สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 10 สิงหาคม 2561

ตลาด “อสังหาริมทรัพย์” ครึ่งปี 2561 ใครรุ่งใครร่วง

 

ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยผลสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย พบว่ามีบริษัท “เจ้าตลาด” ขนาดใหญ่ และสะท้อนภาพรวมของตลาดที่น่าสนใจ ดังนี้

 

cg

 

1. บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่เน้นการพัฒนาสินค้าราคาแพง โดยในครึ่งปี 2561 เปิดตัว 12 โครงการ 4,293 หน่วย มีมูลค่าสูงถึง 22,801 ล้านบาท

2. บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทพัฒนาที่ดินอันดับต้นทั้งจำนวนหน่วยและโครงการที่เปิดตัว โดยในครึ่งปี 2561 เปิดตัวโครงการไปแล้ว 25 โครงการ รวม 5,348 หน่วย มีมูลค่ารวม 19,559 ล้านบาท

3. บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการในครึ่งปี 2561 ไปแล้ว 9 โครงการ 3,277 หน่วย มูลค่ารวม 13,955 ล้านบาท

4. บริษัท เทียนเฉิน อินเตอร์เนชั่นแนล พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) จํากัด เป็นบริษัทจีนที่มีบทบาทในตลาด โดยครึ่งปี 2561 มีโครงการเพียง 1 แห่ง 1,957 หน่วย มูลค่ารวมกันถึง 11,340 ล้านบาท

5บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการในครึ่งปี 2561 แล้ว 6 โครงการ 2,881 หน่วย มีมูลค่ารวม 10,994 ล้านบาท

ดร.โสภณ มองว่า โอกาสของบริษัทพัฒนาที่ดินเล็กๆจะจำกัดลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ หากในอนาคตมีการขยายการพัฒนาสาธารณูปโภคออกไปตามพื้นที่ต่างๆมากขึ้น และเศรษฐกิจดีขึ้น โอกาสที่เจ้าของที่ดินทั้วไปจะเข้าไปร่วมกันพัฒนาที่ดินก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ ภาวะที่ตลาดเน้นไปยังกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง โอกาสที่จะพัฒนาบ้านและที่อยู่อาศัยแบบอาคารชุดในระดับราคาถูกหรือปานกลางค่อนข้างถูก ถือว่ามีน้อยเพราะกำลังซื้อของประชาชนทั่วไปยังมีน้อยอยู่ ดังนั้น โอกาสที่บริษัทเล็กๆ จะทำโครงการเล็กๆนั้นอาจถูกจำกัดไปด้วย

ส่วนอนาคตการเปลี่ยนแปลงต่างๆก็อาจจะเกิดขึ้นอีก จะเห็นได้ว่าบริษัที่เคยเป็นบริษัทพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ก็จะหดหายไปบ้าง มีบริษัทใหม่เกิดขึ้นมาบ้าง โดยขึ้นอยู่กับแผนธุรกิจและการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาในอนาคตด้วยเช่นกัน

 

ที่มา : https://www.sanook.com


 

จับตาตลาดรีเทลเอี่ยวอสังหาฯ แนวโน้มการเติบโต และการเปลี่ยนแปลง

 

จากการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอสังหาฯ เป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยธุรกิจรีเทลเป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจในตลาดอสังหาฯ

เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา ตลาดรีเทลของไทยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สวนทางกับตลาดรีเทลในประเทศอื่นๆ ที่โดนผลกระทบจากตลาดออนไลน์และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของพฤติกรรมผู้บริโภค

ตลาดรีเทลเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ผู้ประกอบการต่างเร่งพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อแข่งขันอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดเล็กหรือใหญ่ โดยตั้งแต่ศูนย์การค้าอย่างสยามพารากอนเปิดให้บริการเมื่อปี พ.ศ. 2549 เป็นเหตุให้ศูนย์การค้าชั้นนำหลายแห่งทำการปรับปรุงพื้นที่ โดยเฉพาะย่านพระราม 1 ราชประสงค์ เพลินจิต และสุขุมวิท พื้นที่เช่าเฉลี่ยในย่านนี้ ซึ่งคลอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่หัวถนนพระราม 1 สยามดิสคอวเวอรี่ ตลอดแนวจนถึงสุขุมวิทตอนกลาง และเอ็มควอเทียร์ ในปัจจุบันมีอัตราว่างของพื้นที่เฉลี่ยน้อยกว่า 5% อีกทั้งค่าเช่ายังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ร้านค้าอาจต้องรอเป็นปีเพื่อให้ได้พื้นที่เช่าในห้างดังหลายๆแห่ง ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มเป็นธุรกิจหลักในการดึงดูดลูกค้าของห้าง โดยใช้สื่อออนไลน์เป็นกลยุทธ์ในการดึงดูดลูกค้าจากทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยยังเป็นแรงผลักดันที่สำคัญต่อตลาดรีเทลของไทยอีกด้วย โดยในปีที่ผ่านมารายได้จากนักท่องเที่ยวเติบโตร้อยละ 11.66

เกษร ทาวเวอร์เป็นซัพพลายล่าสุดในย่านพระราม1-สุขุมวิท ซึ่งทำการเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วด้วยพื้นที่เช่าเชิงพาณิชยกรรมกว่า 10,000 ตารางเมตร ทำให้ตลาดรีเทลในย่านพระราม1-สุขุมวิท มีพื้นที่เช่ารวมที่ประมาณ 660,000 ตารางเมตร ค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3,900 บาท/ตารางเมตร/เดือน และมีอัตราการเช่าที่ 96.4%

แต่อย่างไรก็ตาม ที่ดินขนาดใหญ่ในย่านพระราม 1 ราชประสงค์ต่อเนื่องไปถึงสุขุมวิทตอนกลางในปัจจุบันหาได้ยากมากและราคาที่ดินสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้มีซัพพลายใหม่ๆในย่านนี้เกิดขึ้นอย่างจำกัด ผู้ประกอบการจึงให้ความสนใจในการเช่าที่ดินระยะยาวมากขึ้น พร้อมกันนี้ยังมองหาทำเลใหม่ๆในโซนอื่นของกรุงเทพฯและปริมณฑลมากขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ จากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบัน ผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือกับพฤติกกรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หลายผู้ประกอบการเริ่มให้ความสนใจในการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด

นายธีรวิทย์ ลิ้มทองสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส เรียลเอสเตท แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด กล่าวว่า “ตอนนี้มีหลายธุรกิจที่ต้องการเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร โคเวิร์กกิ้ง สเปซ หรือแม้กระทั้ง ศูนย์บริการความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ โดยมองว่าเป็นสิ่งที่น่าจับตามองและเป็นโอกาสที่ดีของหลายธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบของตลาดรีเทลไทย”

2_10นอกจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยียังเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวันโดยเทคโนโลยีได้เข้ามาช่วยให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่หันมาให้ความสนใจกับสุขภาพอย่างจริงจัง โดยจะเห็นได้จากกิจกรรมเพื่อสุขภาพต่างๆที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังต้องการความสะดวกสบายที่จะเข้าถึงสุขภาพที่ดี จึงทำให้เกิดธุรกิจเพื่อสุขภาพเช่นฟิตเนสหรือคลาสสุขภาพต่างๆ โดยสถานที่ออกกำลังกายกระจายอยู่ในแทบทุกอาคารโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์ รวมถึงอาคารสำนักงานต่างๆ ธุรกิจฟิตเนสในไทยเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา หลายแบรนด์ดังมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ฟิตเนสเชนส่วนมากจับกลุ่มตลาดระดับบนและส่วนมาก ฟิตเนสระดับกลางจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ทำให้เกิดช่องว่างทางการตลาดของฟิตเนสระดับกลาง

