สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 03 กันยายน 2562

พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.52%

พาณิชย์ เผยเงินเฟ้อเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 0.52% 2ก.ย.62-  น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือนส.ค.2562 เท่ากับ 102.27 สูงขึ้น 0.52% เมื่อเทียบส.ค.2561 แต่ชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.2562 ที่สูงขึ้น 0.98% โดยปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อในเดือนส.ค.สูงขึ้น มาจากการสูงขึ้นของสินค้าหมวดอาหารเป็นหลัก สูงขึ้น 5.15% ขณะที่กลุ่มพลังงานลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ลดลง 5.16% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานที่หักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.49% และเงินเฟ้อเฉลี่ย 8 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ส.ค.) เพิ่มขึ้น 0.87% 

 

          สำหรับเงินเฟ้อเดือนส.ค.2562 ที่เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 2.63% สินค้าสำคัญที่เพิ่มขึ้น เช่น ผลไม้ เพิ่ม 8.69% ผักสด เพิ่ม 4.99% จากการที่ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย และฐานราคาปีก่อนค่อนข้างต่ำ ข้าวเหนียวและข้าวเจ้า เพิ่ม 7.06% จากปัญหาภัยแล้ง ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย แต่ความต้องการมีมากขึ้น เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ เพิ่ม 3.63% ไข่และผลิตภัณฑ์นม เพิ่ม 1.82% อาหารบริโภคในบ้าน เพิ่ม 0.97% นอกบ้าน เพิ่ม 0.96% เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 0.52% แต่เครื่องประกอบอาหาร ลด 0.90% 
        
          ส่วนสินค้าหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 0.67% จากการลดลงของน้ำมันเชื้อเพลิง 8.15% การขนส่งและการสื่อสาร ลด 2.22% เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า ลด 0.09% การรักษาและบริการส่วนบุคคล ลด 0.03% แต่ค่าโดยสารสาธารณะ เพิ่ม 6.19% เคหสถาน เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน เพิ่ม 0.30% การบันเทิง การอ่านและการศึกษา เพิ่ม 0.79% ยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ เพิ่ม 0.02% 
        
          น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า แนวโน้มเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่า อาจขยับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีปัจจัยหลักมากจากการขยายตัวของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด แต่สินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ค่อนข้างทรงตัวและเปลี่ยนแปลงไม่มาก ขณะที่ราคาพลังงานลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้แรงกดดันต่อเงินเฟ้อลดลง โดยประเมินว่าเงินเฟ้อทั้งปีจะอยู่ในระดับต่ำที่ 0.8-0.9% จากกรอบที่คาดไว้ที่ 0.7-1.3% ทำให้เงินเฟ้อจะขยายตัวต่ำอีกครั้ง โดยเงินเฟ้อทั้งปี 2558 ลบ 0.9% ปี 2559 เพิ่ม 0.19% ปี 2560 เพิ่ม 0.66% และปี 2561 เพิ่ม 1.07%  “หากเปรียบเทียบกับเงินเฟ้อของไทยกับประเทศในอาเซียน เงินเฟ้อไทยค่อนข้างต่ำ ประเทศอื่นสูง 2-3% แต่ไทยต่ำกว่า 1% โดยการที่เงินเฟ้อต่ำเกินไป สะท้อนว่าประชาชนชะลอการจับจ่ายใช้สอบ ไม่ซื้อของ อาจมีผลต่อเศรษฐกิจทรงตัว การที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถือเป็นการเพิ่มเงินในระบบ ขณะที่ราคาพืชเกษตรสูงขึ้น และมีการนำเข้าสินค้าทุนเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ แต่ตอนนี้ยังยืนยันแม้เงิน

ขอบคุณข้อมูลจาก  thaipost.net


หวั่นอสังหาซึมยาว ลุ้นรัฐกระตุ้น บิ๊กเนมลดเป้ายอดขาย-รายได้

หวั่นอสังหาซึมยาว ลุ้นรัฐกระตุ้น บิ๊กเนมลดเป้ายอดขาย-รายได้

 อสังหาฯ ครึ่งปีหลังหนักแน่ ลุ้นรัฐบาลออกมาตรการช่วยกระตุ้นยอดขาย ภายในไตรมาส 4หาไม่ตลาดซึมยาวถึงปี 2563 บริษัทชั้นนำ พฤกษา, แอลพีเอ็น, คิวเฮ้าส์ และแสนสิริ ปรับลดเป้า มูลค่าโครงการใหม่

          ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังต้องลุ้นต่อไป จากปัจจัยลบที่รุมเร้าอยู่ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว นโยบายคุมสินเชื่อบ้านกับมาตรการ LTV ฉุดกำลังซื้อที่อยู่อาศัยอย่างมากตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการต้องออกแรงอย่างมาก เพื่อผลักดันยอดขาย รายได้และกำไรให้เติบโตตามเป้าหมาย

          สะท้อนจากผลประกอบการของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ที่ผ่านมา บริษัทชื่อดังหลายราย ทำยอดขาย รายได้และกำไร เติบโตเพิ่มขึ้นน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่อง
จากทุกบริษัทเน้นระบายสินค้าที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่มากกว่าเปิดขายโครงการใหม่ๆ นอกจากนี้โครงการใหม่ๆที่ออกสู่ตลาดจะเป็นบ้านแนวราบมากกว่าคอนโดมิเนียมที่มีอยู่ล้นตลาด และทุกโครงการจะต้องทำการตลาดอย่างละเอียดรอบคอบ ตรงเข้าเป้าความต้องการของลูกค้า

          ขณะที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้งบกว่า 3 แสนล้านบาท แต่ส่วนใหญ่มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ให้มีเงินจับจ่ายหมุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ล่าสุดช่วยพยุงราคาสินค้าเกษตรหลัก ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นดัชนีเศรษฐกิจสำคัญตัวหนึ่ง กลับไม่มีมาตรการใดๆออกมาช่วยกระตุ้นบ้างเลย ดังนั้นครึ่งปีหลังที่เหลือจึงเป็นโจทย์ท้าทายอย่างมาก

          สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยฯ รายงานว่าหลังประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 สะท้อนยอดขายและรายได้จากการขายที่อ่อนแอในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง บริษัทอสังหาฯ 4 รายมี บมจ. แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเม้นท์(LPN) บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท (PSH) บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) และบมจ.แสนสิริ (SIRI) ปรับลดเป้ามูลค่าโครงการใหม่ ส่งผลให้มูลค่าโครงการใหม่รวมของกลุ่มอสังหาฯ 9 รายในปี 2562ปรับลดลง 12.3% จากเป้าตัวเลขเดิมที่ตั้งไว้ในปีนี้ คือ 321,854 ล้านบาท

          พร้อมกันนี้ยังปรับเป้ายอดขายและรายได้จากการขายในปี 2562 ลง 8.5% และ 3.4% ตามลำดับโดย LPN ปรับลดเป้ายอดขายมากที่สุดถึง 49.1% SIRI 16.7%, LH 12.7%, QH 8.8% ด้านรายได้ LPN ปรับลดลงมากที่สุดถึง 16.7% รองลงมา QH 8.5% และ LH 6.3%

          นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยมองว่า ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมายอดขายคอนโดมิเนียมค่อนข้างเงียบ หากรัฐบาลไม่มีมาตรการกระตุ้นใดๆ ออกมาช่วย ตลาดอาจจะซึมยาวถึงปีหน้า แต่ถ้าช่วงครึ่งปีหลังนี้มีมาตรการกระตุ้น ก็จะช่วยปลุกกำลังซื้อให้มีการเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น โดยต้นปี 2563 จะเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น

          เนื่องจากในปีหน้า พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้ กระทบต่อผู้ซื้อทั้งที่ซื้ออยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า ต้องรับภาระภาษีถ้วนหน้า ขณะที่มาตรการคุมเข้มสินเชื่อบ้านนอกจากLTV แล้วยังมีมาตรการ DSR เพิ่มเข้ามา สำหรับโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ถ้ายังขายไม่หมดหรือไม่ปิดโครงการ เจ้าของโครงการก็ต้องแบกรับภาระดอกเบี้ย

          “ช่วง 2-3 ปีก่อนตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯได้กำลังซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะจีนช่วยพยุง แต่ตอนนี้ผู้ซื้อกลุ่มนี้หันไปซื้อโครงการในเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต และพัทยา ที่ยังให้ผลตอบแทนคุ้มค่า ที่สำคัญบางโครงการเจ้าของการันตีผลตอบแทนให้กับผู้ซื้อ จึงดึงดูดลูกค้าต่างชาติได้ดี”

ขอบคุณข้อมูลจาก terrabkk.com


ทุนระนองรุกคืบ มะริด-ทวาย รับแผนเมียนมาบูมฝั่งทะเลใต้

เอกชนระนองปัดฝุ่นที่ท่าเรือข้างประภาคาร ตั้งเขตฟรีโซนตลาดนัดชายแดนติดปีกค้าเพื่อนบ้าน พร้อมข้ามฟากขยายการลงทุนลึกสู่มะริด-ทวาย หัวเมืองใหญ่ริมฝั่งอันดามัน รับแผนบูมเศรษฐกิจพื้นที่ตอนใต้ของเมียนมา

นายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง รองประธานหอการค้าจังหวัดระนอง  เปิดเผยว่า จากนโยบายการพัฒนาพื้นที่ตอนใต้หลายเมืองของเมียนมา ทำให้เมืองชายทะเลเหล่านี้กำลังเติบโตและมีความต้องการสินค้าและบริการต่างๆ สูงขึ้น จึงเริ่มมองหาโอกาสการค้าการลงทุนในเส้นทางการค้าใหม่ที่จะมีความสำคัญในอนาคต โดยขยายจากเกาะสอง

สู่มะริด ทวาย จนถึงย่างกุ้ง

ขณะนี้มีนักธุรกิจจากระนอง เดินทางเข้าไปลงทุนในเขตเมียนมาตอนใต้ โดยเฉพาะย่านจังหวัดทวาย-มะริด เป็นจำนวนมาก สอดรับกับแผนพัฒนาของทางการ ที่กำลังลงทุนก่อสร้างท่าเรือทวาย รองรับเขตนิคมอุตสาหกรรม ศูนย์กลางการขนส่งสินค้าฝั่งอันดามัน รวมถึงก่อสร้างเส้นทางคมนาคม เชื่อมโยงโครงข่ายโลจิสติกส์เชื่อมทั้งกับไทยและจีน

เมียนมายังมีปัจจัยดึงดูดการลงทุน คือ มีกำลังแรงงานจำนวนมากและราคาถูกกว่าฝั่งไทย รวมถึงทางการเมียนมาผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ ลงเป็นจำนวนมาก ขณะที่ในฝั่งไทยยังมีกฎเกณฑ์กติกาและขั้นตอนการปฏิบัติยืดยาว กฎหมายล้าหลังไม่ทันการเปลี่ยนแปลง เป็นอุปสรรคการลงทุน

นอกจากนี้ภาคเอกชนระนองกำลังเร่งผลักดันโครงการรองรับการขยายตัวของการค้าชายแดน  คือการจัดตั้งเขตค้าขายพิเศษ (ฟรีโซน) หรือตลาดนัดการค้าชายแดน ในรูปแบบตลาดนัดโรงเกลือ ขึ้นที่บริเวณท่าเรือข้างประภาคาร ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของด่านศุลกากรระนอง ตั้งอยู่พื้นที่ ม. 5 ต.ปากนํ้า อ.เมืองระนอง ซึ่งทางจังหวัดมีแผนที่จะผลักดันให้บริเวณดังกล่าวเป็นท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมบรรยากาศการค้าขายตามแนวชายแดนด้านจ.ระนอง-เกาะสอง ทั้งยังเป็นการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ตามยุทธศาสตร์การพัฒนา ที่จะผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมโยงการค้า การลงทุนได้ทั้ง 2 ประเทศ

นายกฤษณะ เอี่ยมวงศ์นที  อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า นักธุรกิจชาวเมียนมา โดยเฉพาะทางพื้นที่ตอนใต้ของประเทศในย่านมะริดและทวาย ต้องการค้าขาย หรือร่วมทำธุรกิจกับนักธุรกิจไทย มากกว่านักธุรกิจจากประเทศอื่น แต่ยังติดปัญหาความหวาดระแวงต่อกัน ซึ่งขจัดได้ด้วยการพบปะพูดคุยกันบ่อยๆ หากทำได้เชื่อว่าการค้าขาย การลงทุนในย่านนี้จะสามารถขยายตัวได้อีกมาก  

ปัจจุบันพบว่าหลายรายได้เข้าไปตั้งฐานในเมียนมา ในรูปแบบการร่วมลงทุนกับเมียนมา อาทิ ประมง, ห้องเย็น, อุตสาหกรรมไม้, แปรรูปสัตว์นํ้า เพาะเลี้ยงสัตว์นํ้า ส่วนที่กำลังจะเข้าไปดำเนินการคือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม เพื่อรับการขยายตัวในเมียนมา 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


พรีเมียร์ฯนั่งถกปรับเวลาปิดตลาดซัมเมอร์ใหม่



เจ้าของสโมสรสมาชิกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เตรียมประชุมเป็นการภายในวันพฤหัสบดีหน้า ( 12 ก.ย.) โดยมีวาระสำคัญคือรูปแบบการปิดตัวของตลาดซัมเมอร์ขาเข้าซีซั่นต่อๆไป จะยึดรูปแบบแล้วเสร็จก่อนแมตช์เดย์ 1 คิก-ออฟ หรือปิดพร้อมตลาดยุโรป?

