สาระน่ารู้ประจำวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568

บิ๊กอสังหาฯโกยยอดงานมหกรรมบ้านและคอนโดเฉียด 6 พันล้าน

บิ๊กอสังหาฯ’แสนสิริ- ศุภาลัย-ออริจิ้น-อนันดา’โกยยอด ในงาน มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48 รวมเฉียด 6 พันล้าน

เสียงตอบรับจากผู้บริโภคในงาน มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 4 วันเต็ม เป็นแรงสะท้อนสำคัญว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังไม่หยุดนิ่ง! เมื่อค่ายใหญ่ต่างโชว์ศักยภาพด้วยยอดขายรวมเฉียด 6,000 ล้านบาท แม้เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่ “ดีมานด์จริง” เพื่ออยู่อาศัยและการลงทุนยังมี!

แสนสิริ นำโด่งขายทะลุ 2,300 ล้าน

อาณัติ กิติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริ ยังครองผู้นำตลาดอสังหาฯ อย่างเหนียวแน่น หลังปิดยอดขายในงานกว่า 2,300 ล้านบาท จากบูธ “Sansiri Arena แชมป์เปี้ยนดีล” ส่งผลให้มียอดขายสะสมตั้งแต่ต้นไตรมาส 4 พุ่งแตะกว่า 6,000 ล้านบาท เป็นผลจาก “เรียลดีมานด์” ที่ยังแข็งแกร่ง สะท้อนความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและบริการหลังการขาย พร้อมพันธมิตร SCB ที่ให้สินเชื่อพิเศษลูกค้าภายในงาน

เพื่อสานต่อความแรง ได้เดินหน้าจัดแคมเปญ “แสนสิริ อลังเซล” ลดใหญ่ส่งท้ายปี สูงสุด 10 ล้านบาท 109 โครงการทั่วประเทศ ทั้งบ้าน คอนโด และทาวน์โฮม เริ่ม 8.9 แสนบาท จนถึง 29.9 ล้านบาท ผ่อนต่ำเริ่มต้นล้านละ 2,500 บาท ตั้งแต่ 3 พ.ย.-30 ธ.ค.เรียกว่าจุดกระแสการแข่งขันปลายปีให้ร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง

 ออริจิ้น-บริทาเนีย แตะ 1,100 ล้าน

พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สร้างยอดขายกว่า 1,100 ล้านบาท จากกว่า 90 โครงการ ในแคมเปญ “ORIGIN Galaxy Deal” และ “BRITANIA Galaxy Deal” โดยมีจุดขายเฉพาะ “คอนโดเลี้ยงสัตว์ได้“ ซึ่งออริจิ้นเป็นผู้นำตลาด มากถึง 25 ทำเลทั่วประเทศ และโครงการลักชัวรีในเมือง “พาร์ค ออริจิ้น” รวมถึงโครงการพร้อมอยู่ ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยจริงและนักลงทุน

ออริจิ้นยังต่อยอดกลยุทธ์ “Connect the Dots” จับมือพาร์ตเนอร์ระดับโลก IKEA และ Lazada ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า ผ่านของสมนาคุณและส่วนลดสูงสุด 5 ล้านบาท สำหรับผู้จองบ้านบริทาเนีย

 “ปัจจัยบวกจากการลดดอกเบี้ยและมาตรการรัฐช่วยหนุนตลาด ทำให้ปลายปีนี้เป็นจังหวะทองของผู้บริโภค มั่นใจว่าความคึกคักจะต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้ายของปี”

อนันดาเก็บแต้ม 855 ล้าน

ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ครึ่งหลังปี 2568 ขยับในหลายเซ็กเมนต์หลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 โดยยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ไตรมาส 3 ขยับดีขึ้น ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากกลไกตลาดและการปรับตัวของผู้ประกอบการ รวมถึงการได้รับอานิสงส์จากนโยบายทางการเงินและสินเชื่อของสถาบันการเงิน การแข่งขันปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในกลุ่มลูกค้าคุณภาพ ถือเป็นสัญญาณที่ดี

ล่าสุด อนันดา ได้กวาดยอดขายกว่า 855 ล้านบาทภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48  ที่ผ่านมาจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 500ล้านบาท หรือคิดเป็น 170%

นอกจากนี้ ยังสามารถปิดการขายได้อีก 1 โครงการได้แก่ เอลลิโอ สาทร วุฒากาศ นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจากตัวเลขดังกล่าว ทำให้เห็นสัญญาณปรับตัวเดือนแรกในไตรมาส 4มีทิศทางที่ดีขึ้น คาดว่าในอีก 2 เดือนต่อจากนี้จะมีแนวโน้มที่ดีและส่งผลให้ยอดขายของไตรมาสสุดท้ายเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

ศุภาลัย โกย1,153 ล้าน

ด้าน ศุภาลัย โชว์ผลงาน 1,153 ล้านบาท จากแคมเปญ “SUPALAI PICK SALE คว้าดีลเล่นใหญ่!” จากทัพโครงการบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโด พร้อมอยู่ทั่วประเทศ แนวคิด “ดีลดีทุกห้อง จับต้องได้ทุกหลัง” ไฮไลต์ส่วนลดสูงสุด 7 ล้านบาท พร้อมราคาพิเศษเริ่มต้น 999,000 บาท พร้อมสร้างสีสันด้วยกิจกรรม “SPECIAL DAYS” จับรางวัลทุกวัน แจกทุกวัน ทำให้ลูกค้าศุภาลัยคว้ารางวัลใหญ่ต่อเนื่องตลอด 4 วัน ตั้งแต่บัตรกำนัล 300,000 บาท ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


รับสร้างบ้านปรับกลยุทธ์รับเทรนด์ ‘Super-Aged Society’

พีดีเฮ้าส์ ปรับกลยุทธ์รับเทรนด์ ‘Super-Aged Society’ลุยฟื้นเชื่อมั่นตลาดรับสร้างบ้าน หลังเผชิญความไม่แน่นอนทางการเมือง กำลังซื้อที่หดตัว รวมทั้งสังคมผู้สูงอายุ

ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านในปี 2568 เผชิญความท้าทายอย่างหนัก คาดการเติบโตจะชะงัก! หรือ ติดลบ จากปัจจัยเสี่ยงรอบทิศทาง โดยเฉพาะความเชื่อมั่นที่พังทลายจากกรณีบริษัทรับสร้างบ้านทิ้งงานที่มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง กำลังซื้อที่หดตัว รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของสังคมไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่ “Super-Aged Society” หรือสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์

จิราภา สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และกลุ่มบริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด กล่าวว่า ตลาดรับสร้างบ้านไตรมาสสุดท้ายกำลังเผชิญความท้าทายอย่างหนักจากหลายปัจจัยลบ โดยเฉพาะปัญหาความเชื่อมั่นจากกระแสข่าวปัญหาบริษัทรับสร้างบ้านทิ้งงาน! ส่งผลให้ผู้บริโภคสูญเสียความไว้วางใจต่ออุตสาหกรรม และชะลอการตัดสินใจสร้างบ้าน ประกอบกับความไม่มั่นคงทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ตลาดรวมรับสร้างบ้านที่คาดว่าจะเติบโตอาจ “ติดลบ” หรือ “ชะงักการเติบโต” ในช่วงที่เหลือของปีนี้