เมื่อความสะดวกสบายและเทรนด์สุขภาพมารวมกัน จึงทำให้เกิดโมเดลธุรกิจเพื่อสุขภาพ 24 ชั่วโมง โดยฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง อย่างน้อย 3 แบรนด์ จากต่างประเทศเล็งเห็นถึงช่องว่างและความเป็นไปได้ทางการตลาดในไทย และได้เข้ามาเป็นผู้เล่นใหม่ในตลาด แต่ละรายพยายามหาพื้นที่เช่าที่แตกต่างออกไปจากฟิสเนสที่เคยเห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยความต้องการหลักคือต้องการเช่าพื้นที่ชั้นล่าง ที่มองเห็น – เข้าออก – เดินทางได้สะดวก แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจถึงความต้องการและยอมรับ “คงต้องใช้เวลาซักพักที่จะทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการหลายๆ รายว่า ฟิตเนสจะสามารถเป็นตัวดูดลูกค้าเข้ามาในพื้นที่ได้เหมือนสตาร์บัคหรือแมคโดนัล” นายธีรวิทย์กล่าว

อนาคตตลาดรีเทลยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีเสน่ห์ที่น่าสนใจ สิ่งที่จะท้าทายผู้ประกอบการคือ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง และส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำอย่างไรที่จะดึงจุดเด่นทางเทคโนโลยีเข้ามาสร้างความแตกต่าง เพื่อให้สามารถแข่งขันและตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคได้สูงสุด

 

ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com


 

เคล็ดลับกลับมาทำงานอย่างสดใสหลังวันหยุดยาว

 

เคล็ดลับกลับมาทำงานอย่างสดใสหลังวันหยุดยาว

วันหยุดยาวคือช่วงเวลาแห่งความสุข เมื่อต้องกลับมาทำงานอีกครั้ง เสียงนาฬิกาปลุก อาจทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าปกติ เพราะแค่คิดว่าต้องไปทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวแล้วต้องเจอกับสภาพการจราจรที่แสนจะติดขัด เปิดคอมพิวเตอร์มาก็จะเจอกับเมลนับร้อยที่ค้างอยู่ใน Inbox แถมยังต้องนั่งประชุมไปอีกครึ่งค่อนวัน คิดแค่นี้ก็อยากจะล้มตัวลงนอนต่อแล้ว แต่ก็ทำไม่ได้เพราะบิลค่าบ้าน ค่ารถ ค่าบัตรเครดิต ยังกองพะเนินอยู่บนโต๊ะ ดังนั้นเรามาสร้างพลังและเตรียมความพร้อมก่อนจะไปทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวกันดีกว่า ส่วนจะมีวิธีการแบบไหนบ้างนั้นมาดูกันเลย

อย่ามัวแต่นั่งเซ็ง อย่างไรเสียวันหยุดยาวยังมีอยู่เรื่อยๆ

ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกเซ็ง เมื่อวันหยุดยาวใกล้จะหมด ไม่มีใครดีใจหรอกที่จะต้องกลับไปสู่ชีวิตปกติที่แสนจะเคร่งเครียดจากการทำงาน ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณควรทำหลังจากพักผ่อนวันหยุดมาแล้วอย่างเต็มที่ก่อนจะกลับไปทำงานคือ ปรับอารมณ์ตัวเอง ให้รู้สึกว่ายังมีหน้าที่และความรับผิดชอบรออยู่ แล้วก็บอกกับตัวเองว่า วันหยุดยาวในปฏิทินนั้นไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว

จัดลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำ

การกลับมาทำงานวันแรกนั้น อาจหมายถึงการสะสางงานที่คั่งค้าง พร้อมกับรับงานที่ได้รับมอบหมายมาใหม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อไปถึงโต๊ะทำงานในตอนเช้า ให้คุณนั่งไล่ลำดับความสำคัญของงานที่ต้องเคลียร์ในวันนั้น โดยเริ่มจากงานที่ง่ายที่สุดก่อนเพื่อเป็นกำลังใจที่จะทำให้คุณทำงานชิ้นต่อๆไปได้ทั้งวัน

