Blog Post

กลุ่มวัสดุหวังอสังหาฯโตรอแรงหนุนเมกะโปรเจ็กต์-อีอีซี

ตลาดวัสดุก่อสร้างรออานิสงส์เมกะโปรเจ็กต์รัฐ ดันอสังหาฯโต “ยิปรอค” วางแผนลงทุนขยายกำลังผลิตเพิ่มมากกว่า 75 ล้านตารางเมตรต่อปี “คอนวูด” เดินรุกไฟเบอร์ซีเมนต์ทดแทนไม้เน้นความสวยงามเจาะงานตกแต่งร้านค้า

นางสาวสหัทยา ทองปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยผลิตภัณฑ์ยิบซั่ม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงตลาดวัสดุก่อสร้างช่วงครึ่งหลังปี 2561 ยังไม่เห็นสัญญาณการเติบโตที่ชัดเจน การยื่นขอใบอนุญาตการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยและอาคารเชิงพาณิชย์จนถึงปลายปี 2560 ที่ผ่านมามีอัตราลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ยังมียอดยูนิตคงค้างอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีราคาตํ่ากว่า 3 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยหนุนจากการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานและส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า ช่วยกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มโรงพยาบาลและโรงแรม ที่คาดว่าจะเติบโตเช่นกัน โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มโครงสร้างหลัก เช่น ปูน เหล็กจะมีการฟื้นตัวก่อน สำหรับวัสดุโครงสร้าง ฝ้า เพดาน และผนังภายใน คาดว่าจะเติบโตตามมา อีกปัจจัยบวกที่หนุนให้ธุรกิจวัสดุก่อสร้างเติบโต ได้แก่ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะขับเคลื่อนการขยายตัวของธุรกิจวัสดุก่อสร้างให้เติบโตมากขึ้นในปี 2562

เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว ยิปรอคกำลังพิจารณาการลงทุนขยายกำลังการผลิตยิปซัม ซึ่งปัจจุบันโรงงาน 2 แห่งที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี และบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิตที่ 75 ล้านตารางเมตรต่อปี เพียงพอสำหรับอุปสงค์ที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้บริษัทยังส่งออกไปยังเวียดนาม กัมพูชา เมียนมาและแอฟริกา

ด้านนายกิตติ บุญประคอง  รองประธาน บริษัท คอนวูด จำกัด ในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงฯ กล่าวว่าตลาดวัสดุทดแทนไม้มีแนวโน้มเติบโต ทั้งการใช้งานในประเทศและการส่งออก เพื่อทดแทนไม้จริงเนื่องจากมีความหลากหลายมากขึ้น ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในหลายรูปแบบ ประกอบกับตลาดและมุมมองของผู้ใช้งานเริ่มมองไฟเบอร์ซีเมนต์เป็นมากกว่าวัสดุทดแทนไม้ ซึ่งคอนวูดจะเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งในกลุ่มการใช้งาน ทั่วไปและกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่ง เน้นจุดขายด้านคุณภาพ ดีไซน์ และความสวยงาม รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์สี หรือ CONWOOD Color เพื่อตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น

สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์ทดแทนไม้ในปี 2561 คาดมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องประมาณ 5% จากปี 2560 โดยผลิตภัณฑ์ใหม่มีศักยภาพการทำตลาดดีมาก ทั้งกลุ่มไม้เชิงชาย คอนวูด รุ่นฟิตและไม้ผนังบังใบ รุ่นซีล็อค ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์สีคอนวูด ภายใต้ชื่อ CONWOOD Color มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น โดยปีนี้คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 10 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 1.5 ล้านบาท ในระยะเริ่มต้นได้วางแผนให้สีคอนวูดเติบโตควบคู่กับการ เติบโตของผลิตภัณฑ์ไม้ต่างๆ ของคอนวูด ในฐานะผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งบริการ “i-SERVICE by CONWOOD” ออกแบบ  ติดตั้ง และบริการหลังการขาย โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจากคอนวูด

“คอนวูดเน้นจุดแข็งตอบสนองงานออกแบบสถาปัตยกรรมและตกแต่งทุกพื้นที่ภูมิสถาปัตย์  ที่สำคัญ ลดการใช้ไม้จากธรรมชาติ โดยมองเรื่องประโยชน์ของการใช้งานเป็นหลัก และสรรค์สร้างทุกการตกแต่งด้วยไม้คอนวูดที่เป็นมิตรต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” นายกิตติยํ้า

http://www.thansettakij.com

ผู้เชี่ยวชาญแนะรัฐควรออกกฎหมายเพิ่มความชัดเจน ปล่อยเช่าบ้าน-คอนโดฯ

เทรน์การนำคอนโดมิเนียมมาปล่อยเช่ารายวัน รายสัปดาห์นั้นได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก แม้ในมุมของผู้เช่าถือว่าได้ประโยชน์ แต่ในมุมของเจ้าของร่วมและผู้ประกอบการโรงแรมถือว่าไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังเข้าข่ายมีความผิดตามพ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ. 2547 ล่าสุดได้เกิดกรณีเจ้าของห้องชุดคอนโดฯ หรู ในอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ถูกศาลพิพากษามีความผิดตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวแล้ว 

แนะรัฐออกกฎหมายควบคุมชัดเจน

นายสุรเชษฐ กองชีพ ผู้เชี่ยวชาญตลาดอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว หากยึดตามกฎหมายประเทศไทย ก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย แต่ไม่ชัดเจน เนื่องจากในตัวบทกฎหมายไม่ได้มีการระบุว่าไม่สามารถนำห้องชุดมาปล่อยเช่ารายวัน รายสัปดาห์ได้ ซึ่งมองได้ 2 ด้าน คือ ในมุมมองของเจ้าของห้องชุดมองว่าตนไม่ได้กระทำความผิด ส่วนเจ้าของร่วมในโครงการ หรือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมต่างมองว่ามีความผิดทางกฎหมาย เพราะผู้ที่ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายนั้น จะต้องเสียภาษีที่มากกว่าและมีขั้นตอนในการเช่าพักที่ถูกต้อง จึงมีความรู้สึกว่าเจ้าของห้องชุดที่นำมาปล่อยเช่ารายวัน รายสัปดาห์นั้น เอาเปรียบ เพราะไม่มีการลงทะเบียนประวัติผู้เช่า ทำให้เสี่ยงต่อความเสียหาย ความปลอดภัยภายในโครงการนั้นๆ เพราะผู้เช่ารายวันจะไม่มีจิตสำนึกในการรักษาทรัพย์สินส่วนกลาง ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานกว่า 10 ปีแล้ว

ทั้งนี้จากปัญหาดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนที่ซื้อคอนโดฯ เพื่อปล่อยเช่า เริ่มคิดวิเคราะห์ในการเลือกทำเล เลือกโครงการและผลตอบแทนในการลงทุนมากขึ้น แต่ปัจจุบันยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจนมากนัก

แต่เชื่อว่ากรณีดังกล่าวยังไม่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่ซื้อคอนโดฯ เพื่อการลงทุนแต่อย่างใด เพราะเพิ่งเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดเดียว ทั้งนี้หากนิติบุคคลแต่ละโครงการร่วมกับออกกฎตามมติร่วมของเจ้าของร่วมในโครงการ ก็สามารถดำเนินการได้ เพื่อไม่ให้เกิดการนำห้องชุดมาปล่อยเช่ารายวัน รายสัปดาห์ได้

ส่วนผู้ประกอบการพัฒนาโครงการนั้นคงมีการพัฒนาโครงการที่เน้นทั้งนักลงทุนและผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่จริงอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่เน้นเรื่องการนำห้องชุดมาปล่อยเช่า หรือหากผู้ประกอบการจะเน้นโครงการเพื่อการปล่อยเช่าในรูปแบบเดียวกับโรงแรม ก็ควรแยกไปดำเนินการ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่สามารถดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวได้ เนื่องจากไม่เหมาะสม

