อสังหาฯ‘สมุทรปราการ’ขยายตัวสูง
เมื่อความต้องการที่อยู่อาศัยในจังหวัดปริมณฑลเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันยังมีหลายปัจจัยที่ท้าทายการพัฒนาอสังหาฯ ในปัจจุบัน และส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคด้วยในอนาคต
สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่าหากเทียบเคียงปริมณฑล 4 พื้นที่หลัก ผ่านจำนวนโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่มีในตลาด และยอดขายที่เกิดขึ้น จะเห็นศักยภาพของ 3 พื้นที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ สมุทรปราการ, นนทบุรี และ ปทุมธานี มากที่สุด
โดยเฉพาะสมุทรปราการ ที่มีศักยภาพจากการมีแหล่งโรงงาน, รถไฟฟ้า จำนวนโครงการบ้านมีอยู่กว่า 3.54 หมื่นยูนิต ยอดขายกว่า 60% ส่วนคอนโดมีจำนวนกว่า 2.36 หมื่นยูนิต ยอดขายกว่า 66% ราคาเฉลี่ยยังอยู่ราว 1-3 ล้านบาท สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ที่มองหาที่อยู่ในราคา 1-3 ล้านบาทมากที่สุด
ขณะที่นนทบุรี มีจำนวนบ้าน 4.18 หมื่นยูนิต ยอดขาย 60% ราคาเฉลี่ยที่ 3-5 ล้านบาท และคอนโด 4.2 หมื่นยูนิต ยอดขายไปแล้ว 71% มีราคาที่ราว 1-3 ล้านบาท ซึ่งยอดขายใกล้เคียงกับสมุทรปราการ ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่มีปัญหา หลังจากที่เริ่มได้อานิสงส์จาการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้ว
ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนการจนส่งและการจราจร ระบุว่า หลังจากมีการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและม่วงตั้งแต่ ส.ค.ที่ผ่านมา ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มจาก 2.5 หมื่นคนเป็น 4.8 หมื่นคนต่อวัน แต่ทั้งนี้ ก็ยังต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะสูงถึง 1.2 แสนคนต่อวัน
สิ่งที่ท้าทายของการพัฒนาในแถบปริมณฑลในระยะอันใกล้คือ “ผังเมือง” ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญมากกว่าประเด็นว่าจะมีระบบขนส่งทางรางเข้ามาในพื้นที่หรือไม่ด้วยซ้ำ
“ถ้าอยากให้ปริมณฑลพัฒนา ต้องมีผังเมืองเป็นตัวเริ่มต้น ส่วนการคมนาคมเชื่อมต่ออาจจะเป็นปัจจัยรอง เพราะบ้านจัดสรรเป็นตลาดที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกำลังซื้อในราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทยังเป็นที่ต้องการ ขณะที่คอนโดอาจไปได้ดีในบางทำเลเท่านั้น”
พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เห็นศักยภาพของสมุทรปราการในหลายด้าน ในฐานะที่เป็นบริษัทใหม่ที่อายุเพียง 8 ปี แต่รุกหนักด้านการพัฒนาโดยมีโครงการในมือแล้วกว่า 44 โครงการนั้น ในจำนวนดังกล่าวมีถึง 20 โครงการแล้ว รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้าน ที่อยู่ใน 2 ช่วงหลักเกาะแนวรถไฟฟ้าสีเขียวที่ปักธงไว้แน่นหนา คือ ระหว่างสถานีอ่อนนุช-แบริ่ง และแบริ่งถึงสมุทรปราการ (ไม่เกินบริเวณไม่เกินสถานีพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ)
สาเหตุที่ทำให้เติบโตสูง เนื่องจากมีปัจจัยเอื้อหลากหลาย อาทิ มีแหล่งงานจากโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม, สนามบิน, ห้างสรรพสินค้า ที่ตอบสนองความเป็นชุมชน ขณะที่การหาที่ดินไม่ได้ง่ายเท่ากับโซนรังสิต หรือ บางบัวทอง ทำให้การพัฒนาโครงการใดขึ้นมา ก็ยังมีโอกาสที่ลูกค้าจะตอบรับสูง โดยขณะนี้พร้อมที่จะต่อยอดจากโครงการคอนโดบุกตลาดแนวราบแล้วเช่นกัน
โอกาสที่น่าจับตามองมากในขณะนี้คือ นอกจากกำลังซื้อคนในโซนนี้จะมีสูงแล้ว การเป็นจุดหมายที่เริ่มได้รับความนิยมของชาวต่างชาติมากขึ้น และในเชิงเศรษฐกิจที่เติบโต ดูได้จากตัวเลขรายได้ของสมุทรปราการที่ครองลำดับ 3 ของประเทศ หรือราว 7 แสนล้านบาท เป็นรองจาก กรุงเทพฯ และระยอง เท่านั้น
