สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 1 ธันวาคม 2560

อสังหาฯ‘สมุทรปราการ’ขยายตัวสูง

เมื่อความต้องการที่อยู่อาศัยในจังหวัดปริมณฑลเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันยังมีหลายปัจจัยที่ท้าทายการพัฒนาอสังหาฯ ในปัจจุบัน และส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคด้วยในอนาคต

สุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่าหากเทียบเคียงปริมณฑล 4 พื้นที่หลัก ผ่านจำนวนโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่มีในตลาด และยอดขายที่เกิดขึ้น จะเห็นศักยภาพของ 3 พื้นที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ สมุทรปราการ, นนทบุรี และ ปทุมธานี มากที่สุด

โดยเฉพาะสมุทรปราการ ที่มีศักยภาพจากการมีแหล่งโรงงาน, รถไฟฟ้า จำนวนโครงการบ้านมีอยู่กว่า 3.54 หมื่นยูนิต ยอดขายกว่า 60% ส่วนคอนโดมีจำนวนกว่า 2.36 หมื่นยูนิต ยอดขายกว่า 66% ราคาเฉลี่ยยังอยู่ราว 1-3 ล้านบาท สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ที่มองหาที่อยู่ในราคา 1-3 ล้านบาทมากที่สุด

ขณะที่นนทบุรี มีจำนวนบ้าน 4.18 หมื่นยูนิต ยอดขาย 60% ราคาเฉลี่ยที่ 3-5 ล้านบาท และคอนโด 4.2 หมื่นยูนิต ยอดขายไปแล้ว 71% มีราคาที่ราว 1-3 ล้านบาท ซึ่งยอดขายใกล้เคียงกับสมุทรปราการ ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่มีปัญหา หลังจากที่เริ่มได้อานิสงส์จาการเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้ว

ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและแผนการจนส่งและการจราจร ระบุว่า หลังจากมีการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและม่วงตั้งแต่ ส.ค.ที่ผ่านมา ปริมาณผู้โดยสารเพิ่มจาก 2.5 หมื่นคนเป็น 4.8 หมื่นคนต่อวัน แต่ทั้งนี้ ก็ยังต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ว่าจะสูงถึง 1.2 แสนคนต่อวัน

สิ่งที่ท้าทายของการพัฒนาในแถบปริมณฑลในระยะอันใกล้คือ “ผังเมือง” ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญมากกว่าประเด็นว่าจะมีระบบขนส่งทางรางเข้ามาในพื้นที่หรือไม่ด้วยซ้ำ

“ถ้าอยากให้ปริมณฑลพัฒนา ต้องมีผังเมืองเป็นตัวเริ่มต้น ส่วนการคมนาคมเชื่อมต่ออาจจะเป็นปัจจัยรอง เพราะบ้านจัดสรรเป็นตลาดที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกำลังซื้อในราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทยังเป็นที่ต้องการ ขณะที่คอนโดอาจไปได้ดีในบางทำเลเท่านั้น”

พีระพงศ์ จรูญเอก  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เห็นศักยภาพของสมุทรปราการในหลายด้าน ในฐานะที่เป็นบริษัทใหม่ที่อายุเพียง 8 ปี แต่รุกหนักด้านการพัฒนาโดยมีโครงการในมือแล้วกว่า 44 โครงการนั้น ในจำนวนดังกล่าวมีถึง 20 โครงการแล้ว รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้าน ที่อยู่ใน 2 ช่วงหลักเกาะแนวรถไฟฟ้าสีเขียวที่ปักธงไว้แน่นหนา คือ ระหว่างสถานีอ่อนนุช-แบริ่ง และแบริ่งถึงสมุทรปราการ (ไม่เกินบริเวณไม่เกินสถานีพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ)

สาเหตุที่ทำให้เติบโตสูง เนื่องจากมีปัจจัยเอื้อหลากหลาย อาทิ มีแหล่งงานจากโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม, สนามบิน, ห้างสรรพสินค้า ที่ตอบสนองความเป็นชุมชน ขณะที่การหาที่ดินไม่ได้ง่ายเท่ากับโซนรังสิต หรือ บางบัวทอง ทำให้การพัฒนาโครงการใดขึ้นมา ก็ยังมีโอกาสที่ลูกค้าจะตอบรับสูง โดยขณะนี้พร้อมที่จะต่อยอดจากโครงการคอนโดบุกตลาดแนวราบแล้วเช่นกัน

โอกาสที่น่าจับตามองมากในขณะนี้คือ นอกจากกำลังซื้อคนในโซนนี้จะมีสูงแล้ว การเป็นจุดหมายที่เริ่มได้รับความนิยมของชาวต่างชาติมากขึ้น และในเชิงเศรษฐกิจที่เติบโต ดูได้จากตัวเลขรายได้ของสมุทรปราการที่ครองลำดับ 3 ของประเทศ หรือราว 7 แสนล้านบาท เป็นรองจาก กรุงเทพฯ และระยอง เท่านั้น

ในเชิงกลยุทธ์พื้นที่สมุทรปราการ มีจุดแข็งด้านการผสมผสานของเซ็กเมนท์ที่หลากหลาย

มีทั้งกลุ่มแรงงาน, คนทำงาน และชาวต่างชาติ เช่น มีโรงงานโตโยต้าผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ เช่น รถบรรทุก และอื่นๆ จึงไม่มีปัญหากำลังซื้อแกว่งเหมือนรถยนต์ส่วนบุคคล โรงงานยังแจกโบนัส 10 เดือนได้ และกลุ่มนี้กลายเป็นเป้าหมายที่บริษัทอสังหาฯ ใช้พึ่งพาได้เมื่อกลุ่มอื่นมีความเสี่ยง