“ในยุคที่ตลาดรับสร้างบ้านกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค ต้องสร้างความแตกต่างด้วยความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และมาตรฐานที่เข้มงวด จะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูความเชื่อมั่น และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน”

ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย พีดีเฮ้าส์ มองเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความแตกต่างและฟื้นฟูความเชื่อมั่น โดยผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมืออาชีพ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างเร่งด่วน จากเน้นแข่งขันด้านราคา และไร้ทิศทาง ต้องสร้างคุณค่าที่แท้จริงให้ผู้บริโภค เน้นความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และมาตรฐานที่เข้มงวด เพื่อสร้างความมั่นใจและแตกต่างจากผู้ประกอบการที่ขาดความรับผิดชอบ

ทั้งนี้ อนาคตของธุรกิจรับสร้างบ้านไม่ได้อยู่ที่แค่การสร้างบ้านให้เสร็จ แต่คือการสร้างบ้านที่มอบ “คุณค่า” มากกว่า “มูลค่า” และตอบโจทย์ชีวิตในระยะยาว ยิ่งสังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “ที่อยู่อาศัย” จึงไม่ใช่เพียงแค่ “ที่อยู่” อีกต่อไป แต่ต้องเป็นพื้นที่แห่งความสุข ความปลอดภัย และสุขภาวะที่ดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับ พีดีเฮ้าส์ วางกลยุทธ์ 4 แกนหลักมุ่งเน้นคุณภาพชีวิตและความยั่งยืน ได้แก่ บ้านประหยัดพลังงาน (Energy-Saving Home) มุ่งเป้า “ผู้นำ” สร้างบ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว และร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม สอดรับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่

บ้านสุขภาพ (Wellness Home) ผ่านเทคโนโลยี PD Fresh Airflow ตอบโจทย์เทรนด์บ้านเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่หลังสถานการณ์โรคระบาด บ้านสำหรับผู้สูงอายุและทุกเจเนอเรชัน (Universal Design) ออกแบบตามแนวคิด Universal Design หรือการออกแบบเพื่อทุกคน ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด ความยืดหยุ่นของพื้นที่ ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามความต้องการในอนาคต รองรับการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัย และสนับสนุนการอยู่อาศัยอย่างอิสระ(Aging in Place)

และ นวัตกรรมการก่อสร้างและความโปร่งใส (Construction Innovation & Transparency) ใช้ระบบ Multi-Joint Lock System เพิ่มประสิทธิภาพ ควบคุมคุณภาพได้ดีกว่า และลดระยะเวลาก่อสร้าง รวมถึงเทคโนโลยี Bubble Deck จากเดนมาร์กช่วยลดการใช้คอนกรีตและเป็นฉนวนกันความร้อน 

“ขาดไม่ได้ ระบบการบริหารจัดการเงินงวดที่โปร่งใส สัญญาที่เป็นธรรม การรับประกันคุณภาพที่ชัดเจน และการบริการครบวงจร ตั้งแต่การขอสินเชื่อ การขออนุญาตก่อสร้าง ออกแบบและตกแต่งภายใน ออกแบบและจัดสวน บริการหลังการขาย ที่ดูแลซ่อมบำรุงบ้าน ตามระยะเวลารับประกัน 1-2 ปี เพื่อสร้างความมั่นใจและแตกต่างจากผู้รับเหมาที่ขาดความรับผิดชอบ”

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้าน ตลาดหลักยังคงเป็นกลุ่มผู้มีความต้องการสร้างบ้านเพื่อที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) โดยเฉพาะบ้านกลุ่มราคา 4-10 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนมากสุดช่วยขับเคลื่อนตลาด ส่วนบ้านราคา 10-20 ล้านบาทขึ้นไป ดีมานด์ค่อนข้างคงตัว ผู้ซื้อกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจไม่มากนัก ขณะที่บ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบและเศรษฐกิจหดตัว

สำหรับตลาดรับสร้างบ้านที่มีบริการรองรับผู้สูงอายุ แม้เป็นตลาดเฉพาะ (niche market) มาร์เก็ตแชร์ 7-10% มีมูลค่า 1,000-1,500 ล้านบาท แต่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว ตามจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และความตระหนักของครอบครัวรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุมากขึ้น

โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วน 28-30% ของประชากรทั้งหมดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้4 พ.ย“อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”ที่ระดับ 32.51 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways Up ขณะราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลง จับตาวันที่ 5พ.ย.ศาลสูงสุดเริ่มพิจารณาไต่สวนคดีเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ หลังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสิน “ทรัมป์”ใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 4พ.ย.3568ที่ระดับ  32.51 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.49 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาท (USDTHB) อาจมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง และอาจเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways Up

ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่ยังคงได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ต่างทยอยปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด 

ขณะเดียวกัน ก็เป็นปัจจัยที่คอยกดดันให้ราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลง และยากที่จะเห็นราคาทองคำรีบาวด์สูงขึ้นต่อเนื่องได้ ยกเว้นจะเกิดภาวะปิดรับความเสี่ยง (Risk-Off) ของตลาดการเงิน หรือปัจจัยความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์กลับมาร้อนแรงขึ้นในระยะสั้น

อย่างไรก็ดี เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ก็อาจเป็นไปอย่างจำกัดได้ เนื่องจาก ในช่วงภาวะ US Government Shutdown ก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดยังคงขาดการรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงาน

ทำให้ ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่ได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด อย่างมีนัยสำคัญ เช่น โอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธันวาคม ก็อาจยังคงสูงกว่าระดับ 50%

นอกจากนี้ เรามองว่า ในช่วงระยะสั้น ควรจับตาการพิจารณาคดีเกี่ยวกับมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยศาลสูงสุด (Supreme Court) ซึ่งจะเริ่มการไต่สวนในวันที่ 5 พฤศจิกายน นี้

โดยหากเริ่มมีแนวโน้มที่ศาลสูงสุดจะยืนคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ที่ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อำนาจเกินขอบเขตของกฎหมาย International Emergency Economic Powers Act 1977 (IEEPA) ซึ่งอาจนำไปสู่การระงับมาตรการภาษีนำเข้าและ

มีโอกาสที่รัฐบาลสหรัฐฯ อาจต้องชดเชยภาษีนำเข้าที่ได้เรียกเก็บก่อนหน้า ทำให้ ผู้เล่นในตลาดอาจกลับมากังวลแนวโน้มเสถียรภาพการคลังของสหรัฐฯ ได้อีกครั้ง (Fiscal Concerns) ซึ่งภาพดังกล่าวอาจกดดันให้ เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง แม้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะปรับตัวสูงขึ้น จากแรงขายบอนด์ระยะยาวสหรับฯ ก็ตาม ส่วนราคาทองคำก็มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้

นอกจากนี้ เรามองว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดอย่างฝั่งผู้ส่งออก ต่างก็รอทยอยขายเงินดอลลาร์ รวมถึงผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง) ก็อาจทยอยขายทำกำไร ปรับลดสถานะดังกล่าวได้บ้าง ทำให้ เงินบาท (USDTHB) ยังคงมีโซนแนวต้านในช่วง 32.65 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านแรก และมีโซน 32.85 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแนวต้านถัดไป