ในเชิงกลยุทธ์พื้นที่สมุทรปราการ มีจุดแข็งด้านการผสมผสานของเซ็กเมนท์ที่หลากหลาย
มีทั้งกลุ่มแรงงาน, คนทำงาน และชาวต่างชาติ เช่น มีโรงงานโตโยต้าผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เช่น รถบรรทุก และอื่นๆ จึงไม่มีปัญหากำลังซื้อแกว่งเหมือนรถยนต์ส่วนบุคคล โรงงานยังแจกโบนัส 10 เดือนได้ และกลุ่มนี้กลายเป็นเป้าหมายที่บริษัทอสังหาฯ ใช้พึ่งพาได้เมื่อกลุ่มอื่นมีความเสี่ยง
พีรพงศ์ ยกตัวอย่างด้วยว่า แม้ว่าราคาเฉลี่ยในโซนสมุทรปรากรจะอยู่ที่ราคาต่ำกว่าล้านบาท แต่เมื่อบริษัทพัฒนาโครงการที่ราคา 1 แสนบาทต่อตร.ม. หรือมียูนิตที่ราคากว่า 15-20 ล้านบาท ก็ยังขายหมดได้ โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้การขายประสบความสำเร็จ คือ การปรับแต่งรูปแบบให้ตอบสนองได้ทุกกลุ่ม แม้กระทั่งตลาดนิชในระดับไฮเอนด์ได้
นอกจากนั้น ด้วยการมีพาร์ทเนอร์จากประเทศญี่ปุ่น ทำให้ได้เปรียบเรื่องการสร้างฐานลูกค้าญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มที่สนใจซื้อเพื่อการลงทุน วางแผนเพื่อให้เป็นบ้านที่ 2 หลังจากเกษียณอายุ และระหว่างที่ยังไม่อยู่อาศัยก็ปล่อยเช่า ที่ผ่านมามีลูกค้าญี่ปุ่นสนใจซื้อในโครงการระดับราคา 1 ล้านบาทมาก เพราะเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถหาได้ในประเทศตัวเอง ในความคุ้มค่าในการลงทุนโดยรวม เฉพาะค่าเงินก็ได้เปรียบกว่า 10-20% แล้ว และด้วยการออมทรัพย์ที่ญี่ปุ่นไม่มีดอกเบี้ย การปล่อยเช่าได้กำไร 5-7% ก็เป็นที่พึงพอใจต่อลูกค้าแล้ว
กลุ่มนี้จะแตกต่างจากญี่ปุ่นในย่านทองหล่อ ไม่ได้ชิงตลาดเดียวกัน เพราะในย่านใจกลางเมือง จะเป็นการเช่าโดยมีงบประมาณบริษัทสนับสนุนที่อยู่อาศัยราว 6 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ในย่านปริมณฑลมักจะเป็นการลงทุนของลูกค้าเองเพื่อเป้าหมายระยะยาวทั้งสิ้น
“ลูกค้าต่างชาติของออริจิ้น ในคอนโดบางโครงการสูงถึง 35-40% ขณะที่โครงการระดับไฮเอนด์สูงเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ 45% ถือว่าตลาดต่างชาติที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2”
ประเด็นที่ต้องจับตามองของการรุกตลาดปริมณฑลคือ การกำหนดผังเมือง ที่เริ่มเห็นข้อจำกัดในการพัฒนาโครงการที่ นนทบุรี มาแล้วทำให้ในรอบ 5 ปีต่อไปนี้ การเกิดโครงการใหม่ในนนทบุรีอาจจะนิ่ง เพราะยังมีซัพพลายคงค้างจำนวนมากด้วย และน่ากังวลว่า สมุทรปราการ หรือกระทั่งกรุงเทพฯ จะตามรอยต่อไป
เลิศมงคล วราเวณุชย์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ นนทบุรีมีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และเป็นจังหวัดที่มีสาธารณูปโภคเหมือนกรุงเทพฯ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง และอยู่ระหว่างก่อสร้างสายสีชมพู ซึ่งเส้นทาง 50% วิ่งอยู่ในจังหวัด รวมถึงสายสีน้ำตาลในอนาคต
ที่ผ่านมา นนทบุรี เป็นตลาดที่อยู่อาศัยของคนกรุงเทพฯ ที่ไม่สามารถจับจ่ายที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงได้ แต่ด้วยการพัฒนาผังเมืองที่กำลังจะประกาศใช้กลางปีหน้า ทำให้บ้านจัดสรรและคอนโดในโซนรอบเมืองพัฒนาได้ยากขึ้น เพราะติดข้อกำหนดเรื่องขนาดถนนและซอย โซนการสร้างจะถูกบีบให้อยู่ใจกลางเมืองที่มีถนนขนาดใหญ่ ซึ่งการพัฒนาแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะราคาที่ดินสูงกว่า 1 แสนบาทต่อตร.ว.ขึ้นไป ส่งผลให้ราคาโครงการจะต้องสูงขึ้นแน่นอน
ดังนั้น การพัฒนาอสังหาฯ ในปริมณฑลนั้น ปัจจัยเรื่องผังเมืองจึงมีบทบาทกระทบต่อทั้งเจ้าของโครงการและผู้บริโภคปลายทางด้วย
http://www.bangkokbiznews.com
ส่องอสังหาฯ 2018 กูรูฟันธง “ไทย-อาเซียน” ตลาดเฉิดฉาย
