สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 02 กรกฎาคม 2563

IMET หนุนสร้างสังคม ดึงซีอีโอระดับชาติ สร้าง “อุทยานผู้นำ” รุ่น 3

IMET เปิดวิสัยทัศน์สร้าง “อุทยานผู้นำ” ผ่านกระบวนการเมนเทอริ่ง จัด “ซีอีโอดัง”ระดับชาติ กระตุกคิดชวนทำ สร้างเน็ตเวิร์กผู้นำคุณภาพ ชี้ยุคนี้ ดี-เก่งไม่พอ ต้องหนุนนำพัฒนาประเทศ และตอบแทนสังคม

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิเพื่อสถาบันการศึกษา วิชาการจัดการแห่งประเทศไทย (IMET) เปิดเผยว่า ตลอด 37 ปีของการก่อตั้งมูลนิธิ ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงหากำไร ได้ดำเนินการยกระดับศักยภาพ ความสามารถในการบริหารจัดการ และการบริหารความเปลี่ยนแปลงของผู้นำทุกระดับทั้งในระดับสูง กลาง และล่าง ในส่วนกลางและท้องถิ่น ควบคู่กับการส่งเสริมให้ผู้นำเหล่านั้นมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและรับผิดชอบต่อสังคม นับเป็นจำนวนกว่า 18,000 คนใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่าน 400 โครงการ โดยโครงการที่มีชื่อเสียง เช่น IMET MAX รุ่น 1, รุ่น 2 เป็นต้น

มูลนิธิ IMET เล็งเห็นว่าการพัฒนาประเทศให้สำเร็จอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องสร้างผู้นำที่ทั้งดีและเก่ง จึงมีนโยบายในการมุ่งสร้าง และพัฒนาผู้นำระดับสูงรุ่นใหม่ ให้มีความพร้อมทั้งในด้านความสามารถและจิตสำนึกเพื่อเป็นรากฐานที่เข้มแข็งของสังคม

“ต้องยอมรับว่า คนรุ่นใหม่ มีข้อได้เปรียบเรื่องการเข้าถึงข้อมูล จากยุคที่มีดิจิทัลเทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วย แต่เล็งเห็นว่า ผู้นำยุคใหม่ที่ดี ต้องมีครบ 4 ด้าน คือ พูดดี คิดดี ทำดี และมีภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่ง Mindset หรือ ชุดความคิดเป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นต้องเปิดกว้าง ภายใต้การตระหนักว่าตัวเองไม่ได้เก่งที่สุด และยังต้องพัฒนาขึ้นอีก โดยหากดีขึ้น เก่งขึ้นแล้ว คนเหล่านี้จะเริ่มมองหาการทำเพื่อสังคม และเมื่อสังคมดี ประเทศชาติก็จะได้ประโยชน์ แข่งขันกับนานาประเทศได้”

นายสนั่น ยังกล่าวว่า แม้ไทยมีข้อได้เปรียบจากศักยภาพซึ่งเป็นพื้นฐานที่ดีในหลายๆด้านของประเทศ แต่พบว่า ภายในยังขาดการตระหนักรู้ถึง “Global Culture”ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของโลก ที่มีผลกระทบต่อรูปแบบธุรกิจเชิงวัฒนธรรมของไทย  โดยคนในประเทศต้องก้าวให้ทันความเปลี่ยนแปลง ซึ่งผู้นำท้องถิ่น ผู้บริหารของรัฐและเอกชนมีหน้าที่สำคัญในการให้ความรู้ แต่บางส่วนเอง ยังขาดการชี้แนะ ฉะนั้น การสร้างเครือข่ายคนดี คนเก่ง ให้มาเจอกัน ขยายจาก 10 เป็น 100 เป็น 1,000 จะกลายเป็นเน็ตเวิร์กที่ใหญ่ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ได้ไม่มีที่สิ้นสุด จะก่อให้เกิดประโยชน์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้อย่างมหาศาล

ทั้งนี้ มูลนิธิ IMET ได้ริเริ่มโครงการ “IMET MAX” อย่างต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี โดยเปิดเป็นโครงการพัฒนาผู้นำระดับสูงรุ่นใหม่ ให้เข้ามาเป็นเมนที (Mentee) และได้มีโอกาสรับการพัฒนาด้วยกระบวนการเมนเทอริ่ง (Mentoring Process) ซึ่งประกอบด้วยการให้ข้อคิดและชี้แนะแนวทางทั้งในด้านการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างครบถ้วนรอบด้าน พร้อมเสริมสร้างจิตสำนึกในคุณค่าเพื่อสังคม ตลอดจนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ จากผู้บริหารชั้นแนวหน้าของประเทศที่ได้รับการยอมรับนับถือของสังคมอย่างสูงจำนวน 12 ท่าน ซึ่งมูลนิธิฯ ได้เชื้อเชิญและรับเกียรติจากเมนเทอร์ (Mentor) ผู้ทรงคุณวุฒิในพันธกิจสร้าง “อุทยานผู้นำ” ให้กับประเทศ อาทิ 1) คุณบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) 2) คุณสมประสงค์ บุญยะชัย รองประธานกรรมการ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) 3) ศ.(พิเศษ) กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด 4) คุณประภาส ชลศรานนท์ รองประธาน บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) 5) คุณขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

เมนเทอร์ (Mentor) ทุกท่านที่เข้าร่วมโครงการต่างเป็นอาสาสมัคร และเสียสละพร้อมทุ่มเททำหน้าที่โดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น เป็นตัวอย่างของบุคลากรคุณภาพของชาติในการทำงานเพื่อสังคมอย่างแท้จริง โดยมูลนิธิ IMET เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินโครงการทั้งสิ้น และผู้เข้าร่วมโครงการทุกท่านไม่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเข้าร่วมโครงการ IMET MAX  เพียงมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ

ขณะนายธนพล ศิริธนชัย ประธานโครงการ IMET MAX (Mentorship Academy for Excellent Leaders) ระบุว่า เราดำเนินโครงการ IMET MAX จนประสบผลสำเร็จอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี และภายในปีนี้จะเดินหน้าโครงการเป็นปีที่ 3 ต่อไป โดยในปีนี้ โครงการ IMET MAX กำหนดรูปแบบ เมนเทอร์จับคู่เมนทีในลักษณะใกล้ชิดในสัดส่วน 1:3 เพื่อให้ได้ใช้เวลาตลอดของโครงการกว่า 8 เดือน ในการพูดคุย และแลกเปลี่ยนมุมมองกัน ในสิ่งที่เมนเทอร์ใช้จัดการกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ซึ่งเราเชื่อว่าประสบการณ์ของเมนเทอร์จะกระตุ้นให้เมนทีได้คิด และขณะเดียวกันรูปแบบของกระบวนการ Mentoring จะมุ่งเน้นในเรื่องสติปัญญาที่สมบูรณ์พร้อม Wisdom for Life and Social Values โดยคุณสมบัติที่สำคัญของเมนทีไว้ 3 ประการ คือ เป็นนักบริหารที่มีศักยภาพระดับสูงหรือมีความมุ่งมั่นในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมหรือประเทศชาติ เป็นผู้ที่ไม่มีประวัติด่างพร้อย และเป็นผู้ที่มีความต้องการและเชื่อมั่นในการพัฒนาตนเองผ่านกระบวนการเมนเทอริ่ง 

