สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 07 พฤษภาคม 2562

คอนโดหรู 20 ล้านขึ้น ไม่กลัวติดดอย

คอลัมน์พร๊อพเพอร์ตีโฟกัส

ปัจจุบันคอนโดมิเนียมในระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปต่อยูนิต กระจายตัวอยู่ในโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างการขายทั่วกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่พัฒนาอยู่ในพื้นที่ CBD เช่น พื้นที่สุขุมวิท ราชดำริ หลังสวน สีลม สาทร และริมแม่นํ้าเจ้าพระยา

ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล รายงานปัจจุบันมีโครงการอยู่ระหว่างขายทั้งสิ้น 47 โครงการ จำนวน 3,429 ยูนิต ซึ่งสามารถขายไปแล้วประมาณ 2,377 ยูนิต หรือคิดเป็น 69% ของอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมด เหลือขายประมาณ 1,052 ยูนิต หรือคิดเป็น 31% โดยอัตราการดูดซับของตลาดอาคารชุดรวมทุกประเภท 4.9% โดยที่ประเภท 1 ห้องนอน มีอัตราการดูดซับมากที่สุด คือ 8.7%

จากอุปทานที่อยู่ระหว่างการขายทั้งหมดประมาณ 47 โครงการ พบว่าผู้ประกอบการพัฒนาเป็นประเภท 2 ห้องนอน มากที่สุดจำนวน 2,180 ยูนิต หรือคิดเป็น 63.6% รองลงมาเป็นประเภท 3 ห้องนอนขึ้นไป 1,161 ยูนิต หรือคิดเป็น 33.9% และรูปแบบ 1 ห้องนอนที่ประมาณ 88 ยูนิต หรือประมาณ 2.5% และจากการสำรวจพบว่า 1 ห้องนอนสามารถขายได้มากที่สุดที่ประมาณ 88.6% หรือประมาณ 78 ยูนิต รองลงมาคือ ประเภท 3 ห้องนอนขึ้นไป พบว่าขายไปแล้วประมาณ 821 ยูนิต หรือคิดเป็น 70.7% และประเภท 2 ห้องนอน สามารถขายไปแล้วประมาณ 1,478 ยูนิต หรือคิดเป็น 67.8%

ทั้งนี้ ปี 2562 ผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงสนใจและพัฒนาคอนโดมิเนียมในระดับราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ตลาดไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ และยังมีกำลังซื้อของเศรษฐีต่างชาติที่ยังคงสนใจในอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับบนในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องนั่นเอง 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


‘เอพี’ พลิกเกมต่าง… เร่งเปิด เพิ่มเวลาขาย

ท่ามกลางตลาดอสังหาฯไทยชะลอเติบโต บีบหลายบริษัทปรับตัว พลิกแผนธุรกิจไปจากเดิม ตั้งแต่ลดจำนวนการลงทุนใหม่ การขยายพอร์ตไปยังตลาดแนวราบ และนิยมสุด คือ การโฟกัสหากลุ่มลูกค้าซื้ออยู่จริงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหมือนกันทุกบริษัท คงเป็นการชะลอเปิดโครงการใหม่ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี เพื่อรอดูผลกระทบจากมาตรการแอลทีวี ก่อนรุกหนักช่วงครึ่งปีหลัง แต่สำหรับบริษัทท็อปฟอร์มอย่าง “เอพี ไทยแลนด์” ด้วยยอดขายสูงสุดมากกว่า 4 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา กลับมองต่าง โดยนายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและสร้างสรรค์ ระบุ กลยุทธ์หลักสำหรับเกมปีนี้ คือ การรุกเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มเวลาขายให้ยาวนานขึ้น และยอดขายตลอดไตรมาสแรกที่ผ่านมาทะลุ 1.2 หมื่นล้านบาท สะท้อนว่า “เรามาถูกทาง”