พีรพงศ์ ยกตัวอย่างด้วยว่า แม้ว่าราคาเฉลี่ยในโซนสมุทรปรากรจะอยู่ที่ราคาต่ำกว่าล้านบาท แต่เมื่อบริษัทพัฒนาโครงการที่ราคา 1 แสนบาทต่อตร.ม. หรือมียูนิตที่ราคากว่า 15-20 ล้านบาท ก็ยังขายหมดได้ โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้การขายประสบความสำเร็จ คือ การปรับแต่งรูปแบบให้ตอบสนองได้ทุกกลุ่ม แม้กระทั่งตลาดนิชในระดับไฮเอนด์ได้

นอกจากนั้น ด้วยการมีพาร์ทเนอร์จากประเทศญี่ปุ่น ทำให้ได้เปรียบเรื่องการสร้างฐานลูกค้าญี่ปุ่น โดยเฉพาะกลุ่มที่สนใจซื้อเพื่อการลงทุน วางแผนเพื่อให้เป็นบ้านที่ 2 หลังจากเกษียณอายุ และระหว่างที่ยังไม่อยู่อาศัยก็ปล่อยเช่า ที่ผ่านมามีลูกค้าญี่ปุ่นสนใจซื้อในโครงการระดับราคา 1 ล้านบาทมาก เพราะเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถหาได้ในประเทศตัวเอง ในความคุ้มค่าในการลงทุนโดยรวม เฉพาะค่าเงินก็ได้เปรียบกว่า 10-20% แล้ว และด้วยการออมทรัพย์ที่ญี่ปุ่นไม่มีดอกเบี้ย การปล่อยเช่าได้กำไร 5-7% ก็เป็นที่พึงพอใจต่อลูกค้าแล้ว

กลุ่มนี้จะแตกต่างจากญี่ปุ่นในย่านทองหล่อ ไม่ได้ชิงตลาดเดียวกัน เพราะในย่านใจกลางเมือง จะเป็นการเช่าโดยมีงบประมาณบริษัทสนับสนุนที่อยู่อาศัยราว 6 หมื่นบาทต่อเดือน แต่ในย่านปริมณฑลมักจะเป็นการลงทุนของลูกค้าเองเพื่อเป้าหมายระยะยาวทั้งสิ้น

ลูกค้าต่างชาติของออริจิ้น ในคอนโดบางโครงการสูงถึง 35-40% ขณะที่โครงการระดับไฮเอนด์สูงเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ 45% ถือว่าตลาดต่างชาติที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2”

ประเด็นที่ต้องจับตามองของการรุกตลาดปริมณฑลคือ การกำหนดผังเมือง ที่เริ่มเห็นข้อจำกัดในการพัฒนาโครงการที่ นนทบุรี มาแล้วทำให้ในรอบ 5 ปีต่อไปนี้ การเกิดโครงการใหม่ในนนทบุรีอาจจะนิ่ง เพราะยังมีซัพพลายคงค้างจำนวนมากด้วย และน่ากังวลว่า สมุทรปราการ หรือกระทั่งกรุงเทพฯ จะตามรอยต่อไป

เลิศมงคล วราเวณุชย์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ จังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ นนทบุรีมีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ และเป็นจังหวัดที่มีสาธารณูปโภคเหมือนกรุงเทพฯ ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง และอยู่ระหว่างก่อสร้างสายสีชมพู ซึ่งเส้นทาง 50% วิ่งอยู่ในจังหวัด รวมถึงสายสีน้ำตาลในอนาคต

ที่ผ่านมา นนทบุรี เป็นตลาดที่อยู่อาศัยของคนกรุงเทพฯ ที่ไม่สามารถจับจ่ายที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงได้ แต่ด้วยการพัฒนาผังเมืองที่กำลังจะประกาศใช้กลางปีหน้า ทำให้บ้านจัดสรรและคอนโดในโซนรอบเมืองพัฒนาได้ยากขึ้น เพราะติดข้อกำหนดเรื่องขนาดถนนและซอย โซนการสร้างจะถูกบีบให้อยู่ใจกลางเมืองที่มีถนนขนาดใหญ่ ซึ่งการพัฒนาแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะราคาที่ดินสูงกว่า 1 แสนบาทต่อตร.ว.ขึ้นไป ส่งผลให้ราคาโครงการจะต้องสูงขึ้นแน่นอน

ดังนั้น การพัฒนาอสังหาฯ ในปริมณฑลนั้น ปัจจัยเรื่องผังเมืองจึงมีบทบาทกระทบต่อทั้งเจ้าของโครงการและผู้บริโภคปลายทางด้วย

http://www.bangkokbiznews.com


ส่องอสังหาฯ 2018 กูรูฟันธง “ไทย-อาเซียน” ตลาดเฉิดฉาย

เก็บตกเวทีงานเสวนาแห่งปีหัวข้อ “ส่องอสังหาฯ 2018” จัดโดยประชาชาติธุรกิจร่วมกับกลุ่มแกรนด์โฮม เมื่อวันศุกร์ 24 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา แนวโน้มที่เป็นเทรนด์ใหญ่มีกูรูวงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย และตัวแทนตลาดอาเซียนจากประเทศกัมพูชา ฟันธงสอดคล้องกันว่ามีทิศทางเป็นบวก รวมทั้งยังไม่มีข้อกังวลประเด็นโอเวอร์ซัพพลาย

