ทำเลพร้อมพงษ์ ระอุ ช็อปตึกแถวห้องละ100ล้าน
ทำเลพร้อมพงษ์ คึก บิ๊กทุน ช็อปตึกแถวเก่ายกแผง 40-100 ล้าน ผุดโรงแรม-คอนโดฯลักชัวรีต่อเนื่อง รับ กลุ่มเดอะมอลล์เปิดห้างยักษ์เอ็มสเฟียร์ ดันราคาที่ 2 ล้านบาทต่อตร.ว.
ดีเวลอปเปอร์จำนวนมาก ให้ความสนใจขึ้นคอนโดมิเนียมหรู อาคารสำนักงาน รอบสถานีพร้อมพงษ์เนื่องจากเป็นแหล่งรวมศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ติดตีนสถานี ทั้งเอ็มโพเรียม เอ็ม ควอเทียร์ และเอ็มสเฟียร์ ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ล้วนเป็นของกลุ่มเดอะมอลล์ เข้ามาปักหมุด จึงได้ขนานนามย่านนี้ว่า “เอ็มดิสทริค” อาณาจักรของค่ายเดอะมอลล์ อีกทั้ง อุทยานเบญจสิริ ปอดสีเขียวผืนใหญ่ 29 ไร่ อยู่ระหว่างปรับปรุง สร้างจุดขายไม่น้อยส่งผลให้พื้นที่โดยรอบ ได้อานิสงส์ขณะผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 เห็นความเปลี่ยนแปลงจึงกำหนดให้เป็นซีบีดีศูนย์กลางธุรกิจการค้าแห่งใหม่ขยายต่อเนื่องมาจากย่านอโศก ต่อยอดการลงทุนในระยะยาว
แม้วันนี้พร้อมพงษ์ ไม่ใช่จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าใหญ่เหมือนสยามแต่หากรถไฟฟ้าสายสีเทาจากวัชรพล เชื่อมผ่านทองหล่อ เชื่อว่า ทำเลนี้ยาวไปถึงเอกมัยจะเป็นสมรภูมิเดือดน่าจับตา ไม่ต่างมินิโตเกียวทองหล่อ
“ฐานเศรษฐกิจ” สำรวจพร้อมพงษ์ พบทำเลนี้ครบเครื่อง มีโรงแรมชั้นนำ ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ขนาบตัวสถานี มีทางเชื่อม อำนวยความสะดวกทั้ง 2 ฝั่ง ขณะการก่อสร้างห้างยักษ์เอ็มสเฟียร์กำลังเข้มข้น คนในพื้นที่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหากห้างนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ความคึกคักจะเข้ามาเต็มพื้นที่ทั้งกลางวันกลางคืนโดยเฉพาะ สังเกตจาก คนญี่ปุ่น เข้ามาใช้ชีวิตเข้าใจว่าจะขยายมาจากทองหล่อ ส่งผลให้คอนโดมิเนียมเกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะล่าสุดพาร์คออริจิ้น ของ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) พัฒนาโครงการมิกซ์ยูส คอนโดมิเนียม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และมีแผนพัฒนาโรงแรมต่อเนื่องบนที่ดินแปลงเดียวกัน บริเวณซอยสุขุมวิท 24 มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
ขณะก่อนหน้านี้ค่ายเอพี เข้าไปปักหมุดคอนโดฯหรู ปากซอยสุขุมวิท 28 ปัจจุบันราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 10 ล้านบาทต่อหน่วย หรือตารางเมตรละกว่า 2 แสนบาท เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่ดินยังมีต่อเนื่อง สังเกตุพบซากตึกแถวเก่า ถูกทุบทิ้งขึ้นโครงการ ใกล้สถานีพร้อมพงษ์ และห้างเอ็มสเฟียร์สอบถาม นาย ธงชัย จันทร์ธานี อายุ 56 ปี คนพื้นที่อธิบายว่าเดิมเป็นสถานทูตอิหร่าน เช่าเมื่อหมดสัญญาได้มีนักลงทุน เข้าซื้อเพื่อสร้างโรงแรม รูปตัวแอล ระดับ 4 ดาว รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวงานสัมมนา สำหรับราคาที่ดิน นายธงชัยระบุว่าค่อนข้างแพง มีนายทุนเข้ามาหาซื้อตึกเก่าซื้อขายคูหาละ 40 ล้านบาทไปจนถึง 80 ล้านบาท และขณะนี้มีการบอกขายกันที่ห้องละ 100 ล้านบาท
