สาระน่ารู้ ประจำวันที่ 12 ธันวาคม 2560

คอนโดฯ เมืองท่องเที่ยว พักผ่อน-ปล่อยเช่า เทรนด์ใหม่นักลงทุน

คอนโดฯ เมืองท่องเที่ยว พักผ่อน-ปล่อยเช่า เทรนด์ใหม่นักลงทุน

อสังหาริมทรัพย์ 5 เมืองท่องเที่ยวหลัก อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน-ชะอำ และเขาใหญ่ ถือว่าเป็นทำเลที่อสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมมาแรงที่สุด จากการสำรวจของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่า คอนโดมิเนียมในทำเลจังหวัดท่องเที่ยวมีส่วนแบ่งการตลาดสูงถึง 76% ราคาขายต่อ (รีเซล) สูงถึง 19% และผลตอบแทนจากการเช่า (Yield) สูงถึง 8% ต่อปี จากอานิสงส์ของภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการซื้อคอนโดมิเนียมไว้พักผ่อนและถือโอกาสปล่อยเช่าในช่วง High Season

คอนโดฯ คว้าส่วนแบ่งสูง เหตุท่องเที่ยวบูม
ผลตอบรับที่ดีของคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยวมาจากภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างชัดเจน และนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนระยะยาวนิยมเช่าคอนโดมิเนียมเป็นที่พักอาศัยส่งผลให้การปล่อยเช่าได้รับอัตราผลตอบแทนสูงแม้ในบางพื้นที่จะปล่อยเช่าได้เฉพาะในฤดูกาลท่องเที่ยวเที่ยว แต่ด้วยราคาปล่อยเช่าที่สูงกว่าทำเลทั่วไปจึงทำให้ยังมีคนสนใจซื้อ ประกอบกับเทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ไม่นิยมซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อวัตถุประสงค์ใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นลักษณะ time sharing ที่ไปพักเองเมื่อไหร่ก็ได้ และยังสามารถได้รายได้จากการปล่อยเช่า ซึ่งจะมาช่วยค่าผ่อนหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะทำเลเขาใหญ่ และหัวหิน-ชะอำ การปล่อยเช่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเกือบ 100% ดังนั้น การเข้าพักจึงสูงในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ โดยเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 1.5 เดือน นอกจากนี้ คนในพื้นที่เองก็นิยมซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ และเก็บไว้เก็งกำไรได้เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต

เชียงใหม่โต จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่
คอนโดมิเนียมที่นำมาปล่อยเช่าพื้นที่ใช้สอย 30-60 ตร.ม. จะคิดค่าเช่าอยู่ระหว่าง 10,000-25,000 บาท/เดือน ด้านราคารีเซลในบางโครงการ ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 30 ตร.ม. ขายประมาณ 75,000-80,000 บาท/ตร.ม. หรือยูนิตละ 2-2.5 ล้านบาท โดยราคารีเซลเพิ่มขึ้นประมาณ 4-5% ต่อปี ในอนาคตคาดว่าราคามีโอกาสปรับขึ้นไปได้อีก เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สนับสนุนการเติบโตของเชียงใหม่ ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โครงการมอเตอร์เวย์เชื่อมเชียงใหม่-เชียงราย และโครงการขนาดใหญ่อื่น ๆ อีกจำนวนมาก

ภูเก็ต คอนโดฯ ติดชายหาด ให้ Yield 6-8%
คอนโดมิเนียมที่นิยมปล่อยเช่าเป็นห้องขนาดสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยประมาณ 30-32 ตร.ม.อัตราค่าเช่า City Condo ประมาณ 10,000-18,000 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการเช่า คิดเป็น Yield เฉลี่ยประมาณ 6-8% ต่อปี สำหรับค่าเช่า Resort Condo ที่อยู่ติดหาด จะได้รับความนิยมโดยเฉพาะในช่วง High Season ค่าเช่าประมาณ 50,000-70,000 บาท/เดือน คิดเป็น Yield เฉลี่ยประมาณ 4-5% ต่อปี ราคาของคอนโดมิเนียมเฉลี่ยทั้งตลาดอยู่ที่ 99,700 บาท/ตร.ม. ขยับขึ้น 7% ทั้งนี้ยังพบว่า คอนโดมิเนียมโครงการใหม่ มีราคาเปิดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 130,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งส่วนมากเป็น Resort Property ที่อยู่ริมหาด