Q1 คว้ายอดขาย 30%

บริษัทมียอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 รวม 12,585 ล้านบาท สัดส่วนจากคอนโดฯและแนวราบใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ เพราะนับเป็นสัดส่วนถึง 30% จากเป้ารวมทั้งปีที่วางไว้ กว่า 4.1 หมื่นล้านบาท มาจากกลยุทธ์การเร่งทยอยเปิดโครงการใหม่จำนวน 8 โครงการในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มูลค่า 1.32 หมื่นล้านบาทและมีแผนรุกอีก 13 โครงการในไตรมาส 2 (เม.ย-มิ.ย) มูลค่า เกือบอีก 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมทั้ง 2 ไตรมาสจะทำให้ บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วเกินครึ่งจากเป้าหมายทั้งหมดของปี 2562 ที่ 39 โครงการ มูลค่ากว่า 5.6 ล้านบาท

วิทการ จันทวิมล

เร่งเปิดเอื้อการขาย

นายวิทการ กล่าวว่า ทั้งนี้การเร่งเปิดโครงการใหม่สวนทางตลาดนั้น เพื่อให้ทีมขายได้มีเวลาขาย หรือ ระบายสต๊อกได้นานขึ้น ผ่านแผนการตลาดกระตุ้นการซื้อ ด้วยโปรโมชัน กลยุทธ์แตกต่างกันในแต่ละโครงการซึ่งจะทยอยออกมาหลังจากนี้ ต่างจากในอดีตที่จะเก็บไว้ไปเปิดในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เป็นหลัก ด้วยความเชื่อ บ้านหรือที่อยู่อาศัยยังคงเป็นที่ต้องการอยู่ ทำให้ต้องเร่งหาซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาให้เร็วที่สุด ซึ่งตลอดทั้งปีวางไว้ที่ 9.5 พันล้านบาท

“ถ้าดูยอดพรีเซลรวมทั้งแนวราบและแนวสูง เราโตขึ้น 32% โดยการเปิดตัวโครงการเป็นตัวช่วยสำคัญ ยิ่งมีเวลาขายเยอะ ยิ่งทำให้ยอดสูงขึ้น”

เจาะเซ็กเมนต์บน

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ นอกจากการเร่งเปิดโครงการใหม่ให้เร็วขึ้นแล้ว มองว่า การเลือกหาทำเล และเจาะระดับราคาที่ตลาดสนใจต้องคำนึงถึงด้วย หลังจากล่าสุดบริษัทเพิ่งเปิดโครงการใหม่ “The Address สยาม-ราชเทวี” มูลค่า 8.8 พันล้านบาท ระดับราคา 2 แสนบาทต่อตร.ม. เป็นการกลับมาของแบรนด์ The Address ในรอบ 8 ปี เพื่อรองรับความต้องการลูกค้ากลุ่มบน ที่ส่วนใหญ่ซื้อด้วยเงินสด และคีย์หลักของลูกค้ากลุ่มนี้ คือ การมองหามูลค่าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และจาก 9 โครงการของแบรนด์ดังกล่าว ก็สะท้อนว่า มีอัตราการเติบโตของราคาที่ดิน เฉลี่ย 40% ซึ่งมูลค่านั้นจะมาควบคู่กับทำเลที่มีศักยภาพสูง เช่น ติดแนวรถไฟฟ้าในย่านซีบีดี

“ภาพรวมตลาดบน สถานีสยาม-อนุสาวรีย์ฯ ย้อนหลัง 5 ปี มี 13 โครงการ ตั้งแต่ 1.5-3 แสนบาท/ตร.ม. ยอดขายออกดีแทบทุกโครงการ สะท้อนว่าดีมานด์กลุ่มซูเปอร์ลักชัวรีมีแนวโน้มการเติบโตในตลาดดีต่อเนื่อง”

ตั้งรับ LTV

ยอมรับว่าตลอดช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมายอดขายลดลง แต่คงไม่ฟันธงว่ามาจาก LTV ทั้งหมด เพราะเกี่ยวเนื่องกับวันหยุดหลายช่วงด้วย คาดอีก 1 เดือน จะเห็นภาพผลกระทบชัดเจนว่าลูกค้าติดขัดเรื่องใด อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนรองรับระยะยาวแล้ว โดยขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้หลายแนวทาง หวังช่วยเหลือลูกค้า เช่น การออกสินเชื่อส่วนบุคคล สนับสนุนเงินดาวน์ แต่ต้องไม่มีผลต่อความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า ขณะเดียวกัน เร่งให้ความรู้แก่ลูกค้าเพื่อเตรียมตัวก่อนโอน และพูดคุยกับธนาคารในการช่วยจัดวินัยการออมให้กับลูกค้า ส่วนกรณีรัฐบาลประกาศกระตุ้นภาคอสังหาฯ ด้วยมาตรการทางภาษี เห็นด้วย เพราะเป็นหนึ่งในแนวทางช่วยเหลือลูกค้า และเคยพิสูจน์มาแล้วในอดีตว่ามีผลดีต่อตลาด 

ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com


เก็บภาษีสรรพากรวูบหนัก พิษเศรษฐกิจตกแรง

เก็บภาษีสรรพากรวูบหนัก พิษเศรษฐกิจตกแรง

เศรษฐกิจตกแรงกว่าที่คิด กระทบการเก็บภาษีกรมสรรพากรวูบ ภาษีแวตลดคนไม่ใช้จ่าย อากรแสตมป์หายนักลงทุนไม่ลงทุน
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า การเก็บภาษีเดือนมี.ค. 2562 ซึ่งเป็นเดือนที่ 6 ของปีงบประมาณ 2562 ต่ำกว่าเป้าหมายมาก เนื่องจากการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ เก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคใช้จ่ายลดลง และนักลงทุนชะลอการลงทุนสำหรับสัญญาณการเก็บภาษีลดลงของกรมสรรพากรเห็นมาตั้งแต่เดือน ก.พ. 2562 เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวมาก และเป็นช่วงของการเลือกตั้งรอการตั้งรัฐบาลใหม่ ทำให้ผู้บริโภคและนักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจนายเอกนิติ กล่าวว่า ได้รายงานสัญญาณการการเก็บภาษีได้ลดลง จากการที่เศรษฐกิจชะลอตัวให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รับทราบมาก่อนหน้านี้แล้ว รัฐบาลจึงมีมาตรการพยุงเศรษฐกิจกลางปีออกมา เพื่อรักษาแรงขับเคลื่อนของเศรษฐกิจให้ตกน้อยที่สุดสำหรับการเก็บภาษีของกรมสรรพากรปีงบประมาณ 2562 มีเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาท ภายใต้การขยายตัวการส่งออก 8% และการขยายตัวเศรษฐกิจ 4% ซึ่งคาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย ถึงแม้ว่าการส่งออกและเศรษฐกิจจะขยายตัวไม่ได้ตามเป้าหมายก็ตาม โดยในช่วงเดือนแรกๆ ของปีงบประมาณกรมสรรพากรได้เร่งประสิทธิภาพเก็บภาษี ทำให้เกินเป้าหมายอยู่มาก รวมถึงในช่วงที่เหลือก็จะเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้นไปอีกทั้งนี้การเก็บภาษีของกรมสรรพากรครึ่งปีแรกงบประมาณ 2562 เก็บได้ 8.23 แสนล้านบาท เกินเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 2.45 หมื่นล้านบาท โดยภาษีบุคคลธรรมดาต่ำกว่าเป้าหมาย 520 ล้านบาท ภาษีนิติบุคคลเกินเป้าหมาย 1,000 ล้านบาท ภาษีแวตเกินเป้าหมาย 1,200 ล้านบาท ภาษีธุรกิจเฉพาะ เกินเป้าหมาย 2,300 ล้านบาท และอากรแสตมป์เกินเป้าหมาย 420 ล้านบาทอย่างไรก็ตามที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้เพิ่มเป้าหมายการเก็บภาษีของกรมสรรพากรให้สูงขึ้น ดังนั้นการเก็บภาษี 6 เดือนของกรมสรรพากร เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่กระทรวงการคลังตั้งไว้ จะสูงกว่า 118 ล้านบาท เท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com

อย่าปล่อยให้ “หน้าจอ” เป็น “พี่เลี้ยงเด็ก”