โดยเราจะกลับมาเชื่อว่า เงินบาทได้กลับสู่แนวโน้มอ่อนค่าลงอีกครั้ง หากสามารถอ่อนค่าทะลุโซน 32.75 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน ตามการประเมินด้วยกลยุทธ์ Trend-Following ขณะที่โซนแนวรับของเงินบาทนั้น จะอยู่ในช่วง 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามแรงซื้อของผู้เล่นในตลาดอย่างฝั่งผู้นำเข้า และมีโซนแนวรับถัดไปในช่วง 32.30 บาทต่อดอลลาร์

และเนื่องจาก ความผันผวนของเงินบาทได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด

รวมถึงบรรดาธนาคารกลางหลัก (อย่างล่าสุดที่เกิดขึ้นกับ BOJ จนส่งผลกระทบต่อเงินเยนญี่ปุ่น) ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.45-32.70 บาท/ดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 32.43-32.52 บาทต่อดอลลาร์) แม้จะมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามจังหวะการแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์

ที่มาพร้อมกับจังหวะการย่อตัวลงบ้างของราคาทองคำ หลังผู้เล่นในตลาดต่างปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้างจากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงนี้ ที่ต่างย้ำว่า แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดยังมีความไม่แน่นอน

โดยเฉพาะการประชุม FOMC เดือนธันวาคม โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดได้ประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 66% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมเดือนธันวาคม และให้โอกาสราว 57% ที่เฟดจะสามารถลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปี 2026

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนบ้างจากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor อาทิ Amazon +4.0% ตอบรับข่าวการทำข้อตกลงด้าน AI ระหว่าง Amazon กับ OpenAI (เจ้าของ ChatGPT) ทว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เผชิญแรงกดดันบ้าง จากประเด็นความไม่แน่นอนของแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้โดยรวม ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.17% ส่วนดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.46%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.07% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มยานยนต์ ตอบรับความคาดหวังว่า Nexperia ผู้ผลิตชิปสำคัญในรถยนต์จะสามารถกลับมาส่งออกสินค้าได้อีกครั้ง ทั้งนี้ บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นยุโรปยังไม่รีบเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวสูงขึ้นบ้างสู่ระดับ 4.10% ตามการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดโดยบรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเรายังคงประเมินว่า บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ยังมีความเสี่ยงปรับตัวสูงขึ้นได้ หากผู้เล่นในตลาดรับรู้ปัจจัยเชิงบวกที่อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลง

อาทิ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน อย่าง ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน โดย ADP เนื่องจากภาวะ Government Shutdown ของสหรัฐฯ ได้ทำให้ การประกาศข้อมูลการจ้างงานจากทาง BLS ถูกเลื่อนออกไป โดยหากบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ สามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้จริง

เราก็ยังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรรอจังหวะบอนด์ยีลด์ระยะยาวสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อ (เน้นกลยุทธ์ Buy on Dip) ส่วนผู้ที่มีสถานะลงทุนในบอนด์ระยะยาว ก็สามารถ Let Profits Run ได้

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แม้จะมีจังหวะทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง สอดคล้องกับการทยอยปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดโดยบรรดาผู้เล่นในตลาด

ทว่า การปรับตัวขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงบ้าง ตามแรงขายทำกำไรและการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดบางส่วน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่โซน 99.9 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 99.7-100 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ ภาพรวมของตลาดการเงินสหรัฐฯ ที่ยังคงเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง กอปรกับจังหวะปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ตามการปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) ย่อตัวลงบ้าง สู่โซน 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ ECB อย่าง ประธาน ECB Christine Lagarde และ BOE

ส่วนในฝั่งออสเตรเลียนั้น บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจเลือกที่จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 3.60% แต่อาจมีการส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมถ้าจำเป็นได้

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน รวมถึง พัฒนาการของสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ หลังเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown เป็นวันที่ 34 เข้าสู่วันที่ 35 และมีแนวโน้มที่ภาวะ Government Shutdown ในครั้งนี้ อาจยาวนานเป็นประวัติการณ์ได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าเงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 32.52-32.54 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (9.35 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 32.46 บาทต่อดอลลาร์ฯ

โดยเงินบาทและสกุลเงินอื่นในเอเชียยังคงอ่อนค่าลง ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ หลังตลาดทยอยปรับลดโอกาสความเป็นไปได้ (Probability) ของการลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนธ.ค. ลงมา อยู่ที่ไม่เกิน 70% (จากสัปดาห์ก่อนที่อยู่ที่ 90%)

นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยบวกจากตัวเลข PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ที่ขยับขึ้นไปที่ 52.5 ในเดือนต.ค. จาก 52.0 ในเดือนก.ย. ด้วยเช่นกัน 

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 32.45-32.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงกระแสการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟด

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


หยู บัลลังก์ ทับทิมแดง ความหวังใหม่ทัพไทยในโอลิมปิก 2028

นับตั้งแต่ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนสยาม ได้ประกาศอำลาสังเวียนไป เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจโอลิมปิก 2024 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปีที่แล้ว

ทำให้แฟนกีฬาชาวไทยจำนวนไม่น้อย ต่างรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อถึงคราวโอลิมปิกครั้งถัดไปในปี 2028 ณ นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ทัพนักกีฬาไทย จะฝากความหวังเหรียญทองไว้กับนักกีฬาคนใดได้บ้าง

เนื่องจากโอลิมปิก 2 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งโตเกียว 2020(เลื่อนแข่งปี 2021 เนื่องจากโควิด-19)ที่ประเทศญี่ปุ่น และปารีส 2024 ณ ดินแดนน้ำหอม เราได้เหรียญทองจาก พาณิภัค เพียงคนเดียวทั้งสองครั้ง พร้อมกับสร้างความยิ่งใหญ่ไว้มากมาย จนเธอคือหนึ่งในนักกีฬาไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

เรื่องนี้ สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยต่างทราบดีว่า เมื่อฮีโร่คนเดิมอำลาสังเวียนไป จึงต้องสร้างฮีโร่คนใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายดุจพลืกฝ่ามือ 

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์โลก 2025 ที่เมืองอู๋ซี สาธารณัฐประชาชนจีน เมื่อสัปดาห์ก่อน แฟนกีฬาชาวไทยพอจะใจชื้นขึ้นมาได้บ้างเมื่อ “หยู” บัลลังก์ ทับทิมแดง จอมเตะหนุ่มวัย 20 ปี สามารถคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ จากรุ่นเฟเธอร์เวต 68 กิโลกรัมชาย นับเป็นเหรียญทองและเหรียญรางวัลเดียวที่ทัพจอมเตะไทยได้มาจากศึกชิงแชมป์โลกหนนี้

อันที่จริง บัลลังก์ เคยได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขันชิงแชมป์โลกมาแล้วเมื่อปี 2023 จากการคว้าเหรียญเงิน ในแบนตั้มเวตรุ่น 63 กก.ชาย 

แถมในปีเดียวกัน เขายังคว้าเหรียญทองเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 19 ณ เมืองหางโจว ประเทศจีน ในรุ่นนี้อีกด้วย