ส่วนหัวมุมซอยสุขุมวิท 29 ตรงข้าม โรงแรมฮอลิเดย์อินน์สุขุมวิท 22 เจ้าของทุบตึกแถวเก่า รวมแปลงที่ดิน ได้ 3-4 ไร่ ให้นักลงทุนเช่า 35 ปีพัฒนาโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนในซอยสุขุมวิท 22 บอกขายตึกแถวห้องละ 40 ล้านบาท ส่วนใหญ่นักลงทุนอินเดีย จะซื้อให้เช่าเป็นร้านค้าต่อเช่นเดียวกับที่ดินแปลงใหญ่ถัดจากโรงแรมฮอลิเดย์อิน ปัจจุบันถูกล้อมรั้วสอบถามคนพื้นที่ ยืนยันเป็นของนายทุนอินเดีย เตรียมพัฒนาโรงแรมหรือไม่ก็เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ อย่างไรก็ตาม ทำเลนี้นอกจากจะเป็นทำเล ช็อปปิ้ง อยู่อาศัยแหล่งงาน ท่องเที่ยว สัมมนาแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมของย่านกินดื่ม สำหรับคนรุ่นใหม่และต่างชาติที่น่าสนใจ อีกทั้งยังใช้เส้นทางลัด ซอยสุขุมวิท 31 เชื่อมโยงไปยังถนนเพชรบุรีได้หากไม่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า
สำหรับราคาที่ดิน เฉลี่ยประมาณ 2 ล้านบาทหากติดสถานีรถไฟฟ้า เพราะห่างจากทองหล่อไม่มาก ส่วนในซอยราคาอยู่ที่ 1 ล้านบาท เนื่องจาก ซอยแคบพัฒนาอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้น
ด้านนายสุธี ลิมปนชัยพรกุล ประธานอำนวยการ บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการคราม สุขุมวิท ลักชัวรี คอนโดมิเนียม ทำเลภายในซอยสุขุมวิท 26 ทำเล ค่อนข้างเงียบสงบ ร่มรื่นจึงเป็นจุดเด่น โดยเฉพาะสวนเบญจสิริ ส่งผลให้มีลูกค้าทั้งไทยและต่างชาติสนใจซึ่งส่วนใหญ่จะทำงานในย่านนี้ มองว่าทำเลพร้อมพงษ์ ได้ความเงียบ ไม่แออัดเหมือน ใจกลางเมืองอย่างสุขุมวิทตอนต้น สีลม ฯลฯ
ขอบคุณข้อมูลจาก mail.google.com
‘ซีแพค’ใช้ ‘BIM’ ลดสูญเสีย
ตลาดอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศมีมูลกว่า 1.4 ล้านล้านบาทต่อปีหรือเติบโตราว 3% แต่เนื่องจากยุคปัจจุบันมีการแข่งขันสูง การก่อสร้างเปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้ต้องนำเอาเทคโนโลยีมาผนวกใช้
ทั้งนี้ นายชนะ ภูมี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจซีเมนต์และคอนสตรักชันโซลูชันในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเอสซีจีสะท้อนว่า ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเอสซีจีเป็นผู้ผลิตซีเมนต์และคอนกรีตที่ได้รับการยอมรับทั่วภูมิภาคมากว่า 100 ปี จึงยกระดับในส่วนธุรกิจซีแพคให้เกิดการทำงานแบบองค์รวมผ่านการอาศัยเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็งทั้งในระดับท้องถิ่นถึงระดับประเทศ เช่น การใช้ BIM (Building Information Modeling)