“การพัฒนาผู้นำ มีหลากหลายวิธี แต่มูลนิธิฯ เชื่อว่า สิ่งสำคัญสุด คือ การปลูกฝัง และกระตุ้นแนวคิดสะท้อนผ่านการอ่าน ฝึกฝน ปฎิบัติตาม แต่อย่างไรก็ตาม การที่ผู้นำจะประสบผลสำเร็จ ก้าวหน้า บางส่วนมาจากมุมมองอื่นๆ ที่ถูกกระตุ้นชวนคิด แชร์ประสบการณ์จริง  เราเรียกกระบวนการนี้ว่า Mentoring Process ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในห้องเรียน แต่เป็นการพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับบุคคลที่ได้รับการยอมรับสูง ก่อให้เกิดการฉุกคิด ต่อยอดนำไปใช้ และความสัมพันธ์ต่อเนื่องที่เกิดขึ้น ก็จะช่วยเกื้อหนุนกัน แม้ต่างสาขาอุตสาหกรรม โดยการสร้าง อุทยานผู้นำที่ดี คล้ายการปลูกต้นไม้ ที่ต้องมีการรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยอย่างดี ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เพื่อให้เป็นต้นใหม่ที่เติบใหญ่ มีเปลือก แก่น ใบที่ดีแข็งแรง ไม่โค่นล้มในภาวะที่เจอพายุ  “

ไฮไลท์ของปีนี้ คือเป็นการคัดสรรและและเชิญผู้ประสบความสำเร็จอย่างสูงระดับชาติมาเป็นเมนเทอร์ และเปิดกว้างให้ผู้นำรุ่นใหม่ได้สมัครเข้าร่วมโครงการ พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้นำ “คุณค่าเพื่อสังคม” ไปสร้างให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรหรือสังคมในโอกาสแรกด้วย

IMET MAX รุ่นที่ 3 รายนาม Mentor 12 ท่าน
1. ศ.(พิเศษ)กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด
2. คุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด
3. คุณจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
4. คุณชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานการคลัง สภากาชาดไทย
5. คุณณัฐศักดิ์ โรจนพิเชฐ ที่ปรึกษาธุรกิจ บริษัท อีเลิร์นนิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด
6. คุณนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทซีดีจี และกลุ่มบริษัทจีเอเบิล
7. คุณบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร  ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน)
8. คุณปฐมา จันทรักษ์ รองประธานกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด
9. ดร.ประวิช รัตนเพียร อดีตรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
10. คุณพรรณี ชัยกุล อดีตประธานกรรมการ บริษัท โอกิลวี่ ประเทศไทย
11. ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานกรรมการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)
12. คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน)

ทั้งนี้ IMET MAX เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้นักบริหารชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีศักยภาพสูงหรือมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคมและประเทศชาติ ได้มีโอกาสเข้ารับการพัฒนาด้วยกระบวนการเมนเทอริ่ง (Mentoring Process) กล่าวคือ ได้มีโอกาสอย่างใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวในการพูดคุยพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเมนเทอร์ (Mentor) ซึ่งเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงระดับประเทศ พร้อมได้รับคำแนะนำและได้รับการสะท้อนมุมมองและแนวคิด (Reflection) ทั้งในด้านการทำงาน การใช้ชีวิต และความจำเป็นในการสร้าง “คุณค่าเพื่อสังคม” ให้กับตนเอง เพื่อให้เกิดสติปัญญาที่สมบูรณ์พร้อม (Wisdom for Life and Social Values) อันจะเป็นรากฐานสำคัญขององค์กร สังคม และประเทศชาติในการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต โครงการ IMET MAX เริ่มดำเนินการรุ่นแรกในปี 2561 มีเมนเทอร์ (Mentor) เข้าร่วมทั้งสิ้น 12 ท่าน และมีเมนที (Mentee) เข้ารับการพัฒนาทั้งสิ้น 24 ท่าน และรุ่นสองในปี 2562 มีเมนเทอร์ (Mentor) เข้าร่วม 12 ท่าน และมีเมนที (Mentee) เข้ารับการพัฒนาทั้งสิ้น 36 ท่าน มีกำหนดเปิดรุ่น 3 พร้อมรับสมัครเมนที (Mentee) ตั้งแต่ 26 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคม 2563 นี้ ผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับข้อมูลและสมัครเข้าร่วมโครงการได้ที่ มูลนิธิเพื่อสถาบันการศึกษาวิชาการจัดการแห่งประเทศไทย www.imet.or.th หรืออีเมล์

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


โควิดพลิกนายหน้าอสังหาฯบูม คนแห่ทำอาชีพ 2 เสริมรายได้

โควิดพลิกนายหน้าอสังหาฯบูม  คนแห่ทำอาชีพ 2 เสริมรายได้

นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ กลายเป็นอาชีพที่ 2 อาชีพที่3 ที่เข้ามาตอบโจทย์กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดทำให้รายได้ลดลง โดยรายได้จากการขายมักจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำ3 % จากมูลค่าสินค้า

หลายอาชีพได้รับผลกระทบจากโควิด-19ทำให้รายได้ลดลง เลวร้ายสุดคือต้องตกงานแบบฟ้าผ่า แต่รู้ไหมว่า ยังมีอาชีพหนึ่งที่รายได้ดีและกำลังเป็นที่ต้องการในตลาดนั่นคือ “นายหน้าอสังหาริมทรัพย์” กลายเป็นอาชีพที่ 2 อาชีพที่3 ที่เข้ามาตอบโจทย์กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิดทำให้รายได้ลดลง โดยรายได้จากการขายมักจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ขั้นต่ำ3 % จากมูลค่าสินค้า

ประวิทย์ อนุศิริ นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า หลังโควิดคลี่คลายอาชีพนายหน้าอสังหาฯจะได้รับความสนใจจากกลุ่มคนรุ่นใหม่เพราะรองรับวิถีชีวิตและการทำงานที่อาศัยเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุน ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมาเกิดการทำงานแบบ “กิ๊กอีโคโนมี” (Gig Economy) ซึ่งเป็นการทำงานที่มีความยืดหยุ่นด้านเวลาสูง มีอิสระมากกว่างานประจำ และอาศัยแพลตฟอร์มออนไลน์ในการทำงาน ซึ่งเป็นเทรนด์การทำงานที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งแต่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้กลุ่มที่มีรายได้ประจำ รายได้ลดลง และมีความเสี่ยงต่อการตกงานสูง ‘อาชีพนายหน้าอสังหาฯ’ จึงเป็นคำตอบลงตัวที่สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่หรือนิวนอลมอลที่ผู้คนนิยมทำงานที่บ้านมากขึ้น

“ที่ผ่านมามีทั้งแพทย์ วิศวกร นักบิน แอร์โฮสเตส เข้ามาเรียนรู้ทำอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้อีกหนึ่งช่องทางนอกจากงานประจำ ที่มีความไม่แน่เพิ่มขึ้นจากวิกฤติโควิด เพราะผลตอบแทนสูง ยกตัวอย่าง บ้านราคา1 ล้านบาทนายหน้าจะได้ค่าตอบแทน 3หมื่นบาท ยิ่งขายได้มากก็จะได้รับผลตอบแทนสูงขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบหน้าหน้าสินค้าหรือบริการอื่น ถือว่าจูงใจมากที่สุดแล้ว”

ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจขาลงเจ้าของโครงการ ต้องการระบายสต็อก จึงต้องการ ‘มดงาน’ ที่ช่วยในการขายสินค้าแทนที่จะโปรยเงินผ่านสื่อโฆษณาสู้จ้างนายหน้าอิสระ เข้าช่วยขายจะได้ผลตอบรับที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัดเจน จึงต้องการยกระดับมาตรฐานนายหน้าอสังหาฯไทยให้เป็นที่ยอมรับ

“จากที่เป็นหมอตำแย พัฒนาให้เป็น หมอทำคลอดตามโรงพยาบาล แต่ไม่ใช่ว่าไปทำลายนายหน้าแบบเดิมแต่ต้องช่วยยกระดับนายหน้าตามศักยภาพที่มีอยู่ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพราะปัจจุบันยังมีหมอตำแยมีอยู่ แต่ถามว่า มีใครกล้าใช้บริการไหม คนส่วนใหญ่ยอมเสียเงินเพื่อที่มาทำคลอดเพื่อให้ได้รับบริการที่มีมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีกว่า”

ปัจจุบันสัดส่วนนายหน้าอสังหาฯในตลาดส่วนใหญ่เป็นนายหน้า ต่างชาติ70% โดยเฉพาะจีน ส่วนที่เหลือ30% เป็นนายหน้าคนไทยรายย่อย ทั้งนี้เพราะมีความต้องการอสังหาฯจากลูกค้าต่างชาติ และสามารถสื่อภาษาต่างชาติได้ ทุกวันนี้ยังไม่มีกฎหมายควบคุมนายหน้าออกมา ใครก็สามารถเป็นนายหน้าได้ ดังนั้นสมาคมฯจึงพยายามสร้างมาตรฐานนายหน้าอสังหาฯ ขึ้นมารับรองเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่ใช้บริการ ก่อนเพราะการผลักดันพ.ร.บ.มาตรฐานวิชาชีพต้องใช้เวลา

“ขณะนี้ทางสมาคมฯ มีนายหน้า ที่ผ่านการประเมิน 3,700 คน (มีจำนวนทั้งสิ้น 8ระดับ) ถ้าไม่ติดโควิด เชื่อว่า จะมีจำนวนมากกว่า5,000 คนจากปัจจุบันที่สมาคมฯ มีสมาชิกที่เป็นบริษัทจำนวน200บริษัท หน้ารายย่อย1,000คน หากใครที่ผ่านการประเมินจะได้สิทธิในการเชื่อมโยงฐานข้อมูลคุณวุฒิวิชาชีพนายหน้าอสังหาฯ ลงระบบออนไลน์ผ่านช่องทางเว็บไซต์ TERRABKK.COM ซึ่งจะทำให้การประกาศเสนอขายทรัพย์มีความน่าเชื่อถือ และเพิ่มช่องทางการขายให้กับนายหน้าอสังหาฯมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ”

นพดล ปิยะตระภูมิ ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า อสังหาฯเป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท คนที่ทำอาชีพนี้มีรายได้เยอะเพราะคิดรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์จากมูลค่าทรัพย์สินนั้นๆไม่ได้รับเป็นเงินเดือน เพราะฉะนั้นอาชีพนี้จำเป็นจะต้องรับความเชื่อถือ เชื่อมั่นจากผู้รับบริการ ปัจจุบันมีนายหน้าอสังหาฯ จากต่างประเทศเข้ามาในไทยมากขึ้น ในฐานะเป็นหน่วยงานรัฐ จำเป็นที่ต้องทำให้นายหน้าคนไทยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น

“ถ้าในแง่ความสามารถเฉพาะบุคคลนายหน้าอสังหาฯคนไทยจะได้เปรียบเพราะอยู่ในประเทศไทย รู้บริบทตลาดแวดล้อม แต่ยังขาดการพัฒนาระบบที่สร้างความเชื่อมั่น ให้ผู้ซื้อขายทั้งในประเทศและต่างประเทศตามมาตรฐานสากล

ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokbiznews.com


เศรษฐกิจไทยหลังโควิด ใช้เวลาฟื้น2ปีครึ่ง-3ปีกลับมาเติบโตเท่าช่วงก่อน

เศรษฐกิจไทยหลังโควิด ใช้เวลาฟื้น2ปีครึ่ง-3ปีกลับมาเติบโตเท่าช่วงก่อน

“ทรีนีตี้” มองการลงทุนครึ่งปีหลัง เกาะติด 7 ปัจจัยเสี่ยง คาดดัชนีไตรมาส 3 ปรับตัว Sideways กรอบกว้าง 1,250-1,450 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์เดือน ก.ค.หุ้นขึ้นขาย-หุ้นลงซื้อ เลือกหุ้นเติบโตมีโอกาสได้ผลตอบแทนดี

ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผย ว่าทิศทางการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 จะต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวัง มีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 7 ประการที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ประกอบด้วย

1.ระดับการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกที่อาจเริ่มชะลอลง หรือที่เรียกว่า Tapering 2. ระดับการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ 3.การระบาดของ COVID-19 รอบสองที่อาจรุนแรงมากขึ้น หลังจากประเทศต่างๆ เริ่มกระบวนการ Reopening และสิ่งที่สำคัญ คือ ถ้ามีการ Lockdown รอบ 2 หลายประเทศอาจจะไม่มีกระสุนที่จะอัดฉีดนโยบายการคลังต่อ

4.ความผันผวนในช่วงเข้าใกล้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 5. ผลประกอบการของ บจ.ไตรมาส 3 ที่อาจไม่สามารถฟื้นจากไตรมาส 2 ได้จริง 6.การหมดอายุของมาตรการ Uptick rule ในช่วงปลายเดือนกันยายน และ 7. คุณภาพสินเชื่อจะมีการถดถอย

ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมาตลาดทุนโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 30-50% เป็นผลจากธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลกอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบอย่างที่ไม่เกิดขึ้นมาก่อนและมาตรการทางการคลังของประเทศต่างๆ รวมกว่า 15-16 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงระยะเวลา 3-4 เดือน ตั้งแต่การแพร่ระบาดของ COVID-19

ขณะที่หุ้นไทยก็ขึ้นมาซื้อขายที่ระดับ PE ที่ 20-21 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่แพง ขณะที่เมื่อดูการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดอัตราการเติบโตของไทยปี 2563 ลงมาสู่ระดับ – 8.1% จาก – 5.3% ซึ่งเป็นการเติบโตต่ำสุดใกล้เคียงกับวิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 2540

ในขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจาก -3% มาสู่ระดับ -4.9% และยังยอมรับว่ามีโอกาสปรับลดลงกว่านี้ และมองว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะใช้เวลากว่า 2 ปีครึ่งถึง 3 ปี ในการฟื้นตัวมาเท่ากับสมัยก่อนเกิด COVID-19 เป็นการฟื้นตัวแบบรูปตัวยู

ดร.วิศิษฐ์ คาดการณ์ว่า ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 SET Index แกว่งตัว Sideways และมีกรอบกว้างมาก โดยประเมินกรอบแนวรับแรกของ SET ที่ 1,300 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเคียง Forward PE 15.7 เท่า และอิงกับประมาณการ EPS ปี 2021 ที่ 83 บาท ส่วนกรอบแนวรับสำคัญประเมินที่ 1,250 จุด