ไม่ห่วงโอเวอร์ซัพพลาย
“ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์” รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) ระบุว่า แนวโน้มปี 2561 ภาคอสังหาฯสดใสพอสมควร
ประมวลจากดัชนีหลายตัว เริ่มจาก “หน่วยโอนกรรมสิทธิ์” ข้อมูล ณ 9 เดือนแรก 2559 มีจำนวน 219,209 หน่วย ช่วงเดียวกันของปีนี้ คาดว่าอยู่ที่ 192,123 หน่วย ถือว่าใกล้เคียงกัน จนถึงสิ้นปีคาดว่าหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ทั่วประเทศทั้งปีของปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ในขณะที่ปีนี้มีภาวะการขายที่ดี ทำให้ปีหน้ามีหน่วยสร้างเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์มากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะเติบโต 6.1%
ขณะที่ในด้านมูลค่าการโอนทั่วประเทศ ข้อมูลเชิงสถิติบ่งบอกว่า ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าใกล้เคียงกับปีที่แล้ว น่าสนใจว่าแนวโน้มปีหน้ามีโอกาสเติบโตถึง 12.6% มาจากราคาอสังหาฯต่อหน่วยแพงขึ้นจากในอดีต
ส่วนสินเชื่อปล่อยใหม่ ตัวเลขปี 2559-2560 ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่เกือบ 6 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มทะลุเกิน 6 แสนล้านบาทได้ในปี 2561
ในด้านทำเล เขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คาดการณ์เติบโต 8.6% เหนือกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ มูลค่าโอน 15% ราคาที่อยู่อาศัยขยับขึ้นไป สินเชื่อโต 39%
ส่วนภูมิภาคคาดเติบโต 2.1% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศที่ประเมินว่าโต 6.1% นั่นคือแม้เศรษฐกิจในภูมิภาคค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น แต่กำลังซื้อไม่ฟื้นตัวดีมากนัก แนวโน้มยังเติบโตได้แต่โตในระดับต่ำ โดยซัพพลายคาดว่ามีการเติบโตค่อนข้างมาก
ดัชนีอีกตัวคือซัพพลายในตลาด หน่วย available for sale ณ สิ้นปี 2560 คาดว่ามี 260,000 หน่วย สิ้นปี 2561 คาดว่ามี 276,000 หน่วย เพิ่มเล็กน้อย โดยตลาดหลักเขต กทม.-ปริมณฑล แนวราบกับห้องชุดใกล้เคียงกันอยู่ที่ 56% กับ 44% ตามลำดับ
ดัชนีสำคัญในเรื่องอัตราดูดซับ-absorbtion rate พบว่า ทั้งประเทศอยู่ในเส้นค่าเฉลี่ยจำนวนเดือนที่จะระบายได้หมด เขต กทม.-ปริมณฑล แม้คอนโดฯมีสัดส่วนเยอะ แต่ค่าเฉลี่ยช่วง 5 ปีที่ผ่านมาใช้เวลา 17 เดือนขายหมด ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 22 เดือน แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีโอเวอร์ซัพพลายในตลาด ส่วนแนวราบในต่างจังหวัดสูงกว่าคอนโดฯ ซัพพลายเทียบอัตราดูดซับยังใกล้เคียงค่าเฉลี่ย 5 ปี
“เชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจ ทิศทางอสังหาฯดีขึ้น การระบายซัพพลายดีขึ้น ไม่เกิดโอเวอร์ซัพพลาย ปีหน้าอสังหาฯน่าจะสดใสพอสมควร”
สินค้าไทยเป็น first priority
“เจีย คิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเฮง เอเชีย ธุรกิจโมเดิร์นเทรดวัสดุก่อสร้างและของตกแต่ง ประเทศกัมพูชา ชวนเปิดมุมมองเกี่ยวกับ “โอกาสอสังหาฯไทยในตลาดอาเซียน”
ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศกัมพูชาวันนี้บูมมาก ๆ โดยเฉพาะปี 2016-2017 เชื่อว่าปี 2018 เติบโตก้าวกระโดด ไม่ว่าอินฟราสตรักเจอร์ ตึกสูง คอนโดฯ อพาร์ตเมนต์ บ้านแนวราบ มีการลงทุนต่างประเทศเข้ามาเยอะมาก ทั้งญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน และไทย
ในภาพระดับเมือง ตัวเมืองขยายมหาศาล กรุงพนมเปญมีพื้นที่ 10 กว่าตารางกิโลเมตรในอดีต ขยายเพิ่มอีก 20 กว่าตารางกิโลเมตร ไฮเวย์ ทางด่วนกำลังสร้าง หลายประเทศกำลังไปลงทุน ญี่ปุ่นลงทุนขยาย 1 เท่าตัวท่าเรือทะเล (sea port) ที่สีหนุวิลล์ เมืองกำปงโสม ยังมีท่าน่านน้ำจืด (river port) รองรับสินค้าหนัก เช่น ซีเมนต์ เหล็กเส้น โดยไจก้าถือหุ้น 13.5%
“เราสังเกตได้ว่าพนมเปญเป็นประเทศที่โครงการแม่โขงสมัยก่อน จีนเล็งเส้นทางเส้นนี้รวมกับ One Belt One Road เพราะฉะนั้น สีหนุวิลล์พอร์ตจะเป็นฮับระหว่างไทย-เวียดนาม-กัมพูชา”
นอกจากนี้มี economic zone 24 แห่ง แบ่งเป็น 11 โซนที่ให้บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว หรือ one stop services ความได้เปรียบด้านภาษา รัฐบาลพยายามส่งเสริมไม่ว่าเกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ส่งเสริมให้เรียนฟรี
“บ้าน ที่ดินขึ้นราคา มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ เช่น ญี่ปุ่นลงทุนอิออนมอลล์ สำเร็จมาก กำลังเปิดอิออน 2 ในปีหน้า แม็คโครกำลังจะเปิด 17 ธันวาคมนี้ ห้างจึงมาแรง วัตสันจากมาเลเซียกำลังมา ศัลยามอลล์ รัตนะพลาซ่า คล้าย ๆ มาบุญครองก็มีแล้ว”
ระหว่างปี 2016-2017 ภาคอสังหาฯเติบโต 28-30% เชื่อว่าปีหน้าโตกว่านี้เพราะเริ่มไปต่างจังหวัด เช่น สีหนุวิลล์ จีนเข้าไปกว้านซื้อที่ดิน มีโรงแรม 5-7 ดาวไปลงทุน ปี 2017 รัฐบาลกัมพูชาพยายามทำถนนหนทางให้สีหนุวิลล์เป็นบีชที่สวยที่สุดในโลก รวมทั้งญี่ปุ่นปักหมุดเมืองเสียมเรียบ ให้เป็น retire country นำคนเกษียณชาวญี่ปุ่นไปพักอาศัย
โฟกัสภาคอสังหาฯที่แนวโน้มเติบโต 30% แยกได้สองตลาด คือ คอนโดฯ กับอพาร์ตเมนต์ โดยกำลังซื้อประชากรกัมพูชามี 2 แบบด้วยกัน 1.คนเคยไปเรียนต่างประเทศ เรียกว่า return cambodian ในยุคสงครามอพยพออกไปแล้วกลับเข้ามาหลังเปิดประเทศ กลับมาเยี่ยมประเทศเจอโอกาสลงทุนเยอะมาก คนเหล่านี้จะชินคอนโดฯ อพาร์ตเมนต์
2.local cambodian ยังชินกับบ้าน อยู่ติดดิน ประชากรกัมพูชา 28 ปีที่แล้วมี 7-8 ล้านคน วันนี้ 16 ล้านคน เฉลี่ยส่วนใหญ่อายุประชากรน้อยกว่า 30 ปี แต่งงานอายุน้อย 20 ปีต้น ๆ การขยายอยู่เป็นครอบครัวเล็ก ๆ เยอะ ทำให้ดีมานด์ตลาดมีมาก
“โอกาสการลงทุน ประเทศกำลังพัฒนาเป็นโอกาสทั้งนั้น ดีมานด์มีเยอะ สินค้าไทยคนกัมพูชาชื่นชอบมาก ออกแบบ วิถีการอยู่ก็คัลเจอร์ใกล้เคียงกันจึงเป็นที่นิยม รูปแบบจะก๊อบปี้จากที่นี่ไปเยอะ ถ้าไทยจะไปลงทุนเป็นโอกาสที่ดีมาก คนกัมพูชาก็เวลคัมคนไทยอย่างมากอยู่แล้ว ถ้าให้เลือกอะไรที่มาจากไทยถือว่าเป็น first priority

