เนื่องจากว่าแผ่นดินไหวทุกครั้งที่รับรู้ได้บนอาคารสูงไม่ได้ทำให้อาคารเกิดความเสียหายทุกครั้งแต่อย่างใด
  • ทดสอบใช้จริง ณ รพ.เชียงใหม่ และ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งอยู่ในจุดเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ซึ่งกำลังเป็นที่เฝ้าระวังในประเทศไทย  

แม้พื้นที่ประเทศไทยส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในจุดสำคัญที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากเหตุแผ่นดินไหวของโลก แต่ความเชื่อมั่นในความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคารจากแรงสั่นสะเทือนด้วยเหตุดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญเป็นอันดับต้นๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่อยู่ในอาคารสูงของโรงพยาบาล หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังใช้บริการระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อาทิ รถไฟความเร็วสูง สะพาน ตลอดจนผู้ซึ่งอยู่ในละแวกถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ เป็นต้น

รองศาสตราจารย์ ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คือหนึ่งในความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะ “ปัญญาของแผ่นดิน” ผู้ร่วมคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเซนเซอร์ตรวจวัดอาคาร “เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด”

ซึ่งเป็นผลงานร่วมกันระหว่าง มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ กรมอุตุวิทยา ภายใต้ทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

ได้ผ่านการทดสอบใช้จริง ณ โรงพยาบาลเชียงใหม่ และโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งอยู่ในจุดเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ซึ่งกำลังเป็นที่เฝ้าระวังในประเทศไทย

โดยสามารถวัดค่าความสั่นสะเทือน และแจ้งเตือนผ่านนวัตกรรมเซนเซอร์ตรวจวัดอาคาร “เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด”

และทำให้ “ผู้ใช้” (Users) ซึ่งเป็นวิศวกรที่ดูแลอาคาร และผู้บริหารโรงพยาบาลตัดสินใจความปลอดภัยของอาคารได้ภายในระยะเวลาเพียง 20 นาทีหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว

โดยทั่วไปผู้ที่สนองตอบต่อแรงเคลื่อนตัวของเปลือกโลก มักได้แก่ผู้ที่อยู่ในชั้นสูงของอาคาร ความตื่นตระหนกอาจนำไปสู่เหตุไม่คาดคิด รวมถึงการอพยพที่ไม่จำเป็น

อาจส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักต่อการใช้พื้นที่ซึ่งการอพยพผู้ป่วยที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ และการยกเลิกการใช้งานอาคารจะทำให้การช่วยเหลือในช่วงวิกฤติมีความยากลำบากมากยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีดังกล่าว จะช่วยให้ลดความสับสนเนื่องจากว่าแผ่นดินไหวทุกครั้งที่รับรู้ได้บนอาคารสูงไม่ได้ทำให้อาคารเกิดความเสียหายทุกครั้งแต่อย่างใด

นวัตกรรมเซนเซอร์ตรวจวัดอาคาร “เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด” โดย ภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และกรมอุตุนิยมวิทยา นับเป็นผลงานนวัตกรรมที่นำความภาคภูมิใจมาสู่ชาวไทยทั้งประเทศ ที่จะได้มีอุปกรณ์ ”ฝีมือคนไทย – ใช้เองทำเอง“

โดยสามารถลดต้นทุนการนำเข้า จากหลักแสน เหลือเพียงหลักหมื่นบาท และยังช่วยลดการใช้ทรัพยากร จากการประยุกต์อุปกรณ์ IoT (Internet of Things) มาใช้ติดตั้งเฉพาะจุดยุทธศาสตร์สำคัญของอาคาร และรายงานผลระยะไกลได้ในทุกอุปกรณ์ดิจิทัลที่เชื่อมต่อสัญญาณ

ขั้นตอนการติดตั้งเริ่มจากการสำรวจแบบแปลน และพื้นที่จริง เพื่อพิจารณาจุดติดตั้งที่เหมาะสม ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละอาคาร

ทีมวิจัย ซี่งประกอบด้วยคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ และนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะต้องทำงานร่วมกับผู้ออกแบบและวิศวกรประจำอาคาร

เมื่อติดตั้งแล้วเสร็จ ทางทีมวิจัยจะถ่ายทอดวิธีการใช้นวัตกรรมเซนเซอร์ตรวจวัดอาคาร “เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด” ต่อผู้เกี่ยวข้องให้สามารถอ่านค่า

และรายงานมายังหน่วยปฏิบัติการวิจัยของภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่พร้อมให้คำปรึกษา

เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจจัดการต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงทีตามแผนการณ์ที่เตรียมไว้ได้ต่อไป

ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ได้ติดตั้งนวัตกรรมเซนเซอร์ตรวจวัดอาคาร “เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด” ณ อาคารที่ทีมวิจัยเข้าติดตั้งทดสอบ ยังไม่พบรายงานผลกระทบจากแรงเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่เป็นอันตรายต่อโครงสร้างอาคาร

ซึ่งค่าที่มีความสำคัญในการออกแบบเชิงวิศวกรรมของอาคารในบริเวณที่มีความเสี่ยงเหตุแผ่นดินไหวตามมาตรฐานมี 7 ระดับ นับตั้งแต่ระดับ 1 น้อยกว่า 0.8 gal ซึ่งไม่ทำให้เกิดความรู้สึกต่อการสั่นสะเทือน ไปจนถึงสูงสุดระดับ 7 ที่มากกว่า 400 gal

จากผลการตรวจวัดจริงจากแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ขนาด 6.3 พบว่าผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ในอาคารสูงสามารถรับรู้การสั่นสะเทือนได้รุนแรง ซึ่งตรงกับที่ระบบตรวจวัดในอาคารสามารถตรวจวัดได้ โดยมีความรุนแรงอยู่ในระดับ 5 ค่าการสั่นสะเทือนอยู่ที่ 100 gal

นับเป็นการสั่นสะเทือนที่อาจทำให้เกิดความรับรู้ได้อย่างรุนแรง แต่ความเสียหายเพียงเล็กน้อย (Light) โดยไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด

ทำให้วิศวกรที่เกี่ยวข้องและบุคลากรทางการแพทย์เกิดความเชื่อมั่นและสามารถใช้งานได้ตามปกติภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว

ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากการนำเสนอผลงานนวัตกรรมเซนเซอร์ตรวจวัดอาคาร “เครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวราคาประหยัด” ต่อเครือข่ายนานาชาติด้วยเช่นกัน อาทิ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสาธารณรัฐฟิลิปปินส์

และกำลังอยู่ระหว่างการยื่นจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาผ่าน สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมเสนอตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ

ก้าวต่อไป รองศาสตราจารย์ ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ และทีมวิจัย เตรียมขยายผลติดตั้ง ณ อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

และโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์มีความประสงค์ที่จะติดตั้งระบบเพิ่มเติมในอาคารสูงของโรงพยาบาลอีก 3 อาคารโดยใช้งบประมาณของโรงพยาบาลต่อไปเพื่อให้โรงพยาบาลพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจวัดให้สามารถเตรียมพร้อมรับเหตุสั่นสะเทือนของเปลือกโลกได้ล่วงหน้า

ซึ่งจะส่งผลดีโดยเฉพาะอย่างต่อผู้ป่วยและผู้ใช้บริการทางการแพทย์ และสามารถต่อยอดไปในการเดินรถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อลดความเร็วของรถไฟ

ยิ่งทราบเหตุการสั่นไหวของเปลือกโลกได้รวดเร็วเพียงใด ยิ่งสามารถป้องกันเหตุ “ขบวนรถไฟตกราง” ได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นมาตรการเช่นเดียวกันกับรถไฟฟ้าชินกันเซนในประเทศญี่ปุ่น