ขณะที่ กรอบแนวต้านแรกของ SET ที่ 1,400 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเคียง Forward PE 16.8 เท่า และอิงกับประมาณการ EPS ปี 2021 ที่ 83 บาท ส่วนกรอบแนวต้านสำคัญประเมินที่ 1,450 จุด

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ SET จะเคลื่อนไหว Sideways กรอบกว้างในไตรมาส 3 เนื่องจาก Upside ยังคงถูกจำกัดจากประเด็น Valuation เป็นสำคัญ และถึงแม้ว่าสภาพคล่องจะท่วมท้นแต่จะเห็นว่า Flow เหล่านั้น กลับเลือกที่จะไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ของไทยแทน เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนแท้จริงที่น่าสนใจ

โดยนักลงทุนต่างประเทศซื้อตลาดพันธบัตรไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาทในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะมองว่าเป็นดอลลาร์แครี่เทรด จึงเป็นเหตุให้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 4 เดือน

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยนั้นนักลงทุนต่างประเทศจะสนใจเป็นลำดับท้ายๆ ของเอเชีย เพราะตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่มี Valuation สูงสุด ต่างประเทศขายหุ้นไทยกว่า 2 แสนล้าน ตั้งแต่ต้นปี

ขณะที่ Downside ของ SET ยังสามารถถูกประคับประคองได้จากสภาพคล่องภายในที่มาก และจากการแสวงหาผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากธนาคาร หรือปรากฏการณ์ Searching for Yields ของนักลงทุนรายย่อย จากระดับดอกเบี้ยที่อยู่ต่ำ รวมถึงการขาดความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นกู้เอกชน และมาตรการ Uptick rule ที่ ตลท.บังคับใช้ ยังช่วยลดแรง Short sales ในตลาดลงอย่างสำคัญ และเห็นได้จากนักลงทุนรายบุคคลที่มีสัดส่วนในตลาดรวมมากกว่า 50%

ด้านนายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นเดือน ก.ค.จะเป็นไปลักษณะเทรดดิ้ง คือ เมื่อดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นให้นักลงทุนขายหุ้นและเมื่อดัชนีปรับตัวลดลงก็เข้าซื้อ ซึ่งมองระดับแนวต้านสำคัญที่เหมาะกับการขายหุ้นออกคือ 1,400 จุด ส่วนระดับแนวรับแรกที่เข้าซื้อจะอยู่ที่ 1,310 จุด

“เดือน ก.ค.จะเป็นช่วงที่ บจ.จะประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ซึ่งทางทรีนีตี้ ไม่กังวลต่อกำไรของ บจ.ในไตรมาสนี้ เพราะอยู่ในราคาและคาดกันอยู่แล้วว่าจะเป็นช่วงที่แย่สุด แต่กังวลกับผลดำเนินงานงวดไตรมาส3มากกว่าหากออกไม่ดีก็จะส่งผลต่อตลาดทุนในภาพรวม ”

นายณัฐชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงขับเคลื่อนด้วยเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนรายบุคคลที่มีสัดส่วนกว่า 50% ดังนั้นการเลือกลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กหรือ sSET จึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นกลุ่มที่มักปรับตัวได้ดีไปกับการมีส่วนร่วมของนักลงทุนกลุ่มนี้

นอกจากนั้นหุ้นในกลุ่มนี้ยังเป็นหุ้นที่เห็นแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรที่ดีในปีหน้าและยังมี Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอีกด้วย

สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในภาพรวมแนะนำลงทุนหุ้นเติบโต (Growth stock)ซึ่ง มี 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้แก่ BGRIM, GPSC, RATCH 2.กลุ่มเกษตรและอาหาร ได้แก่ CPF, TFG ,RBF 3.กลุ่มบริหารสินทรัพย์ เลือก JMT นอกจากนี้ยังแนะนำให้ลงทุน PTG เพราะหลังปลดล็อคเคอร์ฟิวจะทำให้การเดินทางกลับมาและจะทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึง SFLEX เพราะผลิตแพคเกจจิ้งที่อิงกับสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ยังคงจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน

ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com


จากวันนั้นถึงวันนี้ “ลิเวอร์พูล” กับ 30 ปีที่รอคอยผ่านมุมมอง “ซิโก้”

หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวเมื่อค่ำคืนวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่าน ปรากฏว่า “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปพลาดท่าปราชัยให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ถึงถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-2 ส่งผลให้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทีมของ เยอร์เกน คลอปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน คว้าแชมป์ “พรีเมียร์ลีก อังกฤษ” มาครองได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร และถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปี ซึ่งทำให้บรรดาแฟนบอลของทีมต่างออกมาเฉลิมฉลองกันอย่างบ้าคลั่ง ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเต็มเหนี่ยว ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นว่าพวกเขารอคอยมานานแค่ไหน

ซึ่ง ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ ได้บุกไปสัมภาษณ์ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกองหน้าและกุนซือทีมชาติไทย ที่ถือว่าเป็นแฟนบอลพันธุ์แท้คนหนึ่งของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มาร่วมพูดคุย แสดงทรรศนะ และไล่เรียงย้อนรอยเหตุการณ์ตั้งแต่ได้แชมป์ลีกครั้งสุดท้ายเมื่อ 30 ปีที่แล้วสู่แชมป์ครั้งล่าสุดที่รอคอยในครั้งนี้

เล่าย้อนความทรงจำกับ ลิเวอร์พูล ในวัยเด็ก

ตอนเด็กๆ ก็เป็นเด็กชายโก้ ชื่อเล่นชื่อโก้ (ยิ้ม) ก็เป็นเด็กที่ชอบเล่นกีฬาทุกประเภท ทั้ง ฟุตบอล, ตะกร้อ, บาสเกตบอล, วอลเลย์บอล, แบดมินตัน เล่นยิมนาสติก และก็หกคะเมนตีลังกา และก็เป็นนักวิ่ง วิ่ง 100 เมตร (4×100) วิ่งมาราธอน วิ่งทางไกล ก็ครอบครัวเป็นครอบครัวนักกีฬา มีพี่สาว 2 คนก็เป็นนักกีฬา คุณพ่อคุณแม่ก็เป็นนักฟุตบอล พ่อเป็นนักฟุตบอล เป็นนักตะกร้อ คุณแม่เป็นนักบาส เป็นนักวิ่ง คือสมัยก่อนเรียกว่าเราอาจจะไม่มีสื่อสารมวลชน มันอาจจะมีทีวีหมู่บ้านละเครื่อง ตอนนั้นจะมีวิทยุซะมากกว่า ก็ฟังแต่จะไม่ค่อยมีทีวี ถ้ามีก็จะเป็นทีวีขาวดำ แต่บ้านเรามีทีวีอยู่บ้านเดียวของหมู่บ้าน ตอนนั้นใช้เครื่องหม้อแปลงปั่นไฟ คนในหมู่บ้านก็จะมาดูข่าว มีมาดูกีฬา ข่าวกีฬา ข่าวทั่วไป ก็มีมาดูหนังดูละครที่บ้าน เราก็มีความรู้สึกว่าเราได้ดูบอลที่ถ่ายทอดสด ก็ได้ดูฟุตบอลหลากหลายประเทศ แล้วก็จะมีสโมสรบราซิล ทีมชาติบราซิล แล้วก็จะมีฟุตบอลอังกฤษ

