ทำเล-ดีไซน์ ความท้าทาย “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค”
อีกไม่ช้า คนกรุงเทพฯ จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงใหม่ที่จะก่อรูปขึ้นร่างมาเป็น ‘ดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค’ โครงการมิกซ์ยูสที่จะพลิกฟื้นความยิ่งใหญ่ของ CBD ถนนสีลม ล่าสุดบริษัทสถาปนิกดัง A49 เผยพิมพ์เขียว งานออกแบบ ชี้ ทำเล – ดีไซน์ – สะท้อนเอกลักษณ์ คือ ความท้าทายสูงสุด
เมื่อกลุ่มดุสิตธานีและเซ็นทรัลพัฒนา เตรียมเผยโฉมโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คที่มาพร้อมแนวคิด Here for Bangkok โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่บริเวณหัวมุมถนนสีลมตรงข้ามสวนลุมพินี ที่จะเปลี่ยนมุมมองใหม่ของกรุงเทพมหานครในย่านสีลมให้เจิดจ้าและคึกคักมากกว่าเดิม เพราะแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์กำลังจะเกิดขึ้นที่นี่ พิมพ์เขียวของโครงการกำลังบอกเทรนด์การพัฒนาที่ดินและเมืองด้วยความทันสมัยและสะดวกสบาย จึงเป็นที่มาของการเปิดมุมมองของทีมออกแบบชั้นนำหรือ สถาปนิก A49 ว่าด้วยเรื่องของทำเลและการออกแบบงานสถาปัตยกรรมสำหรับโครงการนี้
“หากเคล็ดลับความสำเร็จสำหรับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คือ ทำเล เคล็ดลับความสำเร็จของนักออกแบบและสถาปนิก คือ การออกแบบอาคารให้เข้าคู่กันอย่างเหมาะสมระหว่างดีไซน์กับทำเลที่ต้องอยู่ในระดับการเติบโตและพัฒนาระดับเดียวกัน และเป็นที่ชื่นชมของผู้คนรอบข้าง” นายสมเกียรติ โล่ห์จินดาพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด (A49) กล่าว
เรากำลังพูดถึงดีไซน์พิมพ์เขียวโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์คในเครือดุสิตธานีที่กำลังเดินหน้าปรับที่ดิน 23 ไร่หัวมุมถนนสีลม ฝั่งตรงข้ามสวนลุมพินี ซึ่งบริษัท สถาปนิก 49 จำกัด เป็นผู้ดูแลงานออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งหมดของกลุ่มอาคาร 4 อาคาร 4 ประเภทธุรกิจ ที่มีกำหนดแล้วเสร็จทั้งโครงการในปี 2567
“จุดสำคัญที่คล้ายกันของ CBD ในกรุงเทพฯ ที่เป็นทำเลศักยภาพย่านธุรกิจ จะเป็นทำเลที่มีการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ที และอยู่ตรงหัวมุมถนน คือ ทำเลแยกอโศก-สุขุมวิท และแยกสีลม-พระรามสี่ ตรงนี้ผมถือว่าเป็น Traffic ที่ชี้ให้เห็นศักยภาพการเติบโตและขยายตัวของเมืองและธุรกิจได้ดี แต่ความพิเศษของหัวมุมถนนสีลม ซึ่งเป็นทำเลของดุสิตธานี ยังมีสิ่งที่เรียกว่า Emotion จากมุมมองติดธรรมชาติของสวนลุมพินีซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทำเลพอดิบพอดี ซึ่งเราทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่าไม่มีทำเล CBD ตรงไหนที่มีครบทั้ง Traffic และ Emotion เหมือนสีลม”
“ทำเลหัวมุมถนนสีลม ไม่ว่าในยุคสมัยไหนก็ถือว่าเป็นทำเลระดับไฮเอนด์และลักชัวรี่เสมอ สภาพทำเลเช่นนี้จึงเหมาะสำหรับการสร้างโรงแรมระดับห้าดาว และดุสิตธานีก็เล็งเห็นถึงความสำคัญและกำลังเปลี่ยนตัวเองไปสู่จุดนั้น นี่เป็นเรื่องของความเข้ากันได้ของการพัฒนาเมืองไปข้างหน้าตามเทรนด์ของโลกที่พื้นที่ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจของมหานครใหญ่ทั่วโลกจะก้าวต่อไป เมื่อทำเลพัฒนาตัวเองไปแล้ว นักพัฒนาที่ดิน เจ้าของธุรกิจก็ย่อมเปลี่ยนตัวเองให้สอดรับกัน ไม่เช่นนั้นธุรกิจหรือสิ่งก่อสร้างในที่ดินนั้นจะกลายเป็นสิ่งอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถรองรับการขยายตัวของเมือง และการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจต่อไปได้”
โจทย์ของ A49 จึงเป็นเรื่องของการออกแบบกลุ่มอาคารที่มีพื้นที่ก่อสร้างรวมกว่า 400,000 ตารางเมตรบนสุดยอดทำเลถนนสีลม ความหมายทั้งหมดของคำว่าหรูหรา ทันสมัย โดดเด่น มีระดับ มีเอกลักษณ์ และมีเรื่องราวแต่ยังคงไว้ซึ่งศิลปะวัฒนธรรมอันงดงามจากอดีต ซึ่งจะถูกรวมอยู่ในการปรากฏโฉมของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่จะได้รับการยอมรับและจดจำในระดับสากลในฐานะไอคอนิคแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร ที่จะดึงดูดคนจากทั่วโลกให้ต้องมาเยือน เป็นได้ทั้งจุดหมายสำหรับการท่องเที่ยว และเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับการใช้ชีวิตทั่วไปของผู้คน เช่นเดียวกับที่เราชื่นชมและจดจำโครงการมารีน่า เบย์แซนด์ ของสิงคโปร์ และฮัดสันยาร์ด นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