ปัจจุบันงานก่อสร้างมีมูลค่าที่ต้องสูญเสียสูงถึง 20% หรือกว่า 3 แสนล้านบาทจากวัสดุเหลือทิ้งทางซีแพคจึงได้นำเอาเทคโนโลยี BIM หรือ โมเดล 3 มิติ ที่รวมแบบสถาปัตย์ โครงสร้าง และงานระบบเข้าด้วยกัน ในการออกแบบก่อสร้างอาคารตั้งแต่เริ่มต้นมาปรับใช้ ซึ่งข้อดีของเทคโนโลยีนี้ช่วยวางแผนสั่งวัสดุต่างๆ ได้อย่างแม่นยำและสามารถตรวจสอบตำแหน่งหรือความผิดพลาดในจุดต่างๆ ผ่านโมเดลได้ก่อนลงมือสร้างจริง จึงช่วยลดของเสียจากการเผื่อวัสดุ ประหยัดพื้นที่จัดเก็บ เวลา และต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงการนำวัสดุเหลือใช้ในงานก่อสร้าง เช่น เศษคอนกรีต หมุนเวียนกลับมาเป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตอีกครั้ง ทำให้ของเสียกลายมาเป็นประโยชน์ที่เกิดกับทุกฝ่าย ซึ่งบริษัทตั้งเป้าลดการสูญเสียให้ได้ 10% ภายในปีนี้
ขณะเดียวกันยังตั้งศูนย์รวมคนในวงการก่อสร้างแต่ละจังหวัดสามารถมาแลกเปลี่ยนความรู้ วิธีบริหารงานก่อสร้างรวมถึงหาโซลูชันต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งซีแพคจะช่วยเชื่อมโยงนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีจากผู้เกี่ยวข้องมาแก้ไขปัญหาต่างๆ ในงานก่อสร้างให้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้เปิดซีแพคโซลูชันเซ็นเตอร์แห่งแรกที่เชียงใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าเปิดครบ 9 สาขา ทั้งเชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี พัทยา นนทบุรี และนครปฐม ในสิ้นปี 2562 ก่อนขยายเป็น 20 สาขาทั่วประเทศ ในปี 2563 โดยหวังขยายเครือข่ายช่างและผู้รับเหมาท้องถิ่นจาก 2,000 คน เป็น 20,000 คน ในปี 2563 เพื่อเกิดประโยชน์กับวงการก่อสร้างไทยอย่างยั่งยืนต่อไป ซึ่งยอดขายในปีนี้คาดว่าเติบโตใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาโดยอยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท
การปรับองค์กรจากงานขายทั่วไปสู่การสร้างโซลูชันของซีแพคดูเหมือนว่าจะเป็นก้าวเดินที่ตอบโจทย์ ทั้งการนำเอาเทคโนโลยีอย่าง BIM มาเป็นฐานรากในการออกแบบ การเปิดศูนย์ ซีแพค โซลูชั่น เซ็นเตอร์ เพื่อให้กลุ่มช่างก่อสร้างได้เข้ามาเรียนรู้นวัตกรรมใหม่ ตลอดจนการทำงานด้วยแนวคิดแบบอไจล์หรือให้ความสำคัญในการสื่อสารกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และการปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ตลอด เพื่อตอบสนองผู้ใช้งาน ก่อให้เกิดการดำเนินงานแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน มีการลดการใช้ของเสียซึ่งเป็นปัจจัยในเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือนี่จะเป็นโมเดลใหม่ที่ทุกธุรกิจจะนำไปผนวกใช้