เกมในวัยเด็กที่ประทับใจมากที่สุด

ถ้าเป็นแมตช์จริงๆ แล้วอาจจะจำไม่ได้ เพราะว่ายุคของ ลิเวอร์พูล ช่วงนั้นเขาเรียกว่าเครื่องจักรสีแดง เจอใครก็ถล่ม ถล่มไม่เลี้ยง แล้วคำว่าเครื่องจักรสีแดงหมายความว่า 90 นาทีเนี่ยไม่มีหมด แล้วยังต่อบอลสวยงาม แล้วที่ชื่นชอบที่สุดก็คือแนวรุกนะครับ ไม่ว่าจะเป็น ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์, จอห์น บาร์นส์, เอียน รัช หรือจริงๆ ช่วงหลังก็จะมี จอห์น อัลดริดจ์ ด้วยนะครับ ก็คือเป็นๆ เขาเรียกว่าเครื่องจักรที่ทรงพลัง นี่คือเหตุผลที่เลือกเชียร์

นักเตะในดวงใจ

ก็ 3 คนที่ว่านั่นแหละ เอียน รัช, ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ แล้วก็ จอห์น บาร์นส์ แต่ ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ มันเหมือนกับทรงบอลหรือรูปร่างคล้ายกัน เพราะว่า ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ รูปร่างเล็ก ตัวไม่ใหญ่ เราก็เลยคิดว่าเราเป็นนักฟุตบอลตำแหน่งศูนย์หน้าที่ตัวเล็ก

11 ตัวจริง ลิเวอร์พูลในดวงใจ

11 ตัวจริงในทุกยุคเลยใช่มั้ย ขอเป็น ประตูก็เป็น อลิสสัน เบคเกอร์, แบ็กขวา-แบ็กซ้ายก็จะเป็น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และก็เซ็นเตอร์ 2 คนน่าจะเป็น เวอร์จิล ฟานไดค์ กับ ซามี ฮูเปีย ซึ่งมีเสื้อ ซามี ฮูเปีย อยู่ที่บ้าน ได้ตอนที่ ซามี ฮูเปีย มาแข่งที่เมืองไทย และก็ได้แลกเสื้อกับ ซามี ฮูเปีย ถ้ากองกลางขอเป็น สตีเวน เจอร์ราร์ด ก่อน แล้วก็เป็น แพทริค แบร์เกอร์ แล้วก็ปีกซ้ายขอเป็น จอห์น บาร์นส์ ปีกขวาขอเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แล้วก็ ศูนย์หน้าขอเป็น เอียน รัช กับดวงใจของเรา ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ ในระบบ 4-4-2 แล้วกัน

เกมไหนที่ไปชมที่สนามประทับใจมากที่สุด

แมตช์ที่ชอบที่สุดที่ไปชมที่สนามเหรอ น่าจะเจอกับ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ แล้วกัน เพราะว่าวันนั้นน่าจะกด ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ไปสัก 5-0 แล้วเย็นวันนั้นไปดูที่สนามแล้วก็เชียร์ทั้งสองทีม เพราะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ เป็นทีมเก่าของเรา เหมือนเชียร์ทีมรักด้วย แต่ในวันนั้นเราเชียร์ ลิเวอร์พูล เราก็เลยอยากให้ ลิเวอร์พูล ชนะ แต่ยิงเยอะไปหน่อย

ย้อนความไปถึงตอนที่คว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 30 ปีที่แล้ว

แชมป์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เอ่อ..มันเห็นแต่ความรู้สึกว่าเครื่องจักรสีแดง ยิงทุกทีมที่ขวางหน้า ถามว่าจำได้มากน้อยขนาดไหน อาจจะจำได้ไม่มาก มันแค่ได้เห็นภาพตอนชูถ้วยแชมป์นี่แหละทั้งทีม มันก็ยังอยากเห็นว่าทีมรักของเราเมื่อไรจะได้กลับมาสักที

ความรู้สึกจากแชมป์เมื่อ 30 ปีที่แล้วสู่แชมป์ล่าสุดในครั้งนี้

นานมาก จากที่เป็นแฟนบอลคนหนึ่งเนี่ย ถ้าไม่รักจริงเนี่ยอาจจะเปลี่ยนทีมเชียร์ได้ เพราะแค่ว่าปีถัดมาไม่ได้แชมป์ก็มีความรู้สึกว่าอะไรวะ มันจะดาวน์ แต่ด้วยความที่เรารักในสโมสร แพ้ชนะเราก็ต้องเชียร์ใช่มั้ย แต่เราไม่คิดว่ามันจะนานมาก

เมื่อมาถึง 30 ปีที่รอคอย ความรู้สึกจากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นยังไงบ้าง

30 ปีที่รอคอยเนี่ยมันก็อาจจะมีชดเชยในบางช่วงเวลา ได้แชมป์ เอฟเอคัพ ได้แชมป์ ยูโรเปี้ยน ได้แชมป์ยุโรป ได้แชมป์เล็กๆ น้อยๆ แต่ก็พอที่จะชดเชยได้บ้าง แต่มันก็มีคำถามว่าเมื่อไรจะได้แชมป์ลีกสักที มันเป็นคำถามที่เรานึกในใจมาตลอด ถ้าถามว่าทำให้เราชื่นชอบทีมน้อยลงมั้ย มันไม่มีความรู้สึกนั้น

ทีมแชมป์ชุด 30 ปีที่แล้ว กับทีมแชมป์ลีกครั้งล่าสุดนี้ แต่ละทีมมีจุดแข็งยังไง

จุดแข็งเอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของแท็กติก แต่ตัวผู้เล่น สไตล์การเล่นของฟุตบอลอังกฤษมันดุดันอยู่แล้ว ลิเวอร์พูล ก็คือถ้าเล่นกับใครก็ดุดันอยู่แล้ว ในยุคก่อนไม่ต้องพูดถึง ดุดันเปิดหน้าเข้าแลก แต่ทีมแชมป์ครั้งนี้มันเป็นเรืองของกลยุทธ์ แท็กติกของโค้ชของผู้จัดการทีมก็แตกต่างกันไป

ย้อนกลับไปซีซั่นที่แล้วกับซีซั่นนี้ทีมมีการเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง

ซีซั่นที่แล้วกับซีซั่นนี้ทีมจริงๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง 11 ตัวจริงก็เหมือนเดิม ผู้เล่นสำรองก็มีเหมือนเดิม มันแตกต่างแค่ไม่ได้แชมป์แค่นั้นเองเพราะว่าปีที่แล้วเราได้แชมป์ยุโรป ถ้าได้แชมป์ลีกก็คงจะสมบูรณ์แบบมาก แต่ต้องยอมรับว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เนี่ย ทีมที่เป็นแชมป์เนี่ยต้องยอมรับเขาจริงๆ ว่าเราเป็นแชมป์ปีนี้ต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่ง ไม่ได้หมายความว่าทีมที่เป็นคู่ต่อสู้เราด้อยลงไป ปีที่แล้วเราไม่ได้แชมป์เพราะว่าทีมคู่ต่อสู้เราแข็งแกร่งมาก เราถึงไม่ได้แชมป์ แต่ปีนี้ทีมคู่ต่อสู้ของเราก็ยังแข็งแกร่งอยู่แต่เราละเอียดมากขึ้น เราละเอียดตรงที่แบบว่าแต้มนึงก็มีผล แสดงว่าในปีนี้เราละเอียดตั้งแต่แมตช์แรกเลย จะเห็นได้ว่าในปี้นี้บางเกมเน้นผลพอได้หนึ่งประตูแล้วอาจจะไม่ได้เปิดแรกเหมือนเมื่อก่อน แต่ก่อนยังมีเปิดแลกแล้วก็เสียประตู แต่ครั้งนี้เริ่มต้นฤดูกาลจะเห็นได้ว่าละเอียดมากขึ้นในทุกๆ เกม