อย่าปล่อยให้

อย่าปล่อยให้จอ 4 เหลี่ยมเป็นพี่เลี้ยงเด็กคุณเคยปล่อยให้ลูกอยู่กับหน้าจอหรือเปล่า? ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์ หลายบ้านมักปล่อยลูกเอาไว้กับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งบ่อยครั้งที่เด็กได้ดูได้ฟังเสียงโทรทัศน์มาตั้งแต่แบเบาะ หรือพ่อแม่อาจหยิบสมาร์ตโฟนให้ลูกจดจ่อขณะที่ตนเองกำลังป้อนข้าว แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ถูกที่ควรแล้วหรือ?จากการศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบด้านอารมณ์และพฤติกรรมความรุนแรงของ American Academy of Pediatrics พบว่า ความรุนแรงที่เห็นจากหน้าจอโทรทัศน์และสื่อต่าง ๆ นับวันยิ่งมีความเพิ่มขึ้นและส่งผลร้ายต่อเด็ก เพราะจะทำให้เด็กสะสมอารมณ์หวาดกลัว วิตกกังวล ขี้สงสัย นอนไม่หลับ ฝันร้าย หรือซึมเศร้า และมีแนวโน้มที่จะแสดงความรุนแรงมากขึ้น พ่อแม่จึงควรระวังเรื่องการเสพสื่อผ่านจอโทรทัศน์ หรือจออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ซึ่งทางที่ดีคือการสนับสนุนให้ลูกออกมาขยับร่างกาย โดย ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า สสส.ได้หากิจกรรมชวนให้เด็กได้ออกมาเล่นนอกหน้าจอสมาร์ตโฟน เช่น โครงการออกมาเล่น Active Play Active School ที่ชวนเด็กออกมาแอ็กทีฟร่างกาย 60 นาทีทุกวัน เป็นการเล่นแบบอิสระแต่ได้เหงื่อ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นคนเดียวเล่นกัน 2 คน หรือเล่นกันเป็นกลุ่ม เป็นต้น

อย่าปล่อยให้
สสส. มีนโยบายส่งเสริมการเคลื่อนไหวในเด็กให้เหมาะสมตามช่วงวัย คือ เด็กอายุ 3-5 ปี ส่งเสริมให้รู้จักการเล่นให้เป็นขยับให้สนุก เด็กอายุ 6-8 ปี ส่งเสริมให้รู้จักการควบคุมกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และเด็กอายุ 9-12 ปี ส่งเสริมให้รู้จักเล่นเป็นทีมมีน้ำใจนักกีฬา โดยใช้หลัก 10-20-30 คือ ทำกิจกรรม 10 นาทีก่อนเข้าเรียน 20 นาทีระหว่างวันหรือพักเที่ยง และ 30 นาที นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้เกิดพื้นที่สนามเด็กเล่นอย่างสร้างสรรค์ในชุมชนต่าง ๆ อีกด้วยอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้พ่อแม่ส่วนใหญ่ใจอ่อนคือ “เสียงร้อง” ของลูกน้อย เมื่อไม่อยากให้ลูกร้องจึงรีบตอบสนองด้วยการหยิบจอสีเหลี่ยมยัดใส่มือของลูก ซึ่งเป็นวิธีการที่ผิด สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือการให้เด็กเรียนรู้อารมณ์โกรธ อารมณ์โมโห ถูกขัดใจ แต่ต้องทำด้วยวิธีที่ไม่ใช้ความรุนแรงกับเด็ก โดย พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ จิตแพทย์และรองอธิบดีกรมอนามัย ได้ให้คำแนะนำเอาไว้ดังนี้

  1. เมื่อลูกร้องต้องการสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต ให้ดึงความสนใจจากเด็กด้วยการชวนทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น วาดรูป เต้นระบำ พาลูกไปเที่ยวข้างนอก หรือชวนเล่นกีฬาง่าย ๆ ซึ่งพ่อแม่ต้องมีความหนักแน่นในการกระทำอย่างต่อเนื่อง
  2. ใช้สื่อหน้าจอกับลูกเพียงแค่เวลาสั้น ๆ เช่น เปลี่ยนจากการดูคลิปวิดีโอ หรือเล่นเกมเป็นการอ่าน E-Book แทน และไม่ควรทิ้งเด็กเอาไว้ลำพัง เพราะการอ่านจากหน้าจอไม่เหมือนการอ่านจากหนังสือเป็นเล่ม และไม่ควรให้ใช้บ่อยเพื่อให้เด็กควบคุมอารมณ์ รู้จักการรอคอย ซึ่งการใช้สื่อหน้าจอควรอยู่ในการดูแลของพ่อและแม่
  3. บริหารเวลาในการดูแลให้ลูกได้รับความรัก ความอบอุ่น ในเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 3 ขวบ การควบคุมอารมณ์ตัวเองจะทำได้ยาก จึงไม่ควรให้ใช้สื่อหน้าจอ แต่ในเด็กที่โตและรู้จักการรอคอย ควบคุมอารมณ์ได้ พ่อแม่สามารถให้ลูกใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตได้ แต่ต้องอยู่ในการดูแลของพ่อแม่