ที่ดินดันห้องชุดแพงขึ้น 52%
อีก 2 หัวข้อคือตลาดคอนโดฯกับไซซ์ห้องชุด เริ่มจากตั้งคำถามคอนโดฯลักเซอรี่ราคาแพงมีคนซื้อจริงหรือ ตัวขับเคลื่อนหลักคือรถไฟฟ้า ซึ่งปี 2555 มี 2 สายหลัก “ม่วง-น้ำเงิน” จากเดิมที่เคยเปิดตัวกระจุกทำเลดั้งเดิม สาทร สีลม สุขุมวิท เพลินจิต พระราม 4 อโศก รัชดาฯ
“แต่หลังจากปี”58 ไม่มีรถไฟฟ้าสายใหม่ 5-6 ปีแล้ว ดีเวลอปเปอร์ทุกคนหันเข้าเมืองหมด มีคนพูดเยอะทำไมตลาดลักเซอรี่เกิดขึ้นเยอะ เพราะมันไม่มีที่ (ทำเล) ให้ทำ ถ้าอยากจะชัวร์เราทำกลางเมือง สาทร สุขุมวิท ทำเลเหล่านั้นเพิ่มขึ้นเป็น 32% ต่อมาปลายปี”58 มีรถไฟฟ้าลอตใหม่ การกระจายตัวกลับมาดีขึ้นอีก เหลือทำเลตรงกลาง (ซีบีดี) แค่ 23%”
ไฮไลต์ “ยูนิตไซซ์” เปลี่ยนแปลงในทางขนาดลดลง คำอธิบายเพราะต้นทุน
อสังหาฯมีสองส่วนหลัก คือ วัสดุก่อสร้าง ปี 2555 สูงมากเพราะมีค่าแรงขั้นต่ำปรับตัวสูงขึ้น, ค่าที่ดินเพิ่มขึ้น 15-18-20% ต่อปี แปลว่าเพื่อให้ได้คอนโดฯในทำเลเดิม ห้องเดิม ราคาเพิ่ม 5-9%
ขณะที่ลูกค้าหลักตลาดคอนโดฯในกรุงเทพฯ 2-4 ล้านบาท เฉลี่ย 3 ล้านบาท การเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินช่วงปี 2554-2560 พบว่าห้องชุดไซซ์เดียวกัน ราคาเคย 3 ล้านบาท ต้องขายที่ 4.5 ล้านบาท เพิ่มสูงถึง 52% ดังนั้นเพื่อแข่งขันราคาให้ได้ 3 ล้านบาทเหมือนเดิม ห้องชุดเคยได้ 35 ตารางเมตร วันนี้ต้องขาย 22 ตารางเมตร
“ผมคิดว่าเป็นสัญญาณที่ดี มองไปข้างหน้ารายใหญ่ยังกินมาร์เก็ตแชร์เพิ่มเติม ผมยังมองไม่เห็นจุดสิ้นตรงจุดนั้น 10-11 รายแข็งแรงขึ้นอย่างมาก และจะแข็งแรงขึ้นไปอีกใน 2-3 ปีหน้าเป็นอย่างน้อย ตราบใดที่ธนาคารยังไม่เปลี่ยนมุมมองว่ารายเล็กมีความเสี่ยงอยู่บ้าง ปล่อยกู้เฉพาะรายใหญ่ ตลาดต่างจังหวัดคาดหวังว่าดีเหมือนเดิมเป็นไปไม่ได้ แต่ซัพพลายที่ลดลงเยอะมาก ๆ มีรูมที่ทำให้เติบโตได้อยู่”
ทาวน์เฮาส์โตด้วยนวัตกรรม
“แสนผิน สุขี” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือโกลเด้นแลนด์ สปอตไลต์ฉายส่องเป็นอย่างมากเพราะสามารถเทิร์นอะราวนด์ในปี 2556 จากยอดรับรู้รายได้ 1,600 ล้าน ขยับเป็นเป้า 10,000 ล้านในปีนี้ และรายได้แตะ 20,000 ล้านบาทประสบการณ์ที่นำมาแบ่งปันคือ ตลาดแข่งขันสูง ราคาที่ดินเริ่มสูงขึ้น ค่าครองชีพคนเริ่มสูงขึ้น มีผลต่อสินเชื่อลูกค้าไม่สามารถ afford ได้ ต้องทำยังไง โมเดลธุรกิจคือสินค้าทาวน์เฮาส์ที่ประสบความสำเร็จ ทำยอดนิวไฮจากอีเวนต์เปิดพรีเซล 1-2 วันแรกในระดับ 500-900 ล้านบาท
