ติดหล่มกำลังซื้อ จีน-LTV คอนโดรอระบาย5 หมื่นหน่วย
กูรูคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ควรจะชะลอตัวมาตั้งแต่ 3 ปีก่อนจากกำลังซื้อภายในประเทศถดถอย แต่ช่วงนั้นเป็นจังหวะลูกค้าจีนทะลักเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมจากอานิสงส์การท่องเที่ยว ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยยังคงเติบโตต่อเนื่อง ขณะผู้ประกอบการต่างชะล่าใจ ว่ามีกลุ่มลูกค้าใหม่ซึ่งเป็นต่างชาติเข้ามา การเปิดโครงการจึงมีอย่างต่อเนื่องเพื่อชิงกำลังจีน แต่ปรากฏว่าเกิดปัจจัยลบแบบไม่ทันตั้งตัว
ทั้งสงครามการค้า ระหว่าง จีนกับสหรัฐฯ , นโยบายลดค่าเงินนหยวน, อนุญาตคนจีนนำเงินออกนอกประเทศรายละไม่เกิน 1. 5 ล้านบาท, การปะทุรุนแรงยาวนานของม็อบฮ่องกง, เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่า ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ลูกค้าเป้าหมายใหม่ ลดลง ขณะปริมาณสินค้าที่ก่อสร้างช่วง 2-3 ปีก่อนใกล้เสร็จ และสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์มีอันต้องสะท้านไหวส่งผลให้ปัจจุบันยังคงมีคอนโดมิเนียมรอระบายในตลาดประมาณ 5 หมื่นหน่วย
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย)ฯ ระบุการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ นับจากนี้ ไม่ใช่วิถีของตลาด มุมกลับต้องเป็นภาพแห่งการระบายสต๊อกที่มีอยู่ให้หมดแต่ทั้งนี้หากจะเปิดใหม่ต้องเป็นโครงการที่มีจุดขายเฉพาะ ผู้ซื้อต้องการจริง จึงประเมินว่านับจากนี้ซัพพลายจะลดลง 20%
ขณะฝ่ายวิจัยคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยประเมินว่าซัพพลายปี 2562 จะลดลง 30-35% และปี 2563 ตัวเลขน่าจะไม่ต่างกันกับปี 2562 เช่นดียว กับฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ ระบุยอดเปิดคอนโดมิเนียมทั้งปี 2562 มีจำนวน 45,000 หน่วย ลดลง เมื่อเทียบจากปี 2561 มีคอนโดมิเนียมเปิดตัวมากถึง 66,000 หน่วย
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ระบุว่าต้นทุนคอนโดมิเนียมไม่ใช่เพียงแค่ภาระดอกเบี้ยแต่ยังมีภาระต้นทุนอื่น เช่น ภาระค่าส่วนกลาง ที่ผู้ประกอบการต้องจ่ายให้กับนิติบุคคล ยิ่งเหลือขายมาก ย่อมแบกค่าใช้จ่ายมากตามลำดับอย่างไรก็ตามผู้ประกอบการต่างยอมรับว่าไม่สามารถแตะเบรกได้ทัน สำหรับการเปิดโครงการใหม่ แต่ทางออกสามารถปรับแผนในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ทั้งชะลอโครงการ แตะเบรกโครงการหรือปรับจากแนวสูงเป็นแนวราบ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทั้ง ต่างชาติลด เศรษฐกิจชะลอ และ มาตรการควบคุมสินเชื่อ LTV หรือสัดส่วนการให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันที่อยู่อาศัย
ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ วิเคราะห์ว่า
ผลกระทบจากกำลังซื้อชาวต่างชาติโดยเฉพาะจากประเทศจีนลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพราะเรื่องของค่าเงินหยวนที่ลดลงประมาณ 10% จากช่วงต้นปีและลดลงมากกว่า 14% จากช่วงต้นปี 2561 ผู้ซื้อคนจีนส่วนหนึ่งที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในช่วงหลายเดือนนี้จึงแสดงท่าทีว่าไม่อยากโอนกรรมสิทธิ์ เพราะพวกเขาซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยเพื่อการลงทุนเป็นสำคัญ เมื่อค่าเงินเปลี่ยนแปลงไปแบบนี้พวกเขาจึงต้องพิจารณานานขึ้นประมานการณ์ว่ากำลังซื้อคนจีนจะลดลงไปไม่น้อยกว่า 50%
