ตลาด “อสังหาริมทรัพย์” ครึ่งปี 2561 ใครรุ่งใครร่วง
2. บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพัฒนาที่ดินอันดับต้นทั้งจำนวนหน่วยและโครงการที่เปิดตัว โดยในครึ่งปี 2561 เปิดตัวโครงการไปแล้ว 25 โครงการ รวม 5,348 หน่วย มีมูลค่ารวม 19,559 ล้านบาท
3. บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการในครึ่งปี 2561 ไปแล้ว 9 โครงการ 3,277 หน่วย มูลค่ารวม 13,955 ล้านบาท
4. บริษัท เทียนเฉิน อินเตอร์เนชั่นแนล พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) จํากัด เป็นบริษัทจีนที่มีบทบาทในตลาด โดยครึ่งปี 2561 มีโครงการเพียง 1 แห่ง 1,957 หน่วย มูลค่ารวมกันถึง 11,340 ล้านบาท
5. บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการในครึ่งปี 2561 แล้ว 6 โครงการ 2,881 หน่วย มีมูลค่ารวม 10,994 ล้านบาท
ดร.โสภณ มองว่า โอกาสของบริษัทพัฒนาที่ดินเล็กๆจะจำกัดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ หากในอนาคตมีการขยายการพัฒนาสาธารณูปโภคออกไปตามพื้นที่ต่างๆมากขึ้น และเศรษฐกิจดีขึ้น โอกาสที่เจ้าของที่ดินทั้วไปจะเข้าไปร่วมกันพัฒนาที่ดินก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน
นอกจากนี้ ภาวะที่ตลาดเน้นไปยังกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง โอกาสที่จะพัฒนาบ้านและที่อยู่อาศัยแบบอาคารชุดในระดับราคาถูกหรือปานกลางค่อนข้างถูก ถือว่ามีน้อยเพราะกำลังซื้อของประชาชนทั่วไปยังมีน้อยอยู่ ดังนั้น โอกาสที่บริษัทเล็กๆ จะทำโครงการเล็กๆนั้นอาจถูกจำกัดไปด้วย
ส่วนอนาคตการเปลี่ยนแปลงต่างๆก็อาจจะเกิดขึ้นอีก จะเห็นได้ว่าบริษัที่เคยเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ก็จะหดหายไปบ้าง มีบริษัทใหม่เกิดขึ้นมาบ้าง โดยขึ้นอยู่กับแผนธุรกิจและการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาในอนาคตด้วยเช่นกัน
ที่มา : https://www.sanook.com
จับตาตลาดรีเทลเอี่ยวอสังหาฯ แนวโน้มการเติบโต และการเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา ตลาดรีเทลของไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สวนทางกับตลาดรีเทลในประเทศอื่นๆ ที่โดนผลกระทบจากตลาดออนไลน์และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของพฤติกรรมผู้บริโภค
ตลาดรีเทลเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ผู้ประกอบการต่างเร่งพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อแข่งขันอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดเล็กหรือใหญ่ โดยตั้งแต่ศูนย์การค้าอย่างสยามพารากอนเปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2549 เป็นเหตุให้ศูนย์การค้าชั้นนำหลายแห่งทำการปรับปรุงพื้นที่ โดยเฉพาะย่านพระราม 1 ราชประสงค์ เพลินจิต และสุขุมวิท พื้นที่เช่าเฉลี่ยในย่านนี้ ซึ่งคลอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่หัวถนนพระราม 1 สยามดิสคอวเวอรี่ ตลอดแนวจนถึงสุขุมวิทตอนกลาง และเอ็มควอเทียร์ ในปัจจุบันมีอัตราว่างของพื้นที่เฉลี่ยน้อยกว่า 5% อีกทั้งค่าเช่ายังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ร้านค้าอาจต้องรอเป็นปีเพื่อให้ได้พื้นที่เช่าในห้างดังหลายๆแห่ง ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นธุรกิจหลักในการดึงดูดลูกค้าของห้าง โดยใช้สื่อออนไลน์เป็นกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้าจากทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยยังเป็นแรงผลักดันที่สำคัญต่อตลาดรีเทลของไทยอีกด้วย โดยในปีที่ผ่านมารายได้จากนักท่องเที่ยวเติบโตร้อยละ 11.66
