ฟ้องทอท.150 ล้าน ลุ้นทางหลวงคุมที่
เซ็นทรัล วิลเลจ เดินหน้าฟ้องทอท. ทั้งศาลปกครอง-แพ่ง เบื้องต้นเรียกค่าเสียหายกว่า 150 ล้านบาท จับตารองปลัดคมนาคมเรียก 4 หน่วยงานหาข้อสรุป ด้าน “กรมทางหลวง” เชื่อได้รับมอบอำนาจให้อนุญาตเชื่อมทาง
คำสั่งศาลปกครองกลางให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. รื้อถอนสิ่งกีดขวางใดๆ ออกไปจากเขตทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 บริเวณทางเข้า-ออกหน้าโครงการเซ็นทรัลวิลเลจ
ลักชัวรี เอาต์เลต และยุติการดำเนินการใดๆ อันเป็นการขัดขวาง รบกวน หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการใช้ประโยชน์ใดๆ ของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น และบริษัท ซีพีเอ็น วิลเลจ จำกัด และการดำเนินการของหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
มติดังกล่าวทำให้ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ลักชัวรี เอาต์เลตมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท สามารถเปิดให้บริการในวันที่ 31 สิงหาคมได้ตามกำหนดการที่วางไว้ แต่ปมปัญหาก็ยังไม่ยุติ ทั้งข้อสรุปของผู้มีอำนาจในการอนุญาตเชื่อมทางเข้าออก รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากข้อพิพาทครั้งนี้
ฟ้องค่าเสียหาย150 ล้าน
นายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น ผู้บริหารลักชัวรี เอาต์เลต “เซ็นทรัล วิลเลจ” เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของศาลที่จะเรียกไต่สวน หลังจากที่บริษัทได้ยื่นฟ้องเรียกศาลปกครองกลางเรียกค่าเสียหายจำนวนกว่า 150 ล้านบาทต่อบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. หลังจากที่ทอท. นำเต็นท์ปิดขวางทางเข้า-ออก หน้าโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ อันเป็นการขัดขวาง รบกวน หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินการ และหากประเมินความเสียหายก็จะฟ้องร้องเพิ่มอีก
“ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของศาล จริงๆ เราไม่อยากทำอะไรเลย แต่ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นจึงได้แต่หวังว่า ศาลจะช่วยคุ้มครองเรา การฟ้องร้องครั้งนี้เพราะเป็นการละเมิด ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ความล่าช้า อย่างไรก็ดี การเปิดให้บริการที่ผ่านมา ไม่ได้เน้นจัดงานเฉลิมฉลองเพราะรูปแบบที่เป็นเอาต์เลต แตกต่างจากศูนย์การค้าทั่วไป จึงไม่ต้องจัดงานใหญ่โต”
เมืองไทยพร้อมมีเอาต์เลต
นายทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า ที่ดินผืนนี้ซื้อมาเมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งการพัฒนาเอาต์เลตเป็นแผนที่เซ็นทรัลคิดจะทำนานมากแล้ว เพราะเมืองไทยยังไม่มี แต่เอาต์เลตร้านค้าก็ต้องดีระดับหนึ่ง มีจำนวนสาขา เพื่อให้มีของเพียงพอที่จะนำมาขายในเอาต์เลต ส่วนจะไปขยายที่ไหน ภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก ก็ต้องอยู่ใกล้ธรรมชาติดีที่สุด ต้องอยู่นอกเมือง เอาต์เลตในต่างประเทศก็อยู่ใกล้สนามบิน ทั้งที่อเมริกา ญี่ปุ่น ก็เช่นกัน
แม้ปมร้อนระหว่างบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)หรือ ซีพีเอ็น กับบริษัท การท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จะลดอุณหภูมิลง หลังศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครอง โครงการเซ็นทรัลวิเลจโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรี่ เอาต์เลต เปิดให้บริการได้ตามกำหนด เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา แต่ปัญหายังไม่ยุติเพียงแค่นี้ เนื่องจาก ยังติดปัญหาการเชื่อมทางเข้าออกระหว่าง พื้นที่ห้าง กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 370 ซึ่งก่อนหน้านี้ซีพีเอ็น ได้ยื่นขออนุญาตเชื่อมทางกับกรมทางหลวงและได้รับอนุมัติในเวลาต่อมา ขณะทอท. ยืนยันว่าไหล่ทางที่ซีพีเอ็นขอเชื่อมทาง เป็นที่ดินของกรมธนารักษ์ เขตพื้นที่ที่ทอท.รับบริหารพื้นที่ ส่วนกรมทางหลวงเป็นหน่วยงานที่ กรมท่าอากาศยานมอบให้ก่อสร้างทางเท่านั้น
สำหรับทางออก นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบหมายให้นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคมเชิญ 4 หน่วยงาน ที่มีอำนาจอนุญาตเชื่อมทางหลวง 370 ร่วมหารือ ได้แก่ กรมธนารักษ์ ทอท. กรมท่าอากาศยานและกรมทางหลวงอย่างไรก็ตามหากบทสรุปเป็น
กรมทางหลวงมีอำนาจอนุมัติเชื่อมทางจะส่งผลให้ซีพีเอ็นไม่ต้องเริ่มต้นขออนุญาตใหม่
แหล่งข่าวจากกรมทางหลวงระบุว่าทางออกที่น่าจะสมเหตุสมผล เชื่อว่ากรมทางหลวงจะได้รับ มอบอำนาจ จากเจ้าของพื้นที่ให้ อนุญาตเชื่อมทาง เพราะกรมเป็นผู้ก่อสร้างและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นทางหลวงแผ่นดินตามกฎหมายทางหลวงพ.ศ.2535
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ตลาดไม่นิ่ง… ซัพพลายใหม่ ชี้เป็นหรือตาย
คอลัมน์ผ่ามุมคิด