คืนก่อนจะไปทำงานควรจะเคลียร์เมล์ใน Inbox ให้เรียบร้อย

เชื่อไหมว่า เราเสียเวลาในการนั่งอ่าน อีเมล และ ตอบอีเมล ใน Inbox ได้เป็นชั่วโมง และทำให้งานอื่นๆต้องช้าออกไปอีก ดังนั้นคืนก่อนที่จะกลับไปทำงานตามปกติ ขอให้คุณสลัดความขี้เกียจออกไป แล้วเปิด Inbox เพื่อเคลียร์อีเมล ที่มาถึงคุณและจะทำให้เช้าวันจันทร์ กลายเป็นเช้าที่ทำให้คุณสามารถเริ่มงานที่สำคัญได้โดยไม่ต้องเป็นห่วงเมล์ ใน Inbox

ไปถึงออฟฟิศให้เร็วกว่าปกติ

แน่นอนว่าหลังจากหยุดยาว ผู้คนจะกลับมาอยู่บนท้องถนน และ รถจะติดหนักมาก ถ้าเป็นไปได้ คุณลองออกให้เร็วกว่าปกติที่เคยทำสักประมาณ 30 นาที จะช่วยให้คุณไปถึงที่ทำงานได้เร็วขึ้นและไม่รู้สึกหงุดหงิด เมื่อถึงที่ทำงานเร็ว จะทำให้คุณตั้งสติในการทำงานได้เร็ว อาจจะกินอาหารเช้าก่อนจากนั้นก็เริ่มลงมือทำงานตามลิสต์ Things to do ที่คุณเตรียมเอาไว้แล้ว

เตรียมเอกสารหรือวางแผนงานให้พร้อมในคืนก่อนถึงวันทำงาน

อย่าทำให้ตัวเองต้องเครียดในตอนเช้า เพราะลืมหรือตกหล่นเอกสารสำคัญ การเตรียมตัวในคืนก่อนจะมาเริ่มทำงานหลังจากวันหยุดยาวเป็นเรื่องที่คุณควรให้ความสำคัญไม่ว่าจะเป็นเอกสารเข้าประชุม รายละเอียดของเนื้องานที่จะนำเสนอ รวมไปถึงการเตรียมเสื้อผ้า จัดกระเป๋าเอกสาร วางกุญแจรถ กุญแจบ้านให้พร้อมต่อการออกไปทำงาน เพียงเท่านี้จะทำให้คุณเริ่มทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาวโดยที่ไม่ต้องหงุดหงิดแล้ว

 

ที่มา : https://www.sanook.com


 

4 ข้อคิดเกี่ยวกับ “การประหยัดเงิน” จากรุ่นคุณย่าที่ดูไม่ตกยุค

 

4 ข้อคิดเกี่ยวกับ "การประหยัดเงิน" จากรุ่นคุณย่าที่ดูไม่ตกยุค

การประหยัดเงินถูกปลูกฝังและได้รับการส่งต่อกันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่า ต่อมาก็คุณพ่อคุณแม่ จนมาถึงรุ่นพวกเรา ซึ่งวิธีการประหยัดเงินในแต่ละยุคอาจจะมีความแตกต่างกัน แต่สุดท้ายการประหยัดเงินก็ยังคงมีส่วนที่เหมือนกันก็ คือ อย่าใช้จ่ายเงินเกินความจำเป็น