Resort Condo ที่อยู่ติดหาด จะได้รับความนิยมโดยเฉพาะในช่วง High Season

Resort Condo ที่อยู่ติดหาด จะได้รับความนิยมโดยเฉพาะในช่วง High Season

หัวหิน-ชะอำ ราคารีเซลดีสุดถึง 19%
คอนโดมิเนียมรีเซลติดชายทะเลราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 135,000 บาท/ตร.ม. เพิ่มขึ้นจากตอนเปิดโครงการ 10% ส่วนโครงการที่ไม่ติดชายทะเลราคารีเซลอยู่ที่ 79,000 บาท/ตร.ม. เพิ่มขึ้นจากตอนเปิดโครงการ 19% ด้านการปล่อยเช่า หากเป็นโครงการใจกลางเมืองที่ติดชายทะเล ขนาด 1 ห้องนอน ปล่อยเช่าได้ 35,000-45,000 บาท/เดือน และขนาด 2 ห้องนอน 55,000-70,000 บาทต่อเดือน ส่วนโครงการที่ไม่ติดทะเล ขนด 1 ห้องนอน ปล่อยเช่าได้ 15,000-20,000 บาท/เดือน และขนาด 2 ห้องนอน 30,000-50,000 บาท/เดือน

พัทยา Yield 6-7% รีเซลเพิ่ม 5% ต่อปี
คอนโดมิเนียมรีเซลบางโครงการในพื้นที่พัทยากลางราคาอยู่ที่ 110,000 บาท/ตร.ม.หากนำมาปล่อยเช่า ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 30-35 ตร.ม. จะได้ค่าเช่าประมาณ 18,000-20,000 บาท/เดือน หรือคิดเป็น Yield เฉลี่ยประมาณ 6-7% ต่อปี ส่วนราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5%

เขาใหญ่ เน้นปล่อยเช่าช่วง High Season
คอนโดมิเนียมรีเซลบางโครงการ ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 50-55 ตร.ม.ราคาอยู่ที่ประมาณ 92,000 บาท/ตร.ม. หรือยูนิตละ 4.6-5.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-6% ทั้งนี้ คอนโดมิเนียมในพื้นที่เขาใหญ่นิยมปล่อยเช่าห้องพักแบบระยะสั้น หรือในช่วง High Season (พฤศจิกายน-มกราคม)

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2559-2560 คอนโดมิเนียมในทำเลเชียงใหม่ หัวหิน-ชะอำ และภูเก็ต ตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่นิยมซื้อเป็นบ้านพักตากอากาศ ส่วนในทำเลพัทยา และเขาใหญ่ ตลาดค่อนข้างทรงตัวจากการระบายอุปทานที่คงค้าง ในทางกลับกันยังมีการขยายตัวในบางทำเล ในบางช่วงราคาที่ยังมีกำลังซื้อ ส่วนทิศทางการขยายตัวในอนาคตคาดว่าตลาดจะเติบโตได้จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

https://www.ddproperty.com


เงินบาทกับเศรษฐกิจไทย

ประเด็นเศรษฐกิจที่ร้อนแรงสุดในช่วงนี้หนีไม่พ้นเรื่องค่าเงินบาท ซึ่งปัจจุบันแข็งค่าขึ้นจากปลายปีที่แล้วเกือบ 10% เทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับผู้ที่สนใจติดตามภาวะเศรษฐกิจไทย คำถามนโยบายที่สำคัญ คือ (1) ค่าเงินบาทในปัจจุบันทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่กำลังไปได้ดี เสียแรงส่งไปหรือไม่ และ (2) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศ ควรดำเนินการอย่างไรภายใต้บริบทดังกล่าว

คำถามข้อแรก มีความสำคัญต่อทุกภาคส่วน เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นสำคัญ ทั้งการส่งออกสินค้าและรายรับจากการท่องเที่ยว แม้เศรษฐกิจในประเทศจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่โดยเปรียบเทียบแล้ว ถือว่าช้ากว่ากันมาก จนนักเศรษฐศาสตร์บางท่านเรียกเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันว่า เป็นเศรษฐกิจที่แข็งนอกอ่อนใน ดังนั้น หากค่าเงินที่แข็งทำให้การส่งออกสินค้าสะดุดติดขัดขึ้นมา ย่อมมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 ช่วงนี้ มักได้ยินว่าค่าเงินบาทที่ทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้อยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์ ข้อเท็จจริง คือ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา มีเพียงปีที่แล้วเท่านั้น ที่ค่าเฉลี่ยของค่าเงินบาททั้งปีอยู่ที่ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ โดยในช่วงปี 2553-2556 ซึ่งเป็นช่วงแรกๆ หลังวิกฤตการเงินโลก ค่าเฉลี่ยเงินบาทอยู่ระดับ 30-31 บาทต่อดอลลาร์เท่านั้น

หากพิจารณาอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปของดอลลาร์สหรัฐคู่ไปกับค่าเฉลี่ยของค่าเงินบาทในแต่ละปี จะพบว่าทั้งสองตัวแปรไม่มีความสัมพันธ์กันแต่ประการใด อันนี้ไม่ใช่เพราะค่าเงินบาทไม่มีผลต่อการส่งออกสินค้าของไทย แต่เป็นเพราะการส่งออกขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

โดยปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือภาวะเศรษฐกิจและการค้าโลก ซึ่งจากงานศึกษาของ ธปท. พบว่า ผลของการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าต่อปริมาณการส่งออกสินค้าของไทยมีมากกว่าผลของค่าเงินบาทเกือบสิบเท่า จึงไม่ใช่เรื่องประหลาดแต่ประการใด ที่การส่งออกสินค้าไทยจะกลับมาขยายตัวได้เกือบถึงเลขสองหลักในปีนี้ ซึ่งเป็นปีแรกที่เศรษฐกิจโลกในเกือบทุกภูมิภาคกลับมาขยายตัวดีพร้อมๆกัน และส่งผลให้มูลค่าการค้าโลกขยายตัวสูงสุดในรอบเจ็ดปี

มองไปข้างหน้า นักวิเคราะห์หลายสำนักฟันธงว่า การค้าโลกมีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง แม้จะชะลอลงบ้างจากผลของฐานมูลค่าที่สูงขึ้น จึงค่อนข้างวางใจได้ว่าการส่งออกสินค้าของไทยจะยังไปได้ดี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

สาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์กับการขยายตัวของการส่งออกไม่ไปด้วยกัน เป็นเพราะการส่งออกในภาพรวมจะดีไม่ดี ไม่สามารถดูได้จากค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์เพียงสกุลเดียว แต่ต้องดูค่าเงินบาทเทียบกับสกุลเงินคู่ค้าและคู่แข่งอื่นๆด้วย เช่น ในปีนี้ การแข็งค่าของเงินบาทเกิดจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลต่างๆ

ดังนั้น เงินบาทไม่ใช่เงินสกุลเดียวที่แข็งค่า สกุลเงินส่วนใหญ่ก็แข็งค่าขึ้นเช่นกัน อาทิ เงินยูโรแข็งค่าขึ้นมากกว่า 11% เทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เมื่อเปรียบเทียบกันสองสกุลเงินแล้ว เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร จึงไม่ได้ยินเสียงบ่นจากผู้ส่งออกไปสหภาพยุโรปมากนัก หรือถ้ามองในภูมิภาคเอเชีย อัตราการแข็งค่าของเงินบาทถือว่าเกาะกลุ่มอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับเงินวอนของเกาหลีใต้ และเงินริงกิตของมาเลเซีย ผลัดกันแซงไปมา แบบที่เรียกว่าหายใจรดต้นคอกันทีเดียว โดยมีเงินดอลลาร์ไต้หวันและเงินดอลลาร์สิงคโปร์ตามหลังมาไม่ห่างกันมากนัก ดังนั้น ไม่ว่าในมุมมองของคู่ค้าหรือคู่แข่งเราไม่ได้เสียเปรียบประเทศเหล่านี้

อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมีผลโดยตรงต่ออัตรากำไรของผู้ส่งออก เนื่องจากหนึ่งดอลลาร์ที่ผู้ส่งออกขายได้ เมื่อแปลงเป็นเงินบาทแล้วได้เงินบาทน้อยลง เช่น ในช่วงสิบเดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐขยายตัว 9.7% แต่มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปของเงินบาทขยายตัวเพียง 6.5% (ไม่เท่ากับหรือใกล้กับศูนย์ตามที่หลายคนอาจจะเข้าใจ เพราะตัวเลขอัตราการแข็งค่าของเงินบาทที่พูดกันว่าเกือบ 10% นั้น เป็นการเทียบกับค่าเงินบาท ณ สิ้นปีที่แล้ว แต่ถ้าเป็นการเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน การแข็งค่าของเงินบาทจะน้อยกว่า 10% พอสมควร)