นายพนม กาญจนเทียมเท่า ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด ฉายภาพตลาดคอนโดมิเนียมไทย พบครึ่งปีซัพพลายหดตัวแล้ว 25% แต่มองไม่วิกฤติ หลังระดับราคาสัญญาณยังเป็นบวก ระบุ โครงการเก่ายอดขาย 70% ยิ้มได้ไม่น่าวิตก ขณะที่ จับตาครึ่งปีหลัง หวั่นจำนวนซัพพลายใหม่ทะลัก เหตุเจ้าใหญ่รออั้น แนะเปิดใหม่ ต้องเลือก โลเกชัน-ราคา-โปรดักต์-ซัพพลายในพื้นที่ ป้องกันขายออกยาก
สรุปครึ่งปีแรก
ตลาดคอนโดฯ หลัก กทม.-ปริมณฑลตั้งแต่ปี 2553 ถึง ปัจจุบัน มีซัพพลายใหม่เข้าตลาดเฉลี่ยประมาณ 5-6 หมื่นหน่วยต่อปี ยอดขายเฉลี่ย 84% ขณะที่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนซัพพลายเกิดใหม่ทั้งสิ้นประมาณ 3.32 หมื่นหน่วย ลดลงประมาณ 25% จากปีที่แล้วที่ 4.35 หมื่นหน่วย ด้านดีมานด์ (ดูดซับ) อยู่ในระดับ 76.1% หรือประมาณ 2.52 หมื่นหน่วย เหตุเพราะลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนหายไปจากตลาดประมาณ 70% จากค่าเงินหยวนอ่อนค่า บวกกับภาวะเศรษฐกิจโลกอ่อนไหว และระดับหนี้ครัวเรือนสูง เป็นปัจจัยกดดันด้านกำลังซื้อ แต่ไม่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากระดับราคาโครงการเปิดใหม่ในตลาดนั้น ยังไม่มีภาพเชิงลบเกิดขึ้น ราคาไม่มีตก และแนวโน้มยังเป็นบวกโดยเฉพาะ ย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ ซีบีดี
จับตาอนาคตตลาด
แม้ยอมรับภาพใหญ่ แนวโน้มตลาดไม่ดีนัก แต่ประเมินว่าโครงการที่มีการเปิดขายก่อน หน้าในช่วง 2 ปีที่แล้ว และอยู่ระหว่างการก่อสร้างนั้น ไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ โดยเฉพาะโครงการใดที่ปัจจุบันมียอดขายเกินกว่า 70% แล้วนั้น ถือว่า “ผ่านจุดอันตรายไปแล้ว” เพราะอย่างน้อยไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุน แต่อย่างไรก็ตาม กังวลจำนวนซัพพลายใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากช่วง 2 ไตรมาสแรกผู้ประกอบการต่างชะลอเปิดโครงการใหม่ สะท้อนจากยอดขายของเจ้าใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ลดลง บางส่วนอั้น เพื่อรอดูสถานการณ์ก่อน คาดจะมาโหมเปิดกันมากในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นดัชนีชี้วัดความเป็นอยู่ของตลาด
“วันนี้ยังไม่ชัดเจนว่าซัพพลายใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับเจ้าใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ(ตลท.) 20 ราย จะเปิดโครงการใหม่อีกมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะบ่งบอกถึงอนาคตตลาดในช่วงปีหน้าด้วย”
พนม กาญจนเทียมเท่า
ของใหม่ต้องดีจริง
นายพนม ระบุต่อว่า ด้วยความจำเป็นของผู้ประกอบการรายใหญ่ซึ่งอยู่ในตลท. มีความท้าทายเรื่องราคาหุ้นเป็นตัวบีบบังคับ ให้ต้องมียอดขายจากโครงการเปิดใหม่ ซึ่งต่างจากรายกลาง-เล็ก ในตลาด ที่เลวร้ายสุดคือสถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้ แต่ไม่จำเป็นต้องมีการเติบโต คาดคงมีการเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ไม่น้อยในช่วงหลังจากนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะเศรษฐกิจในประเทศขณะนี้ชะลอตัว คาดจีดีพีโตไม่เกิน 2-3% ส่งผลต่อกำลังซื้อ จึงต้องระมัดระวังในการเปิดใหม่ แม้ที่ผ่านมาเห็นการปรับตัวที่ดีจากผู้ประกอบการ โดยมีการวิเคราะห์ทำเล ชะลอขยายเฟสใหม่ และเลือกเปิดเฉพาะในบางทำเล หรือหันไปแตะเซ็กเมนต์ใหม่ๆ แต่ครึ่งปีหลังก็ยังไม่น่าไว้วางใจ จำเป็นต้องศึกษา ทำเล เทรนด์ของดีมานด์ และซัพพลายให้แม่น
“โลเกชันไม่ดี ราคาไม่ได้ โปรดักต์ไม่เป็นที่ต้องการ และอยู่ในทำเลซัพพลายล้น อันนี้เป็นปัญหาแน่นอน อาจขายได้ยาก ส่วนการบุกเซ็กเมนต์อื่น ทำออฟฟิศ โรงแรม แนวโน้มดี อยู่ที่ใครขยับได้เร็วช้ากว่ากัน”
ส่องสุขุมวิทตอนปลาย
ทั้งนี้ ทำเลคอนโดฯที่มีความเป็นไปได้ เช่น ช่วงสุขุมวิทตอนปลาย พบยังมีโอกาสจากกลุ่มผู้ซื้ออยู่อาศัยเอง และกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการเก็บเป็นสินทรัพย์ หลังปัจจุบันราคาขายอยู่ในระดับจับต้องได้ และมีแนวโน้มการปรับขึ้นในอนาคตจากการเติบโตของเมือง และอานิสงส์ของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายแบริ่ง-สมทุรปราการ โดยเฉพาะย่านสำโรง แหล่งชุมชนหนาแน่น และเป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สำโรง-ลาดพร้าว พบยังมีช่องว่างของตลาด หลังช่วงครึ่งแรกปี 2562 ตลาดเส้นทางมีซัพพลายใหม่ เกิดขึ้นเพียง 639 หน่วย รวมซัพพลายสะสมประมาณ 1.9 หมื่นหน่วย ดูดซับดี 76%
ขณะที่ราคาปรับขึ้นทุกปีเฉลี่ีย 6.4% เฉลี่ย 8.2 หมื่นบาทต่อตารางเมตร โดยโครงการที่โดดเด่นและมีขนาดใหญ่เป็นที่สนใจของตลาด คือ “เดอะ เมโทรโพลิส สำโรง” โดยผู้พัฒนา กลุ่มว่องไววิทย์ จำนวน 1,721 หน่วย มูลค่าโครงการ 5.7 พันล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
กสิกรไทยพักชำระหนี้ลูกค้าโดนพายุโพดุล
กสิกรไทยส่งมาตรการด่วน! ช่วยพี่น้องชาวไทยฝ่าวิกฤตพายุโพดุล