วันนี้เราจะพาไปดู 4 ข้อคิดเกี่ยวกับการประหยัดเงินจากรุ่นคุณย่าที่ดูไม่ตกยุคเลย

1.อย่าทิ้งอาหารจนเสีย

หลายคนจะเก็บอาหารที่ทานเหลือหรือแบ่งอาหารบางส่วนเก็บไว้ตู้เย็น เพื่อทานในมื้อต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นหลังจากการเก็บอาหารไว้ในตู้เย็น คือ เราจะลืมและปล่อยให้อาหารเหล่านั้นเน่าเสียไป เพราะอาหารบางอย่างแม้ว่าจะใส่ไว้ในตู้เย็นก็มีโอกาสเน่าเสียได้ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยประหยัดเงินแล้ว อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายของการทำความสะอาดก็ได้ ดังนั้น เมื่อเก็บอาหารไว้ก็อย่าได้ลืมที่จะนำออกมาทานก่อนที่จะเสียด้วย

2.ตั้งใจเรียน อย่าได้ทิ้งการศึกษา

สมัยก่อนรุ่นคุณปู่คุณย่าจะได้เรียนจบระดับมหาวิทยาลัยเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะนั้นเมื่ออายุถึงเกณฑ์ก็ต้องช่วยที่บ้านทำงานแล้ว แต่คนรุ่นปัจจุบันมีโอกาสที่ศึกษาจนจบระดับมหาวิทยาลัยกันมากขึ้น จึงไม่แปลกที่คนสมัยก่อนอยากจะส่งต่อข้อคิดที่ว่าอย่าทิ้งการศึกษานี้ให้พวกเรารุ่นต่อมา เพราะคนที่มีความรู้และความสามารถมีโอกาสในชีวิตที่มากคนอื่นๆนั่นเอง และยังช่วยให้มีรายได้มากขึ้นด้วย

3.Timeshare คือการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์

Timeshare คือ การซื้อสิทธิ์ในการใช้อสังหาริมทรัพย์ในช่วงเวลาที่กำหนดและตกลงกันไว้ เช่น ซื้อสิทธิ์ในบ้านพักตากอากาศชายทะเลแค่ 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน หรือเท่าไหร่ก็ได้ใน 1 ปี เราก็ใช้สิทธิ์ไปพักในแต่ละปีตามจำนวนที่เราซื้อไว้ ซึ่งวิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยแค่ชั่วคราว ไม่อยากซื้อขาดหรือไม่อยากอยู่ถาวรเพราะราคาแพง เป็นต้น

นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายล่วงหน้าของ timeshare แล้ว อาจมีการเรียกเก็บค่าบำรุงรักษาเป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ที่ทำให้ timeshare ไม่ดึงดูดให้กับผู้ซื้อที่มีศักยภาพในตลาดรอง

4.บัตรเครดิตเป็นตัวอันตราย

เราจะได้ยินคำเตือนเกี่ยวกับบัตรเครดิตจากรุ่นคุณย่าว่า บัตรเครดิตเป็นตัวอันตราย เพราะจุดประสงค์ คือ อยากให้เราใช้จ่ายอย่างประหยัด และไม่กู้ยืมเงินจากคนอื่นจนเป็นหนี้นั่นเอง ซึ่งจริงๆแล้วบัตรเครดิตจะให้คุณหรือให้โทษกับเรานั้นก็ขึ้นอยู่กับวิธีใช้ หากเรารู้จักที่จะใช้อย่างมีวินัย ไม่ฟุ่มเฟือยและจ่ายเต็มและตรงตามเวลาทุกเดือน เพียงเท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อันตราย ของบัตรเครดิตอีกแล้ว และสิ่งอันตรายที่ว่านั้นก็คือ ดอกเบี้ย ที่มีอัตราค่อนข้างสูง หากเราเป็นหนี้บัตรเครดิตเป็นอันว่าได้รู้จักกับสิ่งนี้อย่างแน่นอน แต่ทางที่ดีนั้นเลี่ยงที่จะต้องเจอกันอย่างที่คุณย่าท่านเตือนไว้จะดีกว่า

