รับสร้างบ้านภูธรยังโต เศรษฐกิจซึมไม่กระทบ
ความต้องการปลูกสร้างบ้านตลาดภูธร ระดับกลาง-บนยังขยายตัวสูง เผยไตรมาส 3 ยังไปได้เศรษฐกิจซึมยาวยังไม่กระทบ ด้าน 3 สมาคมบ้านนำโครงการเทกระจาด
เศรษฐกิจชะลอตัวลงส่งผลให้ผู้บริโภคบางกลุ่มชะลอการตัดสินใจออกไป อย่างไรก็ตามตลาดรับสร้างบ้านยังมีสัญญาณที่ดี สะท้อนจากการจัดงานเอ็กซ์โป ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา มียอดขายเพียง 50% ทั้งนี้ นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ระบุว่า ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นที่น่าพอใจสามารถทำยอดขาย 2,640 ล้านบาท แม้เป็นตัวเลขที่น้อยกว่าที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามกำลังซื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มระดับกลาง-บนจากภูมิภาคต้องการปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง แม้ว่า เศรษฐกิจชะลอตัวแต่ไม่กระทบหากผู้บริโภคมีกำลังซื้อ
“พบข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นคือตัวเลขของผู้ที่ต้องการ สร้างบ้านในต่างจังหวัดมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งน่าจะมา จากความต้องการในตลาดต่างจังหวัดเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับเริ่มมีบริษัทรับสร้างบ้านมีการเปิดสาขาในต่างจังหวัด และมีบริษัทรับสร้างบ้านท้องถิ่นที่พัฒนาขึ้นมาเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ผู้บริโภคในต่างจังหวัดยังมีการเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้ผู้รับเหมาทั่วไป มาว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นผลมาจากการที่สมาคมพยายามพัฒนาผู้ประกอบการท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อดูถึงแนวโน้มความต้องการปลูกสร้างบ้าน ซึ่งเป็นการสำรวจผู้บริโภคที่เข้าชมงานพบว่า ส่วนใหญ่ต้องการปลูกสร้างบ้านภายใน 3-6 เดือนซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านด้วยเช่นกัน”
สำหรับ ระดับราคาบ้านที่ผู้บริโภคให้ความนิยม ได้แก่ 2.51-5 ล้านบาท มีสัดส่วนสูงที่สุด 40.1% รองลงมาคือบ้านระดับราคา 5.01-10 ล้านบาท 29.9% บ้านระดับราคา 10.01-20 ล้านบาท 13.2% ส่วนบ้านระดับราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท มีสัดส่วน 12.7% และ บ้านระดับราคา 20.01 ล้านบาทขึ้นไปมีสัดส่วน 4.1% โดยตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างแสดงให้เห็นว่าบ้านระดับกลางถึงบน มีกำลังซื้อที่หนาแน่นสุด เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ไม่มากนัก
ส่วนมูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านไตรมาสที่ 3 ปีนี้ มีทิศทางการปรับตัวที่ดีขึ้น สมาคมคาดว่ามูลค่าตลาดรวมของธุรกิจรับสร้างบ้านน่าจะยังเติบโตตามที่ประมาณการไว้ที่ประมาณ 5-8% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 12,500-13,000 ล้านบาท
ขณะกลางเดือนกันยายนนี้ จะมีมหกรรมบ้านและคอนโดฯครั้งใหญ่ พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งจัดโดย 3 สมาคมบ้าน ได้แก่ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุดไทย และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย นอกจาก ช่วยเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคแล้ว ยังกระตุ้นระบบเศรษฐกิจของประเทศให้ขับเคลื่อนไปด้วยกัน เช่น การออกแบบ ด้านสถาปัตยกรรม วิศวกรรม การจัดสรร การตกแต่งภายใน การก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างประเภทต่างๆ สถาบันการเงิน การโฆษณา ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