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญกว่า “การเฝ้าระวัง” ผ่านการติดตามตัวเลขการสั่นไหวของอาคาร คือการออกแบบอาคารให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหวได้ และมี “สติ” อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรระวังไม่ให้สิ่งของที่มึน้ำหนักมากและเก็บอยู่บนที่สูงหล่นลงมาทำอันตรายผู้คนในอาคาร

นอกจากนี้ โดยทั่วไปเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหว มักมีการดับไฟฟ้า เนื่องจากเป็นไปตามมาตรการตรวจสอบของทีมวิศวกรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจใช้เวลาไม่นาน หรือเป็นวัน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น ประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนกมากจนลืมดูแลความปลอดภัยที่พอจะสามารถจัดการได้ด้วยตัวเองและครอบครัว

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจาก มหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th

สัมภาษณ์ และเขียนข่าวโดย ฐิตินวตาร ดิถีการุณ นักประชาสัมพันธ์ (ชำนาญการ) งานสื่อสารองค์กร กองบริหารงานทั่วไป สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 0-2849-6210

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


Phrasal Verb ที่ใช้บ่อย ในชีวิตประจำวัน

หลาย ๆ คนคงจะไม่ค่อยคุ้นเคยนักกับคำว่า Phrasal Verb ทั้ง ๆ ที่เราพบเห็นมันค่อนข้างบ่อยทั้งในเวลาเขียน หรืออ่านบทความภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นเรามาทำความรู้จักกับ Phrasal Verb ที่ใช้บ่อย ในเรื่องของความหมาย ส่วนประกอบ วิธีการใช้ และคำที่พบเห็นหรือใช้กันบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน จะขอแบ่งเป็นหัวข้อดังนี้

  1. Phrasal Verb คืออะไร

ในการ เรียนภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร นั้น ก่อนอื่นเราควรจะทำความเข้าใจคำว่า Phrasal Verb กันเสียก่อน คำถามแรกที่ก่อขึ้นมาคือ Phrasal Verb คืออะไร

Phrasal Verb หรือ two word verb หากเปรียบเทียบกันกับหลักไวยากรณ์ในภาษาไทยนั้นคงจะใกล้เคียงกับคำว่า กริยาวลีมากทีสุด กริยาวลีในภาษาไทยนั้นมีความหมายว่า คำที่ประกอบด้วยคำกริยา คำวิเศษณ์ หรือคำบุพบท ที่เมื่อนำมารวมกันแล้วจะมีความหมายแตกต่างไปจากเดิม

เพราะฉะนั้น Phrasal Verb หรือ two word verb ก็จะมีความหมายว่า คำที่เกิดจากการประกอบขึ้นมาใหม่ โดยมี verb, adverb, preposition หรืออาจจะเป็น preposition ทั้งสองคำ มาผสมกันจนเกิดคำศัพท์ใหม่ที่มีความหมายต่างจากเดิม

Phrasal Verb สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ดังนี้

1) กริยาวลีที่ต้องอยู่ติดกัน ไม่สามารถแยกคำบุพบท (preposition) ออกได้ และไม่ต้องมีกรรม (object) มารองรับ เรียกว่า inseparable verbs with no objects ยกตัวอย่างเช่น

wake up = ตื่นนอน

come in = เข้ามา

grow up = เติบโต

2) กริยาวลีที่ต้องอยู่ติดกัน ไม่สามารถแยกคำบุพบท (preposition) ออกได้ แต่ต้องมีกรรม (object) มารองรับ เรียกว่า inseparable verbs with objects ยกตัวอย่างเช่น

look for = มองหา

go away = ออกไป

take after = เหมือน

3) กริยาวลีที่สามารถแยกคำบุพบท (preposition) ออกได้ แต่ต้องมีกรรม (object) มารองรับ เรียกว่า separable verbs

turn on = เปิด

turn off = ปิด

take off = เครื่องบินขึ้น

4) กริยาวลีที่มีคำบุพบท (preposition) มากกว่าหนึ่งตัว อาจจะมีกรรม (object) หรือไม่มีก็ได้ เรียกว่า three-word Phrasal Verbs ยกตัวอย่างเช่น

look down on = ดูถูก

look out for = เตรียมพร้อม

catch up with = ตามให้ทัน

  1. Phrasal Verb ประกอบด้วยอะไรบ้าง

          เมื่อทราบความหมายแล้ว หัวข้อนี้จะกล่าวถึงส่วนประกอบที่ใช้ในการสร้าง Phrasal Verb หรือ two word verb