นวัตกรรมทาวน์เฮาส์ เรื่องแรก “ทำเล” มนุษย์เงินเดือนก็สามารถมีทำเลที่ดีได้ เราเฟ้นหาทำเลในเมือง แม้มีอุปสรรค เช่น ติดบ่อขยะ เสาไฟฟ้าแรงสูง มีถนนตัดผ่าน มีวัด แต่เรามองว่าซื้อทำเลที่ดีไว้ก่อน ส่วนปัญหาต่าง ๆ แก้ได้ ลูกค้าทาวน์เฮาส์แคร์เรื่องโลเกชั่น ความสะดวกมากกว่า
“อย่างอ่อนนุช-ลาดกระบัง ที่ดินราคาไร่ละ 4 ล้านกว่า ดีเวลอปเปอร์สิบกว่ารายไม่มีใครเอา แบ่งสองโครงการที่ดิน 80 ไร่ ขายเริ่มต้นไม่ถึง 2 ล้าน หมดในสองวันทั้งเฟส 1-2”
“เคยคิดว่าทำเลเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าสิ่งแวดล้อมไม่ค่อยดี ไม่ใช่ปัจจัยที่ขายไม่ได้ ฉะนั้น ทำเลผมให้ 50% ต้องใส่ใจตรงนี้ค่อนข้างเยอะ แซวกันในบริษัททำเลที่มีสายไฟฟ้าแรงสูงจะขายดี เช่น บางนา-สวนหลวง เราก็ทำสวนสาธารณะใหญ่เลย ทาวน์เฮาส์ไม่เคยมีสวนสาธารณะใหญ่ขนาดนี้ กลายเป็นจุดขายไป หรือทำเลติดบ่อขยะแถวสุขาภิบาล 5, ทำเลติดวงแหวน อ่อนนุช มองว่าวันนี้เป็นเรื่อง trade off ปัญหาอะไร และเราจะแก้ปัญหาจากตรงนั้นได้ไหม เพราะทุกอย่างเพอร์เฟ็กต์ไม่มีนะ ทำธุรกิจต้องมีได้มีเสีย”
ข้อมูลอินไซด์ ทำเลในเมืองทาวน์เฮาส์สามารถสู้ราคาที่ดินได้ถึง 4 หมื่นบาท/ตารางวา ไร่ละ 16 ล้านบาท ปกติจะทำบ้านเดี่ยวก็ลำบากแล้วต้องขายหลังละ 20 ล้านบาทขึ้นไป แต่ทำได้เพราะใช้นวัตกรรมมาช่วย
เริ่มตั้งแต่ระบบก่อสร้างใช้ระบบทันเนล ถูกกว่าพรีแคสต์, มีระบบซื้อของเองเหมือนเป็นกึ่ง ๆ ผู้รับเหมา ช่วยประหยัดต้นทุน 18%,
ซื้อของตรงเพื่อทำ volume discount, การใช้ผู้รับเหมาซ้ำช่วยในแง่ดีไซน์หรือคอสต์ที่ลดลง เพราะทาวน์เฮาส์สองชั้นขายเกิน 4 ล้าน ยากมาก ไม่ว่าทำเลไหนคนไม่ซื้อ เหมือนมีเพดานของทาวน์เฮาส์อยู่
ฟังก์ชั่นตัวช่วยที่ขายดีมาก เช่น ห้องพระ โฮมเธียเตอร์ ห้องครัว ลานซักล้าง ห้องทำงาน มีห้องเก็บกระเป๋า “เรื่องสเปซแพลนนิ่ง ทาวน์เฮาส์โกลด์ห้องนอนเรายังใหญ่กว่าห้องนอนเล็กของบ้านเดี่ยวซะอีก เรารู้ว่าลูกค้าอยากได้”
“สิ่งใดที่บ้านระดับ 10-20 ล้านทำได้ ผมพยายามทำให้ลูกค้าทาวน์เฮาส์ ซุ้มโครงการหมู่บ้านผมไม่แพ้บ้านเดี่ยวยี่สิบล้าน ความกว้างถนนเมน สระว่ายน้ำ สวนสาธารณะ ทำให้พัฒนาการอยู่ทาวน์เฮาส์ดีขึ้น”

