สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 11 พฤษภาคม 2561

ผุดรถไฟฟ้าสายใหม่ 131 กิโลเมตร เชื่อมย่านซีบีดี-บูม 13 เมืองใหม่

เดินหน้าไปกว่า 80% สำหรับแผนแม่บทขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ระยะที่ 2 หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “M-MAP 2” หลังเส้นทางขีดไว้ใน M-MAP ปัจจุบัน กำลังทยอยผลิดอกออกผลจนเกือบครบ 10 เส้นทาง รวมระยะทาง 464 กม.
 
“อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ภายในเดือน ส.ค.นี้ แผนแม่บทระยะที่ 2 ที่องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ศึกษาให้จะเสร็จ จากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ โดยจะพยายามผลักดันให้ได้รับอนุมัติภายในรัฐบาลนี้ เพื่อส่งมอบให้รัฐบาลถัดไปนำไปสานต่อ
“รถไฟฟ้าระยะที่ 2 จะเป็นเส้นทางต่อขยายกับเส้นทางหลักเดิม ที่ยังขาดการเชื่อมโยง หรือ missing link รวมถึงโครงข่ายใหม่ที่เป็นระบบรอง เพื่อทำหน้าที่เป็นฟีดเดอร์คนจากชานเมืองป้อนคนเข้าสู่ระบบหลัก 10 เส้นทาง เช่น โมโนเรล หรือไลต์เรล”
นอกจากนี้ ยังต้องศึกษาโครงข่ายให้สอดคล้องกับการจัดวางผังเมืองระดับภาคในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่วางจุดที่เป็นเมืองรอง (subcenter) 13 แห่ง ที่อยู่รายล้อมพื้นที่กรุงเทพฯ ในรัศมี 40 กม. มี 5 แห่ง ได้แก่ รังสิต มีนบุรี ลาดกระบัง สมุทรสาคร และศาลายา ส่วนในรัศมี 20 กม. มี 8 แห่ง ได้แก่ บางขุนเทียน สมุทรปราการ บางใหญ่ แคราย บางซื่อ มักกะสัน วงเวียนใหญ่
และสถานีแม่น้ำรวมถึงวางการเชื่อมต่อกับ 3 สถานีหลัก ได้แก่ 1.สถานีกลางบางซื่อ เป็นศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชนในอนาคต 2.สถานีมักกะสัน จะเป็นเกตเวย์ของระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และ 3.สถานีแม่น้ำ เพื่อเสริมศักยภาพการพัฒนาพื้นที่สถานีแม่น้ำของการรถไฟแห่งประเทศไทย
สำหรับแนวเส้นทางใหม่ ในเบื้องต้นไจก้ากับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กำหนดไว้มี 5 เส้นทาง รวมระยะทาง 131 กม. ประกอบด้วย 1.สายสถานีแม่น้ำ-บางนา-สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 33 กม. รองรับกับการเติบโตของเมืองฝั่ง จ.สมุทรปราการ และพื้นที่ใกล้เคียง จะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวแบริ่ง-สมุทรปราการ และการพัฒนาบริเวณสถานีแม่น้ำ รวมไปถึงรองรับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิ และยังช่วยลดความแออัดของผู้โดยสารแอร์พอร์ตลิงก์ด้วย
2.ส่วนต่อขยายสายสีเทา ช่วงรามอินทรา-ลำลูกกา ระยะทาง 14 กม. รองรับการเติบโตของ จ.ปทุมธานี มีเส้นทางต่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ) และสายสีเขียว (หมอชิต-ลำลูกกา)
3.สายรังสิต-ธัญบุรี ระยะทาง 12 กม. รองรับการเติบโตพื้นที่โซนเขตเทศบาลนครรังสิต และ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย 4 แห่ง ได้แก่ ม.ธรรมศาสตร์, ม.เทคโนโลยีราชมงคล ธัญบุรี, ม.กรุงเทพ และ ม.รังสิต อีกทั้งยังเชื่อมกับรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์)
4.สายสถานีขนส่งสายใต้จากบรมราชชนนี-หลักสี่ แนวเส้นทางจะพาดผ่านพื้นที่ที่ยังไม่มีระบบขนส่งทางรางเข้าสู่ตัวเมือง ระยะทาง 30 กม. รองรับเส้นทางคมนาคมที่มีหลากหลาย และรองรับผู้โดยสารจากสถานีขนส่งผู้โดยสารสายใต้และ 5.สายบางหว้า-ตลิ่งชัน-นนทบุรี-บางกะปิ แนวเส้นทางจะเป็นลักษณะวงแหวน มีระยะทาง 42 กม. จะรองรับพื้นที่ที่ยังไม่มีระบบรถไฟฟ้าเข้าไปถึง และเป็นระบบสายรองที่รองรับโครงข่ายหลักทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีส้ม และสายสีม่วง
ตามแผนในปี 2562 ทั้งไจก้า-สนข.จะทำรายละเอียดแต่ละพื้นที่เพิ่มเติม คาดว่าจะเริ่มโครงการในปี 2563 จะดำเนินการควบคู่กับการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)
หากเป็นไปตามนี้ ประเทศไทยจะมีรถไฟฟ้าเปิดบริการ 595 กม.
http://www.bkkcitismart.com