พ่อแม่มีส่วนช่วยในการเรียนรู้ โดยให้พิจารณาดูความพร้อมของลูก ว่าสมควรที่จะใช้สื่อหน้าจอหรือไม่ และควรปลูกฝังเรื่องการเคารพเวลาให้มีทักษะทางสังคมที่พร้อม ไม่สนับสนุนสื่อที่แฝงไปด้วยสิ่งยั่วยุหรือความรุนแรง

อย่าปล่อยให้

แม้ว่าการห้ามไม่ให้ลูกอยู่กับสื่อหน้าจอเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่เมื่อถึงวันที่เขาโตขึ้นก็ควรที่จะเรียนรู้การเสพสื่ออย่างถูกวิธี ซึ่งการเริ่มต้นใช้เวลาหน้าจอของพ่อกับแม่คือการนั่งดูไปพร้อมกับลูกและปฏิบัติตามคำแนะนำเคล็ดลับกฎทอง 4 ประการสำหรับลูกดังนี้

  1. สอนให้รู้จักความต่างระหว่างคนจริงกับตัวละคร
    พ่อแม่ต้องสอนให้รู้จักแยกแยะว่าตัวละครและคนจริงนั้นแตกต่างกัน เป็นก้าวแรกที่จะสอนให้ลูกแยกแยะเพื่อให้ลูกปลอดภัยจากพิษภัยของการดูโทรทัศน์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์
  2. สอนให้รู้จักความแตกต่างระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องสมมติ
    บางรายการอาจนำมาใช้สอนเด็กให้เรียนรู้โลกจริงกับโลกสมมติได้ เช่น รายการที่มีการเล่านิทานประกอบภาพ หรือละครหุ่นสำหรับเด็ก แต่พ่อแม่ต้องคอยบอกลูกว่าช่วงไหนเป็นเรื่องจริง ช่วงไหนเป็นเรื่องสมมติ ขั้นตอนนี้เป็นการสอนต่อจากข้อแรก เพราะหลังจากเด็กแยกแยะระหว่างตัวละครกับคนจริงได้ เขาควรจะรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องสมมติด้วย
  3. ชวนให้ลูกดูรายการที่เหมาะสม
    พ่อแม่ต้องหาเทคนิคดึงความสนใจของลูกให้ดูรายการที่เหมาะสมกับวัย การชี้ชวนให้ลูกดูในสิ่งที่ควรดูขณะนั่งอยู่ด้วยกัน เช่น เห็นนกไหมลูก น่ารักไหม / ดูลิงนั่นสิ กินกล้วยใหญ่เลย เป็นต้น การทำเช่นนี้จะทำให้เด็กคุ้นเคยกับคำแนะนำหรือคำชวนของพ่อแม่ และทำให้เขาสนใจในสิ่งที่เราเลือกหยิบยื่นให้ และยังสามารถควบคุมคุณภาพของรายการโทรทัศน์ที่ลูกควรดูได้ด้วย

ควบคุมการเปิด-ปิดโทรทัศน์ สมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต
ควรออกกฎของบ้านและกำหนดเวลาใช้ให้ชัดเจนในการดูโทรทัศน์และเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็กเล็ก เช่น เมื่อจบรายการแล้วควรอุ้มลูกไปหน้าจอแล้วบอกว่า “จบแล้วปิดดีกว่านะ” เมื่อเรากดปุ่มปิดก็จะเป็นการสอนให้เด็กดูโทรทัศน์เป็นเวลา ไม่หมกมุ่นกับจอมากเกินไป ซึ่งสามารถใช้วิธีนี้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ด้วย เช่น กำหนดว่าลูกจะเล่นได้เวลาไหนและมากน้องเท่าไหร่ เพื่อเป็นการฝึกวินัยเบื้องต้น