เกษร ทาวเวอร์เป็นซัพพลายล่าสุดในย่านพระราม1-สุขุมวิท ซึ่งทำการเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วด้วยพื้นที่เช่าเชิงพาณิชยกรรมกว่า 10,000 ตารางเมตร ทำให้ตลาดรีเทลในย่านพระราม1-สุขุมวิท มีพื้นที่เช่ารวมที่ประมาณ 660,000 ตารางเมตร ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3,900 บาท/ตารางเมตร/เดือน และมีอัตราการเช่าที่ 96.4%
แต่อย่างไรก็ตาม ที่ดินขนาดใหญ่ในย่านพระราม 1 ราชประสงค์ต่อเนื่องไปถึงสุขุมวิทตอนกลางในปัจจุบันหาได้ยากมากและราคาที่ดินสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้มีซัพพลายใหม่ๆในย่านนี้เกิดขึ้นอย่างจำกัด ผู้ประกอบการจึงให้ความสนใจในการเช่าที่ดินระยะยาวมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังมองหาทำเลใหม่ๆในโซนอื่นของกรุงเทพฯและปริมณฑลมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน ผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือกับพฤติกกรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หลายผู้ประกอบการเริ่มให้ความสนใจในการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด
นายธีรวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด กล่าวว่า “ตอนนี้มีหลายธุรกิจที่ต้องการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร โคเวิร์กกิ้ง สเปซ หรือแม้กระทั้ง ศูนย์บริการความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ โดยมองว่าเป็นสิ่งที่น่าจับตามองและเป็นโอกาสที่ดีของหลายธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบของตลาดรีเทลไทย”
นอกจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยียังเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันโดยเทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่หันมาให้ความสนใจกับสุขภาพอย่างจริงจัง โดยจะเห็นได้จากกิจกรรมเพื่อสุขภาพต่างๆที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังต้องการความสะดวกสบายที่จะเข้าถึงสุขภาพที่ดี จึงทำให้เกิดธุรกิจเพื่อสุขภาพเช่นฟิตเนสหรือคลาสสุขภาพต่างๆ โดยสถานที่ออกกำลังกายกระจายอยู่ในแทบทุกอาคารโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ รวมถึงอาคารสำนักงานต่างๆ ธุรกิจฟิตเนสในไทยเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา หลายแบรนด์ดังมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ฟิตเนสเชนส่วนมากจับกลุ่มตลาดระดับบนและส่วนมาก ฟิตเนสระดับกลางจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ทำให้เกิดช่องว่างทางการตลาดของฟิตเนสระดับกลาง
เมื่อความสะดวกสบายและเทรนด์สุขภาพมารวมกัน จึงทำให้เกิดโมเดลธุรกิจเพื่อสุขภาพ 24 ชั่วโมง โดยฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง อย่างน้อย 3 แบรนด์ จากต่างประเทศเล็งเห็นถึงช่องว่างและความเป็นไปได้ทางการตลาดในไทย และได้เข้ามาเป็นผู้เล่นใหม่ในตลาด แต่ละรายพยายามหาพื้นที่เช่าที่แตกต่างออกไปจากฟิสเนสที่เคยเห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยความต้องการหลักคือต้องการเช่าพื้นที่ชั้นล่าง ที่มองเห็น – เข้าออก – เดินทางได้สะดวก แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจถึงความต้องการและยอมรับ “คงต้องใช้เวลาซักพักที่จะทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการหลายๆ รายว่า ฟิตเนสจะสามารถเป็นตัวดูดลูกค้าเข้ามาในพื้นที่ได้เหมือนสตาร์บัคหรือแมคโดนัล” นายธีรวิทย์กล่าว
อนาคตตลาดรีเทลยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีเสน่ห์ที่น่าสนใจ สิ่งที่จะท้าทายผู้ประกอบการคือ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง และส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำอย่างไรที่จะดึงจุดเด่นทางเทคโนโลยีเข้ามาสร้างความแตกต่าง เพื่อให้สามารถแข่งขันและตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคได้สูงสุด
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com
เคล็ดลับกลับมาทำงานอย่างสดใสหลังวันหยุดยาว
วันหยุดยาวคือช่วงเวลาแห่งความสุข เมื่อต้องกลับมาทำงานอีกครั้ง เสียงนาฬิกาปลุก อาจทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าปกติ เพราะแค่คิดว่าต้องไปทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวแล้วต้องเจอกับสภาพการจราจรที่แสนจะติดขัด เปิดคอมพิวเตอร์มาก็จะเจอกับเมลนับร้อยที่ค้างอยู่ใน Inbox แถมยังต้องนั่งประชุมไปอีกครึ่งค่อนวัน คิดแค่นี้ก็อยากจะล้มตัวลงนอนต่อแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้เพราะบิลค่าบ้าน ค่ารถ ค่าบัตรเครดิต ยังกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ ดังนั้นเรามาสร้างพลังและเตรียมความพร้อมก่อนจะไปทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวกันดีกว่า ส่วนจะมีวิธีการแบบไหนบ้างนั้นมาดูกันเลย
อย่ามัวแต่นั่งเซ็ง อย่างไรเสียวันหยุดยาวยังมีอยู่เรื่อยๆ
ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกเซ็ง เมื่อวันหยุดยาวใกล้จะหมด ไม่มีใครดีใจหรอกที่จะต้องกลับไปสู่ชีวิตปกติที่แสนจะเคร่งเครียดจากการทำงาน ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณควรทำหลังจากพักผ่อนวันหยุดมาแล้วอย่างเต็มที่ก่อนจะกลับไปทำงานคือ ปรับอารมณ์ตัวเอง ให้รู้สึกว่ายังมีหน้าที่และความรับผิดชอบรออยู่ แล้วก็บอกกับตัวเองว่า วันหยุดยาวในปฏิทินนั้นไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว
จัดลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำ
การกลับมาทำงานวันแรกนั้น อาจหมายถึงการสะสางงานที่คั่งค้าง พร้อมกับรับงานที่ได้รับมอบหมายมาใหม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อไปถึงโต๊ะทำงานในตอนเช้า ให้คุณนั่งไล่ลำดับความสำคัญของงานที่ต้องเคลียร์ในวันนั้น โดยเริ่มจากงานที่ง่ายที่สุดก่อนเพื่อเป็นกำลังใจที่จะทำให้คุณทำงานชิ้นต่อๆไปได้ทั้งวัน
คืนก่อนจะไปทำงานควรจะเคลียร์เมล์ใน Inbox ให้เรียบร้อย
เชื่อไหมว่า เราเสียเวลาในการนั่งอ่าน อีเมล และ ตอบอีเมล ใน Inbox ได้เป็นชั่วโมง และทำให้งานอื่นๆต้องช้าออกไปอีก ดังนั้นคืนก่อนที่จะกลับไปทำงานตามปกติ ขอให้คุณสลัดความขี้เกียจออกไป แล้วเปิด Inbox เพื่อเคลียร์อีเมล ที่มาถึงคุณและจะทำให้เช้าวันจันทร์ กลายเป็นเช้าที่ทำให้คุณสามารถเริ่มงานที่สำคัญได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงเมล์ ใน Inbox