ตำรวจ-รฟม.-ผู้รับเหมาถกรับมือวิกฤตจราจรเปิดเทอม เผย”ลาดพร้าว-รามฯ-พหลโยธิน”ติดหนักสุด

ตำรวจ-รฟม.-ผู้รับเหมาถกรับมือวิกฤตจราจรเปิดเทอม 15 พ.ค.นี้ เผย”ลาดพร้าว-รามคำแหง-พหลโยธิน”ติดหนักสุด
พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิต รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ได้เชิญการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะเจ้าของโครงการรถไฟฟ้าที่กำลังดำเนินการก่อสร้างในเขตกรุงเทพฯ และผู้รับเหมาที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2561 ของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาในวันที่ 15 พ.ค.นี้
ในช่วงสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม แนวก่อสร้างทั้งหมด จะขอคืนพื้นผิวการจราจรให้ได้มากที่สุด และจะขยายช่องทางจราจรให้ได้มากที่สุดด้วย ส่วนจุดที่ถนนยังไม่เรียบ เป็นหลุมเป็นบ่อ หรือฝาท่อยังไม่เรียบร้อย ได้เร่งให้ผู้เกี่ยวข้องไปจัดการให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 15 พ.ค.นี้
เช่น สายสีน้ำเงิน บริเวณถนนเพชรเกษมและจรัญสนิทวงศ์ที่คืนพื้นที่มาทั้ง 100% นั้น ยังมีพื้นผิวบางส่วนที่ยังไม่เรียบสนิท และต้องตีเส้นจราจรกันใหม่ ก็ได้เร่งให้จัดการให้เสร็จในสัปดาห์นี้ และจุดที่มีน้ำท่วมขังบ่อยครั้ง รฟม.และผู้รับเหมาได้แก้ไขเรียบร้อยแล้ว
สำหรับจุดที่มีปัญหาจราจรมากที่สุด ได้แก่ ถ.รามคำแหง ที่กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี, ลาดพร้าว กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว-สำโรง และถ.พหลโยธิน ที่กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายเขียวต่อขยายหมอชิต-คูคต
โดย ถ.พหลโยธิน ช่วงห้าแยกลาดพร้าว, แยกรัชโยธินและแยกเกษตร ขณะนี้ บมจ.อิตาเลียนไทยฯและ รฟม.แจ้งว่า จะเอาแบริเออร์ก่อสร้างออกไปบางส่วน เพื่อขยายเส้นทางให้กว้างขึ้น และจะพยายามคืนพื้นผิวจราจรให้ได้มากที่สุด ส่วนปัญหาน้ำท่วมขังในหลายจุดก็ได้รับการเเก้ไขแล้ว
ขณะที่ ถ.รามคำแหง มีการปิดช่องทางจราจรในหลายจุดแบบตัว S ขดไปมา จึงตกลงกันว่า อยากให้เร่งรัดให้จัดการให้เสร็จก่อนเปิดเทอม และตามแผนของ รฟม.จะทำจุดที่เป็นตัว S อีกบริเวณหน้าสนามกีฬา ม.รามคำแหง จึงขอให้ผู้รับเหมา และ รฟม.เลื่อนการก่อสร้างตรงนั้นไปอีก 1 สัปดาห์
ส่วน ถ.ลาดพร้าวที่กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองนั้น จุดที่เป็นทางเข้าซอยหลักต่างๆ เช่น ซ.มหาดไทย (ลาดพร้าว 122) ที่เป็นทางลัดไป ถ.รามคำแหง และจุดกลับรถต่างๆ เช่น ซ.ลาดพร้าว 136 และ ซ.ลาดพร้าว 101 ได้เร่งให้ผู้รับเหมาวางท่อประปาให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 14 พ.ค.นี้ เพื่อเปิดเป็นจุดกลับรถ ไม่ให้ไปรอกลับที่ ซ.ลาดพร้าว 136 จุดเดียว และให้มีช่องจราจรขาออกเพิ่มเป็น 3 ช่อง