ทั้งนี้ สินค้าส่งออกแต่ละชนิดมีความสามารถในการรองรับการแข็งค่าของเงินบาทได้ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับสัดส่วนการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง การบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและความสามารถในการกำหนดราคาสินค้าในตลาดส่งออกของแต่ละสินค้า ตัวอย่างเช่นเครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วนของชิ้นส่วนประกอบนำเข้าสูง เงินบาทที่แข็งขึ้น ช่วยให้ต้นทุนการนำเข้าในรูปเงินบาทลดลง ทำให้สุทธิแล้ว ไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่แข็งขึ้นมากนัก

ขณะที่สินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป และสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม มีสัดส่วนการนำเข้าน้อยมากหรือไม่มีเลย ไม่นับว่าผู้ส่งออกในสามหมวดหลังนี้มีการทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนน้อยมาก รวมถึงไม่มีอำนาจต่อรองราคา สินค้าสามหมวดนี้จึงมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษกับค่าเงินบาท

อย่างไรก็ดี เมื่อไปดูข้อมูลสิบเดือนแรกของปีนี้ พบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปของเงินบาทของสินค้าทั้งสามหมวดขยายตัว 18% 9% และ 0.2% ตามลำดับ สาเหตุหนึ่งที่สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มขยายตัวต่ำเกิดจากการย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้ประโยชน์จากค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่า

โดยสรุป ความต้องการจากต่างประเทศช่วยให้เศรษฐกิจไทยสามารถรองรับค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นได้ แม้กระทั่งหมวดสินค้าที่อ่อนไหวกับค่าเงินเป็นพิเศษ ในภาพรวมก็ยังไปได้ดี อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้สูงว่า หากค่าเงินบาทอ่อนกว่านี้ การส่งออกสินค้าในช่วงที่ผ่านมาจะขยายตัวได้มากกว่านี้และแม้ในกรณีที่ส่งออกในรูปดอลลาร์สหรัฐไม่ได้เพิ่มขึ้น รายได้ของผู้ส่งออกในรูปของเงินบาทก็ยัง

มากขึ้น

คำถามสืบเนื่อง คือ แล้ว ธปท. ดูแลให้ค่าเงินบาทอ่อนกว่านี้ได้หรือไม่ เพื่อเป็นการช่วยผู้ส่งออกอีกแรงหนึ่ง โดยเฉพาะ SMEs ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน การจะตอบคำถามนี้ ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ค่าเงินบาทเป็นเสมือนเหรียญสองด้าน การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทมีทั้งผู้เสียประโยชน์และผู้ได้ประโยชน์ เงินบาทที่แข็งทำให้ผู้นำเข้าสินค้าและ วัตถุดิบสามารถนำเข้าได้ถูกลง

ทำให้ต้นทุนการลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์จากต่างประเทศต่ำลง ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศไม่พุ่งขึ้นแรงเหมือนราคาน้ำมันในตลาดโลก ช่วยบรรเทาภาระต้นทุนการขนส่งและการผลิต ผู้บริโภคได้รับประโยชน์จากราคาสินค้านำเข้าที่ถูกลง รวมถึงช่วยให้ผู้มีหนี้สินที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศมีภาระการชำระหนี้ในรูปของเงินบาทที่น้อยลง วิธีหนึ่งในการรักษาสมดุลของค่าเงินบาท คือ ให้กลไกตลาดเป็นตัวกำหนด บทเรียนราคาแพงของวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 คือ การฝืนกลไกตลาดนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและการเงิน

การที่เงินบาทแข็งค่ามากกว่าหลายสกุลเงินสามารถอธิบายได้จากขนาดของการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด (รายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการหักด้วยรายจ่ายในการนำเข้าสินค้าและบริการ)ของไทยที่อยู่ในระดับที่สูง ซึ่งมาจากความสามารถในการขายสินค้าและบริการของเรา ประกอบกับตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ออกมาเกินความคาดหมายของนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งสอง

ปัจจัยนำไปสู่ความต้องการแลกเงินตราต่างประเทศเป็นเงินบาท เป็นแรงกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นเพิ่มเติมจากปัจจัยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าซึ่งเป็นปัจจัยหลัก

ขนาดของดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่สูงมาก นอกจากจะสะท้อนความต้องการเงินบาทที่สูง(ผู้ประกอบการต้องเอาเงินตราต่างประเทศที่เหลือจากรายได้หักด้วยรายจ่ายมาแลกเป็นเงินบาท) ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นแล้ว ยังเป็นปัจจัยดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ในแง่ที่ว่าประเทศไทยมีเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ดี ปริมาณเงินทุนที่ไหลเข้ามาลงทุนในหลักทรัพย์ของไทย ทั้งตราสารทุนและตราสารหนี้ ในช่วงสิบเดือนแรกของปี รวมกันประมาณ 8.4พันล้านดอลลาร์ น้อยกว่าดุลบัญชีเดินสะพัดที่ 3.97 หมื่นล้านดอลลาร์มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยต่ำเกือบที่สุดในภูมิภาค และเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(Yield curve) ของไทยต่ำกว่าเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐ โดยเฉพาะดอกเบี้ยรายวัน

ไม่ได้จูงใจให้เงินไหลเข้ามามากเหมือนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยในประเทศสูงทั้งนี้การยึดกลไกตลาดไม่ได้หมายความว่า ธปท. นั่งมองเงินบาทแข็งค่าโดยไม่ได้ทำอะไรเลยในทางตรงกันข้าม ปีนี้มีหลายเหตุการณ์ที่ปัจจัยภายนอกทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ารวดเร็วไม่สอดคล้องกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่ง ธปท. ได้เข้าดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินไป เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ

สะท้อนได้จากปริมาณเงินสำรองระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจากต้นปีประมาณสามหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการลดการออกพันธบัตรระยะสั้น ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาติที่เก็งกำไรค่าเงินบาทนิยมมาพักเงิน ตั้งแต่เดือนเม.ย.2560 นอกจากนี้ ตลอดทั้งปี ธปท. ได้มีการให้ความรู้และกระตุ้นเตือนให้ผู้ประกอบการทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าเงินบาท

รวมถึงร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(เอ็กซิมแบงก์) และธนาคารพาณิชย์ในโครงการช่วยเหลือค่าธรรมเนียมสำหรับเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงค่าเงินให้กับ SMEs ที่เข้าคุณสมบัติ

ในระยะต่อไป คาดว่าแรงกดดันต่อค่าเงินบาทจากดุลบัญชีเดินสะพัดจะลดลง ตามแนวโน้มการบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่จะปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้การนำเข้าสูงขึ้น และทำให้ขนาดของดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง

อย่างไรก็ดีผู้ประกอบการไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางค่าเงินบาทมาจากค่าเงินดอลลาร์ซึ่งมีความไม่แน่นอนสูง ขนาดของดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นเพียงปัจจัยเสริม ผู้ประกอบการจึงควรทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าในด้านที่มิใช่ราคา ซึ่งเป็นวิธีรับมือกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดในระยะยาว

http://www.bangkokbiznews.com


เปิด 10 อันดับ ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 2561

หอการค้า เปิด 10 อันดับ ธุรกิจดาวรุ่ง-ดาวร่วง ปี 2561 ชี้ ธุรกิจเด่นอันดับ 1 คือ ธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและอุปกรณ์

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจการวิจัยทางธุรกิจ 10 อันดับธุรกิจเด่นปี 2561 พบว่า ธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีการสื่อสารและอุปกรณ์มีคะแนนมาเป็นอันดับ 1 จากนโยบายส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านอินเตอร์เน็ตในระดับท้องถิ่นของรัฐบาล, สังคมมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสังคมเมืองมากขึ้น, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบโทรคมนาคมของไทยที่มีประสิทธิภาพ

รองลงมาอันดับ 2 เป็นธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม อันดับ 3 เป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกมากขึ้น อันดับ 4 เป็นธุรกิจเครื่องสำอางค์และครีททาผิว อันดับ 5 ธุรกิจขนส่งและโลจิสตกิส์ และ ธุรกิจด้านปิโตเลีนมและพลาสติก อันดับ 6 ธุรกิจโมเดิร์นเทรด, ธุรกิจบริการทางด้านการเงิน, และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มแนวใหม่