รายงานจาก ‘เมล ออนไลน์’ ถึงฟีดแบ็คการเปลี่ยนกำหนดเวลาเสริมผู้เล่นช่วงหน้าร้อนของลูกหนังผู้ดีรูปแบบใหม่ที่เริ่มมาตั้งแต่ฤดูกาล 2018-19 จนถึงซีซั่นปัจจุบัน 2019-20 ผ่านมาแล้วสองครั้ง โดยให้ปิดวันพฤหัสบดีสุดท้ายก่อนบอลเขี่ยนัดแรก แต่ตลาดขาออกปิดพร้อมปฏิทินยุโรป  

พบว่าสโมสรสมาชิกมีเสียงติงเกี่ยวกับความเสียเปรียบค่ายลูกหนังยุโรปอื่นๆ ที่ตลาดขาเข้าของพวกเขาเปิดอ้าซ่าต่อมาอีกกว่า 3 สัปดาห์ จึงสามารถดึงนักเตะจากลีกอังกฤษอย่างสนุกมือ ส่งผลต่อโครงสร้างทีม รวมถึงป่วนสมาธิผู้เล่นตลอด 4 แมตช์เดย์ที่ผ่านมา 

เหตุนี้เองจึงมีผจก.ทีมหลายรายทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, ท็อตแน่ม และ เลสเตอร์  บ่นเรื่องให้ปรับเวลาการซื้อ-ขายให้เป็นแบบเดิมคือปิดพร้อมปฏิทินยุโรป 

อนึ่งหากหวังให้เป็นเช่นนั้นในการโหวตขอความเห็นสมาชิก ต้องมีฝ่ายสนับสนุนถึง 11 จาก 20 เสียงจึงสามารถปรับรูปแบบได้อีกครั้ง กรณีว่ามติมองว่าต้องปรับปลี่ยนจริงๆ จะมีการประกาศทางการในเดือนพฤศจิกายน

ขอบคุณข้อมูลจาก thsport.com


แนะเลี่ยงคำ “ทำหมันถาวร” เหตุไม่มีวิธีคุมได้ 100%

แนะเลี่ยงคำ

 หมอสูติฯ แนะไม่ควรใช้คำว่า “ทำหมันถาวร” เหตุไม่มีวิธีใดคุมกำเนิดได้ 100% เผยผลศึกษาพบเกิดท้องหลังทำหมัน ร้อยละ 0.21 ทั้งจากความผิดพลาดผ่าตัด อุปกรณ์ และท่อเชื่อมหลอดมดลูกประสานติดกันเอง ชี้ต้องส่งตรวจยืนยันหลอดมดลูกหลังทำหมัน ช่วยยืนยันทำตามเกณฑ์มาตรฐานแล้ว

               รศ.นพ.ยุทธพงศ์ วีระวัฒนตระกูล ผู้ทรงคุณวุฒิจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ในฐานะอนุกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุขระดับเขตพื้นที่ (อคม.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 7 ขอนแก่น บรรยายพิเศษเรื่องแผนส่งเสริมการดำเนินงานและสร้างการรับรู้ เพื่อลดอัตราการทำหมันแล้วท้องในพื้นที่ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า การตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นภายหลังการทำหมันหญิง พบไม่บ่อย แต่เกิดขึ้นได้ จากการศึกษาพบว่า การทำหมันหลังคลอด มีประสิทธิภาพดีกว่าทำหมันหลังจากที่คลอดแล้วเป็นเวลานาน (หมันแห้ง)  ทั้งนี้ จากรายงานการศึกษาของตนและคณะใน รพ.ศรีนครินทร์ เมื่อปี 2548 โดยติดตามผู้รับการทำหมันหญิงของ รพ.ศรีนครินทร์ ตั้งแต่ปี 2521-2545 เป็นเวลา 25 ปี จำนวน 35,094 ราย พบอัตราการตั้งครรภ์สะสม 74 ราย หรือร้อยละ 0.21 โดยแบ่งเป็นการตั้งครรภ์หลังการทำหมันหลังคลอด ร้อยละ 0.136 และการตั้งครรภ์หลังจากทำหมันแห้ง ร้อยละ 0.723 ส่วนการทำหมันพร้อมผ่าตัดคลอด พบร้อยละ 0.141