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า จากเหตุการณ์พายุโซนร้อนโพดุลที่พัดถล่มและสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนหลายจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงพายุดีเปรสชันคาจิกิที่คาดว่าจะกระทบพี่น้องประชาชนอีกระลอก ส่งผลให้ลูกค้าของธนาคารในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มุกดาหาร พิจิตร อุบลราชธานี และพิษณุโลก ได้รับผลกระทบและความเสียหายเป็นจำนวนมาก ธนาคารจึงออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารที่อาศัย หรือดำเนินธุรกิจอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว รวมไปถึงคู่ค้าของลูกค้าธนาคารด้วย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้สามารถฟื้นตัวได้เร็วและดำเนินธุรกิจต่อไปได้
มาตรการการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ ประกอบด้วย มาตรการช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจ คือ การพักชำระเงินต้นนานสูงสุด 6 เดือน และธนาคารพร้อมสนับสนุนวงเงินเพื่อซ่อมแซมสถานประกอบการ หรือฟื้นฟูกิจการ โดยพักชำระเงินต้นนานสูงสุด 6 เดือน ระยะเวลากู้สูงสุด 5 ปี
เกร็ดความรู้ ระดับความรุนแรงของพายุ
วันนี้ทีนเอ็มไทยมีเกร็ดความรู้ ระดับความรุนแรงของพายุมาฝากกันคะ โดยการจัดระบบความรุนแรงของพายุนี้พัฒนาขึ้นในปี 1969 โดยเฮอร์เบิร์ต แซฟไฟร์ วิศวกรโยธา และบ็อบ ซิมป์สัน ผู้อำนวยการศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ โดยแบ่งเป็น 5 ระดับด้วยกัน และระดับ 5 คือระดับสูงที่สุดด้วย
เกร็ดความรู้
ระดับความรุนแรงของพายุ
การจัดระดับเฮอร์ริเคนตามความรุนแรงของแรงลมที่ก่อให้เกิดพายุ หรือที่เราเรียกว่า “Saffir-Simpson Hurricane Scale” การจัดระดับดังกล่าวถูกใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินความเสียหายและอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคนเมื่อพัดขึ้นสู่ชายฝั่ง โดยการจัดระดับนี้จะใช้กับเฮอร์ริเคนที่ก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแอตแลนติกและทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกเท่านั้น
- ระดับความรุนแรงของพายุ ระดับ F1
ความเร็วลม 119-153 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของคลื่น 1.2-1.5 เมตร ความกดอากาศ 980 มิลลิบาร์ อานุภาพในการทำลายล้าง เล็กน้อยไม่ส่งผลต่อสิ่งก่อสร้าง มีน้ำท่วมบ้างตามชายฝั่ง ท่าเรือเสียหายเล็กน้อย
- ระดับความรุนแรงของพายุ ระดับ F2
ความเร็วลม 154-177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของคลื่น 1.8-2.4 เมตร ความกดอากาศ 965-979 มิลลิบาร์ อานุภาพในการทำลายล้าง น้อย หลังคา ประตู หน้าต่างบ้านเรือนมีเสียหายบ้าง ก่อให้เกิดน้ำท่วมทำลายท่าเรือ จนถึงอาจทำให้สมอเรือที่ไม่ได้ป้องกันไว้หลุดหรือขาดได้
- ระดับความรุนแรงของพายุ ระดับ F3
ความเร็วลม 178-209 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของคลื่น 2.7-3.7 เมตร ความกดอากาศ 945-964 มิลลิบาร์ อานุภาพในการทำลายล้าง ปานกลาง ทำลายโครงสร้างที่อยู่อาศัยขนาดเล็กได้บ้าง โทรศัพท์บ้านถูกตัดขาด แผงป้องกันพายุตามบ้านเรือนได้รับความเสียหาย อาจเกิดน้ำท่วมขังเข้ามาถึงพื้นดินส่วนใน
- ระดับความรุนแรงของพายุ ระดับ F4
ความเร็วลม 210-249 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของคลื่น 4.0-5.5 เมตร ความกดอากาศ 944-920 มิลลิบาร์ อานุภาพในการทำลายล้าง สูง แผงป้องกันพายุเสียหายหนักยิ่งขึ้น หลังคาบ้านเรือนบางแห่งถูกทำลาย น้ำท่วมเข้ามาถึงพื้นดินส่วนใน
- ระดับความรุนแรงของพายุ ระดับ F5
ความเร็วลม ไม่น้อยกว่า 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของคลื่นไม่น้อยกว่า 5.5 เมตร ความกดอากาศ น้อยกว่า 920 มิลลิบาร์อานุภาพในการทำลายล้าง สูง หลังคาบ้านเรือนและโรงงานอุตสาหกรรมถูกทำลาย ตึกรามบางแห่งอาจถูกพัดถล่ม เกิดน้ำท่วมขังปริมาณมากถึงขั้นทำลายข้าวของในชั้นล่างของบ้านเรือนใกล้ชายฝั่ง และอาจต้องมีการประกาศให้ประชาชนในพื้นที่ทำการอพยพโดยด่วน
เพิ่มเติมเกร็ดความรู้ ระดับความรุนแรงของพายุ
- พายุดีเปรสชั่นเขตร้อน (Tropical depression)
ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางไม่ถึง 34 นอต หรือ 63 กม./ชม. มีลักษณะลมกรรโชกแรงเป็นครั้งคราว ซึ่งมีกำลังไม่แรงพอที่จะทำลายบ้านเรือนได้ ทำให้เกิดฝนตกในประเทศได้มาก แต่ถ้ามีพายุดีเปรสชั่นมากๆ ก็จะทำให้เกิดน้ำท่วมได้
- พายุโซนร้อน (Tropical storm)
ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 34 นอต หรือ 63 กม./ชม. ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 63 นอต หรือ 118 กม./ชม. มีกำลังแรงพอที่จะทำลายบ้านเรือนที่มีโครงสร้างไม่แข็งแรงได้ รวมทั้งทำให้กิ่งไม้หักโค่น และทำให้เกิดน้ำท่วมได้ ฝนที่ตกอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนอาจทำให้เกิดน้ำป่าและแผ่นดินถล่มได้
- พายุไต้ฝุ่น (Typhoon)
ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางตั้งแต่ 64 นอต หรือ 118 กม./ชม. ขึ้นไป มีความรุนแรงมากที่สุด สามารถทำให้เกิดความเสียหายเช่นเดียวกับพายุโซนร้อนแต่มีความรุนแรงมากกว่า อาจทำให้เสาไฟฟ้าหักโค่น เกิดไฟฟ้าช็อตหรือเพลิงไหม้ได้ ในทะเลมีคลื่นลมแรงจัดมากเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ โดยเฉพาะเรือเล็ก และอาจมีคลื่นใหญ่ซัดชายฝั่ง ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมากจนท่วมอาคารบ้านเรือนริมทะเลได้
ส่วนการจำแนกระดับของ พายุทอร์นาโด จะยึดตาม Fujita scale ซึ่งกำหนดให้พายุในแต่ละระดับมีความแรงแบ่งออกเป็นรายระดับตามกำลังทำลายและความเร็วลม โดยแบ่งเป็น F0 – F5 โดย F0 เป็นทอร์นาโดที่อ่อนกำลังสุด และ F5 เป็นทอร์นาโดที่กำลังแรงสุด
- พายุ F0 ความเร็วลม 64-116 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- พายุ F1 ความเร็วลม 117-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- พายุ F2 ความเร็วลม 181-253 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- พายุ F3 ความเร็วลม 254-332 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- พายุ F4 ความเร็วลม 333-418 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- พายุ F5 ความเร็วลม 419-512 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com
บูรณาการสหวิชา รักษาฟื้นฟู ผู้ป่วยด้วยแผนไทย
ปัจจุบันมีการบูรณการสหวิชาชีพแพทย์แผนไทย หรือแพทย์ทางเลือก กับแพทย์แผนปัจจุบันที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน (รพร.) สว่างแดนดิน โรงพยาบาลทั่วไป ขนาด 320 เตียง ถือเป็น 1 ใน 26 ต้นแบบหน่วยบริการแพทย์แผนไทย ซึ่งสามารถรวมการทำงานของทั้ง 2 ศาสตร์ได้อย่างสมบูรณ์
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน มีฐานะเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด 320 เตียง เปิดให้บริการแพทย์แผนไทยมาตั้งแต่ปี 2547 ให้บริการตรวจผู้ป่วยนอกคู่ขนานในปี 2554 และคลินิกเฉพาะโรคเพื่อดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม ภูมิแพ้ อัมพฤกษ์-อัมพาต และสะเก็ดเงิน ในปี 2556 ถือเป็น 1 ใน 26 หน่วยบริการต้นแบบการบริการแพทย์แผนไทย โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ (สปสช.)
นพ.วิโรจน์ วิโรจนวัธน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการให้บริการแพทย์แผนไทยเพราะอยากให้ประชาชนเข้าถึงแพทย์แผนไทยและพึ่งพาตนเองได้นอกเหนือจากการพึ่งยาจากตะวันตก จึงเริ่มมีการ “ตรวจผู้ป่วยนอกคู่ขนาน”ให้แพทย์แผนไทยตรวจคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน โดยไม่ทำให้คนไข้รู้สึกไม่ปลอดภัย สำหรับผู้ป่วยนอกคู่ขนาน ให้การรักษาทั้งหมด 17 กลุ่มโรค ระยะแรกใช้ยาเดี่ยวๆ คล้ายแพทย์แผนปัจจุบัน 40 รายการ เพื่อให้ง่ายต่อการอยู่ในระบบ หลังจากนั้นจึงพัฒนาเป็น “ยาปรุงเฉพาะราย” มีตัวยาทั้งหมด 120 ชนิด และนำยาเหล่านี้มาผสมเฉพาะตัวคนไข้
ศาสตร์ของแพทย์แผนไทย ผู้ป่วยแต่ละคนรักษาไม่เหมือนกัน แนวทางการปฏิบัติ คือการแยกโรคที่รุนแรงออกไปให้แพทย์แผนปัจจุบันดูแลเท่านั้น เช่น ปวดหัว ต้องไม่ใช่ความดันโลหิตสูง ภาวะแรงดันในสมองสูง จึงจะส่งไปที่แพทย์แผนไทย และสุดท้ายอยู่ที่ตัวคนไข้ว่าต้องการรับการรักษาแบบใดเนื่องจากเหตุผลในเชิงจริยธรรมจึงต้องใช้การรักษาที่ได้มาตรฐานและบูรณาควบคู่กันไป
นอกจากนี้โรงพยาบาลยังขยายบริการออกไปในส่วนของชุมชน โดยการออกหน่วยเพื่อให้แพทย์แผนไทยเป็นที่รู้จักในชุมชน และทำความรู้จักกับแพทย์พื้นบ้าน เพราะมีตำรับยาดีๆ อยู่ในชุมชนอีกมากที่ยังไม่ได้รับการเผยแพร่ การออกหน่วยทำให้ค้นพบสิ่งเหล่านี้และแปรตำรับยาต่างๆ ของพื้นบ้านเป็นสมบัติของสกลนครได้
บูรณาการแผนไทย,เวชศาสตร์ฟื้นฟู สำหรับคลินิกเฉพาะโรค 4 คลินิก ได้แก่ ข้อเข่า เสื่อม อัมพฤกษ์-อัมพาต ภูมิแพ้ และสะเก็ดเงิน ส่วนใหญ่คนไข้เข้ามารักษาในกลุ่มอัมพฤกษ์-อัมพาต โดยเฉพาะการบริการดูแลผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤติ Inter mediate care: IMC โรคหลอดเลือดสมอง ในแง่ของการฟื้นฟู โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่าง “แพทย์แผนไทย” และ “เวชศาสตร์ฟื้นฟู” จากการทดลองมา 1 ปี พบว่าคนไข้พึงพอใจ ดัชนีการดูแลตัวเองดีขึ้น
นพ.พิชิต แร่ถ่าย แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน กล่าวว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งต้องได้รับการฟื้นฟู 4-14 วัน ก่อนกลับไปดูแลต่อที่บ้าน หากคนไข้ไม่ได้รับการฟื้นฟูที่ดีอาจพิการถาวรจนไม่สามารถกลับมาปกติได้ ดังนั้นคนไข้ต้องได้รับการฟื้นฟูแบบเต็มรูปแบบเพื่อไม่ให้กลับไปเป็นภาระของญาติ โดยการทำงานแบบบูรณาการสหวิชา แบ่งบทบาทหน้าที่ คือ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ประเมินภาวะของชีพจร การให้ยา การกลืน การรับรู้ และฝังเข็ม ส่วนพยาบาลดูแลทางการช่วยเหลือ ตัวเองในชีวิตประจำวัน