วิธีคิดงานของสถาปนิกจะมองเรื่องของการใช้งานพื้นที่เป็นหลักใหญ่ แนวคิดการออกแบบมิกซ์ ยูสกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ ก็นำเรื่องการใช้งานมาเป็นตัวปักหมุด เมื่อวางเลย์เอ้าท์กับขนาดที่ดินได้แล้วจึงมาปรับตำแหน่งของแต่ละอาคารไม่ให้บดบังกันเพราะกลุ่มอาคารทั้งหมดจะต้องมองเห็นสวนลุมพินีได้ทุกอาคาร
“สำหรับอาคารโรงแรม เราต้องผสมผสานในเรื่องหลักๆ เข้าด้วยกันคือ การออกแบบในพื้นที่ที่จำกัด โดยทุกห้องพักต้องมองเห็นวิวสวนลุมพินี แม้จะเป็นโรงแรมหรูห้าดาวที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับอาคารสูงอื่นๆ ก็ต้องมีความโดดเด่นเสมือนว่าเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่เป็นตึกเดียว (stand alone) และส่วนสำคัญที่สุดคือการผนวกทุกสิ่งที่เป็นมรดก (heritage) ของดุสิตธานีมาประยุกต์เข้ากับอาคารใหม่ เราจึงต้องมาวิเคราะห์เจาะลึกทุกเรื่อง ทั้งการใช้งาน การออกแบบ รวมไปถึงการหาแรงบันดาลใจมาจากของเดิมเพิ่มเติมให้กลายเป็นของใหม่เข้ากับยุคสมัย”
ในพิมพ์เขียวงานดีไซน์ชุดนี้จะเห็นว่า พื้นที่ทั้งหมดของดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ถูกจัดสรรออกเป็นส่วนจอดรถชั้นใต้ดิน 4 ชั้นและกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ 4 อาคาร 4 ประเภทธุรกิจ ประกอบด้วย โรงแรมดุสิตธานี อาคารสูง 39 ชั้นจากเดิม 23 ชั้น ในภาพลักษณ์ระดับโรงแรมห้าดาว หรูหราและมีความโดดเด่นของตัวอาคารแม้จะอยู่ท่ามกลางกลุ่มอาคารอื่นๆ งานสถาปัตยกรรมถอดแบบเอกลักษณ์พิเศษทุกรายละเอียดอันถือได้ว่าเป็นมรดกทางศิลปะของไทยมาจากดุสิตธานีเดิมที่สะท้อนความเป็นกรุงเทพฯ โดยหลักๆ ยังคงรูปแบบพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม สร้างเป็นยอดแหลมเหนืออาคารไว้เช่นเดิม โครงสร้างสถาปัตยกรรมของโรงแรมดุสิตธานีใหม่ที่ยังคงรับแรงบันดาลใจในแบบเดิมไว้ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนฐานคือ ล็อบบี้ ห้องอาหาร และห้องนภาลัยบอลรูม และส่วนยอดเป็นรูฟ ท็อปบาร์ และยอดเสาแหลมอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมดุสิตธานี ออกแบบในรูปทรงเดิมทุกประการ แต่ขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้มีสัดส่วนเหมาะสมกับอาคารที่ใหญ่กว่าเดิม โดยยอดเสาเดิมจะถูกติดตั้งไว้ภายใน แล้วนำยอดเสาใหม่ครอบลงไป
การออกแบบห้องพักให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดด้วยขนาดห้องที่ใหญ่ขึ้นและทำให้จำนวนห้องพักลดลงจากเดิม 510 ห้อง เหลือเพียงจำนวน 259 ห้อง ขณะเดียวกันก็ต้องมีดีไซน์ทันสมัยทัดเทียมมาตรฐานสากล และด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ตรงข้ามกับสวนลุมพินี จึงเป็นโจทย์ใหญ่ของงานออกแบบที่ต้องจัดเลย์เอ้าท์ให้ห้องพักของโรงแรมทั้งหมด มองเห็นวิวสวนลุมพินี 100% โรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่จึงปักหมุดพื้นที่ด้านหน้าโครงการรับมุมมองสวนลุมพินีได้พอดี
“ในส่วนเรสซิเดนเซส หลักคิดจะมาจากโจทย์ ‘ความเป็นส่วนตัวสูงสุด’ เพราะนี่คือกลุ่มอาคารที่กลุ่มเป้าหมายคือระดับลักชัวรีและไฮเอนด์ ทุกยูนิตต้องมองเห็นวิวสวนลุมพินี การออกแบบรูปแบบอาคารจะเน้นความอยู่สบาย โปร่งโล่ง สัมผัสธรรมชาติ มีวิวสวนลุมฯ ในแต่ละยูนิตจะโปร่ง ไม่มีจุดอับ ซึ่งเราตั้งใจออกแบบให้เลย์เอ้าท์ทุกยูนิตหันหน้าเข้าสวนลุมพินีได้ทั้งหมด และมุมมองในแต่ละห้องในทุกยูนิตไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องนอน ก็สามารถเทควิวธรรมชาติของสวนลุมพินีได้ด้วย
ดุสิต เรสซิเดนเซส เปิดโฉมในรูปแบบดีไซน์อาคารสูง 69 ชั้นรวม 389 ยูนิต ปักหมุดอยู่ในตำแหน่งของโรงแรมดุสิตธานีเดิม และเพื่อตอบโจทย์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูงสุด แบ่งเป็นส่วนพักอาศัยในอาคารเดียวกันเป็น 2 แบรนด์สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสองกลุ่มหลัก คือ ดุสิต เรสซิเดนเซส ที่พักอาศัยระดับลักชัวรี่ขนาดยูนิตเริ่มต้น 120 ตารางเมตร มีล็อบบี้ลิฟท์ส่วนตัวและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ให้ความเป็นส่วนตัวมากที่สุด อีกแบรนด์คือดุสิต พาร์คไซด์ ยูนิตเริ่มต้น 65 ตารางเมตร เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ระดับไฮเอนด์ ต้องการความเป็นส่วนตัวและมีไลฟ์สไตล์