               รศ.นพ.ยุทธพงศ์ กล่าวว่า การตั้งครรภ์หลังทำหมันหลังคลอด มีสาเหตุ 2 ปัจจัยหลัก คือ ความผิดพลาดของการผ่าตัด ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อย และการเกิดท่อเชื่อมระหว่างหลอดมดลูกที่ถูกตัดหรือเกิดการเชื่อมกันเองของหลอดมดลูก ส่วนการตั้งครรภ์หลังทำหมันแห้ง มีสาเหตุ 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. ความผิดพลาดของอุปกรณ์ 2. การเกิดท่อเชื่อมระหว่างหลอดมดลูก และ 3. สตรีที่มาทำหมันแห้งอาจตั้งครรภ์ระยะแรกขณะเมื่อมารับการทำหมันแห้ง ในบางรายอาจไม่พบสาเหตุ อย่างไรก็ตาม พบว่าส่วนใหญ่ของความล้มเหลวในการทำหมันไม่สามารถป้องกันได้ 

               “ขอฝากไปยังแพทย์ พยาบาล ว่าการให้คำแนะนำผู้ที่มาคุมกำเนิดหลังคลอดนั้น ไม่ควรใช้คำว่า ทำหมันถาวร เพราะทางการแพทย์ไม่มีวิธีใดคุมกำเนิดได้ 100% แต่ขอให้บอกผู้ที่มาคุมกำเนิดตามวิธีการคุมกำเนิดที่ใช้ เช่น การคุมกำเนิดด้วยการผ่าตัดท่อนำไข่ การกินยาคุมกำเนิด การใส่ห่วงคุมกำเนิด และขอให้มีการยืนยันการส่งตรวจชิ้นเนื้อหรือถ่ายภาพหลอดมดลูกที่มีไหมร้อยแสดงไว้ในเวชระเบียนหลังการทำหมันหญิงทุกครั้ง เพราะหากเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นภายหลัง ก็ถือว่าไม่ใช่ความผิดพลาดของการผ่าตัด แต่เป็นการรักษาที่ได้คุณภาพและมาตรฐานแล้ว หากไม่มีการยืนยันหลอดมดลูก เมื่อมีการร้องเรียนจะเป็นปัญหาเรื่องการรักษาที่ไม่ได้มาตรฐานในภายหลัง” รศ.นพ.ยุทธพงศ์ กล่าว

               รศ.นพ.ยุทธพงศ์ กล่าวว่า สปสช.ได้ออกหนังสือเวียน ที่ สปสช. 4.03 / ว. 1156 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 เรื่องแนวทางการพิจารณาคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีทำหมันแล้วตั้งครรภ์ แบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1.หากมีการยืนยันหลอดมดลูกหลังการทำหมันหญิง ไม่ว่าจะเป็นการส่งตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา หรือการใช้ไหมร้อยชิ้นเนื้อที่ตัดออกเหนือรอยผูกของหลอดมดลูก ว่าเป็นท่อหรือหลอดมดลูก พร้อมกับถ่ายภาพยืนยันในเวชระเบียนหรือบันทึกการผ่าตัด ถือว่าเป็นการทำตามมาตรฐานการผ่าตัด ไม่เข้าเกณฑ์การได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น

               2.หากไม่มีการยืนยันหลอดมดลูกหลังการทำหมันหญิง ให้ถือเป็นเหตุสุดวิสัย เข้าเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ตามมาตรา 41 ซึ่งพื้นที่ สปสช. เขต 7 มีจำนวนผู้ขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น กรณีทำหมันหญิงแล้วตั้งครรภ์แต่ละปีประมาณ 20 – 25 ราย ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เรื่องดังกล่าวนี้มีความเห็นที่แตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยกลุ่มของแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ เห็นว่าเป็นความจริงทางการแพทย์ที่มีอัตราการล้มเหลวได้ทั้งทางทฤษฎี และทางปฏิบัติ ในขณะที่กลุ่มองค์กรคุ้มครองผู้รับการรักษาเห็นว่าวิธีถาวรต้องไม่มีผิดพลาด

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th


  

ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 22,000.00 22,100.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,425.00 21,603.00 22,600.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,282.50 19,442.70 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,140.00 17,282.40 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 641.00 9,717.56 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 499.00 7,564.84 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,477.00 22,391.32 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/09/2562 

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35 27.35
แก๊สโซฮอล์ 91 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08 27.08
แก๊สโซฮอล์ E20 24.34 24.34 24.34 24.34 24.34 24.34 24.34 24.34 24.34
แก๊สโซฮอล์ E85 19.89 19.89 19.89
เบนซิน 95 34.76 35.21 35.26 35.06 35.06
ดีเซล 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79 25.79
ดีเซลพรีเมี่ยม 24.79 24.79
แก๊ส NGV 15.66 15.66
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า