ขณะที่การลดผลกระทบ LTV ผู้ประกอบการต้องการเปิดขายโครงการให้ตรงกับกลุ่มผู้ซื้อที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ซึ่งพวกเขาเลือกกลุ่มผู้ซื้อใหม่ที่ไม่เคยซื้ออสังหาริมทรัพย์มาก่อน ดังนั้นคอนโดมิเนียมราคาตํ่ากว่า 1 แสนบาทต่อตารางเมตรหรือประมาณ 3 ล้านบาทต่อหน่วยจึงมีสัดส่วนมากขึ้น
ฉะนั้น หากต้องการระบายสต๊อกคอนโดมิเนียมให้เบาบางลง ทางออกต้องชะลอ-หยุดเปิดขายโครงการใหม่ เว้นแต่มีสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนั้น จริงๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
เลื่อนแล้ว!! ลงนามไฮสปีด3สนามบิน เหตุบอร์ดรฟท.ลาออก ยืดอีก10 วัน
‘ศักดิ์สยาม’ ชงครม.เคาะบอร์ดรฟท.ชุดใหม่สัปดาห์หน้า คาดเซ็นสัญญาไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน 25 ต.ค.นี้
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี เพื่อสรุปแนวทางการลงนามสัญญากับผู้ชนะประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบินอีอีซี นั้น จะต้องเลื่อนออกไป เป็นวันที่ 25 ต.ค.นี้แทนเนื่องจากขณะนี้ทางคณะกรรมการ(บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ได้ยื่นหนังสือลาออกทั้งชุดไปเมื่อวันที่1 ต.ค.ที่ผ่านมา หรือขยับเวลาการลงนามออกไปอีก 10 วัน จากเดิมที่จะลงนามสัญญากันในวันที่ 15 ต.ค. ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามแก้ไขมาโดยตลอดกลับมามีปัญหาเกิดขึ้นแล้ว
ทางกระทรวงคมนาคมได้เสนอรายชื่อบอร์ดรฟท.ชุดใหม่ ไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)แล้ว โดยเป็นการเสนอรายชื่อคู่เทียบไปให้สคร.พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติ ทั้งนี้ผู้เสนอไม่มีอำนาจไปกำหนดว่าจะเลือกใคร
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีคาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้แกว่งตัว 1,610 – 1,625 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยหนุนจากรายงานการประชุมเฟดเดือนก.ย.ที่ระบุว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่สนับสนุนการปรับลดดอกเบี้ยเนื่องจากมีความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐและเตรียมหารือการเพิ่มขนาดงบดุลอีกด้วย
อย่างไรก็ตามความไม่แน่นอนของผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนในวันที่ 10 – 11 ต.ค.หลังสื่อจีนรายงานว่าการเจรจายังไม่มีความคืบหน้า
อีกทั้งกระแส Fund flow ต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่องโดย net sell 7.2 พันลบ. MTD รวมถึงการขึ้น XD 0.90 บาทของหุ้น PTT ในวันนี้ (10 ต.ค.) ซึ่งมีผลต่อดัชนีราว -2.5 จุดจะเป็นแรงกดดันให้ดัชนีมีความผันผวนต่อไป
SET Index เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้น +4.01 จุด (+0.25%) ปิดที่ระดับ 1,616 จุด ด้วย Volume 4.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิ 1,092 ล้านบาท และ Net Short TFEX จำนวน 11,959 สัญญา แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 628 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไป เพิ่มความเสี่ยงในการเป็น โรคซึมเศร้า!!