ไปถึงออฟฟิศให้เร็วกว่าปกติ
แน่นอนว่าหลังจากหยุดยาว ผู้คนจะกลับมาอยู่บนท้องถนน และ รถจะติดหนักมาก ถ้าเป็นไปได้ คุณลองออกให้เร็วกว่าปกติที่เคยทำสักประมาณ 30 นาที จะช่วยให้คุณไปถึงที่ทำงานได้เร็วขึ้นและไม่รู้สึกหงุดหงิด เมื่อถึงที่ทำงานเร็ว จะทำให้คุณตั้งสติในการทำงานได้เร็ว อาจจะกินอาหารเช้าก่อนจากนั้นก็เริ่มลงมือทำงานตามลิสต์ Things to do ที่คุณเตรียมเอาไว้แล้ว
เตรียมเอกสารหรือวางแผนงานให้พร้อมในคืนก่อนถึงวันทำงาน
อย่าทำให้ตัวเองต้องเครียดในตอนเช้า เพราะลืมหรือตกหล่นเอกสารสำคัญ การเตรียมตัวในคืนก่อนจะมาเริ่มทำงานหลังจากวันหยุดยาวเป็นเรื่องที่คุณควรให้ความสำคัญไม่ว่าจะเป็นเอกสารเข้าประชุม รายละเอียดของเนื้องานที่จะนำเสนอ รวมไปถึงการเตรียมเสื้อผ้า จัดกระเป๋าเอกสาร วางกุญแจรถ กุญแจบ้านให้พร้อมต่อการออกไปทำงาน เพียงเท่านี้จะทำให้คุณเริ่มทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวโดยที่ไม่ต้องหงุดหงิดแล้ว
ที่มา : https://www.sanook.com
4 ข้อคิดเกี่ยวกับ “การประหยัดเงิน” จากรุ่นคุณย่าที่ดูไม่ตกยุค
การประหยัดเงินถูกปลูกฝังและได้รับการส่งต่อกันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่า ต่อมาก็คุณพ่อคุณแม่ จนมาถึงรุ่นพวกเรา ซึ่งวิธีการประหยัดเงินในแต่ละยุคอาจจะมีความแตกต่างกัน แต่สุดท้ายการประหยัดเงินก็ยังคงมีส่วนที่เหมือนกันก็ คือ อย่าใช้จ่ายเงินเกินความจำเป็น
วันนี้เราจะพาไปดู 4 ข้อคิดเกี่ยวกับการประหยัดเงินจากรุ่นคุณย่าที่ดูไม่ตกยุคเลย
1.อย่าทิ้งอาหารจนเสีย
หลายคนจะเก็บอาหารที่ทานเหลือหรือแบ่งอาหารบางส่วนเก็บไว้ตู้เย็น เพื่อทานในมื้อต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นหลังจากการเก็บอาหารไว้ในตู้เย็น คือ เราจะลืมและปล่อยให้อาหารเหล่านั้นเน่าเสียไป เพราะอาหารบางอย่างแม้ว่าจะใส่ไว้ในตู้เย็นก็มีโอกาสเน่าเสียได้ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยประหยัดเงินแล้ว อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายของการทำความสะอาดก็ได้ ดังนั้น เมื่อเก็บอาหารไว้ก็อย่าได้ลืมที่จะนำออกมาทานก่อนที่จะเสียด้วย
2.ตั้งใจเรียน อย่าได้ทิ้งการศึกษา
สมัยก่อนรุ่นคุณปู่คุณย่าจะได้เรียนจบระดับมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะนั้นเมื่ออายุถึงเกณฑ์ก็ต้องช่วยที่บ้านทำงานแล้ว แต่คนรุ่นปัจจุบันมีโอกาสที่ศึกษาจนจบระดับมหาวิทยาลัยกันมากขึ้น จึงไม่แปลกที่คนสมัยก่อนอยากจะส่งต่อข้อคิดที่ว่าอย่าทิ้งการศึกษานี้ให้พวกเรารุ่นต่อมา เพราะคนที่มีความรู้และความสามารถมีโอกาสในชีวิตที่มากคนอื่นๆนั่นเอง และยังช่วยให้มีรายได้มากขึ้นด้วย
3.Timeshare คือการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
Timeshare คือ การซื้อสิทธิ์ในการใช้อสังหาริมทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนดและตกลงกันไว้ เช่น ซื้อสิทธิ์ในบ้านพักตากอากาศชายทะเลแค่ 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน หรือเท่าไหร่ก็ได้ใน 1 ปี เราก็ใช้สิทธิ์ไปพักในแต่ละปีตามจำนวนที่เราซื้อไว้ ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยแค่ชั่วคราว ไม่อยากซื้อขาดหรือไม่อยากอยู่ถาวรเพราะราคาแพง เป็นต้น
นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายล่วงหน้าของ timeshare แล้ว อาจมีการเรียกเก็บค่าบำรุงรักษาเป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ที่ทำให้ timeshare ไม่ดึงดูดให้กับผู้ซื้อที่มีศักยภาพในตลาดรอง