หากเรารู้จักประหยัดเงินและเก็บออมเงินอย่างที่คุณย่าท่านได้บอกกับเรา ก็จะทำให้หลีกเลี่ยงการเป็นหนี้และการเดือดร้อนจากการไม่มีเงินใช้ได้

 

ที่มา : https://www.sanook.com


 

10 อวัยวะที่ถูกทำลายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์

 

10 อวัยวะที่ถูกทำลายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน เหล้า ไวน์ วิสกี้ หรือเบียร์ แค่แก้วสองแก้ว ไม่ว่าจะงานบุญหรืองานบาป ที่คิดว่านิดๆ หน่อยๆ ไม่เป็นไร ดื่มเอาสังคม หรือดื่มจริงจังจนเมาหัวราน้ำกลับบ้านทุกวัน จริงๆ แล้วมันกำลังทำร้ายระบบภายในของร่างกายเราทีละนิด หนำซ้ำยังทำร้ายผู้อื่นด้วย Sanook! Health พามาดู 10 อวัยวะที่ถูกทำลายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ กันค่ะ แล้วคุณจะไม่อยากดื่มแอลกอฮอล์ต่ออีกเลย
  1. ตับ
    ตับเป็นอวัยวะแรกๆ ที่คนส่วนใหญ่ทราบกันดีว่า ดื่มแอลกอฮอล์มากๆ แล้วจะเป็นโรคตับแข็ง เพราะตับจะรับช่วงต่อจากลำไส้เพื่อทำลายแอลกอฮอล์ เล็กๆ น้อยๆ ตับก็พอทำงานไหม แต่หากมากเกินไปเรื่อยๆ ตับจะเริ่มบวม มีไขมันแทรกตัวตามเซลล์ของตับ และเมื่อนานวันเข้ายังไม่หยุดดื่มหนักอีก ก็จะกลายเป็นตับแข็งในที่สุด
  2. ตับอ่อน
    ตับกับตับอ่อนเป็นอวัยวะคนละส่วนกันนะคะ เมื่อดื่มสุรามากๆ แอลกอฮอล์จะไปกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งน้ำย่อยออกมามากขึ้น ทำให้ตับอ่อนอาจเกิดอาการอักเสบ จนเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง มีไข้สูง และในบางรายอาจอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
  3. กระเพาะอาหาร
    แอลกอฮอล์ทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร จากการที่กระเพาะอาหารถูกกระตุ้นให้ผลิตน้ำย่อยออกมามากขึ้น จนเป็นเหตุให้กระเพาะอาหารอักเสบ เป็นแผลในกระเพาะ มีอาการปวดท้อง หรือหากไปถึงขั้นรุนแรงอาจอาเจียนเป็นเลือดได้
  4. หัวใจ
    แอลกอฮอล์ทำให้หัวใจทำงานไม่ปกติ จังหวะเต้นเร็วขึ้น หัวใจบีบตัวมากขึ้น รวมไปถึงการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ อาจส่งผลให้มีอาการหัวใจโตได้
  5. หลอดเลือด
    แอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว และทำให้ไขมันในเส้นเลือดสูงขึ้น เส้นเลือดก็จะแข็งตัวได้ง่าย และส่งผลให้เกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกได้ง่ายเช่นกัน
  6. เม็ดเลือด
    ลึกลงไปถึงระบบเม็ดเลือด แอลกอฮอล์ทำให้การทำงานของเม็ดเลือดแดงเสีย จนอาจทำให้อยู่ในภาวะโลหิตจาง ขาดสารโฟลิก รวมไปถึงการผลิตเม็ดเลือดขาวก็จะน้อยลง ความต้านทานต่อโรคภัยไข้เจ็บ และเชื้อโรคต่างๆ ลดลง เมื่อบาดเจ็บเลือดออก เลือดก็จะหยุดได้ยากขึ้น เนื่องจากเกล็ดเลือดในร่างกายทำหน้าที่ได้ไม่ดี จึงอาจทำให้มีอาการตกเลือดได้ง่ายขึ้น
  7. ระบบประสาท
    เมื่อระบบประสามส่วนปลายอักเสบจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ก็จะเกิดอาการชาตามปลายนิ้วมือ ปลายนิ้วเท้า เป็นเหน็บชา และการทรงตรงก็จะเปลี่ยนไป
  8. สมอง
    แอลกอฮอล์แก้วแรกๆ อาจทำให้สมองตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สดชื่น หรือบางคนอาจจะรู้สึกง่วงนอน จนนอนหลับหมดสติไป แต่เมื่อไรก็ตามที่ก้าวเข้าสู่ภาวะติดแอลกอฮอล์เรื้อรัง ก็จะเริ่มมีอาการความจำเสื่อม ความคิดเลอะเลือน เสียการทรงตัว เดินไม่ตรงทาง เซลล์ของสมองอาจจะเล็กลง จนเกิดการเปลี่ยนแปลงต่อบุคลิกภาพ เช่น ไม่สนใจใคร เศร้าซึม หรือประสาทหลอน ระแวงว่าจะมีคนมาปองร้าย เป็นต้น
  9. ระบบขับถ่าย และอวัยวะสืบพันธุ์
    เมื่อดื่มแอลกอฮอล์หนักๆ จนเรื้อรัง ผู้ชายอาจมีความต้องการทางเพศลดลง ขนาดของอัณฑะอาจเล็กลง และผู้หญิงที่ตั่งครรภ์อาจเกิดอาการแท้ง หรือคลอดบุตรก่อนกำหนด จนมีโอกาสทำให้เกิดความผิดปกติต่อบุตรสูง
  10. อวัยวะต่างๆ ภายในเสี่ยงมะเร็งสูง
    นอกจากทุกอาการที่กล่าวมาข้างต้น แอลกอฮอล์ยังเป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของหลายๆ โรคมะเร็งในร่างกาย คนที่ติดสุราเรื้อรังมีความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งในอวัยวะต่างๆ มากกว่าคนทั่วไปถึง 10 เท่า อวัยวะที่พบว่าเป็นมะเร็งได้บ่อย คือ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ตับ และตับอ่อน