“นักกายภาพบำบัดจะดูแลเรื่องการฝึกเดิน เคลื่อนย้ายตัวเองโดยรถเข็นหรือไม้ค้ำยัน ถัดมา คือแพทย์แผนไทยใช้ศาสตร์ตามแบบฉบับแผนไทย คือประคบสมุนไพร นวดกดจุด ผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นให้คนไข้ฟื้นฟูที่ดีขึ้น ซึ่งจะวางโปรแกรมว่าแพทย์แผนไทยจะต้องมาวันเว้นวัน พบนักกายภาพบำบัด 2 วัน จิตเวช 1 วันเพื่อประเมินภาวะซึมเศร้าและพบนักโภชนาการ”
ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 14.00 น. จะมีการวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ระหว่างแพทย์แผนปัจจุบัน เวชศาสตร์ฟื้นฟู แพทย์แผนไทยและครอบครัวคนไข้ เกี่ยวกับแนวทางการรักษาเพื่อให้มีการเข้าใจตรงกัน พร้อมนัดติดตามอาการและออกเยี่ยมบ้าน โดยมี ระบบการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลส่งเสริม สุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทั้ง 21 แห่ง ทั่วทั้งอำเภอสว่างแดนดิน โดยให้แพทย์แผนไทยทำงานร่วมกับ อสม. ติดตามอาการ
นายเที่ยง แร่ทอง อายุ 67 ปี อดีตหมอสู่ขวัญ ชาวบ้านหมู่ 4 ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนครหนึ่งในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ ซึ่งได้รับการ บำบัดมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี 3 เดือน เล่าว่า หลังจากที่ตรวจพบว่าเป็นเส้นเลือดสมองตีบเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา เดินไม่ได้ ปากเบี้ยว ต้องนอนรักษาตัว ในโรงพยาบาล 3 คืน และกลับมารักษาตัว ที่บ้าน หลังจากกลับมาอยู่ที่บ้าน มี อสม. มาช่วยฟื้นฟูสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ฝึกกายภาพบำบัด รวมถึงใช้ศาสตร์ของแพทย์แผนไทย ได้แก่ นวด ประคบยา และรับประทานยาต้ม จนปัจจุบันสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อีกครั้ง
รศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ รองประธานคณะทำงานพัฒนาประเภทและขอบเขต บริการสาธารณสุขด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สปสช. กล่าวว่า การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเป็นหนึ่งในทางเลือกด้านสุขภาพของประชาชน เพื่อสนับสนุนและพัฒนาต่อยอดการแพทย์แผนไทย ภายใต้พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ในมาตรา 3 ได้กำหนดให้บริการการแพทย์และสาธารณสุข ให้รวมถึงบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
โดย 12 ปี ของการดำเนินงาน “กองทุนชดเชยค่าบริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก” ได้ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เครือข่ายวิชาชีพแพทย์แผนไทยและหน่วยบริการที่ร่วมจัดบริการการแพทย์แผนไทย ได้ก่อให้เกิดนวัตกรรมการบริการและการพัฒนายาสมุนไพรที่หลากหลาย ปัจจุบันมียาสมุนไพรและยาแผนไทยที่บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ 74 รายการ ขณะที่หน่วยบริการมีการจัดตั้งคลินิกแพทย์แผนไทยเพื่อให้บริการเฉพาะ โดยในปี 2562 มีหน่วยบริการต้นแบบบริการแพทย์แผนไทยซึ่งเป็นหน่วยบริการ ปฐมภูมิ 397 แห่ง
ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th
จับตา 10 เทคโนโลยีพลิกเศรษฐกิจไทย
สวทช. เผย 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง (10 Technologies to Watch) พร้อมเชื่อมโยงงานวิจัยและหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ สู่ภาคธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “นวัตกรรม 360 องศา เพื่อความยั่งยืน (360 ํ Innovation X Sustainability)” พร้อมต่อยอดงานวิจัยสู่การสร้างนวัตกรรมพร้อมขายในเชิงพาณิชย์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า สำหรับการบรรยายเรื่อง 10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง ในปีนี้นับเป็นครั้งที่ 10 แล้ว ซึ่ง 10 เทคโนโลยี ที่สวทช. เลือกมานี้เป็นการคาดการณ์เทคโนโลยีที่จะมีผลกระทบได้อย่างชัดเจนใน 5 – 10 ปีข้างหน้า และขณะนี้บางเทคโนโลยีอาจใกล้จะเป็นผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ ๆ ได้แล้ว บางชนิดอาจจะยังเป็นต้นแบบหรือการทดสอบเบื้องต้น แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งผลกระทบกับชีวิตและธุรกิจในอนาคตอันใกล้นี้
ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า เริ่มจากเทคโนโลยีใกล้ตัวที่สุดลำดับที่ 1. เครือข่ายมือถือ 5G/6G (Mobile Network 5G/6G) โทรศัพท์มือถือ (Mobile Phone) กลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของหลายคนไปแล้ว ระบบ 4G ที่ใช้กันในปัจจุบันก็สามารถทำความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 3G อีกราว 50 เท่า และสำหรับ 5G จะมีการรับส่งข้อมูลสูงสุดเพิ่มขึ้นไปอีก 20 เท่าจาก 4G แต่ที่พิเศษคือใช้การได้แม้แต่ขณะที่เคลื่อนที่เร็วถึง 500 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถส่งข้อมูลต่อพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 100 เท่า ดังนั้น 5G จะเป็นแพลตฟอร์ม (Platform) ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีอื่น ๆ เข้าไว้ด้วยกัน เช่น AI, Big Data, Cloud และ IoT เป็นต้น ทำให้สามารถรองรับระบบรถยนต์ไร้คนขับ เกิดบริการรูปแบบใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้มากมาย เช่น การขายโดยใช้ AR/VR ช่วยการเชื่อมต่อยานพาหนะเข้ากับระบบควบคุมการจราจรได้ การให้บริการปรึกษาทางการแพทย์ทางไกล หรือแม้แต่ผ่าตัดทางไกลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
