สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 10 ธันวาคม 2561

2562 อยู่กับยาแรงแบงก์ชาติ REIC ฟันธง อสังหาลดความร้อนแรง ลูกค้า “หลัง 1-2 มือสอง เก็งกำไร” อ่วมหมด

ไตรมาส 4/61 ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เรียกขานว่าเป็นไตรมาสอาถรรพ์ จากผลกระทบทาง “ธปท.-ธนาคารแห่งประเทศไทย” ลุกขึ้นมาออกมาตรการสกัดฟองสบู่

ส่งแรงกระเพื่อมเป็นวงกว้างทำให้ระยะสั้นก่อนวันที่ 1 เมษายน 2562 มองว่าเหมือนเป็นมาตรการกระตุ้นซื้อ-โอนทางอ้อม เพราะคนที่อยากได้สิทธิเงินดาวน์ 5-10% ในการซื้อบ้านหลังที่ 2 เป็นต้นไปต้องเร่งทำธุรกรรมให้จบ เพราะหลังจากวันที่ 1 เมษายนจะถูกเรียกเก็บเงินดาวน์สูงขึ้น 1-3 เท่าตัวเป็น 10-20%

จีดีพี 6.2% กระเพื่อมหนัก

สอดคล้องกับ “ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์” รักษาการผู้อำนวยการ REIC (ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์) ที่วิเคราะห์ไว้ว่า มาตรการสกัดฟองสบู่ของแบงก์ชาติรอบนี้จะทำให้แนวโน้มปี 2562 ภาคอสังหาฯผ่อนคันเร่งลง

ประมาณว่าอสังหาฯยังคงต้องเผชิญไตรมาสอาถรรพ์ต่อเนื่องกันอีกอย่างน้อย 2-3 ไตรมาสด้วยกัน

ด้วยการลดเพดาน LTV-loan to value หรือลดเพดานสินเชื่อ มีผลทางตรงเท่ากับบังคับเพิ่มเงินดาวน์ซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียม เดดไลน์อยู่ที่มีผลบังคับใช้วันที่ 1 เมษายน 2562

ในขณะที่ REIC ระบุว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีขนาดใหญ่ คิดเป็นสัดส่วน 6.2% ของ GDP ประเทศไทย โดยประเภท “ที่อยู่อาศัย” เป็นประเภทใหญ่ที่สุด ในแต่ละปีมีการโอนกรรมสิทธิ์ 3.2-3.7 แสนหน่วย มูลค่า 6.5-7.5 แสนล้านบาท/ปี

ขนาดตลาดบิ๊กไซซ์ จึงเป็นธรรมดาที่มีปัจจัยเสี่ยงมากระทบ ย่อมทำให้เกิดโกลาหลได้ในช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนแปลง

เดาไม่ยากปี”61 โตกว่าปีที่แล้ว

โดย REIC คาดการณ์ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลทั้งในด้านดีมานด์และซัพพลายจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 2560 เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศทั้งภาคส่งออกการท่องเที่ยว การลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ

โดยมาตรการแบงก์ชาติที่จะมีผลบังคับใช้ต้นไตรมาส 2/62 คาดว่าส่งผลให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์และสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีการเร่งตัวอย่างเห็นได้ชัด

สำหรับตลาดภูมิภาคปี 2561 คาดว่าดีมานด์มีการขยายตัวอย่างชัดเจน โดยมีหน่วยและมูลค่าการโอนสูงถึง 21% ขณะที่สถิติการขอใบอนุญาตก่อสร้างซึ่งสะท้อนซัพพลายใหม่ลดลง -3.2% แบ่งเป็นการขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารชุดลดลง -49% บ้านจัดสรรเพิ่มขึ้น 2.9%

มุมมองจึงออกมาว่าทำให้เห็นการปรับตัวของซัพพลาย-ดีมานด์มีความสมดุลกันมากขึ้น

5 ปัจจัยเสี่ยงทุบปี”62

จากความร้อนแรงของปีนี้ “ดร.วิชัย” ประเมินปี 2562 ว่า เมื่อมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านรุมเร้าทำให้แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงอย่างน้อย 10-20%

เอกซเรย์ปัจจัยเสี่ยงมีอย่างน้อย 5 ด้านด้วยกัน คือ 1.มาตรการ LTV ของแบงก์ชาติ 2.ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม 3.เทรดวอร์ระหว่างสหรัฐกับจีน ยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น 4.ลูกค้าต่างชาติที่มีโควตาซื้อห้องชุดได้ 49% ได้รับผลกระทบไปด้วย