อย่างไรก็ตามรุ่น 63 กก.ชาย เป็นเวตที่ไม่มีแข่งขันในโอลิมปิกแต่อย่างใด ส่งผลให้โอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส บัลลังก์ ต้องขยับน้ำหนักของตัวเองจากรุ่น 63 กก.ชาย ขึ้นแข่งในรุ่น 68 กก.ชาย

โดยก่อนไปทำศึกโอลิมปิกครั้งดังกล่าว “โค้ชเช” ชัชชัย เช ผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย ได้ให้เจ้าตัวลงแข่งขันในรุ่น 68 กก.ชายหลายรายการ เพื่อปรับตัวกับเวตนี้ให้ได้ พร้อมทำผลงานได้ดีอีกด้วย อาทิ คว้าเหรียญเงินศึกเตอร์กิชโอเพ่น 2024 ที่ประเทศตุรกี, คว้าเหรียญทองคัดเลือกโอลิมปิก 2024 โซนเอเชีย ที่ประเทศจีน และคว้าเหรียญเงินศึกชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่ประเทศเวียดนาม

ทว่าเมื่อถึงการแข่งขันโอลิมปิก 2024 บัลลังก์ ต้องเจอกับนักกีฬาหัวกะทิจากหลายชาติที่ถนัดในรุ่น 68 กก.เป็นทุนเดิม โดยเฉพาะจอมเตะจากยุโรป ที่มีรูปร่างสูงยาวชัดเจน

ส่งผลให้ “หยู” ตกตั้งแต่รอบ 16 คน ซึ่งเป็นแมตช์แรก ด้วยการแพ้ ฆาเบียร์ เปเรซ จากสเปน 0-2 ยก 1-7 และ 2-2(แพ้คะแนนดิบ)

ความผิดหวังดังกล่าว ทำให้เห็นว่า บัลลังก์ ยังมีฝีมือและประสบการณ์ที่ยังไม่กล้าแกร่งพอที่จะดวลเพลงเตะในรุ่น 68 กก.ได้ 

แม้เจ้าตัวจะผิดหวังจากโอลิมปิกครั้งนั้น แต่โค้ชเช ยังเชื่อมั่นในตัวจอมเตะหนุ่มผู้นี้ พร้อมกับวางแผนให้ บัลลังก์ ลงแข่งในรุ่น 68 กก.ชายอย่างต่อเนื่องนับจากนั้น ยาวไปจนถึงโอลิมปิก 2028

กระทั่งในปีนี้ จอมเตะหนุ่มวัย 20 ปีปรับตัวให้เข้ากับเวต 68 กก.ชายได้ดีขึ้น พร้อมกับทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ด้วยการคว้ามาได้ 4 เหรียญทองกับอีก 2 เหรียญทองแดง 

ไล่ตั้งแต่คว้าเหรียญทองแดงดัตช์โอเพ่น 2025 ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อเดือนมีนาคม, ตามด้วยคว้าเหรียญทองเบลเจียนโอเพ่น 2025 ที่ประเทศเบลเยียม ในเดือนเดียวกัน, คว้าเหรียญทองแดงศึกดับเบิลยูทีเพรสซิเดนท์คัพ-เอเชีย ที่ประเทศจีน, ต่อด้วยการคว้าเหรียญทองกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อนครั้งที่ 32 ที่ประเทศเยอรมนี, คว้าเหรียญทองศึกกรังด์ปรีซ์ชาลเลนจ์ ที่ประเทศเกาหลีใต้ และล่าสุดการคว้าเหรียญทองศึกชิงแชมป์โลก 2025 ที่ประเทศจีน

การคว้าเหรียญทองชิงแชมป์โลก 2025 ในรุ่น 68 กก.ชาย พร้อมกับก้าวขึ้นไปรั้งอันดับ 1 ของโลกในรุ่นนี้ นับเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า เขาปรับตัวเข้ากับรุ่นเฟเธอร์เวต 68 กก.ชายได้แล้ว และสามารถเอาชนะคู่แข่งในรุ่นนี้ได้ทุกคน 

จึงทำให้ บัลลังก์ กลายเป็นนักกีฬาความหวังใหม่ของแฟนกีฬาชาวไทย ที่จะเหรียญทองโอลิมปิก 2028 ณ นครลอสแอยเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม กว่าจะถึงโอลิมปิกครั้งดังกล่าว ยังเหลือเวลาอีกนานกว่า 3 ปี จึงต้องติดตามดูว่า บัลลังก์ ทับทิมแดง จะรักษามาตรฐานของตัวเอง ให้ดีอย่างต่อเนื่อง จนถึงแอลเอ 2028 ได้หรือไม่

เพื่อสานต่อภารกิจจากจอมเตะรุ่นพี่อย่าง “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในการพิชิตเหรียญทองโอลิมปิก กลับมาฝากแฟนกีฬาชาวไทย

ขอบคุณข้อมูลจาก siamsport.co.th


รู้จัก! แนวทางการรักษาเชื้อ H.pylori ช่วยรอด ‘มะเร็งกระเพาะ’

ธรรมศาสตร์ ผนึก “ASMG – ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ” จัดทำแนวทางการรักษาเชื้อ H.pylori ระดับภูมิภาคอาเซียนฉบับใหม่ ช่วยประชากรกว่าร้อยล้านคนรอด“มะเร็งกระเพาะ – แผลในกระเพาะ – กระเพาะอักเสบเรื้อรัง”

ศูนย์ความเป็นเลิศโรคระบบทางเดินอาหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ร่วมกับ ASEAN Stomach and Microbiota Study Group (ASMG) และคณะผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินอาหารจากนานาชาติ จัดทำ “Bangkok Consensus 2025 on the Managemant of helicobacter pylori Infection” พร้อมลงมติรับรองให้เป็นแนวทางการรักษาเชื้อ Helicobacter pylori (H. pylori) มาตรฐานระดับอาเซียน เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาเชื้อดังกล่าว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคอย่างกระเพาะอักเสบเรื้อรัง แผลในกระเพาะอาหาร และมะเร็งกระเพาะอาหาร ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ภายใต้การใช้งบประมาณอย่างเหมาะสมทั้งในไทย และอาเซียน

ศ. นพ.รัฐกร วิไลชนม์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการด้านระบบทางเดินอาหาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเลขาธิการ ASMG กล่าวว่า เชื้อ H.pylori เป็นเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากติดเชื้อจากอาหาร และสามารถส่งต่อเชื้อได้ง่ายผ่านการใช้สิ่งของร่วมกัน และหากมีการกินอาหารที่ผ่านกระบวนการปิ้งย่าง หรือกินผักผลไม้น้อยก็จะเป็นปัจจัยเสริมที่ส่งผลให้เชื้อพัฒนากลายเป็นโรคร้ายแรงขึ้นได้ แต่ข้อดีคือถ้ารักษาเชื้อดังกล่าวหายแล้วจะลดโอกาสการเป็นโรคเหล่านั้นได้เลย ไม่เว้นแม้แต่มะเร็งกระเพาะอาหาร รวมถึงการติดเชื้อซ้ำจะต่ำเพราะภูมิคุ้มกันดีขึ้น อีกทั้งการตรวจเชื้อก็ทำได้ง่ายหลากหลายวิธี เช่น ผ่าน ปัสสาวะ เลือด ลมหายใจ ฯลฯ