อย่าปล่อยให้

“สื่อมีอิทธิพลมากในการเติมเต็ม ชักจูง ชักนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ซึ่งบทบาทของสื่อโดยเฉพาะละครหลายเรื่องมีประโยชน์ต่อสังคมมาก เช่น บุพเพสันนิวาส วัยแสบสาแหรกขาด ทองเอก หมอยาท่าโฉลง ฯลฯ ถือว่าเป็นตัวอย่างละครที่ดีที่ทำให้สังคมเด็กรุ่นใหม่เกิดการตื่นตัวและได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าวในงานเสวนาหัวข้อ “มิติด้านสื่อเชิงสร้างสรรค์ต่อสังคมสุขภาวะ” ว่า “สื่อสร้างสรรค์” คือสื่อที่มีเนื้อหาถูกต้อง ตรงตามศีลธรรม จริยธรรม และมุ่งปรับทัศนคติให้ถูกครรลองคลองธรรม สร้างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ รวมไปถึงการปรับวิถีชีวิตให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ลุ่มหลงมัวเมา และคำนึงถึงผู้ชมเพื่อให้ได้รับผลกระทบที่ดีและเติบโตต่อเป็นผู้สร้างสรรค์สื่อที่ดีต่อไปเมื่อเด็กถึงวัยที่สามารถเสพสื่อได้แล้ว พ่อแม่ก็ควรจำกัดการเข้าถึงให้กับลูก เพื่อไม่ให้เด็กเสพสื่อที่ไม่เหมาะไม่ควร นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรทำคือ การตั้งรหัสผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ตโฟนเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเข้าไปเล่นหรือดาวน์โหลดโปรแกรมต่าง ๆ ได้ตามอำเภอใจ การสอนลูกให้เรียนรู้และสร้างพฤติกรรมที่ดีในการอยู่กับจอไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเริ่มขัดเกลาตั้งแต่ยังเด็ก และพ่อแม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกด้วย เพราะผู้ใหญ่เองเป็นรายการโทรทัศน์สุดโปรดที่ลูกติดตามมากที่สุด
อย่าปล่อยให้
สื่อหรือรายการแบบไหนที่เด็กไม่ควรดู

  1. ละครดราม่า รัก ริษยา โศกเศร้า เคล้าน้ำตา คุกคามทางเพศ ลองคิดดูว่า ลำพังแค่เหตุการณ์ในชีวิตประจำวันก็สร้างความปวดหัวให้คุณได้แล้ว ยังต้องมานั่งดูเหตุการณ์จำลองที่สร้างมาเพื่อเสนอสงครามทางอารมณ์ที่เกินเลยอีกหรือ
  2. ภาพยนตร์ชุดเป็นตอน ๆ ซีรีส์ และภาพยนตร์ตื่นเต้นระทึก ต่อสู้รุนแรง ส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับตำรวจ สงคราม นักสืบ หรือพิศวาสฆาตกรรมที่หนีไม่พ้นฉากฆ่าฟัน ภาพระเบิดหรือภาพสยดสยอง ซึ่งกระทบต่อเด็กตั้งแต่วัยหัดคลาน เพราะสีหน้าของตัวละครที่บูดบึ้งหรือมีกิริยาข่มขู่ ตะคอก จะทำให้เด็กเริ่มใจเสีย หวาดกลัวและร้องไห้ เมื่อเขาได้ดูบ่อย ๆ ภาพเหล่านั้นจะฝังอยู่ในหัวของเด็กทำให้ฝังใจกับจินตนาการอันน่ากลัว
  3. ภาพยนตร์ที่มีการถ่ายภาพระยะใกล้ ใบหน้าตัวแสดงในโทรทัศน์มีผลกระทบต่อเด็ก เพราะเด็กเล็กจะชอบดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้าเห็นใบหน้าถมึงทึง ตาเหลือกค้าง หน้าผีสยดสยองหรือใบหน้าที่แสดงออกถึงอารมณ์ไม่ปกติ ภาพเหล่านี้จะทำให้เด็กกลายเป็นคนขี้กลัวโดยไม่มีเหตุผล หรืออาจชินชาต่อความเจ็บปวดและความหายนะของผู้อื่น ทำให้ขาดการเรียนรู้เรื่องความเห็นอกเห็นใจ หรือการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในระหว่างเพื่อนมนุษย์
  4. รายการที่มีเสียงประกอบดังรุนแรง บางรายการภาพอาจไม่เป็นพิษ แต่อาจมีเสียงที่เป็นพิษ เช่น เสียงกริ่งหรือกระดิ่งนาน ๆ เสียงร้องโหยหวนของปีศาจ เสียงไซเรนรถ หรือเสียงหวีดร้องเป็นต้น เสียงเหล่านี้อาจทำให้เด็กตื่นกลัวและเกิดอารมณ์วุ่นวายสับสนได้