รองผบช.น. กล่าวอีกว่า สั่งการให้ตำรวจจราจรแต่ละพื้นที่สำรวจวันเปิดเทอมของโรงเรียนในพื้นที่ของตัวเองแล้ว รวมถึงให้พูดคุยกับฝ่ายปกครองของโรงเรียนที่มีปัญหาจราจรสะสม เพื่อหามาตรการรองรับการรับส่งนักเรียน รวมถึงทำความเข้าใจกับผู้ปกครองถึงจุดรับส่งนักเรียน โดยขอให้ใช้เวลาในการรับส่งให้น้อยที่สุด และต้องเตรียมกำลังพลตำรวจในการลงพื้นที่ รถยก ชุดช่วยเหลือน้ำท่วม ตำรวจช่าง และอาสาจราจรให้พร้อมด้วย
สำหรับโรงเรียนที่มีปัญหาบ่อยครั้ง ได้แก่ เซนต์โยเซฟคอนเวนต์, กรุงเทพคริสเตียน, อัสสัมชัญบางรัก, เซนต์คาเบรียล, สามเสนวิทยาลัย, วัฒนาวิทยาลัย และมาแตร์เดอี ส่วนโรงเรียนสาธิตต่างๆ จะทยอยเปิดเทอมในเดือน มิ.ย.นี้
ขณะที่ปัญหาจราจรบริเวณโครงการต่อขยายสะพานอรุณอมรินทร์พร้อมทางขึ้น-ลง และทางยกระดับข้ามแยกศิริราช ของกรุงเทพมหานครนั้น ในสัปดาห์แรกของการเปิดเทอมได้ขอความร่วมมือให้หยุดการก่อสร้างในชั่วโมงเร่งด่วน โดยขอให้ไปก่อสร้างหลังเวลา 09.00 น. และกำลังขอให้ขยับแบริเออร์ทั้งสองฝั่งออกให้เลนถนนกว้างขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางกอกน้อย ช่วยอำนวยความสะดวกกันเต็มที่
นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือผู้รับเหมาตามแนวโครงการรถไฟฟ้าเปิดแบริเออร์บางส่วน เพื่อเป็นช่องฉุกเฉินเป็นช่วงๆ สำคัญกรณีรถประจำทางเสีย หรือรถที่ประสบอุบัติเหตุไว้สำหรับหลบออกไปจากเส้นทางหลัก เพื่อลดปัญหาจราจรติดขัด
ด้านนายวิทยา พันธุ์มงคล ผู้ช่วยผู้ว่าการและรักษาราชการรองผู้ว่าฯ (ปฏิบัติการ) รฟม. กล่าวว่าการคืนพื้นที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งขาเข้า-ขาออก เป็นการคืนพื้นที่ชั่วคราว 4 กม. ส่วนการคืนพื้นที่ถาวรจะเริ่มในเดือน พ.ย.นี้ พร้อมยืนยันว่าการก่อสร้างยังเป็นไปตามแผน ส่วนบริเวณ 5 แยกลาดพร้าว บนพื้นราบไม่มีปัญหาจราจร แต่มีปัญหาบนสะพานข้ามแยกเพื่อไปสะพานควาย ที่รับมาจากดอนเมืองโทลล์เวย์และรัชวิภา ที่มีเพียง 2 เลนเท่านั้น
ส่วนบริเวณแยกเกษตร กำลังปรับผิวจราจรให้เรียบอยู่ แต่เนื่องจากฝนตกลงมาต่อเนื่อง จึงทำให้ผิวถนนไม่เรียบสนิท จึงต้องรอช่วงที่ฝนทิ้งช่วง จะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด

http://www.bkkcitismart.com


‘พาณิชย์’ชี้ไทยได้ประโยชน์จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน

“พาณิชย์” เปิดผลศึกษา ชี้ไทยได้ประโยชน์จากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน เหตุสัดส่วนส่งออกไปสหรัฐฯมากกว่าส่งไปจีน

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้วิเคราะห์ผลกระทบที่มีต่อการค้าไทยจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ-จีนในกรณีต่างๆ โดยพบว่าการที่สหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรา 301 กับสินค้าจากจีนจำนวน 1,333 รายการ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยในภาพรวมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไทยกลับจะได้รับประโยชน์คิดเป็นมูลค่าประมาณ  120-1,195 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สำหรับสินค้าที่ไทยจะได้รับประโยชน์ ประกอบด้วย เครื่องจักร/เครื่องใช้กล, เครื่องจักรไฟฟ้า/อุปกรณ์ประกอบ ขณะที่สินค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบเชิงลบ เช่น เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด และเหล็กและเหล็กกล้า โดยผลการศึกษาได้พิจารณาทั้งผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ 2 กรณีเข้าด้วยกัน คือ 1.ผลทางลบจากการอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของสินค้าจีนที่ส่งไปยังสหรัฐฯ และ 2.ผลทางบวกจากการที่สหรัฐฯนำเข้าจากไทยทดแทนจีน

“การศึกษาของ สนค.ชี้ให้เห็นว่าไทยได้ประโยชน์จากสงครามการค้า เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯ มากกว่าที่ส่งไปจีน ส่งผลทางบวกจากการที่สหรัฐฯ อาจนำเข้าจากไทยทดแทนจีนมีมากกว่าผลทางลบจากการอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว

ทั้งนี้ สนค.ได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงแรงงาน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม กรณีที่จีนมีการระบายสินค้าส่งออกของจีนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของสหรัฐฯ ไปยังตลาดอื่นถือเป็นความเสี่ยงต่อไทยใน 2 ด้าน คือ 1.สินค้าของจีนบางส่วนจะไหลเข้าสู่ไทยมากขึ้น โดยเบื้องต้นคาดว่ามีมูลค่ารวม 1,176 ล้านเหรียญฯ และอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศได้ และ 2.สินค้าบางส่วนของจีนจะกระจายไปยังคู่ค้าที่สำคัญของไทย และจะทำให้การแข่งขันในตลาดคู่ค้าของไทยมีสูงขึ้น โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น ฮ่องกง อินเดีย เป็นต้น คาดว่าไทยจะได้รับผลกระทบ 1,984 ล้านเหรียญฯ  ซึ่งรวม 2 ส่วนมีมูลค่าประมาณ  3,160 ล้านเหรียญฯ ซึ่งในส่วนนี้สำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศได้ติดตามและพูดคุยกับภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นภาคเอกชนยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯและจีน

“การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมหารือระหว่างหน่วยงานเศรษฐกิจ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบดังกล่าว รวมถึงพิจารณาแนวทางการรับมือที่เป็นไปได้จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศได้อย่างทันท่วงที โดยที่ประชุมได้ให้ข้อเสนอแนะว่าไทยสามารถแสวงหาโอกาสทางการค้าโดยการเพิ่มช่องทาง การเจรจาการค้าในระดับทวิภาคีกับทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งสร้างบรรยากาศในการลงทุนเพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นการพัฒนาความรู้ความสามารถประชากรในประเทศ

…ที่ประชุมเชื่อว่าสงครามการค้าครั้งนี้มีแนวโน้มคลี่คลาย และคาดว่าทั้งสองประเทศจะเจรจาตกลงกันได้ โดยหน่วยงานเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องจะต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีมาตรการอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อไทยเพิ่มเติมอีกหรือไม่” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


ค่าบาท ‘แข็งค่า’ หลังเงินเฟ้อสหรัฐไม่เร่ง

บาทเปิดตลาดเช้านี้แข็งค่า31.94บาทต่อดอลลาร์ ตลาดคาดเงินเฟ้อสหรัฐไม่เร่ง เฟดขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป แนะนักลงทุนเตรียมรับมือบาทความผันผวนในระยะนี้

นักบริหารเงินธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 31.94 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจาก 32.06 บาทต่อดอลลาร์ ณ สิ้นวันทำการที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่น โดยดัชนีดอลลาร์ปปรับตัวลดลงสู่ระดับ 92.5 จุด หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า น้อยกว่าที่ตลาดมองไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ทำให้ตลาดเริ่มมองว่าอัตราเงินเฟ้ออาจจะยังไม่เพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง และเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อ

สำหรับวันนี้ ตลาดจะจับตาตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมีโอกาสปรับตัวลดลง หลังตัวเลขภาคการบริการ และการใช้จ่ายส่วนตัวของสหรัฐฯ ในระยะหลังนี้เริ่มมีการชะลอตัวลง นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ตลาดจะจับตา ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป ว่าจะมีการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับเปลี่ยนโครงการซื้อสินทรัพย์หรือไม่ และประธานธนาคารกลางยุโรปมีความเห็นอย่างไรกับตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปที่ออกมาแย่กว่าคาดในระยะหลังนี้ ความเห็นดังกล่าวต่อนโยบายการเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจยุโรปสามารถกระทบค่าเงินยูโรได้ มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 31.90-32.10 บาทต่อดอลลาร์

นักลงทุนและผู้ประกอบควรเตรียมรับมือกับความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะนี้ หลังจากช่วง1-2สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทเริ่มแกว่งตัวในกรอบที่กว้างขึ้นในแต่ละวัน เช่น จากเดิมค่าเงินบาทจะแกว่งตัว ไม่เกิน 10สตางค์ต่อวัน ก็เริ่มขยับมาแกว่งตัวประมาณ 20 สตางค์ต่อวัน ซึ่งปริมาณธุรกรรมที่เบาบาง(low liquidity)ในบางจังหวะ และธุรกรรมตลาด Offshore ที่มีขนาดใหญ่ก็ปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดความผันผวนดังกล่าว

http://www.bangkokbiznews.com


ห่วงชิงโชคเครื่องดื่มสูตรหวานน้อย ทำคนไทยรับน้ำตาลเพิ่ม

“กรมอนามัย” ชี้เครื่องดื่มสูตรหวานน้อย น้ำตาลยังสูงถึง 10-12 ช้อนชา เกินปริมาณที่ควรรับต่อวัน ห่วงมาตรการชิงโชคทำคนไทยดื่มมากขึ้นยิ่งได้รับน้ำตาลมาก

ทพญ.ปิยะดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กรมอนามัย และผู้จัดการโครงการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก หรือฮู แนะนำว่า ไม่ควรได้รับน้ำตาลเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน แต่ปัจจุบันคนไทยได้รับน้ำตาลอยู่ที่ประมาณ 26 ช้อนชาต่อวัน เกินกว่าที่แนะนำถึง 4 เท่า โดยพบว่า 2 ใน 3 ของการรับน้ำตาลมาจากเครื่องดื่ม ประเภทน้ำหวานต่างๆ อย่างเช่น เครื่องดื่มประเภทชาเขียว ถือว่ามีน้ำตาลมาก ขวดมาตรฐานขนาด 500 มิลลิลิตร พบว่า บางยี่ห้อใส่น้ำตาล 20% บางยี่ห้อใส่ถึง 26% หากคิดจากปริมาณน้ำตาล 20% ของขวด 500 มิลลิลิตร เท่ากับมีน้ำตาลประมาณ 100 กรัม หรือ 20 ช้อนชา เกินกว่าที่แนะนำต่อวันเป็นอย่างมาก

“แม้จะมีการบังคับใช้ภาษีน้ำตาล ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายปรับสูตรน้ำตาลลดลง แต่ก็พบว่ายังเกินกว่า 10% ทั้งสิ้น เช่น เครื่องดื่มสูตรน้ำตาล 10% ,15 % เพราะคนไทยยังติดความหวาน ซึ่งน้ำตาล 10% จากปริมาณ 500 มิลลิลิตร ก็ยังถือว่าปริมาณมากคิดเป็น 50กรัม หรือ 10-12 ช้อนชา ซึ่งการบริโภคเครื่องดื่มที่แนะนำ คือ 200-250 มิลลิลิตรนับเป็น 1 หน่วยบริโภค หากใส่น้ำตาล 10% ก็จะได้รับน้ำตาลประมาณ 5 ช้อนชา จึงแนะนำว่าเครื่องดื่มพวกนี้ไม่ควรมีน้ำตาลเกิน 6% ซึ่งจะได้รับน้ำตาลประมาณ 12 กรัม หรือ 3 ช้อนชา บริโภคได้ไม่เกิน 2 หน่วยบริโภคต่อวัน ที่น่าดีใจคือ หลายรายก็มีการออกสูตรไม่เติมน้ำตาลมาขายด้วย แต่จะขายดีหรือไม่ ไม่แน่ใจ แต่คนรักสุขภาพน่าจะซื้อสูตรไม่ใส่น้ำตาลมากขึ้น” ทพญ.ปิยะดากล่าว