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
หุ้นปิดร่วง 13.13 จุด เงินไหลออก ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า
หุ้นไทย วันที่ 1 ต.ค.62 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,624.09 จุด ลดลง 13.13 จุด (-0.80%) มูลค่าการซื้อขาย 40,854.85 ล้านบาท
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยผันผวนในทิศทางขาลงเช่นเดียวกับตลาดในกลุ่มทิป (ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์) ซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นในแถบเอเชียเหนือที่ต่างอยู่ในแดนบวก คาดว่าจะเป็นผลจากกระแสเงินทุน (ฟันด์โฟลว์)ไหลออกหลังจากที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าแล้วไปกดดันจิตวิทยาการลงทุน
ขณะที่ตลาดในแถบเอเชียเหนือต่างปรับตัวขึ้นกัน จากความคาดหวังพัฒนาการสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะเป็นไปในทางบวก ซึ่งก็รอดูพัฒนาการการเจรจาการค้ากันต่อไป โดยจะมีการเจรจาการค้ากันในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ ส่วนปัจจัยในประเทศต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์
5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,053.69 ล้านบาท ปิดที่ 80.00 บาท ลดลง 1.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,643.15 ล้านบาท ปิดที่ 45.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,592.78 ล้านบาท ปิดที่ 219.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
JASIF มูลค่าการซื้อขาย 1,481.28 ล้านบาท ปิดที่ 10.30 บาท ลดลง 0.70 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,464.89 ล้านบาท ปิดที่ 158.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
โรงพยาบาลทหาร ในพื้นที่ภาคเหนือแนะนำให้ความรู้โรคไข้หูดับ
กองทัพภาคที่ 3 สั่งการโรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยโรคไข้หูดับเพิ่ม ซึ่งปีนี้มีผู้เสียชีวิตทั่วประเทศแล้ว 23 ราย โดยพบมากที่สุดที่จังหวัดอุตรดิตถ์
พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคไข้หูดับของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบผู้ป่วยโรคไข้หูดับแล้วกว่า 260 ราย เสียชีวิต 23 ราย มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 16 ราย จากปีที่ผ่านมาจังหวัดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด คือ อุตรดิตถ์ มีผู้ป่วย 35 ราย เสียชีวิต 3 ราย แม่ทัพภาคที่ 3 จึงได้มอบหมายให้โรงพยาบาลทหารทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ภาคเหนือ รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชน เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ป่วยโรคไข้หูดับเพิ่ม โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโรคไข้หูดับ ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสกับหมูที่ติดโรคโดยตรง เช่น คนเลี้ยงหมู คนทำงานในโรงฆ่าสัตว์ คนชำแหละเนื้อหมู และคนที่รับประทานเนื้อหมูดิบ เช่น ลาบหมู หรือลาบที่มีส่วนผสมของเลือดดิบ ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ขอให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทหาร หรือโรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้านโดยด่วน
สำหรับวิธีป้องกันโรคไข้หูดับ ได้แก่ การกินหมูปรุงสุกเท่านั้น เลือกซื้อเนื้อหมู่ที่ไม่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากโรงฆ่าสัตว์ ส่วนผู้ที่สัมผัสกับหมู โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ชำแหละเนื้อหมู ควรสวมรองเท้าบู๊ทยางสวมถุงมือ เสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
รวมชื่ออำเภออ่านยาก พร้อมคำอ่านชื่ออำเภอที่ถูกต้อง
เวลาเดินทางไปต่างจังหวัดของประเทศไทย เราน่าจะเคยเห็นป้ายชื่ออำเภอของแต่ละจังหวัดกันมาบ้าง ซึ่งบางอำเภอเห็นชื่อแล้วต้องสะดุด เช่น อำเภอกมลาไสย อำเภอกันทรารมย์ อำเภอบุณฑริก อำเภอศีขรภูมิ อำเภอสหัสขันธ์ ฯลฯ ถ้าไม่ใช่คนในพื้นที่ ต้องสงสัยแน่ๆ ว่าอำเภอเหล่านี้อ่านอย่างไร และอยู่ที่จังหวัดไหน วันนี้ทีนเอ็มไทยเลยขอนำคำอ่านชื่ออำเภอที่ถูกต้องมาฝากให้ติดตามกัน บอกเลยว่าอยากตามไปปักหมุด ถ่ายเซลฟี่จริงๆ
รวมชื่ออำเภออ่านยาก
พร้อมคำอ่านชื่ออำเภอที่ถูกต้อง
อำเภอ กมลาไสย อ่านว่า กะ-มะ-ลา-ไส จังหวัดกาฬสินธุ์
อำเภอ กันทรลักษ์ อ่านว่า กัน-ทะ-ระ-ลัก จังหวัดศรีสะเกษ
อำเภอ กันทรวิชัย อ่านว่า กัน-ทะ-ระ-วิ-ไช จังหวัดมหาสารคาม
อำเภอ กันทรารมย์ อ่านว่า กัน-ทะ-รา-รม จังหวัดศรีสะเกษ
อำเภอ กาญจนดิษฐ์ อ่านว่า กาน-จะ-นะ-ดิด จังหวัดสุราษฎร์ธานี
อำเภอ กุมภวาปี อ่านว่า กุม-พะ-วา-ปี จังหวัดอุดรธานี
อำเภอ เกษตรวิสัย อ่านว่า กะ-เสด-วิ-ไส จังหวัดร้อยเอ็ด
อำเภอ เกษตรสมบูรณ์ อ่านว่า กะ-เสด-สม-บูน จังหวัดชัยภูมิ
อำเภอ แกลง อ่านว่า แก ฺลง จังหวัดระยอง
อำเภอ โกรกพระ อ่านว่า โกรก– พระ จังหวัดนครสวรรค์
อำเภอ ขนอม อ่านว่า ขะ- หนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช
อำเภอ ขลุง อ่านว่า ข ฺลุง จังหวัดจันทบุรี
อำเภอ ขาณุวรลักษบุรี อ่านว่า ขา-นุ-วอ-ระ-ลัก-สะ-บุ-รี หรือ ขา-นุ-วอ-ระ-ลัก-บุ-รี จังหวัดกำแพงเพชร
อำเภอ เขมราฐ อ่านว่า เข-มะ-ราด จังหวัดอุบลราชธานี
อำเภอ เขวาสินรินทร์ อ่านว่า เข ฺวา-สิน-ริน จังหวัดสุรินทร์
อำเภอ เขาชัยสน อ่านว่า เขา-ไช-สน จังหวัดพัทลุง
อำเภอ ครบุรี อ่านว่า คอน-บุ-รี จังหวัดนครราชสีมา
อำเภอ คลองขลุง อ่านว่า ค ฺ ลอง- ข ฺ ลุง จังหวัดกำแพงเพชร