‘28 CHIDLOM’
คอลัมน์มุมบ้านใหม่
คอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี ที่ดินฟรีโฮลด์หนึ่งเดียวบนถนนชิดลม พัฒนาและก่อสร้างแล้วเสร็จโดยบริษัทSC Asset โดยโครงการ 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) เป็น 1 ใน 3 โครงการคอนโดฯ กลุ่ม Limited Luxury Collection โดดเด่นทั้งคอนเซ็ปต์และทำเลที่ตั้ง มูลค่าโครงการรวม 8 พันล้านบาท รวม 2 อาคาร แบ่งเป็น The Tower ขนาด 47 ชั้น จำนวน 243 ยูนิต รูปแบบห้องขนาด 1-3 ห้องนอน และแบบเพนต์เฮาส์ ขนาดพื้นที่ 40-200 ตารางเมตร
ขณะที่อาคาร The Villa ขนาด 20 ชั้น จำนวน 182 ยูนิต รูปแบบห้องตั้งแต่ขนาด 1-3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ 37-132 ตารางเมตร ราคาเริ่มที่ 12.5 ล้านบาท โดยจุดเด่นของรูปแบบอาคารมีเอกลักษณ์และแตกต่าง ลักษณะเสมือน Jewel-box หรือกล่องอัญมณี คล้ายรูปทรงสี่เหลี่ยมเรียงต่อแบบ Random ทำให้ตัวอาคารดูมีมิติ เน้นหน้าต่างบานใหญ่ทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถมองเห็นวิวเมืองอย่างเต็มที่ ทั้ง 2 อาคารมี Facilities แยกออกจากกันเพื่อรองรับการอยู่อาศัย
ทั้งสระว่ายนํ้าและฟิตเนส โดยอาคาร The Tower ยังมี Heated Spa Pool, Steam and Sauna ที่ชั้น 12 ส่วนอาคาร The Villa มี Reading Lounge ที่ชั้น Ground floor ท่ามกลางทำเลใจกลางเมือง ผู้พัฒนาจึงออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สัดส่วนมากถึง 2 ใน 3 ของพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมด เปิดรับเชื่อมต่อภายในและภายนอก ส่วนพื้นที่จอดรองรับ 2 ระบบ ทั้งแบบ conventional และแบบ auto parking
ด้านทำเลที่ตั้ง ถนนชิดลม ย่านไข่แดงของกรุงเทพฯ นับเป็นสุดยอดทำเลของไทย มีการซื้อขายที่ดินต่อตารางวาสูงสุดในประเทศ ทั้งยังมีความสำคัญเชิงธุรกิจและท่องเที่ยว รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ร้านอาหาร และแหล่งไลฟ์สไตล์สำคัญ สะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีเพลินจิต-ชิดลม ถนนหลากหลายเส้นทางทั้ง ราชดำริ ถนนชิดลม ถนนเพลินจิต ถนนหลังสวน และถนนวิทยุ ให้เอื้อต่อการเข้า-ออกเมืองอย่างง่ายดาย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ACE เตรียมขายไอพีโอ ไม่เกิน 1,818 ล้านหุ้น
ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 13 โครงการ กำลังผลิตติดตั้งรวม 211.18 เมกะวัตต์ เป้า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 67
น.ส.จิรฐา ทรงเมตตา ประธานกรรมการบริหาร นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ (ACE) ดร. วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม และน.ส.วีณา เลิศนิมิตร กรรมการ บล. ไทยพาณิชย์ ในฐานะ Sole Bookrunner และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม แนะนำธุรกิจ จุดแข็ง และโอกาสการเติบโตของ ACE ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาด
ปัจจุบัน ACE มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 13 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 211.18 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งสิ้น 166.5 เมกะวัตต์
มีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็นกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ในโอกาสที่บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอ ไม่เกิน 1,818 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 16.56 ของหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้