“หากจะไม่ให้เกิดปัญหาอย่างเช่นโครงการที่หัวหินอีก ภาครัฐควรที่จะออกกฎหมายให้ถูกต้องและชัดเจน หรือนิติบุคคลควรดำเนินการในรูปแบบโรงแรม โดยเจ้าของห้องชุดจะต้องมีการเสียภาษีเงินได้เพิ่ม และเสียค่าธรรมเนียมให้กับนิติบุคคลเพิ่มด้วยเช่นกัน”นายสุรเชษฐ กล่าว

อย่างไรก็ตามจากผลการสำรวจของเว็บไซต์ “แอร์บีเอ็นบี” (Airbnb) สตาร์ทอัพเกี่ยวกับการแบ่งปันที่พักที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก พบว่าในพื้นที่กทม.มีห้องชุดที่นำมาปล่อยเช่ามากถึง 14,854 ยูนิต จากนักลงทุนจำนวน 6,771 ราย ส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯขนาด 1 ห้องนอน ค่าเช่ารายวันราคาเฉลี่ยประมาณ 1,594 บาท/คืน

เรื่องควรรู้ เมื่อคิดจะปล่อยเช่าบ้าน-คอนโด!

ตลาดลงทุนคอนโดฯ ในกทม.ยังไม่กระทบ

ด้านนายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่พัฒนาคอนโดมิเนียม และนำห้องไปปล่อยเช่ารายวัน รวมถึงลูกค้าบางส่วนที่ซื้อคอนโดฯ และนำไปปล่อยเช่ารายวัน ทั้งนี้กรณีดังกล่าว จะไม่มีปัญหาเกิดขึ้น หากเป็นคอนโดฯ ที่มีใบอนุญาตโรงแรม และจดทะเบียนเป็นโรงแรมที่ถูกต้อง

สำหรับฮาบิแทท กรุ๊ป เป็นพาร์ทเนอร์กับเชนโรงแรมระดับโลก เพื่อให้เข้ามาช่วยดูแลเรื่องการบริหารปล่อยเช่า ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจและสะดวกแบบ “เบ็ดเสร็จ” เชนโรงแรมที่เป็นพาร์ทเนอร์ของฮาบิแทท กรุ๊ป คือ แบรนด์ครอสทู จากประเทศออสเตรเลีย และเชนเบสท์ เวสเทิร์น ซึ่งทำงานมา 70 ปี บริหาร 4,100 โรงแรมทั่วโลกและในประเทศไทย อยู่อันดับ 10 ของโลก ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าฮาบิแทท กรุ๊ปมีใบอนุญาตดำเนินธุรกิจโรงแรมที่ถูกต้องและมีการบริหารปล่อยเช่าจากพาร์ทเนอร์เชนโรงแรมที่มีชื่อเสียง

“ฮาบิแทท กรุ๊ป มีโปรแกรมการลงทุนแตกต่างจากโครงการคู่แข่งในตลาด การันตีค่าเช่า 6% ต่อปี เป็นเวลา 5 ปี หลังจากปีที่ 5 จะให้ผลตอบแทนแบบแบ่งผลกำไร (หลังหักค่าใช้จ่าย) 60% ให้แก่เจ้าของห้อง โดยให้สิทธิในการเข้าพักได้ 14 วันต่อปี”นายชนินทร์ กล่าว

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าตลาดลงทุนคอนโดฯเพื่อปล่อยเช่าระยะยาวในกทม. ไม่น่ามีผลกระทบอะไร เนื่องจาก Expat ระยะเวลาอยู่ที่ 1 ปี 6 เดือน แต่สำหรับตลาดต่างจังหวัดบางรายที่ดำเนินการปล่อยเช่ารายวันไปให้ลูกค้าแล้ว ก็จะมีผลกระทบบ้าง อย่างไรก็ดีควรมีใบอนุญาตที่ถูกต้อง ก็จะทำให้ธุรกิจดำเนินการต่อไปได้ และไม่มีปัญหา

สำหรับผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจโรงแรม หากจะปล่อยเช่าคอนโดฯ ต้องปรับรูปแบบการให้บริการเป็นการปล่อยเช่าระยะยาว เป็นรายเดือน สำหรับคอนโดฯ ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง ยังอยู่ในขั้นตอนที่สามารถปรับเปลี่ยน spec ได้ เพื่อให้สอดคล้องกับพ.ร.บ. โรงแรม และดำเนินการขออนุญาตดำเนินธุรกิจโรงแรมให้ถูกต้อง

“ผู้พัฒนาโครงการ จะต้องได้รับใบอนุญาตดำเนินธุรกิจโรงแรมให้ถูกต้อง รวมถึงมีการออกกฏเกณฑ์ และแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าคอนโดฯ ที่พัฒนาจะมีการดำเนินการปล่อยเช่ารายวัน ซึ่งลูกค้าจะต้องรับทราบและยอมรับในกฏเกณฑ์ หรือจะแบ่งโซนคอนโดฯ เป็นโซนสำหรับการอยู่อาศัย และโซนปล่อยเช่ารายวัน ส่วนผู้ซื้อ ก่อนซื้อคอนโดฯ จะต้องศึกษาให้ดีก่อนซื้อ ว่าคอนโดฯ ที่จะซื้อมีการให้ปล่อยเช่ารายวัน และได้รับใบขออนุญาตดำเนินธุรกิจโรงแรมที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันนิติบุคคล ต้องไม่สนับสนุนหากภายในคอนโดฯ มีการทำธุรกิจ Airbnb ที่ไม่ถูกต้อง และไม่ได้รับใบอนุญาตดำเนินธุรกิจโรงแรม ในกรณีที่ผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตดำเนินธุรกิจโรงแรมที่ถูกต้อง ภาครัฐก็ควรให้การสนับสนุน เพื่อให้ตลาดการลงทุนเพื่อปล่อยเช่าเติบโตในระยะยาวต่อไป” นายชนินทร์ กล่าวในที่สุด

https://www.ddproperty.com

ภาคธุรกิจจีนเชื่อมั่น ไทยเหมาะแก่การลงทุน

ภาคธุรกิจจีนเชื่อมั่น ไทยเหมาะแก่การลงทุนที่ดี และมีศักยภาพ

เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 เวลา 15.00 น. นายจ้าว เทา (Mr. Zhao Tao) ประธานสมาคมการค้า Air Business College พร้อมคณะนักธุรกิจจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสเดินทางเยือนไทย ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี ยินดีที่ทราบว่า ประธานสมาคมการค้า Air Business College และคณะนักธุรกิจชาวจีนเดินทางมาเยือนไทยในครั้งนี้ เพื่อศึกษาลู่ทางการลงทุนในไทย ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย – จีน ที่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ทั้งในด้านการนำเข้าและการส่งออก ขณะนี้ รัฐบาลมีนโยบายและโครงการสำคัญที่จีนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ เช่น Thailand 4.0 ประเทศไทย +1 และโครงการ EEC ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากรัฐบาลด้วย รวมทั้งยังจะเป็นการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์สำคัญ โดยเฉพาะ ยุทธศาสตร์ Connectivity ของไทย กับยุทธศาสตร์ Belt One Road Initiative ของจีน เชื่อมั่นว่า จะมีส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจของสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นได้