อำเภอ คีรีรัฐนิคม อ่านว่า คี-รี-รัด-นิ-คม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
อำเภอ จตุรพักตร์พิมาน อ่านว่า จะ-ตุ-ระ-พัก-พิ-มาน จังหวัดร้อยเอ็ด
อำเภอ จักราช อ่านว่า จัก-กะ- ห ฺ ราด จังหวัดนครราชสีมา
อำเภอ ฉวาง อ่านว่า ฉะ- ห ฺ วาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
อำเภอ ชัยบาดาล อ่านว่า ไช-บา-ดาน จังหวัดลพบุรี
อำเภอ ชาติตระการ อ่านว่า ชาด- ต ฺ ระ-กาน จังหวัดพิษณุโลก
อำเภอ ชุมพลบุรี อ่านว่า ชุม-พน-บุ-รี จังหวัดสุรินทร์
อำเภอ ไชยวาน อ่านว่า ไช-วาน จังหวัดอุดรธานี
อำเภอ เดชอุดม อ่านว่า เดด-อุ-ดม จังหวัดอุบลราชธานี
อำเภอ ตรอน อ่านว่า ต ฺ รอน จังหวัดอุตรดิตถ์
อำเภอ ถลาง อ่านว่า ถะ- ห ฺ ลาง จังหวัดภูเก็ต
อำเภอ ทัพทัน อ่านว่า ทับ-ทัน จังหวัดอุทัยธานี
อำเภอ เทพสถิต อ่านว่า เทบ-สะ-ถิด จังหวัดชัยภูมิ
อำเภอ ธวัชบุรี อ่านว่า ทะ-วัด-บุ-รี จังหวัดร้อยเอ็ด
อำเภอ ธัญบุรี อ่านว่า ทัน-ยะ-บุ-รี จังหวัดปทุมธานี
อำเภอ นครชัยศรี อ่านว่า นะ-คอน-ไช-สี จังหวัดนครปฐม
อำเภอ นาทวี อ่านว่า นา-ทะ-วี จังหวัดสงขลา
อำเภอ บรบือ อ่านว่า บอ-ระ-บือ จังหวัดมหาสารคาม
อำเภอ บรรพตพิสัย อ่านว่า บัน-พด-พิ-ไส จังหวัดนครสวรรค์
อำเภอ บ้านเขว้า อ่านว่า บ้าน-เ ข ฺ ว้า จังหวัดชัยภูมิ
อำเภอ บ้านแพรก อ่านว่า บ้าน-แ พ ฺ รก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อำเภอ บุณฑริก อ่านว่า บุน-ทะ-ริก จังหวัดอุบลราชธานี
อำเภอ ปทุมรัตต์ อ่านว่า ปะ-ทุม-รัด จังหวัดร้อยเอ็ด
อำเภอ ปราณบุรี อ่านว่า ป ฺ ราน-บุ-รี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
อำเภอ พนัสนิคม อ่านว่า พะ-นัด-นิ-คม จังหวัดชลบุรี
อำเภอ พยัคฆภูมิพิสัย อ่านว่า พะ-ยัก-คะ-พูม-พิ-ไส จังหวัดมหาสารคาม
อำเภอ พรรณานิคม อ่านว่า พัน-นา-นิ-คม จังหวัดสกลนคร
อำเภอ พรหมคีรี อ่านว่า พ ฺ รม-คี-รี จังหวัดนครศรีธรรมราช
อำเภอ พรหมบุรี อ่านว่า พ ฺ รม-บุ-รี จังหวัดสิงห์บุรี
อำเภอ พรหมพิราม อ่านว่า พ ฺ รม-พิ-ราม จังหวัดพิษณุโลก
อำเภอ เมืองสรวง อ่านว่า เมือง-สวง จังหวัดร้อยเอ็ด
อำเภอ แม่จริม อ่านว่า แม่-จะ-ริม จังหวัดน่าน
อำเภอ แม่สรวย อ่านว่า แม่-สวย จังหวัดเชียงราย
อำเภอ รัตภูมิ อ่านว่า รัด-ตะ-พูม จังหวัดสงขลา
อำเภอ ราษีไศล อ่านว่า รา-สี-สะ-ไ ห ฺ ล จังหวัดศรีสะเกษ
อำเภอ วานรนิวาส อ่านว่า วา-นอน-นิ-วาด จังหวัดสกลนคร
อำเภอ วาริชภูมิ อ่านว่า วา-ริด-ชะ-พูม จังหวัดสกลนคร
อำเภอ ศรีมหา อ่านว่า โพธิ สี-มะ-หา-โพด จังหวัดปราจีนบุรี
อำเภอ ศรีสัชนาลัย อ่านว่า สี-สัด-ชะ-นา-ไล จังหวัดสุโขทัย
อำเภอ ศีขรภูมิ อ่านว่า สี-ขอ-ระ-พูม จังหวัดสุรินทร์
อำเภอ สนามชัยเขต อ่านว่า สะ- ห ฺ นาม-ไช-เขด จังหวัดฉะเชิงเทรา
อำเภอ สรรคบุรี อ่านว่า สัน-คะ-บุ-รี จังหวัดชัยนาท
อำเภอ สรรพยา อ่านว่า สับ-พะ-ยา จังหวัดชัยนาท