4.บัตรเครดิตเป็นตัวอันตราย
เราจะได้ยินคำเตือนเกี่ยวกับบัตรเครดิตจากรุ่นคุณย่าว่า บัตรเครดิตเป็นตัวอันตราย เพราะจุดประสงค์ คือ อยากให้เราใช้จ่ายอย่างประหยัด และไม่กู้ยืมเงินจากคนอื่นจนเป็นหนี้นั่นเอง ซึ่งจริงๆแล้วบัตรเครดิตจะให้คุณหรือให้โทษกับเรานั้นก็ขึ้นอยู่กับวิธีใช้ หากเรารู้จักที่จะใช้อย่างมีวินัย ไม่ฟุ่มเฟือยและจ่ายเต็มและตรงตามเวลาทุกเดือน เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อันตราย ของบัตรเครดิตอีกแล้ว และสิ่งอันตรายที่ว่านั้นก็คือ ดอกเบี้ย ที่มีอัตราค่อนข้างสูง หากเราเป็นหนี้บัตรเครดิตเป็นอันว่าได้รู้จักกับสิ่งนี้อย่างแน่นอน แต่ทางที่ดีนั้นเลี่ยงที่จะต้องเจอกันอย่างที่คุณย่าท่านเตือนไว้จะดีกว่า
หากเรารู้จักประหยัดเงินและเก็บออมเงินอย่างที่คุณย่าท่านได้บอกกับเรา ก็จะทำให้หลีกเลี่ยงการเป็นหนี้และการเดือดร้อนจากการไม่มีเงินใช้ได้
ที่มา : https://www.sanook.com
10 อวัยวะที่ถูกทำลายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
- ตับ
ตับเป็นอวัยวะแรกๆ ที่คนส่วนใหญ่ทราบกันดีว่า ดื่มแอลกอฮอล์มากๆ แล้วจะเป็นโรคตับแข็ง เพราะตับจะรับช่วงต่อจากลำไส้เพื่อทำลายแอลกอฮอล์ เล็กๆ น้อยๆ ตับก็พอทำงานไหม แต่หากมากเกินไปเรื่อยๆ ตับจะเริ่มบวม มีไขมันแทรกตัวตามเซลล์ของตับ และเมื่อนานวันเข้ายังไม่หยุดดื่มหนักอีก ก็จะกลายเป็นตับแข็งในที่สุด - ตับอ่อน
ตับกับตับอ่อนเป็นอวัยวะคนละส่วนกันนะคะ เมื่อดื่มสุรามากๆ แอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งน้ำย่อยออกมามากขึ้น ทำให้ตับอ่อนอาจเกิดอาการอักเสบ จนเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง มีไข้สูง และในบางรายอาจอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน - กระเพาะอาหาร
แอลกอฮอล์ทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร จากการที่กระเพาะอาหารถูกกระตุ้นให้ผลิตน้ำย่อยออกมามากขึ้น จนเป็นเหตุให้กระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะ มีอาการปวดท้อง หรือหากไปถึงขั้นรุนแรงอาจอาเจียนเป็นเลือดได้ - หัวใจ
แอลกอฮอล์ทำให้หัวใจทำงานไม่ปกติ จังหวะเต้นเร็วขึ้น หัวใจบีบตัวมากขึ้น รวมไปถึงการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ อาจส่งผลให้มีอาการหัวใจโตได้ - หลอดเลือด
แอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว และทำให้ไขมันในเส้นเลือดสูงขึ้น เส้นเลือดก็จะแข็งตัวได้ง่าย และส่งผลให้เกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกได้ง่ายเช่นกัน - เม็ดเลือด
ลึกลงไปถึงระบบเม็ดเลือด แอลกอฮอล์ทำให้การทำงานของเม็ดเลือดแดงเสีย จนอาจทำให้อยู่ในภาวะโลหิตจาง ขาดสารโฟลิก รวมไปถึงการผลิตเม็ดเลือดขาวก็จะน้อยลง ความต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บ และเชื้อโรคต่างๆ ลดลง เมื่อบาดเจ็บเลือดออก เลือดก็จะหยุดได้ยากขึ้น เนื่องจากเกล็ดเลือดในร่างกายทำหน้าที่ได้ไม่ดี จึงอาจทำให้มีอาการตกเลือดได้ง่ายขึ้น - ระบบประสาท
เมื่อระบบประสามส่วนปลายอักเสบจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ก็จะเกิดอาการชาตามปลายนิ้วมือ ปลายนิ้วเท้า เป็นเหน็บชา และการทรงตรงก็จะเปลี่ยนไป - สมอง