ขอบคุณข้อมูลจาก posttoday.com
ระวัง! การดื่มเครื่องดื่มไดเอท 2 แก้วต่อวัน เสี่ยงเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
การดื่ม เครื่องดื่มไดเอท (Diet Drink) วันละ 2 แก้วต่อวัน จะเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร จากการศึกษาวิจัยจากอาสาสมัครทั่วโลกกว่า 450,000 คน ทั้งหมด 10 ประเทศ พบว่าการดื่มน้ำอัดลมทุกประเภททุกวันนั้นมีโอกาสสูงที่จะทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร
งานวิจัยได้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร JAMA ซึ่งนี่เป็นการศึกษาวิจัยที่เชื่อมโยงระหว่างการดื่มน้ำอัดลมกับการเสียชีวิต ได้มีการศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้ในกลุ่มเล็กๆ แต่ไม่พบความแตกต่างมากมายนัก
งานวิจัยใหม่พบว่าผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มไดเอท 2 แก้ว หรือปริมาณมากกว่า 250 มิลลลิตรต่อวัน มีความเสี่ยงในการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึง 26% และมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นถึง 52%
ดร. นีล เมอร์ฟี หัวหน้าทีมการวิจัยกล่าวว่า ‘จากการสังเกตในงานวิจัยพบว่า การดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลและน้ำอัดลมน้ำตาลเทียม จะเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ’
ทั้งนี้การศึกษายังไม่ชัดเจนว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้ แต่ชี้ไปที่การศึกษาก่อนหน้าว่าสารให้ความหวานเทียมในเครื่องดื่มลดความอ้วนอาจทำให้เกิดการแพ้น้ำตาลกลูโคสและยังกระตุ้นระดับอินซูลินในเลือดให้สูงขึ้น ตอนนี้ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมถึงผลกระทบด้านสุขภาพในระยะยาวของการใช้สารให้ความหวานเทียมที่ใช้กันทั่วไปในน้ำอัดลม เช่น แอสปาร์แตม แอซีซัลเฟมโพแทสเซียม
นักวิทยาศาสตร์จากองค์การระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยโรคมะเร็ง กล่าวว่า มันจะเป็นการดีกว่าหากคุณจะลดการดื่มน้ำอัดลมแล้วดื่มน้ำเปล่าแทน
ศาสตราจารย์ มิทเชล เอลคินด์ ผู้เชี่ยวชาญโรคหลอดเลือดสมองกล่าวว่า ‘การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญมาก นี่เป็นการศึกษาวิจัยที่ใหญ่มากที่สุดอีกทั้งยังรวมกับอีกหลายประเทศ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและควรระวังเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเทียมด้วย น้ำเปล่าคือสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด คุณควรลดและเลิกดื่มเครื่องดื่มที่ผ่านกรรมวิธีให้หมด มันยากที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ผลจากการศึกษาวิจัยเช่นนี้จะช่วยคุณได้’
ศาสตราจารย์ เจเรมี เพียร์สัน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของ British Heart Foundation กล่าวว่า “เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเครื่องดื่มหวานๆ ไม่เพียงแต่ทำให้ฟันผุ แต่แคลอรี่จากน้ำตาลยังทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองอีกด้วย”
ขอบคุณข้อมูลจาก health.mthai.com
3 เด็กไทยฟอร์มเจ๋ง คว่ำคู่แข่งลิ่วตัดเชือกเทนนิสพีทีทีเอเชีย
“ปูนทอง โกมลพิสุทธิ์” หวดเอาชนะ “อันห์ พัม ลา ฮวง อันห์” จากเวียดนาม 2-0 เซต ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ศึกเทนนิสเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ…