ไทยพบอัตราการติดเชื้อ H.pylori สูงกว่า 20 ล้านคน

ทั้งนี้ ในไทยพบอัตราการติดเชื้อ H.pylori ในประชากรสูงกว่า 20 ล้านคน ขณะที่อาเซียนที่มีประชากรรวมประมาณ 700 – 800 ล้านคน มีสัดส่วนการติดเชื้ออยู่ที่ 200 – 300 ล้านคน ส่วนทั่วโลกที่มีประชากรมากกว่า 7,500 ล้านคนนั้น มีคนที่ติดเชื้อดังกล่าวประมาณ 2,000 – 3,000 ล้านคน ซึ่งในจำนวนต่างๆ เหล่านี้ จะมีราว 7 – 15% ที่เชื้อจะพัฒนาต่อกลายเป็นโรคที่รุนแรงขึ้นจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

ดังนั้น การมีแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และสามารถทำให้ผู้ติดเชื้อ H.pylori หายขาดได้ ก็จะช่วยป้องกัน และรักษาชีวิตของคนที่อาจจะเป็นโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งกระเพาะอาหาร หรือแผลในกระเพาะอาหารจากเชื้อดังกล่าวได้จำนวนมหาศาล ซึ่งการจะกำหนดแนวทางการวินิจฉัย การรักษา และการติดตามอาการที่เกิดผลดี และเหมาะสมที่สุดสำหรับภูมิภาคอาเซียนได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน และเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยมีพันธมิตรทางวิชาการที่มาร่วมกันทำให้เกิดขึ้นได้

ทำแนวทางรักษา H.pylori ระดับอาเซียนใหม่

ศ. นพ.รัฐกร กล่าวต่อไปว่า ในการจัดทำและลงมติรับรองครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 และเป็นแนวทางฉบับล่าสุดของอาเซียน ซึ่งมีสาระสำคัญที่แตกต่างจากครั้งแรกเมื่อ 2561 คือ การเพิ่มข้อมูลการดื้อยาปฏิชีวนะในแต่ละประเทศอาเซียน การปรับสูตรยารักษาให้เหมาะสมแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาจาก 60 – 70% เป็นมากกว่า 90% การเพิ่มแนวทางการตรวจวินิจฉัยด้วยเทคโนโลยีใหม่ เช่น molecular testing และการเน้นแนวทางการป้องกันการติดเชื้อซ้ำ และการเฝ้าระวังมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะยาว

สำหรับประเทศไทยเองจะมีการผลักดันให้แนวทางการรักษาฉบับกล่าวเป็นแนวทางหลักของประเทศ รวมถึงใช้อ้างอิงในการปรับหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาเชื้อ H.pylori ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง ประกันสังคม สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน หรือเอเชียก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับแนวทางระดับชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทและข้อมูลการดื้อยาของประเทศนั้นๆ ได้

นอกจากนี้ ช่วงที่ผ่านมารวมถึงปัจจุบันนี้ไทยถือเป็นจุดหมายปลายทางของหลายประเทศทั่วโลกในการเข้ามารักษาพยาบาล ด้วยคุณภาพการรักษาที่สูงทัดเทียมกับระดับสากล แต่ค่าใช้จ่ายไม่สูงเท่ากับในหลายประเทศ ฉะนั้น ถ้าไทยยิ่งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงการมีองค์ความรู้ และพื้นฐานทางวิชาการที่เข้มแข็ง ก็จะช่วยดึงดูดชาวต่างชาติให้มารับบริการที่ไทยมากขึ้น ตลอดจนสร้างรายได้ให้กับประเทศ และพาไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์นานาชาติ (Medical Hub) ได้

 ศ. พญ. วโรชา มหาชัย ประธาน ASMG กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางการรักษาฉบับนี้ จะทำให้เกิดมิติใหม่ในการรักษาสำหรับภูมิภาคอาเซียนที่มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังนำโดยนักวิชาการของไทย และ มธ. เองก็มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้เกิดขึ้น อีกทั้งจะมีการผลักดันไปสู่การตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ระดับนานาชาติอย่าง journal of gastroenterology and hepatology ด้วย เพื่อทำให้เกิดการยอมรับในระดับนานาชาติ และเป็นอีกแนวทางหลักคู่กับ 3 แนวทางของโลก (Maastricht guidelines ใช้ในยุโรป, American Guidelines ใช้ในสหรัฐอเมริกา และ Asia-pacific Consensus Guidelines ใช้ในเอเชียแปซิฟิก)

ด้าน  Professor Kentaro Sugano, จาก Jichi Medical University ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า แม้จะเป็นเวลาถึง 10 ปีแล้วนับจากที่ Helicobacter pylori management in ASEAN: The Bangkok consensus I เผยแพร่อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2561 ซึ่งถือเป็นแนวทางการรักษาเชื้อ H.pylori ระดับภูมิภาคฉบับแรกของอาเซียน และตลอดเวลาที่ผ่านมาทั้งองค์ความรู้ หลักฐานทางวิชาการ ตลอดจนยารักษาก็มีความก้าวหน้าและจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทว่า ปัจจุบันเชื้อ H.pylori ยังคงเป็นปัญหาด้านสุขภาพสำคัญที่มีความท้าทายอย่างยิ่ง

ฉะนั้น แนวทางการรักษาฉบับนี้ซึ่งได้มีการปรับปรุงใหม่จึงจะช่วยให้ประเทศในภูมิภาคอาเซียนสามารถประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้คนได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อองค์ความรู้ทางวิชาการระดับนานาชาติในการช่วยให้เกิดการทำความเข้าใจ H.pylori ในระดับโลกได้ดียิ่งขึ้นด้วย

“ภูมิภาคอาเซียนจำเป็นต้องมีแนวทางการรักษาเฉพาะของตัวเอง เนื่องจากไม่สามารถนำแนวทางการรักษาของทางประเทศตะวันตกมาใช้ได้ทั้งหมด เพราะมีความชุกของการติดเชื้อ H.pylori ไปจนถึงทรัพยากรทางการแพทย์ที่แตกต่างกับอาเซียน แนวทางฉบับนี้จึงมีความหมายต่อภูมิภาคอาเซียนมาก” Professor Kentaro Sugano กล่าว

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


‘โจรไซเบอร์’ ใช้เครื่องมือ AI โจมตีผู้บริหารบน Windows และ macOS

  • กลุ่มแฮกเกอร์ BlueNoroff ใช้แคมเปญ “GhostCall” และ “GhostHire” โจมตีผู้บริหารและนักพัฒนาในอุตสาหกรรมคริปโตและ Web3 โดยมุ่งเป้าระบบปฏิบัติการ Windows และ macOS
  • แคมเปญ “GhostCall” ใช้วิศวกรรมสังคมหลอกลวงผู้บริหารบน macOS ปลอมเป็นนักลงทุนและเชิญประชุมผ่าน Zoom หรือ Teams ปลอม เพื่อหลอกให้ดาวน์โหลดมัลแวร์
  • แคมเปญ “GhostHire” มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาบล็อกเชน โดยปลอมเป็นผู้จัดหางานและหลอกให้ดาวน์โหลดโค้ดจาก GitHub ที่มีมัลแวร์แฝงอยู่ โดยอ้างว่าเป็นการทดสอบทักษะ
  • ผู้โจมตีใช้ Generative AI เพื่อเร่งการพัฒนามัลแวร์ ปรับปรุงเทคนิคการโจมตีให้ซับซ้อนขึ้น และขยายขนาดการดำเนินงาน ทำให้การตรวจจับทำได้ยากขึ้น