อาคารสำนักงาน (เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส) ความสูง 45 ชั้น ทำเลถนนสีลม ณ จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสและเอ็มอาร์ทีตอบโจทย์ธุรกิจได้ตรงที่สุด
“สำหรับอาคารสำนักงาน ซึ่งเป็นอาคารสูง 45 ชั้น โจทย์การออกแบบคือตำแหน่งที่ตั้งของอาคารจะต้องเชื่อมต่อกับการเดินทางสาธารณะได้ง่าย ซึ่งทำเลหัวมุมถนนสีลมตรงนี้เป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง และรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ทีสถานีสีลม นี่คือทำเลที่สร้างความได้เปรียบด้านการแข่งขันให้ธุรกิจเช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน ดังนั้นสิ่งที่เราทำก็คือ การออกแบบพื้นที่แต่ละชั้นให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด การวางเลย์เอ้าท์ในแต่ละชั้นเน้นฟังก์ชั่นและความทันสมัย และสำคัญที่สุดคือ เกือบทั้งหมดของพื้นที่อาคารสำนักงานยังสามารถชมวิวธรรมชาติของสวนลุมพินีได้ด้วย
ศูนย์การค้า (เซ็นทรัล พาร์ค) ถูกออกแบบให้เป็นอาคารโลว์ไรส์เชื่อมต่อกับอาคารสำนักงาน มีทั้งส่วนที่เป็นศูนย์การค้าชั้นใต้ดินและบนดินเพื่อให้สอดรับกับการออกแบบเส้นทางคมนาคมบริเวณหัวถนนสีลมซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อบีทีเอสและเอ็มอาร์ที
อย่างไรก็ตาม ความเป็นดุสิต เซ็นทรัล พาร์คจะไม่อาจเป็นเซ็นทรัลพาร์คได้สมชื่อหากขาดจุดเด่นสำคัญของการออกแบบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของโครงการ ดีไซน์ในส่วนนี้เรียกว่ารูฟพาร์ค (Roof Park)เป็นสวนสาธารณะลอยฟ้าที่ถูกโอบล้อมด้วยกลุ่มอาคารทั้งสี่ สวนธรรมชาติที่สร้างขึ้นนี้มีขอบเขตพื้นที่รวม 7 ไร่ เริ่มตั้งแต่ระดับอาคารชั้น 4 ของอาคารศูนย์การค้า ไต่ระดับขึ้นไปสู่ชั้น 5 ชั้น 6 และชั้น 7 ซึ่งคาดว่าจะเป็นจุดเด่นสำคัญของโครงการที่แสดงให้เห็นการใช้ประโยชน์ที่ดินสูงสุดเพื่อสาธารณประโยชน์
รูฟพาร์คเกิดจากแนวคิดที่ต้องการเชื่อมต่อมุมมองสวนลุมพินีไล่ขึ้นไปแบบขั้นบันได เมื่อมองมาจากกลุ่มอาคาร จะเสมือนว่ากำลังอยู่บนเนินเขา ขอบเขตธรรมชาติจะมองเห็นการเชื่อมต่อจากรูฟพาร์คสู่สวนลุมพินีโดยไม่มีสิ่งใดบดบังสายตา ในขณะที่หากมองมาจากสวนลุมพินี จะเห็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเสมือนเป็นเนินเขาขนาดเล็กอยู่ท่ามกลางหมู่ตึกสูงใจกลางเมือง
“ตรงนี้คือหัวใจของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เราออกแบบรูฟพาร์คให้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ไม่ว่าใครก็สามารถเข้ามาใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย วิ่ง ขี่จักรยาน หรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมต่างๆ เช่น งานอดิเรก แสดงงานศิลปะ ดนตรี ฯลฯ ตรงนี้จะเป็นการออกแบบพื้นที่สาธารณะที่เอื้อต่อการเกิดรูปแบบไลฟ์สไตล์ใหม่ของคนเมือง” นายสมเกียรติ ให้ความเห็นเพิ่มเติม
อีกไม่ช้า คนกรุงเทพฯ จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงใหม่ที่จะก่อรูปขึ้นร่างมาเป็น ‘ดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค’ โครงการมิกซ์ยูสที่จะพลิกฟื้นความยิ่งใหญ่ของ CBD ถนนสีลม ให้กลับมาเปล่งประกายเจิดจ้าท้าทายสายตาชาวโลกในฐานะเกตเวย์แห่งศูนย์กลางธุรกิจยุคใหม่ของกรุงเทพมหานคร
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
“แสนสิริ” ซุ่ม จ่อพัฒนาโครงการมูลค่าสูงบนถนนสารสิน
“แสนสิริ” เผย กวาดยอดขายตลาดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ประกาศปิดการขายที่สุด 2 แฟล็กชิพไทย “98 Wireless และ บ้านแสนสิริ พัฒนาการ” ดันยอดโอนตามเป้า 3.9 หมื่นลบ. ขณะซุ่มเงียบ ซื้อที่ดิน ถนนสารสินวาละ 3.9 ล้าน จ่อพัฒนาโครงการใหม่ คาดมูลค่าสูงสุด
นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยว่า “แม้ในช่วงเวลาที่ท้าทาย แสนสิริ สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งแก่ตลาดอสังหาฯไทย ปิดการขาย 2 โครงการแฟล็กชิพระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่พร้อมกัน คือ 98 Wireless (ไนน์ตี้เอท ไวร์เลส) และ บ้านแสนสิริ พัฒนาการ รวมมูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท สะท้อนความสำเร็จจาก 4 ปัจจัย ซึ่งแตกต่างจากการพัฒนาโครงการซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ทั่วไป ได้แก่ ความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ ของเรียลดีมานด์กลุ่ม High Net Worth Individuals (HNWI) ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญกว่า 36 ปี ที่พัฒนาโครงการในทุกระดับเซ็กเมนท์ วิสัยทัศน์ภายใต้การพัฒนาโครงการอย่างเข้าใจและลงลึกทุกรายละเอียด (Attention to details) ความประณีตพิถีพิถันในการพัฒนาโครงการที่ดีที่สุด คัดสรรวัสดุคุณภาพทั้งภายในและภายนอกที่ตอบโจทย์รสนิยมการอยู่อาศัยลูกค้าระดับอัลตร้าลักซ์ชัวรี่ ผ่านดีไซน์เวิลด์คลาสที่คลาสสิกเหนือกาลเวลาไม่ว่าเวลาจะผ่านพ้นไป (timeless) และบริการเอ็กซ์คลูซีฟเหนือระดับ
ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แสนสิริ ปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยในกลุ่มเซ็กเมนท์ลักซ์ชัวรี่ไปแล้วทั้งหมด 6 โครงการ รวมมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 23,200 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการภายใต้พอร์ต Sansiri Luxury Collection 3 โครงการ คือ 98 Wireless แฟล็กชิพคอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ บ้านแสนสิริ พัฒนาการ แฟล็กชิพบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ ลักซ์ชัวรี่คอนโดมิเนียมใจกลางย่านทองหล่อ และโครงการลักซ์ชัวรี่แนวราบ ได้แก่ ไทเกอร์ เลน ลักซ์ชัวรี่โฮมออฟฟิศบนที่สุดของทำเลทอง ไพร์มโลเคชั่นตำแหน่งฮวงจุ้ยท้องมังกร ที่หายากใจกลางย่านเสือป่า เยาวราช นาราสิริ บางนา และ นาราสิริ พุทธมณฑล สาย 1
บาทเปิด 31.11 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่า
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.11 บาท/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดนี้ที่ระดับ 31.08 บาท/ดอลลาร์
“ช่วงนี้มีแรงซื้อดอลลาร์จากผู้เล่นต่างชาติ เข้าใจว่าน่าจะเป็นการปรับพอร์ต ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาเมื่อคืนนี้ดีกว่าคาด แต่ตลาดก็ยังกังวลเกี่ยวกับสถานกาณณ์ผู้ติดเชื้อโควิดในยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ…ปัจจัยค่อนข้างผสม”นักบริหารเงิน กล่าว
บอกเป็นนัย “เฮนเดอร์สัน” พูดถึง “เด เคอา” แย้มอนาคตในรัง “แมนยูฯ”
“ดีน เฮนเดอร์สัน” มือกาวอนาคตไกลที่กำลังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมระหว่างย้ายไปเฝ้าเสาให้กับ “เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด” ออกมาพูดถึง “ดาบิด เด เคอา” พร้อมแย้มอนาคตกับ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”
ปัจจุบัน ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูชาวสเปน คือนายทวารมือหนึ่งของยอดทีมสีแดงแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ แต่กระนั้นจากผลงานของเขาที่ตกลงไปในระยะช่วงราวๆ 2 ปี หลังและก่อความผิดพลาดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในฤดูกาลนี้ ทำให้เริ่มมีกระแสเรียกร้องให้ ดีน เฮนเดอร์สัน กลับมาสืบทอดตำแหน่งมือหนึ่งแทน
ล่าสุด ดีน เฮนเดอร์สัน ออกมากล่าวว่า “ผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองชนกับกำแพงเสมอเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น (ย้ายกลับไปที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) บางทีผมอาจจะได้รับโอกาสหรือบางทีผมอาจจะไม่ได้รับโอกาสนั้นทำให้ตอนนี้ผมต้องเลือกหรือพิจารณาในเส้นทางที่แตกต่างกันออกไป เขา (ดาบิด เด เคอา) มีช่วงระยะเวลา 9 ปีที่ยอดเยี่ยมกับสโมสรแห่งนี้ แฟนๆ ต้องจดจำในสิ่งที่เขาทำให้กับทีมตลอดมา เขาเป็นปรากฏการณ์ เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าช่วงหลังเขามีความผิดพลาดให้ได้เห็นแต่ยังไงซะผมก็คิดว่าเขาควรได้รับโอกาสอีกครั้ง ผมเป็นแค่เด็กอ่อนที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์ แต่ผมก็ยังทำงานหนักเหมือนเดิมในทุกๆ วัน ผมเป็นแฟนบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแน่นอนว่าผมต้องการกลับไปเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้ ผมหวังว่าสักวันผมจะมีโอกาสรับใช้ทีมนี้”
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ลดหวาน ลดน้ำตาลลงอีกครึ่ง!!