คิดว่าทีมชุดนี้มีจุดอะไรที่ต้องปรับ

มันก็มีอยู่แล้วในชุดที่ต้องปรับเพราะว่าตอนนี้คู่ต่อสู้ก็เริ่มจับทางได้ ดังนั้นเราก็ต้องมีความหลากหลายมากขึ้น เพราะเขาก็จะเห็น 11 ตัวจริงของเรา ว่าแต่ละคนเป็นยังไง เห็นตัวสำรองเราแต่ละคนเป็นยังไงก็เป็นหน้าที่ของผุ้จัดการทีมอย่าง เยอร์เกน คลอปป์ ว่าในฤดูกาลต่อไปจะมีการปรับเปลี่ยนยังไง ซื้อตัวผู้เล่นเพิ่มขนาดไหน แต่เชื่อว่าเขาดูไว้แล้ว

มองไปถึงซีซั่นหน้าไว้ยังไง

ได้แชมป์ซีซั่นนี้แล้วซีซั่นหน้ายังไงก็ได้ (หัวเราะ) เพราะว่ามันเป็นจังหวะและโอกาสของแต่ละทีม เราอย่าไปยึดติดกับคำว่าแชมป์ ถ้ารักษาผลงานได้ดีก็อาจจะได้แชมป์ต่อได้ ถ้าขึ้นแล้วก็รักษาฐานให้มันค่อยๆ ลงหรือจะขึ้นไปต่อ ตอนนี้เรียกได้ว่ามันเป็นช่วงของความมั่นใจ ฟุตบอลภ้ามีความมั่นใจบางครั้งก็จะเป็นจุดแข็งของทีม วันนี้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ก็ได้แล้ว แชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ได้แล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับว่าความทะเยอทะยาน ความท้าทายของนักเตะเก่ายังมีความอยากที่จะเป็นแชมป์อีกมั้ย.

ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th


ข่าวดี “ไฟเซอร์”เผยทดลอง “วัคซีนต้านโควิด-19” ในมนุษย์ได้ผลน่าพอใจ

“ไฟเซอร์”เผยการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ในมนุษย์ได้ผลน่าพอใจ ไม่ได้ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่ออาสาสมัคร

ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยในวันนี้ว่า การทดลองใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในมนุษย์ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

ทั้งนี้ ไฟเซอร์ทำการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19ในอาสาสมัคร 45 คน ซึ่งทุกคนได้รับวัคซีน 10, 30 หรือ 100 ไมโครกรัมจำนวน 2 โดส หรืออาจได้รับยาหลอก (placebo) 

ไฟเซอร์เปิดเผยว่า อาสาสมัครซึ่งได้รับวัคซีน 10 หรือ 30 ไมโครกรัมเป็นเวลา 28 วันจะทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี ซึ่งมีความสำคัญในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ ไฟเซอร์ระบุว่า วัคซีนดังกล่าวไม่ได้ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่ออาสาสมัคร

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


คำศัพท์ เครื่องดื่มภาษาอังกฤษ หลากหลายเมนู คำอ่าน คำแปล

เครื่องดื่ม ภาษาอังกฤษ

คำศัพท์ที่แปลว่าเครื่องดื่ม ภาษาอังกฤษคือ beverage และ drink

beverage (noun คำนาม) อ่านว่า เบฟ’เวอเรจฺ แปลว่า เครื่องดื่ม
drink (verb คำกริยา) อ่านว่า ดริงคฺ แปลว่า ดื่ม
drink (noun คำนาม) อ่านว่า ดริงคฺ แปลว่า เครื่องดื่ม

ตัวอย่างประโยค คำศัพท์เครื่องดื่มภาษาอังกฤษ

– What’s your favorite beverage?
แปลว่า เครื่องดื่มโปรดของคุณคืออะไร

– May I have a drink of water?
แปลว่า ฉันขอน้ำเปล่าหน่อยได้ไหม (ขอน้ำเปล่าสัก 1 แก้ว)

– Would you like a drink of water?
แปลว่า คุณต้องการน้ำ(สักแก้ว)ไหม

– Would you like a drink of juice?
แปลว่า คุณต้องการน้ำผลไม้(สักแก้ว)ไหม

– I like to have a hot drink at bedtime.
แปลว่า ฉันชอบดื่มเครื่องดื่มร้อนเวลาเข้านอน

– I think apple juice is your favourite drink, isn’t it?
แปลว่า ฉันคิดว่าน้ำแอปเปิ้ลเป็นเครื่องดื่มโปรดของคุณ ใช่ไหม

บางครั้ง drink จะหมายถึง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
คำว่า drinks (คำนามพหูพจน์ plural noun) หมายถึง งานปาร์ตี้ที่มีเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

– Come for drinks on Friday.
แปลว่า วันศุกร์มาดื่ม(เครื่องดื่มแอลกอฮอล์)กันเถอะ

– We’re having a small drinks party for one of our colleagues who’s leaving next week.
แปลว่า พวกเรามีงานปาร์ตี้(เครื่องดื่มแอลกอฮอล์)เล็กๆ สำหรับเพื่อนร่วมงานคนนึงของพวกเราที่จะจากไปในสัปดาห์หน้า

เมื่อมีความรู้สึกกระหายน้ำ ต้องการเครื่องดื่ม จะใช้คำศัพท์ว่า
thirsty (adjective คำคุณศัพท์) อ่านว่า เธิรสฺ’ทิ แปลว่า กระหายน้ำ, หิวน้ำ, ต้องการดื่มน้ำ

– I am thirsty.
แปลว่า ฉันหิวน้ำ, ฉันกระหายน้ำ, ฉันอยากดื่มน้ำ

– I felt hot and thirsty after the game.
แปลว่า ฉันรู้สึกร้อนและกระหายน้ำหลังจากจบเกม

– Are you thirsty?
แปลว่า คุณหิวน้ำไหม

ประโยคการถาม-ตอบเกี่ยวกับ เครื่องดื่มภาษาอังกฤษ

– What would you like to drink?
แปลว่า คุณต้องการดื่มอะไร / คุณอยากดื่มน้ำอะไร

สามารถตอบง่ายๆ ได้ว่า

– I would like a glass of …
แปลว่า ฉันอยากได้ / ฉันขอ … 1 แก้ว (เช่น น้ำผลไม้)

– I would like a cup of …
แปลว่า ฉันอยากได้ / ฉันขอ … 1 ถ้วย (เช่น ชา/กาแฟ)

รายการคำศัพท์ เครื่องดื่มภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่าน