อันดับ 7 ธุรกิจร้านขายยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ อันดับ 8 ธุรกิจด้านการศึกษา และธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อันดับ 9 ธุรกิจประกันภัย, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจด้านความเชื่อ และอันดับที่ 10 ธุรกิจก่อสร้าง และธุรกิจร้านเสริมสวย

โดยหอการค้าไทยมองปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ คือการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย ปี 2561 ที่ห้องการค้าไทยคาดว่าจะ มีอัตราการขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 ส่งผลให้ประชาชนมีโอกาสที่มีรายได้สูงขึ้น การลงทุนภาครัฐยังคงขยายตัวต่อเนื่อง การส่งออกขยายตัวตามฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า กำลังซื้อของประชาชนฐานรากมีเพิ่มมากขึ้นตามมาตรการสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงนโยบายในการส่งเสริมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐบาล

ส่วน 10 อันดับดาวร่วง ของปี 2561 ได้แก่ อันดับ 1 ธุรกิจหัตถกรรมที่ไม่มีนวัตกรรม อันดับ 2 ธุรกิจด้านการผลิตเหมืองแร่ อันดับ 3 ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์นิตยสาร และธุรกิจเช่าหนังสือ อันดับ 4 ธุรกิจผลิตและจำหน่ายซีดีและดีวีดี อันดับ 5 ธุรกิจให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน อันดับ 6 ธุรกิจเคเบิ้ลทีวี อันดับ 7 ธุรกิจผลิตสินค้าเกษตรยาง ปาล์ม ข้าว อันดับ 8 ธุรกิจร้านขายมือถือมือ 2 อันดับ 9 ธุรกิจร้านค้าแยบดั้งเดิม และอันดับ 10 ธุรกิจร้านอินเตอร์เน็ต

https://news.mthai.com


ห้างค้าปลีกทั่วไทยลดราคาสินค้ารับปีใหม่ตามนโยบายรัฐ 14 ธ.ค.นี้

ห้างค้าปลีกทั่วไทยลดราคาสินค้ารับปีใหม่ตามนโยบายรัฐ 14 ธ.ค.นี้

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงความพร้อม การจัดงานเทศกาล “รวมใจ เพิ่มสุข ช็อปสนุก ลดรับปีใหม่” ว่าได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ ห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ รวมกว่า 1 หมื่นแห่งทั่วประเทศ

โดยกิจกรรมครั้งนี้ ผู้ประกอบการจะนำสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งของใช้ประจำวันและสินค้าอื่นๆ มาลดราคาพิเศษ สูงสุดถึงร้อยละ 80 ในช่วงระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม ถึงวันที่ 4 มกราคม 2561

นายบุณยฤทธิ์ เชื่อมั่นว่า กิจกรรมครั้งนี้ จะสร้างความคึกคักในการจับจ่ายก่อนปีใหม่และหลังปีใหม่ รวมทั้งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี 2560 และช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย โดยขณะนี้ ทุกห้างร้าน ทุกสาขา ทั่วประเทศ ต่างจัดเตรียมสินค้าและแคมเปญต่างๆ ไว้ให้บริการกับประชาชนได้เลือกซื้อเรียบร้อยแล้ว

http://money.sanook.com


ม้มงคล ที่ควรนำวางไว้บนโต๊ะทำงาน เสริมดวง เพื่อความเป็นศิริมงคล!!

โต๊ะทำงาน เป็นพื้นที่ที่หนึ่งที่คนทำงานจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ เป็นเวลานานนับชม. หรือทั้งวันเลยทีเดียว ดังนั้นแล้วโต๊ะทำงานจึงควรจัดให้มีระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน และนอกจากนั้นแล้วการตกแต่งโต๊ะทำงานให้สวยงาม ก็ยังช่วยให้น่านั่งทำงานมากยิ่งขึ้น แถมยังทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้อีกด้วย

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากตกแต่งโต๊ะทำงานบ้าง แต่ไม่รู้จะตกแต่งอย่างไรดี ลองประดับโต๊ะด้วยต้นไม้ดูมั้ยคะ นอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศสดชื่นและดูดซับสารพิษได้แล้ว หากคุณเลือกเป็นต้นไม้มงคลต้นไม้เหล่านี้ยังมีความหมายดีๆ ให้ความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย วันนี้เราได้รวบรวม 10 ต้นไม้มงคล ที่ควรนำวางบนโต๊ะทำงาน เสริมดวงเฮง!! ไว้ให้คุณแล้ว น่าสนใจมากเลยทีเดียวใช่มั้ยคะ เช่นนั้นแล้วไปดูกันเลยค่ะ