รองศาตราจารย์ ดร.วินัย ดะห์ลัน ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะลดหวาน ลดความเสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงฟันผุ แชร์ความรู้เรื่อง “ลดหวานลดน้ำตาลลงอีกครึ่ง” ผ่านโซเชียลมีเดีย Dr.Winai Dahlan ดังนี้
รู้ๆ กันอยู่ว่าน้ำตาลก่อปัญหาสารพัดโรค หนักมากอย่างเช่น โรคอ้วน เบาหวาน ฟันผุ และอีกสารพัดโรค รวมทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือด หน่วยงานสุขภาพทั้งหลายรวมทั้งองค์การอนามัยโลก จึงออกมาเตือนว่าอย่าบริโภคน้ำตาลมาก
น้ำตาลที่ไม่แนะนำเน้นไปที่น้ำตาลทราย (Table sugar) และน้ำตาลฟรุคโตสไซรัป (High Fructose Corn Syrup, HFCS) ซึ่งก็คือน้ำตาลทรายชนิดเหลว นอกจากนี้ ยังไม่แนะนำบรรดาน้ำตาลเชิงเดี่ยวไม่ว่าจะเป็นกลูโคส หรือฟรุคโตส หรือน้ำตาลเชิงเดี่ยวชนิดอื่นๆ ใช้เติมในขนม เครื่องดื่มโซดา หรือน้ำอัดลม หรือน้ำหวาน รวมไปถึงน้ำผลไม้ที่มีการเติมน้ำตาล ผลิตภัณฑ์อาหารไม่ว่าจะเป็นเบเกอรี หรือขนมขบเคี้ยว และอีกมากมายหลายอย่าง ในบ้านเราก็อย่างเช่นบรรดาขนมไทยทั้งหลายที่เติมน้ำตาลกันมากกว่าปกติ รวมไปถึงอาหารทั่วๆ ไปที่นิยมเติมน้ำตาลกันจนหวานเกินเหตุ สรุปคือแนะนำไม่ให้บริโภคอาหารหวานมากเกินไปนั่นเอง
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าคนทั่วไปต้องการพลังงานจากอาหารวันละ 1,800-3,000 แคลอรี (หรือที่นิยมเรียกกันในบ้านเราว่ากิโลแคลอรี) พลังงานที่ได้จากคาร์โบไฮเดรตไม่ควรเกินร้อยละ 60 หรือหากร่างกายต้องการพลังงานวันละ 2,000 แคลอรี พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตไม่ควรเกิน 1,200 แคลอรี โดยเป็นพลังงานจากน้ำตาลที่กล่าวถึงข้างต้นไม่ควรเกิน 200 แคลอรี
คิดกันง่ายๆ ในน้ำอัดลมโคล่าหนึ่งกระป๋องขนาด 12 ออนซ์ หรือ 330 ซีซี มีน้ำตาลอยู่ประมาณ 39 กรัมหรือ 140 แคลอรี เมื่อคิดถึงว่าคนเราได้น้ำตาลจากอาหารชนิดอื่นๆ อีก ใครที่ดื่มน้ำอัดลมหนึ่งกระป๋องก็ถือได้ว่าได้พลังงานจากน้ำตาลเกิน 200 แคลอรีไปแล้ว
มาครั้งใหม่นี้โรคอ้วน เบาหวาน ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง นักวิชาการจึงแนะนำว่า ที่ทางองค์การอนามัยโลกเคยแนะนำว่าไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินร้อยละ 10 ของพลังงานที่ต้องการต่อวัน หากเป็นคนไทยร่างกายปกติซึ่งต้องการพลังงานวันละ 2,000 แคลอรี จึงไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินวันละ 100 แคลอรี
น้อยระดับนี้ย่อมหมายความว่า ไม่แนะนำให้ดื่มน้ำอัดลมเกินวันละครึ่งกระป๋อง ดีที่สุดคือไม่ควรดื่มน้ำอัดลมเลย หากทำได้อย่างนั้นจะให้ประโยชน์กับร่างกายหลายประการ สำคัญที่สุดคือ ลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงฟันผุที่เกิดขึ้นเป็นปกติในเด็กและวัยรุ่นส่วนใหญ่
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
นิทานภาษาอังกฤษ เรื่อง ลิงกับอูฐ
เรียนภาษาอังกฤษกับนิทานอีสป 2 ภาษา เรื่อง ลิงกับอูฐ สำหรับนิทานอีสปนะครับ หลายคนเคยได้ยินชื่อว่า “อีสป” เนื้อหานิทานของอีสปส่วนใหญ่แล้วว่าเธอเต็มไปด้วยข้อคิดคติสอนใจนะครับ The […]
เรียนภาษาอังกฤษกับนิทานอีสป 2 ภาษา เรื่อง ลิงกับอูฐ
สำหรับนิทานอีสปนะครับ หลายคนเคยได้ยินชื่อว่า “อีสป” เนื้อหานิทานของอีสปส่วนใหญ่แล้วว่าเธอเต็มไปด้วยข้อคิดคติสอนใจนะครับ
The Monkey and the Camel
The beasts of the forest put on a show at which the monkey stood up and danced. Having entertained the group. He sat down to their cheers. The camel, jealous of the attention the monkey was getting decided to stand up and dance too. His dancing was so bad that the others laughed at him. Then they chased him away.