http://www.bkkcitismart.com


ข้อมูลบนโซเชียลโต 44% คาดสิ้นปีส่งข้อความทะลุ3.6พันล.

11 เดือน ที่ผ่านมาปริมาณข้อมูลบนโลกโซเชียลในประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้นมากถึง 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559

หลายปีที่ผ่านมาการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คของคนไทยพุ่งสูงขึ้นมาโดยตลอด ตั้งแต่เพื่อการสื่อสาร ไปจนถึงการตลาด สร้างแบรนด์ ทำธุรกิจ รวมถึงซื้อขายสินค้าบนโลกออนไลน์

ข้อมูลล่าสุดโดย บริษัท โธธ โซเชียล จำกัด เผยว่า 11 เดือน ที่ผ่านมาปริมาณข้อมูลบนโลกโซเชียลในประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้นมากถึง 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 คาดว่าตลอดทั้งปี 2560 จะมีจำนวนการโพสต์ข้อความไม่น้อยกว่า 3,600 ล้านข้อความ จากปีก่อนหน้า 2,500 ล้านข้อความ

“กล้า ตั้งสุวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โธธ โซเชียล วิเคราะห์ว่า โซเชียลมีเดียกลายเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลอย่างมากในปัจจุบัน ในฐานะหนึ่งในช่องทางการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงกันได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ดี พบว่ามีการใช้งานทวิตเตอร์ได้รับความนิยมมากขึ้น ส่วนเฟซบุ๊คเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เทรนด์ที่น่าสนใจคือการใช้งานโซเชียลของแบรนด์ นอกเหนือจากเพื่อการตลาดและการจัดทำแคมเปญ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการบริการลูกค้า คอมเมิร์ซ รวมถึงเข้าไปดิสรัปวงการสื่อเช่นการไลฟ์

“เหตุที่ทวิตเตอร์ได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากใช้งานง่าย แชร์ได้ง่าย ระดับการเซ็นเซอร์มีน้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ฝั่งธุรกิจเองจากเดิมมองว่าทวิตเตอร์ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่น่าสนใจเลย ขณะนี้หันมาโฟกัสมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นวัยรุ่น”

จับตาอิทธิพล “แชท” 

เขากล่าวว่า เทรนด์ที่น่าสนใจต่อไปผู้บริโภคต้องการการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การใช้บริการบนดิจิทัลแบบเรียลไทม์ นอกจากนั้นสนใจเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวกับตนเอง คอนเทนท์ที่มีความเฉพาะบุคคลมากขึ้น อีกทางหนึ่งรูปแบบการใช้โทรศัพท์มือถือจะเปลี่ยนไปโดยเป็นมาตรฐานใหม่ซึ่งจุดเริ่มต้นของทุกอย่างเริ่มด้วยคิวอาร์โค้ด

ด้วยการเติบโตที่ก้าวกระโดดรวมถึงความต้องการของลูกค้าที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ข้อมูลที่ได้จากโลกโซเชียลกลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ที่ตามมาคือการเติบโตของเทคโนโลยีและเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงการนำแชทบอทมาใช้

อย่างไรก็ดี ด้วยเฟซบุ๊คไม่ใช่ช่องทางที่ฟรีอีกต่อไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการจำต้องปรับตัว หันไปหาแพลตฟอร์มอื่นๆ ทุกวันนี้การปั๊มไลค์โดยไม่ใช่การเติบโตอย่างแท้จริงด้วยตนเองจะไม่ได้ผลอีกต่อไป เทรนด์บนโลกโซเชียลนั้นเปลี่ยนเร็ว หากแบรนด์ไม่คอยตามติดการเปลี่ยนแปลงก็มีโอกาสตกกระแสได้

นอกจากนี้ที่สอดคล้องกันไป หลังจากการรับสื่อด้วยโซเชียล ที่ตามมาคือการแชท คาดว่าต่อไปแชทจะยิ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีอิทธิพลมากกว่าเดิม จากขณะนี้นิยมใช้คุยกับเพื่อน ครอบครัว ต่อไปมีโอกาสคุยกับแบรนด์ หรือต่อยอดไปสู่การบริโภคสินค้าและบริการบนออนไลน์ได้

แค่กดไลค์ไม่พอ

ด้าน “พเนิน อัศววิภาส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วันบิต แมทเทอร์ จำกัด (โอบีว็อค) ผู้ร่วมทุนของ โธธ โซเชียล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน โซเชียลแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างอิทธิพลต่อความคิดผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างมากยังคงเป็นเฟซบุ๊ค ยูทูป ไลน์ และเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