เครื่องดื่มภาษาอังกฤษ คำอ่าน คำศัพท์เครื่องดื่ม แปลไทย
alcohol แอล’กะฮอล เหล้า, สุรา, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
americano อเมริคาโน กาแฟอเมริกาโน่
apple juice แอพเพิล-จูสฺ น้ำแอปเปิ้ล
bael fruit juice เบล-ฟรูท-จูสฺ น้ำมะตูม
beer เบียฺร เบียร์
black coffee แบล็ค-คอฟฟิ กาแฟดำ
black tea แบล็ค-ธี ชาดำ (แบบชาจีน)
brandy แบรน’ดี บรั่นดี
cappuccino แคพพูชิโน กาแฟคาปูชิโน่
champagne แชมเพน’ แชมเปญ, เหล้าแชมเปญ
chrysanthemum juice คริแซนธิมัม-จูส น้ำเก๊กฮวย
cocktail คอค’เทล ค็อกเทล, เครื่องดื่มเหล้าผสมผลไม้
cocoa โค’โค โกโก้, น้ำโกโก้
coffee คอฟ’ฟี่ กาแฟ
cola โค’ละ น้ำโคล่า (เครื่องดื่มชนิดหนึ่ง สีดำ มีรสหวาน)
decaffeinated coffee ดิแคฟฟิเนทิด-คอฟฟิ กาแฟไร้คาเฟอีน, กาแฟที่สกัดสารคาเฟอีนออก
frappé ฟรัพเพ- เครื่องดื่มแช่เย็นจนเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
fruit tea ฟรุท-ธี ชาผลไม้
gin จิน เหล้ายิน
grape juice เกรพ-จูส น้ำองุ่น
green tea กรีน-ธี ชาเขียว
herbal tea เฮอ’เบิล-ธี ชาสมุนไพร
hot chocolate ฮอท-ชอ’คะลิท ช็อคโกแลตร้อน
hot coffee ฮอท-คอฟฟิ กาแฟร้อน
iced chocolate ไอซ์ด-ชอ’คะลิท ช็อคโกแลตเย็น
iced coffee ไอซ์ด-คอฟฟิ กาแฟเย็น
iced tea ไอซ์ด-ธี ชาเย็น
juice จูสฺ น้ำผลไม้
latte ลาเท่ กาแฟลาเต้ ( ทำจากกาแฟเอ็กเปรสโซใส่นม)
lemonade เลมะเนด- น้ำมะนาว
liquor ลิค’เคอะ เหล้ากลั่น (จำพวกบรั่นดีหรือวิสกี้)
macchiato มัคคิอาโธ กาแฟมัคคิอาโต้ (กาแฟเข้ม ใส่ฟองนมเล็กน้อย)
mango juice แมงโก-จูส น้ำมะม่วง
martini มาร์ทิหนิ เหล้ามาร์ตินี่ (เหล้าที่รวมเหล้ายีน กับ vermouth)
milk มิลคฺ นม, น้ำนม
milkshake มิลค์เชค นมปั่น (เครื่องดื่มปั่น ประกอบด้วยนมและไอศครีม)
mineral water มิเนอรัล-วอเทอะ น้ำแร่
mocha โม’คะ กาแฟม็อคค่า (กาแฟกลิ่นช็อคโกแลต)
mocktail ม็อคเทล น้ำผลไม้ผสม (cocktail ที่ไม่มีแอลกอฮอล์)
orange juice ออ’รินจฺ-จูสฺ น้ำส้ม
punch พันชฺ น้ำผลไม้ผสมแอลกอฮอล์
roselle juice โรเซลล์-จูสฺ น้ำกระเจี๊ยบ
rum รัม เหล้ารัม
smoothie สมูธธี่ น้ำผลไม้ปั่น
soda โซ’ดะ โซดา, น้ำอัดลม
soft drink ซอฟทฺดริงคฺ น้ำอัดลม
squash สควอช น้ำผลไม้คั้น
tamarind juice แทม’มะรินดฺ-จูสฺ น้ำมะขาม
tap water แทพ-วอเทอะ น้ำประปา, น้ำก๊อก
tea ธี ชา
tequila เทคีล่า เหล้าเตกีล่า
tomato juice โทเมโท-จูสฺ น้ำมะเขือเทศ
tonic ทอนนิค น้ำโทนิค (ใช้ผสมเหล้า), เครื่องดื่มชูกำลัง
vermouth เวอมูธฺ เหล้าองุ่นขาวซึ่งมีกลิ่นหอม
vodka วอด’คะ เหล้าวอดกา, เหล้ารัสเซีย
water วอ’เทอะ น้ำแปล่า
whiskey วิส’คี เหล้าวิสกี้
wine ไวน์ ไวน์, เหล้าไวน์, เหล้าองุ่น
yellow plum juice เยลโลวฺ-พลัม-จูสฺ น้ำบ๊วย

ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com


ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส-สตรอม ร่วมพัฒนา”มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า”

ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส  ร่วมมือกับสตรอม บริษัทผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายชั้นนำและผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า นำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาให้บริการรับและส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีผู้ส่งหรือผู้รับอยู่ภายในประเทศไทย โดยถือเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายแรกในประเทศไทยที่นำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามาใช้งานจริงมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารวม 50 คันจะประจำอยู่ที่ศูนย์บริการดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส 5 แห่งเพื่อขนส่งเอกสารและพัสดุขนาดเล็กครอบคลุมย่านดอนเมือง พระราม 9 พระราม 3 บางแคและบางนา ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป

ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ทำงานร่วมกับสตรอมในการพัฒนาและปรับใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะในพื้นที่แออัดของกรุงเทพฯโดยมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าหนึ่งคันสามารถชาร์จเต็มภายใน 5 ชั่วโมงขับเคลื่อนได้ 115 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ความเร็วสูงสุด 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ไม่ว่าจะเป็นควัน กลิ่น หรือเสียงรบกวนเนื่องจากใช้ระบบไฟฟ้า 100% มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเหล่านี้ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 10,000 ต้นในแต่ละปี

เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทยและหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า “ภารกิจของด๊อยช์โพสต์ ดีเอชแอลกรุ๊ป (DPDHL) คือการเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลก และยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน เราเชื่อมั่นว่าหน้าที่ของเราครอบคลุมถึงความรับผิดชอบต่อพนักงาน สังคม และสิ่งแวดล้อม โครงการ GoGreen คือ การแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่เราให้ความสำคัญมาโดยตลอดเราภูมิใจที่ได้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นผู้ให้บริการขนส่งด่วนระหว่างประเทศรายแรกในประเทศไทยที่ใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสำหรับการรับและส่งเอกสารและพัสดุระหว่างประเทศที่มีต้นทางหรือปลายทางในประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาโซลูชั่นใหม่เพื่อช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซมลพิษที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050”

ศิวเวศม์ หงษ์นคร รองประธานฝ่ายปฏิบัติการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นก้าวแรกในแผนการของเราที่จะเปลี่ยนมอเตอร์ไซค์ที่ใช้น้ำมันเบนซินเป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งหมด มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเหล่านี้จะช่วยให้เราลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษายานพาหนะอย่างยั่งยืน ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่คูเรียร์ของเรายังรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมด้วยการขับมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ไม่ส่งมลพิษให้กับสังคมในทุกๆ วัน”

คีธ ฮอดจ์สัน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สตรอม (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “บริษัทสตรอมผู้บุกเบิกและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ได้ผลิตโซลูชันที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพื่อใช้ในธุรกิจขนส่งแบบlast mile และในช่วงสองปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ในการทำให้คอนเซปต์นี้ให้เกิดขึ้นจริง เราภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมครั้งนี้”

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(Climate change) และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ 0.86% ของก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) มีการรณรงค์ให้ภาคเอกชนร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 7-20% ภายในปี 2020 สำหรับประเทศไทย เป้าหมายระยะยาวในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ 20-25% หรือเท่ากับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างน้อย 111 ล้านตัน ภายในปี 2030

การเปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมปกป้องสิ่งแวดล้อมภายใต้โครงการ GoGreen โดยด๊อยช์โพสต์ ดีเอชแอลกรุ๊ป (DPDHL) มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมลพิษทางอากาศสู่สังคม ภายในปี 2050 DPDHL คาดว่าจะลดการปล่อยมลพิษที่เกี่ยวกับการขนส่งทั่วโลกให้เป็นศูนย์ ปัจจุบัน ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 60 ตันในปีนี้หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 6,000 ต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


พวงไข่มุก สรรพคุณและประโยชน์ของต้นพวงไข่มุก 9 ข้อ !