The Moral
True contentment is not in having it all but being happy with all that you have.
แปลนิทาน 2 ภาษา เรื่อง ลิงกับอูฐ
ณ ป่าแห่งหนึ่ง เหล่าฝูงสัตว์ได้จัดการแสดงขึ้นอยู่อย่างสนุกสนาน เจ้าลิงตัวหนึ่งลุกขึ้นเต้นสร้างความบันเทิงให้กับเหล่าฝูงสัตว์ทั้งหลาย แล้วมันก็กลับไปนั่งลงตรงกลุ่มผู้ชมด้วยความสุข ฝ่ายเจ้าอูฐ เมื่อเห็นลิงได้รับความชื่นชมก็รู้สึกอิจฉา มันจึงตัดสินใจลุกขึ้นเต้นบ้างแต่การเต้นของมันดูแย่มากจนพวกสัตว์ที่เห็นต่างพากันหัวเราะเยาะ แล้วไล่มันออกจากงานไป
สุภาษิตสอนให้รู้ว่า
เราไม่จำเป็นต้องพอใจในทุกๆ สิ่ง แต่จงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก tonamorn.com
ชู “เทคโนโลยีการศึกษา”รับเปิดเทอมยุคนิวนอร์มอล
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศให้สถานศึกษาทุกแห่งของรัฐและเอกชน ทั้งในระบบและนอกระบบ ซึ่งอยู่ในสังกัดและในกำกับของกระทรวงฯ เปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2563 ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยให้มีการเรียนการสอนสอดคล้องกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสืบเนื่องจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลให้สถานศึกษา บรรดาผู้ปกครอง และน้อง ๆ นักเรียนต้องปรับตัวรับเปิดเทอมในยุคฐานวิถีชีวิตใหม่ (นิวนอร์มอล)
“เทคโนโลยีดิจิทัล” พระเอกการศึกษาไทยยุคนิวนอร์มอล
“พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐบาล โดยกระทรวงดิจิทัลฯ เดินหน้าผลักดันให้ทุกภาคส่วนเกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่า การเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เทคโนโลยีดิจิทัลจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการศึกษาในยุคนิวนอร์มอล ทั้งในส่วนของรูปแบบการเรียนการสอน การรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ “ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์” ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า สังกัดกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการปรับแนวทางการเรียนการสอน จึงทำให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างสถานศึกษากับดิจิทัลสตาร์ทอัพ โดยหนึ่งในดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยที่เข้ามามีส่วนในการสนับสนุนระบบ Smart Education & E-learning Platform ให้กับโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครคือ BearCON (บริษัท แบร์คอน คอร์ปอเรชัน จำกัด) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มไอโอที รวมถึงแอพพลิเคชันดูแลสุขภาพและความปลอดภัยนักเรียน ซึ่งเป็นหนึ่งในดิจิทัลสตาร์ทอัพที่ได้รับการสนับสนุนผ่านมาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนเพื่อการเริ่มต้นธุรกิจอุตสาหกรรมดิจิทัล
“การดำเนินโครงการดังกล่าว นอกจากจะเป็นโซลูชันใหม่สำหรับการศึกษาไทยในยุคนิวนอร์มอลแล้ว ยังนับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของไทยมีศักยภาพการเติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่ง ดีป้า ประเมินว่า การส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ โดยความร่วมมือระหว่างเอกชนและรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเพื่อการเกษตร เทคโนโลยีเพื่อการบริการภาครัฐ เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ เทคโนโลยีเพื่อการเงิน เทคโนโลยีเพื่อการท่องเที่ยว และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทย ทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันที่ทำให้อุตสาหกรรมดิจิทัลไทยเติบโต เหมือนประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคที่ได้ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว
ดิจิทัลสตาร์ทอัพร่วมปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน
“ภลลกร พิมพ์สุวรรณ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบร์คอน คอร์ปอเรชัน จำกัด เล่าให้ฟังว่า ช่วงวิกฤตโควิด-19 บริษัทได้ร่วมกับ สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร พัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนการสอนออนไลน์ ในชื่อ “ศูนย์สื่อการเรียนรู้ออนไลน์” (BMA Media) โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเป็นโซลูชันสำหรับการเรียนการสอนภายหลังเปิดเทอมใหม่ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ โดยจะช่วยรองรับการเรียนแบบผสมผสานของนักเรียนที่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาความเหมาะสมจากทางโรงเรียน ทั้งการเรียนในชั้นเรียนปกติและการสลับวันเรียนในยุคนิวนอร์มอลแบบนี้