ทีมวิจัยและวิเคราะห์ระดับโลกของ แคสเปอร์สกี้ (Kaspersky GReAT) พบกิจกรรมล่าสุดของกลุ่ม BlueNoroff APT ผ่านแคมเปญอันตราย 2 แคมเปญที่มุ่งเป้าโจมตีแบบเข้มข้น

ได้แก่ “GhostCall” และ “GhostHire” ปฏิบัติการร้ายที่กำลังดำเนินอยู่นี้มุ่งเป้าไปที่องค์กร Web3 และคริปโตในอินเดีย ตุรกี ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ ในยุโรปและเอเชีย ตั้งแต่เดือนเมษายน 2025

BlueNoroff เป็นกลุ่มย่อยของกลุ่ม Lazarus ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ ได้ขยายแคมเปญ “SnatchCrypto” อันเป็นเอกลักษณ์ ปฏิบัติการร้ายทางการเงินที่มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมคริปโตทั่วโลก

แคมเปญ GhostCall และ GhostHire ที่เพิ่งได้รับการเปิดเผยใหม่นี้ใช้เทคนิคการแทรกซึมแบบใหม่ และใช้มัลแวร์ที่ปรับแต่งมาเพื่อโจมตีนักพัฒนาและผู้บริหารบล็อกเชน การโจมตีเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อระบบ macOS และ Windows ที่เป็นเป้าหมายหลัก และจัดการผ่านโครงสร้างพื้นฐานแบบสั่งการและควบคุมแบบรวมศูนย์

ข้อมูลระบุว่า แคมเปญ GhostCall มุ่งเน้นโจมตีอุปกรณ์ macOS เริ่มจากการโจมตีทางวิศวกรรมสังคมที่ซับซ้อนและปรับแต่งเฉพาะบุคคล ผู้โจมตีปลอมตัวเป็นนักลงทุนร่วมทุนติดต่อผ่าน Telegram และในบางกรณีใช้บัญชีของผู้ประกอบการและผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพจริงๆ ที่ถูกละเมิดเพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนหรือความร่วมมือ

โดยเหยื่อจะได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมการลงทุนปลอมบนเว็บไซต์ฟิชชิงที่เลียนแบบ Zoom หรือ Microsoft Teams ซึ่งเหยื่อจะได้รับแจ้งให้ ‘อัปเดต’ ไคลเอ็นต์เพื่อแก้ไขปัญหาเสียง แต่จริงๆ แล้วเป็นดาวน์โหลดสคริปต์ที่เป็นอันตรายและแพร่กระจายมัลแวร์ในอุปกรณ์

โซจุน ริว นักวิจัยด้านความปลอดภัย ทีม Kaspersky GReAT กล่าวว่า แคมเปญนี้อาศัยการหลอกลวงที่วางแผนอย่างรอบคอบ ผู้โจมตีจะเล่นวิดีโอของเหยื่อก่อนหน้าซ้ำระหว่างการประชุมที่จัดฉากขึ้น ทำให้การสนทนาโต้ตอบดูเหมือนการโทรจริงเพื่อหลอกล่อเป้าหมายใหม่

ข้อมูลที่รวบรวมได้นี้ไม่เพียงแต่จะนำมาใช้กับเหยื่อรายแรกเท่านั้น แต่ยังนำไปใช้เพื่อโจมตีเหยื่อรายถัดไปและการโจมตีแบบซัพพลายเชน โดยอาศัยความสัมพันธ์ที่เชื่อถือได้เพื่อโจมตีองค์กรและผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น

พบด้วยว่า ผู้โจมตีได้ปรับการดำเนินการแบบหลายขั้นตอนทั้งหมดเจ็ดขั้น ซึ่งสี่ขั้นนั้นไม่เคยปรากฏมาก่อน เพื่อกระจายเพย์โหลดแบบกำหนดเองใหม่ๆ มากมาย ซึ่งรวมถึงตัวขโมยต่างๆ (stealers) ทั้งตัวขโมยคริปโต ตัวขโมยข้อมูลประจำตัวของเบราว์เซอร์ ตัวขโมยความลับ และตัวขโมยข้อมูลประจำตัวของ Telegram

ส่วนในแคมเปญ GhostHire นั้น กลุ่ม APT มุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาบล็อกเชน โดยปลอมตัวเป็นผู้สรรหาบุคลากรเหยื่อจะถูกหลอกให้ดาวน์โหลดและรันคลังข้อมูลGitHub ที่มีมัลแวร์ ซึ่งนำเสนอในรูปแบบของการประเมินทักษะ GhostHire ใช้โครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือต่างๆ ร่วมกับแคมเปญ GhostCall

แต่แทนที่จะใช้วิดีโอคอล แคมเปญนี้มุ่งเน้นไปที่การเข้าหานักพัฒนาและวิศวกรที่ลงมือปฏิบัติจริงผ่านการสรรหาบุคลากรปลอม หลังจากการติดต่อครั้งแรก เหยื่อจะถูกเพิ่มเข้าไปในบ็อต Telegram ซึ่งจะส่งไฟล์ ZIP หรือลิงก์ GitHub พร้อมกับกำหนดเวลาสั้นๆ ในการทำงานให้เสร็จสิ้น เมื่อมัลแวร์ทำงานแล้ว มัลแวร์จะติดตั้งตัวเองลงในเครื่องของเหยื่อ ซึ่งปรับแต่งให้เหมาะกับระบบปฏิบัติการ

การใช้  Generative AI ช่วยให้กลุ่ม BlueNoroff สามารถเร่งการพัฒนามัลแวร์และปรับปรุงเทคนิคการโจมตีได้ ผู้โจมตีได้นำภาษาโปรแกรมใหม่ๆ มาใช้และเพิ่มฟีเจอร์เพิ่มเติม ทำให้การตรวจจับและวิเคราะห์มีความซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้โจมตีสามารถจัดการและขยายการดำเนินงานได้ ซึ่งเพิ่มทั้งความซับซ้อนและขนาดของการโจมตี

โอมาร์ อามิน นักวิจัยด้านความปลอดภัยอาวุโส ทีมKaspersky GReAT เผยว่า นับตั้งแต่แคมเปญก่อนหน้านี้ กลยุทธ์การกำหนดเป้าหมายของผู้ก่อภัยคุกคามได้พัฒนาไปไกลกว่าแค่การขโมยสกุลเงินดิจิทัลและการขโมยข้อมูลประจำตัวของเบราว์เซอร์

การใช้ Generative AI ได้เร่งกระบวนการนี้ขึ้นอย่างมาก ทำให้การพัฒนามัลแวร์ง่ายขึ้นและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ช่วยเติมเต็มช่องว่างของข้อมูลที่มีอยู่ ทำให้สามารถกำหนดเป้าหมายได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

ด้วยการผสานข้อมูลที่ถูกละเมิดเข้ากับความสามารถในการวิเคราะห์ของ AI ทำให้ขอบเขตการโจมตีขยายกว้างขึ้นเราหวังว่างานวิจัยของเราจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายเพิ่มเติม