เก็บตกเวทีงานเสวนาแห่งปีหัวข้อ “ส่องอสังหาฯ 2018” จัดโดยประชาชาติธุรกิจร่วมกับกลุ่มแกรนด์โฮม เมื่อวันศุกร์ 24 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา แนวโน้มที่เป็นเทรนด์ใหญ่มีกูรูวงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย และตัวแทนตลาดอาเซียนจากประเทศกัมพูชา ฟันธงสอดคล้องกันว่ามีทิศทางเป็นบวก รวมทั้งยังไม่มีข้อกังวลประเด็นโอเวอร์ซัพพลาย
ไม่ห่วงโอเวอร์ซัพพลาย
“ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์” รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ระบุว่า แนวโน้มปี 2561 ภาคอสังหาฯสดใสพอสมควร
ประมวลจากดัชนีหลายตัว เริ่มจาก “หน่วยโอนกรรมสิทธิ์” ข้อมูล ณ 9 เดือนแรก 2559 มีจำนวน 219,209 หน่วย ช่วงเดียวกันของปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ 192,123 หน่วย ถือว่าใกล้เคียงกัน จนถึงสิ้นปีคาดว่าหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศทั้งปีของปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ในขณะที่ปีนี้มีภาวะการขายที่ดี ทำให้ปีหน้ามีหน่วยสร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์มากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะเติบโต 6.1%
ขณะที่ในด้านมูลค่าการโอนทั่วประเทศ ข้อมูลเชิงสถิติบ่งบอกว่า ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าใกล้เคียงกับปีที่แล้ว น่าสนใจว่าแนวโน้มปีหน้ามีโอกาสเติบโตถึง 12.6% มาจากราคาอสังหาฯต่อหน่วยแพงขึ้นจากในอดีต
ส่วนสินเชื่อปล่อยใหม่ ตัวเลขปี 2559-2560 ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่เกือบ 6 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มทะลุเกิน 6 แสนล้านบาทได้ในปี 2561
ในด้านทำเล เขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คาดการณ์เติบโต 8.6% เหนือกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ มูลค่าโอน 15% ราคาที่อยู่อาศัยขยับขึ้นไป สินเชื่อโต 39%
ส่วนภูมิภาคคาดเติบโต 2.1% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศที่ประเมินว่าโต 6.1% นั่นคือแม้เศรษฐกิจในภูมิภาคค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น แต่กำลังซื้อไม่ฟื้นตัวดีมากนัก แนวโน้มยังเติบโตได้แต่โตในระดับต่ำ โดยซัพพลายคาดว่ามีการเติบโตค่อนข้างมาก
ดัชนีอีกตัวคือซัพพลายในตลาด หน่วย available for sale ณ สิ้นปี 2560 คาดว่ามี 260,000 หน่วย สิ้นปี 2561 คาดว่ามี 276,000 หน่วย เพิ่มเล็กน้อย โดยตลาดหลักเขต กทม.-ปริมณฑล แนวราบกับห้องชุดใกล้เคียงกันอยู่ที่ 56% กับ 44% ตามลำดับ
ดัชนีสำคัญในเรื่องอัตราดูดซับ-absorbtion rate พบว่า ทั้งประเทศอยู่ในเส้นค่าเฉลี่ยจำนวนเดือนที่จะระบายได้หมด เขต กทม.-ปริมณฑล แม้คอนโดฯมีสัดส่วนเยอะ แต่ค่าเฉลี่ยช่วง 5 ปีที่ผ่านมาใช้เวลา 17 เดือนขายหมด ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 22 เดือน แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีโอเวอร์ซัพพลายในตลาด ส่วนแนวราบในต่างจังหวัดสูงกว่าคอนโดฯ ซัพพลายเทียบอัตราดูดซับยังใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 5 ปี
“เชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจ ทิศทางอสังหาฯดีขึ้น การระบายซัพพลายดีขึ้น ไม่เกิดโอเวอร์ซัพพลาย ปีหน้าอสังหาฯน่าจะสดใสพอสมควร”
สินค้าไทยเป็น first priority
“เจีย คิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเฮง เอเชีย ธุรกิจโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างและของตกแต่ง ประเทศกัมพูชา ชวนเปิดมุมมองเกี่ยวกับ “โอกาสอสังหาฯไทยในตลาดอาเซียน”
ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศกัมพูชาวันนี้บูมมาก ๆ โดยเฉพาะปี 2016-2017 เชื่อว่าปี 2018 เติบโตก้าวกระโดด ไม่ว่าอินฟราสตรักเจอร์ ตึกสูง คอนโดฯ อพาร์ตเมนต์ บ้านแนวราบ มีการลงทุนต่างประเทศเข้ามาเยอะมาก ทั้งญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน และไทย