โอกาสนี้ ประธานสมาคมการค้า Air Business College กล่าวแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยา อสังหาริมทรัพย์ การศึกษา การเงิน วัฒนธรรม การท่องเที่ยว และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจีนก็ได้มีการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษมากว่า 40 ปีเช่นกัน จึงพร้อมที่จะนำความรู้และประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ มาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อพัฒนาประเทศได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของไทย นอกจากนี้ ประธานสมาคมการค้า Air Business College ยังชื่นชมกระบวนการทำงานของไทยในการขับเคลื่อนประเทศ และเชื่อมั่นว่าไทยเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การลงทุนที่ดีและมีศักยภาพ และสามารถรองรับการลงทุนจากต่างประเทศในระยะยาว

ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยแลกเปลี่ยนถึงทิศทางเศรษฐกิจไทย – จีน โดยทั้งรัฐบาลไทยและจีน ต่างมุ่งมั่นส่งเสริมการลงทุนบนหลักการแข่งขันที่เป็นธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยใช้ฐานเศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนานวัตกรรมเป็นหลัก ซึ่งไทยมีโอกาสเรียนรู้จากความก้าวหน้าในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงของจีน ทั้งนี้ ไทยและจีนจะร่วมมือกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่นี้ต่อไปในอนาคตด้วยกัน ภายใต้การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการดูแลประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ

http://www.bangkokbiznews.com

บาทเปิดตลาดเช้านี้อ่อนค่า32.08บาทต่อดอลลาร์

บาทเปิดตลาดเช้านี้อ่อนค่า32.08บาทต่อดอลลาร์ ตลาดการเงินโลกกลับมามีความเสี่ยงจากสงครามการค้าและการเมืองอิตาลี กดบอนด์ยีลด์สหรัฐ10ปีต่ำกว่า3% ขณะที่เงินบาทยังไม่แข็งค่าสวนกระแสดอลลาร์ได้

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินและตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.08บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากราคาปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 31.99 บาทต่อดอลลาร์

ในคืนที่ผ่านมา ตลาดการเงินทั่วโลกกลับมามีความเสี่ยงจากสงครามการค้าอีกครั้ง หลังจากที่สหรัฐประกาศตั้งกำแพงภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียมกับสหภาพยุโรป แคนาดา และแม็กซิโก และจะมีผลเริ่มบังคับใช้ในวันศุกร์นี้ ส่งผลให้ฝั่งสหภาพยุโรปเตรียมร้องเรียนไปที่องค์การการค้าโลกและขู่ว่าจะใช้นโยบายทางภาษีตอบโต้

แต่ฝั่งยุโรปก็ยังคงมีปัญหาการเมืองภายในอยู่ ในสเปน นายกรัฐมนตรีมาเรียนโน ราจอย กำลังเจอความเสี่ยงที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันศุกร์นี้ และในอิตาลี ความเคลื่อนไหวล่าสุดเริ่มเป็นไปในทิศทางที่ไม่เป็นมิตรกับสหภาพยุโรป

แน่นอนว่า ภาพรวมดังกล่าวไม่เป็นผลบวกกับการลงทุน บอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปี จึงยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2.86% ชี้ว่านักลงทุนมีความกังวลกับปัญหาการเมืองระหว่างประเทศที่ดูจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจในอนาคต

ตลาดเอเชียในรอบนี้ถือว่าไม่ได้เป็นศูนย์กลางของปัญหา จึงเคลื่อนไหวอย่างไม่มีทิศทางชัดเจน ส่วนมากจะแกว่งไปตามแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์เป็นหลัก เราเชื่อว่ายังมีความเสี่ยงที่เงินดอลลาร์จะแข็งคาได้ต่อ ถ้าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงมีทิศทางไปในเชิงบวก

สำหรับค่าเงินบาท ในช่วงสั้นมองว่าแรงขายจากผู้ส่งออกจะลดลงหลังช่วงสิ้นเดือน ถ้าตลาดปิดรับความเสี่ยงแต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง เงินบาทและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ก็จะไม่สามารถแข็งค่าขึ้นสวนกระแสดอลลาร์ได้ มองกรอบเงินบาทระหว่างวันที่ระดับ 32.00-32.15 บาทต่อดอลลาร์

http://www.bangkokbiznews.com

งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 47 ใหญ่ชนเยอะ สนุกคุ้มทุกงาน