1.ต้นกระบองเพชร

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 1.ต้นกระบองเพชร

 

พรรณไม้ขนาดเล็กถึงปานกลาง ลักษณะต้นเตี้ยๆ แลดูน่ารัก มีรูปทรงหลากหลายไม่ว่าจะเป็นทรงกลม ทรงเหลี่ยม หรือรูปร่างแปลกๆ แตกต่างกันออกไปแล้วแต่สายพันธุ์ มีประโยชน์ในการดูดคลื่นรังสีจากจอคอมพิวเตอร์เป็นไม้ประดับที่คงทน ปลูกง่าย แต่มีความเชื่อว่าไม่เหมาะแก่คนโสด เพราะจะทำให้ผิดหวังในความรัก

2. แก้วกาญจนา 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 2. แก้วกาญจนา 

เขียวหมื่นปี หรือ อโกลนีมา (Aglaonema) เป็นสกุลของพืชไม้ประดับที่มีความสวยงามที่ใบ ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งไม้ประดับ ทนกับความชื้นต่ำได้ดี อยู่ได้เป็นเดือนโดยไม่ต้องรดน้ำหรือได้รับแสงแดด เป็นไม้ที่อยู่ในร่มได้นาน จึงเหมาะกับคนที่งานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาดูแล

3. ไผ่กวนอิมเล็ก 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 3. ไผ่กวนอิมเล็ก

คนโบราณเชื่อกันว่าหากปลูกต้นไผ่กวนอิม จะช่วยทำให้คนในบ้านมีฐานะดี เงินทองไหลมาเทมาเรื่อยๆ แนะนำให้ปลูกในกระถางขนาดเล็กที่มีดินผสมกับปุ๋ยคอกและแกลบในอัตราส่วนที่เท่ากัน ตั้งให้โดนแดดเพียงเล็กน้อย และควรเปลี่ยนดินในกระถางทุกๆ ปี

4. ลิ้นมังกรแคระ  ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 4. ลิ้นมังกรแคระ

เป็นต้นไม้ที่ดูแลง่ายมาก สามารถอยู่ได้นานถึง 6-7 เดือนโดยไม่จำเป็นต้องรดน้ำ และที่สำคัญยังช่วยเพิ่มออกซิเจนในอากาศ และดูดสารพิษได้อย่างดี เมื่อนำมาวางที่โต๊ะทำงานก็จะช่วยป้องกันและต่อสู่กับสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามาเราได้

5. เฟิร์นเงิน 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 5. เฟิร์นเงิน

ถ้านำมาวางไว้ที่โต๊ะทำงาน จะมีประโยชน์ช่วยดูดซับความร้อนและปรับบรรยากาศให้สดชื่นขึ้นมาได้ มีความหมายเป็นสิริมงคล เชื่อกันว่าจะทำให้มีเงินไม่ขาดมืออีกด้วย ปลูกง่ายโดยการเติมน้ำในระดับโคนต้น พรมน้ำเบาๆ ระหว่างวัน และนำออกแดดสามครั้งต่อสัปดาห์

6. บอนสี

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 6. บอนสี

เป็นไม้ประดับที่แข็งแรง อยู่ในร่มได้ แต่ควรนำออกแดดบ้าง เวลารดน้ำควรรดให้อยู่ระดับโคนก็พอ ไม่เช่นนั้นใบไม้จะเน่าได้ ถือเป็นไม้มงคล ที่ช่วยคุ้มครองชีวิตจากภัยอันตรายต่างๆ ให้ชีวิตมีแต่ความสุข

7. สับปะรดสี 

สับปะรดสีโซเอ้ "zoe" พันธุ์เล็กใบลาย โคนใบแดง ,,สับปะรดสี

เป็นไม้ตระกูลสับปะรด มีใบและสีฉูดฉาดสวยงาม มีรากอากาศสามารถเจริญเติบโตขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ดินปลูก แค่เพียงได้รับแสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า ความสวยงามของสัปปะรดสี จะช่วยให้ผ่อนคลายสายตาได้ และเป็นมงคลตามความเชื่อว่า ทำให้ชีวิตราบรื่นไร้อุปสรรค