อย่างไรก็ดี ต่อไปรูปแบบการตลาดต้องมีความน่าสนใจ หรือ กิมมิคใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา การประมวลผลที่ประสิทธิภาพไม่ใช่แค่การกดไลค์ แต่เป็นการแชร์โพสต์ รวมถึงการเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อโพสต์นั้นๆ โดยเฉพาะกับโพสต์ที่ไม่มีตัวกระตุ้น หรือรางวัลเป็นแรงจูงใจ หลักๆ วิธีการทำตลาดให้เกิดประสิทธิผลต้องทำคอนเทนท์ให้ดี พร้อมเลือกกลุ่มเป้าหมายให้ตรง

ปัจจุบัน ภาพรวมอีคอมเมิร์ซไทยนิยมซื้อขายกันผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.เว็บไซต์ของแบรนด์สินค้าบริการ 2.อี-มาร์เก็ตเพลส และ 3.โซเชียล เน็ตเวิร์ค โดยโซเชียลเติบโตได้แบบก้าวกระโดดอย่างมาก กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า คนรุ่นใหม่หันมาใช้ช่องทางนี้กันคึกคักในหลากหลายรูปแบบ เช่น เปิดแฟนเพจขายสินค้าเฉพาะกลุ่ม

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้โซเชียล คอมเมิร์ซเติบโตสูงมาก เนื่องจากความนิยมใช้โซเชียล เน็ตเวิร์คของคนไทยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากอดีตเมื่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ต สิ่งแรกที่คนไทยใช้ คือ อีเมล แต่ปัจจุบันสิ่งแรก คือ การใช้โซเชียล เน็ตเวิร์ค

ข้อมูลระบุด้วยว่า แรงจูงใจสำคัญส่วนหนึ่งที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อ คือ การเห็นโฆษณาออนไลน์แล้วคลิก จากที่สินค้า และแบรนด์ต่างๆ หันมาใช้เม็ดเงินโฆษณาออนไลน์กันมากขึ้น ขณะที่รายย่อย หรือเอสเอ็มอีมองว่า โซเชียล เน็ตเวิร์คสามารถดึงดูดให้คนเข้าไปซื้อสินค้าของพวกเขาได้มากขึ้น

http://www.bangkokbiznews.com


คลังใจชื้น ! ช้อปช่วยชาติคึกคัก เชื่อเงินสะพัดตามเป้าหมื่นล้าน

ช้อปช่วยชาติ

กระทรวงการคลัง ใจชื้น ! มาตรการช้อปช่วยชาติยังคึกคัก มั่นใจจบโครงการเงินสะพัดตามเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท หนุนเอกชนโกยยอดขายทะลักช่วงปลายปี

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี ช้อปช่วยชาติ 2560 ว่า ตลอด 13 วันที่ผ่านมา นับว่ามาตรการดังกล่าวประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งคาดว่าหลังจบมาตรการจะมีคนออกมาใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท จากการที่มีประชาชนซื้อสินค้าเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีกันเป็นจำนวนมาก

ส่วนปีหน้าจะมีมาตรการช้อปช่วยชาติอีกหรือไม่นั้น จะต้องดูความเหมาะสมของสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้นด้วย เพราะยอมรับว่ามาตรการช้อปช่วยชาติไม่ควรเป็นมาตรการถาวร เนื่องจากอาจทำให้เกิดการชะงักการใช้จ่ายได้ของประชาชนได้

ด้านนางสาวนงลักษณ์ โลหะมาณพ ผู้จัดการใหญ่การตลาด Corporate Promotion บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์ทุกสาขา ได้จัดโปรโมชั่นต้อนรับมาตรการช้อปช่วยชาติของรัฐบาล ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน มาตรการดังกล่าวช่วยให้บริษัทมียอดขายเติบโตถึง 15% และมีการออกใบกำกับภาษีกว่า 160,000 ใบ พร้อมทั้งคาดว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของโครงการจะทำให้ยอดขายของบริษัทเติบโตกว่า 20% หรือคิดเป็นรายได้กว่า 1,200 ล้านบาท

ขณะที่นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า มาตรการช้อปช่วยชาติจะช่วยกระตุ้นยอดขายของบริษัทให้เติบโตประมาณ 10-15% จากช่วงปีก่อน ซึ่งสินค้าที่ขายดีในช่วงนี้ ได้แก่ เครื่องสำอาง สินค้าแฟชั่น และสินค้าตกแต่งบ้าน โดยบริษัทได้เพิ่มจุดออกใบกำกับภาษีเต็มรูป ให้สามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปภายในเวลาเพียง 1-2 นาที เพื่อรองรับปริมาณการจับจ่ายที่คาดว่าจะคึกคักต่อเนื่อง

https://money.kapook.com


 พบกับ Somnox หมอนโรบอทที่จะมาแทนที่ยานอนหลับของคุณ

พบกับ Somnox หมอนโรบอทที่จะมาแทนที่ยานอนหลับของคุณ

กลุ่มนักศึกษาวิศวกรรมหุ่นยนต์จาก Delft University of Technology ในประเทศเนเธอร์แลนด์ Julian Jagtenberg และเพื่อนๆ ผู้ร่วมสร้าง Somnox ได้เคยเปิดเผยถึงปัญหาและผลกระทบของการถูกรบกวนการนอนหลับ ในฐานะที่เป็นนักวิศวกรรมหุ่นยนต์ พวกเขาจึงเริ่มมองหาวิธีการเพื่อที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว และอาจจะเป็นทางเลือกแทนการใช้ยา Jagtenberg และทีมงานได้พัฒนาหุ่นยนต์ Somnox ขึ้น ที่ทั้งนุ่ม น่ากอด สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วยให้นอนหลับได้ดียิ่งขึ้น ลักษณะเป็นรูปถั่วลิสง ใช้ระบบเซ็นเซอร์ความไวสูงและอัลกอริทึ่ม ทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ใช้ตื่นหรือกำลังหลับลึก และใช้ข้อมูลเพื่อสร้างจังหวะการหายใจเข้า-ออก ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย กระตุ้นให้ผู้ใช้สามารถนอนหลับได้เร็วและหลับสบาย และจะค่อยๆ เปล่งแสงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อปลุกผู้ใช้ในตอนเช้า