โดยความก้าวหน้าของโครงการดังกล่าวได้นำร่องใช้งานจริงกับโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเฟสแรกเปิดโอกาสให้โรงเรียนต่าง ๆ เป็นผู้สร้างสรรค์เนื้อหาการเรียนในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ ก่อนส่งให้สำนักการศึกษาเป็นผู้คัดกรอง จากนั้นจะนำเนื้อหาที่ผ่านการคัดกรองแล้วบรรจุเข้าไปในศูนย์สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ เพื่อให้นักเรียนได้ใช้จริงตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป ส่วนเฟสที่สองจะเปิดโอกาสให้ครูประจำชั้นออกแบบตารางเรียนและแบบทดสอบให้กับนักเรียน พร้อมกันนี้จะสามารถบันทึกชั่วโมงการเรียนของนักเรียนได้ ขณะที่แผนการดำเนินงานในเฟสถัดไปจะนำเทคโนโลยีเอไอมาช่วยประเมินผลการเรียนของนักเรียนในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้อีกด้วย
“ศูนย์สื่อการเรียนรู้ออนไลน์จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระบบการเรียนการสอนไทยหลังเปิดภาคเรียนใหม่ รองรับยุคนิวนอร์มอล โดยบริษัทตั้งเป้าให้เกิดการใช้งานจริงกับโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครทั้ง 437 โรงเรียน ซึ่งมีจำนวนนักเรียนมากกว่า 2.8 แสนคน”
นอกจากนี้ BearCON ยังได้ดำเนินโครงการระบบดูแลสุขภาพและความปลอดภัย นำร่องใช้จริงกับ โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเซ็นเซอร์วัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 และ PM10 ก่อนส่งรายงานค่าคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์สู่แอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือของผู้บริหารสถานศึกษา ผู้ปกครอง และนักเรียน การติดตั้งแดชบอร์ดแสดงค่าฝุ่นละออง และเครื่องพ่นละอองน้ำ นาฬิกาติดตามข้อมูลสุขภาพนักเรียนที่จะส่งข้อมูลสุขภาพลงในแอปพลิเคชัน เพื่อให้ผู้ปกครองทราบพัฒนาการสุขภาพของเด็กว่าเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และสะดวกกับครูในการกรอกข้อมูลด้านสุขภาพของนักเรียน พร้อมคำนวณภาวะทุพโภชนาการเองโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะติดตั้งกล้องซีซีทีวีสำหรับตรวจวัดอุณภูมิ และเช็คเวลาเข้าออกของนักเรียนอีกด้วย
สถานศึกษาพร้อมรับบรรยากาศการเรียนวิถีใหม่ 1 ก.ค.นี้
ด้านสถานศึกษาเองก็ไม่รีรอที่จะปรับตัวให้พร้อมรับการเปิดภาคเรียนใหม่ที่กำลังจะมาถึง โดย โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษในพื้นที่สำนักงานเขตบางเขน สังกัดสำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีจำนวนนักเรียนมากกว่า 2,700 ได้เตรียมความพร้อมด้านมาตรการสาธารณสุขต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเครื่องกดเจลแอลกอฮอล์ โต๊ะคัดกรองสำหรับผู้มาติดต่อ และจุดเช็คอินคิวอาร์โค้ดไทยชนะ จุดล้างมือ การรักษาระยะห่างทางสังคม การแจกหน้ากากอนามัย และเฟซชิลด์แก่นักเรียน การจัดตารางเวลาเรียนใหม่ให้มีความเหมาะสม การเพิ่มจำนวนห้องเรียน เนื่องจากการลดจำนวนนักเรียนต่อห้องลง รวมถึงโครงการระบบดูแลสุขภาพและความปลอดภัยที่ดำเนินการร่วมกับ BearCON
“จิราพร ปทุมเทวาภิบาล” ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ กล่าวว่า ภาคการศึกษาใหม่ นักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนจะมาเรียนทุกวัน ส่วนประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 จะต้องสลับวันมาเรียนสัปดาห์ละ 3 วัน ควบคู่กับการเรียนออนไลน์ ซึ่งจุดนี้จะทำให้นักเรียนได้สัมผัสการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับครูผู้สอนที่จะเข้ามามีบทบาทในการผลิตเนื้อหาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ และอาจเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในศูนย์สื่อการเรียนรู้ออนไลน์ ซึ่งวิกฤตการณ์ครั้งนี้ถือเป็นโอกาส และส่งผลให้ทุกคนต้องปรับตัวให้ทันยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
รัฐพร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
“โควิด-19 บีบให้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของประชาชนทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นหากโลกเปิด เราไม่ปรับและไม่ให้โอกาส เราจะไม่สามารถก้าวตามประเทศอื่นได้ทัน ซึ่งการดำเนินการนั้น รัฐบาลจะไม่เป็นผู้คิดเอง ทำเอง หรือทำให้ แต่จะเป็นเพียงผู้สนับสนุน ส่งเสริม และผลักดันให้เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับทุกฝ่าย เพื่อรองรับโลกในยุคนิวนอร์มอล พร้อมขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในที่สุด” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า ให้ความเห็นทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