และ 5.ผลกระทบจากเศรษฐกิจมหภาค อ่านเกมจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของแบงก์ชาติ มีส่งสัญญาณเตรียมขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในปีหน้า อันหมายถึงปีหน้าเป็นปีแห่งอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งกระทบต่อภาระการผ่อนบ้าน-คอนโดฯโดยอัตโนมัติ

ซื้อลงทุน-เก็งกำไรหดตัว

ทั้งนี้ มุมมองต่อกำลังซื้อผู้บริโภค แนวโน้มปีหน้ามีความอ่อนตัวสูงมาก เพราะกระทบตรง ๆ 2 ด้าน คือ มาตรการบังคับเพิ่มเงินดาวน์ซื้อบ้านหลังที่ 2 เป็นต้นไป กับเทรนด์อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

โดย REIC ให้น้ำหนักว่าลูกค้ามีถึงครึ่งหนึ่งหรือเกือบ 50% จะชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ในจำนวนนี้แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าซื้อบ้าน-คอนโดฯหลังที่ 2 สัดส่วน 23.4%, กลุ่มผู้ซื้อลงทุน+ปล่อยเช่า 18.6%, กลุ่มผู้ซื้อใบจองหรือซื้อเพื่อเก็งกำไร 6%

ถอดรหัสยิบย่อยขึ้นไปอีก พบว่ากลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 เป็นต้นไปจำนวน 23.4% นั้น มีครึ่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างผ่อนเงินกู้ไม่ถึง 3 ปี

จากตัวเลขนี้เข้าใจว่าเป็นข้อมูลชุดเดียวกับแบงก์ชาติมีอยู่ในมือ จนนำไปสู่การออกมาตรการขั้นบันไดสำหรับการซื้อบ้านหลังที่ 2 โดยตัดเชือกที่การผ่อนหลังแรกก่อนและหลัง 3 ปี ดังนี้

ถ้าผ่อนหลังแรกไม่เกิน 3 ปี การซื้อหลังที่ 2 ต้องมีเงินดาวน์ 20% แต่ถ้าผ่อนหลังแรกเกิน 3 ปีแล้ว หากต้องการซื้อหลังที่ 2 บังคับเงินดาวน์ 10% โดยใช้เกณฑ์เดียวกันทั้งบ้านและคอนโดฯ

บ้านมือสองเพดานกู้ 80%

ในส่วนตลาดบ้านมือสองซึ่ง REIC รับมอบภารกิจโดยได้รับอนุมัติงบประมาณจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และได้รับอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2561 ให้เป็นผู้จัดทำระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสอง

เบื้องต้นพบว่า หลังจากวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยมีการฟื้นตัวและเติบโตต่อเนื่อง แต่ละปีมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย 3.2-3.7 แสนหน่วย มูลค่าเฉลี่ย 6.5-7.5 แสนล้านบาท

น่าสนใจว่าในจำนวนนี้มีสัดส่วนที่อยู่อาศัยมือสอง 45-50% คำนวณเป็นที่อยู่อาศัยมือสองที่มีการโอนกรรมสิทธิ์อยู่ที่ 1.5-1.8 แสนหน่วย คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ยปีละ 2.5-3 แสนล้านบาท

ผอ. REIC วิเคราะห์แบบฟันธงว่า ตลาดบ้านมือสองทั่วประเทศได้รับผลกระทบทางตรง เนื่องจากเป็นการซื้อขายระหว่างบุคคลกับบุคคล ในขณะที่การขอสินเชื่อสำหรับบ้านมือสองทางสถาบันการเงินปล่อยกู้เพียง 80% ทางผู้ซื้อต้องมีเงินก้นถุง 20%

“ประเด็นอยู่ที่เป็นตลาดที่น่าเป็นห่วงด้านกำลังซื้อ เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคอสังหาฯไม่ได้มีการออมมากขนาดนั้น”

แนวทางข้อเสนอของ REIC คือ รัฐบาลควรมีตัวช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย โดยลดค่าโอน 2% และค่าจดจำนอง 1% รวมเป็น 3% หรือล้านละ 30,000 บาท