8. หน้าวัว 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 8. หน้าวัว

ไม้ประดับที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ มีสีสันสวยงาม เหมาะกับคนที่เครียดจากการทำงาน เมื่อได้มองแล้วจะสบายตา แต่บางความเชื่อบอกไว้ว่าสามารถช่วยเสริมดวงความรักได้ด้วย เหมาะกับปลูกในที่ที่มีอากาศเย็น ที่ร่ม และมีแสงรำไร

9. พลูด่าง

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 9. พลูด่าง

พันธุ์ไม้เลื้อยสวยงาม สามารถนำมาทำเป็นกระถางแขวนหรือใส่เป็นแจกันวางบนโต๊ะ ถ้านำไปไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงก็จะยิ่งดี เชื่อว่าเมื่อนำมาวางไว้ที่โต๊ะทำงาน ก็จะทำให้มีแต่คนรักคนหลง ทำให้อยู่เย็นเป็นสุขไม่มีทุกข์ร้อน อีกทั้งยังช่วยดูดซับสารพิษในอาคารอีกด้วย

10. ออมเงิน 

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ 10. ต้นออมเงิน

ต้นไม้ชนิดนี้เป็นพรรณไม้เลื้อย ต้องการแสงแดดจัด และต้องการน้ำมาก ลักษณะใบเป็นใบทรงกลมมน ปลายใบเรียวแหลม กลางใบเป็นสีขาวโดดเด่น เชื่อกันว่าเป็นต้นไม้มงคลที่จะช่วยส่งเสริมดวงทางด้านการเงิน

เปลี่ยนบรรยากาศบนโต๊ะทำงาน ที่มีแต่งานๆ ความรกรุงรัง ยุ่งเหยิง ให้มีความสวยงาม มีชีวิตชีวาด้วยต้นไม้มงคลกันค่ะ นอกจากจะดีต่อสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจแล้ว ยังส่งเสริมความเป็นมงคลให้ชีวิตเราอีกด้วย หากชอบต้นไหนก็ลองหามาประดับไว้บนโต๊ะทำงานกันเลยค่ะ

http://สาระน่ารู้.com


ราคาทองทุกชนิด ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ(Gold Traders Association) ประจำวันที่ 12/12/2560​

ชนิดความบริสุทธิ์ของทอง

ราคารับซื้อต่อกรัม

ราคารับซื้อ/บาท

ราคาขายออก/บาท

ทองคำแท่ง 96.5% n/a 19,200.00 19,300.00
ทองรูปพรรณ 96.5% 1,244.00 18,859.04 19,800.00
ทองรูปพรรณ 90% 1,119.60 16,973.14 n/a
ทองรูปพรรณ 50% 560.00 8,489.60 n/a
ทองรูปพรรณ 40% 435.00 6,594.60 n/a
ทองรูปพรรณ 99.99% 1,289.00 19,541.24 n/a

ราคาน้ำมัน  ประจำวันที่  12/12/2560

ราคาขายปลีมาตรฐาน ในเขต กทม. นนทบุรี
ปทุมธานี และสมุทรปราการ
หน่วย : บาท/ลิตร
ปตท. บางจาก เชลล์ เอสโซ่ ไออาร์พีซี / ทีพีไอ ภาคใต้เชื้อเพลิง ซัสโก้ ระยองเพียว ซัสโก้
ปตท
PTT
บางจาก
BCP
เชลล์
Shell
เอสโซ่
Esso
คาลเท็กซ์
C
altex
ไออาร์พีซี
IRPC
พีทีจี
เอนเนอยี่
PTG
ซัสโก้
Susco
ระยองเพียว
Pure
ซัสโก้ ดีลเลอร์
SUSCO Dealers
แก๊สโซฮอล 95 27.85 27.85 27.85 27.85 27.85
27.85
27.85
27.85
27.85
แก๊สโซฮอล E-20
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
25.34
แก๊สโซฮอล E-85 20.64 20.64 20.64 20.64
แก๊สโซฮอล 91 27.58 27.58 27.58 27.58 27.58 27.98 27.58 27.58 27.58 27.58
เบนซิน 95 34.96 35.41 35.46 34.96 34.96 34.96
ดีเซลหมุนเร็ว 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39 26.39
ดีเซลหมุนเร็ว พรีเมียม 29.39 30.07 30.26 30.26 30.07
มีผลตั้งแต่ 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00 08 Dec 05:00
Comments : Off
About the Author

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า