สำหรับการส่งเสริมการตลาดน้ำอัดลม และเครื่องดื่มชาเขียวด้วยการชิงโชค ทพญ.ปิยะดา กล่าวว่า ถือเป็นการกระตุ้นให้คนอยากชิงโชคมากขึ้น มีการซื้อมากขึ้น และตามธรรมชาติของคนแล้ว เมื่อซื้อของพวกนี้มามาก ก็คงไม่มีใครเททิ้ง ก็ต้องดื่มมากยิ่งขึ้น เป้าหมายในการลดการกินหวานของคนไทยจึงเป็นไปได้ยากขึ้น แม้จะทำสูตรน้ำตาลน้อย แต่เมื่อกระตุ้นให้กินมากขึ้นก็ได้รับน้ำตาลเกินอยู่ดี ต่อให้ทำผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นสูตรน้ำตาล 6% แต่บริโภค 1 ขวดขนาด 500 มิลลิลิตร ก็เท่ากับ 2 หน่วยบริโภคเต็มจำนวนน้ำตาลที่ควรได้รับต่อวันแล้ว และการกระตุ้นให้ชิงโชคก็เท่ากับต้องซื้อดื่มมากยิ่งขึ้น ก็จะได้รับน้ำตาลเกิน ที่สำคัญเมื่อเป็นสูตรน้ำตาลน้อย รสชาติหวานน้อยลง คนก็จะรู้สึกว่าดีต่อสุขภาพมากขึ้น ก็จะกินเรื่อยๆ ขณะที่ผู้ประกอบการเองเสียภาษีน้อย แต่ได้กำไรจากการขายเพิ่มขึ้น

อนึ่ง การเก็บภาษีความหวาน ตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต 2560 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2560 แต่ให้เวลาผู้ประกอบการปรับตัว 2 ปีจนถึง 1 ตุลาคม 2562 เพื่อลดปริมาณน้ำตาลในสินค้า โดยอัตราภาษีที่เสนอเก็บตามค่าความหวานยิ่งหวานน้อยจะเสียภาษีน้อย แบ่งเป็น 6 ระดับ คือ 1.ค่าความหวาน 0-6 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร ไม่เสียภาษี 2.ค่าความหวาน 6-8 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 10 สตางค์ต่อลิตร 3.ค่าความหวาน 8-10 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 30 สตางค์ต่อลิตร 4.ค่าความหวาน 10-14 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 50 สตางค์ต่อลิตร 5.ค่าความหวาน 14-18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร และ 6.ค่าความหวาน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ขึ้นไป เสียภาษี 1 บาท ต่อลิตร และหลังพ้นเวลาผ่อนผันไปแล้วอีก 2 ปี หากค่าความหวานไม่ลดลง จะมีการปรับขึ้นภาษีแบบขั้นบันได

http://www.bangkokbiznews.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 11/05/2561

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,850.00 19,950.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,286.00 19,495.76 20,450.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,157.40 17,546.18 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 579.00 8,777.64 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 450.00 6,822.00 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,333.00 20,208.28 n/a

 

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  11/05/2561


ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
29.15
แก๊สโซฮอล E-20
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
26.64
แก๊สโซฮอล E-85 21.04 21.04 21.04 21.04
แก๊สโซฮอล 91 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88 28.88
เบนซิน 95 36.26 36.71 36.76 36.26 36.26 36.26
ดีเซลหมุนเร็ว
28.89
28.89
28.89
28.89
28.89
28.89
28.89
28.89
28.89
28.89
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 31.89 31.89 31.89 31.89 31.89
มีผลตั้งแต่ 11 May 05:00 11 May 05:00 11 May 05:00 11 May 05:00 11 May 05:00 11 May 05:00 11 May 05:00 11 May 05:00 11 May 05:00 11 May 05:00

 

 

Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า