หากคุณเป็นคนที่ติดสมาร์ทโฟนหรือมือถือคุณกำลังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้ามากขึ้น ได้มีการศึกษาวิจัยชี้ว่าคนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับโทรศัพท์แทนที่จะใช้เวลากับเพื่อนและครอบครัวอาจจะทำให้เกิดความเหงาและ โรคซึมเศร้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมกับอินเตอร์เน็ตจึงทำให้ติดโทรศัพท์อย่างมาก
นักวิจัยได้เชื่อมโยงระหว่างการใช้สมาร์ทโฟนกับอาการซึมเศร้า ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอริโซนาได้รับอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวน 350 คน ช่วงอายุระหว่าง 18-20 ปี นักวิจัยพบว่าคนส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนมากเกินไปจึงทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความเหงา
“ปัญหาก็คือผู้คนต่างใช้มือถือมากจนเกินไป พวกเขาจะรู้สึกกังวลหากไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งพวกเขากำลังใช้มันเพื่อทำลายชีวิตประจำวันของตัวเอง” Lapierre ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาสื่อสารได้กล่าว
คนส่วนใหญ่มักใช้โทรศัพท์มือถือในเวลาที่มีความเครียดซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด ทางที่ดีคุณควรจะออกไปเที่ยวและพูดคุยกับคนอื่นเพื่อหาความสุขทางใจดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com
อะไรกันเนี่ย “ปอป้อ” โพสต์ชวดจับคู่ “บาส” เพราะทีมงานผิดพลาด
“ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย โพสต์ชี้แจง ตนเองจะไม่ได้จับคู่กับ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ในการแข่งขันแบดมินตันเดนมาร์ก โอเพ่น 2019 เพราะทีมงานผิดพลาด
วันที่ 10 ต.ค. ความเคลื่อนไหวของทีมแบดมินตันไทย ที่มีคิวทำศึก เวิลด์ ทัวร์ ซูเปอร์ 750 รายการ “เดนมาร์ก โอเพ่น 2019” ที่เมืองโอเดนเซ ระหว่างวันที่ 15-20 ตุลาคมนี้ ล่าสุด “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า ตนเองจะไม่ได้จับคู่กับ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ ที่เพิ่งผงาดคว้าแชมป์รายการ โคเรีย โอเพ่น 2019 ที่ประเทศเกาหลีใต้มาด้วยกัน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยชี้แจงดังนี้
“เนื่องจากทีมงานส่งรายชื่อสมัครแข่งขันผิดพลาด จึงทำให้ป้อไม่ได้ลงแข่งประเภทคู่ผสมกับบาส ในรายการเดนมาร์กโอเพ่น ตามที่ทุกคนเห็น อย่างไรก็ตามทางทีมงานได้พยายามแก้ไขอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ในเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ก็ต้องเดินหน้า และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดในแมตช์ต่อๆ ไป ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่เป็นห่วงค่ะ”
ทั้งนี้ เดชาพล จะเปลี่ยนมาจับคู่ พุธิตา สุภจิรกุล แทน ในประเภทคู่ผสม มีโปรแกรมเจอเจิ้ง ซื่อ เว่ย กับ หวง หย่า เฉียง คู่มือ 1 ของโลกจากจีน.
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
ซัมซุงปลดล็อกธุรกิจไทยสู่ Next Mobile Economy
ซัมซุง ประกาศกลยุทธ์ปลดล็อกการเติบโตขององค์กรธุรกิจในประเทศไทย ให้ไปสู่การทำงานบนระบบโมบายล์อย่างเต็มรูปแบบ โดยการนำเสนอโซลูชั่นจากพาร์ทเนอร์ระดับโลก ที่จะมาช่วยยกระดับการทำงานให้ครอบคลุมระบบนิเวศดิจิตอลที่ซับซ้อนในปัจจุบัน รวมถึงเผยข้อมูลการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจลูกค้าองค์กรที่โตขึ้นถึง 27 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา พร้อมแนวโน้มการเติบโตในอนาคต
ดร.มารุต มณีสถิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “กลยุทธ์ของปีนี้คือ “Unlock Next Mobile Economy” หรือเรียกได้ว่าการที่โมบายล์เทคโนโลยีถูกผนึกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่องค์กรต้องคำนึงถึงเพื่อเตรียมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ เนื่องจากสมาร์ทโฟนไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารแค่อย่างเดียวอีกต่อไป แต่ยังสามารถนำมาใช้ในธุรกิจด้านอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วย”
ปัจจุบันนี้ ซัมซุงถือเป็นแบรนด์ที่มีความพร้อมมากที่สุดในการส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจสามารถปรับตัวและต่อยอดความสร้างสรรค์ในการทำงานเพื่อเข้าสู่ยุคโมบายล์อย่างเต็มขั้น โดยมี 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย 1. ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี 2. มีความพร้อมในด้านโมบายล์โซลูชั่นและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายสำหรับองค์กร 3. ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ระดับโลกเพื่อให้ธุรกิจมีแพลตฟอร์มที่เหมาะสม ช่วยกระตุ้นให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจในยุคที่มือถือมีความสำคัญมากที่สุดได้
ในมุมมองของผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ รวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ย่อมเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และรู้ดีว่าการปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์เป็นเรื่องสำคัญแค่ไหน ดังนั้นการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่การทำงานบนระบบโมบายล์คือสิ่งที่จะทำให้องค์กรทุกขนาดเท่าทันกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี จึงเป็นเหตุผลให้ซัมซุงจับมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก อาทิ