ในภาพระดับเมือง ตัวเมืองขยายมหาศาล กรุงพนมเปญมีพื้นที่ 10 กว่าตารางกิโลเมตรในอดีต ขยายเพิ่มอีก 20 กว่าตารางกิโลเมตร ไฮเวย์ ทางด่วนกำลังสร้าง หลายประเทศกำลังไปลงทุน ญี่ปุ่นลงทุนขยาย 1 เท่าตัวท่าเรือทะเล (sea port) ที่สีหนุวิลล์ เมืองกำปงโสม ยังมีท่าน่านน้ำจืด (river port) รองรับสินค้าหนัก เช่น ซีเมนต์ เหล็กเส้น โดยไจก้าถือหุ้น 13.5%
“เราสังเกตได้ว่าพนมเปญเป็นประเทศที่โครงการแม่โขงสมัยก่อน จีนเล็งเส้นทางเส้นนี้รวมกับ One Belt One Road เพราะฉะนั้น สีหนุวิลล์พอร์ตจะเป็นฮับระหว่างไทย-เวียดนาม-กัมพูชา”
นอกจากนี้มี economic zone 24 แห่ง แบ่งเป็น 11 โซนที่ให้บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว หรือ one stop services ความได้เปรียบด้านภาษา รัฐบาลพยายามส่งเสริมไม่ว่าเกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ส่งเสริมให้เรียนฟรี
“บ้าน ที่ดินขึ้นราคา มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ เช่น ญี่ปุ่นลงทุนอิออนมอลล์ สำเร็จมาก กำลังเปิดอิออน 2 ในปีหน้า แม็คโครกำลังจะเปิด 17 ธันวาคมนี้ ห้างจึงมาแรง วัตสันจากมาเลเซียกำลังมา ศัลยามอลล์ รัตนะพลาซ่า คล้าย ๆ มาบุญครองก็มีแล้ว”
ระหว่างปี 2016-2017 ภาคอสังหาฯเติบโต 28-30% เชื่อว่าปีหน้าโตกว่านี้เพราะเริ่มไปต่างจังหวัด เช่น สีหนุวิลล์ จีนเข้าไปกว้านซื้อที่ดิน มีโรงแรม 5-7 ดาวไปลงทุน ปี 2017 รัฐบาลกัมพูชาพยายามทำถนนหนทางให้สีหนุวิลล์เป็นบีชที่สวยที่สุดในโลก รวมทั้งญี่ปุ่นปักหมุดเมืองเสียมเรียบ ให้เป็น retire country นำคนเกษียณชาวญี่ปุ่นไปพักอาศัย
โฟกัสภาคอสังหาฯที่แนวโน้มเติบโต 30% แยกได้สองตลาด คือ คอนโดฯ กับอพาร์ตเมนต์ โดยกำลังซื้อประชากรกัมพูชามี 2 แบบด้วยกัน 1.คนเคยไปเรียนต่างประเทศ เรียกว่า return cambodian ในยุคสงครามอพยพออกไปแล้วกลับเข้ามาหลังเปิดประเทศ กลับมาเยี่ยมประเทศเจอโอกาสลงทุนเยอะมาก คนเหล่านี้จะชินคอนโดฯ อพาร์ตเมนต์
2.local cambodian ยังชินกับบ้าน อยู่ติดดิน ประชากรกัมพูชา 28 ปีที่แล้วมี 7-8 ล้านคน วันนี้ 16 ล้านคน เฉลี่ยส่วนใหญ่อายุประชากรน้อยกว่า 30 ปี แต่งงานอายุน้อย 20 ปีต้น ๆ การขยายอยู่เป็นครอบครัวเล็ก ๆ เยอะ ทำให้ดีมานด์ตลาดมีมาก
“โอกาสการลงทุน ประเทศกำลังพัฒนาเป็นโอกาสทั้งนั้น ดีมานด์มีเยอะ สินค้าไทยคนกัมพูชาชื่นชอบมาก ออกแบบ วิถีการอยู่ก็คัลเจอร์ใกล้เคียงกันจึงเป็นที่นิยม รูปแบบจะก๊อบปี้จากที่นี่ไปเยอะ ถ้าไทยจะไปลงทุนเป็นโอกาสที่ดีมาก คนกัมพูชาก็เวลคัมคนไทยอย่างมากอยู่แล้ว ถ้าให้เลือกอะไรที่มาจากไทยถือว่าเป็น first priority
ที่ดินดันห้องชุดแพงขึ้น 52%
อีก 2 หัวข้อคือตลาดคอนโดฯกับไซซ์ห้องชุด เริ่มจากตั้งคำถามคอนโดฯลักเซอรี่ราคาแพงมีคนซื้อจริงหรือ ตัวขับเคลื่อนหลักคือรถไฟฟ้า ซึ่งปี 2555 มี 2 สายหลัก “ม่วง-น้ำเงิน” จากเดิมที่เคยเปิดตัวกระจุกทำเลดั้งเดิม สาทร สีลม สุขุมวิท เพลินจิต พระราม 4 อโศก รัชดาฯ
“แต่หลังจากปี”58 ไม่มีรถไฟฟ้าสายใหม่ 5-6 ปีแล้ว ดีเวลอปเปอร์ทุกคนหันเข้าเมืองหมด มีคนพูดเยอะทำไมตลาดลักเซอรี่เกิดขึ้นเยอะ เพราะมันไม่มีที่ (ทำเล) ให้ทำ ถ้าอยากจะชัวร์เราทำกลางเมือง สาทร สุขุมวิท ทำเลเหล่านั้นเพิ่มขึ้นเป็น 32% ต่อมาปลายปี”58 มีรถไฟฟ้าลอตใหม่ การกระจายตัวกลับมาดีขึ้นอีก เหลือทำเลตรงกลาง (ซีบีดี) แค่ 23%”
ไฮไลต์ “ยูนิตไซซ์” เปลี่ยนแปลงในทางขนาดลดลง คำอธิบายเพราะต้นทุน
อสังหาฯมีสองส่วนหลัก คือ วัสดุก่อสร้าง ปี 2555 สูงมากเพราะมีค่าแรงขั้นต่ำปรับตัวสูงขึ้น, ค่าที่ดินเพิ่มขึ้น 15-18-20% ต่อปี แปลว่าเพื่อให้ได้คอนโดฯในทำเลเดิม ห้องเดิม ราคาเพิ่ม 5-9%