จะเป็นอย่างไรหากเด็ก ๆ เติบโตขึ้นมากับ “สาร” ต่าง ๆ ที่ส่งผ่านมาทางสื่อหน้าจอที่มีการทะเลาะ ด่าทอ เกรี้ยวกราด ลามกหรือการตีรันฟันแทง สิ่งที่เราสามารถป้องกันเด็กและเยาวชนที่จะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตได้คือการสอนให้รู้จักแยะแยะและเข้าใจสื่อให้มาก เพื่อให้เกิดทักษะการรู้เท่าทันสื่อ และแยกแยะความเป็นจริงกับความสมมติในเนื้อหาได้ เพื่อเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์และมีสุขภาพจิตที่ดีในอนาคต 

ขอบคุณข้อมูลจาก thaihealth.or.th  

 เรื่องน่ารู้ คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2562 นี้ ประเทศไทยจะมีพระราชพิธีสำคัญที่น้อยคนนักจะเคยเห็นพระราชพิธีแบบนี้ นั่นคือ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 10 นับได้ว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่เราจะได้เห็นลำดับขั้นตอนสำคัญต่างๆ และได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่ในงานพระราชพิธีครั้งนี้อีกด้วย วันนี้เลยขอนำความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ในพระราชพิธีมาฝากกัน

คำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

The Royal Coronation Ceremony of King Rama X = พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในหลวงรัชกาลที่ 10

King = พระราชา

Queen = พระราชินี

History = ประวัติศาสตร์

Accession to the throne = การขึ้นครองราชย์, การขึ้นเสวยราชย์

Throne = ราชบัลลังก์

Coronation = พิธีราชาภิเษก

The sacred water = น้ำอภิเษก

Reign = ครองราชย์ , รัชกาล

Crown jewels = เครื่องราชกกุธภัณฑ์

Royal Throne = บัลลังก์ พระที่นั่ง

Royal Golden Plaques  =  พระสุพรรณบัฏ หรือ แผ่นทองคำจารึกพระนาม

Royal Seal of State = พระราชลัญจกรดวงตราประจำรัชกาล

Royal Procession = ขบวนพยุหยาตราชลมารค

ขอบคุณข้อมูลจาก teen.mthai.com

ชนิดทอง ราคารับซื้อ กรัมละ ราคารับซื้อ บาทละ ราคาขาย บาทละ
ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,300.00 19,400.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,250.00 18,950.00 19,900.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,125.00 17,055.00 n/a
ทองรูปพรรณ 80% 1,000.00 15,160.00 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 563.00 8,535.08 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 438.00 6,640.08 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,295.00 19,632.20 n/a

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 07/05/2562

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 29.65 29.65 30.05 29.65 29.65 29.65 29.65 29.65 29.65 29.65
แก๊สโซฮอล์ 91 29.38 29.38 29.78 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38 29.38
แก๊สโซฮอล์ E20 26.64 26.64 27.44 27.04 27.04 26.64 26.64 26.64 26.64
แก๊สโซฮอล์ E85 21.09 21.09 21.09
เบนซิน 95 37.06 37.51 37.56 37.36 37.36
ดีเซล 28.09 28.09 28.09 28.09 28.09 28.09 28.09 28.09 28.09 28.09
ดีเซลพรีเมี่ยม 31.69 31.96 32.15 32.15 32.15
แก๊ส NGV 16.01 28.09
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า