1. Simplr: โซลูชั่นด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร ให้บริการตั้งแต่ให้คำปรึกษา วางแผน จัดเก็บและเคลื่อนย้ายสินค้าในโรงงาน เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมโรงงานและธุรกิจค้าปลีก
2. Wacom: โซลูชั่นที่ให้บริการระบบลายเซ็นอิเลคโทรนิคส์สำหรับการยืนยันตัวตน เพื่อความปลอดภัยของคู่ค้าในการทำธุรกรรม
3. SmartPesa: ผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับชำระเงินที่หลากหลายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่มี NFC ให้กลายเป็นบริการชำระเงินอิเลคโทรนิคส์แบบ Contactless Payment ที่คล่องตัว
4. Vault: โซลูชั่นการสื่อสารบน Samsung Galaxy Watch ที่ออกแบบมาเพื่อการปกป้องและจัดงานระบบการทำงานของบุคลากรในองค์กร อาทิ การทำงานที่มีความเสี่ยงบนที่สูง หรือการทำงานที่ต้องเดินทางไกล เป็นต้น
“ทั้งนี้เพื่อร่วมกันผลักดันภาคธุรกิจในการปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยโมบายล์เทคโนโลยี ซึ่งปีที่ผ่านมาเห็นได้อย่างชัดเจนว่าองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทยได้ปรับตัวเข้าสู่ยุค Next Mobile Economy เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยกลุ่มลูกค้าองค์การธุรกิจของซัมซุงที่มีการนำโมบายล์เทคโนโลยีไปใช้งานสูงสุดตามลำดับ ได้แก่ การเงินธนาคาร ธุรกิจค้าปลีก โลจิสติกส์ หน่วยงานภาครัฐ และอื่นๆ”
สำหรับตลาดลูกค้าองค์กรของซัมซุงในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 27 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2018 ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยซัมซุงครองส่วนแบ่งด้านการตลาดลูกค้าองค์กรเป็นอันดับหนึ่งสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แบ่งเป็นแท็บเล็ต 35 เปอร์เซ็นต์ และสมาร์ทโฟน 65 เปอร์เซ็นต์ ที่น่าสนใจคือส่วนแบ่งด้านการตลาดของสมาร์ทโฟนในเซกเมนต์พรีเมี่ยมเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2018 ส่วนกลุ่มอื่นๆ มีความใกล้เคียงกัน แสดงให้เห็นว่าลูกค้าองค์กรเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนระดับพรีเมี่ยมจากซัมซุงกันมากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จในปีที่ผ่านมาเกิดขึ้นจากการบุกตลาดอย่างหนักของซัมซุง และความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับผู้ให้บริการเครือข่ายทุกราย และเป็นผลมาจากการวิจัยและพัฒนาสมาร์ทโฟนให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายเพื่อตอบรับความต้องการของธุรกิจทุกขนาดและทุกอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ยังโดดเด่นในด้านการรักษาความปลอดภัยข้อมูล “ซัมซุง น๊อกซ์” (Samsung Knox) มาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูงสุดด้วยเทคโนโลยีเทียบเท่ากับที่ใช้ในการทหาร อีกทั้งยังมีบริการหลังการขาย “ซัมซุง เซอร์วิส” และการเปิดอบรมการใช้งานพื้นฐานที่จำเป็นต่อองค์กรนั้นๆ เพื่อให้กลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากการใช้งานสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของซัมซุง
“ซัมซุงให้ความสำคัญกับการขยายกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยสนับสนุนให้ทุกธุรกิจในประเทศไทยสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และในเร็วๆ นี้ เรายังวางแผนที่จะบุกตลาดธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) ต่อไปอีกด้วย” ดร.มารุต กล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 21,550.00 | 21,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,396.00 | 21,163.36 | 22,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,256.40 | 19,047.02 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,116.80 | 16,930.69 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 628.00 | 9,520.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 489.00 | 7,413.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,447.00 | 21,936.52 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 10/10/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 | 27.25 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 | 26.98 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.24 | 24.24 | 24.24 | 24.24 | 24.24 | – | 24.24 | 24.24 | 24.24 | 24.24 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 19.84 | 19.84 | – | – | – | – | – | 19.84 | – | – |
เบนซิน 95 | 34.66 | – | – | – | 35.11 | – | 35.16 | 34.96 | – | 34.96 |
ดีเซล | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 | 25.69 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 23.69 | 23.69 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.49 | 15.49 | – | – | – | – | – | – | – | – |