ขณะที่ลูกค้าหลักตลาดคอนโดฯในกรุงเทพฯ 2-4 ล้านบาท เฉลี่ย 3 ล้านบาท การเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินช่วงปี 2554-2560 พบว่าห้องชุดไซซ์เดียวกัน ราคาเคย 3 ล้านบาท ต้องขายที่ 4.5 ล้านบาท เพิ่มสูงถึง 52% ดังนั้นเพื่อแข่งขันราคาให้ได้ 3 ล้านบาทเหมือนเดิม ห้องชุดเคยได้ 35 ตารางเมตร วันนี้ต้องขาย 22 ตารางเมตร
“ผมคิดว่าเป็นสัญญาณที่ดี มองไปข้างหน้ารายใหญ่ยังกินมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเติม ผมยังมองไม่เห็นจุดสิ้นตรงจุดนั้น 10-11 รายแข็งแรงขึ้นอย่างมาก และจะแข็งแรงขึ้นไปอีกใน 2-3 ปีหน้าเป็นอย่างน้อย ตราบใดที่ธนาคารยังไม่เปลี่ยนมุมมองว่ารายเล็กมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ปล่อยกู้เฉพาะรายใหญ่ ตลาดต่างจังหวัดคาดหวังว่าดีเหมือนเดิมเป็นไปไม่ได้ แต่ซัพพลายที่ลดลงเยอะมาก ๆ มีรูมที่ทำให้เติบโตได้อยู่”
ทาวน์เฮาส์โตด้วยนวัตกรรม
“แสนผิน สุขี” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือโกลเด้นแลนด์ สปอตไลต์ฉายส่องเป็นอย่างมากเพราะสามารถเทิร์นอะราวนด์ในปี 2556 จากยอดรับรู้รายได้ 1,600 ล้าน ขยับเป็นเป้า 10,000 ล้านในปีนี้ และรายได้แตะ 20,000 ล้านบาทประสบการณ์ที่นำมาแบ่งปันคือ ตลาดแข่งขันสูง ราคาที่ดินเริ่มสูงขึ้น ค่าครองชีพคนเริ่มสูงขึ้น มีผลต่อสินเชื่อลูกค้าไม่สามารถ afford ได้ ต้องทำยังไง โมเดลธุรกิจคือสินค้าทาวน์เฮาส์ที่ประสบความสำเร็จ ทำยอดนิวไฮจากอีเวนต์เปิดพรีเซล 1-2 วันแรกในระดับ 500-900 ล้านบาท
นวัตกรรมทาวน์เฮาส์ เรื่องแรก “ทำเล” มนุษย์เงินเดือนก็สามารถมีทำเลที่ดีได้ เราเฟ้นหาทำเลในเมือง แม้มีอุปสรรค เช่น ติดบ่อขยะ เสาไฟฟ้าแรงสูง มีถนนตัดผ่าน มีวัด แต่เรามองว่าซื้อทำเลที่ดีไว้ก่อน ส่วนปัญหาต่าง ๆ แก้ได้ ลูกค้าทาวน์เฮาส์แคร์เรื่องโลเกชั่น ความสะดวกมากกว่า
“อย่างอ่อนนุช-ลาดกระบัง ที่ดินราคาไร่ละ 4 ล้านกว่า ดีเวลอปเปอร์สิบกว่ารายไม่มีใครเอา แบ่งสองโครงการที่ดิน 80 ไร่ ขายเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้าน หมดในสองวันทั้งเฟส 1-2”
“เคยคิดว่าทำเลเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าสิ่งแวดล้อมไม่ค่อยดี ไม่ใช่ปัจจัยที่ขายไม่ได้ ฉะนั้น ทำเลผมให้ 50% ต้องใส่ใจตรงนี้ค่อนข้างเยอะ แซวกันในบริษัททำเลที่มีสายไฟฟ้าแรงสูงจะขายดี เช่น บางนา-สวนหลวง เราก็ทำสวนสาธารณะใหญ่เลย ทาวน์เฮาส์ไม่เคยมีสวนสาธารณะใหญ่ขนาดนี้ กลายเป็นจุดขายไป หรือทำเลติดบ่อขยะแถวสุขาภิบาล 5, ทำเลติดวงแหวน อ่อนนุช มองว่าวันนี้เป็นเรื่อง trade off ปัญหาอะไร และเราจะแก้ปัญหาจากตรงนั้นได้ไหม เพราะทุกอย่างเพอร์เฟ็กต์ไม่มีนะ ทำธุรกิจต้องมีได้มีเสีย”
ข้อมูลอินไซด์ ทำเลในเมืองทาวน์เฮาส์สามารถสู้ราคาที่ดินได้ถึง 4 หมื่นบาท/ตารางวา ไร่ละ 16 ล้านบาท ปกติจะทำบ้านเดี่ยวก็ลำบากแล้วต้องขายหลังละ 20 ล้านบาทขึ้นไป แต่ทำได้เพราะใช้นวัตกรรมมาช่วย
เริ่มตั้งแต่ระบบก่อสร้างใช้ระบบทันเนล ถูกกว่าพรีแคสต์, มีระบบซื้อของเองเหมือนเป็นกึ่ง ๆ ผู้รับเหมา ช่วยประหยัดต้นทุน 18%,
ซื้อของตรงเพื่อทำ volume discount, การใช้ผู้รับเหมาซ้ำช่วยในแง่ดีไซน์หรือคอสต์ที่ลดลง เพราะทาวน์เฮาส์สองชั้นขายเกิน 4 ล้าน ยากมาก ไม่ว่าทำเลไหนคนไม่ซื้อ เหมือนมีเพดานของทาวน์เฮาส์อยู่
ฟังก์ชั่นตัวช่วยที่ขายดีมาก เช่น ห้องพระ โฮมเธียเตอร์ ห้องครัว ลานซักล้าง ห้องทำงาน มีห้องเก็บกระเป๋า “เรื่องสเปซแพลนนิ่ง ทาวน์เฮาส์โกลด์ห้องนอนเรายังใหญ่กว่าห้องนอนเล็กของบ้านเดี่ยวซะอีก เรารู้ว่าลูกค้าอยากได้”
“สิ่งใดที่บ้านระดับ 10-20 ล้านทำได้ ผมพยายามทำให้ลูกค้าทาวน์เฮาส์ ซุ้มโครงการหมู่บ้านผมไม่แพ้บ้านเดี่ยวยี่สิบล้าน ความกว้างถนนเมน สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ ทำให้พัฒนาการอยู่ทาวน์เฮาส์ดีขึ้น”
http://www.bkkcitismart.com
ข้อมูลบนโซเชียลโต 44% คาดสิ้นปีส่งข้อความทะลุ3.6พันล.