การสร้าง Phrasal Verb หรือ two word verb นั้นจะมีวิธีการผสมคำทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ

2.1  verb + preposition

คำกริยาตามด้วยคำบุพบท คือการนำคำบุพบท หรือ preposition มาต่อท้ายคำกริยา หรือ verb ที่จำเป็นจะต้องมีคำบุพบทมาต่อท้าย แต่ยังคงความหมายเดิมของคำกริยา (verb) ยกตัวอย่างเช่น

belong to = เป็นของ

wait for = รอ

protect form = ปกป้องจาก

arrive at = มาถึงที่

think about = คิดเกี่ยวกับ

agree with = เห็นด้วยกับ

believe in = เชื่อมั่นใน

etc.

2.2 verb + adverb หรือ verb + preposition

คำกริยาที่ตามด้วย คำวิเศษณ์ (adverb) หรือคำบุพบท (preposition) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม ความหมายของคำกริยาจะถูกเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม และกลายเป็นคำที่มีความหมายใหม่ ยกตัวอย่างเช่น

run in to = พบกันโดยบังเอิญ

grow up = เติบโตขึ้น

come in = เข้าไป / เข้ามา

watch out = ระวัง

break out = เกิดขึ้น

catch up = ติดตาม

calm down = ใจเย็น ๆ

etc.

2.3 verb + adverb + preposition

เป็นการนำคำกริยามาประกอบกันกับคำวิเศษณ์ (adverb) และคำบุพบท (preposition) ยกตัวอย่างเช่น

look forward to = รอคอย

get by with = พอที่จะใช้ชีวิตอยู่ได้

look down on = ดูถูก

keep up with = ตามให้ทัน

break up with = เลิกกันแล้วกับ

put up with = อดทน

get on with = ทำต่อไป

  1. วิธีการใช้ Phrasal Verb

3.1. หากในประโยคไม่มีกรรม (object) มารองรับ

จะต้องนำคำวิเศษณ์ (adverb) มาไว้ติดกับคำกริยา (verb) เช่น

  • May I come in, please?
  • Don’t give up.
  • I will dress up.
  • Let’s go to eat out.

3.2. หากมีคำนาม (noun) เป็นกรรม (object)

จะวางคำนาม (noun) ไว้ข้างหน้า หรือข้างหลังคำวิเศษณ์ (adverb) ก็ได้ เช่น

  • Keep the child out of my bedroom.
  • Tom put the pot down on the table.
  • Lin set the party up for her friend.
  • He take the radio apart and fix it.

3.3. หากมีคำสรรพนามเป็นกรรม (object pronoun)

จะต้องนำกรรม (object) ไว้ด้านหน้าของคำวิเศษณ์ (adverb) เช่น

  • I lost my ring, but she find it out.
  • Her mother made her up when she is going to party.
  • The shirt is very nice that I will try it on.
  • I can’t hear that sound. Can you tune it up?
  1. Phrasal Verb ที่พบบ่อยในชีวิตประจำวัน
break upเลิกกันkeep upเก็บรักษาturn onเปิด
call backโทรกลับlook down onดูถูกturn offปิด
clam downใจเย็น ๆlook forมองหาuse upใช้จนหมด
check inลงทะเบียนเข้าlook outระวังwake upตื่นนอน
check outลงทะเบียนออกmake upแต่งหน้าwarm upทำให้อุ่นขึ้น
cheer upมีความสุขmix upผสมwork outออกกำลังกาย
cut downตัดpay backใช้หนี้
dress upแต่งตัวput downวางลง
fall downตกrun awayวิ่งหนี
fall outหล่นออกไปset upจัดขึ้น
fill upเติมshow offแสดงออก
get backกลับบ้านswitch offปิด
get upตื่นนอนswitch onเปิด
give upยอมแพ้take apartแกะออกเป็นชิ้น ๆ
go aheadดำเนินการtake backคืน
go backกลับtake offเครื่องบินขึ้น
grow upเติบโตtake outนำออกไป
hang outสังสรรค์throw awayทิ้ง
hold onรอสักครู่turn downลดลง