การประดิษฐ์ของพวกเขาได้รับการตอบรับที่ดีมาก จนทำให้พวกเขาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนจากโครงการของมหาวิทยาลัยแล้วสร้างบริษัทของพวกเขาเอง หลังจากที่ได้ทำการพัฒนาโครงการมาได้สามปีก็มั่นใจในผลงานและเริ่มแคมเปญ crowdfunding เพื่อหาทุนในการผลิต โดยเงื่อนไขโครงการคือจะได้รับการสนับสนุนหากบรรลุเป้าหมายก่อนวันที่ 15 ธันวาคม 2560 และพวกเขาก็ทำสำเร็จในระยะเวลาเพียง 4 วันเท่านั้น พร้อมได้เปิดตัวโครงการไปแล้วในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา บนเว็บไซต์ Kickstarter

สำหรับผู้ที่สนใจหมอนโรบอท Somnox ท่านสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้เเล้วที่หน้าเว็บ kickstarter ของโปรเจค Somnox โดยราคาและการสั่งจองจะเป็นรูปแบบแพ็กเกจ เริ่มต้นที่ประมาณ 15,000 บาท ส่วนกำหนดการส่งสินค้านั้นจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคมในปี พ.ศ. 2561

https://news.thaiware.com


รูปย่อของกริยากับสรรพนาม

รูปย่อ อ่านว่า รูปเต็ม

  1. I’m(ไอม) = I am
  2. he’s(ฮีซ) = he is
  3. she’s(ชีซ) = she is
  4. it’s(อิทส) = it is, it has
  5. where’s(แวร์ส) = where is
  6. what’s(ว็อทส) = what is
  7. who’s(ฮูส) = who is
  8. there’s(แธอัส) = there is
  9. we’re(เวีย/วีอะ) = we are
  10. you’re(ยุอะ) = you are
  11. they’re(เธอะ) = they are
  12. there’re(แธอะระ) = there are
  13. I’ve(ไอฟว) = I have
  14. you’ve(ยูฟว) = you have
  15. they’ve(เธฟว) = they have
  16. we’ve(วีฟว) = we have
  17. I’d(ไอด) = I had, I would
  18. You’d(ยูด) = you had, you would
  19. they’d(เธด) = they had, they would
  20. we’d(วีด) = we had, we would
  21. he’d(ฮีด) = he had, we would

รูปย่อ อ่านว่า รูปเต็ม

  1. it’d(ชีด) = it had, it would
  2. it’d(อีด) = it had, it would
  3. I’ll(ไอล) = I shall, I will
  4. รูปย่อของกริยากับnot เข้าด้วยกัน

รูปย่อ อ่านว่า รูปเต็ม

  1. isn’t(อิซซึนท) is not
  2. aren’t(อานท) are not
  3. wasn’t(ว็อซซึน) was not
  4. weren’t(เวินท) were not
  5. hasn’t(แฮ็ซซึนท) has not
  6. haven’t(แฮ็ฟวึนท) have not
  7. hadn’t(แฮ็ดดึนท) has not
  8. don’t(โดนท) do not
  9. doesn’t(ดัซซึนท/ด็าสซื่นท) does not
  10. didn’t(ดิดดึนท)did not
  11. won’t(โวนท)will not
  12. wouldn’t(วุดดึนท)would not
  13. shan’t(ชานท)shall not
  14. shouldn’t(ชุดดึนท)should not
  15. can’t(คานท)cannot
  16. couldn’t(คุดดึนท)could not
  17. mayn’t(เมนท)may not
  18. mightn’t(ไมทึนท)might not
  19. mustn’t(มัสซึนท)must not
  20. needn’t(นีดึนท)need not
  21. daren’t(แดอึนท)dare not
  22. oughtn’t(ออทึนท)ought not
  23. usedn’t(ยูสดึนท)used not

http://easyeng4you.blogspot.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 1/12/2560​

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,700.00 19,800.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,276.00 19,344.16 20,300.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,148.40 17,409.74 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 574.00 8,701.84 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 447.00 6,776.52 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,322.00 20,041.52 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  1/12/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 28.25 28.25 27.65 28.25 27.65
28.25
28.25
28.25
28.25
แก๊สโซฮอล E-20
25.74
25.74
25.74
25.14
25.74
25.74
25.74
25.74
25.74
แก๊สโซฮอล E-85 20.84 20.84 20.84 20.84
แก๊สโซฮอล 91 27.98 27.98 27.98 27.38 27.98 27.38 27.98 27.98 27.98 27.98
เบนซิน 95 35.36 35.81 35.86 35.36 35.36 35.36
ดีเซลหมุนเร็ว 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79 26.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.79 30.47 30.47 30.47 30.47
มีผลตั้งแต่ 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00 23 Nov 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า