ซึ่งหากทำออกมาจริง จะช่วยลดภาระผู้ซื้อบ้านใหม่และบ้านมือสองไปพร้อม ๆ กัน

ขอบคุณข้อมูลจาก www.prachachat.net


 

รถไฟไทย-จีนสะดุดติดปมสเปคงานระบบ4หมื่นล้าน

รถไฟไทย-จีน ตกขบวนครม.สัญจรอีสาน หลังติดปมสเปคงานระบบ 4 หมื่นล้าน เผยจีนไม่แจงรายละเอียดทำเปรียบเทียบราคาไม่ได้ คมนาคมปัดข้อเสนอจีนการันตีไฮสปีดแค่ 1 ปี แจงเวลาน้อยเกินไปไม่สอดคล้องมูลค่าสินค้า

          นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างสรุปรายละเอียดสัญญา 2.3 งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท นั้นพบว่ายังติดปัญหาในหลายประเด็นรวมถึงต้องรอฝ่ายจีนส่งข้อมูลายละเอียดต่างๆกลับมา ดังนั้นจึงยังไม่สามารถเสนอร่างสัญญาให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัญจร ลงพื้นที่จ.บึงกาฬและจ.หนองคาย ระหว่างวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้

          ทั้งนี้จะเร่งสรุปเพื่อขอความเห็นชอบภายในเดือน ม.ค. ก่อนที่จะมีการลงนามสัญญาดังกล่าวในงานการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 25 ม.ค. ณ กรุงปักกิ่ง 

          นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่าข้อติดขัดเรื่องสัญญา 2.3 นั้นเป็นเรื่องสเป็ครายละเอียดการถอดแบบและมูลค่าของสัญญา(BOQ) เนื่องจากฝ่ายจีนได้ให้รายละเอียดของตัวเลขค่าใช้จ่ายในแต่ละส่วนแบบเหมารวมเป็นตัวเลขก้อนใหญ่ แต่ไม่มีการชี้แจงว่าแต่ละจุดนั้นมีรายละเอียดแยกย่อยอะไรบ้าง ดังนั้นจึงตรวจสอบเปรียบเทียบราคาระหว่างสินค้าสเป็คที่จีนเสนอกับสินค้าทั่วไปตามท้องตลาด อีกทั้งยังอาจขัดกับหลักกฎหมายการจัดซื้อจัดจ้างของประเทศไทยที่ต้องชี้แจงค่าใช้จ่ายได้เพื่อความโปร่งใสของโครงการ 

          อย่างไรก็ตามต้องรีบลงนามสัญญาให้จบเพราะรถใช้เวลาผลิตนานถึง 6 ปีและทยอยนำเข้ามาประกอบทีละชิ้นเพื่อให้ทันกับการเปิดเดินรถในปี ‭65-66‬ แต่ทั้งนี้ยังสรุปราคาไม่ได้เพราะบริษัทรัฐวิสาหกิจจีนที่เป็นคู่สัญญานั้นไม่สามารถผลิตตัวรถเองได้และต้องเปิดประมูลจ้างเอกชนจีนผลิต 

          นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการประกันสินค้ารถไฟความเร็วสูงซึ่งจีนเสนอมาเพียงปีเดียวนั้นกระทรวงคมนาคมยังมองว่าไม่เหมาะสมเนื่องจากเป็นสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นสินค้ามูลค่ามากดังนั้นจึงควรให้หลักประกันตามมาตรฐานสากลซึ่งต้องมีอย่างน้อย 2 ปีเป็นต้นไป ขณะที่งานสัญญาก่อสร้างนั้นจะเร่งทยอยประมูลให้ครบทั้ง 14 สัญญามูลค่าราว 1.2 แสนล้านให้ครบทั้งหมดภายในไตรมาสแรกปี 62