วันที่ 11 ก.ย. 62 การแข่งขันเทนนิสเยาวชน รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี เก็บคะแนนสะสมเอเชีย รายการ “พีทีที เอเชียน โฟร์ทีน แอนด์ อันเดอร์ 2019” ครั้งที่ 4 ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี ประเภทชายเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ “ปูนทอง โกมลพิสุทธิ์” นักเทนนิสเยาวชนไทย คว้าชัยได้สำเร็จ หลังหวดเอาชนะ “อันห์ พัม ลา ฮวง อันห์” จากเวียดนาม 2-0 เซต 6-3 และ 7-6 ไทเบรก 7-5 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ไปพบกับ “ได คานห์ เหวียน” จากเวียดนาม ต่อไป
ทางด้าน “เปน จารุศร” มือวางอันดับ 6 ของรายการ แพ้ “ไฮนซ์ อัสลัน คาร์โบนิยา” จากฟิลิปปินส์ 0-2 เซต 4-6, 0-6 หยุดผลงานไว้ที่รอบก่อนรองชนะเลิศ
ขณะที่ประเภทหญิงเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ “กมลวรรณ ยอดเพ็ชร” เยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี เอาชนะ “นาตาชา หลุยส์ ตรัน ชวาสซี” จากเวียดนาม 2-0 เซต 7-6 ไทเบรก 8-6 และ 6-1 ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้เช่นกัน ซึ่งจะไปพบกับ อนาสตาซิยา อาซิมบาเยวา จากเติร์กเมนิสถาน ส่วน “มาหยา บุญญาอรุณเนตร” นักหวดเยาวชนไทยอีกราย โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยม ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้เช่นกัน เมื่อหวดเอาชนะ ชาร์ลอตต์ โยว จากสิงคโปร์ 2-0 เซต 7-6 ไทเบรก 7-5, 6-3 ซึ่งนัดตัดเชือก มาหยา จะพบกับ ฉาน ยู่ ฉี จากมาเลเซีย
ขอบคุณข้อมูลจาก thairath.co.th
เริ่มแล้ว!! เมดิคอลแฟร์ฯ ครั้งที่ 9 ชูนวัตกรรมรับอุตฯ ดูแลสุขภาพ
เริ่มแล้ว งานเมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ ครั้งที่ 9 พร้อมโชว์นวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการไบเทค บางนา
นพ.ประพนธ์ ตั้งศีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพของประเทศไทย ความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพในระดับภูมิภาคถูกกำหนดไว้โดยรัฐบาลไทยและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการแพทย์ งานแสดงสินค้าครั้งนี้เป็นแหล่งจัดหาและสร้างเครือข่ายชั้นนำเพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมและการดูแลสุขภาพตามที่มีการพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ถือว่าอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในการลงทุนและการพัฒนาต่อไปในอนาคต
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การจัดงานเมดิคอลแฟร์ ไทยแลนด์ เป็นงานที่ใหญ่ที่สุด โดยมีบริษัทเข้าร่วมกว่า 60 บริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 60% จากปี 2560 ครอบคลุมทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของอุปกรณ์การแพทย์และเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรค”
ด้าน ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) กล่าวเสริมว่า ภายในงานจะจัดแสดงสินค้าที่กำลังเป็นเทรนด์ที่ร้อนแรงที่สุดด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เช่น การพิมพ์ขาเทียม 3 มิติ, Wearable Technology และ Telemedicine และอีกส่วนหน่วยงานที่เข้าร่วมกับสนช. คือศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) นำเสนอภาคส่วนด้านชีววิทยาศาสตร์ที่กำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งและกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตอุปกรณ์การแทพย์และสุขภาพ (MEDIC) โดยจะรวมถึงผู้ผลิตน้ำยางรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ได้แก่บริษัท ศรีตรัง โกลฟส์