พวงไข่มุก

พวงไข่มุก

พวงไข่มุก ชื่อสามัญ American elder[2],[3]

พวงไข่มุก ชื่อวิทยาศาสตร์ Sambucus canadensis L. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Sambucus simpsonii Rehder)[1] จัดอยู่ในวงศ์ ADOXACEAE

สมุนไพรพวงไข่มุก มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า อุน อุนฝรั่ง (แพร่), ระป่า (ปราจีนบุรี), ซิตาโหระ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), พอตะบุ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), อูนบ้าน (คนเมือง), หมากอูนบ้าน ไม้ขี้ป้าน (ไทใหญ่), อูนน้ำ เป็นต้น[1],[3],[4]

ลักษณะของพวงไข่มุก

  • ต้นพวงไข่มุก มีถิ่นกำเนิดทางทวีปอเมริกาเหนือ จัดเป็นไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง สูงได้ประมาณ 2-4 เมตร แตกกิ่งก้านจำนวนมาก พุ่มโปร่ง กิ่งแก่กลวง ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการตอนกิ่ง ต้องการน้ำในการเจริญเติบโตในระดับปานกลาง ควรปลูกในบริเวณที่มีแสงแดดตลอดวันเพราะจะทำให้ต้นมีความแข็งแรง มักขึ้นตามชายป่าทั่วไปที่มีความชุ่มชื้น ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบได้ที่ระดับความสูงประมาณ 200-1,300 เมตร[1],[2],[3],[4]

ต้นพวงไข่มุก

  • ใบพวงไข่มุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงตรงข้าม ใบย่อยมีประมาณ 2-6 คู่ ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานแกมรูปใบหอกหรือรูปไข่แกมใบหอก ปลายใบแหลมเป็นติ่ง โคนใบมน ส่วนขอบใบหยักเป็นฟันเลื่อย ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 6-15 เซนติเมตร[1],[4]

ใบพวงไข่มุก

  • ดอกพวงไข่มุก ออกดอกเป็นช่อขนาดใหญ่บริเวณปลายกิ่ง ขนาดประมาณ 20-45 เซนติเมตร ดอกย่อยมีจำนวนมาก ขนาดเล็ก กลีบรองดอกเป็นหลอดยาว 1 มิลลิเมตร ส่วนกลีบดอกเป็นสีขาว ที่โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน ปลายแยกออกเป็น 5 แฉก ขนาดดอกประมาณ 4-4.5 มิลลิเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้สีเหลือง 5 อัน ยอดเกสรเพศเมียแยกออกเป็น 5 แฉก ออกดอกและติดผลในช่วงประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม[1],[2],[4]

ดอกพวงไข่มุก

  • ผลพวงไข่มุก ผลเป็นผลสด ลักษณะของผลเป็นรูปกลม ผิวมัน ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนสีม่วงเข้มเกือบดำ ขนาดประมาณ 4-5 มิลลิเมตร ภายในมีเมล็ดประมาณ 4-5 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปรีแกมขอบขนาน ขนาดประมาณ 2.5 มิลลิเมตร[1],[4

ผลพวงไข่มุก

รูปพวงไข่มุก

สรรพคุณของพวงไข่มุก

  1. ดอกแห้งใช้เป็นยาชงช่วยขับเหงื่อ (ดอกแห้ง)[5]
  2. ชาวกะเหรี่ยงเชียงใหม่จะใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการท้องร่วง (ราก)[3]
  3. ชาวไทใหญ่จะใช้ทั้งต้นนำมาต้มกับน้ำอาบแก้อาการตัวบวม (ทั้งต้น)[3]
  4. ตำรายาพื้นบ้านล้านนาจะใช้ใบพวงไข่มุก นำมาต้มใส่ไข่กิน หรือใช้ผสมกับสมุนไพรอื่น หมกประคบ บรรเทาอาการมือเท้าเคล็ด (ใบ)[1] บ้างว่าใช้ดอกที่มีน้ำมันหอมระเหยและสารที่มีรสขม ผสมกับสมุนไพรอื่นหมกประคบแก้มือเท้าเคล็ด (ดอก)[2],[5]

ประโยชน์ของพวงไข่มุก

  1. ยอดอ่อนใช้รับประทานเป็นอาหาร[5]
  2. ผลสุกใช้รับประทานได้ หรือนำมาใช้ทำแยมและขนมพาย[5]
  3. ในบางประเทศจะนำดอกมาใช้ปรุงอาหาร หรือชงน้ำดื่มทำไวน์
  4. ช่อดอกใช้ไปวัดเพื่อบูชาพระ หรือใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ[3]
  5. ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทั่วไป ปลูกเป็นแนวรั้ว ปลูกตามริมน้ำ ริมบ่อน้ำ หรือปลูกตกแต่งสวนให้ใกล้น้ำตกภายในบ้าน ต้นมีรูปทรงสวยงาม ดอกจะมีกลิ่นหอมมากในช่วงเช้า สามารถปลูกได้ทั้งในที่มีแสงแดดจัดตลอดวันและที่ร่มรำไร ขยายพันธุ์ได้ง่าย[2],[3],[4]

ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com


ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 25,900.00 26,000.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,678.00 25,438.48 26,500.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,510.20 22,894.63 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,342.40 20,350.78 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 755.00 11,445.80 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 587.00 8,898.92 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,739.00 26,363.24 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 02/07/2563

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 20.95 20.95 21.55 20.95 20.95 20.95 20.95 20.95 20.95 20.95
แก๊สโซฮอล์ 91 20.68 20.68 21.28 20.68 20.68 20.68 20.68 20.68 20.68 20.68
แก๊สโซฮอล์ E20 19.44 19.44 20.04 19.44 19.44 19.44 19.44 19.44 19.44
แก๊สโซฮอล์ E85 17.59 17.59 17.59
เบนซิน 95 28.36 28.81 28.86 28.36 28.36
ดีเซล 21.69 21.69 21.69 21.69 21.69 21.69 21.69 21.69 21.69 21.69
ดีเซล B10 18.69 18.69 18.69 18.69 18.69 18.69 18.69 18.69 18.69 18.69
ดีเซล B20 18.44 18.44 18.44 18.44 18.44 18.44 18.44 18.44
ดีเซลพรีเมี่ยม 26.14 26.16 28.14 28.14
แก๊ส NGV 15.31 15.31
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า