ขอบคุณข้อมูลจาก engduothailand.com


“ชะอม” กับประโยชน์-ข้อควรระวังน่ารู้ก่อนรับประทาน

กินอะไรกับน้ำพริกกะปิก็ไม่อร่อยเท่าไข่เจียวชะอม แถมไข่เจียวชะผมยังเอาไปใส่ในแกงส้มได้อร่อยที่สุด หากชอบน้ำพริก จะลวกจิ้มน้ำพริกเปล่าๆ ก็ยังอร่อย แม้ว่ารสชาติจะติดขมเล็กน้อย แต่ชะอมก็มีรสชาติที่มีเสน่ห์ และมีเอกลักษณ์ แถมยังมีประโยชน์ดีๆ ที่ Sanook! Health อยากให้ได้คนไทยกินชะอมกันอีกเยอะๆ

ประโยชน์ของ ชะอม

  1. ชะอมมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา
  2. มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
  3. ชะอมมีกากใยอาหารสูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย
  4. ยอดชะอม ช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ จึงเหมาะกับอุณหภูมิร้อนๆ ในบ้านเรา
  5. รากชะอม สามารถนำมาฝนกิน ช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยขับลมในท้องได้

ข้อควรระวัง-อันตรายของ ชะอม

  1. หญิงที่กำลังให้นมบุตร ไม่ควรกินชะอม เพราะอาจทำให้นมแห้งได้
  2. ในหน้าฝน อาจทำให้ชะอมมีรสเปรี้ยว และมีกลิ่นฉุนกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องได้
  3. ชะอมมีกรดยูริกสูง ผู้ป่วยโรคเกาต์ยังสามารถรับประทานได้ แต่ควรจำกัดปริมาณในการรับประทานไม่ให้มากเกินไป แต่หากมีอาการของโรคเกาต์ค่อนข้างหนัก และปวดเข่ามาก ควรหลีกเลี่ยง
  4. ชะอมเป็นพืชที่พบการปนเปื้อนของเชื้อก่อโรคท้องเสีย ท้องร่วงอย่าง ซาลโมเนลลา ได้ ดังนั้นจึงควรล้างผักให้สะอาด และปรุงโดยต้ม ลวก หรือผ่านความร้อนให้สุกอย่างทั่วถึงก่อนรับประทาน

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 31/03/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a49,750.0049,850.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,223.0048,860.6850,650.00
ทองรูปพรรณ 90%2,900.7043,974.61n/a
ทองรูปพรรณ 80%2,578.4039,088.54n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,450.0021,982.00n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,128.0017,100.48n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%3,340.0050,634.40n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 31/03/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

เอสโซ่

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9534.1534.1534.6534.1534.1534.1534.1534.1534.1534.15
แก๊สโซฮอล์ 9133.7833.7834.2833.7833.7833.7833.7833.7833.7833.78
แก๊สโซฮอล์ E2031.9431.9432.4431.9431.9431.9431.9431.9431.94
แก๊สโซฮอล์ E8530.2930.2930.29
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม42.7449.3449.8449.3442.74
เบนซิน 9542.4449.3142.9442.5942.44
ดีเซล32.4432.4432.4432.4432.4432.4432.4432.4432.4432.44
ดีเซลพรีเมี่ยม44.4446.6449.8446.6446.6444.44
แก๊ส NGV17.9017.9017.90
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า