6 สรรพคุณและประโยชน์ของมามอนซีโย ! (Mamoncillo)
มามอนซีโย
มามอนซีโย หรือ มามันซีโอ ภาษาอังกฤษ Mamoncillo หรือ Mamon, Spanish lime, Genip, Genipe, Guinep, Quenepa
มามอนซีโย มีชื่อวิทยาศาสตร์ Melicoccus bijugatus Jacq. ผลไม้ชนิดนี้จัดเป็นผลไม้ที่อยู่ในวงศ์เดียวกับลิ้นจี่ ลำไย โดยมีถิ่นกำเนิดทางตอนเหนือของอเมริกาใต้
มามอนซีโย เป็นผลไม้เมืองร้อน ซึ่งตามธรรมชาติแล้วผลไม้ชนิดนี้จะมีเฉพาะในเขตร้อนเหนือเส้นศูนย์สูตรและในทวีปอเมริกาเท่านั้น ต้นมามอนซีโย เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีลำต้นสูงได้ถึง 30 เมตร เปลือกเรียบมีสีเทา มีใบยาว 5-8 เซนติเมตร ส่วนดอกมามอนซีโยจะเป็นดอกเล็ก ๆ สีออกเขียวและขาว ดอกมีกลิ่นหอม ที่ดอกมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยู่ภายในดอกเดียวกัน โดยดอกจะบานในช่วงฤดูฝน
ส่วนลักษณะของผลมามอนซีโยจะเป็นทรงกลมรี ผลมีสีเขียว ผลจะสุกงอมในช่วงฤดูร้อน เนื้อในมีสีครีมถึงเหลืองอมส้ม แต่ถ้านำไปคั้นเป็นน้ำผลไม้จะกลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม ในผลมีเมล็ดขนาดใหญ่ ทรงกลมรีเหมือนกับผล สามารถนำเมล็ดไปอบและรับประทานได้เหมือนกับเมล็ดทานตะวัน
สรรพคุณของมามอนซีโย
- ในเวเนซุเอลาใช้เมล็ดนำไปคั่วแล้วบดผสมกับน้ำผึ้งรับประทานเพื่อใช้แก้อาการท้องร่วง
- ใบใช้ปรุงเป็นยาช่วยสมานแผลในลำไส้
- ในปานามามีการใช้ใบมามอนซีโยเพื่อไล่และกำจัดหมัด
ประโยชน์ของมามอนซีโย
- ผลสามารถใช้รับประทานหรือนำไปคั้นเป็นน้ำผลไม้ได้
- เมล็ดสามารถนำไปอบสามารถใช้รับประทานได้
- มามอนซีโยมักนิยมปลูกไว้ตามข้างถนนเพื่อความสวยงาม อีกทั้งยังช่วยป้องกันฝุ่นและเสียงได้ด้วย
คุณค่าทางโภชนาการของมามอนซีโย (เฉพาะส่วนที่กินได้) ต่อ 100 กรัม
- พลังงาน 58.11 – 73 กิโลแคลอรี
- โปรตีน 0.5 – 1.0 กรัม
- ไขมัน 0.08 – 0.2 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 13.5 – 19.2 กรัม
- เส้นใย 0.07-2.60 กรัม
- ธาตุแคลเซียม 3.4- 15 มิลลิกรัม
- ธาตุฟอสฟอรัส 9.8 – 23.9 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 0.47 – 1.19 มิลลิกรัม
- แคโรทีน 0.02 – 0.44 มิลลิกรัม (70 I.U.)
- วิตามินบี 1 0.03 – 0.21 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 2 0.01 – 0.20 มิลลิกรัม
- วิตามินบี 3 0.15 – 0.090 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 0.8 – 10 มิลลิกรัม
- แทนนิน 1.88 กรัม
- ทริปโตเฟน 14 มิลลิกรัม
- ไลซีน 17 มิลลิกรัม
ข้อควรระวัง : เนื่องจากเมล็ดของมามอนซีโยจะมีเยื่อหุ้มและลื่นมาก อาจจะทำให้เผลอกลืนแล้วติดคอ ทำให้หายใจไม่ออกได้ สำหรับเด็กที่จะรับประทานผลไม้ชนิดนี้ ผู้ปกครองควรให้การใส่ใจเป็นพิเศษ
ขอบคุณข้อมูลจาก medthai.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 26,050.00 | 26,150.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,687.00 | 25,574.92 | 26,650.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,518.30 | 23,017.43 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,349.60 | 20,459.94 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 759.00 | 11,506.44 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 590.00 | 8,944.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,748.00 | 26,499.68 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 03/07/2563
![]() ปตท. |
![]() บางจาก |
![]() เชลล์ |
![]() เอสโซ่ |
![]() คาลเท็กซ์ |
![]() ไออาร์พีซี |
![]() พีที |
![]() ซัสโก้ |
![]() เพียว |
![]() ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 | 21.55 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 | 21.28 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 20.04 | 20.04 | 20.04 | 20.04 | 20.04 | – | 20.04 | 20.04 | 20.04 | 20.04 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 17.99 | 17.99 | – | – | – | – | – | – | – | – |
เบนซิน 95 | 28.96 | – | – | – | 29.41 | – | 29.46 | 28.96 | – | 28.96 |
ดีเซล | 22.19 | 22.19 | 22.19 | 22.19 | 22.19 | 22.19 | 22.19 | 22.19 | 22.19 | 22.19 |
ดีเซล B10 | 19.19 | 19.19 | 19.19 | 19.19 | 19.19 | 19.19 | 19.19 | 19.19 | 19.19 | 19.19 |
ดีเซล B20 | 18.94 | 18.94 | 18.94 | 18.94 | 18.94 | – | 18.94 | 18.94 | – | 18.94 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 26.64 | 26.66 | 28.64 | 28.64 | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.31 | 15.31 | – | – | – | – | – | – | – | – |