2. การคำนวณและวิศวกรรมควอนตัม (Quantum Computing & Engineering)
ทศวรรษหน้า โลกจะสามารถรองรับข้อมูลข่าวสารที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับโจทย์ปัญหาต่าง ๆ ที่ละเอียดและยากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องการหน่วยประมวลผลที่ดีขึ้น เทคโนโลยีควอนตัม จะเข้ามามีบทบาททำให้ภาพที่เราจินตนาการไว้เกิดขึ้นได้จริง เช่น คอมพิวเตอร์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้นหลายพันเท่าสามารถถอดรหัสดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตที่ยาวมากเป็นพัน ๆ ล้านหน่วย สามารถสร้างแบบจำลองเพื่อค้นหายาใหม่ ๆ ที่ใช้ได้อย่างแม่นยำกับผู้ป่วย ใช้ตรวจวินิจฉัยโรคในการแพทย์ได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องรอผลแล็บหลายวัน รวมถึงยังมีการสร้างอุปกรณ์ไฮเทคอื่น ๆ เช่น ชิปสำหรับนาฬิกาอะตอม (Atomic Clock) ใช้เทียบค่าเวลาสากลที่มีความแม่นยำมาก ถึงระดับนาโนวินาที (nano-second) รองรับการซื้อขายในระบบธนาคาร หรือคำสั่งซื้อในตลาดหลักทรัพย์ที่มีปริมาณถึง 100 ล้านคำสั่งต่อวินาทีได้
3. เอไอแห่งอนาคต (Future AI)
ระบบปัญญาประดิษฐ์แห่งอนาคตหรือ Future Artificial Intelligence จะมีส่วนที่เป็นหัวใจหรือสมองของระบบได้แก่ เทคโนโลยีการเรียนรู้ของเครื่อง หรือ Machine Learning ด้วย เครือข่ายประสาทเทียม ที่เรียกว่า Deep Neural Network ซึ่งสร้างโดยเลียนแบบเครือข่ายเซลล์ประสาทในสมองของมนุษย์ ความสามารถของ AI ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ระบบไซเบอร์–ฟิสิคัล (Cyber-Physical System) ที่ส่งผ่านข้อมูลระหว่างโลกอินเทอร์เน็ตกับโลกจริงทางกายภาพมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับ AI ประมวลผลและสั่งการควบคุมการขับรถได้ในเวลาเสี้ยววินาทีด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่มากขึ้น แต่อาจจะทำให้คนขับรถจำนวนมากต้องตกงาน โดยบริษัท McKinsey ประเมินว่าในปี ค.ศ. 2030 ระบบแบบนี้จะทำให้ตำแหน่งงานหายไป 400 – 800 ล้านตำแหน่ง แม้จะทำให้เกิดงานใหม่ ๆ ขึ้นมาพอๆ กัน แต่จะเป็นทักษะที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
4. การเดินทางแบบไร้รอยต่อ (Mobility–as–a–Service, MaaS)
ในมหานครที่การจราจรซับซ้อนการให้บริการนำผู้โดยสารไปยังที่หมายอย่างสะดวกสบายที่สุด ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่าเป็น Mobility–as–a–Service หรือ แมส (Maas) มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดของเทคโนโลยีนี้ในปัจจุบัน ตัวอย่างผู้ให้บริการแมสรายใหญ่ 2 รายคือ อูเบอร์ (Uber) ของสหรัฐฯ กับ ตี๊ตี๊ (DiDi) ของจีน ข้อมูลปี พ.ศ. 2560 ระบุว่ามูลค่าของบริษัทตี๊ตี๊อยู่ที่ราว 56,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่อูเบอร์มากกว่าคือ 62,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่น่าสนใจคือ ตี๊ตี๊ เป็นบริษัทที่โตอย่างก้าวกระโดดจากการเทคโอเวอร์บริษัทอูเบอร์ในจีน เมื่อปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบัน นอกจากการนำผู้โดยสารไปยังที่หมายแล้วยังบริการส่งของต่าง ๆ อย่างบริการ GrabFood และ Line Man ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้สถาบันวิจัย BIS Research ประเมินว่าอนาคตอันใกล้ ตลาดของแมสกำลังเติบโตด้วยความเร่ง โดยปัจจัยสำคัญคือ ความสามารถในการสร้างแพลตฟอร์มการให้บริการยานพาหนะ และความสามารถในการให้บริการแบบ On Demand รวมถึงการสนับสนุนอย่างเหมาะสมโดยภาครัฐ
5. เซลล์แสงอาทิตย์เพอรอฟสไกต์ (Perovskite Solar Cell)
เซลล์แสงอาทิตย์แบบเพอรอฟสไกต์ มีโครงสร้างผลึกคล้ายแร่แคลเซียมไทเทเนียมออกไซด์ (CaTiO3) หรือแร่เพอรอฟสไกต์ ที่ดูดซับแสงและเปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ดี ยังสามารถขึ้นรูปได้ในลักษณะสารละลายคล้ายกับน้ำหมึกพิมพ์ เพื่อนำไปพิมพ์บนแผ่นฟิล์มหรือพื้นผิวต่าง ๆ โดยมีต้นทุนการผลิตต่ำ คือ 30 – 50% ของเซลล์แสงอาทิตย์แบบซิลิคอน
มีการประเมินว่าในอีก 5 – 6 ปีข้างหน้าตลาดของเซลล์แสงอาทิตย์น่าจะเติบโตไปได้จนถึง 1.4 แสนล้านเหรียญ และด้วยข้อดีของเซลล์แบบนี้ที่มีน้ำหนักเบาและโค้งงอได้ไม่เสียหาย ปัจจุบันจึงมีภาคเอกชนจากสหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และจีน ตั้งเป้าผลิตเซลล์แสงอาทิตย์เพอรอฟสไกท์ออกขายในปีหน้า สำหรับประเทศไทยนักวิจัย สวทช. พัฒนาทั้งส่วนที่เป็นโครงสร้างวัสดุในการส่งผ่านอิเล็กตรอน สารเคลือบผิวชนิดกันน้ำและสะท้อนความร้อน รวมทั้งพัฒนากระบวนการเคลือบฟิล์มบางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเสถียรภาพของเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดนี้