ขอบคุณข้อมูลจาก www.thaipost.net


ธนาคารล่องหน … กวาดสาขาธนาคารและตู้ ATM

… หากคุณเป็นผู้บริหารระดับสูงในธนาคาร คุณคงไม่เชื่อแน่นอนว่า ธนาคารจะหายไปคล้ายที่ฟิล์มหายไป ซึ่งนักอนาคตศาสตร์ก็เชื่อว่า มนุษย์ยังคงทำธุรกรรมทางการเงิน (Banking) มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำธุรกรรมผ่านธนาคารแบบดั้งเดิม (Bank) และเริ่มมีแนวโน้มแล้วว่า ในทศวรรษหน้า เราอาจจะไม่เดินไปทำธุรกรรมที่ตู้ ATM หรือ สาขาธนาคารอีกต่อไป
การทำธุรกรรมทางการเงินกำลังวิ่งเข้าสู่การให้บริการแบบดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบและ Realtime เนื่องจากสามารถลดต้นทุนทางกายภาพและยังทำให้กระบวนการทำธุรกรรมสั้นลง แต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และสอดคล้องกับประสบการณ์ของผู้บริโภคที่ใช้สมาร์ทโฟนที่เชื่อมโยงกับเทคโนโลยี Blockchain และ AI แบบออนไลน์ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีบอกตำแหน่งบนสมาร์ทโฟน, IoT และ App บนสมาร์ทโฟน กำลังท้าทายเขย่าขวัญกวาดสาขาธนาคาร, ตู้ ATM, บัตรเครดิต และสมาร์ทการ์ด ให้หายไปในทศวรรษหน้า

1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีสัญญาณบ่งบอกว่า กำลังจะมีผู้เล่นที่หน้าตาแปลกใหม่เข้ามาร่วมวงในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร ด้วยการสร้างโอกาสที่ต่างออกไปจากธนาคารแบบดั้งเดิม จากการที่ผู้เล่นหน้าใหม่มองเห็นและเข้าใจคนรุ่น Gen Z ที่กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งพวกเขาไม่ใช่ “เด็ก” อย่างที่เราเคยเข้าใจอีกต่อไป

ธุรกิจค้าปลีกดูเหมือนกับจะมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ จาก Gen Z ได้รวดเร็วกว่าธนาคาร ยกตัวอย่างเช่น Amazon ก้าวเข้ามาให้บริการทางการเงินแบบเนียน ๆ ถึงตัว Gen Z ผ่านบัญชี Amazon ของพ่อแม่พวกเขา อีกตัวอย่าง คือ บริษัท Social Finance, Inc. (SoFi) เป็นบริษัทออนไลน์ที่ให้บริการทางการเงินส่วนบุคคล มุ่งเน้นกลุ่ม Gen Z อีกทั้งยังมีการให้บริการที่ปรึกษาด้านการศึกษาและตำแหน่งงานที่ตอบโจทย์ลูกค้า Gen Z ซึ่งคาดว่า Gen Z จะมีกำลังซื้อที่สำคัญและมีบทบาทมากในการเปลี่ยนโครงสร้างตลาด New Economy ในอนาคตอันใกล้

Gen Z หรือ “Mobile-First Generation” จะไม่มีวันที่หลุดออกจากโลกแห่ง Applications ได้เลย และพวกเขาเข้าถึง Mobile Internet และ Social Media ตลอดเวลา แต่ดูเหมือนธนาคารแบบดั้งเดิมจะยังคงเข้าใจว่า พวกเขาเข้าใจ Gen Z ดีพอแล้ว ซึ่งแท้ที่จริงแล้วธนาคารแบบดั้งเดิมอาจจะประมาทจนเกินไป แต่ก็จริงอยู่ที่ธนาคารได้ทำ Applications ที่พยายามตอบโจทย์ Gen Z แต่หากมองให้ลึกซึ้งจะพบว่า Applications เหล่านั้นของธนาคารไม่ใช่ Applications ในแบบที่ Gen Z ใช้ในชีวิตจริงเลย

ปัญหาที่ธนาคารแบบดั้งเดิมอาจถูกลืมจาก Gen Z ไปตลอดกาล ก็อาจด้วยเหตุผลที่บริษัทออนไลน์ที่ให้บริการทางการเงินส่วนบุคคลที่เข้าใจอย่างถ่องแท้กว่าธนาคารแบบดั้งเดิมว่า Gen Z มีแนวโน้มในการทำงานในอาชีพใหม่ ๆ, การออมและการลงทุนที่ต่างจาก Babyboomers และ Gen X อย่างสุดขั้ว เช่น การแอบลงทุนอย่างเงียบ ๆ ใน Cryptocurrency, การทำงานแบบฟรีแลนซ์, การเรียนผ่านระบบ Online University, การทำงานบน Online Platform ที่อิสระ (เช่น YouTuber, Influencer, Game Caster, Professional Esport Player เป็นต้น) ทำให้ Lifestyle และรายได้ของพวกเขาไม่เหมือนคนในยุค Gen X และ Babyboomers ที่ธนาคารแบบดั้งเดิมรู้จัก