กลับมาอีกครั้งกับงานท่องเที่ยวกลางปีสุดยิ่งใหญ่ !! “งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 47” โดยรวมแคมเปญท่องเที่ยวทั้งเมืองหลัก ไทยเที่ยวเท่ในวันพิเศษ หรือจะเป็นเมืองรอง ในวันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ให้เป็น “บิ๊กแมตซ์” ของการท่องเที่ยวไทยที่มีความสุข เพราะจะได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน

อีกทั้งยังมากมายด้วยโปรโมชั่นท่องเที่ยวมากมายละลานตา มีทั้งผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมแสดงจำนวนมากที่สุดในประเทศกว่า 700 บูธ พิเศษกับโปรโมชั่นแพ็กเกจลดราคาจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกประเภท เช่น โรงแรม รีสอร์ท สายการบินในประเทศ รถเช่า เรือท่องเที่ยว ทัวร์ สปา อุปกรณ์เดินทางและการท่องเที่ยว เป็นต้น พร้อมชมกิจกรรมการแสดงต่าง ๆ ตลอดทั้งงาน

 +++ ตรวจสอบรายชื่อผู้แสดงงานได้ที่ thaiteawthaiplaza.com

อีกหนึ่งมหกรรมงานแฟร์ท่องเที่ยวดี ๆ ที่จัดเอาใจขาเที่ยวทั้งหลาย ได้พบกับโปรโมชั่นท่องเทียวในราคาสุดพิเศษ โอกาสอย่างนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02 307 8555 หรือ เฟซบุ๊ก งานไทยเที่ยวไทย บาย พีเคเอ็กซิบิชั่น แมนเนจเม้นท์, เว็บไซต์ thaiteawthaiplaza.com

https://travel.kapook.com

ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 1/06/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง	ราคารับซื้อต่อกรัม	ราคารับซื้อ/บาท	ราคาขายออก/บาท
ทองคำแท่ง 96.5%	n/a	19,650.00	19,750.00
ทองรูปพรรณ 96.5%	1,273.00	19,298.68	20,250.00
ทองรูปพรรณ 90%	1,148.40	17,368.81	n/a
ทองรูปพรรณ 50%	573.00	8,686.68	n/a
ทองรูปพรรณ 40%	446.00	6,761.36	n/a
ทองรูปพรรณ 99.99%	1,319.00	19,996.04	n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  1/06/2561

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ หน่วย : บาท/ลิตร
	ปตท PTT	บางจาก BCP	เชลล์ Shell	เอสโซ่ Esso	คาลเท็กซ์ Caltex	ไออาร์พีซี IRPC	พีทีจี เอนเนอยี่ PTG	ซัสโก้ Susco	ระยองเพียว Pure	ซัสโก้ ดีลเลอร์ SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95	29.25	29.25	29.25	29.25	29.25	29.25	29.25	29.25	29.25	29.25
แก๊สโซฮอล E-20	26.74	26.74	26.74	26.74	26.74	–	26.74	26.74	26.74	26.74
แก๊สโซฮอล E-85	21.14	21.14	–	–	–	–	–	21.14	21.14	–
แก๊สโซฮอล 91	28.98	28.98	28.98	28.98	28.98	28.98	28.98	28.98	28.98	28.98
เบนซิน 95	36.36	–	–	–	36.81	–	36.86	36.86	36.86	36.86
ดีเซลหมุนเร็ว	28.79	28.79	28.79	28.79	28.79	28.79	28.79	28.79	28.79	28.79
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม	31.79	31.79	31.79	31.79	31.79	–	–	–	–	–
มีผลตั้งแต่	29 May 05:00	29 May 05:00	29 May 05:00	29 May 05:00	29 May 05:00	29 May 05:00	29 May 05:00	29 May 05:00	29 May 05:00	29 May 05:00