6. แบตเตอรี่ลิเทียมยุคหน้า (Next Generation Lithium Ion Batteries)
ในปี พ.ศ. 2561 มูลค่าตลาดของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ อยู่ที่ 36,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตปีละ 13% และจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด แม้จะยังไม่มีแบตเตอรี่ที่มีคุณสมบัติครบทุกอย่าง แต่ก็มีแบตเตอรี่ที่น่าสนใจหลายแบบ เช่น แบตเตอรี่แบบ Solid–state Lithium Ion ที่จุพลังงานได้มากขึ้นเป็น 2 เท่า และมีความปลอดภัยมากขึ้น แบตเตอรี่ลิเทียม–ซัลเฟอร์ (Lithium-sulfur) ที่คน หันมาสนใจกัน เพราะจุพลังงานได้มากกว่าแบบลิเทียมไออน 2 – 4 เท่า แต่ราคาถูกกว่า ตัวอย่างบริษัทที่พัฒนาเทคโนโลยีนี้ เช่น Oxis Energy และ Sion Power นอกจากนี้ยังมีแบเตอรี่ลิเทียม–แอร์ (Lithium-air) จุพลังงานมากขึ้นถึง 10 – 100 เท่า ทั้งนี้ เอ็มเทค สวทช. มีงานวิจัยด้านวัสดุใหม่ ๆ และการออกแบบขึ้นรูปเซลล์ในแบตเตอรี่แบบ Solid-state Lithium Ion และ Lithium-air โดยเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มอายุการใช้งาน และลดราคาต้นทุน
7. โครงเสริมภายนอกกาย (Exoskeleton)
คงจะดีไม่น้อย ถ้าคนพิการที่เดินไม่ได้กลับมาเดินได้อีกครั้ง คนดูแลผู้ป่วยตัวเล็ก ๆ สามารถยกเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่น้ำหนักมากที่นอนติดเตียงได้อย่างสบาย ๆ ไม่ปวดหลัง เทคโนโลยีนี้เรียกว่า Exoskeleton หรือโครงเสริมภายนอกกาย เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้มนุษย์มีพละกำลังเสริม และยังป้องกันอันตรายบางอย่างต่อร่างกายได้ ซึ่งมีการนำ Exoskeleton ใช้ช่วยเพิ่มความสามารถทำภารกิจต่าง ๆ ใช้ในทางทหาร ใช้กู้ภัย ใช้ช่วยเรื่องฝึกฝนและสร้างสมรรถภาพของนักกีฬาได้ และในทางการแพทย์ก็ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของผู้ป่วย ยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการหรือผู้สูงอายุโดยทั่วไปได้อีกด้วย ตัวอย่างที่ใช้งานแล้วในระดับอุตสาหกรรม เช่น ชุด EskoVest ของ Esko Bionics ในโรงงานประกอบรถยนต์ของ Ford ทั่วโลก ชุด Chairless chair ของ Noonee ที่เป็นอุปกรณ์สวมใส่ติดอยู่บริเวณเอว ขา และเท้าของผู้ใช้สามารถกางออกเป็นเก้าอี้ได้ ซึ่งใช้งานแล้วมากกว่า 350 ชิ้น
8. ไฟเบอร์สารพัดประโยชน์จากจุลินทรีย์ (Microbial Multifunctional Fiber)
มีจุลินทรีย์หลายชนิดที่สามารถสร้างเซลลูโลส แต่เซลลูโลสในจุลินทรีย์ต่างจากเซลลูโลสในพืชตรงที่ สามารถทำออกมาให้บริสุทธิ์ได้ง่ายกว่า แข็งแรงกว่า ขึ้นรูปได้ง่ายและยังอุ้มน้ำได้ดีด้วย ตัวอย่างจุลินทรีย์ที่ผลิตเซลลูโลสได้ ได้แก่ พวก Acetobacter และ Agrobacteria
โดยเซลลูโลสที่จุลินทรีย์เหล่านี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ได้หลายรูปแบบ ทั้งเป็นสารตั้งต้นทำอาหาร เช่น เติมในวุ้นมะพร้าว เต้าหู ไอศกรีม หรือโปรตีนเกษตร ในทางการแพทย์สามารถเปลี่ยนน้ำตาล Mannitol ได้ เมื่อผ่านกระบวนการอีก 2 – 3 ขั้นตอนจะเกิดเป็นไบโอฟิล์ม (biofilm) ที่เหมาะทำเป็นผลิตภัณฑ์ปิดแผล หรือผิวหนังเทียม (artificial Skin) นักวิจัยจาก ETH Zurich University พัฒนาเทคนิคการพิมพ์ 3 มิติ โดยใช้จุลินทรีย์ที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นองค์ประกอบนำมาผลิตนาโนฟิลเตอร์ ใช้กรองสารพิษได้ ส่วนในด้านอุตสาหกรรม บริษัท Nanollose ในออสเตรเลีย ตั้งต้นของเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมและการเกษตรนำไฟเบอร์ที่ได้มาผลิตเป็นเสื้อผ้าหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดยไม่ต้องตัดพืช ซึ่งต้องอาศัยความรู้สาขาใหม่ด้านชีววิทยาการสังเคราะห์ ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในทศวรรษที่ผ่านมา
9. กายจำลองทดสอบยา (Companion Diagnostics)
ในปี พ.ศ. 2558 สวทช. เคยกล่าวถึงเทคโนโลยีการเพาะกลุ่มเซลล์สมองที่เรียกว่า Brain Organoid ที่มีขนาดและรูปร่างคล้ายกับสมองของตัวอ่อนในครรภ์อายุ 5 สัปดาห์ มีขนาดเท่าก้อนยางลบดินสอ และส่งถ่ายกระแสประสาทได้จริง จึงใช้เป็นโมเดลในการทดลองต่าง ๆ แก้ปัญหาจริยธรรมเรื่องการใช้มนุษย์ทดลองยาโดยตรง
ไม่เพียงแต่สมองจิ๋ว ยังมีอวัยวะอื่น ๆ อีกหลายอย่างก็เพาะเลี้ยงได้เช่นกัน เรียกรวม ๆ ว่าเป็น ออร์แกนอยด์ (Organoid) ที่แปลว่า “อวัยวะเล็ก ๆ” ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ตรวจวิเคราะห์ทดสอบที่สำคัญได้ เช่น ตรวจความเป็นพิษ และศึกษาปฏิสัมพันธ์ของเซลล์กับสารออกฤทธิ์