11 เดือน ที่ผ่านมาปริมาณข้อมูลบนโลกโซเชียลในประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้นมากถึง 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559
หลายปีที่ผ่านมาการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คของคนไทยพุ่งสูงขึ้นมาโดยตลอด ตั้งแต่เพื่อการสื่อสาร ไปจนถึงการตลาด สร้างแบรนด์ ทำธุรกิจ รวมถึงซื้อขายสินค้าบนโลกออนไลน์
ข้อมูลล่าสุดโดย บริษัท โธธ โซเชียล จำกัด เผยว่า 11 เดือน ที่ผ่านมาปริมาณข้อมูลบนโลกโซเชียลในประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้นมากถึง 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 คาดว่าตลอดทั้งปี 2560 จะมีจำนวนการโพสต์ข้อความไม่น้อยกว่า 3,600 ล้านข้อความ จากปีก่อนหน้า 2,500 ล้านข้อความ
“กล้า ตั้งสุวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โธธ โซเชียล วิเคราะห์ว่า โซเชียลมีเดียกลายเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในปัจจุบัน ในฐานะหนึ่งในช่องทางการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงกันได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ดี พบว่ามีการใช้งานทวิตเตอร์ได้รับความนิยมมากขึ้น ส่วนเฟซบุ๊คเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เทรนด์ที่น่าสนใจคือการใช้งานโซเชียลของแบรนด์ นอกเหนือจากเพื่อการตลาดและการจัดทำแคมเปญ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการบริการลูกค้า คอมเมิร์ซ รวมถึงเข้าไปดิสรัปวงการสื่อเช่นการไลฟ์
“เหตุที่ทวิตเตอร์ได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากใช้งานง่าย แชร์ได้ง่าย ระดับการเซ็นเซอร์มีน้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ฝั่งธุรกิจเองจากเดิมมองว่าทวิตเตอร์ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่น่าสนใจเลย ขณะนี้หันมาโฟกัสมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นวัยรุ่น”
จับตาอิทธิพล “แชท”
เขากล่าวว่า เทรนด์ที่น่าสนใจต่อไปผู้บริโภคต้องการการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การใช้บริการบนดิจิทัลแบบเรียลไทม์ นอกจากนั้นสนใจเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวกับตนเอง คอนเทนท์ที่มีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น อีกทางหนึ่งรูปแบบการใช้โทรศัพท์มือถือจะเปลี่ยนไปโดยเป็นมาตรฐานใหม่ซึ่งจุดเริ่มต้นของทุกอย่างเริ่มด้วยคิวอาร์โค้ด
ด้วยการเติบโตที่ก้าวกระโดดรวมถึงความต้องการของลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ข้อมูลที่ได้จากโลกโซเชียลกลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ที่ตามมาคือการเติบโตของเทคโนโลยีและเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการนำแชทบอทมาใช้
อย่างไรก็ดี ด้วยเฟซบุ๊คไม่ใช่ช่องทางที่ฟรีอีกต่อไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการจำต้องปรับตัว หันไปหาแพลตฟอร์มอื่นๆ ทุกวันนี้การปั๊มไลค์โดยไม่ใช่การเติบโตอย่างแท้จริงด้วยตนเองจะไม่ได้ผลอีกต่อไป เทรนด์บนโลกโซเชียลนั้นเปลี่ยนเร็ว หากแบรนด์ไม่คอยตามติดการเปลี่ยนแปลงก็มีโอกาสตกกระแสได้
นอกจากนี้ที่สอดคล้องกันไป หลังจากการรับสื่อด้วยโซเชียล ที่ตามมาคือการแชท คาดว่าต่อไปแชทจะยิ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีอิทธิพลมากกว่าเดิม จากขณะนี้นิยมใช้คุยกับเพื่อน ครอบครัว ต่อไปมีโอกาสคุยกับแบรนด์ หรือต่อยอดไปสู่การบริโภคสินค้าและบริการบนออนไลน์ได้
แค่กดไลค์ไม่พอ
ด้าน “พเนิน อัศววิภาส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วันบิต แมทเทอร์ จำกัด (โอบีว็อค) ผู้ร่วมทุนของ โธธ โซเชียล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน โซเชียลแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างอิทธิพลต่อความคิดผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างมากยังคงเป็นเฟซบุ๊ค ยูทูป ไลน์ และเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
อย่างไรก็ดี ต่อไปรูปแบบการตลาดต้องมีความน่าสนใจ หรือ กิมมิคใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา การประมวลผลที่ประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การกดไลค์ แต่เป็นการแชร์โพสต์ รวมถึงการเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อโพสต์นั้นๆ โดยเฉพาะกับโพสต์ที่ไม่มีตัวกระตุ้น หรือรางวัลเป็นแรงจูงใจ หลักๆ วิธีการทำตลาดให้เกิดประสิทธิผลต้องทำคอนเทนท์ให้ดี พร้อมเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรง
ปัจจุบัน ภาพรวมอีคอมเมิร์ซไทยนิยมซื้อขายกันผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.เว็บไซต์ของแบรนด์สินค้าบริการ 2.อี-มาร์เก็ตเพลส และ 3.โซเชียล เน็ตเวิร์ค โดยโซเชียลเติบโตได้แบบก้าวกระโดดอย่างมาก กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า คนรุ่นใหม่หันมาใช้ช่องทางนี้กันคึกคักในหลากหลายรูปแบบ เช่น เปิดแฟนเพจขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้โซเชียล คอมเมิร์ซเติบโตสูงมาก เนื่องจากความนิยมใช้โซเชียล เน็ตเวิร์คของคนไทยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากอดีตเมื่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต สิ่งแรกที่คนไทยใช้ คือ อีเมล แต่ปัจจุบันสิ่งแรก คือ การใช้โซเชียล เน็ตเวิร์ค
ข้อมูลระบุด้วยว่า แรงจูงใจสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อ คือ การเห็นโฆษณาออนไลน์แล้วคลิก จากที่สินค้า และแบรนด์ต่างๆ หันมาใช้เม็ดเงินโฆษณาออนไลน์กันมากขึ้น ขณะที่รายย่อย หรือเอสเอ็มอีมองว่า โซเชียล เน็ตเวิร์คสามารถดึงดูดให้คนเข้าไปซื้อสินค้าของพวกเขาได้มากขึ้น
http://www.bangkokbiznews.com
คลังใจชื้น ! ช้อปช่วยชาติคึกคัก เชื่อเงินสะพัดตามเป้าหมื่นล้าน
กระทรวงการคลัง ใจชื้น ! มาตรการช้อปช่วยชาติยังคึกคัก มั่นใจจบโครงการเงินสะพัดตามเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท หนุนเอกชนโกยยอดขายทะลักช่วงปลายปี
วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี “ช้อปช่วยชาติ 2560“ ว่า ตลอด 13 วันที่ผ่านมา นับว่ามาตรการดังกล่าวประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งคาดว่าหลังจบมาตรการจะมีคนออกมาใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท จากการที่มีประชาชนซื้อสินค้าเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีกันเป็นจำนวนมาก
ส่วนปีหน้าจะมีมาตรการช้อปช่วยชาติอีกหรือไม่นั้น จะต้องดูความเหมาะสมของสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้นด้วย เพราะยอมรับว่ามาตรการช้อปช่วยชาติไม่ควรเป็นมาตรการถาวร เนื่องจากอาจทำให้เกิดการชะงักการใช้จ่ายได้ของประชาชนได้
ด้านนางสาวนงลักษณ์ โลหะมาณพ ผู้จัดการใหญ่การตลาด Corporate Promotion บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์ทุกสาขา ได้จัดโปรโมชั่นต้อนรับมาตรการช้อปช่วยชาติของรัฐบาล ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน มาตรการดังกล่าวช่วยให้บริษัทมียอดขายเติบโตถึง 15% และมีการออกใบกำกับภาษีกว่า 160,000 ใบ พร้อมทั้งคาดว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของโครงการจะทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตกว่า 20% หรือคิดเป็นรายได้กว่า 1,200 ล้านบาท
ขณะที่นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า มาตรการช้อปช่วยชาติจะช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทให้เติบโตประมาณ 10-15% จากช่วงปีก่อน ซึ่งสินค้าที่ขายดีในช่วงนี้ ได้แก่ เครื่องสำอาง สินค้าแฟชั่น และสินค้าตกแต่งบ้าน โดยบริษัทได้เพิ่มจุดออกใบกำกับภาษีเต็มรูป ให้สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปภายในเวลาเพียง 1-2 นาที เพื่อรองรับปริมาณการจับจ่ายที่คาดว่าจะคึกคักต่อเนื่อง
https://money.kapook.com
พบกับ Somnox หมอนโรบอทที่จะมาแทนที่ยานอนหลับของคุณ
กลุ่มนักศึกษาวิศวกรรมหุ่นยนต์จาก Delft University of Technology ในประเทศเนเธอร์แลนด์ Julian Jagtenberg และเพื่อนๆ ผู้ร่วมสร้าง Somnox ได้เคยเปิดเผยถึงปัญหาและผลกระทบของการถูกรบกวนการนอนหลับ ในฐานะที่เป็นนักวิศวกรรมหุ่นยนต์ พวกเขาจึงเริ่มมองหาวิธีการเพื่อที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว และอาจจะเป็นทางเลือกแทนการใช้ยา Jagtenberg และทีมงานได้พัฒนาหุ่นยนต์ Somnox ขึ้น ที่ทั้งนุ่ม น่ากอด สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ลักษณะเป็นรูปถั่วลิสง ใช้ระบบเซ็นเซอร์ความไวสูงและอัลกอริทึ่ม ทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ใช้ตื่นหรือกำลังหลับลึก และใช้ข้อมูลเพื่อสร้างจังหวะการหายใจเข้า-ออก ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย กระตุ้นให้ผู้ใช้สามารถนอนหลับได้เร็วและหลับสบาย และจะค่อยๆ เปล่งแสงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปลุกผู้ใช้ในตอนเช้า