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


คำศัพท์ฤดูกาลต่างๆ สภาพอากาศภาษาอังกฤษ

ภูมิอากาศภาษาอังกฤษ

sunny (ซัน’นี) adj. แปลว่า มีแดดมาก,แดดจัด
rainy (เร’นี) adj. แปลว่า มีฝนตก
snowy (สโน’วี) adj. แปลว่า ปกคลุมไปด้วยหิมะ, หิมะตกหนัก
icy (ไอ’ซี) adj. แปลว่า เต็มไปด้วยน้ำแข็ง, มีน้ำแข็งมาก
clear (เคลียร์) adj.,adv. แปลว่า แจ่มใส
cloud (เคลาดฺ) n. แปลว่า เมฆ
cloudy (เคลา’ดี) adj แปลว่า มีเมฆมาก, ปกคลุมด้วยเมฆ
stormy (สทอร์ม’มี) adj. แปลว่า มีลมพายุ,มีมรสุม
foggy (ฟอก’กี) adj. แปลว่า มีหมอกมาก
windy (วิน’ดี) adj. แปลว่า มีลมแรง
blizzard (บลิซ’เซิร์ด) n. แปลว่า พายุหิมะ
breeze (บรีซ) n. แปลว่า ลมพัดเบาๆ
lighting (ไล’ทิง) n. แปลว่า ฟ้าแลบ
hurricane (เฮอ’ระเคน) n. แปลว่า พายุเฮอริเคน
smog (สมอค) n. แปลว่า ควัน หมอก
flood (ฟลัด) n. แปลว่า น้ำท่วม

ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ Weather (สภาพอากาศ)

การถามสภาพอากาศ สามารถใช้ประโยคดังต่อไปนี้
• What’s the weather like? (วอท เธอะ เวธเธอะ ไลค)
อากาศเป็นอย่างไรบ้าง
• How is the weather today? (ฮาว อีส เธอะ เวธเธอะ ทูเดย์)
วันนี้อากาศเป็นอย่างไรบ้าง

การบอกสภาพอากาศ ให้ใช้ “ It’s…” หรือ “The weather is…” ตามด้วย Noun หรือ Adj.

ตัวอย่างประโยคการบอกสภาพอากาศภาษาอังกฤษ
• It’s going to freeze tonight. (อิท โกอิง ทู ฟรีซซิง ทูไนท)
คืนนี้อากาศจะเย็น
• It’s looks like it’s going to rain. (อิท ลุค ไลค อิท โกอิง ทู เรน)
ดูเหมือนว่าฝนกำลังจะตก
• It’s going to cloud over again this afternoon. (อิท โกอิง ทู เคลา โอเวอะ อะเกน ธิส อาพเธอะนูน)
ช่วงบ่ายนี้จะมีเมฆปกคลุมอีกครั้ง
• It looks as if it’s going to clear up. (อิท ลุคแอส อิฟ อิท โกอิง ทู เคลียร์ อัพ)
ดูเหมือนว่าอากาศจะแจ่มใสแล้วนะ
• It will be cloudy and rainy all day. (อิท วิล บี เคลาดี แอนด์ เรนนี ออล เดย์)
มันจะมีเมฆมากและฝนตกทั้งวัน
• I hope it will be fine tomorrow. (ไอ โฮพ อิท วิล บี ไฟน ทูมอโร)
ฉันหวังว่าอากาศจะดีในวันพรุ่งนี้

ฤดูกาลภาษาอังกฤษ (Season)

คําศัพท์เกี่ยวกับฤดูต่างๆ

spring (สพริง) n. แปลว่า ฤดูใบไม้ผลิ

damp (แดมพฺ) adj. แปลว่า ชื้น
cool (คูล) adj. แปลว่า เย็น, เย็นสบาย
brisk (บริสคฺ) adj แปลว่า กระฉับกระเฉง

summer (ซัม’เมอะ) n. แปลว่า ฤดูร้อน, หน้าร้อน

muggy (มัก’กี) adj. แปลว่า ร้อนชื้นมาก
hazy (เฮ’ซี) adj. แปลว่า เต็มไปด้วยหมอก
downpour (ดาว’พอร์) n. แปลว่า ฝนห่าใหญ่
hail (เฮล) n.,vt. แปลว่า ลูกเห็บ

fall (ฟอล) n. แปลว่า ฤดูใบไม้ร่วง

drizzle (ดริซ’เซิล) n.,vt. แปลว่า ฝนตกปรอย ๆ
foggy (ฟอก’กี) adj. แปลว่า มีหมอกมาก, สลัว, ฟ้ามัว
chilly (ชิล’ลี่) adj. แปลว่า หนาวยะเยือก

winter (วิน’เทอะ) n. แปลว่า ฤดูหนาว

freezing (ฟรซ’ซิง) adj. แปลว่า เย็นมาก หนาวมาก (แบบหนาวถึงกระดูก)
whiteout (ไวทฺ’เอาทฺ) n. แปลว่า ขาวโพลนเต็มไปด้วยหิมะ


rain (เรน) n. แปลว่า ฤดูฝน, หน้าฝน

torrential rain (ทอเรน’เชิล เรน) แปลว่า ฝนตกหนักมาก
rainstorm (เรน’สทอร์ม) n. แปลว่า พายุฝน

พยากรณ์อากาศ ภาษาอังกฤษ

พยากรณ์อากาศภาษาอังกฤษ

temperature (เทม’เพอระเชอะ) n. แปลว่า อุณหภูมิ
Degrees Fahrenheit (ดีกรี ฟาร์’เรนไฮทฺ) n. แปลว่า องศาฟาเรนไฮต์
Degrees Celsius (ดีกรี เซล’ซียส) n. แปลว่า องศาเซลเซียส
Degrees Centigrade (ดีกรี เซนติเกรด) n. แปลว่า องศาเซนติเกรด
Hot (ฮอท) n. แปลว่า ร้อน
Warm (วอร์ม) adj. vt. vi. แปลว่า อบอุ่น
Cool (คูล) แปลว่า เย็น
Chilly (ชิล’ลี่) adj.,adv. แปลว่า เยือกเย็น
Cold (โคลดฺ) n. แปลว่า หนาว
Freezing (ฟรซ’ซิง) n. แปลว่า จุดเยือกแข็ง
Below freezing (บิโล’ ฟรซ’ซิง) แปลว่า ต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง
Five (degree) below (zero) (ไฟฟฺ บิโล’) แปลว่า -5 องศาฟาเรนไฮต์
Minus twenty (degrees) (ไม’นัส ทเวน’ที) แปลว่า -20 องศาเซนเซียส

ตัวอย่างบทสนทนาภาษาอังกฤษ ถามสภาพอากาศ

A : How’s the weather ? แปลว่า อากาศเป็นอย่างไรบ้าง ?
B : It’ snowy. แปลว่า ที่นี่หิมะตกหนัก
A : What’s the temperature there? แปลว่า ที่นั่นอุณหภูมิเท่าไหร่ ?
B : It’s ten below zero. (-10 degrees) แปลว่า อุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส
A : Do you have rain? แปลว่า ฝนตกไหม ?
B : We haven’t had a drop of rain for weeks. แปลว่า ฝนไม่ตกมาหลายอาทิตย์แล้ว
Ex. It is going to rain. แปลว่า ฝนกำลังจะตก