“ทั้งนี้ TCEB ได้ให้การสนับสนุนงานครั้งนี้ ในการขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ธุรกิจ MICE เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทย ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ MICE เข้ามาในประเทศถึง 1.25 ล้านคน ในปี 2561 ก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศ 9.5 หมื่นล้านบาท โดยการแสดงสินค้าในครั้งนี้ มีจำนวน 1,000 ราย จาก 60 ประเทศ และแสดงผลิตภัณฑ์มากกว่า 10,000 รายการ ซึ่งครอบคลุมไปถึงนวัตกรรมทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพที่เปิดโอกาสให้เกิดการพัฒนาด้านการแพทย์ อุปกรร์วินิจฉัยโรค ระบบการเฝ้าระวังผู้ป่วย วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ และโซลูชันสำหรับการดูแลสุขภาพแบบดิจิตอลในราคาที่เหมาะสม” กนกพร ดำรงกุล ผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) กล่าว
ขณะที่นายแกรน๊อต ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการบริษัทเมสเซ่ดุสเซลดอร์ฟเอเชียจำกัด (Messe Düsseldorf Asia) กล่าวว่า ภาคธุรกิจการแพทย์และการดูแลสุขภาพของไทยมีขนาดเติบโตขึ้นไม่ว่าจะเป็นด้านความซับซ้อนที่มากขึ้นและมีขนาดใหญ่ ซึ่งการจัดงานเมดิคอลแฟร์ฯ ครั้งแรกมีผู้ร่วมแสดงสินค้าเพียง 177 รายเท่านั้น แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็นกว่า 1,000 ราย ทำให้การจัดนิทรรศการครั้งนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยจัดมา โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานราว 12,000 คน จากหลายภาคส่วนในธุรกิจการแพทย์และการดูแลสุขภาพ ซึ่ง 40% จะเป็นผู้ชมงานจากต่างชาติ เนื่องจากงานแสดงสินค้าครั้งจะร่วมต้อนรับตัวแทนจากต่างประเทศ ประกอบด้วยตัวแทนจากประเทศอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น พม่า ไต้หวันและเวียดนาม อีกทั้งหลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป้นตัวแทนจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน องค์กรและหน่วยงานด้านการดูแลสุขภาพต่างๆ อีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก thansettakij.com
ชนิดทอง | ราคารับซื้อ กรัมละ | ราคารับซื้อ บาทละ | ราคาขาย บาทละ |
---|---|---|---|
ทองคำแท่ง 96.5% | n/a | 21,550.00 | 21,650.00 |
ทองรูปพรรณ 96.5% | 1,396.00 | 21,163.36 | 22,150.00 |
ทองรูปพรรณ 90% | 1,256.40 | 19,047.02 | n/a |
ทองรูปพรรณ 80% | 1,116.80 | 16,930.69 | n/a |
ทองรูปพรรณ 50% | 628.00 | 9,520.48 | n/a |
ทองรูปพรรณ 40% | 489.00 | 7,413.24 | n/a |
ทองรูปพรรณ 99.99% | 1,447.00 | 21,936.52 | n/a |
ราคาน้ำมัน ประจำวัน ราคาน้ำมันประจำวันที่ 12/09/2562
ปตท. |
บางจาก |
เชลล์ |
เอสโซ่ |
คาลเท็กซ์ |
ไออาร์พีซี |
พีที |
ซัสโก้ |
เพียว |
ซัสโก้ดีลเลอร์ |
|
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แก๊สโซฮอล์ 95 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 | 27.65 |
แก๊สโซฮอล์ 91 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 | 27.38 |
แก๊สโซฮอล์ E20 | 24.64 | 24.64 | 24.64 | 24.64 | 24.64 | – | 24.64 | 24.64 | 24.64 | 24.64 |
แก๊สโซฮอล์ E85 | 20.04 | 20.04 | – | – | – | – | – | 20.04 | – | – |
เบนซิน 95 | 35.06 | – | – | – | 35.51 | – | 35.56 | 35.36 | – | 35.36 |
ดีเซล | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 | 26.09 |
ดีเซลพรีเมี่ยม | 25.09 | 25.09 | – | – | – | – | – | – | – | – |
แก๊ส NGV | 15.66 | 15.66 | – | – | – | – | – | – | – | – |