แอลกอฮอล์แก้วแรกๆ อาจทำให้สมองตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สดชื่น หรือบางคนอาจจะรู้สึกง่วงนอน จนนอนหลับหมดสติไป แต่เมื่อไรก็ตามที่ก้าวเข้าสู่ภาวะติดแอลกอฮอล์เรื้อรัง ก็จะเริ่มมีอาการความจำเสื่อม ความคิดเลอะเลือน เสียการทรงตัว เดินไม่ตรงทาง เซลล์ของสมองอาจจะเล็กลง จนเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อบุคลิกภาพ เช่น ไม่สนใจใคร เศร้าซึม หรือประสาทหลอน ระแวงว่าจะมีคนมาปองร้าย เป็นต้น - ระบบขับถ่าย และอวัยวะสืบพันธุ์
เมื่อดื่มแอลกอฮอล์หนักๆ จนเรื้อรัง ผู้ชายอาจมีความต้องการทางเพศลดลง ขนาดของอัณฑะอาจเล็กลง และผู้หญิงที่ตั่งครรภ์อาจเกิดอาการแท้ง หรือคลอดบุตรก่อนกำหนด จนมีโอกาสทำให้เกิดความผิดปกติต่อบุตรสูง - อวัยวะต่างๆ ภายในเสี่ยงมะเร็งสูง
นอกจากทุกอาการที่กล่าวมาข้างต้น แอลกอฮอล์ยังเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของหลายๆ โรคมะเร็งในร่างกาย คนที่ติดสุราเรื้อรังมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งในอวัยวะต่างๆ มากกว่าคนทั่วไปถึง 10 เท่า อวัยวะที่พบว่าเป็นมะเร็งได้บ่อย คือ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ตับ และตับอ่อน
อ่านจบแล้ว ใครที่คิดจะดื่มแอลกอฮอล์ฉลองกันในช่วงนี้ ต้องคิดใหม่เลยนะคะ เราฉลองในเทศกาลต่างๆ อย่างมีความสุขได้ โดยไม่ต้องพึ่งแอลกอฮอล์ค่ะ หรือหากจะดื่ม ก็ต้องรู้จักประมาณตนเอง อย่าดื่มจนเมาแล้วทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่นนะคะ
ที่มา : https://www.sanook.com
ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10 สิงหาคม 2561
ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง | ราคาขาย/บาท | ราคารับซื้อ/บาท | ราคารับซื้อ/กรัม |
ทองคำแท่ง 96.5% | 19,150.00 | 19,050.00 | n/a |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 19,650.00 | 18,707.44 | 1,234.00 |
ทองรูปพรรณ 99.99% | n/a | 19,389.64 | 1,279.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | n/a | 16,836.70 | 1,110.60 |
ทองรูปพรรณ 80% | n/a | 14,965.95 | 987.20 |
ทองรูปพรรณ 50% | n/a | 8,413.80 | 555.00 |
ทองรูปพรรณ 40% | n/a | 6,549.12 | 432.00 |
ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 10 สิงหาคม 2561
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 30.05 | 30.05 | 30.25 | 30.05 | 30.05 | 30.05 | 30.05 | 30.05 | 30.05 | 30.05 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 29.78 | 29.78 | 29.98 | 29.78 | 29.78 | 29.78 | 29.78 | 29.78 | 29.78 | 29.78 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 27.14 | 27.14 | 27.14 | 27.14 | 27.14 | – | 27.14 | 27.14 | 27.14 | 27.14 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 21.34 | 21.34 | – | – | – | – | – | 21.34 | 21.34 | – |
เบนซิน 95 | 37.16 | – | – | – | 37.61 | – | 37.66 | 37.46 | 37.26 | 37.46 |
ดีเซล | 29.49 | 29.49 | 29.49 | 29.49 | 29.49 | 29.49 | 29.49 | 29.49 | 29.49 | 29.49 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 32.49 | 33.36 | 33.36 | 33.36 | 33.36 | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 14.29 | 14.29 | – | – | – | – | – | – | – | – |