 

อ่านจบแล้ว ใครที่คิดจะดื่มแอลกอฮอล์ฉลองกันในช่วงนี้ ต้องคิดใหม่เลยนะคะ เราฉลองในเทศกาลต่างๆ อย่างมีความสุขได้ โดยไม่ต้องพึ่งแอลกอฮอล์ค่ะ หรือหากจะดื่ม ก็ต้องรู้จักประมาณตนเอง อย่าดื่มจนเมาแล้วทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่นนะคะ

 

ที่มา : https://www.sanook.com


 

ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10 สิงหาคม 2561

 

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,150.00 19,050.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,650.00 18,707.44 1,234.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,389.64 1,279.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 16,836.70 1,110.60
ทองรูปพรรณ 80% n/a 14,965.95 987.20
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,413.80 555.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,549.12 432.00

 

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 10 สิงหาคม 2561

 

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 30.05 30.05 30.25 30.05 30.05 30.05 30.05 30.05 30.05 30.05
แก๊สโซฮอล์ 91 29.78 29.78 29.98 29.78 29.78 29.78 29.78 29.78 29.78 29.78
แก๊สโซฮอล์ E20 27.14 27.14 27.14 27.14 27.14 27.14 27.14 27.14 27.14
แก๊สโซฮอล์ E85 21.34 21.34 21.34 21.34
เบนซิน 95 37.16 37.61 37.66 37.46 37.26 37.46
ดีเซล 29.49 29.49 29.49 29.49 29.49 29.49 29.49 29.49 29.49 29.49
ดีเซลพรีเมี่ยม 32.49 33.36 33.36 33.36 33.36
แก๊ส NGV 14.29 14.29

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า