©PublicDomainPictures

 

บริษัทออนไลน์ที่ให้บริการทางการเงินส่วนบุคคลใหม่ ๆ ที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ที่มีขีดความสามารถด้าน Data Analytics ที่สามารถวิเคราะห์ Credit Scoring ของลูกค้าแต่ละคนได้ดีกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม อีกทั้งเทคโนโลยีบอกตำแหน่งและบ่งบอกตัวบุคคลบนสมาร์ทโฟนด้วยใบหน้าและลายนิ้วมือกำลังทำให้พนักงานและสาขาธนาคารกำลังจะกลายเป็นซอฟต์แวร์ จนธนาคารในทศวรรษหน้าจะกลายเป็นเพียง “ธนาคารล่องหน” บนคลาวด์ (cloud) เท่านั้น

การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ของอุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร ทำให้แรงงานรูปแบบดั้งเดิมได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งจะมีการลดตำแหน่งงานแบบดั้งเดิมในอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารอย่างมาก แต่กลับต้องการแรงงานในสาขาวิเคราะห์ข้อมูล อย่างเช่น นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientists) ซึ่งหาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน จึงถึงเวลาแล้วที่อุตสาหกรรมการเงินการธนาคาร จะต้องเตรียมการด้านทักษะแรงงานใหม่ ด้วยการพัฒนาแรงงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งแสวงหาแรงงานใหม่เพื่ออนาคต

©geralt

อุตสาหกรรมการเงินการธนาคารนับจากนี้ไป มีความจำเป็นต้องนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานเข้ากับธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคทุก Generation ไม่ว่าจะเป็น AI, IoT และ Blockchain เพื่อให้มีขีดความสามารถทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยร่วมมือกับ Fintech ในการพัฒนาสินค้าและบริการดิจิทัล, นำเสนอผู้บริโภคในทุกช่องทางที่ตอบโต้กับลูกค้าได้แบบ Realtime และไร้รอยต่อ (Multichannel Digital Interactions), สร้างกระบวนการที่ง่ายต่อการใช้งานแบบ Realtime และ Personalization ด้วย Cloud Solutions และสร้างระบบให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบการกำกับดูแลของรัฐ  และแน่นอน ถ้าปรับตัวไม่ทัน อนาคตในไม่ช้าเราอาจลืมว่าเคยมีธนาคารอยู่ข้างถนน เหมือนเราลืมไปร้านขายหนังสือพิมพ์ในวันนี้


 10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ – ประวัติความเป็นมาและความสำคัญ

วันรัฐธรรมนูญ วันสำคัญ เดือนธันวาคม

วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกถึงโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475

10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญไทย
ประวัติความเป็นมา
สำหรับในประเทศไทย วันรัฐธรรมนูญตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกถึงโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นรัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของประเทศไทย

โดยผลของการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎรจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปีเดียวกัน ลักษณะสำคัญคือ ได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นการปกครองแบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจาก พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง เป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้บริการราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ มิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย

10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาล ก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้ หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐ ซึ่งมีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งใหม่ ในส่วนเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้น ได้บัญญัติว่าพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะของประชาชน ผู้ใดจะละเมิดมิได้

สำหรับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 ซึ่งตรงกับวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง และเป็นวันชาติในขณะนั้น โดยความประสงค์ของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งการปกครองในยุคนั้นได้รับการวิพากษ์วิจารณ์กันในระยะต่อมาว่ามิได้เป็นวิธีการในระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด

สาเหตุ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) แห่งราชวงศ์จักรีทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย ด้วยหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ผลอันนี้ได้กระทบมาถึงไทยด้วย พระองค์ได้แก้ไขเศรษฐกิจโดยปลดข้าราชการออก และสร้างความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ ตามมาด้วยอิทธิพลจากตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการทางการเมือง ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน นอกจากนี้รัฐบาลได้ออกกฏหมายเก็บภาษี เช่น ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน จากราษฎร

ซึ่งจากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการทหารและราษฎรทั่วไป จึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยการปฏิวัติ มีคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหาร ซึ่งประกอบด้วยพันเอก พระยาพหลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเด และพันเอกพระฤทธิอาคเนย์ เป็นผู้บริหารประเทศ