การประดิษฐ์ของพวกเขาได้รับการตอบรับที่ดีมาก จนทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนจากโครงการของมหาวิทยาลัยแล้วสร้างบริษัทของพวกเขาเอง หลังจากที่ได้ทำการพัฒนาโครงการมาได้สามปีก็มั่นใจในผลงานและเริ่มแคมเปญ crowdfunding เพื่อหาทุนในการผลิต โดยเงื่อนไขโครงการคือจะได้รับการสนับสนุนหากบรรลุเป้าหมายก่อนวันที่ 15 ธันวาคม 2560 และพวกเขาก็ทำสำเร็จในระยะเวลาเพียง 4 วันเท่านั้น พร้อมได้เปิดตัวโครงการไปแล้วในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา บนเว็บไซต์ Kickstarter
สำหรับผู้ที่สนใจหมอนโรบอท Somnox ท่านสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้เเล้วที่หน้าเว็บ kickstarter ของโปรเจค Somnox โดยราคาและการสั่งจองจะเป็นรูปแบบแพ็กเกจ เริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาท ส่วนกำหนดการส่งสินค้านั้นจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคมในปี พ.ศ. 2561
https://news.thaiware.com
รูปย่อของกริยากับสรรพนาม
รูปย่อ อ่านว่า รูปเต็ม
- I’m(ไอม) = I am
- he’s(ฮีซ) = he is
- she’s(ชีซ) = she is
- it’s(อิทส) = it is, it has
- where’s(แวร์ส) = where is
- what’s(ว็อทส) = what is
- who’s(ฮูส) = who is
- there’s(แธอัส) = there is
- we’re(เวีย/วีอะ) = we are
- you’re(ยุอะ) = you are
- they’re(เธอะ) = they are
- there’re(แธอะระ) = there are
- I’ve(ไอฟว) = I have
- you’ve(ยูฟว) = you have
- they’ve(เธฟว) = they have
- we’ve(วีฟว) = we have
- I’d(ไอด) = I had, I would
- You’d(ยูด) = you had, you would
- they’d(เธด) = they had, they would
- we’d(วีด) = we had, we would
- he’d(ฮีด) = he had, we would
รูปย่อ อ่านว่า รูปเต็ม
- it’d(ชีด) = it had, it would
- it’d(อีด) = it had, it would
- I’ll(ไอล) = I shall, I will
- รูปย่อของกริยากับnot เข้าด้วยกัน
รูปย่อ อ่านว่า รูปเต็ม
- isn’t(อิซซึนท) is not
- aren’t(อานท) are not
- wasn’t(ว็อซซึน) was not
- weren’t(เวินท) were not
- hasn’t(แฮ็ซซึนท) has not
- haven’t(แฮ็ฟวึนท) have not
- hadn’t(แฮ็ดดึนท) has not
- don’t(โดนท) do not
- doesn’t(ดัซซึนท/ด็าสซื่นท) does not
- didn’t(ดิดดึนท)did not
- won’t(โวนท)will not
- wouldn’t(วุดดึนท)would not
- shan’t(ชานท)shall not
- shouldn’t(ชุดดึนท)should not
- can’t(คานท)cannot
- couldn’t(คุดดึนท)could not
- mayn’t(เมนท)may not
- mightn’t(ไมทึนท)might not
- mustn’t(มัสซึนท)must not
- needn’t(นีดึนท)need not
- daren’t(แดอึนท)dare not
- oughtn’t(ออทึนท)ought not
- usedn’t(ยูสดึนท)used not
http://easyeng4you.blogspot.com
ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 1/12/2560
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง
|
ราคารับซื้อต่อกรัม
|
ราคารับซื้อ/บาท
|
ราคาขายออก/บาท
|
ทองคำแท่ง 96.5% |
n/a |
19,700.00 |
19,800.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% |
1,276.00 |
19,344.16 |
20,300.00 |
ทองรูปพรรณ 90% |
1,148.40 |
17,409.74 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 50% |
574.00 |
8,701.84 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 40% |
447.00 |
6,776.52 |
n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% |
1,322.00 |
20,041.52 |
n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 1/12/2560
ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ปตท
PTT |
บางจาก
BCP |
เชลล์
Shell |
เอสโซ่
Esso |
คาลเท็กซ์
Caltex |
ไออาร์พีซี
IRPC |
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG |
ซัสโก้
Susco |
ระยองเพียว
Pure |
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers |
แก๊สโซฮอล 95 |
28.25 |
28.25 |
– |
27.65 |
28.25 |
27.65 |
28.25
|
28.25
|
28.25
|
28.25
|
แก๊สโซฮอล E-20 |
25.74
|
25.74
|
25.74
|
25.14
|
25.74
|
– |
25.74
|
25.74
|
25.74
|
25.74
|
แก๊สโซฮอล E-85 |
20.84 |
20.84 |
– |
– |
– |
– |
– |
20.84 |
20.84 |
– |
แก๊สโซฮอล 91 |
27.98 |
27.98 |
27.98 |
27.38 |
27.98 |
27.38 |
27.98 |
27.98 |
27.98 |
27.98 |
เบนซิน 95 |
35.36 |
– |
– |
– |
35.81 |
– |
35.86 |
35.36 |
35.36 |
35.36 |
ดีเซลหมุนเร็ว |
26.79 |
26.79 |
26.79 |
26.79 |
26.79 |
26.79 |
26.79 |
26.79 |
26.79 |
26.79 |
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม |
29.79 |
30.47 |
30.47 |
30.47 |
30.47 |
– |
– |
– |
– |
– |
มีผลตั้งแต่ |
23 Nov 05:00 |
23 Nov 05:00 |
23 Nov 05:00 |
23 Nov 05:00 |
23 Nov 05:00 |
23 Nov 05:00 |
23 Nov 05:00 |
23 Nov 05:00 |
23 Nov 05:00 |
23 Nov 05:00 |