อยากบอกว่า ร้อนมาก ภาษาอังกฤษ พูดแบบนี้

อยากพูดกับต่างชาติว่า ร้อนมาก ร้อนจะบ้าอยู่แล้วพูดเป็นอังกฤษได้แบบนี้ค่ะ
It’s so hot today. วันนี้อากาศร้อนมาก
It’s hot as hell. ร้อนยังกับนรก (ไม่สุภาพนัก ใช้พูดกับเพื่อนฝูงหรือคนที่เราสนิทด้วยได้)
I’m hot. ฉันร้อน
It’s terribly hot. ร้อนเป็นบ้าเลย
It’s flippin’ hot!โคตรร้อนเลย!
It’s boiling hot! ร้อนจนเดือด
It’s scorching! ร้อนจนจะไหมแล้ว!
It’s so hot. ร้อนมากๆเลย
It’s so hot in here. ในนี้ร้อนมากๆเลย
It’s so hot outside. ข้างนอกร้อนมากๆเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก edufirstschool.com


5 ต้นไม้ที่ “ดึงดูดยุง” โดยไม่ได้ตั้งใจ ชื่อแรกคนไทยนิยมปลูกไว้หน้าบ้าน ต้องระวังเป็นพิเศษ!

5 ต้นไม้ที่ “ดึงดูดยุง” เข้าบ้านโดยไม่ได้ตั้งใจ หากปลูกต้องระวังเป็นพิเศษ

พืชบางชนิดที่คุ้นเคย มักปลูกไว้เป็นไม้ประดับในบ้าน อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์ของยุงได้

หลายคนนิยมปลูกต้นไม้ประดับในบ้านและสวนเพื่อเพิ่มความสวยงามและฟอกอากาศ อย่างไรก็ตาม มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าพืชบางชนิดที่คุ้นเคยกลับกลายเป็น “แหล่งเพาะพันธุ์” ยุงที่แพร่เชื้อโรคอันตรายหลายชนิด เช่น ไข้เลือดออก ไข้ซิกา หรือโรคไข้สมองอักเสบญี่ปุ่น

ผู้เชี่ยวชาญด้านพืชผลและคำแนะนำจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ระบุว่า สภาพแวดล้อมรอบๆ พืช เช่น น้ำนิ่ง ใบไม้ที่หนาแน่น และความชื้นสูง เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดำรงชีวิต วางไข่ และพัฒนาการของยุง นอกจากนี้ สารประกอบตามธรรมชาติบางชนิดในพืชยังสามารถปล่อยกลิ่นที่ดึงดูดยุงได้อีกด้วย

ด้านล่างนี้เป็น 5 พืชทั่วไปที่สามารถ “ดึงดูดยุง” เข้ามาในบ้านได้หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง:

1. ดอกบัว

บัวหลวงมักปลูกในบ่อน้ำขนาดเล็กหรือกระถางน้ำ ให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม แหล่งเพาะพันธุ์ยุงส่วนใหญ่มักเป็นบริเวณผิวน้ำที่สงบ หากไม่เปลี่ยนน้ำในกระถางอย่างสม่ำเสมอ ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ลูกน้ำยุงก็สามารถเจริญเติบโตอย่างหนาแน่น จนทำให้บ่อบัวหลวงกลายเป็น “รังยุงจิ๋ว”

2. ไม้ไผ่ไม้ไผ่ประดับ

ไม้ไผ่เป็นที่นิยมเนื่องจากมีรูปทรงเรียวยาวเขียวชอุ่มตลอดปี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความทนทาน อย่างไรก็ตาม ไม้ไผ่ที่กลวงหรือลำต้นที่ถูกตัดแต่งสามารถกักเก็บน้ำฝนไว้ได้ ไม้ไผ่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น ในสวนที่ไม่ได้รับการตัดแต่งกิ่งอย่างสม่ำเสมอ ยุงสามารถเพาะพันธุ์อย่างเงียบๆ ภายในไม้ไผ่และตรวจจับได้ยาก

3. สับปะรดประดับ

ต้นสับปะรดมีรูปทรงสวยงามและหลายครอบครัวนิยมปลูกไว้ทั้งในบ้านและในสวน อย่างไรก็ตาม โคนใบที่มีลักษณะเป็นรูปกรวยสามารถกักเก็บน้ำฝนหรือน้ำชลประทานไว้ได้ ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการวางไข่ของยุง ในพื้นที่ในร่มที่เย็นและชื้น ต้นสับปะรดอาจกลายเป็นแหล่งหลบภัยของยุงโดยไม่ได้ตั้งใจในช่วงกลางวัน

4. ผักตบชวา

ผักตบชวาขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการทำให้น้ำบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อปลูกอย่างหนาแน่น น้ำจะไหลน้อยลง ทำให้เกิดน้ำขัง ส่วนใต้ใบที่หนาแน่นเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการวางไข่ของยุง

ดังนั้นการปลูกผักตบชวาไว้เป็นไม้ประดับจึงควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่พืชชนิดนี้จะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายได้

5. เผือก

เผือกมักปลูกในบริเวณที่มีความชื้น สวน หรือใกล้แหล่งน้ำ แม้ว่าตัวเผือกเองจะไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ แต่ดินรอบ ๆ รากมักจะเปียกโชก โดยเฉพาะหลังฝนตกหนัก ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของยุง

นอกจากพืชที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว พืชในร่มบางชนิด เช่น ว่านหางจระเข้ ไม้เลื้อย และพลูด่าง ก็สามารถดึงดูดยุงได้เช่นกัน หากรดน้ำมากเกินไปหรือวางไว้ในที่แสงน้อย ความชื้นในดินที่สูงและใบที่หนาแน่นทำให้พืชเหล่านี้เป็น “บ้าน” ของยุง

ขอบคุณข้อมูลจาก sanook.com


ราคาทองตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 04/11/2568

ชนิดทองราคารับซื้อ กรัมละราคารับซื้อ บาทละราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5%n/a61,350.0061,450.00
ทองรูปพรรณ 96.5%3,966.0060,124.5662,250.00
ทองรูปพรรณ 90%3,569.4054,112.10n/a
ทองรูปพรรณ 80%3,172.8048,099.65n/a
ทองรูปพรรณ 50%1,784.7027,056.05n/a
ทองรูปพรรณ 40%1,388.1021,043.60n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%4,109.8462,305.17n/a

ราคาน้ำมันประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 04/11/2568


ปตท.

บางจาก

เชลล์

คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี

พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันพรุ่งนี้
พรุ่งนี้
แก๊สโซฮอล์ 9531.8531.8532.3531.8531.8531.8531.8531.8531.85
แก๊สโซฮอล์ 9131.4831.4831.9831.4831.4831.4831.4831.4831.48
แก๊สโซฮอล์ E2029.6429.6430.1429.6429.6429.6429.6429.64
แก๊สโซฮอล์ E8527.5927.5927.59
แก๊สโซฮอล์ 95 พรีเมี่ยม40.0449.5449.8440.04
เบนซิน 9540.1449.5140.6440.2940.14
ดีเซล30.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.9430.94
ดีเซลพรีเมี่ยม43.4445.6449.8445.6443.44
แก๊ส NGV18.5518.5518.55
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า