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า “พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว” สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ได้แก่ การที่กำหนดว่าอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคลคณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ

พระมหากษัตริย์
สภาผู้แทนราษฎร
คณะกรรมการราษฎร
ศาล
ลักษณะการปกครอง ถึงแม้จะเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยแต่ก็ถือว่าพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ เป็นสถาบันที่ถาวรและมีการสืบราชสมบัติต่อไปในพระราชวงศ์ การปฏิบัติราชการต่างๆ จะต้องมีกรรมการราษฎรผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎรจึงจะใช้ได้

10 ธันวาคม วันรัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทั้งหมด 19 ฉบับ

รัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย มีชื่อว่า “พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475” จากนั้น ราชอาณาจักรไทย ก็ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญมาตามลำดับ ดังนี้

1. พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 (27 มิถุยายน – 10 ธันวาคม 2475)

2. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม (ไทย) พุทธศักราช 2475 (10 ธันวาคม 2475 – 9 พฤษภาคม 2489) ถูกยกเลิกเพราะล้าสมัย

3. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 (9 พฤษภาคม 2489 – 8 พฤศจิกายน 2490) ถูกยกเลิกโดยคณะรัฐประหาร

4. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 รัฐธรรมนูญตุ่มแดง หรือ รัฐธรรมนูญใต้ตุ่ม (9 พฤศจิกายน 2490 – 23 มีนาคม 2492)

5. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 (23 มีนาคม 2492 – 29 พฤศิกายน 2494) ถูกยกเลิกโดยคณะรัฐประหาร

6. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 (8 มีนาคม 2495 – 20 ตุลาคม 2501) ถูกยกเลิกโดยคณะปฏิวัติ

7. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 (28 มกราคม 2502 – 20 มิถุนายน 2511)

8. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 (20 มิถุนายน 2511 – 17 พฤศจิกายน 2514) ถูกยกเลิกโดยคณะปฏิวัติ

9. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 (25 ธันวาคม 2515 – 7 ตุลาคม 2517)

10. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 (7 ตุลาคม 2517 – 6 ตุลาคม 2519) ถูกยกเลิกโดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน

11. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 (22 ตุลาคม 2519 – 20 ตุลาคม 2520)

12. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520 (9 พฤศจิกายน 2520 – 22 ธันวาคม 2521)

13. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 (22 ธันวาคม 2521 – 23 กุมภาพันธ์ 2534) ถูกยกเลิกโดยคณะ รสช.

14. ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534 (1 มีนาคม – 9 ตุลาคม 2534)

15. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (9 ธันวาคม 2534 – 11 ตุลาคม 2540) ถูกยกเลิกหลังตรารัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

16. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ฉบับประชาชน (11 ตุลาคม 2540 – 19 กันยายน 2549) ถูกยกเลิกโดยคณะ คปค.

17. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 (1 ตุลาคม 2549 – 24 สิงหาคม 2550)

18. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (24 สิงหาคม 2550 – 22 กรกฎาคม 2557)

19. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 (22 กรกฎาคม 2557-ปัจจุบัน)

เกร็ดความรู้ เกี่ยวกับ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เกร็ดความรู้ เกี่ยวกับ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

เกร็ดความรู้ เกี่ยวกับ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นรูปหล่อลอยตัว ประกอบด้วยรูปเล่มรัฐธรรมนูญในสมุดไทย ประดิษฐานบนพานแว่นฟ้า สร้างด้วยทองแดง มีความสูง 3 เมตร หนัก 4 ตัน ตั้งบนฐานรูปทรงกลมด้านบนโค้งกลม ลานอนุสาวรีย์ยกสูงมีบันไดโดยรอบ รอบนอกลานอนุสาวรีย์มีครีบทรงแบน อยู่ 4 ทิศ ที่โคนครีบ มีภาพแกะสลักลายปั้นนูน และมีรั้วเตี้ยๆ กั้นโดยรอบลานอนุสาวรีย์ รั้วนี้ใช้ปืนใหญ่โบราณจำนวน 75 กระบอก ฝังดินโผล่ท้ายกระบอกขึ้นมา เป็นเสา คล้องโซ่เชื่อมต่อกัน

ครีบ 4 ด้าน สูงจากแท่นพื้น 24 เมตร มีรัศมียาว 24 เมตร หมายถึง วันที่ 24 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง

พานรัฐธรรมนูญ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดป้อมกลางตัวอนุสาวรีย์ สูง 3 เมตร หมายถึง เดือน 3 หรือ เดือนมิถุนายน (ขณะนั้นนับเมษายนเป็นเดือนแรกของปี) ตรงกับเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองสมัยนั้น และหมายถึง อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ภายใต้รัฐธรรมนูญ (นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ)

ปืนใหญ่จำนวน 75 กระบอก (ปากกระบอกปืนฝังลงดิน) โดยรอบฐานของอนุสาวรีย์ที่มีโซ่เหล็กร้อยไว้ หมายถึงปีที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง (เลข 75 เป็นเลขท้ายสองหลักของปี พ.ศ. 2475) ส่วนโซ่ที่ร้อยไว้ด้วยกันหมายถึงความสามัคคีพร้อมเพรียงของคณะปฏิวัติ

ลายปั้นนูนที่ฐานครีบทั้ง 4 เน้นถึงเรื่องราวการดำเนินงานของคณะราษฎรตอนที่นัดหมายและแยกย้ายกันก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475

พระขรรค์ 6 เล่ม ที่รายล้อมรอบป้อมกลางตัวอนุสาวรีย์ หมายถึง หลัก 6 ประการของคณะราษฎร

รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคม เพื่อเป็นการระลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรก อันเป็นฉบับถาวร และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย ทางราชการจึงกำหนดให้วันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันรัฐธรรมนูญ

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก  www.dmc.tv , www.lib.ru.ac.th , www.chiangraitimes.com , วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


Mix business with pleasure

Mix business with pleasure หมายถึงการทำงานและการทำกิจกรรมเข้าสังคมไปพร้อมกัน ซึ่งอาจมีความหมายในแง่บวก หรือลบก็ได้

Eating out with clients is a good way to mix business with pleasure.

My colleagues probably think I’m unfriendly, but it’s just that I don’t like to mix business with pleasure.

I won’t be coming to the staff cricket match – I prefer not to mix business with pleasure.

ขอบคุณข้อมูลจาก  http://www.bbc.co.uk


 ราคาทองทุกชนิดตามประกาศสมาคมค้าทองคำ ประจำวันที่ 10/12/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง ราคาขาย/บาท ราคารับซื้อ/บาท ราคารับซื้อ/กรัม
ทองคำแท่ง 96.5% 19,400.00 19,300.00 n/a
ทองรูปพรรณ 96.5% 19,900.00 18,950.00 1,250.00
ทองรูปพรรณ 99.99% n/a 19,632.20 1,295.00
ทองรูปพรรณ 90% n/a 17,055.00 1,125.00
ทองรูปพรรณ 80% n/a 15,160.00 1,000.00
ทองรูปพรรณ 50% n/a 8,535.08 563.00
ทองรูปพรรณ 40% n/a 6,640.08 438.00

ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ ราคาน้ำมัน ประจำวันที่ 10/12/2561

ราคาน้ํามันปตท
ปตท.
ราคาน้ํามันบางจาก
บางจาก
ราคาน้ํามันเชล์ Shell
เชลล์
ราคาน้ํามันเอสโซ่ Esso
เอสโซ่
ราคาน้ํามันคาลเท็กซ์ caltex
คาลเท็กซ์
ราคาน้ํามันไออาร์พีซี irpc
ไออาร์พีซี
ราคาน้ํามันพีที PT
พีที
ราคาน้ํามันซัสโก้ susco
ซัสโก้
ราคาน้ํามันเพียว PURE
เพียว
ราคาน้ํามันซัสโก้
ซัสโก้ดีลเลอร์
แก๊สโซฮอล์ 95 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45 27.45
แก๊สโซฮอล์ 91 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18 27.18
แก๊สโซฮอล์ E20 24.44 24.44 24.44 24.44 24.44 24.44 24.44 24.44 24.44
แก๊สโซฮอล์ E85 20.09 20.09 20.09 20.09
เบนซิน 95 34.86 35.31 35.36 35.16 34.66 35.16
ดีเซล 27.09 27.09 27.09 27.09 27.09 27.09 27.09 27.09 27.09 27.09
ดีเซลพรีเมี่ยม 30.69 30.96 30.96 30.96 30.96
แก๊ส NGV 16.13 16.13

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า