อำเภอ สวี อ่านว่า สะ- ห ฺ วี จังหวัดชุมพร
อำเภอ สหัสขันธ์ อ่านว่า สะ-หัด-สะ-ขัน จังหวัดกาฬสินธุ์
อำเภอ สังขละบุรี อ่านว่า สัง- ข ฺ ละ-บุ-รี จังหวัดกาญจนบุรี
อำเภอ สัตหีบ อ่านว่า สัด-ตะ-หีบ จังหวัดชลบุรี
อำเภอ สุวรรณคูหา อ่านว่า สุ-วัน-นะ-คู-หา จังหวัดหนองบัวลำภู
อำเภอ เสนางคนิคม อ่านว่า เส-นาง-คะ-นิ-คม จังหวัดอำนาจเจริญ
อำเภอ เสลภูมิ อ่านว่า เส-ละ-พูม จังหวัดร้อยเอ็ด
อำเภอ ห้วยแถลง อ่านว่า ห้วย-ถะ-แ ห ฺ ลง จังหวัดนครราชสีมา
อำเภอ อรัญประเทศ อ่านว่า อะ-รัน-ยะ- ป ฺ ระ-เทด จังหวัดสระแก้ว
อำเภอ อัมพวา อ่านว่า อำ-พะ-วา จังหวัดสมุทรสงคราม
อำเภอ อุทุมพรพิสัย อ่านว่า อุ-ทุม-พอน-พิ-ไส จังหวัดศรีสะเกษ
ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com
ส่งบริหารดอทคอม หนุนSMEsใช้เทคโนฯ สู้ดิจิทัลดิสรัปชัน
กลุ่มนิวสเปคทีฟ เดินหน้าส่งโปรแกรม “บริหารดอทคอม” หนุนตลาดเอสเอ็มอีปรับตัวสู่ดิจิทัล ปลุกผู้ประกอบการจะก้าวหน้าต้องกล้าเปลี่ยน ตั้งเป้าพัฒนา-เปิดพาร์ตเนอร์เชื่อมต่อระบบสู่ซอฟต์แวร์อีอาร์พี คนไทยภายใน 5 ปี
นายณัฐภูมิ รัฐชยากร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท นิวสเปคทีฟฯ เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัว “บริหารดอทคอม” โปรแกรมสามารถช่วยบริหารจัดการกับระบบงานหลังบ้านให้มีความทันสมัย ทำงานได้อย่างเรียลไทม์ ลดการใช้งานเอกสารที่เป็นกระดาษ และเป็นไปตามหลักการบริหารงานแบบสากล ที่เน้นในเรื่องของการกระจายอำนาจ ช่วยลดภาระงานระหว่างทางของเจ้าของกิจการได้ โดยบริหารดอทคอมเป็นโปรแกรมแบบ Business All in One ที่รวบรวมทุกระบบหลังบ้านครบในโปรแกรมเดียว ซึ่งจะมาตอบโจทย์ในเรื่องของการบริหารธุรกิจให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้สามารถจัดการกับธุรกิจได้ตั้งแต่เรื่องการเงิน ระบบบริหารบุคคล การตรวจสอบรายรับ ควบคุมรายจ่าย ตรวจสอบผลกำไร การจ่ายภาษี
ณัฐภูมิ รัฐชยากร
ทั้งนี้บริหารดอทคอม ถูกออกแบบให้เป็นเว็บเบส (Web Base) ที่ผู้ใช้งานสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้ ทุกที่ทุกเวลา และเพื่อพัฒนาให้บริหารดอทคอม สามารถช่วยบริหารธุรกิจได้อย่างครอบคลุม บริษัทยังได้จับมือกับพาร์ตเนอร์ คือ AccRevo แพลตฟอร์มสำหรับสำนักงานบัญชีออนไลน์ที่จะช่วยให้การทำบัญชี เบื้องต้นบริหารดอทคอม จะเหมาะกับเอสเอ็มอี ที่มีลักษณะธุรกิจทำงานโครงการ เช่น ธุรกิจเทรนนิ่ง ออร์แกไนซ์ หรือก่อสร้าง โดยเป้าหมายของบริษัทที่วางไว้ ต้องการพัฒนาไปสู่ซอฟต์แวร์ระบบบริหารจัดการทรัพยากรในองค์กร หรืออีอาร์พี เต็มรูปแบบภายใน 5 ปี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์ระบบบริหารสต๊อกสินค้า เพื่อเชื่อมต่อระบบกับบริหารดอทคอม และอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรมนุษย์ หรือเอชอาร์ของตัวเองขึ้นมา