ความก้าวหน้าครั้งใหญ่เกิดขึ้นจากระบบที่เป็นแพลตฟอร์มเชื่อมต่อออแกนอยด์ของอวัยวะต่าง ๆ เข้าด้วยกันผ่านระบบของเหลว จนได้ผลลัพธ์คล้ายเป็นร่างกายเทียมขนาดจิ๋ว หรือเป็น “กายจำลอง” ที่นำมาใช้ทดสอบยาได้ จุดเด่นของระบบแบบนี้คือ สามารถออกแบบให้ใช้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคนได้ จึงเป็นการแพทย์เฉพาะบุคคล (personalized medicine) แบบหนึ่ง ระบบนี้เรียกรวม ๆ ว่าเป็น Companion Diagnostics หรือ “กายจำลองทดสอบยา” ทำให้การทดสอบยากับเซลล์เพาะเลี้ยงแต่ละชนิดเป็นเรื่องล้าสมัย เพราะสามารถเลียนแบบการตอบสนองของร่างกายจริง ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งการบีบตัวของเซลล์หัวใจ การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของเซลล์กระดูก การส่งถ่ายและกำจัดสารต่าง ๆ ออกจากเซลล์ไต รวมไปถึงการเผาผลาญทำลายสารต่าง ๆ ในเซลล์ตับ เป็นต้น
10. วัคซีนมะเร็งเฉพาะบุคคล (Personalized Cancer Vaccine)
การรักษาโรคมะเร็ง โดยการฉายรังสี การใช้ยาเคมีบำบัด เป็นการรักษาแบบเหมารวม ไม่จำเพาะกับบุคคล แต่ละคนจึงตอบสนองกับยาหรือรังสีแตกต่างกันไป นอกจากนี้มักเกิดอาการข้างเคียงรุนแรง และบางครั้งผู้ป่วยที่หายแล้ว ก็อาจเป็นมะเร็งเดิมได้อีก
วงการวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงมีความพยายามที่จะทำวัคซีนหรือยาสำหรับโรคมะเร็งแบบเฉพาะบุคคลขึ้น โดยมีวิธีการคือ เริ่มจากนำเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งของผู้ป่วยออกมา “อ่านรหัสดีเอ็นเอ” จากนั้น เปรียบเทียบรหัสในตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อหาว่ามีตำแหน่งใดที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยเฉพาะตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีน จากนั้นใช้ซอฟต์แวร์ทางชีวสารสนเทศ หรือ bioinformatics มาจัดลำดับความสำคัญของส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นจุดตั้งต้นในการนำมาสร้างเป็นวัคซีนชนิดพิเศษ เรียกว่า นีโอแอนติเจนวัคซีน (Neoantigen Vaccine) ซึ่งอาจจะเป็นสาย RNA หรือ DNA ก็ได้
จากนั้นจะฉีดวัคซีนดังกล่าวเข้าไปในร่างกายผู้ป่วย โดยอาจจะใส่เข้าไปแบบนั้น หรืออาจห่อหุ้มด้วยสารพอลิเมอร์ หรือ ไลโปโซม (Liposome) ซึ่งวัคซีนจะไปกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้จดจำเซลล์มะเร็งได้ ก่อนเริ่มการค้นหาและทำลายเซลล์มะเร็งอย่างจำเพาะ โดยไม่ยุ่งกับเซลล์ปกติ
ในปี พ.ศ. 2559 บริษัท BioNTech ของเยอรมนี ร่วมมือกับบริษัท Genetech ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัทยายักษ์ใหญ่ Roche เริ่มวิจัยความเป็นไปได้ที่จะสร้างวัคซีนมะเร็งแบบเฉพาะบุคคล และในปีต่อมาก็เริ่มทดสอบ ในผู้ป่วย 560 คน ที่เป็นมะเร็งแบบต่าง ๆ มากกว่า 10 ชนิด ซึ่งยังอยู่ระหว่างรอสรุปผลการวิจัย
ในเมืองไทยมีกลุ่มวิจัยที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับวัคซีนรักษามะเร็งเฉพาะบุคคล เช่น กลุ่มวิจัยนีโอแอนติเจนและวัคซีนต่อมะเร็ง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย ดร.วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ และทีม โดยได้ศึกษาการสร้างวัคซีนจากผู้ป่วย 25 ราย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาและพัฒนาวัคซีนให้มีประสิทธิภาพสูง เพื่อจะนำไปทดลองใช้กับผู้ป่วย หากได้ผลดีจะเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในการรักษาโรคมะเร็งที่ไม่จำเป็นต้องตายเสมอไป
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 21,950.00 | 22,050.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,422.00 | 21,557.52 | 22,550.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,279.80 | 19,401.77 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,137.60 | 17,246.02 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 640.00 | 9,702.40 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 498.00 | 7,549.68 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,474.00 | 22,345.84 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 06/09/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 26.95 | 26.95 | 26.95 | 26.95 | 26.95 | 26.95 | 26.95 | 26.95 | 26.95 | 26.95 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.68 | 26.68 | 26.68 | 26.68 | 26.68 | 26.68 | 26.68 | 26.68 | 26.68 | 26.68 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 23.94 | 23.94 | 23.94 | 23.94 | 23.94 | – | 23.94 | 23.94 | 23.94 | 23.94 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.69 | 19.69 | – | – | – | – | – | 19.69 | – | – |
เบนซิน 95 | 34.36 | – | – | – | 34.81 | – | 34.86 | 34.66 | – | 34.66 |
ดีเซล | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 | 25.39 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 24.39 | 24.39 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.66 | 15.66 | – | – | – | – | – | – | – | – |