“จุดเด่นของบริหารดอทคอม คือถูกออกแบบให้ช่วยเอสเอ็มอีลดต้นทุน เพื่อสร้างผลกำไร และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดปัญหาการหาเอกสารไม่เจอ และเกิดความโปร่งใสในองค์กร ส่วนจุดแตกต่างของ บริหารดอทคอม กับซอฟต์แวร์ต่างชาติ คือ เรามีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์เอสเอ็มอีไทยโดยเฉพาะ และมีการคิดค่าบริการตามการทำธุรกรรม ส่วนซอฟต์แวร์ต่างชาติ มีฟีเจอร์เกินความต้องการของเอสเอ็มอี และคิดค่าบริหารตามจำนวนผู้ใช้งาน”
ทั้งนี้ด้วยต้องการเป็นโซเชียลเอ็นเตอร์ไพรส์ เพื่อช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอีไทย บริหารดอทคอมจึงเปิดให้ ทดลองใช้โปรแกรมฟรี และหากสนใจใช้งานจริงสามารถใช้งานโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 3 เดือน โดยมีแพ็กเกจพร้อมให้บริการตามระดับองค์กรและการใช้งาน 3 รูปแบบ ได้แก่ การให้คำปรึกษาด้านการบริหารธุรกิจ (Consultant) โดยองค์กรสามารถบริหารธุรกิจได้ด้วยระบบโปรแกรม Borihan.com, 2. การใช้งานโปรแกรม (License Fee) โดยให้บริการและคิดค่าใช้จ่ายตามจำนวนการทำธุรกรรมจริง และ 3. ผู้ช่วยจัดการระบบบริหารงานและตรวจสอบบัญชี (Assis by NBiz) ให้บริการใน 2 รูปแบบ คือ แบบ All in one Assistant ให้บริการตั้งแต่การคีย์ข้อมูล การตรวจสอบความ ถูกต้องทางบัญชี การส่งเอกสารไปยัง AccRevo การเซ็นผู้ทำบัญชีรายเดือน และแบบ AC Assistant ให้บริการตรวจสอบเอกสาร ตั้งแต่ความถูกต้องทางบัญชี การส่งเอกสารไปยัง AccRevo และการเซ็นผู้ทำบัญชีรายเดือน
“โปรแกรมบริหารดอทคอมคุ้มทุน ตั้งแต่วันที่ได้รับรางวัล และทุนสนับสนุนจากโครงการ SID (Siam Innovation District) ประเภท Scale-up Fund ปี 2561 แล้ว จึงคิดค่าบริการไม่แพง และคิดตามปริมาณธุรกรรม ซึ่งมองว่าแฟร์สำหรับเอสเอ็มอี โดยเราต้องการให้เอสเอ็มอีเข้ามาใช้งานระบบมากขึ้น ซึ่งการทำตลาดของเราจะมุ่งเน้นการบอกปากต่อปาก และมีแผนสร้างรากฐานการใช้งานโดยการเดินสายฝึกอบรมไปยังสถาบันการศึกษา ทั้งมหาวิทยาลัย และอาชีวะ ปวช. ปวส. โดยตั้งเป้าหมายมีผู้ใช้งานในระบบ 1 แสนรายภายใน 4-5 ปี ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ 100 ราย”
นายณัฐภูมิ กล่าวต่อไปว่าเอสเอ็มอี จะก้าวหน้าต้องกล้าเปลี่ยน ผู้ประกอบการหรือเจ้าของธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลดิสรัปชัน โดยนอกจากการใช้งานระบบหลังบ้านแล้ว กรอบแนวคิด (Mindset) ของผู้ประกอบการก็เป็นอีกปัจจัยของความสำเร็จ จากการทดลองตลาดกับพันธมิตร ทำให้เราพบว่า เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร็ว ถูกต้อง และมีความแม่นยำสูง ซึ่งสิ่งที่จะพลิกโฉมเอสเอ็มอีของไทยได้ คือ การสร้างให้เจ้าของธุรกิจและคนทำงานมีแนวคิดอย่างเป็นระบบ